Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๕. ฑฺตณฺหาสํโยชนสุตฺตวณฺณนา
5. Ḍtaṇhāsaṃyojanasuttavaṇṇanā
๑๕. ปญฺจเม ยสฺส วิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ ทุเกฺขหิ, กมฺมํ วา วิปาเกหิ, ภวโยนิคติวิญฺญาณฎฺฐิติสตฺตาวาเส วา ภวนฺตราทีหิ สํโยเชตีติ สํโยชนํฯ ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหา, ตสติ สยํ ปริตสติ, ตสนฺติ วา เอตายาติ ตณฺหาฯ สญฺญุตฺตาติ จกฺขาทีสุ อภินิเวสวตฺถูสุ พทฺธาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ กามเญฺจตฺถ อวิชฺชายปิ สํโยชนภาโว ตณฺหาย จ นีวรณภาโว อตฺถิเยว, ตถาปิ อวิชฺชาย ปฎิจฺฉาทิตาทีนเวหิ ภเวหิ ตณฺหา สเตฺต สํโยเชตีติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุริมสุเตฺต อวิชฺชา นีวรณภาเวน, อิธ จ ตณฺหา สํโยชนภาเวเนว วุตฺตาฯ กิญฺจ นีวรณสํโยชนปฺปธานสฺส ทสฺสนตฺถํฯ ยถา หิ นีวรณภาเวน อวิชฺชา สํกิเลสธมฺมานํ ปธานภูตา ปุพฺพงฺคมา จ, เอวํ สํโยชนภาเวน เนสํ ตณฺหาติ ตทธีนปฺปธานภาวํ ทเสฺสตุํ สุตฺตทฺวเย เอวเมเต ธมฺมา วุตฺตาฯ อปิจ วิเสเสน อวิชฺชา นิพฺพานสุขํ นิวาเรตีติ ‘‘นีวรณ’’นฺติ วุตฺตา, ตณฺหา สํสารทุเกฺขน สเตฺต สํโยเชตีติ ‘‘สํโยชน’’นฺติฯ
15. Pañcame yassa vijjati, taṃ puggalaṃ dukkhehi, kammaṃ vā vipākehi, bhavayonigativiññāṇaṭṭhitisattāvāse vā bhavantarādīhi saṃyojetīti saṃyojanaṃ. Taṇhāyanaṭṭhena taṇhā, tasati sayaṃ paritasati, tasanti vā etāyāti taṇhā. Saññuttāti cakkhādīsu abhinivesavatthūsu baddhā. Sesaṃ vuttanayameva. Kāmañcettha avijjāyapi saṃyojanabhāvo taṇhāya ca nīvaraṇabhāvo atthiyeva, tathāpi avijjāya paṭicchāditādīnavehi bhavehi taṇhā satte saṃyojetīti imassa visesassa dassanatthaṃ purimasutte avijjā nīvaraṇabhāvena, idha ca taṇhā saṃyojanabhāveneva vuttā. Kiñca nīvaraṇasaṃyojanappadhānassa dassanatthaṃ. Yathā hi nīvaraṇabhāvena avijjā saṃkilesadhammānaṃ padhānabhūtā pubbaṅgamā ca, evaṃ saṃyojanabhāvena nesaṃ taṇhāti tadadhīnappadhānabhāvaṃ dassetuṃ suttadvaye evamete dhammā vuttā. Apica visesena avijjā nibbānasukhaṃ nivāretīti ‘‘nīvaraṇa’’nti vuttā, taṇhā saṃsāradukkhena satte saṃyojetīti ‘‘saṃyojana’’nti.
ทสฺสนคมนนฺตรายกรณโต วา วิชฺชาจรณวิปกฺขโต ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํฯ วิชฺชาย หิ อุชุวิปจฺจนีกภูตา อวิชฺชา นิพฺพานทสฺสนสฺส อวิปรีตทสฺสนสฺส จ วิเสสโต อนฺตรายกรา, จรณธมฺมานํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา ตณฺหา คมนสฺส สมฺมาปฎิปตฺติยา อนฺตรายกราติ; เอวมยํ อวิชฺชาย นิวุโต อนฺธีกโต ตณฺหาย สํวุโต พโทฺธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อโนฺธ วิย พโทฺธ มหากนฺตารํ, สํสารกนฺตารํ นาติวตฺตติฯ อนตฺถุปฺปตฺติเหตุทฺวยทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํฯ อวิชฺชาคโต หิ ปุคฺคโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถญฺจ อตฺตโน กโรติ, อกุสโล วิย อาตุโร อสปฺปายกิริยายฯ ชานโนฺตปิ พาโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถญฺจ กโรติ ชานโนฺต วิย โรคี อสปฺปายเสวีฯ มกฺกฎาเลโปปมสุตฺตํ เจตสฺส อตฺถสฺส สาธกํฯ
Dassanagamanantarāyakaraṇato vā vijjācaraṇavipakkhato dvayaṃ dvidhā vuttaṃ. Vijjāya hi ujuvipaccanīkabhūtā avijjā nibbānadassanassa aviparītadassanassa ca visesato antarāyakarā, caraṇadhammānaṃ ujuvipaccanīkabhūtā taṇhā gamanassa sammāpaṭipattiyā antarāyakarāti; evamayaṃ avijjāya nivuto andhīkato taṇhāya saṃvuto baddho assutavā puthujjano andho viya baddho mahākantāraṃ, saṃsārakantāraṃ nātivattati. Anatthuppattihetudvayadassanatthampi dvayaṃ dvidhā vuttaṃ. Avijjāgato hi puggalo bālabhāvena atthaṃ parihāpeti, anatthañca attano karoti, akusalo viya āturo asappāyakiriyāya. Jānantopi bālo bālabhāvena atthaṃ parihāpeti, anatthañca karoti jānanto viya rogī asappāyasevī. Makkaṭālepopamasuttaṃ cetassa atthassa sādhakaṃ.
ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลการณทสฺสนตฺถเมฺปตฺถ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํฯ วิเสเสน หิ สโมฺมหสฺส พลวภาวโต อวิชฺชาเขตฺตํ อตีโต อทฺธา, ปตฺถนาย พลวภาวโต ตณฺหาเขตฺตํ อนาคโต อทฺธาฯ ตถา หิ พาลชโน สโมฺมหพหุโล อตีตมนุโสจติ, ตสฺส อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ สพฺพํ เนตพฺพํฯ ปตฺถนาพหุโล อนาคตํ ปชปฺปติ, ตสฺส ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติอาทิ สพฺพํ เนตพฺพํฯ เตเนว ตาสํ ปุพฺพนฺตาหรเณน อปรนฺตปฎิสนฺธาเนน จสฺส ยถากฺกมํ มูลการณตา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพนฺติฯ
Paṭiccasamuppādassa mūlakāraṇadassanatthampettha dvayaṃ dvidhā vuttaṃ. Visesena hi sammohassa balavabhāvato avijjākhettaṃ atīto addhā, patthanāya balavabhāvato taṇhākhettaṃ anāgato addhā. Tathā hi bālajano sammohabahulo atītamanusocati, tassa avijjāpaccayā saṅkhārāti sabbaṃ netabbaṃ. Patthanābahulo anāgataṃ pajappati, tassa taṇhāpaccayā upādānantiādi sabbaṃ netabbaṃ. Teneva tāsaṃ pubbantāharaṇena aparantapaṭisandhānena cassa yathākkamaṃ mūlakāraṇatā dassitāti veditabbanti.
คาถาสุ ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโยฯ ตณฺหา หิ นิรุทกกนฺตาเร มรีจิกาย อุทกสญฺญา วิย ปิปาสาภิภูตํ อปฺปฎิการทุกฺขาภิภูตมฺปิ สตฺตํ อสฺสาทสนฺทสฺสนวเสน สหายกิจฺจํ กโรนฺตี ภวาทีสุ อนิพฺพินฺทํ กตฺวา ปริพฺภมาเปติ, ตสฺมา ตณฺหา ปุริสสฺส ‘‘ทุติยา’’ติ วุตฺตาฯ นนุ จ อเญฺญปิ กิเลสาทโย ภวาภินิพฺพตฺติยา ปจฺจยาว? สจฺจเมตํ, น ปน ตถา วิเสสปฺปจฺจโย ยถา ตณฺหาฯ ตถา หิ สา กุสเลหิ วินา อกุสเลหิ, กามาวจราทิกุสเลหิ จ วินา รูปาวจราทิกุสเลหิ ภวนิพฺพตฺติยา วิเสสปฺปจฺจโย, ยโต สมุทยสจฺจนฺติ วุจฺจตีติฯ อิตฺถภาวญฺญถาภาวนฺติ อิตฺถภาโว จ อญฺญถาภาโว จ อิตฺถภาวญฺญถาภาโวฯ โส เอตสฺส อตฺถีติ อิตฺถภาวญฺญถาภาโว สํสาโร, ตํ ตตฺถ อิตฺถภาโว มนุสฺสตฺตํ, อญฺญถาภาโว ตโต อวสิฎฺฐสตฺตาวาสาฯ อิตฺถภาโว วา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตภาโว, อญฺญถาภาโว อนาคตตฺตภาโวฯ เอวรูโป วา อโญฺญปิ อตฺตภาโว อิตฺถภาโว, น เอวรูโป อญฺญถาภาโวฯ ตํ อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ สํสารํ ขนฺธธาตุอายตนปฎิปาฎิํ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมติฯ
Gāthāsu taṇhādutiyoti taṇhāsahāyo. Taṇhā hi nirudakakantāre marīcikāya udakasaññā viya pipāsābhibhūtaṃ appaṭikāradukkhābhibhūtampi sattaṃ assādasandassanavasena sahāyakiccaṃ karontī bhavādīsu anibbindaṃ katvā paribbhamāpeti, tasmā taṇhā purisassa ‘‘dutiyā’’ti vuttā. Nanu ca aññepi kilesādayo bhavābhinibbattiyā paccayāva? Saccametaṃ, na pana tathā visesappaccayo yathā taṇhā. Tathā hi sā kusalehi vinā akusalehi, kāmāvacarādikusalehi ca vinā rūpāvacarādikusalehi bhavanibbattiyā visesappaccayo, yato samudayasaccanti vuccatīti. Itthabhāvaññathābhāvanti itthabhāvo ca aññathābhāvo ca itthabhāvaññathābhāvo. So etassa atthīti itthabhāvaññathābhāvo saṃsāro, taṃ tattha itthabhāvo manussattaṃ, aññathābhāvo tato avasiṭṭhasattāvāsā. Itthabhāvo vā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ paccuppanno attabhāvo, aññathābhāvo anāgatattabhāvo. Evarūpo vā aññopi attabhāvo itthabhāvo, na evarūpo aññathābhāvo. Taṃ itthabhāvaññathābhāvaṃ saṃsāraṃ khandhadhātuāyatanapaṭipāṭiṃ nātivattati, na atikkamati.
เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ เอตํ สกลวฎฺฎทุกฺขสฺส สมฺภวํ สมุทยํ ตณฺหํ อาทีนวํ อาทีนวโต ญตฺวาติ อโตฺถฯ อถ วา เอตมาทีนวํ ญตฺวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ สํสารนาติวตฺตนํ อาทีนวํ โทสํ ญตฺวาฯ ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ตณฺหญฺจ วุตฺตนเยน วฎฺฎทุกฺขสฺส ปธานการณนฺติ ญตฺวาฯ วีตตโณฺห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ, ปริพฺพเชติ เอวํ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา ตณฺหํ วิคเมโนฺต อคฺคมเคฺคน สพฺพโส วีตตโณฺห วิคตตโณฺห, ตโต เอว จตูสุ อุปาทาเนสุ กสฺสจิปิ อภาเวน อายติํ ปฎิสนฺธิสงฺขาตสฺส วา อาทานสฺส อภาเวน อนาทาโน, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถ สโตการิตาย สโต ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ ปริพฺพเช จเรยฺย, ขนฺธปรินิพฺพาเนน วา สงฺขารปฺปวตฺติโต อปคเจฺฉยฺยาติ อโตฺถฯ
Etamādīnavaṃ ñatvā, taṇhaṃ dukkhassa sambhavanti etaṃ sakalavaṭṭadukkhassa sambhavaṃ samudayaṃ taṇhaṃ ādīnavaṃ ādīnavato ñatvāti attho. Atha vā etamādīnavaṃ ñatvāti etaṃ yathāvuttaṃ saṃsāranātivattanaṃ ādīnavaṃ dosaṃ ñatvā. Taṇhaṃ dukkhassa sambhavanti taṇhañca vuttanayena vaṭṭadukkhassa padhānakāraṇanti ñatvā. Vītataṇho anādāno, sato bhikkhu, paribbajeti evaṃ tīhi pariññāhi parijānanto vipassanaṃ vaḍḍhetvā maggapaṭipāṭiyā taṇhaṃ vigamento aggamaggena sabbaso vītataṇho vigatataṇho, tato eva catūsu upādānesu kassacipi abhāvena āyatiṃ paṭisandhisaṅkhātassa vā ādānassa abhāvena anādāno, sativepullappattiyā sabbattha satokāritāya sato bhinnakileso bhikkhu paribbaje careyya, khandhaparinibbānena vā saṅkhārappavattito apagaccheyyāti attho.
ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๕. ตณฺหาสํโยชนสุตฺตํ • 5. Taṇhāsaṃyojanasuttaṃ