Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
๔๒๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ ทุพฺพจสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ อนาจารํ อาจรตีติ อเนกปฺปการํ กายวจีทฺวารวีติกฺกมํ กโรติฯ กิํ นุ โข นามาติ วมฺภนวจนเมตํฯ อหํ โข นามาติ อุกฺกํสวจนํฯ ตุเมฺห วเทยฺยนฺติ ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ มา กโรถา’’ติ อหํ ตุเมฺห วตฺตุํ อรหามีติ ทเสฺสติฯ กสฺมาติ เจ? ยสฺมา อมฺหากํ พุโทฺธ ภควา กณฺฎกํ อารุยฺห มยา สทฺธิํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโตติเอวมาทิมตฺถํ สนฺธายาหฯ ‘‘อมฺหากํ ธโมฺม’’ติ วตฺวา ปน อตฺตโน สนฺตกภาเว ยุตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อมฺหากํ อยฺยปุเตฺตน ธโมฺม อภิสมิโต’’ติ อาหฯ ยสฺมา อมฺหากํ อยฺยปุเตฺตน จตุสจฺจธโมฺม ปฎิวิโทฺธ, ตสฺมา ธโมฺมปิ อมฺหากนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สงฺฆํ ปน อตฺตโน เวริปเกฺข ฐิตํ มญฺญมาโน อมฺหากํ สโงฺฆติ น วทติฯ อุปมํ ปน วตฺวา สงฺฆํ อปสาเทตุกาโม ‘‘เสยฺยถาปิ นามา’’ติอาทิมาหฯ ติณกฎฺฐปณฺณสฎนฺติ ตตฺถ ตตฺถ ปติตํ ติณกฎฺฐปณฺณํฯ อถ วา ติณญฺจ นิสฺสารกํ ลหุกํ กฎฺฐญฺจ ติณกฎฺฐํฯ ปณฺณสฎนฺติ ปุราณปณฺณํฯ อุสฺสาเรยฺยาติ ราสิํ กเรยฺยฯ
424.Tena samayena buddho bhagavāti dubbacasikkhāpadaṃ. Tattha anācāraṃ ācaratīti anekappakāraṃ kāyavacīdvāravītikkamaṃ karoti. Kiṃ nu kho nāmāti vambhanavacanametaṃ. Ahaṃ kho nāmāti ukkaṃsavacanaṃ. Tumhe vadeyyanti ‘‘idaṃ karotha, idaṃ mā karothā’’ti ahaṃ tumhe vattuṃ arahāmīti dasseti. Kasmāti ce? Yasmā amhākaṃ buddho bhagavā kaṇṭakaṃ āruyha mayā saddhiṃ nikkhamitvā pabbajitotievamādimatthaṃ sandhāyāha. ‘‘Amhākaṃ dhammo’’ti vatvā pana attano santakabhāve yuttiṃ dassento ‘‘amhākaṃ ayyaputtena dhammo abhisamito’’ti āha. Yasmā amhākaṃ ayyaputtena catusaccadhammo paṭividdho, tasmā dhammopi amhākanti vuttaṃ hoti. Saṅghaṃ pana attano veripakkhe ṭhitaṃ maññamāno amhākaṃ saṅghoti na vadati. Upamaṃ pana vatvā saṅghaṃ apasādetukāmo ‘‘seyyathāpi nāmā’’tiādimāha. Tiṇakaṭṭhapaṇṇasaṭanti tattha tattha patitaṃ tiṇakaṭṭhapaṇṇaṃ. Atha vā tiṇañca nissārakaṃ lahukaṃ kaṭṭhañca tiṇakaṭṭhaṃ. Paṇṇasaṭanti purāṇapaṇṇaṃ. Ussāreyyāti rāsiṃ kareyya.
ปพฺพเตยฺยาติ ปพฺพตปฺปภวา, สา หิ สีฆโสตา โหติ, ตสฺมา ตเมว คณฺหาติฯ สงฺขเสวาลปณกนฺติ เอตฺถ สโงฺขติ ทีฆมูลโก ปณฺณเสวาโล วุจฺจติฯ เสวาโลติ นีลเสวาโล, อวเสโส อุทกปปฺปฎกติลพีชกาทิ สโพฺพปิ ปณโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ เอกโต อุสฺสาริตาติ เอกฎฺฐาเน เกนาปิ สมฺปิณฺฑิตา ราสีกตาติ ทเสฺสติฯ
Pabbateyyāti pabbatappabhavā, sā hi sīghasotā hoti, tasmā tameva gaṇhāti. Saṅkhasevālapaṇakanti ettha saṅkhoti dīghamūlako paṇṇasevālo vuccati. Sevāloti nīlasevālo, avaseso udakapappaṭakatilabījakādi sabbopi paṇakoti saṅkhyaṃ gacchati. Ekato ussāritāti ekaṭṭhāne kenāpi sampiṇḍitā rāsīkatāti dasseti.
๔๒๕-๖. ทุพฺพจชาติโกติ ทุพฺพจสภาโว วตฺตุํ อสกฺกุเณโยฺยติ อโตฺถฯ ปทภาชเนปิสฺส ทุพฺพโจติ ทุเกฺขน กิเจฺฉน วทิตโพฺพ, น สกฺกา สุเขน วตฺตุนฺติ อโตฺถฯ โทวจสฺสกรเณหีติ ทุพฺพจภาวกรณีเยหิ, เย ธมฺมา ทุพฺพจํ ปุคฺคลํ กโรนฺติ, เตหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ เต ปน ‘‘กตเม จ, อาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิโจฺฉ โหตี’’ติอาทินา นเยน ปฎิปาฎิยา อนุมานสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๑๘๑) อาคตา ปาปิจฺฉตา, อตฺตุกฺกํสกปรวมฺภกตา, โกธนตา, โกธเหตุ อุปนาหิตา, โกธเหตุอภิสงฺคิตา, โกธเหตุโกธสามนฺตวาจานิจฺฉารณตา, โจทกํ ปฎิปฺผรณตา, โจทกํ อปสาทนตา, โจทกสฺส ปจฺจาโรปนตา, อเญฺญน อญฺญํปฎิจรณตา , อปทาเนน น สมฺปายนตา, มกฺขิปฬาสิตา, อิสฺสุกีมจฺฉริตา, สฐมายาวิตา, ถทฺธาติมานิตา, สนฺทิฎฺฐิปรามาสิอาธานคฺคหิทุปฺปฎินิสฺสคฺคิตาติ เอกูนวีสติ ธมฺมา เวทิตพฺพาฯ
425-6.Dubbacajātikoti dubbacasabhāvo vattuṃ asakkuṇeyyoti attho. Padabhājanepissa dubbacoti dukkhena kicchena vaditabbo, na sakkā sukhena vattunti attho. Dovacassakaraṇehīti dubbacabhāvakaraṇīyehi, ye dhammā dubbacaṃ puggalaṃ karonti, tehi samannāgatoti attho. Te pana ‘‘katame ca, āvuso, dovacassakaraṇā dhammā? Idhāvuso, bhikkhu pāpiccho hotī’’tiādinā nayena paṭipāṭiyā anumānasutte (ma. ni. 1.181) āgatā pāpicchatā, attukkaṃsakaparavambhakatā, kodhanatā, kodhahetu upanāhitā, kodhahetuabhisaṅgitā, kodhahetukodhasāmantavācānicchāraṇatā, codakaṃ paṭippharaṇatā, codakaṃ apasādanatā, codakassa paccāropanatā, aññena aññaṃpaṭicaraṇatā , apadānena na sampāyanatā, makkhipaḷāsitā, issukīmaccharitā, saṭhamāyāvitā, thaddhātimānitā, sandiṭṭhiparāmāsiādhānaggahiduppaṭinissaggitāti ekūnavīsati dhammā veditabbā.
โอวาทํ นกฺขมติ น สหตีติ อกฺขโมฯ ยถานุสิฎฺฐํ อปฺปฎิปชฺชนโต ปทกฺขิเณน อนุสาสนิํ น คณฺหาตีติ อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํฯ
Ovādaṃ nakkhamati na sahatīti akkhamo. Yathānusiṭṭhaṃ appaṭipajjanato padakkhiṇena anusāsaniṃ na gaṇhātīti appadakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ.
อุเทฺทสปริยาปเนฺนสูติ อุเทฺทเส ปริยาปเนฺนสุ อโนฺตคเธสุฯ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติ เอวํ สงฺคหิตตฺตา อโนฺต ปาติโมกฺขสฺส วตฺตมาเนสูติ อโตฺถฯ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโนติ สหธมฺมิเกน วุจฺจมาโน กรณเตฺถ อุปโยควจนํ, ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เตสํ วา สนฺตกตฺตา สหธมฺมิกนฺติ ลทฺธนาเมน พุทฺธปญฺญเตฺตน สิกฺขาปเทน วุจฺจมาโนติ อโตฺถฯ
Uddesapariyāpannesūti uddese pariyāpannesu antogadhesu. ‘‘Yassa siyā āpatti, so āvikareyyā’’ti evaṃ saṅgahitattā anto pātimokkhassa vattamānesūti attho. Sahadhammikaṃ vuccamānoti sahadhammikena vuccamāno karaṇatthe upayogavacanaṃ, pañcahi sahadhammikehi sikkhitabbattā tesaṃ vā santakattā sahadhammikanti laddhanāmena buddhapaññattena sikkhāpadena vuccamānoti attho.
วิรมถายสฺมโนฺต มม วจนายาติ เยน วจเนน มํ วทถ, ตโต มม วจนโต วิรมถฯ มา มํ ตํ วจนํ วทถาติ วุตฺตํ โหติฯ
Viramathāyasmanto mama vacanāyāti yena vacanena maṃ vadatha, tato mama vacanato viramatha. Mā maṃ taṃ vacanaṃ vadathāti vuttaṃ hoti.
วทตุ สหธเมฺมนาติ สหธมฺมิเกน สิกฺขาปเทน สหธเมฺมน วา อเญฺญนปิ ปาสาทิกภาวสํวตฺตนิเกน วจเนน วทตุฯ ยทิทนฺติ วุฑฺฒิการณนิทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ เตน ‘‘ยํ อิทํ อญฺญมญฺญสฺส หิตวจนํ อาปตฺติโต วุฎฺฐาปนญฺจ เตน อญฺญมญฺญวจเนน อญฺญมญฺญวุฎฺฐาปเนน จ สํวฑฺฒา ปริสา’’ติ เอวํ ปริสาย วุฑฺฒิการณํ ทสฺสิตํ โหติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Vadatu sahadhammenāti sahadhammikena sikkhāpadena sahadhammena vā aññenapi pāsādikabhāvasaṃvattanikena vacanena vadatu. Yadidanti vuḍḍhikāraṇanidassanatthe nipāto. Tena ‘‘yaṃ idaṃ aññamaññassa hitavacanaṃ āpattito vuṭṭhāpanañca tena aññamaññavacanena aññamaññavuṭṭhāpanena ca saṃvaḍḍhā parisā’’ti evaṃ parisāya vuḍḍhikāraṇaṃ dassitaṃ hoti. Sesaṃ sabbattha uttānameva.
สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมสงฺฆเภทสทิสาเนวาติฯ
Samuṭṭhānādīni paṭhamasaṅghabhedasadisānevāti.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทํ • 12. Dubbacasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā