Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา
12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
๔๒๔. ทฺวาทสเม วมฺภนวจนนฺติ ครหวจนํฯ อปสาเทตุกาโมติ ขิปิตุกาโม, ตเชฺชตุกาโม วา, ฆเฎฺฎตุกาโมติ วุตฺตํ โหติฯ สฎสโทฺท ปติตสเทฺทน สมานโตฺถฯ วิเสสนสฺส จ ปรนิปาตํ กตฺวา ติณกฎฺฐปณฺณสฎนฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปติตํ ติณกฎฺฐปณฺณ’’นฺติฯ เกนาปีติ วาตสทิเสน นทีสทิเสน จ เกนาปิฯ
424. Dvādasame vambhanavacananti garahavacanaṃ. Apasādetukāmoti khipitukāmo, tajjetukāmo vā, ghaṭṭetukāmoti vuttaṃ hoti. Saṭasaddo patitasaddena samānattho. Visesanassa ca paranipātaṃ katvā tiṇakaṭṭhapaṇṇasaṭanti vuttanti āha ‘‘tattha tattha patitaṃ tiṇakaṭṭhapaṇṇa’’nti. Kenāpīti vātasadisena nadīsadisena ca kenāpi.
๔๒๕-๔๒๖. วตฺตุํ อสกฺกุเณโยฺยติ กิสฺมิญฺจิ วุจฺจมาเน อสหนโต โอวทิตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมิํ วิปฺปฎิกูลคฺคาเห วิปจฺจนีกวาเท อนาทเร ปุคฺคเลติ ทุพฺพโจฯ เตนาห ‘‘ทุเกฺขน กิเจฺฉน วทิตโพฺพ’’ติอาทิฯ ทุพฺพจภาวกรณีเยหีติ ทุพฺพจภาวการเกหิฯ กตฺตุอเตฺถ อนียสโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘เย ธมฺมา ทุพฺพจํ ปุคฺคลํ กโรนฺตี’’ติอาทิฯ ปาปิกา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฎิคฺคหเณ จ อมตฺตญฺญุตา ปาปิจฺฉตาติ เวทิตพฺพาฯ อตฺตุกฺกํสกา จ เต ปรวมฺภกา จาติ อตฺตุกฺกํสกปรวมฺภกาฯ เย อตฺตานํ อุกฺกํสนฺติ อุกฺขิปนฺติ อุเจฺจ ฐาเน ฐเปนฺติ, ปรญฺจ วเมฺภนฺติ ครหนฺติ นีเจ ฐาเน ฐเปนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํฯ เตสํ ภาโว อตฺตุกฺกํสกปรวมฺภกตาฯ กุชฺฌนสีโล โกธโน, ตสฺส ภาโว โกธนตาฯ กุชฺฌนลกฺขณสฺส โกธเสฺสตํ อธิวจนํฯ
425-426.Vattuṃ asakkuṇeyyoti kismiñci vuccamāne asahanato ovadituṃ asakkuṇeyyo. Dukkhaṃ vaco etasmiṃ vippaṭikūlaggāhe vipaccanīkavāde anādare puggaleti dubbaco. Tenāha ‘‘dukkhena kicchena vaditabbo’’tiādi. Dubbacabhāvakaraṇīyehīti dubbacabhāvakārakehi. Kattuatthe anīyasaddo daṭṭhabbo. Tenevāha ‘‘ye dhammā dubbacaṃ puggalaṃ karontī’’tiādi. Pāpikā icchā etassāti pāpiccho, tassa bhāvo pāpicchatā, asantaguṇasambhāvanatā paṭiggahaṇe ca amattaññutā pāpicchatāti veditabbā. Attukkaṃsakā ca te paravambhakā cāti attukkaṃsakaparavambhakā. Ye attānaṃ ukkaṃsanti ukkhipanti ucce ṭhāne ṭhapenti, parañca vambhenti garahanti nīce ṭhāne ṭhapenti, tesametaṃ adhivacanaṃ. Tesaṃ bhāvo attukkaṃsakaparavambhakatā. Kujjhanasīlo kodhano, tassa bhāvo kodhanatā. Kujjhanalakkhaṇassa kodhassetaṃ adhivacanaṃ.
ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโหติ อาห ‘‘โกธเหตุ อุปนาหิตา’’ติฯ ตตฺถ อุปนหนสีโล, อุปนาโห วา เอตสฺส อตฺถีติ อุปนาหี, ตสฺส ภาโว อุปนาหิตาฯ ปุนปฺปุนํ จิตฺตปริโยนทฺธลกฺขณสฺส โกธเสฺสเวตํ อธิวจนํฯ สกิญฺหิ อุปฺปโนฺน โกโธ โกโธเยว, ตตุตฺตริ อุปนาโหฯ อภิสโงฺคติ ทุโมฺมจนีโย พลวอุปนาโหฯ โส อสฺส อตฺถีติ อภิสงฺคี, ตสฺส ภาโว อภิสงฺคิตาฯ ทุโมฺมจนียสฺส พลวอุปนาหเสฺสตํ อธิวจนํฯ โจทกํ ปฎิปฺผรณตาติ โจทกสฺส ปฎิวิรุเทฺธน ปจฺจนีเกน หุตฺวา อวฎฺฐานํฯ โจทกํ อปสาทนตาติ ‘‘กิํ นุ โข ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน, ตฺวมฺปิ นาม ภณิตพฺพํ มญฺญิสฺสสี’’ติ เอวํ โจทกสฺส ฆฎฺฎนาฯ โจทกสฺส ปจฺจาโรปนตาติ ‘‘ตฺวมฺปิ โขสิ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตํ ตาว ปฎิกโรหี’’ติ เอวํ โจทกสฺส อุปริ ปฎิอาโรปนตาฯ
Pubbakāle kodho, aparakāle upanāhoti āha ‘‘kodhahetu upanāhitā’’ti. Tattha upanahanasīlo, upanāho vā etassa atthīti upanāhī, tassa bhāvo upanāhitā. Punappunaṃ cittapariyonaddhalakkhaṇassa kodhassevetaṃ adhivacanaṃ. Sakiñhi uppanno kodho kodhoyeva, tatuttari upanāho. Abhisaṅgoti dummocanīyo balavaupanāho. So assa atthīti abhisaṅgī, tassa bhāvo abhisaṅgitā. Dummocanīyassa balavaupanāhassetaṃ adhivacanaṃ. Codakaṃ paṭippharaṇatāti codakassa paṭiviruddhena paccanīkena hutvā avaṭṭhānaṃ. Codakaṃ apasādanatāti ‘‘kiṃ nu kho tuyhaṃ bālassa abyattassa bhaṇitena, tvampi nāma bhaṇitabbaṃ maññissasī’’ti evaṃ codakassa ghaṭṭanā. Codakassa paccāropanatāti ‘‘tvampi khosi itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno, taṃ tāva paṭikarohī’’ti evaṃ codakassa upari paṭiāropanatā.
อเญฺญน อญฺญํ ปฎิจรณตาติ อเญฺญน การเณน, วจเนน วา อญฺญสฺส การณสฺส, วจนสฺส วา ปฎิจฺฉาทนวเสน จรณตาฯ ปฎิจฺฉาทนโตฺถ เอว วา จรสโทฺท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ ปฎิจฺฉาทนตาติ อโตฺถฯ ตาย สมนฺนาคโต หิ ปุคฺคโล ยํ โจทเกน โทสวิภาวนการณํ, วจนํ วา วุตฺตํ, ตํ ตโต อเญฺญเนว โจทนาย อมูลิกภาวทีปเนน การเณน, ตทตฺถโพธเกน วจเนน วา ปฎิจฺฉาเทติฯ ‘‘อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ วุเตฺต ‘‘โก อาปโนฺน, กิํ อาปโนฺน, กิสฺมิํ อาปโนฺน, กํ ภณถ, กิํ ภณถา’’ติ วา วตฺวา ‘‘เอวรูปํ กิญฺจิ ตยา ทิฎฺฐ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘น สุณามี’’ติ โสตํ วา อุปนาเมตฺวา วิเกฺขปํ กโรโนฺตปิ อเญฺญนญฺญํ ปฎิจฺฉาเทติฯ ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ ปุเฎฺฐ ‘‘ปาฎลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฎลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺติํ ปุจฺฉามา’’ติ วุเตฺต ตโต ‘‘ราชคหํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณคหํ วา, อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ วุเตฺต ‘‘ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา พหิทฺธา กถาวิกฺขิปนมฺปิ อตฺถโต อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรณเมวาติ วิสุํ น คหิตํฯ
Aññena aññaṃ paṭicaraṇatāti aññena kāraṇena, vacanena vā aññassa kāraṇassa, vacanassa vā paṭicchādanavasena caraṇatā. Paṭicchādanattho eva vā carasaddo anekatthattā dhātūnanti paṭicchādanatāti attho. Tāya samannāgato hi puggalo yaṃ codakena dosavibhāvanakāraṇaṃ, vacanaṃ vā vuttaṃ, taṃ tato aññeneva codanāya amūlikabhāvadīpanena kāraṇena, tadatthabodhakena vacanena vā paṭicchādeti. ‘‘Āpattiṃ āpannosī’’ti vutte ‘‘ko āpanno, kiṃ āpanno, kismiṃ āpanno, kaṃ bhaṇatha, kiṃ bhaṇathā’’ti vā vatvā ‘‘evarūpaṃ kiñci tayā diṭṭha’’nti vutte ‘‘na suṇāmī’’ti sotaṃ vā upanāmetvā vikkhepaṃ karontopi aññenaññaṃ paṭicchādeti. ‘‘Itthannāmaṃ āpattiṃ āpannosī’’ti puṭṭhe ‘‘pāṭaliputtaṃ gatomhī’’ti vatvā puna ‘‘na tava pāṭaliputtagamanaṃ pucchāma, āpattiṃ pucchāmā’’ti vutte tato ‘‘rājagahaṃ gatomhī’’ti vatvā ‘‘rājagahaṃ vā yāhi brāhmaṇagahaṃ vā, āpattiṃ āpannosī’’ti vutte ‘‘tattha me sūkaramaṃsaṃ laddha’’ntiādīni vatvā bahiddhā kathāvikkhipanampi atthato aññenaññaṃ paṭicaraṇamevāti visuṃ na gahitaṃ.
อปทาเนนาติ อตฺตโน จริยายฯ อปทียนฺติ หิ โทสา เอเตน ทกฺขียนฺติ, ลุยนฺติ ฉิชฺชนฺตีติ วา อปทานํ, สตฺตานํ สมฺมา มิจฺฉา วา วตฺตปฺปโยโคฯ น สมฺปายนตาติ ‘‘อาวุโส, ตฺวํ กุหิํ วสสิ, กํ นิสฺสาย วสสี’’ติ วา ‘‘ยํ ตฺวํ วเทสิ ‘มยา เอส อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ’ติ, ตฺวํ ตสฺมิํ สมเย กิํ กโรสิ, อยํ กิํ กโรติ, กตฺถ จ ตฺวํ อโหสิ, กตฺถ อย’’นฺติ วา อาทินา นเยน จริยํ ปุเฎฺฐน สมฺปาเทตฺวา อกถนํฯ
Apadānenāti attano cariyāya. Apadīyanti hi dosā etena dakkhīyanti, luyanti chijjantīti vā apadānaṃ, sattānaṃ sammā micchā vā vattappayogo. Na sampāyanatāti ‘‘āvuso, tvaṃ kuhiṃ vasasi, kaṃ nissāya vasasī’’ti vā ‘‘yaṃ tvaṃ vadesi ‘mayā esa āpattiṃ āpajjanto diṭṭho’ti, tvaṃ tasmiṃ samaye kiṃ karosi, ayaṃ kiṃ karoti, kattha ca tvaṃ ahosi, kattha aya’’nti vā ādinā nayena cariyaṃ puṭṭhena sampādetvā akathanaṃ.
มกฺขิปฬาสิตาติ เอตฺถ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มโกฺข, โส เอตสฺส อตฺถีติ มกฺขีฯ ตาทิโส ปุคฺคโล อคาริโย อนคาริโย วา สมาโน ปเรสํ สุกตกรณํ วินาเสติฯ อคาริโยปิ หิ เกนจิ อนุกมฺปเกน ทลิโทฺท สมาโน อุจฺจฎฺฐาเน ฐปิโต, อปเรน สมเยน ‘‘กิํ ตยา มยฺหํ กต’’นฺติ ตสฺส สุกตกรณํ วินาเสติฯ อนคาริโยปิ สามเณรกาลโต ปภุติ อาจริเยน วา อุปชฺฌาเยน วา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีหิ จ อนุคฺคเหตฺวา ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลาทีนิ สิกฺขาปิโต, อปเรน สมเยน ราชราชมหามตฺตาทีหิ สกฺกโต ครุกโต อาจริยุปชฺฌาเยสุ อจิตฺตีกโต จรมาโน ‘‘อยํ อเมฺหหิ ทหรกาเล เอว อนุคฺคหิโต สํวทฺธิโต จ, อถ จ ปนิทานิ นิสฺสิเนโห ชาโต’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘กิํ มยฺหํ ตุเมฺหหิ กต’’นฺติ เตสํ สุกตกรณํ วินาเสติฯ
Makkhipaḷāsitāti ettha paraguṇamakkhanalakkhaṇo makkho, so etassa atthīti makkhī. Tādiso puggalo agāriyo anagāriyo vā samāno paresaṃ sukatakaraṇaṃ vināseti. Agāriyopi hi kenaci anukampakena daliddo samāno uccaṭṭhāne ṭhapito, aparena samayena ‘‘kiṃ tayā mayhaṃ kata’’nti tassa sukatakaraṇaṃ vināseti. Anagāriyopi sāmaṇerakālato pabhuti ācariyena vā upajjhāyena vā catūhi paccayehi uddesaparipucchādīhi ca anuggahetvā dhammakathānayapakaraṇakosallādīni sikkhāpito, aparena samayena rājarājamahāmattādīhi sakkato garukato ācariyupajjhāyesu acittīkato caramāno ‘‘ayaṃ amhehi daharakāle eva anuggahito saṃvaddhito ca, atha ca panidāni nissineho jāto’’ti vuccamāno ‘‘kiṃ mayhaṃ tumhehi kata’’nti tesaṃ sukatakaraṇaṃ vināseti.
‘‘พหุสฺสุเตปิ ปุคฺคเล อโชฺฌตฺถริตฺวา อีทิสสฺส เจว พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คติ, ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปฬาโสฯ โส ปรคุเณหิ อตฺตโน คุณานํ สมกรณรโสฯ ตถา เหส ปเรสํ คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ ปฬาโสติ วุจฺจติ, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปฬาสีฯ มกฺขี จ ปฬาสี จ มกฺขิปฬาสิโน, เตสํ ภาโว มกฺขิปฬาสิตาฯ อตฺถโต ปน มโกฺข เจว ปฬาโส จฯ
‘‘Bahussutepi puggale ajjhottharitvā īdisassa ceva bahussutassa aniyatā gati, tava vā mama vā ko viseso’’tiādinā nayena uppajjamāno yugaggāhalakkhaṇo paḷāso. So paraguṇehi attano guṇānaṃ samakaraṇaraso. Tathā hesa paresaṃ guṇe ḍaṃsitvā viya attano guṇehi same karotīti paḷāsoti vuccati, so etassa atthīti paḷāsī. Makkhī ca paḷāsī ca makkhipaḷāsino, tesaṃ bhāvo makkhipaḷāsitā. Atthato pana makkho ceva paḷāso ca.
อิสฺสติ ปรสมฺปตฺติํ น สหตีติ อิสฺสุกีฯ มจฺฉรายติ อตฺตโน สมฺปตฺติํ นิคูหติ, ปเรสํ สาธารณภาวํ น สหติ, มเจฺฉรํ วา เอตสฺส อตฺถีติ มจฺฉรีฯ สฐยติ น สมฺมา ภาสตีติ สโฐ, อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนลกฺขเณน สาเฐเยฺยน สมนฺนาคโต เกราฎิกปุคฺคโลฯ เกราฎิโก จ อานนฺทมโจฺฉ วิย โหติฯ อานนฺทมโจฺฉ นาม กิร มจฺฉานํ นงฺคุฎฺฐํ ทเสฺสติ, สปฺปานํ สีสํ ‘‘ตุเมฺหหิ สทิโส อห’’นฺติ ชานาเปตุํ, เอวเมว เกราฎิโก ปุคฺคโล ยํ ยํ สุตฺตนฺติกํ วา อาภิธมฺมิกํ วา อุปสงฺกมติ, ตํ ตํ เอวํ วทติ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อเนฺตวาสี, ตุเมฺห มยฺหํ อนุกมฺปกา, นาหํ ตุเมฺห มุญฺจามี’’ติ ‘‘เอวเมเต ‘สคารโว อยํ อเมฺหสุ สปฺปติโสฺส’ติ มญฺญิสฺสนฺตี’’ติฯ สาเฐเยฺยน หิ สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส อสนฺตคุณสมฺภาวเนน จิตฺตานุรูปกิริยาวิหรโต ‘‘เอวํจิโตฺต เอวํกิริโย’’ติ ทุวิเญฺญยฺยตฺตา กุจฺฉิํ วา ปิฎฺฐิํ วา ชานิตุํ น สกฺกาฯ ยโต โส –
Issati parasampattiṃ na sahatīti issukī. Maccharāyati attano sampattiṃ nigūhati, paresaṃ sādhāraṇabhāvaṃ na sahati, maccheraṃ vā etassa atthīti maccharī. Saṭhayati na sammā bhāsatīti saṭho, attano avijjamānaguṇappakāsanalakkhaṇena sāṭheyyena samannāgato kerāṭikapuggalo. Kerāṭiko ca ānandamaccho viya hoti. Ānandamaccho nāma kira macchānaṃ naṅguṭṭhaṃ dasseti, sappānaṃ sīsaṃ ‘‘tumhehi sadiso aha’’nti jānāpetuṃ, evameva kerāṭiko puggalo yaṃ yaṃ suttantikaṃ vā ābhidhammikaṃ vā upasaṅkamati, taṃ taṃ evaṃ vadati ‘‘ahaṃ tumhākaṃ antevāsī, tumhe mayhaṃ anukampakā, nāhaṃ tumhe muñcāmī’’ti ‘‘evamete ‘sagāravo ayaṃ amhesu sappatisso’ti maññissantī’’ti. Sāṭheyyena hi samannāgatassa puggalassa asantaguṇasambhāvanena cittānurūpakiriyāviharato ‘‘evaṃcitto evaṃkiriyo’’ti duviññeyyattā kucchiṃ vā piṭṭhiṃ vā jānituṃ na sakkā. Yato so –
‘‘วาเมน สูกโร โหติ, ทกฺขิเณน อชามิโค;
‘‘Vāmena sūkaro hoti, dakkhiṇena ajāmigo;
สเรน เนลโก โหติ, วิสาเณน ชรคฺคโว’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๙๖; วิภ. อฎฺฐ. ๘๙๔; มหานิ. อฎฺฐ. ๑๖๖) –
Sarena nelako hoti, visāṇena jaraggavo’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.296; vibha. aṭṭha. 894; mahāni. aṭṭha. 166) –
เอวํ วุตฺตยกฺขสูกรสทิโส โหติฯ กตปาปปฎิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, สา อสฺส อตฺถีติ มายาวีฯ
Evaṃ vuttayakkhasūkarasadiso hoti. Katapāpapaṭicchādanalakkhaṇā māyā, sā assa atthīti māyāvī.
ถมฺภสมงฺคิตาย ถโทฺธฯ วาตภริตภสฺตาสทิสถทฺธภาวปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการกโรติ ถโมฺภฯ เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล คิลิตนงฺคลสทิโส วิย อชคโร, วาตภริตภสฺตา วิย จ ถโทฺธ หุตฺวา ครุฎฺฐานิเย ทิสฺวา โอนมิตุมฺปิ น อิจฺฉติ, ปริยเนฺตเนว จรติฯ อพฺภุนฺนติลกฺขโณ อติมาโน, โส เอตสฺส อตฺถีติ อติมานีฯ
Thambhasamaṅgitāya thaddho. Vātabharitabhastāsadisathaddhabhāvapaggahitasiraanivātavuttikārakaroti thambho. Yena samannāgato puggalo gilitanaṅgalasadiso viya ajagaro, vātabharitabhastā viya ca thaddho hutvā garuṭṭhāniye disvā onamitumpi na icchati, pariyanteneva carati. Abbhunnatilakkhaṇo atimāno, so etassa atthīti atimānī.
สํ อตฺตโน ทิฎฺฐิํ ปรามสติ สภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสตีติ สนฺทิฎฺฐิปรามาสีฯ อาธานํ คณฺหาตีติ อาธานคฺคาหีฯ ‘‘อาธาน’’นฺติ ทฬฺหํ วุจฺจติ, ทฬฺหคฺคาหีติ อโตฺถฯ ยุตฺตํ การณํ ทิสฺวาว ลทฺธิํ ปฎินิสฺสชฺชตีติ ปฎินิสฺสคฺคี, ทุเกฺขน กิเจฺฉน กสิเรน พหุมฺปิ การณํ ทเสฺสตฺวา น สกฺกา ปฎินิสฺสคฺคิํ กาตุนฺติ ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, โย อตฺตโน ทิฎฺฐิํ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา อปิ พุทฺธาทีหิ การณํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมาโน น ปฎินิสฺสชฺชติ, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตาทิโส หิ ปุคฺคโล ยํ ยเทว ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา สุณาติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริเยหิ กถิตํ, เอวํ อเมฺหหิ สุต’’นฺติ กุโมฺมว องฺคานิ สเก กปาเล อโนฺตเยว สโมทหติฯ ยถา หิ กจฺฉโป อตฺตโน ปาทาทิเก อเงฺค เกนจิ ฆฎฺฎิเต สพฺพานิ องฺคานิ อตฺตโน กปาเลเยว สโมทหติ, น พหิ นีหรติ, เอวมยมฺปิ ‘‘น สุนฺทโร ตว คาโห, ฉเฑฺฑหิ น’’นฺติ วุโตฺต ตํ น วิสฺสเชฺชติ, อโนฺตเยว อตฺตโน หทเย เอว ฐเปตฺวา วิจรติฯ ยถา กุมฺภีลา คหิตํ น ปฎินิสฺสชฺชนฺติ, เอวํ กุมฺภีลคฺคาหํ คณฺหาติ, น วิสฺสเชฺชติฯ มกฺขิปฬาสิตาทิยุคฬตฺตเยน ทสฺสิเต มกฺขปฬาสาทโย ฉ ธเมฺม วิสุํ วิสุํ คเหตฺวา ‘‘เอกูนวีสติ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ อนุมานสุตฺตฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๘๑) ปน มกฺขปฬาสาทโยปิ ยุคฬวเสน เอกํ กตฺวา ‘‘โสฬส ธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ
Saṃ attano diṭṭhiṃ parāmasati sabhāvaṃ atikkamitvā parato āmasatīti sandiṭṭhiparāmāsī. Ādhānaṃ gaṇhātīti ādhānaggāhī. ‘‘Ādhāna’’nti daḷhaṃ vuccati, daḷhaggāhīti attho. Yuttaṃ kāraṇaṃ disvāva laddhiṃ paṭinissajjatīti paṭinissaggī, dukkhena kicchena kasirena bahumpi kāraṇaṃ dassetvā na sakkā paṭinissaggiṃ kātunti duppaṭinissaggī, yo attano diṭṭhiṃ ‘‘idameva sacca’’nti daḷhaṃ gaṇhitvā api buddhādīhi kāraṇaṃ dassetvā vuccamāno na paṭinissajjati, tassetaṃ adhivacanaṃ. Tādiso hi puggalo yaṃ yadeva dhammaṃ vā adhammaṃ vā suṇāti, taṃ sabbaṃ ‘‘evaṃ amhākaṃ ācariyehi kathitaṃ, evaṃ amhehi suta’’nti kummova aṅgāni sake kapāle antoyeva samodahati. Yathā hi kacchapo attano pādādike aṅge kenaci ghaṭṭite sabbāni aṅgāni attano kapāleyeva samodahati, na bahi nīharati, evamayampi ‘‘na sundaro tava gāho, chaḍḍehi na’’nti vutto taṃ na vissajjeti, antoyeva attano hadaye eva ṭhapetvā vicarati. Yathā kumbhīlā gahitaṃ na paṭinissajjanti, evaṃ kumbhīlaggāhaṃ gaṇhāti, na vissajjeti. Makkhipaḷāsitādiyugaḷattayena dassite makkhapaḷāsādayo cha dhamme visuṃ visuṃ gahetvā ‘‘ekūnavīsati dhammā’’ti vuttaṃ. Anumānasuttaṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.181) pana makkhapaḷāsādayopi yugaḷavasena ekaṃ katvā ‘‘soḷasa dhammā’’ti vuttaṃ.
ปกาเรหิ อาวหนํ ปทกฺขิณํ, ตโต ปทกฺขิณโต คหณสีโล ปทกฺขิณคฺคาหี, น ปทกฺขิณคฺคาหี อปฺปทกฺขิณคฺคาหีฯ โย วุจฺจมาโน ‘‘ตุเมฺห มํ กสฺมา วทถ, อหํ อตฺตโน กปฺปิยากปฺปิยํ สาวชฺชานวชฺชํ อตฺถานตฺถํ ชานามี’’ติ วทติ, อยํ อนุสาสนิํ ปทกฺขิณโต น คณฺหาติ, วามโตว คณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปทกฺขิณคฺคาหี’’ติ วุจฺจติ, เตนาห ‘‘ยถานุสิฎฺฐ’’นฺติอาทิฯ
Pakārehi āvahanaṃ padakkhiṇaṃ, tato padakkhiṇato gahaṇasīlo padakkhiṇaggāhī, na padakkhiṇaggāhī appadakkhiṇaggāhī. Yo vuccamāno ‘‘tumhe maṃ kasmā vadatha, ahaṃ attano kappiyākappiyaṃ sāvajjānavajjaṃ atthānatthaṃ jānāmī’’ti vadati, ayaṃ anusāsaniṃ padakkhiṇato na gaṇhāti, vāmatova gaṇhāti, tasmā ‘‘appadakkhiṇaggāhī’’ti vuccati, tenāha ‘‘yathānusiṭṭha’’ntiādi.
อุเทฺทเสติ ปาติโมกฺขุเทฺทเสฯ อถ สพฺพาเนว สิกฺขาปทานิ กถํ ปาติโมกฺขุเทฺทสปริยาปนฺนานีติ อาห ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยาติ เอวํ สงฺคหิตตฺตา’’ติฯ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ หิ อิมินา สพฺพาปิ อาปตฺติโย นิทานุเทฺทเส สงฺคหิตาเยว โหนฺติฯ ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สิกฺขิตพฺพตฺตาติ ลพฺภมานวเสน วุตฺตํฯ สหธมฺมิเกน สหการเณนาติปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘วจนายา’’ติ นิสฺสเกฺก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘ตโต มม วจนโต’’ติฯ องฺคานิ เจตฺถ ปฐมสงฺฆเภทสทิสานิฯ อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ เภทาย ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ อวจนียกรณตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Uddeseti pātimokkhuddese. Atha sabbāneva sikkhāpadāni kathaṃ pātimokkhuddesapariyāpannānīti āha ‘‘yassa siyā āpatti, so āvikareyyāti evaṃ saṅgahitattā’’ti. ‘‘Yassa siyā āpattī’’ti hi iminā sabbāpi āpattiyo nidānuddese saṅgahitāyeva honti. Pañcahi sahadhammikehi sikkhitabbattāti labbhamānavasena vuttaṃ. Sahadhammikena sahakāraṇenātipi attho daṭṭhabbo. ‘‘Vacanāyā’’ti nissakke sampadānavacananti āha ‘‘tato mama vacanato’’ti. Aṅgāni cettha paṭhamasaṅghabhedasadisāni. Ayaṃ pana viseso – yathā tattha bhedāya parakkamanaṃ, evaṃ idha avacanīyakaraṇatā daṭṭhabbā.
ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทํ • 12. Dubbacasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๒. ทุพฺพจสิกฺขาปทวณฺณนา • 12. Dubbacasikkhāpadavaṇṇanā