Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๑๑. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา
11. Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā
ยถาสนฺถุตนฺติ ยถามิตฺตํฯ เตนาห ‘‘โย โย’’ติ อาทิฯ ตตฺถ มิตฺตสนฺทิฎฺฐสมฺภตฺตวเสนาติ มิตฺตสนฺทิฎฺฐสมฺภตฺตานํ วเสนฯ ตตฺถ มิตฺตา มิตฺตาวฯ สนฺทิฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฎฺฐมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตาฯ สมฺภตฺตา สุฎฺฐุ ภตฺตา สิเนหวโนฺต ทฬฺหมิตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Yathāsanthutanti yathāmittaṃ. Tenāha ‘‘yo yo’’ti ādi. Tattha mittasandiṭṭhasambhattavasenāti mittasandiṭṭhasambhattānaṃ vasena. Tattha mittā mittāva. Sandiṭṭhā tattha tattha saṅgamma diṭṭhamattā nātidaḷhamittā. Sambhattā suṭṭhu bhattā sinehavanto daḷhamittāti daṭṭhabbā.
ปญฺจ ครุภณฺฑานีติ ราสิวเสน ปญฺจ ครุภณฺฑานิ, สรูปวเสน ปเนตานิ พหูนิ โหนฺติฯ เตนาห ‘‘ราสิวเสน ปญฺจ ครุภณฺฑานิ วุตฺตานี’’ติฯ อาราโม (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๒๗) นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐปิโตกาโส, เตสุ วา อาราเมสุ วินเฎฺฐสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโค ฯ วิหาโร นาม ยํ กิญฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํฯ วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฎฺฐาโนกาโสฯ มโญฺจ นาม มสารโก พุนฺทิกาพโทฺธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุเพฺพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มญฺจานํ อญฺญตโรฯ ปีฐํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีฐานํ อญฺญตรํฯ ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ ภิสีนํ อญฺญตราฯ พิโพฺพหนํ นาม รุกฺขตูลลตาตูลโปฎกิตูลานํ อญฺญตเรน ปุณฺณํฯ โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ โลเหน กตา กุมฺภีฯ โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรญฺชโร วุจฺจติฯ วารโกติ ฆโฎฯ กฎาหํ กฎาหเมวฯ วาสิอาทีสุ, วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิเญฺญยฺยํ นาม นตฺถิฯ เอวํ –
Pañca garubhaṇḍānīti rāsivasena pañca garubhaṇḍāni, sarūpavasena panetāni bahūni honti. Tenāha ‘‘rāsivasena pañca garubhaṇḍāni vuttānī’’ti. Ārāmo (cūḷava. aṭṭha. 321; vi. saṅga. aṭṭha. 227) nāma pupphārāmo vā phalārāmo vā. Ārāmavatthu nāma tesaṃyeva ārāmānaṃ atthāya paricchinditvā ṭhapitokāso, tesu vā ārāmesu vinaṭṭhesu tesaṃ porāṇakabhūmibhāgo . Vihāro nāma yaṃ kiñci pāsādādisenāsanaṃ. Vihāravatthu nāma tassa patiṭṭhānokāso. Mañco nāma masārako bundikābaddho, kuḷīrapādako, āhaccapādakoti imesaṃ pubbe vuttānaṃ catunnaṃ mañcānaṃ aññataro. Pīṭhaṃ nāma masārakādīnaṃyeva catunnaṃ pīṭhānaṃ aññataraṃ. Bhisi nāma uṇṇabhisiādīnaṃ pañcannaṃ bhisīnaṃ aññatarā. Bibbohanaṃ nāma rukkhatūlalatātūlapoṭakitūlānaṃ aññatarena puṇṇaṃ. Lohakumbhī nāma kāḷalohena vā tambalohena vā yena kenaci lohena katā kumbhī. Lohabhāṇakādīsupi eseva nayo. Ettha pana bhāṇakanti arañjaro vuccati. Vārakoti ghaṭo. Kaṭāhaṃ kaṭāhameva. Vāsiādīsu, valliādīsu ca duviññeyyaṃ nāma natthi. Evaṃ –
ทฺวิสงฺคหานิ เทฺว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
Dvisaṅgahāni dve honti, tatiyaṃ catusaṅgahaṃ;
จตุตฺถํ นวโกฎฺฐาสํ, ปญฺจมํ อฎฺฐเภทนํฯ
Catutthaṃ navakoṭṭhāsaṃ, pañcamaṃ aṭṭhabhedanaṃ.
อิติ ปญฺจหิ ราสีหิ, ปญฺจนิมฺมลโลจโน;
Iti pañcahi rāsīhi, pañcanimmalalocano;
ปญฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยิฯ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๒๗);
Pañcavīsavidhaṃ nātho, garubhaṇḍaṃ pakāsayi. (cūḷava. aṭṭha. 321; vi. saṅga. aṭṭha. 227);
วิสฺสเชฺชตุํ วา วิภชิตุํ วา น วฎฺฎตีติ มูลเจฺฉชฺชวเสน วิสฺสเชฺชตุํ วา วิภชิตุํ วา น วฎฺฎนฺติฯ ปริวตฺตนวเสน ปน วิสฺสชฺชนฺตสฺส, วิภชนฺตสฺส จ อนาปตฺติฯ เตนาห ‘‘ถาวเรนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ถาวเรน ถาวรนฺติ อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุนา อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุํฯ อิตเรนาติ อถาวเรน, ปจฺฉิมราสิตฺตเยนาติ วุตฺตํ โหติฯ อกปฺปิเยนาติ สุวณฺณมยมญฺจาทินา เจว อกปฺปิยภิสิพิโพฺพหเนหิ จฯ มหคฺฆกปฺปิเยนาติ ทนฺตมยมญฺจาทินา เจว ปาวาราทินา จฯ อิตรนฺติ อถาวรํฯ กปฺปิยปริวตฺตเนน ปริวเตฺตตุนฺติ ยถา อกปฺปิยํ น โหติ, เอวํ ปริวเตฺตตุํฯ
Vissajjetuṃ vā vibhajituṃ vā na vaṭṭatīti mūlacchejjavasena vissajjetuṃ vā vibhajituṃ vā na vaṭṭanti. Parivattanavasena pana vissajjantassa, vibhajantassa ca anāpatti. Tenāha ‘‘thāvarenā’’tiādi. Tattha thāvarena thāvaranti ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthunā ārāmaṃ ārāmavatthuṃ vihāraṃ vihāravatthuṃ. Itarenāti athāvarena, pacchimarāsittayenāti vuttaṃ hoti. Akappiyenāti suvaṇṇamayamañcādinā ceva akappiyabhisibibbohanehi ca. Mahagghakappiyenāti dantamayamañcādinā ceva pāvārādinā ca. Itaranti athāvaraṃ. Kappiyaparivattanena parivattetunti yathā akappiyaṃ na hoti, evaṃ parivattetuṃ.
ตตฺรายํ ปริวตฺตนนโย (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๒๘) – สงฺฆสฺส นาฬิเกราราโม ทูเร โหติ, กปฺปิยการกาว พหุตรํ ขาทนฺติ, ยมฺปิ น ขาทนฺติ, ตโต สกฎเวตนํ ทตฺวา อปฺปเมว อาหรนฺติฯ อเญฺญสํ ปน ตสฺสารามสฺส อวิทูเร คามวาสีนํ มนุสฺสานํ วิหารสฺส สมีเป อาราโม โหติ, เต สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา สเกน อาราเมน ตํ อารามํ ยาจนฺติ, สเงฺฆน ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลเกตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ สเจปิ ภิกฺขูนํ รุกฺขสหสฺสํ โหติ, มนุสฺสานํ ปญฺจสตานิ, ‘‘ตุมฺหากํ อาราโม ขุทฺทโก’’ติ น วตฺตพฺพํฯ กิญฺจาปิ อยํ ขุทฺทโก, อถ โข อิตรโต พหุตรํ อายํ เทติฯ สเจปิ สมกเมว เทติ , เอวมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภุญฺชิตุํ สกฺกาติ คเหตพฺพเมวฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ พหุตรา รุกฺขา โหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ พหุตรา รุกฺขา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘อติเรกํ อมฺหากํ ปุญฺญํ โหตุ, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ รุกฺขา ผลธาริโน, มนุสฺสานํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติฯ กิญฺจาปิ น คณฺหนฺติ, น จิเรน คณฺหิสฺสนฺตีติ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมวฯ มนุสฺสานํ รุกฺขา ผลธาริโน, ภิกฺขูนํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ รุกฺขา ผลธาริโน’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสตี’’ติ เทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ อาราเมน อาราโม ปริวเตฺตตโพฺพ, เอเตเนว นเยน อารามวตฺถุปิ วิหาโรปิ วิหารวตฺถุปิ อาราเมน ปริวเตฺตตพฺพํฯ อารามวตฺถุนา จ มหเนฺตน วา ขุทฺทเกน วา อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุนฺติฯ
Tatrāyaṃ parivattananayo (cūḷava. aṭṭha. 321; vi. saṅga. aṭṭha. 228) – saṅghassa nāḷikerārāmo dūre hoti, kappiyakārakāva bahutaraṃ khādanti, yampi na khādanti, tato sakaṭavetanaṃ datvā appameva āharanti. Aññesaṃ pana tassārāmassa avidūre gāmavāsīnaṃ manussānaṃ vihārassa samīpe ārāmo hoti, te saṅghaṃ upasaṅkamitvā sakena ārāmena taṃ ārāmaṃ yācanti, saṅghena ‘‘ruccati saṅghassā’’ti apaloketvā sampaṭicchitabbo. Sacepi bhikkhūnaṃ rukkhasahassaṃ hoti, manussānaṃ pañcasatāni, ‘‘tumhākaṃ ārāmo khuddako’’ti na vattabbaṃ. Kiñcāpi ayaṃ khuddako, atha kho itarato bahutaraṃ āyaṃ deti. Sacepi samakameva deti , evampi icchiticchitakkhaṇe paribhuñjituṃ sakkāti gahetabbameva. Sace pana manussānaṃ bahutarā rukkhā honti, ‘‘nanu tumhākaṃ bahutarā rukkhā’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘atirekaṃ amhākaṃ puññaṃ hotu, saṅghassa demā’’ti vadanti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ rukkhā phaladhārino, manussānaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti. Kiñcāpi na gaṇhanti, na cirena gaṇhissantīti sampaṭicchitabbameva. Manussānaṃ rukkhā phaladhārino, bhikkhūnaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti, ‘‘nanu tumhākaṃ rukkhā phaladhārino’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘gaṇhatha, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissatī’’ti denti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ ārāmena ārāmo parivattetabbo, eteneva nayena ārāmavatthupi vihāropi vihāravatthupi ārāmena parivattetabbaṃ. Ārāmavatthunā ca mahantena vā khuddakena vā ārāmaṃ ārāmavatthuṃ vihāraṃ vihāravatthunti.
กถํ วิหาเรน (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๒๘) วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพ? สงฺฆสฺส อโนฺตคาเม เคหํ โหติ, มนุสฺสานํ วิหารมเชฺฌ ปาสาโท, อุโภปิ อเคฺฆน สมกาฯ สเจ มนุสฺสา เตน ปาสาเทน ตํ เคหํ ยาจนฺติ, สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ เจ มหคฺฆตรํ เคหํ โหติ, ‘‘มหคฺฆตรํ อมฺหากํ เคห’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กิญฺจาปิ มหคฺฆตรํ ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ, น สกฺกา ตตฺถ ปพฺพชิเตหิ วสิตุํ, อิทํ ปน สารุปฺปํ, คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, เอวมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ มหคฺฆํ โหติ ‘‘นนุ ตุมฺหากํ เคหํ มหคฺฆ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘โหตุ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสติ, คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปน สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน วิหารวตฺถุปิ อาราโมปิ อารามวตฺถุปิ วิหาเรน ปริวเตฺตตพฺพํฯ วิหารวตฺถุนา จ มหเคฺฆน วา อปฺปเคฺฆน วา วิหารํ วิหารวตฺถุํ อารามํ อารามวตฺถุํฯ เอวํ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ
Kathaṃ vihārena (cūḷava. aṭṭha. 321; vi. saṅga. aṭṭha. 228) vihāro parivattetabbo? Saṅghassa antogāme gehaṃ hoti, manussānaṃ vihāramajjhe pāsādo, ubhopi agghena samakā. Sace manussā tena pāsādena taṃ gehaṃ yācanti, sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ ce mahagghataraṃ gehaṃ hoti, ‘‘mahagghataraṃ amhākaṃ geha’’nti vutte ‘‘kiñcāpi mahagghataraṃ pabbajitānaṃ asāruppaṃ, na sakkā tattha pabbajitehi vasituṃ, idaṃ pana sāruppaṃ, gaṇhathā’’ti vadanti, evampi sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Sace pana manussānaṃ mahagghaṃ hoti ‘‘nanu tumhākaṃ gehaṃ mahaggha’’nti vattabbaṃ. ‘‘Hotu, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissati, gaṇhathā’’ti vutte pana sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ vihārena vihāro parivattetabbo. Eteneva nayena vihāravatthupi ārāmopi ārāmavatthupi vihārena parivattetabbaṃ. Vihāravatthunā ca mahagghena vā appagghena vā vihāraṃ vihāravatthuṃ ārāmaṃ ārāmavatthuṃ. Evaṃ tāva thāvarena thāvaraparivattanaṃ veditabbaṃ.
อิตเรน อิตรปริวตฺตเน ปน มญฺจปีฐํ มหนฺตํ วา โหตุ, ขุทฺทกํ วา (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๒๒๘), อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬเนฺตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ โหติฯ สเจปิ ราชา วา ราชมหามตฺตาทโย วา เอกปฺปหาเรเนว มญฺจสตํ วา มญฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สเพฺพ กปฺปิยมญฺจา สมฺปฎิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฺปฎิปาฎิยา ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตพฺพา, น ปุคฺคลิกปริโภเคน ทาตพฺพาฯ อติเรกมเญฺจ ภณฺฑาคาราทีสุ ปญฺญเปตฺวา ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปริภุญฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ พหิสีมาย ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนมโญฺจ สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน ทาตโพฺพฯ ตตฺถ เจ พหู มญฺจา โหนฺติ, มเญฺจน กมฺมํ นตฺถิฯ ยสฺส วสนฎฺฐาเน กมฺมํ อตฺถิ, ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตโพฺพ, น ปุคฺคลิกโภเคนฯ มหเคฺฆน สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา มเญฺจน อญฺญํ มญฺจสตํ ลภติ, ปริวเตฺตตฺวา คเหตพฺพํฯ น เกวลํ มเญฺจน มโญฺจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีฐภิสิพิโพฺพหนานิปิ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ เอเสว นโย ปีฐภิสิพิโพฺพหเนสุปิฯ วรเสนาสนาทีนํ สํรกฺขณตฺถนฺติ สเจ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ภิกฺขู ปิณฺฑปาเตน น ยาเปนฺติ, เอตฺถ ราชโรคโจรภยานิ, อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตานํ วิหารา ปลุชฺชนฺติ, ตาลนาฬิเกราทิเก วินาเสนฺติ, เสนาสนปจฺจยํ สนฺธาย ยาเปตุํ สกฺกา โหติ, เอวรูเป กาเล วรเสนาสนาทีนํ สํรกฺขณตฺถํฯ ลามกานิ วิสฺสเชฺชตุนฺติ ลามกํ ลามกํ วิสฺสเชฺชตุํ, ลามกโกฎิยา วิสฺสเชฺชตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ วิสฺสเชฺชตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ วิสฺสเชฺชตฺวา ตโต ลทฺธยาคุภตฺตจีวราทีนิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ กาฬโลหตมฺพโลหกํสโลหวฎฺฎโลหานนฺติ เอตฺถ กํสโลหํ, วฎฺฎโลหญฺจ กิตฺติมโลหํฯ ตีณิ หิ กิตฺติมโลหานิ กํสโลหํ, วฎฺฎโลหํ, อารกูฎนฺติฯ ตตฺถ ติปุตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ กํสโลหํ, สีตตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ วฎฺฎโลหํ, รสกตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ อารกูฎํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘กํสโลหํ, วฎฺฎโลหญฺจ กิตฺติมโลห’’นฺติฯ ตโต อติเรกนฺติ ตโต อติเรกคฺคณฺหนโกฯ
Itarena itaraparivattane pana mañcapīṭhaṃ mahantaṃ vā hotu, khuddakaṃ vā (cūḷava. aṭṭha. 321; vi. saṅga. aṭṭha. 228), antamaso caturaṅgulapādakaṃ gāmadārakehi paṃsvāgārakesu kīḷantehi katampi saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ hoti. Sacepi rājā vā rājamahāmattādayo vā ekappahāreneva mañcasataṃ vā mañcasahassaṃ vā denti, sabbe kappiyamañcā sampaṭicchitabbā, sampaṭicchitvā vuḍḍhappaṭipāṭiyā ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbā, na puggalikaparibhogena dātabbā. Atirekamañce bhaṇḍāgārādīsu paññapetvā pattacīvaraṃ nikkhipitvā paribhuñjitumpi vaṭṭati. Bahisīmāya ‘‘saṅghassa demā’’ti dinnamañco saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dātabbo. Tattha ce bahū mañcā honti, mañcena kammaṃ natthi. Yassa vasanaṭṭhāne kammaṃ atthi, tattha ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbo, na puggalikabhogena. Mahagghena satagghanakena vā sahassagghanakena vā mañcena aññaṃ mañcasataṃ labhati, parivattetvā gahetabbaṃ. Na kevalaṃ mañcena mañcoyeva, ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthupīṭhabhisibibbohanānipi parivattetuṃ vaṭṭati. Eseva nayo pīṭhabhisibibbohanesupi. Varasenāsanādīnaṃ saṃrakkhaṇatthanti sace dubbhikkhaṃ hoti, bhikkhū piṇḍapātena na yāpenti, ettha rājarogacorabhayāni, aññattha gacchantānaṃ vihārā palujjanti, tālanāḷikerādike vināsenti, senāsanapaccayaṃ sandhāya yāpetuṃ sakkā hoti, evarūpe kāle varasenāsanādīnaṃ saṃrakkhaṇatthaṃ. Lāmakāni vissajjetunti lāmakaṃ lāmakaṃ vissajjetuṃ, lāmakakoṭiyā vissajjetunti adhippāyo. Vissajjetvā paribhuñjituṃ vaṭṭatīti vissajjetvā tato laddhayāgubhattacīvarādīni paribhuñjituṃ vaṭṭati. Kāḷalohatambalohakaṃsalohavaṭṭalohānanti ettha kaṃsalohaṃ, vaṭṭalohañca kittimalohaṃ. Tīṇi hi kittimalohāni kaṃsalohaṃ, vaṭṭalohaṃ, ārakūṭanti. Tattha tiputambe missetvā kataṃ kaṃsalohaṃ, sītatambe missetvā kataṃ vaṭṭalohaṃ, rasakatambe missetvā kataṃ ārakūṭaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘kaṃsalohaṃ, vaṭṭalohañca kittimaloha’’nti. Tato atirekanti tato atirekaggaṇhanako.
สรโกติ มเชฺฌ มกุฬํ ทเสฺสตฺวา มุขวฎฺฎิวิตฺถตํ กตฺวา ปิฎฺฐิโต นาเมตฺวา กาตพฺพํ เอกํ ภาชนํฯ ‘‘สราว’’นฺติปิ วทนฺติฯ อาทิสเทฺทน กญฺจนกาทีนํ คิหิอุปกรณานํ คหณํฯ ตานิ หิ ขุทฺทกานิปิ ครุภณฺฑาเนว คิหิอุปกรณตฺตาติฯ ปิ-สเทฺทน ปเคว มหนฺตานีติ ทเสฺสติฯ อิมานิ ปน ภาชนียานิ ภิกฺขูปกรณตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จ เอตานิ, เอวํ กุณฺฑิกาปิ ภาชนียาฯ วกฺขติ หิ ‘‘ยถา จ มตฺติกาภเณฺฑ, เอวํ โลหภเณฺฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฎฺฐาสเมว ภชตี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา)ฯ สงฺฆิกปริโภเคนาติ อาคนฺตุกานํ วุฑฺฒตรานํ ทตฺวา ปริโภเคนฯ คิหิวิกฎาติ คิหีหิ วิกตา ปญฺญตฺตา, อตฺตโน วา สนฺตกกรเณน วิรูปํ กตาฯ ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฎฺฎตีติ อาคนฺตุกานํ อทตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ วิย คเหตฺวา ปริหริตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ ปิปฺผลิโกติ กตฺตริฯ อารกณฺฎกํ สูจิเวธกํฯ ตาฬํ ยนฺตํฯ กตฺตรยฎฺฐิเวธโก กตฺตรยฎฺฐิวลยํฯ ยถา ตถา ฆนกตํ โลหนฺติ โลหวฎฺฎิ โลหคุโฬ โลหปิณฺฑิ โลหจกฺกลิกนฺติ เอวํ ฆนกตํ โลหํฯ ขีรปาสาณมยานีติ มุทุกขีรวณฺณปาสาณมยานิฯ
Sarakoti majjhe makuḷaṃ dassetvā mukhavaṭṭivitthataṃ katvā piṭṭhito nāmetvā kātabbaṃ ekaṃ bhājanaṃ. ‘‘Sarāva’’ntipi vadanti. Ādisaddena kañcanakādīnaṃ gihiupakaraṇānaṃ gahaṇaṃ. Tāni hi khuddakānipi garubhaṇḍāneva gihiupakaraṇattāti. Pi-saddena pageva mahantānīti dasseti. Imāni pana bhājanīyāni bhikkhūpakaraṇattāti adhippāyo. Yathā ca etāni, evaṃ kuṇḍikāpi bhājanīyā. Vakkhati hi ‘‘yathā ca mattikābhaṇḍe, evaṃ lohabhaṇḍepi kuṇḍikā bhājanīyakoṭṭhāsameva bhajatī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. dubbalasikkhāpadavaṇṇanā). Saṅghikaparibhogenāti āgantukānaṃ vuḍḍhatarānaṃ datvā paribhogena. Gihivikaṭāti gihīhi vikatā paññattā, attano vā santakakaraṇena virūpaṃ katā. Puggalikaparibhogena na vaṭṭatīti āgantukānaṃ adatvā attano santakaṃ viya gahetvā pariharitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭati. Pipphalikoti kattari. Ārakaṇṭakaṃ sūcivedhakaṃ. Tāḷaṃ yantaṃ. Kattarayaṭṭhivedhako kattarayaṭṭhivalayaṃ. Yathā tathā ghanakataṃ lohanti lohavaṭṭi lohaguḷo lohapiṇḍi lohacakkalikanti evaṃ ghanakataṃ lohaṃ. Khīrapāsāṇamayānīti mudukakhīravaṇṇapāsāṇamayāni.
คิหิวิกฎานิปิ น วฎฺฎนฺติ อนามาสตฺตาฯ ปิ-สเทฺทน ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาติ ทเสฺสติฯ เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโยฯ ตสฺมา ชาตรูปาทิมยา สเพฺพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสาฯ เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปนา’’ติอาทิฯ
Gihivikaṭānipi na vaṭṭanti anāmāsattā. Pi-saddena pageva saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vāti dasseti. Senāsanaparibhogo pana sabbakappiyo. Tasmā jātarūpādimayā sabbepi senāsanaparikkhārā āmāsā. Tenāha ‘‘senāsanaparibhoge panā’’tiādi.
เสสาติ ตโต มหตฺตรี วาสิฯ ยา ปนาติ ยา กุทารี ปนฯ กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมโตฺตปิ ครุภณฺฑเมวฯ นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ, โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมุญฺชนิทณฺฑกเวธนมฺปิ ทณฺฑพนฺธํ เจ, ครุภณฺฑเมวฯ เตนาห ‘‘กุทาโล ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ วา อครุภณฺฑํ นาม นตฺถี’’ติฯ สิปาฎิกา นาม ขุรโกโสฯ สิขรํ ปน ทณฺฑพนฺธนิขาทนํ อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิต’’นฺติฯ สเจ ตมฺปิ ปน อทณฺฑกํ ผลมตฺตํ, ภาชนียํฯ อุปกฺขเรติ วาสิอาทิภณฺฑานิฯ
Sesāti tato mahattarī vāsi. Yā panāti yā kudārī pana. Kudālo antamaso caturaṅgulamattopi garubhaṇḍameva. Nikhādanaṃ caturassamukhaṃ vā hotu, doṇimukhaṃ vā vaṅkaṃ vā ujukaṃ vā, antamaso sammuñjanidaṇḍakavedhanampi daṇḍabandhaṃ ce, garubhaṇḍameva. Tenāha ‘‘kudālo daṇḍabandhanikhādanaṃ vā agarubhaṇḍaṃ nāma natthī’’ti. Sipāṭikā nāma khurakoso. Sikharaṃ pana daṇḍabandhanikhādanaṃ anulometīti āha ‘‘sikharampi nikhādaneneva saṅgahita’’nti. Sace tampi pana adaṇḍakaṃ phalamattaṃ, bhājanīyaṃ. Upakkhareti vāsiādibhaṇḍāni.
ปตฺตพนฺธโก นาม ปตฺตสฺส คณฺฐิกาทิการโกฯ ‘‘ปฎิมาสุวณฺณาทิปตฺตการโก’’ติปิ วทนฺติฯ ติปุเจฺฉทนกสตฺถํ, สุวณฺณเจฺฉทนกสตฺถํ, กตปริกมฺมจมฺมจฺฉินฺทนกขุทฺทกสตฺถนฺติ อิมานิ เจตฺถ ตีณิ ปิปฺผลิกํ อนุโลเมนฺตีติ อาห ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิฯ อิตรานีติ มหากตฺตริอาทีนิฯ
Pattabandhako nāma pattassa gaṇṭhikādikārako. ‘‘Paṭimāsuvaṇṇādipattakārako’’tipi vadanti. Tipucchedanakasatthaṃ, suvaṇṇacchedanakasatthaṃ, kataparikammacammacchindanakakhuddakasatthanti imāni cettha tīṇi pipphalikaṃ anulomentīti āha ‘‘ayaṃ pana viseso’’tiādi. Itarānīti mahākattariādīni.
อฑฺฒพาหุปฺปมาณาติ (สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๓๒๑) กปฺปรโต ปฎฺฐาย ยาว อํสกูฎปฺปมาณา, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถชาตกาติ สงฺฆิกภูมิยํ ชาตาฯ อารกฺขสํวิธาเนน รกฺขิตตฺตา รกฺขิตา จ สา มญฺชูสาทีสุ ปกฺขิตฺตํ วิย ยถา ตํ น นสฺสติ, เอวํ โคปนโต โคปิตา จาติ รกฺขิตโคปิตาฯ ตตฺถชาตกาปิ ปน อรกฺขิตา ครุภณฺฑเมว น โหติฯ ‘‘สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต’’ติ อิมินา สงฺฆสนฺตเกน เจติยสนฺตกํ รกฺขิตุํ, ปริวตฺติตุญฺจ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ สุตฺตํ ปนาติ วฎฺฎิตเญฺจว อวฎฺฎิตญฺจ สุตฺตํฯ
Aḍḍhabāhuppamāṇāti (sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.321) kapparato paṭṭhāya yāva aṃsakūṭappamāṇā, vidatthicaturaṅgulappamāṇāti vuttaṃ hoti. Tatthajātakāti saṅghikabhūmiyaṃ jātā. Ārakkhasaṃvidhānena rakkhitattā rakkhitā ca sā mañjūsādīsu pakkhittaṃ viya yathā taṃ na nassati, evaṃ gopanato gopitā cāti rakkhitagopitā. Tatthajātakāpi pana arakkhitā garubhaṇḍameva na hoti. ‘‘Saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate’’ti iminā saṅghasantakena cetiyasantakaṃ rakkhituṃ, parivattituñca vaṭṭatīti dīpeti. Suttaṃ panāti vaṭṭitañceva avaṭṭitañca suttaṃ.
อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑมโตฺตติ อนฺตมโส ทีฆโส อฎฺฐงฺคุลมโตฺต, ปริณาหโต สีหฬปณฺณสูจิทณฺฑมโตฺตฯ เอตฺถาติ เวฬุภเณฺฑฯ ทฑฺฒํ เคหํ เยสํ เตติ ทฑฺฒเคหาฯ น วาเรตพฺพาติ ‘‘มา คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ น นิเสเธตพฺพาฯ เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส ฐเปตพฺพาฯ
Aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍamattoti antamaso dīghaso aṭṭhaṅgulamatto, pariṇāhato sīhaḷapaṇṇasūcidaṇḍamatto. Etthāti veḷubhaṇḍe. Daḍḍhaṃ gehaṃ yesaṃ teti daḍḍhagehā. Na vāretabbāti ‘‘mā gaṇhitvā gacchathā’’ti na nisedhetabbā. Desantaragatena sampattavihāre saṅghikāvāse ṭhapetabbā.
อวเสสญฺจ ฉทนติณนฺติ มุญฺชปพฺพเชหิ อวเสสํ ยํ กิญฺจิ ฉทนติณํฯ ยตฺถ ปน ติณํ นตฺถิ, ตตฺถ ปเณฺณหิ ฉาเทนฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑)ฯ ตสฺมา ปณฺณมฺปิ ติเณเนว สงฺคหิตนฺติ อาห ‘‘ฉทนติณสเงฺขปคเตสู’’ติอาทิฯ อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณปีติ วิตฺถารโต อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณฯ ลิขิตโปตฺถโก ปน ครุภณฺฑํ น โหติฯ
Avasesañca chadanatiṇanti muñjapabbajehi avasesaṃ yaṃ kiñci chadanatiṇaṃ. Yattha pana tiṇaṃ natthi, tattha paṇṇehi chādenti (cūḷava. aṭṭha. 321). Tasmā paṇṇampi tiṇeneva saṅgahitanti āha ‘‘chadanatiṇasaṅkhepagatesū’’tiādi. Aṭṭhaṅgulappamāṇopīti vitthārato aṭṭhaṅgulappamāṇo. Likhitapotthako pana garubhaṇḍaṃ na hoti.
เวฬุมฺหิ วุตฺตปฺปมาโณติ ‘‘อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑกมโตฺตปี’’ติ เวฬุภเณฺฑ วุตฺตปฺปมาโณฯ สงฺฆสฺส ทิโนฺน วาติ ทารุทุลฺลภฎฺฐาเน สงฺฆสฺส ทิโนฺน วาฯ กุรุนฺทิยํ วุตฺตกฺกเมน ทารุภณฺฑวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตกฺกเมน วตฺตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ อาสนฺทิกาทีนีติ เอตฺถ อาสนฺทิโกติ จตุรสฺสปีฐํ วุจฺจติฯ ‘‘อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิก’’นฺติ วจนโต เอกโตภาเคน ทีฆปีฐเมว หิ อฎฺฐงฺคุลปาทกํ วฎฺฎติฯ จตุรสฺสาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกโนฺตปิ วฎฺฐตีติ เวทิตโพฺพฯ อาทิสเทฺทน ‘‘สตฺตโงฺค, ภทฺทปีฐกํ, เอฬกปาทกปีฐํ, อามลกวฎฺฎกปีฐํ, ผลกํ, โกจฺฉํ, ปลาลปีฐก’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อิเม สงฺคณฺหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อนฺตมโส’’ติอาทิฯ ปเณฺณหิ วาติ กทลิปณฺณาทีหิ วาฯ พฺยคฺฆจโมฺมนทฺธมฺปิ วาฬรูปปริกฺขิตฺตํ รตนปริสิพฺพิตํ โกจฺฉกํ ครุภณฺฑเมวฯ
Veḷumhi vuttappamāṇoti ‘‘aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍakamattopī’’ti veḷubhaṇḍe vuttappamāṇo. Saṅghassa dinno vāti dārudullabhaṭṭhāne saṅghassa dinno vā. Kurundiyaṃ vuttakkamena dārubhaṇḍavinicchayaṃ vatvā idāni mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttakkamena vattuṃ ‘‘apicā’’tiādimāha. Āsandikādīnīti ettha āsandikoti caturassapīṭhaṃ vuccati. ‘‘Uccakampi āsandika’’nti vacanato ekatobhāgena dīghapīṭhameva hi aṭṭhaṅgulapādakaṃ vaṭṭati. Caturassāsandiko pana pamāṇātikkantopi vaṭṭhatīti veditabbo. Ādisaddena ‘‘sattaṅgo, bhaddapīṭhakaṃ, eḷakapādakapīṭhaṃ, āmalakavaṭṭakapīṭhaṃ, phalakaṃ, kocchaṃ, palālapīṭhaka’’nti (cūḷava. aṭṭha. 321) ime saṅgaṇhantīti veditabbaṃ. Tenāha ‘‘antamaso’’tiādi. Paṇṇehi vāti kadalipaṇṇādīhi vā. Byagghacammonaddhampi vāḷarūpaparikkhittaṃ ratanaparisibbitaṃ kocchakaṃ garubhaṇḍameva.
ฆฎฺฎนผลกํ นาม ยตฺถ ฐเปตฺวา รชิตจีวรํ หเตฺถน ฆเฎฺฎนฺติฯ ฆฎฺฎนมุคฺคโร นาม อนุวาตาทิฆฎฺฎนโกติ วทนฺติฯ ทณฺฑมุคฺคโร นาม เยน รชิตจีวรํ โปเถนฺติฯ อมฺพณนฺติ ผลเกหิ โปกฺขรณี วิย กตํ ปานียภาชนํฯ รชนโทณีติ ปกฺกรชนํ อากิริตฺวา ฐปนภาชนํฯ
Ghaṭṭanaphalakaṃ nāma yattha ṭhapetvā rajitacīvaraṃ hatthena ghaṭṭenti. Ghaṭṭanamuggaro nāma anuvātādighaṭṭanakoti vadanti. Daṇḍamuggaro nāma yena rajitacīvaraṃ pothenti. Ambaṇanti phalakehi pokkharaṇī viya kataṃ pānīyabhājanaṃ. Rajanadoṇīti pakkarajanaṃ ākiritvā ṭhapanabhājanaṃ.
อกปฺปิยจมฺมนฺติ สีหาทีนํ จมฺมํฯ ‘‘ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิทํ อกปฺปิยจมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘ปจฺจตฺถรณคติก’’นฺติ อิมินา มญฺจปีเฐปิ อตฺถริตุํ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ปาวาราทิปจฺจตฺถรณมฺปิ ครุภณฺฑนฺติ เอเกฯ โนติ อปเรฯ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ กปฺปิยจมฺมานีติ มิคาทีนํ จมฺมานิฯ
Akappiyacammanti sīhādīnaṃ cammaṃ. ‘‘Bhūmattharaṇaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti idaṃ akappiyacammaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Paccattharaṇagatika’’nti iminā mañcapīṭhepi attharituṃ vaṭṭatīti dīpeti. Pāvārādipaccattharaṇampi garubhaṇḍanti eke. Noti apare. Vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Kappiyacammānīti migādīnaṃ cammāni.
สพฺพํ จกฺกยุตฺตยานนฺติ รถสกฎาทิกํ สพฺพจกฺกยุตฺตยานํฯ วิสงฺขริตจกฺกํ ปน ยานํ ภาชนียํฯ อนุญฺญาตวาสิ นาม ยา สิปาฎิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ สกฺกาติ วุตฺตาฯ มุฎฺฐิปณฺณนฺติ ตาลปตฺตํฯ ตญฺหิ มุฎฺฐินา คเหตฺวา ปริหรนฺตีติ ‘‘มุฎฺฐิปณฺณ’’นฺติ วุจฺจติฯ มุฎฺฐิปณฺณนฺติ ฉตฺตจฺฉทนปณฺณเมวาติ เกจิฯ อรณิสหิตนฺติ อรณิยุคฬํ, อุตฺตรารณี, อธรารณีติ อรณิทฺวยนฺติ อโตฺถฯ
Sabbaṃ cakkayuttayānanti rathasakaṭādikaṃ sabbacakkayuttayānaṃ. Visaṅkharitacakkaṃ pana yānaṃ bhājanīyaṃ. Anuññātavāsi nāma yā sipāṭikāya pakkhipitvā pariharituṃ sakkāti vuttā. Muṭṭhipaṇṇanti tālapattaṃ. Tañhi muṭṭhinā gahetvā pariharantīti ‘‘muṭṭhipaṇṇa’’nti vuccati. Muṭṭhipaṇṇanti chattacchadanapaṇṇamevāti keci. Araṇisahitanti araṇiyugaḷaṃ, uttarāraṇī, adharāraṇīti araṇidvayanti attho.
ผาติกมฺมํ กตฺวาติ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกวาลิกายปิ ถาวรํ วฑฺฒิกมฺมํ กตฺวาฯ ผาติกมฺมํ อกตฺวา คณฺหเนฺตน ตเตฺถว วลเญฺชตโพฺพฯ คมนกาเล สงฺฆิเก อาวาเส ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ อสติยา คเหตฺวา คเตน ปหิณิตฺวา ทาตโพฺพฯ เทสนฺตรคเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส ฐเปตโพฺพฯ เอตฺถาติ มตฺติกาภเณฺฑฯ กุณฺฑิกาติ อโยกุณฺฑิกา เจว ตมฺพโลหกุณฺฑิกา จฯ ภาชนียโกฎฺฐาสเมว ภชตีติ ภาชนียปกฺขเมว เสวติ, น ตุ ครุภณฺฑนฺติ อโตฺถฯ กญฺจนโก ปน ครุภณฺฑเมวาติ อธิปฺปาโยฯ อิตรนฺติ ครุภณฺฑํฯ
Phātikammaṃkatvāti antamaso taṃagghanakavālikāyapi thāvaraṃ vaḍḍhikammaṃ katvā. Phātikammaṃ akatvā gaṇhantena tattheva valañjetabbo. Gamanakāle saṅghike āvāse ṭhapetvā gantabbaṃ. Asatiyā gahetvā gatena pahiṇitvā dātabbo. Desantaragatena sampattavihāre saṅghikāvāse ṭhapetabbo. Etthāti mattikābhaṇḍe. Kuṇḍikāti ayokuṇḍikā ceva tambalohakuṇḍikā ca. Bhājanīyakoṭṭhāsameva bhajatīti bhājanīyapakkhameva sevati, na tu garubhaṇḍanti attho. Kañcanako pana garubhaṇḍamevāti adhippāyo. Itaranti garubhaṇḍaṃ.
ทุพฺพลสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dubbalasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.