Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ทุพฺภิกฺขกถา
Dubbhikkhakathā
๑๖. สุสสฺสกาเลปีติ สมฺปนฺนสสฺสกาเลปิฯ อติสมเคฺฆปีติ อติสเยน อปฺปเคฺฆปิ, ยทา กิญฺจิเทว ทตฺวา พหุํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ คณฺหนฺติ, ตาทิเส กาเลปีติ อโตฺถฯ สาลิอาทิ ธญฺญํ ปุพฺพณฺณํ, มุคฺคมาสาทิ อปรณฺณํฯ ทฺวิธา ปวตฺตํ อีหิตํ เอตฺถาติ ทฺวีหิติกาติ มชฺฌปทโลปีพาหิรตฺถสมาโสยมีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ทฺวิธา ปวตฺตอีหิติกา’’ติฯ อีหนํ อีหิตนฺติ อีหิตสโทฺทยํ ภาวสาธโนติ อาห ‘‘อีหิตํ นาม อิริยา’’ติฯ ตตฺถ อิริยาติ กิริยาฯ กสฺส ปเนสา กิริยาติ อาห ‘‘จิตฺตอิริยา’’ติ, จิตฺตกิริยา จิตฺตปฺปโยโคติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘จิตฺตอีหา’’ติฯ กถํ ปเนตฺถ อีหิตสฺส ทฺวิธา ปวตฺตีติ อาห ‘‘ลจฺฉาม นุ โข’’ติอาทิฯ ตตฺถ ลจฺฉาม นุ โขติ อิทํ ทุคฺคตานํ วเสน วุตฺตํฯ ชีวิตุํ วา สกฺขิสฺสาม นุ โข, โนติ อิทํ ปน อิสฺสรานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ภิกฺขมานาติ ยาจมานาฯ ‘‘ทุหิติกา’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนวโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ทฺวิ-สทฺทสฺส หิ ทุ-สทฺทาเทเสนายํ นิเทฺทโส โหติฯ ทุกฺขํ วา อีหิตํ เอตฺถ น สกฺกา โกจิ ปโยโค สุเขน กาตุนฺติ ทุหิติกา, ทุกฺกรชีวิตปฺปโยคาติ อโตฺถฯ
16.Susassakālepīti sampannasassakālepi. Atisamagghepīti atisayena appagghepi, yadā kiñcideva datvā bahuṃ pubbaṇṇāparaṇṇaṃ gaṇhanti, tādise kālepīti attho. Sāliādi dhaññaṃ pubbaṇṇaṃ, muggamāsādi aparaṇṇaṃ. Dvidhā pavattaṃ īhitaṃ etthāti dvīhitikāti majjhapadalopībāhiratthasamāsoyamīti dassento āha ‘‘dvidhā pavattaīhitikā’’ti. Īhanaṃ īhitanti īhitasaddoyaṃ bhāvasādhanoti āha ‘‘īhitaṃ nāma iriyā’’ti. Tattha iriyāti kiriyā. Kassa panesā kiriyāti āha ‘‘cittairiyā’’ti, cittakiriyā cittappayogoti attho. Tenevāha ‘‘cittaīhā’’ti. Kathaṃ panettha īhitassa dvidhā pavattīti āha ‘‘lacchāma nu kho’’tiādi. Tattha lacchāma nu khoti idaṃ duggatānaṃ vasena vuttaṃ. Jīvituṃ vā sakkhissāma nu kho, noti idaṃ pana issarānaṃ vasena vuttanti veditabbaṃ. Bhikkhamānāti yācamānā. ‘‘Duhitikā’’tipi pāṭho. Tatthāpi vuttanayenevattho veditabbo. Dvi-saddassa hi du-saddādesenāyaṃ niddeso hoti. Dukkhaṃ vā īhitaṃ ettha na sakkā koci payogo sukhena kātunti duhitikā, dukkarajīvitappayogāti attho.
ทุ-สเทฺท วา อุการสฺส วการํ กตฺวา ทฺวีหิติกาติ อยํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิฯ พฺยาธิ โรโคติ เอตานิ ‘‘อาตุรตา’’ติ อิมสฺส เววจนานิฯ เตน เสตฎฺฎิกา นาม เอกา โรคชาตีติ ทเสฺสติฯ โส ปน โรโค ปาณกโทเสน สมฺภวติฯ เอโก กิร ปาณโก นาฬมชฺฌคตํ คณฺฐิํ วิชฺฌติ, เยน วิทฺธตฺตา นิกฺขนฺตมฺปิ สาลิสีสํ ขีรํ คเหตุํ น สโกฺกติฯ เตนาห ‘‘ปจฺฉินฺนขีร’’นฺติอาทิฯ
Du-sadde vā ukārassa vakāraṃ katvā dvīhitikāti ayaṃ niddesoti āha ‘‘atha vā’’tiādi. Byādhi rogoti etāni ‘‘āturatā’’ti imassa vevacanāni. Tena setaṭṭikā nāma ekā rogajātīti dasseti. So pana rogo pāṇakadosena sambhavati. Eko kira pāṇako nāḷamajjhagataṃ gaṇṭhiṃ vijjhati, yena viddhattā nikkhantampi sālisīsaṃ khīraṃ gahetuṃ na sakkoti. Tenāha ‘‘pacchinnakhīra’’ntiādi.
วุตฺตสสฺสนฺติ วปิตสสฺสํฯ ตตฺถาติ เวรญฺชายํฯ สลากามตฺตํ วุตฺตํ เอตฺถาติ สลากาวุตฺตา, ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปนายํ นิเทฺทโสฯ เตนาห ‘‘สลากา เอว สมฺปชฺชตี’’ติฯ ยํ ตตฺถ วุตฺตํ วาปิตํ, ตํ สลากามตฺตเมว อโหสิ, ผลํ น ชายตีติ อโตฺถฯ สมฺปชฺชตีติ จ อิมินา ‘‘สลากาวุตฺตา’’ติ เอตฺถายํ วุตฺตสโทฺท นิปฺผตฺติอโตฺถติ ทเสฺสติฯ สลากายาติ เวฬุวิลีวตาลปณฺณาทีหิ กตสลากายฯ ธญฺญวิกฺกยกานํ สนฺติกนฺติ ธญฺญํ วิกฺกิณนฺตีติ ธญฺญวิกฺกยกา, เตสํ สมีปนฺติ อโตฺถฯ กยเกสูติ ธญฺญคณฺหนเกสุฯ กิณิตฺวาติ คเหตฺวาฯ ธญฺญกรณฎฺฐาเนติ โกฎฺฐาคารสฺส สมีปฎฺฐาเน, ธญฺญมินนฎฺฐาเนติ วุตฺตํ โหติ ฯ วณฺณชฺฌกฺขนฺติ กหาปณปริกฺขกํฯ นสุกรา อุเญฺฉน ปคฺคเหน ยาเปตุนฺติ ปคฺคยฺหตีติ ปคฺคโห, ปโตฺตฯ เตน ปคฺคเหน ปเตฺตนาติ อโตฺถ, ปตฺตํ คเหตฺวา ภิกฺขาจริยาย ยาเปตุํ น สกฺกาติ วุตฺตํ โหติฯ เตเนวาห ‘‘ปคฺคเหน โย อุโญฺฉ’’ติอาทิฯ นสุกราติ สุกรภาโว เอตฺถ นตฺถีติ นสุกราฯ ปิณฺฑาย จริตฺวาติ ปิณฺฑาย จรณเหตุฯ เหตุอเตฺถปิ หิ ตฺวาสทฺทเมเก อิจฺฉนฺติฯ
Vuttasassanti vapitasassaṃ. Tatthāti verañjāyaṃ. Salākāmattaṃ vuttaṃ etthāti salākāvuttā, purimapade uttarapadalopenāyaṃ niddeso. Tenāha ‘‘salākā eva sampajjatī’’ti. Yaṃ tattha vuttaṃ vāpitaṃ, taṃ salākāmattameva ahosi, phalaṃ na jāyatīti attho. Sampajjatīti ca iminā ‘‘salākāvuttā’’ti etthāyaṃ vuttasaddo nipphattiatthoti dasseti. Salākāyāti veḷuvilīvatālapaṇṇādīhi katasalākāya. Dhaññavikkayakānaṃ santikanti dhaññaṃ vikkiṇantīti dhaññavikkayakā, tesaṃ samīpanti attho. Kayakesūti dhaññagaṇhanakesu. Kiṇitvāti gahetvā. Dhaññakaraṇaṭṭhāneti koṭṭhāgārassa samīpaṭṭhāne, dhaññaminanaṭṭhāneti vuttaṃ hoti . Vaṇṇajjhakkhanti kahāpaṇaparikkhakaṃ. Nasukarā uñchena paggahena yāpetunti paggayhatīti paggaho, patto. Tena paggahena pattenāti attho, pattaṃ gahetvā bhikkhācariyāya yāpetuṃ na sakkāti vuttaṃ hoti. Tenevāha ‘‘paggahena yo uñcho’’tiādi. Nasukarāti sukarabhāvo ettha natthīti nasukarā. Piṇḍāya caritvāti piṇḍāya caraṇahetu. Hetuatthepi hi tvāsaddameke icchanti.
อุตฺตราปถโต อาคตา, อุตฺตราปโถ วา นิวาโส เอเตสนฺติ อุตฺตราปถกาติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน ‘‘อุตฺตราหกา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อุตฺตราปถวาสิกา’’ติอาทิฯ ‘‘อุตฺตราปถกา’’อิเจฺจว วา ปาฬิปาโฐ เวทิตโพฺพฯ เกจิ ปน ‘‘อุตฺตรํ วิสิฎฺฐํ ภณฺฑํ อาหรนฺตีติ อุตฺตราหกา, อุตฺตรํ วา อธิกํ อคฺฆํ เนนฺตีติ อุตฺตราหกา’’ติอาทินา อเญฺญน ปกาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติฯ อสฺสานํ อุฎฺฐานฎฺฐาเนติ อสฺสานํ อากรฎฺฐาเนฯ เวรญฺชนฺติ เวรญฺชายํฯ ภุมฺมเตฺถ เหตํ อุปโยควจนํฯ มนฺทิรนฺติ อสฺสสาลํฯ อสฺสมณฺฑลิกาโยติ ปญฺญายิํสูติ ปริมณฺฑลากาเรน กตตฺตา อสฺสมณฺฑลิกาโยติ ปากฎา อเหสุํฯ เอวํ กตานญฺจ อสฺสสาลานํ พหุตฺตา พหุวจนนิเทฺทโส กโตฯ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อสฺสานํ วสโนกาโส เอเกกา อสฺสมณฺฑลิกาติปิ วทนฺติฯ อทฺธานกฺขมา น โหนฺตีติ ทีฆกาลํ ปวเตฺตตุํ ขมา น โหนฺติ, น จิรกาลปฺปวตฺติโนติ วุตฺตํ โหติฯ
Uttarāpathato āgatā, uttarāpatho vā nivāso etesanti uttarāpathakāti vattabbe niruttinayena ‘‘uttarāhakā’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘uttarāpathavāsikā’’tiādi. ‘‘Uttarāpathakā’’icceva vā pāḷipāṭho veditabbo. Keci pana ‘‘uttaraṃ visiṭṭhaṃ bhaṇḍaṃ āharantīti uttarāhakā, uttaraṃ vā adhikaṃ agghaṃ nentīti uttarāhakā’’tiādinā aññena pakārena atthaṃ vaṇṇayanti. Assānaṃ uṭṭhānaṭṭhāneti assānaṃ ākaraṭṭhāne. Verañjanti verañjāyaṃ. Bhummatthe hetaṃ upayogavacanaṃ. Mandiranti assasālaṃ. Assamaṇḍalikāyoti paññāyiṃsūti parimaṇḍalākārena katattā assamaṇḍalikāyoti pākaṭā ahesuṃ. Evaṃ katānañca assasālānaṃ bahuttā bahuvacananiddeso kato. Dasannaṃ dasannaṃ assānaṃ vasanokāso ekekā assamaṇḍalikātipi vadanti. Addhānakkhamā na hontīti dīghakālaṃ pavattetuṃ khamā na honti, na cirakālappavattinoti vuttaṃ hoti.
คงฺคาย ทกฺขิณา ทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรา ทิสา ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘น หิ เต’’ติอาทิฯ คงฺคาย ทกฺขิณตีรชาตา ทกฺขิณาปถมนุสฺสาฯ ‘‘อมฺหากํ พุโทฺธ’’ติ เอวํ พุทฺธํ มมายนฺตีติ พุทฺธมามกาฯ เอวํ เสเสสุปิฯ ปฎิยาเทตุนฺติ สมฺปาเทตุํฯ นิจฺจภตฺตสเงฺขเปนาติ นิจฺจภตฺตากาเรนฯ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ อิทํ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ปุพฺพณฺหสมเยติ อโตฺถ’’ติฯ อจฺจนฺตสํโยเค วา อิทํ อุปโยควจนนฺติ ทเสฺสตุํ ยถา อจฺจนฺตสํโยคโตฺถ สมฺภวติ, ตถา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปุพฺพเณฺห วา สมย’’นฺติอาทิฯ เอวนฺติ เอวํ ปจฺฉา วุตฺตนเยน อเตฺถ วุจฺจมาเนฯ นนุ จ วิหาเร นิสีทนฺตาปิ อนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวาว นิสีทนฺติ, ตสฺมา ‘‘นิวาเสตฺวา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสนา’’ติอาทิฯ วิหารนิวาสนปริวตฺตนญฺจ วิหาเร นิสินฺนกาเล นิวตฺถมฺปิ ปุน คามปฺปเวสนสมเย จาเลตฺวา อิโต จิโต จ สณฺฐเปตฺวา สกฺกจฺจํ นิวาสนเมวาติ เวทิตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘น หิ เต ตโต ปุเพฺพ อนิวตฺถา อเหสุ’’นฺติฯ ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตญฺจ จีวรญฺจ คเหตฺวาฯ คหณเญฺจตฺถ น เกวลํ หเตฺถเนว, อถ โข เยน เกนจิ อากาเรน ธารณเมวาติ ทเสฺสโนฺต ยถาสมฺภวมตฺถโยชนํ กโรติ ‘‘ปตฺตํ หเตฺถหี’’ติอาทินาฯ
Gaṅgāya dakkhiṇā disā appatirūpadeso, uttarā disā patirūpadesoti adhippāyenāha ‘‘na hi te’’tiādi. Gaṅgāya dakkhiṇatīrajātā dakkhiṇāpathamanussā. ‘‘Amhākaṃ buddho’’ti evaṃ buddhaṃ mamāyantīti buddhamāmakā. Evaṃ sesesupi. Paṭiyādetunti sampādetuṃ. Niccabhattasaṅkhepenāti niccabhattākārena. Pubbaṇhasamayanti idaṃ bhummatthe upayogavacananti āha ‘‘pubbaṇhasamayetiattho’’ti. Accantasaṃyoge vā idaṃ upayogavacananti dassetuṃ yathā accantasaṃyogattho sambhavati, tathā atthaṃ dassento āha ‘‘pubbaṇhe vā samaya’’ntiādi. Evanti evaṃ pacchā vuttanayena atthe vuccamāne. Nanu ca vihāre nisīdantāpi antaravāsakaṃ nivāsetvāva nisīdanti, tasmā ‘‘nivāsetvā’’ti idaṃ kasmā vuttanti āha ‘‘vihāranivāsanaparivattanavasenā’’tiādi. Vihāranivāsanaparivattanañca vihāre nisinnakāle nivatthampi puna gāmappavesanasamaye cāletvā ito cito ca saṇṭhapetvā sakkaccaṃ nivāsanamevāti veditabbaṃ. Tenevāha ‘‘na hi te tato pubbe anivatthā ahesu’’nti. Pattacīvaramādāyāti pattañca cīvarañca gahetvā. Gahaṇañcettha na kevalaṃ hattheneva, atha kho yena kenaci ākārena dhāraṇamevāti dassento yathāsambhavamatthayojanaṃ karoti ‘‘pattaṃ hatthehī’’tiādinā.
คตคตฎฺฐาเนติ อสฺสมณฺฑลิกาสุ สมฺปตฺตสมฺปตฺตฎฺฐาเนฯ อุทุกฺขเล โกเฎฺฎตฺวา โกเฎฺฎตฺวา ปริภุญฺชนฺตีติ เอตฺถ กสฺมา ปน เต ภิกฺขู สยเมว เอวํ กตฺวา ปริภุญฺชนฺติ, กิเมวํ ลทฺธํ กปฺปิยการเกหิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ปจาเปตฺวา สยํ วา ปจิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตีติ อาห ‘‘เถรานํ โกจิ กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติอาทิฯ กปฺปิยากปฺปิยภาวํ อนเปกฺขิตฺวา ภิกฺขูนํ เอวํ กาตุํ สารุปฺปํ น โหตีติ วตฺวา ปุน อกปฺปิยภาวมฺปิ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น จ วฎฺฎตี’’ติฯ ภาชนาทิปริหรณวเสน พหุภณฺฑิกตาย อภาวโต วุตฺตํ ‘‘สลฺลหุกวุตฺติตา’’ติฯ สกํ สกํ ปฎิวีสนฺติ อตฺตโน อตฺตโน โกฎฺฐาสํฯ อโปฺปสฺสุกฺกาติ สมณธมฺมโต อญฺญตฺถ นิรุสฺสาหาฯ ตทุปิยนฺติ ตทนุรูปํฯ ปิสตีติ จุเณฺณติฯ ปุญฺญญาณวิเสเสหิ กตฺตพฺพกมฺมสฺส มนาปตา โหตีติ อาห ‘‘ปุญฺญวตา’’ติอาทิฯ นนฺติ นํ ปตฺถปุลกํฯ ‘‘น ตโต ปฎฺฐายา’’ติ วจนโต ตโต ปุเพฺพ ภควโต ปิณฺฑาย จรณมฺปิ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Gatagataṭṭhāneti assamaṇḍalikāsu sampattasampattaṭṭhāne. Udukkhale koṭṭetvā koṭṭetvā paribhuñjantīti ettha kasmā pana te bhikkhū sayameva evaṃ katvā paribhuñjanti, kimevaṃ laddhaṃ kappiyakārakehi yāguṃ vā bhattaṃ vā pacāpetvā sayaṃ vā pacitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭatīti āha ‘‘therānaṃ koci kappiyakārako natthī’’tiādi. Kappiyākappiyabhāvaṃ anapekkhitvā bhikkhūnaṃ evaṃ kātuṃ sāruppaṃ na hotīti vatvā puna akappiyabhāvampi dassento āha ‘‘na ca vaṭṭatī’’ti. Bhājanādipariharaṇavasena bahubhaṇḍikatāya abhāvato vuttaṃ ‘‘sallahukavuttitā’’ti. Sakaṃ sakaṃ paṭivīsanti attano attano koṭṭhāsaṃ. Appossukkāti samaṇadhammato aññattha nirussāhā. Tadupiyanti tadanurūpaṃ. Pisatīti cuṇṇeti. Puññañāṇavisesehi kattabbakammassa manāpatā hotīti āha ‘‘puññavatā’’tiādi. Nanti naṃ patthapulakaṃ. ‘‘Na tato paṭṭhāyā’’ti vacanato tato pubbe bhagavato piṇḍāya caraṇampi dassitanti veditabbaṃ.
ลทฺธาติ ลภิตฺวาฯ ‘‘ลโทฺธ’’ติ วา ปาโฐ, อุปฎฺฐากฎฺฐานํ เนว ลโทฺธติ อโตฺถฯ กทา ปน เถโร อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลโทฺธติ? วุจฺจเต (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๑; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๙-๒๒๓) – เอกทา กิร ภควา นาคสมาลเตฺถเรน สทฺธิํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน เทฺวธาปถํ ปโตฺตฯ เถโร มคฺคา อุกฺกมฺม ‘‘ภควา อหํ อิมินา มเคฺคน คจฺฉามี’’ติ อาหฯ อถ นํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, อิมินา คจฺฉามา’’ติ อาหฯ โส ‘‘หนฺท ภควา ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ อิมินา คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ ฉมายํ ฐเปตุํ อารโทฺธฯ อถ ภควา ‘‘อาหร ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คโตฯ ตสฺสปิ ภิกฺขุโน อิตเรน มเคฺคน คจฺฉโต โจรา ปตฺตจีวรเญฺจว หริํสุ, สีสญฺจ ภินฺทิํสุฯ โส ‘‘ภควา ทานิ เม ปฎิสรณํ, น อโญฺญ’’ติ จิเนฺตตฺวา โลหิเตน คฬเนฺตน ภควโต สนฺติกํ อาคมิฯ ‘‘กิมิทํ ภิกฺขู’’ติ จ วุเตฺต ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ อถ นํ ภควา ‘‘มา จินฺตยิ ภิกฺขุ, เอตํ การณํเยว เต นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา สมสฺสาเสสิฯ
Laddhāti labhitvā. ‘‘Laddho’’ti vā pāṭho, upaṭṭhākaṭṭhānaṃ neva laddhoti attho. Kadā pana thero upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhoti? Vuccate (dī. ni. aṭṭha. 2.11; a. ni. aṭṭha. 1.1.219-223) – ekadā kira bhagavā nāgasamālattherena saddhiṃ addhānamaggappaṭipanno dvedhāpathaṃ patto. Thero maggā ukkamma ‘‘bhagavā ahaṃ iminā maggena gacchāmī’’ti āha. Atha naṃ bhagavā ‘‘ehi bhikkhu, iminā gacchāmā’’ti āha. So ‘‘handa bhagavā tumhākaṃ pattacīvaraṃ gaṇhatha, ahaṃ iminā gacchāmī’’ti vatvā pattacīvaraṃ chamāyaṃ ṭhapetuṃ āraddho. Atha bhagavā ‘‘āhara bhikkhū’’ti vatvā pattacīvaraṃ gahetvā gato. Tassapi bhikkhuno itarena maggena gacchato corā pattacīvarañceva hariṃsu, sīsañca bhindiṃsu. So ‘‘bhagavā dāni me paṭisaraṇaṃ, na añño’’ti cintetvā lohitena gaḷantena bhagavato santikaṃ āgami. ‘‘Kimidaṃ bhikkhū’’ti ca vutte taṃ pavattiṃ ārocesi. Atha naṃ bhagavā ‘‘mā cintayi bhikkhu, etaṃ kāraṇaṃyeva te nivārayimhā’’ti vatvā samassāsesi.
เอกทา ปน ภควา เมฆิยเตฺถเรน สทฺธิํ ปาจีนวํสมิคทาเย ชนฺตุคามํ อคมาสิฯ ตตฺราปิ เมฆิโย ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นทีตีเร ปาสาทิกํ อมฺพวนํ ทิสฺวา ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ เอตสฺมิํ อมฺพวเน สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ วตฺวา ภควตา ติกฺขตฺตุํ นิวาริยมาโนปิ คนฺตฺวา อกุสลวิตเกฺกหิ อนฺวาสโตฺต ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตมฺปิ ภควา ‘‘อิทเมว เต การณํ สลฺลกฺขยิตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ อคมาสิฯ ตตฺถ คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, เอกเจฺจ ภิกฺขู ‘อิมินา มเคฺคน คจฺฉามา’ติ วุเตฺต อเญฺญน คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฎฺฐากํ ภิกฺขุํ ชานาถา’’ติฯ ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต อุฎฺฐาย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตุเมฺหเยว ปตฺถยมาโน สตสหสฺสกปฺปาธิกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปารมิโย ปูเรสิํ, นนุ มาทิโส มหาปโญฺญ อุปฎฺฐาโก นาม วฎฺฎติ, อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ ภควา ‘‘อลํ, สาริปุตฺต, ยสฺสํ ทิสายํ ตฺวํ วิหรสิ, อสุญฺญาเยว สา ทิสา, ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส, น เม ตยา อุปฎฺฐากกิจฺจํ อตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ เอเตเนวุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทิํ กตฺวา อสีติมหาสาวกา อุฎฺฐหิํสุฯ สเพฺพ ภควา ปฎิกฺขิปิฯ
Ekadā pana bhagavā meghiyattherena saddhiṃ pācīnavaṃsamigadāye jantugāmaṃ agamāsi. Tatrāpi meghiyo jantugāme piṇḍāya caritvā nadītīre pāsādikaṃ ambavanaṃ disvā ‘‘bhagavā tumhākaṃ pattacīvaraṃ gaṇhatha, ahaṃ etasmiṃ ambavane samaṇadhammaṃ karomī’’ti vatvā bhagavatā tikkhattuṃ nivāriyamānopi gantvā akusalavitakkehi anvāsatto paccāgantvā taṃ pavattiṃ ārocesi. Tampi bhagavā ‘‘idameva te kāraṇaṃ sallakkhayitvā nivārayimhā’’ti vatvā anupubbena sāvatthiṃ agamāsi. Tattha gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane nisinno bhikkhusaṅghaparivuto bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhave, idānimhi mahallako, ekacce bhikkhū ‘iminā maggena gacchāmā’ti vutte aññena gacchanti, ekacce mayhaṃ pattacīvaraṃ bhūmiyaṃ nikkhipanti, mayhaṃ nibaddhupaṭṭhākaṃ bhikkhuṃ jānāthā’’ti. Bhikkhūnaṃ dhammasaṃvego udapādi. Athāyasmā sāriputto uṭṭhāya bhagavantaṃ vanditvā ‘‘ahaṃ, bhante, tumheyeva patthayamāno satasahassakappādhikaṃ asaṅkhyeyyaṃ pāramiyo pūresiṃ, nanu mādiso mahāpañño upaṭṭhāko nāma vaṭṭati, ahaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti āha. Taṃ bhagavā ‘‘alaṃ, sāriputta, yassaṃ disāyaṃ tvaṃ viharasi, asuññāyeva sā disā, tava ovādo buddhānaṃ ovādasadiso, na me tayā upaṭṭhākakiccaṃ atthī’’ti paṭikkhipi. Etenevupāyena mahāmoggallānaṃ ādiṃ katvā asītimahāsāvakā uṭṭhahiṃsu. Sabbe bhagavā paṭikkhipi.
อานนฺทเตฺถโร ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิฯ อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุสโงฺฆ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจติ, ตฺวมฺปิ ยาจาหี’’ติฯ ยาจิตฺวา ลทฺธฎฺฐานํ นาม อาวุโส กีทิสํ โหติ, กิํ มํ สตฺถา น ปสฺสติ, สเจ โรเจสฺสติ, ‘‘อานโนฺท มํ อุปฎฺฐาตู’’ติ วกฺขตีติฯ อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อานโนฺท อเญฺญน อุสฺสาเหตโพฺพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฎฺฐหิสฺสตี’’ติ อาหฯ ตโต ภิกฺขู ‘‘อุเฎฺฐหิ อาวุโส อานนฺท, อุเฎฺฐหิ, อาวุโส อานนฺท, ทสพลํ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุฯ เถโร อุฎฺฐหิตฺวา จตฺตาโร ปฎิเกฺขเป จ จตโสฺส จ อายาจนาติ อฎฺฐ วเร ยาจิฯ
Ānandatthero pana tuṇhīyeva nisīdi. Atha naṃ bhikkhū āhaṃsu ‘‘āvuso, bhikkhusaṅgho upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācati, tvampi yācāhī’’ti. Yācitvā laddhaṭṭhānaṃ nāma āvuso kīdisaṃ hoti, kiṃ maṃ satthā na passati, sace rocessati, ‘‘ānando maṃ upaṭṭhātū’’ti vakkhatīti. Atha bhagavā ‘‘na, bhikkhave, ānando aññena ussāhetabbo, sayameva jānitvā maṃ upaṭṭhahissatī’’ti āha. Tato bhikkhū ‘‘uṭṭhehi āvuso ānanda, uṭṭhehi, āvuso ānanda, dasabalaṃ upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti āhaṃsu. Thero uṭṭhahitvā cattāro paṭikkhepe ca catasso ca āyācanāti aṭṭha vare yāci.
จตฺตาโร ปฎิเกฺขปา นาม ‘‘สเจ เม, ภเนฺต ภควา, อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ , ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อาทีนวํ อทฺทสา’’ติ วุเตฺต อาห ‘‘สจาหํ, ภเนฺต, อิมานิ วตฺถูนิ ลภิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘อานโนฺท ทสพเลน ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ ปริภุญฺชติ, ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสติ, เอกนิมนฺตนํ คจฺฉติ, เอตํ ลาภํ ลภโนฺต ตถาคตํ อุปฎฺฐาติ, โก เอวํ อุปฎฺฐหโต ภาโร’’’ติฯ อิเม จตฺตาโร ปฎิเกฺขเป ยาจิฯ
Cattāropaṭikkhepā nāma ‘‘sace me, bhante bhagavā, attanā laddhaṃ paṇītaṃ cīvaraṃ na dassati , piṇḍapātaṃ na dassati, ekagandhakuṭiyaṃ vasituṃ na dassati, nimantanaṃ gahetvā na gamissati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti vatvā ‘‘kaṃ panettha, ānanda, ādīnavaṃ addasā’’ti vutte āha ‘‘sacāhaṃ, bhante, imāni vatthūni labhissāmi, bhavissanti vattāro ‘ānando dasabalena laddhaṃ paṇītaṃ cīvaraṃ paribhuñjati, piṇḍapātaṃ paribhuñjati, ekagandhakuṭiyaṃ vasati, ekanimantanaṃ gacchati, etaṃ lābhaṃ labhanto tathāgataṃ upaṭṭhāti, ko evaṃ upaṭṭhahato bhāro’’’ti. Ime cattāro paṭikkhepe yāci.
จตโสฺส อายาจนา นาม ‘‘สเจ, ภเนฺต ภควา, มยา คหิตํ นิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทา ภควนฺตํ ทฎฺฐุํ อาคตปริสํ อาคตกฺขเณ เอว ภควนฺตํ ทเสฺสตุํ ลจฺฉามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํเยว ขเณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, ตถา ยํ ภควา มยฺหํ ปรมฺมุขํ ธมฺมํ เทเสติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อานิสํสํ ปสฺสสี’’ติ วุเตฺต อาห ‘‘อิธ, ภเนฺต, สทฺธา กุลปุตฺตา ภควโต โอกาสํ อลภนฺตา มํ เอวํ วทนฺติ ‘เสฺวว, ภเนฺต อานนฺท, ภควตา สทฺธิํ อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คเณฺหยฺยาถา’ติฯ สเจ ภควา ตตฺถ น คมิสฺสติ, อิจฺฉิตกฺขเณเยว ปริสํ ทเสฺสตุํ กงฺขญฺจ วิโนเทตุํ โอกาสํ น ลจฺฉามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘กิํ อานโนฺท ทสพลํ อุปฎฺฐาติ, เอตฺตกมฺปิสฺส อนุคฺคหํ ภควา น กโรตี’ติฯ ภควโต จ ปรมฺมุขา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘อยํ, อาวุโส อานนฺท, คาถา อิทํ สุตฺตํ อิทํ ชาตกํ กตฺถ เทสิต’นฺติฯ สจาหํ ตํ น สมฺปายิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘เอตฺตกมฺปิ, อาวุโส, น ชานาสิ, กสฺมา ตฺวํ ฉายา วิย ภควนฺตํ น วิชหโนฺต ทีฆรตฺตํ จิรํ วิจรี’ติฯ เตนาหํ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสปิ ธมฺมสฺส ปุน กถนํ อิจฺฉามี’’ติฯ อิมา จตโสฺส อายาจนา ยาจิฯ ภควาปิสฺส อทาสิฯ เอวํ อิเม อฎฺฐ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฎฺฐาโก อโหสิฯ
Catasso āyācanā nāma ‘‘sace, bhante bhagavā, mayā gahitaṃ nimantanaṃ gamissati, sacāhaṃ tiroraṭṭhā tirojanapadā bhagavantaṃ daṭṭhuṃ āgataparisaṃ āgatakkhaṇe eva bhagavantaṃ dassetuṃ lacchāmi, yadā me kaṅkhā uppajjati, tasmiṃyeva khaṇe bhagavantaṃ upasaṅkamituṃ lacchāmi, tathā yaṃ bhagavā mayhaṃ parammukhaṃ dhammaṃ deseti, taṃ āgantvā mayhaṃ kathessati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti vatvā ‘‘kaṃ panettha, ānanda, ānisaṃsaṃ passasī’’ti vutte āha ‘‘idha, bhante, saddhā kulaputtā bhagavato okāsaṃ alabhantā maṃ evaṃ vadanti ‘sveva, bhante ānanda, bhagavatā saddhiṃ amhākaṃ ghare bhikkhaṃ gaṇheyyāthā’ti. Sace bhagavā tattha na gamissati, icchitakkhaṇeyeva parisaṃ dassetuṃ kaṅkhañca vinodetuṃ okāsaṃ na lacchāmi, bhavissanti vattāro ‘kiṃ ānando dasabalaṃ upaṭṭhāti, ettakampissa anuggahaṃ bhagavā na karotī’ti. Bhagavato ca parammukhā maṃ pucchissanti ‘ayaṃ, āvuso ānanda, gāthā idaṃ suttaṃ idaṃ jātakaṃ kattha desita’nti. Sacāhaṃ taṃ na sampāyissāmi, bhavissanti vattāro ‘ettakampi, āvuso, na jānāsi, kasmā tvaṃ chāyā viya bhagavantaṃ na vijahanto dīgharattaṃ ciraṃ vicarī’ti. Tenāhaṃ parammukhā desitassapi dhammassa puna kathanaṃ icchāmī’’ti. Imā catasso āyācanā yāci. Bhagavāpissa adāsi. Evaṃ ime aṭṭha vare gahetvā nibaddhupaṭṭhāko ahosi.
ตเสฺสว ฐานนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิ, ปาปุณิตฺวา จ อุปฎฺฐากานํ อโคฺค หุตฺวา ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิฯ เถโร หิ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลทฺธกาลโต ปฎฺฐาย ภควนฺตํ ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกเฎฺฐน ปาทปริกเมฺมน ปิฎฺฐิปริกเมฺมน คนฺธกุฎิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิเจฺจหิ อุปฎฺฐหโนฺต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, อิทํ นาม กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ ตํ นิปฺผาเทโนฺต มหติํ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺติํ คนฺธกุฎิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติฯ เอวญฺหิสฺส อโหสิ ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ภควติ ปโกฺกสเนฺต ปฎิวจนํ ทาตุํ นาหํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติฯ ตสฺมา สพฺพรตฺติํ ทณฺฑทีปิกํ หเตฺถน น มุญฺจติ, เอวเมตสฺส นิพทฺธุปฎฺฐากฎฺฐานสฺส อลทฺธภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โน จ โข อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลทฺธา’’ติฯ นิพทฺธุปฎฺฐาโก นาม นตฺถีติ นิยตุปฎฺฐาโก นาม นตฺถิฯ อนิยตุปฎฺฐากา ปน ภควโต ปฐมโพธิยํ พหู อเหสุํ, เต ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กทาจิ นาคสมาลเตฺถโร’’ติอาทิฯ ญาติ จ โส ปสตฺถตมคุณโยคโต เสโฎฺฐ จาติ ญาติเสโฎฺฐฯ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ อยเมว ปติรูโปติ อาปทาสุ อามิสสฺส อภิสงฺขริตฺวา ทานํ นาม ญาตเกเนว กาตุํ ยุตฺตตรนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Tasseva ṭhānantarassa atthāya kappasatasahassaṃ pūritānaṃ pāramīnaṃ phalaṃ pāpuṇi, pāpuṇitvā ca upaṭṭhākānaṃ aggo hutvā bhagavantaṃ upaṭṭhahi. Thero hi upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhakālato paṭṭhāya bhagavantaṃ duvidhena udakena tividhena dantakaṭṭhena pādaparikammena piṭṭhiparikammena gandhakuṭipariveṇasammajjanenāti evamādīhi kiccehi upaṭṭhahanto ‘‘imāya nāma velāya satthu idaṃ nāma laddhuṃ vaṭṭati, idaṃ nāma kātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā taṃ taṃ nipphādento mahatiṃ daṇḍadīpikaṃ gahetvā ekarattiṃ gandhakuṭipariveṇaṃ nava vāre anupariyāyati. Evañhissa ahosi ‘‘sace me thinamiddhaṃ okkameyya, bhagavati pakkosante paṭivacanaṃ dātuṃ nāhaṃ sakkuṇeyya’’nti. Tasmā sabbarattiṃ daṇḍadīpikaṃ hatthena na muñcati, evametassa nibaddhupaṭṭhākaṭṭhānassa aladdhabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘no ca kho upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhā’’ti. Nibaddhupaṭṭhāko nāma natthīti niyatupaṭṭhāko nāma natthi. Aniyatupaṭṭhākā pana bhagavato paṭhamabodhiyaṃ bahū ahesuṃ, te dassento āha ‘‘kadāci nāgasamālatthero’’tiādi. Ñāti ca so pasatthatamaguṇayogato seṭṭho cāti ñātiseṭṭho. Evarūpesu ṭhānesu ayameva patirūpoti āpadāsu āmisassa abhisaṅkharitvā dānaṃ nāma ñātakeneva kātuṃ yuttataranti adhippāyo.
มาราวฎฺฎนายาติ มาเรน กตจิตฺตาวฎฺฎนาย, มารานุภาเวน สญฺชาตจิตฺตสโมฺมเหนาติ วุตฺตํ โหติฯ เตเนวาห ‘‘อาวเฎฺฎตฺวา โมเหตฺวา’’ติอาทิฯ ติฎฺฐนฺตุ…เป.… ตมฺปิ มาโร อาวเฎฺฎยฺยาติ ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล กตุปจิตสฺส อกุสลกมฺมสฺส ตทา ลโทฺธกาสวเสน อุปฎฺฐิตตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ อปทาเน –
Mārāvaṭṭanāyāti mārena katacittāvaṭṭanāya, mārānubhāvena sañjātacittasammohenāti vuttaṃ hoti. Tenevāha ‘‘āvaṭṭetvā mohetvā’’tiādi. Tiṭṭhantu…pe… tampi māro āvaṭṭeyyāti phussassa bhagavato kāle katupacitassa akusalakammassa tadā laddhokāsavasena upaṭṭhitattā. Vuttañhetaṃ apadāne –
‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยิํ;
‘‘Phussassāhaṃ pāvacane, sāvake paribhāsayiṃ;
ยวํ ขาทถ ภุญฺชถ, มา จ ภุญฺชถ สาลโยฯ
Yavaṃ khādatha bhuñjatha, mā ca bhuñjatha sālayo.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;
‘‘Tena kammavipākena, temāsaṃ khāditaṃ yavaṃ;
นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรญฺชายํ วสิํ ตทา’’ติฯ (อป. เถร ๑.๓๙.๘๘-๘๙);
Nimantito brāhmaṇena, verañjāyaṃ vasiṃ tadā’’ti. (apa. thera 1.39.88-89);
ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ ปริโยนทฺธจิโตฺต, อภิภูตจิโตฺตติ อโตฺถฯ อาวฎฺฎิตปริโยสาเน อาคมิํสูติ มาเรน อาวเฎฺฎตฺวา คเต ปจฺฉา อาคมิํสุฯ อวิสหตายาติ อสกฺกุเณยฺยตายฯ อภิหฎภิกฺขายาติ ปจิตฺวา อภิหริยมานภิกฺขายฯ นิพทฺธทานสฺสาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ภควโต ทสฺสามา’’ติ นิจฺจภตฺตวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐปิตทานสฺสฯ อปฺปิตวตฺถสฺสาติ ‘‘อิทํ พุทฺธสฺส จตุปจฺจยปริโภคตฺถ’’นฺติ วิหารํ เนตฺวา ทินฺนวตฺถุโนฯ น วิสหตีติ น สโกฺกติฯ อภิหฎภิกฺขาสเงฺขเปนาติ อภิหฎภิกฺขานีหาเรน ฯ พฺยามปฺปภายาติ สมนฺตโต พฺยามมตฺตาย ปภายฯ เอตฺถ จ อนุพฺยญฺชนานํ พฺยามปฺปภาย จ นิปฺปภากรณํ อนฺตราโยติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘จนฺทิมสูริยเทวพฺรหฺมานมฺปิ หี’’ติอาทิฯ อนุพฺยญฺชนานํ พฺยามปฺปภาย เอกาพทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘อนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาปฺปเทสํ ปตฺวา’’ติฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อนฺตราโย นาม เญยฺยธเมฺมสุ อาวรณํฯ
Pariyuṭṭhitacittoti pariyonaddhacitto, abhibhūtacittoti attho. Āvaṭṭitapariyosāne āgamiṃsūti mārena āvaṭṭetvā gate pacchā āgamiṃsu. Avisahatāyāti asakkuṇeyyatāya. Abhihaṭabhikkhāyāti pacitvā abhihariyamānabhikkhāya. Nibaddhadānassāti ‘‘ettakaṃ kālaṃ bhagavato dassāmā’’ti niccabhattavasena paricchinditvā ṭhapitadānassa. Appitavatthassāti ‘‘idaṃ buddhassa catupaccayaparibhogattha’’nti vihāraṃ netvā dinnavatthuno. Na visahatīti na sakkoti. Abhihaṭabhikkhāsaṅkhepenāti abhihaṭabhikkhānīhārena . Byāmappabhāyāti samantato byāmamattāya pabhāya. Ettha ca anubyañjanānaṃ byāmappabhāya ca nippabhākaraṇaṃ antarāyoti daṭṭhabbaṃ. Tenevāha ‘‘candimasūriyadevabrahmānampi hī’’tiādi. Anubyañjanānaṃ byāmappabhāya ekābaddhattā vuttaṃ ‘‘anubyañjanabyāmappabhāppadesaṃ patvā’’ti. Sabbaññutaññāṇassa antarāyo nāma ñeyyadhammesu āvaraṇaṃ.
อโสฺสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ กิํ สยเมว อุปฺปนฺนํ อุทุกฺขลสทฺทํ อโสฺสสีติ เจติ อาห ‘‘ปตฺถปตฺถปุลกํ โกเฎฺฎนฺตาน’’นฺติอาทิฯ อตฺถสญฺหิตนฺติ ปโยชนสาธกํฯ อนตฺถสญฺหิเตติ อนตฺถนิสฺสิเต วจเนฯ ฆาตาเปกฺขํ ภุมฺมวจนํฯ ยสฺมิญฺจ เยน ฆาโต นิปฺผาทียติ, ตเสฺสว เตน ฆาโต กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘มเคฺคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต สมุเจฺฉโทติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ สามิอเตฺถ วา ภุมฺมวจนนฺติ มญฺญมาโน เอวมาหาติ ทฎฺฐพฺพํฯ วจนสฺส จ สมุคฺฆาโต ตมฺมูลกิเลสานํ สมุคฺฆาเตนาติ เวทิตพฺพํฯ
Assosi kho bhagavā udukkhalasaddanti kiṃ sayameva uppannaṃ udukkhalasaddaṃ assosīti ceti āha ‘‘patthapatthapulakaṃ koṭṭentāna’’ntiādi. Atthasañhitanti payojanasādhakaṃ. Anatthasañhiteti anatthanissite vacane. Ghātāpekkhaṃ bhummavacanaṃ. Yasmiñca yena ghāto nipphādīyati, tasseva tena ghāto kato nāma hotīti āha ‘‘maggeneva tādisassa vacanassa ghāto samucchedoti vuttaṃ hotī’’ti. Sāmiatthe vā bhummavacananti maññamāno evamāhāti daṭṭhabbaṃ. Vacanassa ca samugghāto tammūlakilesānaṃ samugghātenāti veditabbaṃ.
อากโรติ อตฺตโน อนุรูปตาย สมริยาทํ สปริเจฺฉทํ ผลํ นิปฺผเตฺตตีติ อากาโร การณนฺติ อาห ‘‘อากาเรหีติ การเณหี’’ติฯ อฎฺฐุปฺปตฺติยุตฺตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตํฯ ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฎํ กตฺวาติ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทิปุจฺฉาย เตน ภิกฺขุนา กตวีติกฺกมํ ปกาเสตฺวา, วีติกฺกมปฺปกาสนญฺจ กิมตฺถมิทํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปตีติ อนุชานนตฺถํฯ
Ākaroti attano anurūpatāya samariyādaṃ saparicchedaṃ phalaṃ nipphattetīti ākāro kāraṇanti āha ‘‘ākārehīti kāraṇehī’’ti. Aṭṭhuppattiyuttanti paccuppannavatthuṃ nissāya pavattaṃ. Tāya pucchāya vītikkamaṃ pākaṭaṃ katvāti ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhū’’tiādipucchāya tena bhikkhunā katavītikkamaṃ pakāsetvā, vītikkamappakāsanañca kimatthamidaṃ sikkhāpadaṃ paññapetīti anujānanatthaṃ.
นตฺถิ กิญฺจิ วตฺตพฺพนฺติ ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตา น กิญฺจิ เอตฺถ อปุพฺพํ วตฺตพฺพมตฺถีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ปุเพฺพ วุตฺตเมว หี’’ติอาทิฯ สาธุ สาธูติ อิทํ ปสํสายํ อาเมฑิตวจนนฺติ อาห ‘‘อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมฺปหํเสโนฺต’’ติฯ ทฺวีสุ อากาเรสูติ ธมฺมเทสนสิกฺขาปทปญฺญตฺติสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ การเณสุฯ เอกํ คเหตฺวาติ ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ เอวํ วุตฺตการณํ คเหตฺวาฯ เอวํทุพฺภิเกฺขติ เอวํ ทุเกฺขน ลภิตพฺพา ภิกฺขา เอตฺถาติ เอวํทุพฺภิเกฺข กาเล, เทเส วาฯ ทุลฺลภปิเณฺฑติ เอตเสฺสว อตฺถทีปนํฯ ภาชนาทิปริหรณวเสน พหุภณฺฑิกตาย อภาวโต วุตฺตํ ‘‘อิมาย สลฺลหุกวุตฺติตายา’’ติฯ เอตฺตกเมว อลํ ยาเปตุนฺติ อุตฺตริ ปตฺถนาภาวโต ปน ‘‘อิมินา จ สเลฺลเขนา’’ติ วุตฺตํฯ ทุพฺภิกฺขํ วิชิตนฺติ เอตฺถ หิ ภิกฺขานํ อภาโว ทุพฺภิกฺขํ ‘‘นิมฺมกฺขิก’’นฺติอาทีสุ วิยฯ ภิกฺขาภาโวเยว หิ ตํนิมิตฺตจิตฺตวิฆาตานํ อภาวโต ภิกฺขูหิ วิชิโต วเส วตฺติโตฯ โลโภ วิชิโตติ อามิสเหตุ รตฺติเจฺฉทวสฺสเจฺฉทสมุฎฺฐาปโก โลลุปฺปาโทปิ เตสํ นาโหสีติ อามิสโลลตาสงฺขาโต โลโภ วิชิโตฯ อิจฺฉาจาโร วิชิโตติ ‘‘อามิสเหตุ อญฺญมญฺญสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฺปกาสนวเสน คุณวณิชฺชํ กตฺวา ชีวิกํ กเปฺปสฺสามา’’ติ เอวํ ปวตฺตอิจฺฉาจารสฺส อภาวโต ยถาวุโตฺต อิจฺฉาจาโร วิชิโตฯ จิตฺตุปฺปาทมตฺตสฺสปิ อนุปฺปนฺนภาวํ สนฺธาย ‘‘จินฺตา วา’’ติ วุตฺตํฯ ปุนปฺปุนานุโสจนวเสน ปน จิตฺตปีฬาปิ นาโหสีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วิฆาโต วา’’ติ วุตฺตํฯ
Natthi kiñci vattabbanti pubbe vuttanayattā na kiñci ettha apubbaṃ vattabbamatthīti dasseti. Tenāha ‘‘pubbe vuttameva hī’’tiādi. Sādhu sādhūti idaṃ pasaṃsāyaṃ āmeḍitavacananti āha ‘‘āyasmantaṃ ānandaṃ sampahaṃsento’’ti. Dvīsu ākāresūti dhammadesanasikkhāpadapaññattisaṅkhātesu dvīsu kāraṇesu. Ekaṃ gahetvāti dhammaṃ vā desessāmāti evaṃ vuttakāraṇaṃ gahetvā. Evaṃdubbhikkheti evaṃ dukkhena labhitabbā bhikkhā etthāti evaṃdubbhikkhe kāle, dese vā. Dullabhapiṇḍeti etasseva atthadīpanaṃ. Bhājanādipariharaṇavasena bahubhaṇḍikatāya abhāvato vuttaṃ ‘‘imāya sallahukavuttitāyā’’ti. Ettakameva alaṃ yāpetunti uttari patthanābhāvato pana ‘‘iminā ca sallekhenā’’ti vuttaṃ. Dubbhikkhaṃ vijitanti ettha hi bhikkhānaṃ abhāvo dubbhikkhaṃ ‘‘nimmakkhika’’ntiādīsu viya. Bhikkhābhāvoyeva hi taṃnimittacittavighātānaṃ abhāvato bhikkhūhi vijito vase vattito. Lobho vijitoti āmisahetu ratticchedavassacchedasamuṭṭhāpako loluppādopi tesaṃ nāhosīti āmisalolatāsaṅkhāto lobho vijito. Icchācāro vijitoti ‘‘āmisahetu aññamaññassa uttarimanussadhammappakāsanavasena guṇavaṇijjaṃ katvā jīvikaṃ kappessāmā’’ti evaṃ pavattaicchācārassa abhāvato yathāvutto icchācāro vijito. Cittuppādamattassapi anuppannabhāvaṃ sandhāya ‘‘cintā vā’’ti vuttaṃ. Punappunānusocanavasena pana cittapīḷāpi nāhosīti dassanatthaṃ ‘‘vighāto vā’’ti vuttaṃ.
รตฺติเจฺฉโท วาติ สตฺตาหกรณียวเสน คนฺตฺวา พหิ อรุณุฎฺฐาปนวเสน รตฺติเจฺฉโท วา น กโต สตฺตาหกิจฺจวเสนปิ กตฺถจิ อคตตฺตาฯ สตฺตาหกิจฺจวเสน วิปฺปวาสญฺหิ สนฺธาย รตฺติเจฺฉโทติ อฎฺฐกถาโวหาโร, ตโตเยว จ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๙๙) ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกรตฺติเจฺฉทวินิจฺฉโย’’ติ วตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนตฺถาย อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฎฺฎตี’’ติอาทินา สตฺตาหกรณียเมว วิภตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สตฺตาหกิเจฺจน คนฺตฺวา เอกภิกฺขุนาปิ รตฺติเจฺฉโท วา น กโต’’ติฯ เอวญฺจ กตฺวา รตฺติเจฺฉโท นาม สตฺตาหกรณียวเสน โหติ, น อญฺญถาติ รตฺติเจฺฉทลกฺขณญฺจ กถิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ ปจฺจยเวกลฺลสงฺขาเต วสฺสเจฺฉทการเณ สติ รตฺติเจฺฉทสฺสปิ วุตฺตตฺตา ยตฺถ วสฺสเจฺฉทการณํ ลพฺภติ, ตตฺถ สตฺตาหกิเจฺจน คนฺตุมฺปิ วฎฺฎตีติ สิทฺธนฺติ จูฬคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก วสฺสเจฺฉทาธิกาเร –
Ratticchedo vāti sattāhakaraṇīyavasena gantvā bahi aruṇuṭṭhāpanavasena ratticchedo vā na kato sattāhakiccavasenapi katthaci agatattā. Sattāhakiccavasena vippavāsañhi sandhāya ratticchedoti aṭṭhakathāvohāro, tatoyeva ca vassūpanāyikakkhandhakavaṇṇanāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 199) ‘‘ayaṃ panettha pāḷimuttakaratticchedavinicchayo’’ti vatvā ‘‘dhammassavanatthāya animantitena gantuṃ na vaṭṭatī’’tiādinā sattāhakaraṇīyameva vibhattaṃ. Mahāaṭṭhakathāyampi vuttaṃ ‘‘sattāhakiccena gantvā ekabhikkhunāpi ratticchedo vā na kato’’ti. Evañca katvā ratticchedo nāma sattāhakaraṇīyavasena hoti, na aññathāti ratticchedalakkhaṇañca kathitanti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca paccayavekallasaṅkhāte vassacchedakāraṇe sati ratticchedassapi vuttattā yattha vassacchedakāraṇaṃ labbhati, tattha sattāhakiccena gantumpi vaṭṭatīti siddhanti cūḷagaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ, taṃ suvuttaṃ vassūpanāyikakkhandhake vassacchedādhikāre –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส วสฺสูปคตานํ ภิกฺขูนํ คาโม โจเรหิ วุฎฺฐาสิฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน คาโม เตน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๑) –
‘‘Tena kho pana samayena aññatarasmiṃ āvāse vassūpagatānaṃ bhikkhūnaṃ gāmo corehi vuṭṭhāsi. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, yena gāmo tena gantu’’nti (mahāva. 201) –
เอตฺถ ‘‘สเจ คาโม อวิทูรคโต โหติ, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารเมว อาคนฺตฺวา วสิตพฺพํฯ สเจ ทูรคโต, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฎฺฐาเปตโพฺพฯ น สกฺกา เจ โหติ, ตเตฺถว สภาคฎฺฐาเน วสิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๑) อิมินา อฎฺฐกถาวจเนนปิ สํสนฺทนโตฯ ตถา หิ คาเม วุฎฺฐิเต ภิกฺขาย อภาวโต วสฺสเจฺฉเทปิ อนาปตฺติํ วทเนฺตน ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน คาโม เตน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๑) วุตฺตตฺตา ภิกฺขาย อภาโว วสฺสเจฺฉทการณํฯ ตตฺถ ‘‘สเจ ทูรคโต, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฎฺฐาเปตโพฺพ’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๑) อิทํ อฎฺฐกถาวจนํ วสฺสเจฺฉทการเณ สติ สตฺตาหกิเจฺจน คนฺตุมฺปิ วฎฺฎตีติ อิมมตฺถํ สาเธติฯ
Ettha ‘‘sace gāmo avidūragato hoti, tattha piṇḍāya caritvā vihārameva āgantvā vasitabbaṃ. Sace dūragato, sattāhavārena aruṇo uṭṭhāpetabbo. Na sakkā ce hoti, tattheva sabhāgaṭṭhāne vasitabba’’nti (mahāva. aṭṭha. 201) iminā aṭṭhakathāvacanenapi saṃsandanato. Tathā hi gāme vuṭṭhite bhikkhāya abhāvato vassacchedepi anāpattiṃ vadantena bhagavatā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, yena gāmo tena gantu’’nti (mahāva. 201) vuttattā bhikkhāya abhāvo vassacchedakāraṇaṃ. Tattha ‘‘sace dūragato, sattāhavārena aruṇo uṭṭhāpetabbo’’ti (mahāva. aṭṭha. 201) idaṃ aṭṭhakathāvacanaṃ vassacchedakāraṇe sati sattāhakiccena gantumpi vaṭṭatīti imamatthaṃ sādheti.
ยํ ปน วุตฺตํ เกนจิ –
Yaṃ pana vuttaṃ kenaci –
‘‘รตฺติเจฺฉโทติ สตฺตาหกิจฺจํ สนฺธาย วุโตฺต, สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา รตฺติเจฺฉโท วา วสฺสเจฺฉโท วา เอกภิกฺขุนาปิ น กโตติ วุตฺตํ กิร มหาอฎฺฐกถายํ, ตสฺมา วสฺสเจฺฉทสฺส การเณ สติ สตฺตาหกิจฺจํ กาตุํ วฎฺฎตีติ เอเกฯ วินยธรา ปน น อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา อฎฺฐกถาธิปฺปาโย วีมํสิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Ratticchedoti sattāhakiccaṃ sandhāya vutto, sattāhakaraṇīyena gantvā ratticchedo vā vassacchedo vā ekabhikkhunāpi na katoti vuttaṃ kira mahāaṭṭhakathāyaṃ, tasmā vassacchedassa kāraṇe sati sattāhakiccaṃ kātuṃ vaṭṭatīti eke. Vinayadharā pana na icchanti, tasmā aṭṭhakathādhippāyo vīmaṃsitabbo’’ti.
ตํ ปน สยํ สมฺมูฬฺหสฺส ปเรสํ โมหุปฺปาทนมตฺตํฯ น หิ วินยธรานํ อนิจฺฉาย การณํ ทิสฺสติ อฎฺฐกถาย วิรุชฺฌนโต ยุตฺติอภาวโต จฯ ยญฺหิ การณํ วสฺสเจฺฉเทปิ อนาปตฺติํ สาเธติ, ตสฺมิํ สติ วินา วสฺสเจฺฉทํ สตฺตาหกิเจฺจน คนฺตุํ น วฎฺฎตีติ กา นาม ยุตฺติฯ ‘‘ปจฺฉิมิกาย ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉามา’’ติ อิทํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนุรูปปริวิตกฺกนปอทีปนํ, น ปน วิเสสตฺถปริทีปนํฯ ตถา หิ ทุพฺภิกฺขตาย วสฺสเจฺฉทกรณสพฺภาวโต ปุริมิกาย ตาว วสฺสเจฺฉเทปิ อนาปตฺติฯ ปจฺฉิมิกายํ อนุปคนฺตุกามตาย คมเนปิ นตฺถิ โทโส ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปนายิกทิวสสฺส อสมฺปตฺตภาวโตฯ
Taṃ pana sayaṃ sammūḷhassa paresaṃ mohuppādanamattaṃ. Na hi vinayadharānaṃ anicchāya kāraṇaṃ dissati aṭṭhakathāya virujjhanato yuttiabhāvato ca. Yañhi kāraṇaṃ vassacchedepi anāpattiṃ sādheti, tasmiṃ sati vinā vassacchedaṃ sattāhakiccena gantuṃ na vaṭṭatīti kā nāma yutti. ‘‘Pacchimikāya tattha vassaṃ upagacchāmā’’ti idaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ anurūpaparivitakkanapaadīpanaṃ, na pana visesatthaparidīpanaṃ. Tathā hi dubbhikkhatāya vassacchedakaraṇasabbhāvato purimikāya tāva vassacchedepi anāpatti. Pacchimikāyaṃ anupagantukāmatāya gamanepi natthi doso pacchimikāya vassūpanāyikadivasassa asampattabhāvato.
น กิสฺมิญฺจิ มญฺญนฺตีติ กิสฺมิญฺจิ คุเณ สมฺภาวนวเสน น มญฺญนฺติฯ ปกาเสตฺวาติ ปฎิลทฺธชฺฌานาทิคุณวเสน ปกาเสตฺวาฯ ‘‘ปจฺฉา สีลํ อธิฎฺฐเหยฺยามา’’ติ วุตฺตนเยน กุจฺฉิปฎิชคฺคเน สติ ตถาปวตฺตอิจฺฉาจารสฺส อปริสุทฺธภาวโต อาชีวสุทฺธิยา จ อภาวโต ปุน วายมิตฺวา สํวเร ปติฎฺฐาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉา สีลํ อธิฎฺฐเหยฺยามา’’ติฯ
Na kismiñci maññantīti kismiñci guṇe sambhāvanavasena na maññanti. Pakāsetvāti paṭiladdhajjhānādiguṇavasena pakāsetvā. ‘‘Pacchā sīlaṃ adhiṭṭhaheyyāmā’’ti vuttanayena kucchipaṭijaggane sati tathāpavattaicchācārassa aparisuddhabhāvato ājīvasuddhiyā ca abhāvato puna vāyamitvā saṃvare patiṭṭhātabbanti āha ‘‘pacchā sīlaṃ adhiṭṭhaheyyāmā’’ti.
กิํ อิทนฺติ ครหณวเสน วุตฺตํฯ สาลิตณฺฑุเลหิ สมฺปาทิตํ มํเสน อุปสิตฺตํ โอทนํ สาลิมํโสทนํฯ อติมญฺญิสฺสตีติ อวญฺญาตกรณวเสน อติกฺกมิตฺวา มญฺญิสฺสติ, ลามกํ นิหีนํ กตฺวา มญฺญิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ ฯ เตนาห ‘‘โอญฺญาตํ อวญฺญาตํ กริสฺสตี’’ติฯ เหฎฺฐา กตฺวา นิหีนํ กตฺวา ญาตํ โอญฺญาตํฯ อวญฺญาตนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ สฺวายนฺติ โส อยํ ชนปโทฯ อิมาย ปฎิปตฺติยาติ เวรญฺชายํ ปูริตาย สุทุกฺกราย ปฎิปตฺติยาฯ ตุเมฺห นิสฺสายาติ ตุมฺหากํ อิมํ อปฺปิจฺฉปฎิปทํ นิสฺสายฯ สพฺรหฺมจารีสงฺขาตาติ ฉพฺพคฺคิยาทโย วุตฺตาฯ ตุมฺหากํ อนฺตเร นิสีทิตฺวาติ ตุมฺหากํ มเชฺฌ นิสีทิตฺวา, ตุเมฺหหิ สทฺธิํ นิสีทิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ โอมานนฺติ อติมานํฯ อติมาโนเยว เหตฺถ นิหีนตาย ‘‘โอมาน’’นฺติ วุโตฺต, น ปน หีเฬตฺวา มญฺญนํฯ ตุเมฺหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ วิชิตํ สาลิมํโสทนํ ปจฺฉิมา ชนตา อติมญฺญิสฺสตีติ เอวเมตฺถ ปาฬิํ โยเชตฺวา อตฺถํ วณฺณยนฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ลทฺธํ, เตเนว ตุสฺสิตฺวา สาลิมํโสทนปตฺถนาย ฉินฺนตฺตา จ ตุเมฺหหิ วิชิตํ อภิภูตํ สาลิมํโสทนํ ปจฺฉิมา ชนตา ตตฺถ ปตฺถนํ ฉินฺทิตุํ อสมตฺถตาย อติมญฺญิสฺสตีติฯ
Kiṃ idanti garahaṇavasena vuttaṃ. Sālitaṇḍulehi sampāditaṃ maṃsena upasittaṃ odanaṃ sālimaṃsodanaṃ. Atimaññissatīti avaññātakaraṇavasena atikkamitvā maññissati, lāmakaṃ nihīnaṃ katvā maññissatīti vuttaṃ hoti . Tenāha ‘‘oññātaṃ avaññātaṃ karissatī’’ti. Heṭṭhā katvā nihīnaṃ katvā ñātaṃ oññātaṃ. Avaññātanti tasseva vevacanaṃ. Svāyanti so ayaṃ janapado. Imāya paṭipattiyāti verañjāyaṃ pūritāya sudukkarāya paṭipattiyā. Tumhe nissāyāti tumhākaṃ imaṃ appicchapaṭipadaṃ nissāya. Sabrahmacārīsaṅkhātāti chabbaggiyādayo vuttā. Tumhākaṃ antare nisīditvāti tumhākaṃ majjhe nisīditvā, tumhehi saddhiṃ nisīditvāti vuttaṃ hoti. Omānanti atimānaṃ. Atimānoyeva hettha nihīnatāya ‘‘omāna’’nti vutto, na pana hīḷetvā maññanaṃ. Tumhehi, ānanda, sappurisehi vijitaṃ sālimaṃsodanaṃ pacchimā janatā atimaññissatīti evamettha pāḷiṃ yojetvā atthaṃ vaṇṇayanti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yaṃ laddhaṃ, teneva tussitvā sālimaṃsodanapatthanāya chinnattā ca tumhehi vijitaṃ abhibhūtaṃ sālimaṃsodanaṃ pacchimā janatā tattha patthanaṃ chindituṃ asamatthatāya atimaññissatīti.
ทุพฺภิกฺขกถา นิฎฺฐิตาฯ
Dubbhikkhakathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ทุพฺภิกฺขกถา • Dubbhikkhakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา • Upāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา • Upāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā