Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๗๔] ๔. ทุพฺภิยมกฺกฎชาตกณฺณนา

    [174] 4. Dubbhiyamakkaṭajātakaṇṇanā

    อทมฺห เต วาริ ปหูตรูปนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส อกตญฺญุมิตฺตทุพฺภิภาวํ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทโตฺต อิทาเนว อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภี, ปุเพฺพปิ เอวรูโป อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Adamhate vāri pahūtarūpanti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi dhammasabhāyaṃ bhikkhū devadattassa akataññumittadubbhibhāvaṃ kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘na, bhikkhave, devadatto idāneva akataññū mittadubbhī, pubbepi evarūpo ahosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ฆราวาสํ สณฺฐเปสิฯ ตสฺมิํ ปน สมเย กาสิรเฎฺฐ วตฺตนิมหามเคฺค เอโก คมฺภีโร อุทปาโน โหติ อโนตรณีโย ติรจฺฉานานํ, มคฺคปฺปฎิปนฺนา ปุญฺญตฺถิกา มนุสฺสา ทีฆรชฺชุเกน วารเกน อุทกํ อุสฺสิญฺจิตฺวา เอกิสฺสา โทณิยา ปูเรตฺวา ติรจฺฉานานํ ปานียํ เทนฺติฯ ตสฺส สามนฺตโต มหนฺตํ อรญฺญํ, ตตฺถ พหู มกฺกฎา วสนฺติฯ อถ ตสฺมิํ มเคฺค เทฺว ตีณิ ทิวสานิ มนุสฺสสญฺจาโร ปจฺฉิชฺชิ, ติรจฺฉานา ปานียํ น ลภิํสุฯ เอโก มกฺกโฎ ปิปาสาตุโร หุตฺวา ปานียํ ปริเยสโนฺต อุทปานสฺส สนฺติเก วิจรติฯ โพธิสโตฺต เกนจิเทว กรณีเยน ตํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา ตตฺถ คจฺฉโนฺต ปานียํ อุตฺตาเรตฺวา ปิวิตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ฐิโต ตํ มกฺกฎํ อทฺทสฯ อถสฺส ปิปาสิตภาวํ ญตฺวา ปานียํ อุสฺสิญฺจิตฺวา โทณิยํ อากิริตฺวา อทาสิ, ทตฺวา จ ปน ‘‘วิสฺสมิสฺสามี’’ติ เอกสฺมิํ รุกฺขมูเล นิปชฺชิฯ มกฺกโฎ ปานียํ ปิวิตฺวา อวิทูเร นิสีทิตฺวา มุขมกฺกฎิกํ กโรโนฺต โพธิสตฺตํ ภิํสาเปสิฯ โพธิสโตฺต ตสฺส ตํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฎฺฐมกฺกฎ, อหํ ตว ปิปาสิตสฺส กิลนฺตสฺส พหุํ ปานียํ อทาสิํ, อิทานิ ตฺวํ มยฺหํ มุขมกฺกฎิกํ กโรสิ, อโห ปาปชนสฺส นาม กโต อุปกาโร นิรตฺถโก’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ kāsigāmake brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto gharāvāsaṃ saṇṭhapesi. Tasmiṃ pana samaye kāsiraṭṭhe vattanimahāmagge eko gambhīro udapāno hoti anotaraṇīyo tiracchānānaṃ, maggappaṭipannā puññatthikā manussā dīgharajjukena vārakena udakaṃ ussiñcitvā ekissā doṇiyā pūretvā tiracchānānaṃ pānīyaṃ denti. Tassa sāmantato mahantaṃ araññaṃ, tattha bahū makkaṭā vasanti. Atha tasmiṃ magge dve tīṇi divasāni manussasañcāro pacchijji, tiracchānā pānīyaṃ na labhiṃsu. Eko makkaṭo pipāsāturo hutvā pānīyaṃ pariyesanto udapānassa santike vicarati. Bodhisatto kenacideva karaṇīyena taṃ maggaṃ paṭipajjitvā tattha gacchanto pānīyaṃ uttāretvā pivitvā hatthapāde dhovitvā ṭhito taṃ makkaṭaṃ addasa. Athassa pipāsitabhāvaṃ ñatvā pānīyaṃ ussiñcitvā doṇiyaṃ ākiritvā adāsi, datvā ca pana ‘‘vissamissāmī’’ti ekasmiṃ rukkhamūle nipajji. Makkaṭo pānīyaṃ pivitvā avidūre nisīditvā mukhamakkaṭikaṃ karonto bodhisattaṃ bhiṃsāpesi. Bodhisatto tassa taṃ kiriyaṃ disvā ‘‘are duṭṭhamakkaṭa, ahaṃ tava pipāsitassa kilantassa bahuṃ pānīyaṃ adāsiṃ, idāni tvaṃ mayhaṃ mukhamakkaṭikaṃ karosi, aho pāpajanassa nāma kato upakāro niratthako’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๔๗.

    47.

    ‘‘อทมฺห เต วาริ ปหูตรูปํ, ฆมฺมาภิตตฺตสฺส ปิปาสิตสฺส;

    ‘‘Adamha te vāri pahūtarūpaṃ, ghammābhitattassa pipāsitassa;

    โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสิ, อสงฺคโม ปาปชเนน เสโยฺย’’ติฯ

    So dāni pitvāna kiriṅkarosi, asaṅgamo pāpajanena seyyo’’ti.

    ตตฺถ โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสีติ โส อิทานิ ตฺวํ มยา ทินฺนปานียํ ปิวิตฺวา มุขมกฺกฎิกํ กโรโนฺต ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทํ กโรสิฯ อสงฺคโม ปาปชเนน เสโยฺยติ ปาปชเนน สทฺธิํ สงฺคโม น เสโยฺย, อสงฺคโมว เสโยฺยติฯ

    Tattha so dāni pitvāna kiriṅkarosīti so idāni tvaṃ mayā dinnapānīyaṃ pivitvā mukhamakkaṭikaṃ karonto ‘‘kiri kirī’’ti saddaṃ karosi. Asaṅgamo pāpajanena seyyoti pāpajanena saddhiṃ saṅgamo na seyyo, asaṅgamova seyyoti.

    ตํ สุตฺวา โส มิตฺตทุพฺภี มกฺกโฎ ‘‘ตฺวํ ‘เอตฺตเกนเวตํ นิฎฺฐิต’นฺติ สญฺญํ กโรสิ, อิทานิ เต สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā so mittadubbhī makkaṭo ‘‘tvaṃ ‘ettakenavetaṃ niṭṭhita’nti saññaṃ karosi, idāni te sīse vaccaṃ pātetvā gamissāmī’’ti vatvā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๔๘.

    48.

    ‘‘โก เต สุโต วา ทิโฎฺฐ วา, สีลวา นาม มกฺกโฎ;

    ‘‘Ko te suto vā diṭṭho vā, sīlavā nāma makkaṭo;

    อิทานิ โข ตํ โอหจฺฉํ, เอสา อสฺมาก ธมฺมตา’’ติฯ

    Idāni kho taṃ ohacchaṃ, esā asmāka dhammatā’’ti.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – โภ พฺราหฺมณ, ‘‘มกฺกโฎ กตคุณชานนโก อาจารสมฺปโนฺน สีลวา นาม อตฺถี’’ติ กหํ ตยา สุโต วา ทิโฎฺฐ วา, อิทานิ โข อหํ ตํ โอหจฺฉํ วจฺจํ เต สีเส กตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ, อสฺมากญฺหิ มกฺกฎานํ นาม เอสา ธมฺมตา อยํ ชาติสภาโว, ยทิทํ อุปการกสฺส สีเส วจฺจํ กาตพฺพนฺติฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – bho brāhmaṇa, ‘‘makkaṭo kataguṇajānanako ācārasampanno sīlavā nāma atthī’’ti kahaṃ tayā suto vā diṭṭho vā, idāni kho ahaṃ taṃ ohacchaṃ vaccaṃ te sīse katvā pakkamissāmi, asmākañhi makkaṭānaṃ nāma esā dhammatā ayaṃ jātisabhāvo, yadidaṃ upakārakassa sīse vaccaṃ kātabbanti.

    ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต อุฎฺฐาย คนฺตุํ อารภิฯ มกฺกโฎ ตงฺขณเญฺญว อุปฺปติตฺวา สาขายํ นิสีทิตฺวา โอลมฺพกํ โอตรโนฺต วิย ตสฺส สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา วิรวโนฺต วนสณฺฑํ ปาวิสิฯ โพธิสโตฺต นฺหตฺวา อคมาสิฯ

    Taṃ sutvā bodhisatto uṭṭhāya gantuṃ ārabhi. Makkaṭo taṅkhaṇaññeva uppatitvā sākhāyaṃ nisīditvā olambakaṃ otaranto viya tassa sīse vaccaṃ pātetvā viravanto vanasaṇḍaṃ pāvisi. Bodhisatto nhatvā agamāsi.

    สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทโตฺต, ปุเพฺพปิ มยา กตคุณํ น ชานาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฎ เทวทโตฺต อโหสิ, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva devadatto, pubbepi mayā kataguṇaṃ na jānāsiyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā makkaṭo devadatto ahosi, brāhmaṇo pana ahameva ahosi’’nti.

    ทุพฺภิยมกฺกฎชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Dubbhiyamakkaṭajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๗๔. ทุพฺภิยมกฺกฎชาตกํ • 174. Dubbhiyamakkaṭajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact