Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
ทุกอตฺถุทฺธารวณฺณนา
Dukaatthuddhāravaṇṇanā
๑๔๗๓. อญฺญถาติ วุตฺตปฺปการสฺส ทสฺสเนฯ วุตฺตปฺปการสฺส ทสฺสนโต เอว หิ อฎฺฐกถายํ สสงฺขาริกานํ ถินมิทฺธวิรเห อสงฺขาริกสทิสี โยชนา น ทสฺสิตาฯ ภวราคาทีสูติ ภวราคมูลิกาทีสุ โยชนาสุฯ
1473. Aññathāti vuttappakārassa dassane. Vuttappakārassa dassanato eva hi aṭṭhakathāyaṃ sasaṅkhārikānaṃ thinamiddhavirahe asaṅkhārikasadisī yojanā na dassitā. Bhavarāgādīsūti bhavarāgamūlikādīsu yojanāsu.
๑๕๑๑. เทฺวติ อุทฺธจฺจาวิชฺชานีวรณานิฯ ตีณีติ กามจฺฉนฺทพฺยาปาทวิจิกิจฺฉาสุ เอเกเกน อุทฺธจฺจาวิชฺชานีวรณานิฯ เทฺว วา ตีณิ วาติ ปาฬิยํ วา-สทฺทสฺส ลุตฺตนิทฺทิฎฺฐตํ อาหฯ อถ วา นิปาตสทฺทสนฺนิธาเนปิ นามปทาทีหิ เอว สมุจฺจยาทิอโตฺถ วุจฺจติ, น นิปาตปเทหิ เตสํ อวาจกตฺตาติ อนฺตเรนปิ นิปาตปทํ อยมโตฺถ ลพฺภติฯ ตถา วจนิจฺฉาย สมฺภโว เอว เหตฺถ ปมาณนฺติ ปาฬิยํ ‘‘เทฺว ตีณี’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺถ สหุปฺปตฺตีติอาทินา ‘‘เทฺว ตีณี’’ติ ลกฺขณวจนนฺติ สพฺพสาธารณมตฺถมาหฯ ตถา หิ ‘‘เอวญฺจ กตฺวา กิเลสโคจฺฉเก จา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสายมธิปฺปาโย – กิเลสทฺวยสหิตเสฺสว จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาเวปิ ปาฬิยํ ทฺวิคฺคหณํ กตํ, กิเลสานญฺจ สมฺภวนฺตานํ สเพฺพสํ สรูเปน คหณํ น กตนฺติ เทฺว ตโยติ ลกฺขณกรณนฺติ วิญฺญายตีติฯ
1511. Dveti uddhaccāvijjānīvaraṇāni. Tīṇīti kāmacchandabyāpādavicikicchāsu ekekena uddhaccāvijjānīvaraṇāni. Dve vā tīṇi vāti pāḷiyaṃ vā-saddassa luttaniddiṭṭhataṃ āha. Atha vā nipātasaddasannidhānepi nāmapadādīhi eva samuccayādiattho vuccati, na nipātapadehi tesaṃ avācakattāti antarenapi nipātapadaṃ ayamattho labbhati. Tathā vacanicchāya sambhavo eva hettha pamāṇanti pāḷiyaṃ ‘‘dve tīṇī’’ti vuttaṃ. Yatthasahuppattītiādinā ‘‘dve tīṇī’’ti lakkhaṇavacananti sabbasādhāraṇamatthamāha. Tathā hi ‘‘evañca katvā kilesagocchake cā’’ti vuttaṃ. Tassāyamadhippāyo – kilesadvayasahitasseva cittuppādassa abhāvepi pāḷiyaṃ dviggahaṇaṃ kataṃ, kilesānañca sambhavantānaṃ sabbesaṃ sarūpena gahaṇaṃ na katanti dve tayoti lakkhaṇakaraṇanti viññāyatīti.
ยทิ สพฺพากุสเล อุปฺปชฺชนกสฺสปิ อุทฺธจฺจสฺส เอโก เอว จิตฺตุปฺปาโท วิสยภาเวน วุจฺจติ, อวิชฺชานีวรณสฺสปิ ตถา วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘กสฺมา วุตฺต’’นฺติอาทินา โจเทติฯ อิตโร อุทฺธจฺจนีวรณเสฺสว ตถา วตฺตพฺพตํ อวิชฺชานีวรณสฺส ตถา วตฺตพฺพตาภาวญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘สุตฺตเนฺต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุตฺตเนฺต วุเตฺตสุ ปญฺจสุ นีวรเณสูติ อุทฺธจฺจสหคเต อุทฺธจฺจสฺส อวิชฺชานีวรเณน นีวรณสหิตตํ อาสงฺกิตฺวา วุตฺตํฯ นนุ จ สุตฺตเนฺตปิ ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) อวิชฺชา ‘‘นีวรณ’’นฺติ วุตฺตาติ? สจฺจเมตํ, ฌานงฺคานํ ปฎิปกฺขภาเวน ปน สุตฺตเนฺต พหุลํ กามจฺฉนฺทาทโย ปเญฺจว นีวรณานิ วุตฺตานีติ เยภุยฺยวุตฺติวเสน เอตํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Yadi sabbākusale uppajjanakassapi uddhaccassa eko eva cittuppādo visayabhāvena vuccati, avijjānīvaraṇassapi tathā vattabbanti adhippāyena ‘‘kasmā vutta’’ntiādinā codeti. Itaro uddhaccanīvaraṇasseva tathā vattabbataṃ avijjānīvaraṇassa tathā vattabbatābhāvañca dassetuṃ ‘‘suttante’’tiādimāha. Tattha suttante vuttesu pañcasu nīvaraṇesūti uddhaccasahagate uddhaccassa avijjānīvaraṇena nīvaraṇasahitataṃ āsaṅkitvā vuttaṃ. Nanu ca suttantepi ‘‘avijjānīvaraṇānaṃ sattāna’’ntiādīsu (saṃ. ni. 2.124) avijjā ‘‘nīvaraṇa’’nti vuttāti? Saccametaṃ, jhānaṅgānaṃ paṭipakkhabhāvena pana suttante bahulaṃ kāmacchandādayo pañceva nīvaraṇāni vuttānīti yebhuyyavuttivasena etaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ.
เกจิ ปน ‘‘ยถา นิเกฺขปกเณฺฑ กุสลปฎิปกฺขภูตานิ ทุพฺพลานิปิ นีวรณานิ ปฎฺฐาเน วิย ทสฺสิตานิฯ ตถา หิ ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐา. ๓.๘.๑) ‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ นีวรโณ ธโมฺม อุปฺปชฺชติ น ปุเรชาตปจฺจยาฯ อรูเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฎิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณ’นฺติอาทิ วุตฺตํ, น เอวํ อฎฺฐกถากเณฺฑฯ อฎฺฐกถากเณฺฑ ปน ฌานปฎิปกฺขภูตานิเยว นีวรณานิ นิทฺทิฎฺฐานีติ ‘อุทฺธจฺจนีวรณํ อุทฺธจฺจสหคเต จิตฺตุปฺปาเท อุปฺปชฺชตี’ติ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน อุทฺธจฺจนีวรณสฺส กามจฺฉนฺทาทีหิ เอกโต อุปฺปตฺติทสฺสนํ นิเกฺขปกณฺฑานุสาเรน กตํ เอกโต อุปฺปตฺติยา ปเภททสฺสนตฺถํฯ ตตฺถ หิ ปาฬิยํเยว ตานิ วิตฺถารโต วุตฺตานี’’ติ วทนฺติฯ อยญฺจ วาโท ‘‘อุทฺธจฺจนีวรณํ อุทฺธจฺจสหคเต จิตฺตุปฺปาเท อุปฺปชฺชตี’’ติ อิทเมว วจนํ ญาปกนฺติ กตฺวา วุโตฺตฯ อญฺญถา อวิชฺชานีวรณํ วิย วตฺตพฺพํ สิยาฯ น ติ อิโต อญฺญํ ปริยุฎฺฐานปฎฺฐายีนิเยว นีวรณานิ อตฺถุทฺธารกเณฺฑ อธิเปฺปตานีติ อิมสฺส อตฺถสฺส สาธกํ วจนํ อตฺถิ, อิทํ วจนํ เทฺวตีณิวจนสฺส สามเญฺญน สพฺพนีวรณสงฺคาหกตฺตา ยถาวุตฺตวจนสฺส วิสยวิเสสปฺปกาสนสงฺขาเตน ปโยชนนฺตเรน วุตฺตภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา จ ญาปกํ น ภวตีติ ทิสฺสติ, ตสฺมา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ
Keci pana ‘‘yathā nikkhepakaṇḍe kusalapaṭipakkhabhūtāni dubbalānipi nīvaraṇāni paṭṭhāne viya dassitāni. Tathā hi paṭṭhāne (paṭṭhā. 3.8.1) ‘nīvaraṇaṃ dhammaṃ paṭicca nīvaraṇo dhammo uppajjati na purejātapaccayā. Arūpe kāmacchandanīvaraṇaṃ paṭicca thinamiddhanīvaraṇaṃ uddhaccanīvaraṇa’ntiādi vuttaṃ, na evaṃ aṭṭhakathākaṇḍe. Aṭṭhakathākaṇḍe pana jhānapaṭipakkhabhūtāniyeva nīvaraṇāni niddiṭṭhānīti ‘uddhaccanīvaraṇaṃ uddhaccasahagate cittuppāde uppajjatī’ti vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana uddhaccanīvaraṇassa kāmacchandādīhi ekato uppattidassanaṃ nikkhepakaṇḍānusārena kataṃ ekato uppattiyā pabhedadassanatthaṃ. Tattha hi pāḷiyaṃyeva tāni vitthārato vuttānī’’ti vadanti. Ayañca vādo ‘‘uddhaccanīvaraṇaṃ uddhaccasahagate cittuppāde uppajjatī’’ti idameva vacanaṃ ñāpakanti katvā vutto. Aññathā avijjānīvaraṇaṃ viya vattabbaṃ siyā. Na ti ito aññaṃ pariyuṭṭhānapaṭṭhāyīniyeva nīvaraṇāni atthuddhārakaṇḍe adhippetānīti imassa atthassa sādhakaṃ vacanaṃ atthi, idaṃ vacanaṃ dvetīṇivacanassa sāmaññena sabbanīvaraṇasaṅgāhakattā yathāvuttavacanassa visayavisesappakāsanasaṅkhātena payojanantarena vuttabhāvassa dassitattā ca ñāpakaṃ na bhavatīti dissati, tasmā vicāretvā gahetabbaṃ.
อคฺคเหตฺวาติ ยถารุตวเสเนว อตฺถํ อคฺคเหตฺวา ยถา นิเกฺขปกณฺฑปฎฺฐานาทีหิ น อิมิสฺสา ปาฬิยา วิโรโธ โหติ, เอวํ อธิปฺปาโย คเวสิตโพฺพติ ยถาวุตฺตเมวตฺถํ นิคเมติฯ
Aggahetvāti yathārutavaseneva atthaṃ aggahetvā yathā nikkhepakaṇḍapaṭṭhānādīhi na imissā pāḷiyā virodho hoti, evaṃ adhippāyo gavesitabboti yathāvuttamevatthaṃ nigameti.
๑๕๗๗. เตสนฺติ โลภาทิโต อเญฺญสํฯ ทสฺสิตาติ กถํ ทสฺสิตา? มาโน ตาว โลภโมหอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหถินอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, ตถา ทิฎฺฐิ, วิจิกิจฺฉา โมหอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, ถินํ โลภโมหทิฎฺฐิอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหมานอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โทสโมหอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, อุทฺธจฺจํ โลภโมหทิฎฺฐิอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหทิฎฺฐิถินอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหมานอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหมานถินอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหถินอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โทสโมหอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โทสโมหถินอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โมหวิจิกิจฺฉาอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, โมหอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ เอกโต อุปฺปชฺชติฯ
1577. Tesanti lobhādito aññesaṃ. Dassitāti kathaṃ dassitā? Māno tāva lobhamohauddhaccaahirikānottappehi, lobhamohathinauddhaccaahirikānottappehi, tathā diṭṭhi, vicikicchā mohauddhaccaahirikānottappehi, thinaṃ lobhamohadiṭṭhiuddhaccaahirikānottappehi, lobhamohamānauddhaccaahirikānottappehi, lobhamohauddhaccaahirikānottappehi, dosamohauddhaccaahirikānottappehi, uddhaccaṃ lobhamohadiṭṭhiahirikānottappehi, lobhamohadiṭṭhithinaahirikānottappehi, lobhamohamānaahirikānottappehi, lobhamohamānathinaahirikānottappehi, lobhamohathinaahirikānottappehi, lobhamohaahirikānottappehi, dosamohaahirikānottappehi, dosamohathinaahirikānottappehi, mohavicikicchāahirikānottappehi, mohaahirikānottappehi ekato uppajjati.
ยถา จ อุทฺธจฺจํ, เอวํ อหิริกาโนตฺตปฺปานิ จ โยเชตฺวา เวทิตพฺพานิฯ กถํ? อหิริกํ โลภโมหทิฎฺฐิอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหทิฎฺฐิถินอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหมานอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหมานถินอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหถินอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โลภโมหอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โทสโมหอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โทสโมหถินอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ, โมหวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ , โมหอุทฺธจฺจาโนตฺตเปฺปหิ จ เอกโต อุปฺปชฺชติฯ อโนตฺตปฺปํ โลภโมหทิฎฺฐิอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โลภโมหทิฎฺฐิถินอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โลภโมหมานอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โลภโมหมานถินอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โลภโมหถินอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โลภโมหอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โทสโมหอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โทสโมหถินอุทฺธจฺจาหิริเกหิ, โมหวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจาหิริเกหิ , โมหอุทฺธจฺจาหิริเกหิ จ เอกโต อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ มานาทีนมฺปิ เอกโต อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Yathā ca uddhaccaṃ, evaṃ ahirikānottappāni ca yojetvā veditabbāni. Kathaṃ? Ahirikaṃ lobhamohadiṭṭhiuddhaccānottappehi, lobhamohadiṭṭhithinauddhaccānottappehi, lobhamohamānauddhaccānottappehi, lobhamohamānathinauddhaccānottappehi, lobhamohathinauddhaccānottappehi, lobhamohauddhaccānottappehi, dosamohauddhaccānottappehi, dosamohathinauddhaccānottappehi, mohavicikicchāuddhaccānottappehi , mohauddhaccānottappehi ca ekato uppajjati. Anottappaṃ lobhamohadiṭṭhiuddhaccāhirikehi, lobhamohadiṭṭhithinauddhaccāhirikehi, lobhamohamānauddhaccāhirikehi, lobhamohamānathinauddhaccāhirikehi, lobhamohathinauddhaccāhirikehi, lobhamohauddhaccāhirikehi, dosamohauddhaccāhirikehi, dosamohathinauddhaccāhirikehi, mohavicikicchāuddhaccāhirikehi , mohauddhaccāhirikehi ca ekato uppajjatīti evamettha mānādīnampi ekato uppatti veditabbā. Sesaṃ uttānatthameva.
อฎฺฐกถากณฺฑวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhakathākaṇḍavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ ธมฺมสงฺคณีมูลฎีกาย ลีนตฺถปทวณฺณนา
Iti dhammasaṅgaṇīmūlaṭīkāya līnatthapadavaṇṇanā
ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา สมตฺตาฯ
Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ทุกอตฺถุทฺธาโร • Dukaatthuddhāro
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ทุกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Dukaatthuddhāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ทุกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Dukaatthuddhāravaṇṇanā