Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    ทุกมาติกาปทวณฺณนา

    Dukamātikāpadavaṇṇanā

    ๑-๖. สมานเทสคฺคหณานํ เอกสฺมิํเยว วตฺถุสฺมิํ คเหตพฺพานํ, เอกวตฺถุวิสยานํ วาฯ อถ วา สมานเทสานํ เอกวตฺถุกตฺตา สมานคเหตพฺพภาวานํ เอกุปฺปาทิโตติ อโตฺถฯ เย ธมฺมา เหตุสหคตา, เต เหตูหิ สห สงฺคยฺหนฺติฯ โย จ เตสํ สเหตุกภาโว, โส สหชาตาทีหิ เหตูหิ กโตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สมา…เป.… สพฺภาว’’นฺติฯ อาทิ-สเทฺทน เจตฺถ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนาทิเหตุพฺยาปาเร ปริคฺคณฺหาติฯ เอกีภาวูปคมนนฺติ เอกกลาปภาเวน ปวตฺตมานานํ จิตฺตเจตสิกานํ สํสฎฺฐตาย สมูหฆนภาเวน ทุวิเญฺญยฺยนานากรณตํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ ธมฺมนานตฺตาภาเวปีติ สภาวตฺถเภทาภาเวปิฯ ปทตฺถนานเตฺตนาติ นานาปทาภิเธยฺยตาเภเทนฯ เอเตน ปการนฺตราเปกฺขํ ทุกนฺตรวจนนฺติ ทเสฺสติฯ อเนกปฺปการา หิ ธมฺมาฯ เตเนว ‘‘สเพฺพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๕) วุตฺตํฯ อยญฺจ อโตฺถ ติเกสุปิ ทฎฺฐโพฺพฯ เยสํ วิเนยฺยานํ เยหิ ปการวิเสเสหิ ธมฺมานํ วิภาวเน กเต ปฎิเวโธ โหติ, เตสํ ตปฺปการเภเทหิ ธมฺมานํ วิภาวนํฯ เยสํ ปน เยน เอเกเนว ปกาเรน วิภาวเน ปฎิเวโธ โหติ, เตสมฺปิ ตํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรตฺตา ตทญฺญนิรวเสสปฺปการวิภาวนญฺจ เทสนาวิลาโสติ อาห ‘‘เทเสตพฺพปฺปการชานน’’นฺติอาทิฯ นนุ เอเกน ปกาเรน ชานนฺตสฺส ตทญฺญปฺปการวิภาวนํ อผลํ โหตีติ? น โหติ ปฎิสมฺภิทาปฺปเภทสฺส อุปนิสฺสยตฺตาฯ เต ปการา เอเตสนฺติ ตปฺปการา, ตพฺภาโว ตปฺปการตาฯ อิมินา ธมฺมานํ วิชฺชมานเสฺสว ปการวิเสสสฺส วิภาวนํ เทสนาวิลาโสติ ทเสฺสติฯ

    1-6. Samānadesaggahaṇānaṃ ekasmiṃyeva vatthusmiṃ gahetabbānaṃ, ekavatthuvisayānaṃ vā. Atha vā samānadesānaṃ ekavatthukattā samānagahetabbabhāvānaṃ ekuppāditoti attho. Ye dhammā hetusahagatā, te hetūhi saha saṅgayhanti. Yo ca tesaṃ sahetukabhāvo, so sahajātādīhi hetūhi katoti katvā vuttaṃ ‘‘samā…pe… sabbhāva’’nti. Ādi-saddena cettha suppatiṭṭhitabhāvasādhanādihetubyāpāre pariggaṇhāti. Ekībhāvūpagamananti ekakalāpabhāvena pavattamānānaṃ cittacetasikānaṃ saṃsaṭṭhatāya samūhaghanabhāvena duviññeyyanānākaraṇataṃyeva sandhāya vuttaṃ. Dhammanānattābhāvepīti sabhāvatthabhedābhāvepi. Padatthanānattenāti nānāpadābhidheyyatābhedena. Etena pakārantarāpekkhaṃ dukantaravacananti dasseti. Anekappakārā hi dhammā. Teneva ‘‘sabbe dhammā sabbākārena buddhassa bhagavato ñāṇamukhe āpāthaṃ āgacchantī’’ti (mahāni. 156; cūḷani. mogharājamāṇavapucchāniddesa 85) vuttaṃ. Ayañca attho tikesupi daṭṭhabbo. Yesaṃ vineyyānaṃ yehi pakāravisesehi dhammānaṃ vibhāvane kate paṭivedho hoti, tesaṃ tappakārabhedehi dhammānaṃ vibhāvanaṃ. Yesaṃ pana yena ekeneva pakārena vibhāvane paṭivedho hoti, tesampi taṃ vatvā dhammissarattā tadaññaniravasesappakāravibhāvanañca desanāvilāsoti āha ‘‘desetabbappakārajānana’’ntiādi. Nanu ekena pakārena jānantassa tadaññappakāravibhāvanaṃ aphalaṃ hotīti? Na hoti paṭisambhidāppabhedassa upanissayattā. Te pakārā etesanti tappakārā, tabbhāvo tappakāratā. Iminā dhammānaṃ vijjamānasseva pakāravisesassa vibhāvanaṃ desanāvilāsoti dasseti.

    อญฺญตฺถาปีติ ‘‘อเหตุกา เจว ธมฺมา น จ เหตู’’ติอาทีสุฯ ยถา ปฐมทุเกกเทเส คเหตฺวา ทุติยตติยทุเกหิ สทฺธิํ ฉฎฺฐทุกนเย โยชนา ‘‘เหตู ธมฺมา สเหตุกาปิ อเหตุกาปี’’ติอาทโย ตโย ทุกา ลพฺภนฺติ, เอวํ ทุติยตติยทุเกกเทเส คเหตฺวา ปฐมทุเกน สทฺธิํ โยชนาย ‘‘สเหตุกา ธมฺมา เหตูปิ น เหตูปิ, อเหตุกา ธมฺมา เหตูปิ น เหตูปิ, เหตุสมฺปยุตฺตา ธมฺมา เหตูปิ น เหตูปิ, เหตุวิปฺปยุตฺตา ธมฺมา เหตูปิ น เหตูปี’’ติ จตฺตาโร ทุกา ลพฺภนฺติ, เต ปน วุตฺตนเยเนว สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ น ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา ปาฬิยํ วุเตฺตหิ จตุตฺถปญฺจเมหิ อฎฺฐกถายํ ทสฺสิเตหิ ปุริเมหิ ทฺวีหิ นินฺนานากรณโต เอเต น วุตฺตาฯ สนฺนิเวสวิเสสมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโสติฯ เตเนว หิ นินฺนานตฺถตฺตา ปาฬิยํ อาคตทุเกสุ ยถานิทฺธาริตทุกานํ ยถาสมฺภวํ อวโรธเนน อวุตฺตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอเตสุ ปนา’’ติอาทิมาหฯ

    Aññatthāpīti ‘‘ahetukā ceva dhammā na ca hetū’’tiādīsu. Yathā paṭhamadukekadese gahetvā dutiyatatiyadukehi saddhiṃ chaṭṭhadukanaye yojanā ‘‘hetū dhammā sahetukāpi ahetukāpī’’tiādayo tayo dukā labbhanti, evaṃ dutiyatatiyadukekadese gahetvā paṭhamadukena saddhiṃ yojanāya ‘‘sahetukā dhammā hetūpi na hetūpi, ahetukā dhammā hetūpi na hetūpi, hetusampayuttā dhammā hetūpi na hetūpi, hetuvippayuttā dhammā hetūpi na hetūpī’’ti cattāro dukā labbhanti, te pana vuttanayeneva sakkā dassetunti na dassitāti daṭṭhabbā. Atha vā pāḷiyaṃ vuttehi catutthapañcamehi aṭṭhakathāyaṃ dassitehi purimehi dvīhi ninnānākaraṇato ete na vuttā. Sannivesavisesamattameva hettha visesoti. Teneva hi ninnānatthattā pāḷiyaṃ āgatadukesu yathāniddhāritadukānaṃ yathāsambhavaṃ avarodhanena avuttataṃ dassetuṃ ‘‘etesu panā’’tiādimāha.

    อถ วา ‘‘เอเตน วา คติทสฺสเนนา’’ติอาทินา วกฺขมานนเยน ‘‘เหตู เจว ธมฺมา อเหตุกา จา’’ติอาทีนํ สมฺภวนฺตานํ ทุกานํ สงฺคเห สติ เอเตสมฺปิ สงฺคโห สิยาฯ ยโต วา ทุกโต ปทํ นิทฺธาเรตฺวา ทุกนฺตรํ วุจฺจติ, เตน สติ จ นานเตฺต ทุกนฺตรํ ลพฺภติ, น เจตฺถ โกจิ วิเสโส ยถาวุตฺตทุเกหีติ สํวณฺณนาสุ น ทสฺสิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ ยถา สเหตุกทุกโต เหตุสมฺปยุตฺตทุกสฺส, เหตุสเหตุกทุกโต จ เหตุเหตุสมฺปยุตฺตทุกสฺส ปทตฺถมตฺตโต นานตฺตํ, น สภาวตฺถโตฯ เอวํ สเนฺตปิ สเหตุกเหตุสเหตุกทุเก วตฺวา อิตเรปิ วุตฺตา, เอวํ เหตุสมฺปยุตฺตเหตุเหตุสมฺปยุตฺตทุกาทีหิ สภาวตฺถนานตฺตาภาเวปิ ปทตฺถนานตฺตสมฺภวโต ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ ปทตฺถนานเตฺตน ทุกนฺตรํ วุจฺจตีติ วุตฺตตฺตา ‘‘เหตุสหคตา ธมฺมา, น เหตุสหคตา ธมฺมา, เหตุสหชาตา ธมฺมา, น เหตุสหชาตา ธมฺมาฯ เหตุสํสฎฺฐา ธมฺมา, เหตุวิสํสฎฺฐา ธมฺมาฯ เหตุสมุฎฺฐานา ธมฺมา, น เหตุสมุฎฺฐานา ธมฺมาฯ เหตุสหภุโน ธมฺมา, น เหตุสหภุโน ธมฺมา’’ติอาทีนํ, ตถา ‘‘เหตู เจว ธมฺมา เหตุสหคตา จา’’ติอาทีนํ, ‘‘น เหตู โข ปน ธมฺมา เหตุสหคตาปิ, น เหตุสหคตาปี’’ติอาทีนญฺจ สมฺภวนฺตานํ อเนเกสํ ทุกานํ สงฺคโห อนุญฺญาโต วิย ทิสฺสติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เอเตน วา คติทสฺสเนนา’’ติอาทิฯ เอวํ อาสวโคจฺฉกาทีสุปิ อยมโตฺถ ยถาสมฺภวํ วตฺตโพฺพฯ ธมฺมานํ วา สภาวกิจฺจาทิํ โพเธตพฺพาการญฺจ ยาถาวโต ชานเนฺตน ธมฺมสามินา ยตฺตกา ทุกา วุตฺตา, ตตฺตเกสุ ฐาตพฺพํฯ อทฺธา หิ เต ทุกา น วตฺตพฺพา, เย ภควตา น วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ น เหตุเหตุสมฺปยุตฺตทุโก ฉฎฺฐทุเกน นินฺนานโตฺถติ อธิปฺปาโยฯ เตสูติ ปฐมทุกตติยทุเกสุฯ ยทิ ทุกนฺตเรหิ ทุกนฺตรปเทหิ จ สมานตฺถตฺตา เอเตสํ ทุกานํ ทุกนฺตรปทานญฺจ อวจนํ , เอวํ สติ ฉฎฺฐทุเก ปฐมปทมฺปิ น วตฺตพฺพํ จตุตฺถทุเก ทุติยปเทน สมานตฺถตฺตาฯ ตถา จ ฉฎฺฐทุโกเยว น โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถทุเก’’ติอาทิฯ ทุกปูรณตฺถนฺติ อิทํ สมานตฺถตํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, เทสนาวิเสโส ปน วิชฺชติเยวฯ อตฺถนฺตรตาภาเวปิ ปการเภทเหตุกํ ทุกนฺตรวจนนฺติ ทสฺสิโต หิ อยมโตฺถติฯ เอเตน คติทสฺสเนนาติ อตฺถวิเสสาภาเวปิ ฉฎฺฐทุกปูรณสงฺขาเตน นยทสฺสเนนฯ ปฐมทุเก…เป.… ทสฺสิโต ปาฬิยํ วุเตฺตหิ จตุตฺถปญฺจเมหิ, อฎฺฐกถายํ ทสฺสิเตหิ ปุริเมหิ ทฺวีหิ, อิธ ทสฺสิเตหิ จตูหิฯ เตสูติ ทุติยตติยทุเกสุฯ ปฐมทุกปเกฺขเปน ทสฺสิโต ปาฬิยํ ฉฎฺฐทุเกน อิตรตฺร จ อิตรทุเกหีติ เวทิตพฺพํฯ

    Atha vā ‘‘etena vā gatidassanenā’’tiādinā vakkhamānanayena ‘‘hetū ceva dhammā ahetukā cā’’tiādīnaṃ sambhavantānaṃ dukānaṃ saṅgahe sati etesampi saṅgaho siyā. Yato vā dukato padaṃ niddhāretvā dukantaraṃ vuccati, tena sati ca nānatte dukantaraṃ labbhati, na cettha koci viseso yathāvuttadukehīti saṃvaṇṇanāsu na dassitanti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca yathā sahetukadukato hetusampayuttadukassa, hetusahetukadukato ca hetuhetusampayuttadukassa padatthamattato nānattaṃ, na sabhāvatthato. Evaṃ santepi sahetukahetusahetukaduke vatvā itarepi vuttā, evaṃ hetusampayuttahetuhetusampayuttadukādīhi sabhāvatthanānattābhāvepi padatthanānattasambhavato dhammanānattābhāvepi padatthanānattena dukantaraṃ vuccatīti vuttattā ‘‘hetusahagatā dhammā, na hetusahagatā dhammā, hetusahajātā dhammā, na hetusahajātā dhammā. Hetusaṃsaṭṭhā dhammā, hetuvisaṃsaṭṭhā dhammā. Hetusamuṭṭhānā dhammā, na hetusamuṭṭhānā dhammā. Hetusahabhuno dhammā, na hetusahabhuno dhammā’’tiādīnaṃ, tathā ‘‘hetū ceva dhammā hetusahagatā cā’’tiādīnaṃ, ‘‘na hetū kho pana dhammā hetusahagatāpi, na hetusahagatāpī’’tiādīnañca sambhavantānaṃ anekesaṃ dukānaṃ saṅgaho anuññāto viya dissati. Tathā hi vakkhati ‘‘etena vā gatidassanenā’’tiādi. Evaṃ āsavagocchakādīsupi ayamattho yathāsambhavaṃ vattabbo. Dhammānaṃ vā sabhāvakiccādiṃ bodhetabbākārañca yāthāvato jānantena dhammasāminā yattakā dukā vuttā, tattakesu ṭhātabbaṃ. Addhā hi te dukā na vattabbā, ye bhagavatā na vuttāti veditabbaṃ. Na hetuhetusampayuttaduko chaṭṭhadukena ninnānatthoti adhippāyo. Tesūti paṭhamadukatatiyadukesu. Yadi dukantarehi dukantarapadehi ca samānatthattā etesaṃ dukānaṃ dukantarapadānañca avacanaṃ , evaṃ sati chaṭṭhaduke paṭhamapadampi na vattabbaṃ catutthaduke dutiyapadena samānatthattā. Tathā ca chaṭṭhadukoyeva na hotīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘catutthaduke’’tiādi. Dukapūraṇatthanti idaṃ samānatthataṃyeva sandhāya vuttaṃ, desanāviseso pana vijjatiyeva. Atthantaratābhāvepi pakārabhedahetukaṃ dukantaravacananti dassito hi ayamatthoti. Etena gatidassanenāti atthavisesābhāvepi chaṭṭhadukapūraṇasaṅkhātena nayadassanena. Paṭhamaduke…pe… dassito pāḷiyaṃ vuttehi catutthapañcamehi, aṭṭhakathāyaṃ dassitehi purimehi dvīhi, idha dassitehi catūhi. Tesūti dutiyatatiyadukesu. Paṭhamadukapakkhepena dassito pāḷiyaṃ chaṭṭhadukena itaratra ca itaradukehīti veditabbaṃ.

    ๗-๑๓. ปจฺจยภาวมเตฺตน…เป.… อตฺถิตนฺติ เอเตน น ปฎิลทฺธตฺตตาสงฺขาตา สสภาวตาว อตฺถิตา, อถ โข ปฎิปเกฺขน อนิโรโธ อปฺปหีนตา อนิปฺผาทิตผลตา การณาสมุคฺฆาเตน ผลนิพฺพตฺตนารหตา จาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ ตถา หิ ‘‘อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตี’’ติ เอตฺถ ‘‘สตี’’ติ อิมินา วจเนน เยน วินา ยํ น โหติ, ตํ อตีตาทิปิ การณํ สงฺคหิตเมวาติฯ เตเนวาห ‘‘น สเหตุ…เป.… กาลานเมวา’’ติฯ สเม…เป.… ทีเปติ สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตนฺติฯ อยเมเตสํ วิเสโสติ อยํ ปจฺจยนิพฺพตฺตานํ ปจฺจยวนฺตตา อเนกปจฺจยนิปฺผาทิตตา จ ทุกทฺวเย ปุริมปทตฺถานํ เภโท, อิตเรสํ ปน ปุริมปทสงฺคหิตธมฺมวิธุรสภาวตายาติฯ อวินิ…เป.… ฐปนโตติ ‘‘เอตฺตกา’’ติ ปเภทปริเจฺฉทนิทฺธารณวเสน อภิธมฺมมาติกายํ ธมฺมานํ อวุตฺตตฺตา วุตฺตํฯ สุตฺตนฺตมาติกายํ ปน นิทฺธาริตสรูปสงฺขาวิเสสตฺตา วินิจฺฉิตตฺถปริเจฺฉทาเยว อวิชฺชาทโย วุตฺตาติฯ ‘‘ปถวีอาทิ รูป’’นฺติ เอตสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป อเนกเหตุเกสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ เหตูนํ สเหตุกภาโว วิย สเพฺพสํ ปถวีอาทีนํ รูปิภาโว สิโทฺธติ อาห ‘‘ปุริม…เป.… ปชฺชตี’’ติฯ น หิ เตสุ นิยโต กตฺถจิ สํสามิภาโวติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาย วา ลุชฺชติ ฉิชฺชติ วินสฺสตีติ คเหตโพฺพ โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตาฯ เตเนวาติ ทุกฺขสจฺจภาเวน ปริเญฺญยฺยภาเวนาติ อโตฺถฯ

    7-13. Paccayabhāvamattena…pe… atthitanti etena na paṭiladdhattatāsaṅkhātā sasabhāvatāva atthitā, atha kho paṭipakkhena anirodho appahīnatā anipphāditaphalatā kāraṇāsamugghātena phalanibbattanārahatā cāti imamatthaṃ dasseti. Tathā hi ‘‘imasmiṃ sati idaṃ hotī’’ti ettha ‘‘satī’’ti iminā vacanena yena vinā yaṃ na hoti, taṃ atītādipi kāraṇaṃ saṅgahitamevāti. Tenevāha ‘‘na sahetu…pe… kālānamevā’’ti. Same…pe… dīpeti samecca sambhūya paccayehi katanti saṅkhatanti. Ayametesaṃ visesoti ayaṃ paccayanibbattānaṃ paccayavantatā anekapaccayanipphāditatā ca dukadvaye purimapadatthānaṃ bhedo, itaresaṃ pana purimapadasaṅgahitadhammavidhurasabhāvatāyāti. Avini…pe… ṭhapanatoti ‘‘ettakā’’ti pabhedaparicchedaniddhāraṇavasena abhidhammamātikāyaṃ dhammānaṃ avuttattā vuttaṃ. Suttantamātikāyaṃ pana niddhāritasarūpasaṅkhāvisesattā vinicchitatthaparicchedāyeva avijjādayo vuttāti. ‘‘Pathavīādi rūpa’’nti etasmiṃ atthavikappe anekahetukesu cittuppādesu hetūnaṃ sahetukabhāvo viya sabbesaṃ pathavīādīnaṃ rūpibhāvo siddhoti āha ‘‘purima…pe… pajjatī’’ti. Na hi tesu niyato katthaci saṃsāmibhāvoti. Aniccānupassanāya vā lujjati chijjati vinassatīti gahetabbo lokoti taṃgahaṇarahitānaṃ lokuttarānaṃ natthi lokatā. Tenevāti dukkhasaccabhāvena pariññeyyabhāvenāti attho.

    ทุกพหุตา อาปชฺชตีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ วีสติ ทุกา วิภตฺตา, ‘‘อวุโตฺตปิ ยถาลาภวเสน เวทิตโพฺพ’’ติ จ วกฺขตีติ ทุกพหุตา อิจฺฉิตา เอวาติ? สจฺจเมตํ, ตํเยว ปน ทุกพหุตํ อนิจฺฉโนฺต เอวมาหฯ อปิจ ทุกพหุตา อาปชฺชติ, สา จ โข วิญฺญาณเภทานุสารินี, ตตฺราปิ กามาวจรกุสลโต ญาณสมฺปยุตฺตานิ, ตถา มหากิริยโต มโนทฺวาราวชฺชนนฺติ เอวํปการานํ สพฺพธมฺมารมฺมณวิญฺญาณานํ อนามสนโต น พฺยาปินีติ ทเสฺสติ ‘‘ทุกพหุตา’’ติอาทินาฯ อพฺยาปิภาเว ปน โทสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา จ…เป.… สิยา’’ติ อาหฯ นิเทฺทเสน จ วิรุทฺธนฺติ ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา, น เต ธมฺมา โสตวิเญฺญยฺยา’’ติอาทินา รูปายตนาทีนํ ปเจฺจกจกฺขุวิญฺญาณาทินา เกนจิ วิเญฺญยฺยตํ, โสตวิญฺญาณาทินา เกนจิ นวิเญฺญยฺยตญฺจ ทเสฺสเนฺตน นิเกฺขปราสินิเทฺทเสน ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ อตฺถนานตฺตโต ทุโก โหตี’’ติ อิทํ วจนํ วิรุทฺธํ, ตถา อตฺถุทฺธารนิเทฺทเสนปิ อตฺถโต น สเมตีติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ ตสฺสํ นิเกฺขปราสิสํวณฺณนายํฯ โย จ ปฎิเสโธ กโต อตฺถนานตฺตโต ทุกํ ทเสฺสตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ น หิ สม…เป.… เสเธตุนฺติ เอเตน ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา, น เต ธมฺมา โสตวิเญฺญยฺยา’’ติ เอตฺตเกสุ นิเทฺทสปเทสุ ทุกปททฺวยปฺปวตฺติ ปาฬิโต เอว วิญฺญายตีติ ทเสฺสติฯ

    Dukabahutāāpajjatīti kasmā vuttaṃ, nanu vīsati dukā vibhattā, ‘‘avuttopi yathālābhavasena veditabbo’’ti ca vakkhatīti dukabahutā icchitā evāti? Saccametaṃ, taṃyeva pana dukabahutaṃ anicchanto evamāha. Apica dukabahutā āpajjati, sā ca kho viññāṇabhedānusārinī, tatrāpi kāmāvacarakusalato ñāṇasampayuttāni, tathā mahākiriyato manodvārāvajjananti evaṃpakārānaṃ sabbadhammārammaṇaviññāṇānaṃ anāmasanato na byāpinīti dasseti ‘‘dukabahutā’’tiādinā. Abyāpibhāve pana dosaṃ dassento ‘‘tathā ca…pe… siyā’’ti āha. Niddesena ca viruddhanti ‘‘ye te dhammā cakkhuviññeyyā, na te dhammā sotaviññeyyā’’tiādinā rūpāyatanādīnaṃ paccekacakkhuviññāṇādinā kenaci viññeyyataṃ, sotaviññāṇādinā kenaci naviññeyyatañca dassentena nikkheparāsiniddesena ‘‘dvinnampi padānaṃ atthanānattato duko hotī’’ti idaṃ vacanaṃ viruddhaṃ, tathā atthuddhāraniddesenapi atthato na sametīti attho. Tatthāti tassaṃ nikkheparāsisaṃvaṇṇanāyaṃ. Yo ca paṭisedho kato atthanānattato dukaṃ dassetunti adhippāyo. Na hi sama…pe… sedhetunti etena ‘‘ye te dhammā cakkhuviññeyyā, na te dhammā sotaviññeyyā’’ti ettakesu niddesapadesu dukapadadvayappavatti pāḷito eva viññāyatīti dasseti.

    ตเถวาติ อุภินฺนํ เกจิน-สทฺทานํ อนิยมโต จกฺขุโสตาทินิสฺสยโวหาเรน จกฺขุโสตวิญฺญาณาทิโก ภินฺนสภาโวเยว ธโมฺม อโตฺถติ ทสฺสนวเสนฯ รูปายตนเมว หิ จกฺขุโสตวิญฺญาเณหิ วิเญฺญยฺยาวิเญฺญยฺยภาวโต ‘‘เกนจิ วิเญฺญยฺยํ เกนจิ นวิเญฺญยฺย’’นฺติ จ วุจฺจตีติฯ ยทิ เอวํ อิมสฺมิมฺปิ ปเกฺข ทุกพหุตา อาปชฺชตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘น เจตฺถา’’ติอาทิฯ วิญฺญาตพฺพเภเทนาติ วิญฺญาตพฺพวิเสเสน, วิเญฺญเยฺยกเทเสนาติ อโตฺถฯ ทุกเภโทติ ทุกวิเสโส, เกนจิ วิเญฺญยฺยทุโก, ตปฺปเภโทเยว วาฯ สมโตฺต ปริยโตฺต ปริปุโณฺณติ อโตฺถฯ ยตฺตกา วิญฺญาตพฺพา ตตฺตกา ทุกาติ ทุกเภทาปชฺชนปฺปการทสฺสนํฯ เอวญฺจ สตีติอาทินา อิมิสฺสา สํวณฺณนาย ลทฺธคุณํ ทเสฺสติฯ ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา, น เต ธมฺมา โสตวิเญฺญยฺยา’’ติ รูปายตนเสฺสว วุตฺตตฺตา อตฺถเภทาภาวโต กถมยํ ทุโก โหตีติ อาห ‘‘วิญฺญาณนานเตฺตนา’’ติอาทิฯ ยทิ ปน สพฺพวิญฺญาตพฺพสงฺคเห ทุโกสมโตฺต โหติ, นิเกฺขปราสินิเทฺทโส กถํ นียตีติ อาห ‘‘เอตสฺส ปนา’’ติอาทิฯ

    Tathevāti ubhinnaṃ kecina-saddānaṃ aniyamato cakkhusotādinissayavohārena cakkhusotaviññāṇādiko bhinnasabhāvoyeva dhammo atthoti dassanavasena. Rūpāyatanameva hi cakkhusotaviññāṇehi viññeyyāviññeyyabhāvato ‘‘kenaci viññeyyaṃ kenaci naviññeyya’’nti ca vuccatīti. Yadi evaṃ imasmimpi pakkhe dukabahutā āpajjatīti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘na cetthā’’tiādi. Viññātabbabhedenāti viññātabbavisesena, viññeyyekadesenāti attho. Dukabhedoti dukaviseso, kenaci viññeyyaduko, tappabhedoyeva vā. Samatto pariyatto paripuṇṇoti attho. Yattakā viññātabbā tattakā dukāti dukabhedāpajjanappakāradassanaṃ. Evañca satītiādinā imissā saṃvaṇṇanāya laddhaguṇaṃ dasseti. ‘‘Ye te dhammā cakkhuviññeyyā, na te dhammā sotaviññeyyā’’ti rūpāyatanasseva vuttattā atthabhedābhāvato kathamayaṃ duko hotīti āha ‘‘viññāṇanānattenā’’tiādi. Yadi pana sabbaviññātabbasaṅgahe dukosamatto hoti, nikkheparāsiniddeso kathaṃ nīyatīti āha ‘‘etassa panā’’tiādi.

    เอตฺถ ปน ยถา วิญฺญาณนานเตฺตน วิญฺญาตพฺพํ ภินฺทิตฺวา ทุเก วุจฺจมาเน สติปิ วิญฺญาตพฺพานํ พหุภาเว ยตฺตกา วิญฺญาตพฺพา, ตตฺตกา ทุกาติ นตฺถิ ทุกพหุตา ทุกสงฺคหิตธเมฺมกเทเสสุ ทุกปททฺวยปฺปวตฺติทสฺสนภาวโตฯ เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ อตฺถนานเตฺตน ทุเก วุจฺจมาเนปิ ยตฺตกานิ วิญฺญาณานิ, ตตฺตกา ทุกาติ นตฺถิ ทุกพหุตา ทุกสงฺค…เป.… ภาวโต เอวฯ น หิ เอกํเยว วิญฺญาณํ ‘‘เกนจิ เกนจี’’ติ วุตฺตํ, กินฺตุ อปรมฺปีติ สพฺพวิญฺญาณสงฺคเห ทุโก สมโตฺต โหติ, น จ กตฺถจิ ทุกสฺส ปเจฺฉโท อตฺถิ อินฺทฺริยวิญฺญาณานํ วิย มโนวิญฺญาณสฺสปิ วิสยสฺส ภินฺนตฺตาฯ น หิ อตีตารมฺมณํ วิญฺญาณํ อนาคตาทิอารมฺมณํ โหติ, อนาคตารมฺมณํ วา อตีตาทิอารมฺมณํ, ตสฺมา ยถาลทฺธวิเสเสน วิสิเฎฺฐสุ มโนวิญฺญาณเภเทสุ ตสฺส ตสฺส วิสยสฺส อาลมฺพนานาลมฺพนวเสน ทุกปททฺวยปฺปวตฺติ น สกฺกา นิวาเรตุํฯ เตเนว จ อฎฺฐกถายํ ‘‘มโนวิญฺญาเณน ปน เกนจิ วิเญฺญยฺยเญฺจว อวิเญฺญยฺยญฺจาติ อยมโตฺถ อตฺถิ, ตสฺมา โส อวุโตฺตปิ ยถาลาภวเสน เวทิตโพฺพ’’ติ ภูมิเภทวเสน ยถาลาภํ ทเสฺสสฺสติฯ ‘‘ววตฺถานาภาวโต’’ติ อิทมฺปิ อนามฎฺฐวิเสสํ มโนวิญฺญาณสามญฺญเมว คเหตฺวา วุตฺตํฯ ปาฬิ ปน อินฺทฺริยวิญฺญาเณหิ นยทสฺสนวเสน อาคตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวญฺจ กตฺวา อิมิสฺสาปิ อตฺถวณฺณนาย ‘‘เกนจี’’ติ ปทํ อนิยเมน สพฺพวิญฺญาณสงฺคาหกนฺติ สิทฺธํ โหติ, นิเทฺทเสน จ น โกจิ วิโรโธฯ จกฺขุวิเญฺญยฺยนโสตวิเญฺญยฺยภาเวหิ ทุกปททฺวยปฺปวตฺติ ทสฺสิตา, น ปน จกฺขุวิเญฺญยฺยาจกฺขุวิเญฺญยฺยภาเวหิ วิเสสการณาภาวโตฯ กิญฺจ ‘‘เย วา ปนา’’ติ ปทนฺตรสมฺปิณฺฑนโตปิ ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา…เป.… น เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๐๑) เอตฺตาวตา ทุกปททฺวยปฺปวตฺติ ทสฺสิตาติ วิญฺญายติฯ ปทนฺตรภาวทสฺสนโตฺถ หิ เยวาปน-สโทฺท ยถา ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สเพฺพ เต กุสลมูลาฯ เย วา ปน กุสลมูลา, สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติอาทีสุ (ยม. ๑.มูลยมก.๑)ฯ อญฺญถา ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา, น เต ธมฺมา โสตวิเญฺญยฺยาฯ เย เต ธมฺมา โสตวิเญฺญยฺยา, น เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา’’ติ ปาฬิ อภวิสฺสฯ ยํ ปน วทนฺติ ‘‘เย เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยา…เป.… น เต ธมฺมา จกฺขุวิเญฺญยฺยาติ อิมินา อตฺถโต เทฺว ทุกา วุตฺตา โหนฺตี’’ติ, ตทปิ จกฺขุวิเญฺญยฺยาจกฺขุวิเญฺญยฺยตํ โสตวิเญฺญยฺยาโสตวิเญฺญยฺยตญฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยนโสตวิเญฺญยฺยตํ โสตวิเญฺญยฺยนจกฺขุวิเญฺญยฺยตญฺจา’’ติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอเตน ปาฬิปฎิเสธนญฺจ นิวาริตํ ทฎฺฐพฺพํ ปฎิเสธนเสฺสว อภาวโตฯ ตถา ยสฺส อารมฺมณสฺส วิชานนภาเวน โย อโตฺถ วุจฺจมาโน อนิยมทสฺสนตฺถํ ‘‘เกนจี’’ติ วุโตฺต, โสเยว ตโต อญฺญสฺส อวิชานนภาเวน วุจฺจมาโน อนิยมทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘เกนจี’’ติ วุโตฺตติ ตทตฺถทสฺสเน เตเนวาติ อยํ ปทโตฺถ น สมฺภวตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ เอวเมตฺถ ยถา อฎฺฐกถา อวฎฺฐิตา, ตถา อโตฺถ ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Ettha pana yathā viññāṇanānattena viññātabbaṃ bhinditvā duke vuccamāne satipi viññātabbānaṃ bahubhāve yattakā viññātabbā, tattakā dukāti natthi dukabahutā dukasaṅgahitadhammekadesesu dukapadadvayappavattidassanabhāvato. Evaṃ dvinnampi padānaṃ atthanānattena duke vuccamānepi yattakāni viññāṇāni, tattakā dukāti natthi dukabahutā dukasaṅga…pe… bhāvato eva. Na hi ekaṃyeva viññāṇaṃ ‘‘kenaci kenacī’’ti vuttaṃ, kintu aparampīti sabbaviññāṇasaṅgahe duko samatto hoti, na ca katthaci dukassa pacchedo atthi indriyaviññāṇānaṃ viya manoviññāṇassapi visayassa bhinnattā. Na hi atītārammaṇaṃ viññāṇaṃ anāgatādiārammaṇaṃ hoti, anāgatārammaṇaṃ vā atītādiārammaṇaṃ, tasmā yathāladdhavisesena visiṭṭhesu manoviññāṇabhedesu tassa tassa visayassa ālambanānālambanavasena dukapadadvayappavatti na sakkā nivāretuṃ. Teneva ca aṭṭhakathāyaṃ ‘‘manoviññāṇena pana kenaci viññeyyañceva aviññeyyañcāti ayamattho atthi, tasmā so avuttopi yathālābhavasena veditabbo’’ti bhūmibhedavasena yathālābhaṃ dassessati. ‘‘Vavatthānābhāvato’’ti idampi anāmaṭṭhavisesaṃ manoviññāṇasāmaññameva gahetvā vuttaṃ. Pāḷi pana indriyaviññāṇehi nayadassanavasena āgatāti daṭṭhabbaṃ. Evañca katvā imissāpi atthavaṇṇanāya ‘‘kenacī’’ti padaṃ aniyamena sabbaviññāṇasaṅgāhakanti siddhaṃ hoti, niddesena ca na koci virodho. Cakkhuviññeyyanasotaviññeyyabhāvehi dukapadadvayappavatti dassitā, na pana cakkhuviññeyyācakkhuviññeyyabhāvehi visesakāraṇābhāvato. Kiñca ‘‘ye vā panā’’ti padantarasampiṇḍanatopi ‘‘ye te dhammā cakkhuviññeyyā…pe… na te dhammā cakkhuviññeyyā’’ti (dha. sa. 1101) ettāvatā dukapadadvayappavatti dassitāti viññāyati. Padantarabhāvadassanattho hi yevāpana-saddo yathā ‘‘ye keci kusalā dhammā, sabbe te kusalamūlā. Ye vā pana kusalamūlā, sabbe te dhammā kusalā’’tiādīsu (yama. 1.mūlayamaka.1). Aññathā ‘‘ye te dhammā cakkhuviññeyyā, na te dhammā sotaviññeyyā. Ye te dhammā sotaviññeyyā, na te dhammā cakkhuviññeyyā’’ti pāḷi abhavissa. Yaṃ pana vadanti ‘‘ye te dhammā cakkhuviññeyyā…pe… na te dhammā cakkhuviññeyyāti iminā atthato dve dukā vuttā hontī’’ti, tadapi cakkhuviññeyyācakkhuviññeyyataṃ sotaviññeyyāsotaviññeyyatañca sandhāya vuttaṃ, na pana ‘‘cakkhuviññeyyanasotaviññeyyataṃ sotaviññeyyanacakkhuviññeyyatañcā’’ti daṭṭhabbaṃ. Etena pāḷipaṭisedhanañca nivāritaṃ daṭṭhabbaṃ paṭisedhanasseva abhāvato. Tathā yassa ārammaṇassa vijānanabhāvena yo attho vuccamāno aniyamadassanatthaṃ ‘‘kenacī’’ti vutto, soyeva tato aññassa avijānanabhāvena vuccamāno aniyamadassanatthaṃ puna ‘‘kenacī’’ti vuttoti tadatthadassane tenevāti ayaṃ padattho na sambhavatīti na sakkā vattunti. Evamettha yathā aṭṭhakathā avaṭṭhitā, tathā attho yujjatīti veditabbaṃ.

    ๑๔-๑๙. สนฺตานสฺส อชญฺญมลีนภาวกรณโต กณฺหกมฺมวิปากเหตุโต จ อปริสุทฺธตฺตา ‘‘อสุจิภาเวน สนฺทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ วเณฯ ปคฺฆรณก…เป.… สโทฺทติ เอเตน อาสโว วิย อาสโวติ อยมฺปิ อโตฺถ ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ โคตฺรภุ…เป.… วุตฺตานีติ เอเตน โคตฺรภุคฺคหณํ อุปลกฺขณํ ยถา ‘‘กาเกหิ สปฺปิ รกฺขิตพฺพ’’นฺติ ทเสฺสติฯ โคตฺรภุสทิสา โคตฺรภูติ ปน อเตฺถ สติ คุณปฺปธานตฺถานํ เอเกน สเทฺทน อวจนียตฺตา โวทานาทโยว วุตฺตา ภเวยฺยุํฯ อถ วา โคตฺรภูติ เอกเสเสน สามเญฺญน วา อยํ นิเทฺทโสติ เวทิตพฺพํฯ อภิวิธิวิสยํ อวธินฺติ วิภตฺติํ ปริณาเมตฺวา วตฺตพฺพํฯ

    14-19. Santānassa ajaññamalīnabhāvakaraṇato kaṇhakammavipākahetuto ca aparisuddhattā ‘‘asucibhāvena sandantī’’ti vuttaṃ. Tatthāti vaṇe. Paggharaṇaka…pe… saddoti etena āsavo viya āsavoti ayampi attho dassitoti daṭṭhabbaṃ. Gotrabhu…pe… vuttānīti etena gotrabhuggahaṇaṃ upalakkhaṇaṃ yathā ‘‘kākehi sappi rakkhitabba’’nti dasseti. Gotrabhusadisā gotrabhūti pana atthe sati guṇappadhānatthānaṃ ekena saddena avacanīyattā vodānādayova vuttā bhaveyyuṃ. Atha vā gotrabhūti ekasesena sāmaññena vā ayaṃ niddesoti veditabbaṃ. Abhividhivisayaṃ avadhinti vibhattiṃ pariṇāmetvā vattabbaṃ.

    สมฺปยุเตฺตหิ อาสเวหิ ตํสหิตตา อาสวสหิตตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สเหตุกานํ สมฺปยุเตฺตหิ เหตูหิ สเหตุกตา, น เอวํ สาสวาติ วุตฺตธมฺมานํ สมฺปยุเตฺตหิ อาสเวหิ สาสวตา, อถ โข วิปฺปยุเตฺตหีติฯ ทุกนฺตเร อวุตฺตปทภาโวเยเวตฺถ ทุกโยชนาย ญายาคตตาฯ ยทิ เอวํ เหตุโคจฺฉเก กถนฺติ อาห ‘‘เหตุโคจฺฉเก ปนา’’ติอาทิฯ ปฐเม ทุเก ทุติยสฺส ปเกฺขเป เอโกติ จตุตฺถทุกมาหฯ ปฐเม ทุเก ตติยสฺส ปเกฺขเป เทฺวติ ‘‘อาสวา เจว ธมฺมา อาสววิปฺปยุตฺตา จ, อาสววิปฺปยุตฺตา เจว ธมฺมา โน จ อาสวา’’ติ อิมินา สทฺธิํ ปญฺจมทุกมาหฯ ปฐมสฺส ทุติเย ทุเก ปเกฺขเป เอโกติ ‘‘โน อาสวา ธมฺมา สาสวาปิ อนาสวาปี’’ติ อยเมโกฯ ตติเย ปฐมสฺส ปเกฺขเป เทฺวติ ‘‘อาสวา ธมฺมา อาสวสมฺปยุตฺตาปิ อาสววิปฺปยุตฺตาปิ, โน อาสวาธมฺมา อาสวสมฺปยุตฺตาปิ อาสววิปฺปยุตฺตาปี’’ติ อิเม เทฺวฯ ตติเย ทุติยสฺส ปเกฺขเป เอโกติ ‘‘สาสวา ธมฺมา อาสวสมฺปยุตฺตาปิ อาสววิปฺปยุตฺตาปี’’ติ เอโกฯ ทุติเย ตติยสฺส ปเกฺขเป เอโกติ ฉฎฺฐทุกมาหฯ ตีหีติ จตุตฺถปญฺจมฉเฎฺฐหิฯ อิตเรติ ตทวสิฎฺฐา ปญฺจฯ เต ปน ปฐเม ตติยทุกทุติยปทปเกฺขเป เอโก, ทุติเย ปฐมทุกทุติยปทปเกฺขเป เอโก, ตติเย ปฐมสฺส เอเกกปทปเกฺขเป เทฺว, ตติเย ทุติยทุกปฐมปทปเกฺขเป เอโกติ เอวํ เวทิตพฺพาฯ ‘‘สาสวา ธมฺมา อาสวาปิ โน อาสวาปิฯ อาสวสมฺปยุตฺตา ธมฺมา อาสวาปิ โน อาสวาปิฯ อาสววิปฺปยุตฺตา ธมฺมา อาสวาปิ โน อาสวาปี’’ติ เอเตสมฺปิ, ‘‘อาสวสหคตา ธมฺมา โน อาสวสหคตา ธมฺมา’’ติ เอวมาทีนญฺจ อคฺคหเณ การณํ คหณนโย จ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Sampayuttehi āsavehi taṃsahitatā āsavasahitatā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā sahetukānaṃ sampayuttehi hetūhi sahetukatā, na evaṃ sāsavāti vuttadhammānaṃ sampayuttehi āsavehi sāsavatā, atha kho vippayuttehīti. Dukantare avuttapadabhāvoyevettha dukayojanāya ñāyāgatatā. Yadi evaṃ hetugocchake kathanti āha ‘‘hetugocchake panā’’tiādi. Paṭhame duke dutiyassa pakkhepe ekoti catutthadukamāha. Paṭhame duke tatiyassa pakkhepe dveti ‘‘āsavā ceva dhammā āsavavippayuttā ca, āsavavippayuttā ceva dhammā no ca āsavā’’ti iminā saddhiṃ pañcamadukamāha. Paṭhamassa dutiye duke pakkhepe ekoti ‘‘no āsavā dhammā sāsavāpi anāsavāpī’’ti ayameko. Tatiye paṭhamassa pakkhepe dveti ‘‘āsavā dhammā āsavasampayuttāpi āsavavippayuttāpi, no āsavādhammā āsavasampayuttāpi āsavavippayuttāpī’’ti ime dve. Tatiye dutiyassa pakkhepe ekoti ‘‘sāsavā dhammā āsavasampayuttāpi āsavavippayuttāpī’’ti eko. Dutiye tatiyassa pakkhepe ekoti chaṭṭhadukamāha. Tīhīti catutthapañcamachaṭṭhehi. Itareti tadavasiṭṭhā pañca. Te pana paṭhame tatiyadukadutiyapadapakkhepe eko, dutiye paṭhamadukadutiyapadapakkhepe eko, tatiye paṭhamassa ekekapadapakkhepe dve, tatiye dutiyadukapaṭhamapadapakkhepe ekoti evaṃ veditabbā. ‘‘Sāsavā dhammā āsavāpi no āsavāpi. Āsavasampayuttā dhammā āsavāpi no āsavāpi. Āsavavippayuttā dhammā āsavāpi no āsavāpī’’ti etesampi, ‘‘āsavasahagatā dhammā no āsavasahagatā dhammā’’ti evamādīnañca aggahaṇe kāraṇaṃ gahaṇanayo ca pubbe vuttanayeneva veditabbaṃ.

    เอส นโยติ โย เอส ปฐมทุเก ทุติยทุกปเกฺขปาทิโก อุปาโย อิธ อาสวโคจฺฉเก วุโตฺต, เอส นโย สํโยชนโคจฺฉกาทีสุ ทุกนฺตรนิทฺธารเณติ อโตฺถฯ ตตฺถ ปาฬิยํ อนาคตทุกา สํโยชนโคจฺฉเก ตาว ‘‘สํโยชนา เจว ธมฺมา สํโยชนวิปฺปยุตฺตา จ, สํโยชนวิปฺปยุตฺตา เจว ธมฺมา โน จ สํโยชนา, สํโยชนา ธมฺมา สํโยชนสมฺปยุตฺตาปิ สํโยชนวิปฺปยุตฺตาปิ, โน สํโยชนา ธมฺมา สํโยชนสมฺปยุตฺตาปิ สํโยชนวิปฺปยุตฺตาปิ, โน สํโยชนา ธมฺมา สํโยชนิยาปิ อสํโยชนิยาปิ, สํโยชนิยา ธมฺมา สํโยชนสมฺปยุตฺตาปิ สํโยชนวิปฺปยุตฺตาปี’’ติ ปญฺจฯ เอวํ คนฺถโอฆโยคอุปาทานโคจฺฉเกสุ ปเจฺจกํ ปญฺจฯ นีวรณโคจฺฉเก ปน นีวรณานํ นีวรณวิปฺปยุตฺตภาวาภาวโต ‘‘โน นีวรณา ธมฺมา นีวรณิยาปิ อนีวรณิยาปิ, โน นีวรณา ธมฺมา นีวรณสมฺปยุตฺตาปิ นีวรณวิปฺปยุตฺตาปิ, นีวรณิยา ธมฺมา นีวรณสมฺปยุตฺตาปิ นีวรณวิปฺปยุตฺตาปี’’ติ ตโยฯ ตถา ปรามาสโคจฺฉเก ‘‘โน ปรามาสา ธมฺมา ปรามฎฺฐาปิ อปรามฎฺฐาปิ, โน ปรามาสา ธมฺมา ปรามาสสมฺปยุตฺตาปิ ปรามาสวิปฺปยุตฺตาปิ, ปรามฎฺฐา ธมฺมา ปรามาสสมฺปยุตฺตาปิ ปรามาสวิปฺปยุตฺตาปี’’ติฯ กิเลสโคจฺฉเก ‘‘โน กิเลสา ธมฺมา สํกิเลสิกาปิ อสํกิเลสิกาปิ, โน กิเลสา ธมฺมา สํกิลิฎฺฐาปิ อสํกิลิฎฺฐาปิ, โน กิเลสา ธมฺมา กิเลสสมฺปยุตฺตาปิ กิเลสวิปฺปยุตฺตาปิ, สํกิเลสิกา ธมฺมา สํกิลิฎฺฐาปิ อสํกิลิฎฺฐาปิ, สํกิเลสิกา ธมฺมา กิเลสสมฺปยุตฺตาปิ กิเลสวิปฺปยุตฺตาปิ, อสํกิลิฎฺฐา ธมฺมา สํกิเลสิกาปิ อสํกิเลสิกาปี’’ติ ฉ ทุกาติ เอวํ เวทิตพฺพาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Esanayoti yo esa paṭhamaduke dutiyadukapakkhepādiko upāyo idha āsavagocchake vutto, esa nayo saṃyojanagocchakādīsu dukantaraniddhāraṇeti attho. Tattha pāḷiyaṃ anāgatadukā saṃyojanagocchake tāva ‘‘saṃyojanā ceva dhammā saṃyojanavippayuttā ca, saṃyojanavippayuttā ceva dhammā no ca saṃyojanā, saṃyojanā dhammā saṃyojanasampayuttāpi saṃyojanavippayuttāpi, no saṃyojanā dhammā saṃyojanasampayuttāpi saṃyojanavippayuttāpi, no saṃyojanā dhammā saṃyojaniyāpi asaṃyojaniyāpi, saṃyojaniyā dhammā saṃyojanasampayuttāpi saṃyojanavippayuttāpī’’ti pañca. Evaṃ ganthaoghayogaupādānagocchakesu paccekaṃ pañca. Nīvaraṇagocchake pana nīvaraṇānaṃ nīvaraṇavippayuttabhāvābhāvato ‘‘no nīvaraṇā dhammā nīvaraṇiyāpi anīvaraṇiyāpi, no nīvaraṇā dhammā nīvaraṇasampayuttāpi nīvaraṇavippayuttāpi, nīvaraṇiyā dhammā nīvaraṇasampayuttāpi nīvaraṇavippayuttāpī’’ti tayo. Tathā parāmāsagocchake ‘‘no parāmāsā dhammā parāmaṭṭhāpi aparāmaṭṭhāpi, no parāmāsā dhammā parāmāsasampayuttāpi parāmāsavippayuttāpi, parāmaṭṭhā dhammā parāmāsasampayuttāpi parāmāsavippayuttāpī’’ti. Kilesagocchake ‘‘no kilesā dhammā saṃkilesikāpi asaṃkilesikāpi, no kilesā dhammā saṃkiliṭṭhāpi asaṃkiliṭṭhāpi, no kilesā dhammā kilesasampayuttāpi kilesavippayuttāpi, saṃkilesikā dhammā saṃkiliṭṭhāpi asaṃkiliṭṭhāpi, saṃkilesikā dhammā kilesasampayuttāpi kilesavippayuttāpi, asaṃkiliṭṭhā dhammā saṃkilesikāpi asaṃkilesikāpī’’ti cha dukāti evaṃ veditabbā. Sesaṃ vuttanayameva.

    ๒๐-๒๕. ปจฺจยภาเวนาติ สํโยชนตฺถํ ทเสฺสติฯ ยถาสกํ ปจฺจยภาโว เอว หิ กามราคาทีนํ วฎฺฎสํโยชนนฺติฯ ยทิ เอวํ กถํ กามราคาทีนํเยว สํโยชนภาโวติ อาห ‘‘สติปี’’ติอาทิฯ อเญฺญสนฺติ สํโยชเนหิ อเญฺญสํ กิเลสาภิสงฺขาราทีนํฯ ตปฺปจฺจยภาเวติ เตสํ กิเลสกมฺมวิปากวฎฺฎานํ ปจฺจยภาเวฯ โอรมฺภาคิยุทฺธํภาคิยภาเวน สงฺคหิตา ปริจฺฉินฺนา โอร…เป.… สงฺคหิตา, เตหิ กามราคาทีหิ วิเสสปจฺจยภูเตหิฯ กามกมฺมภวาทีนํ กามูปปตฺติภวาทินิปฺผาทเนปิ นิยโมติ กตฺวา อาห ‘‘ตํตํ…เป.… โหตี’’ติฯ เตน สํโยชนานํ ภาเว ยถาวุตฺตนิยมานํ กมฺมูปปตฺติภวานํ ภาวํ ทเสฺสตฺวา ตทภาเว อภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น จา’’ติอาทิมาหฯ พนฺธนํ อเสริภาวกรณํ อนฺทุพนฺธนาทโย วิยฯ คนฺถกรณํ อวจฺฉินฺนตากรณํฯ จกฺกลกํ ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลํฯ น โจเทตพฺพนฺติ ปญฺญาจกฺขุนา ปจุรชนสฺส ปสฺสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ยถาวุตฺตวิเสสสฺส สเทฺธยฺยตํ อาหฯ ติวิโธ หิ อโตฺถ โกจิ ปจฺจกฺขสิโทฺธ โย รูปาทิธมฺมานํ ปจฺจตฺตเวทนีโย อนิทฺทิสิตพฺพากาโร, สพฺพธมฺมานํ สภาวลกฺขณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ โกจิ อนุมานสิโทฺธ โย ฆฎาทีสุ ปฎาทีสุ จ ปสิเทฺธน ปจฺจยายตฺตภาเวน ฆฎปฎ-สทฺทาทีนํ อนิจฺจตาทิอากาโร, โกจิ โอกปฺปนสิโทฺธ โย ปจุรชนสฺส อจฺจนฺตมทิโฎฺฐ สทฺธาวิสโย สคฺคนิพฺพานาทิฯ ตตฺถ ยสฺส สตฺถุโน วจนํ ปจฺจกฺขสิเทฺธ อนุมานสิเทฺธ จ อเตฺถ น วิสํวาเทติ อวิปรีตปฺปวตฺติยา, ตสฺส วจเนน สเทฺธยฺยตฺถสิทฺธีติ ตถารูโป จ ภควาติ ‘‘ธมฺมานํ สภาว…เป.… น โจเทตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุฯ

    20-25. Paccayabhāvenāti saṃyojanatthaṃ dasseti. Yathāsakaṃ paccayabhāvo eva hi kāmarāgādīnaṃ vaṭṭasaṃyojananti. Yadi evaṃ kathaṃ kāmarāgādīnaṃyeva saṃyojanabhāvoti āha ‘‘satipī’’tiādi. Aññesanti saṃyojanehi aññesaṃ kilesābhisaṅkhārādīnaṃ. Tappaccayabhāveti tesaṃ kilesakammavipākavaṭṭānaṃ paccayabhāve. Orambhāgiyuddhaṃbhāgiyabhāvena saṅgahitā paricchinnā ora…pe… saṅgahitā, tehi kāmarāgādīhi visesapaccayabhūtehi. Kāmakammabhavādīnaṃ kāmūpapattibhavādinipphādanepi niyamoti katvā āha ‘‘taṃtaṃ…pe… hotī’’ti. Tena saṃyojanānaṃ bhāve yathāvuttaniyamānaṃ kammūpapattibhavānaṃ bhāvaṃ dassetvā tadabhāve abhāvaṃ dassento ‘‘na cā’’tiādimāha. Bandhanaṃ aseribhāvakaraṇaṃ andubandhanādayo viya. Ganthakaraṇaṃ avacchinnatākaraṇaṃ. Cakkalakaṃ pādapuñchanarajjumaṇḍalaṃ. Na codetabbanti paññācakkhunā pacurajanassa passituṃ asakkuṇeyyattā yathāvuttavisesassa saddheyyataṃ āha. Tividho hi attho koci paccakkhasiddho yo rūpādidhammānaṃ paccattavedanīyo aniddisitabbākāro, sabbadhammānaṃ sabhāvalakkhaṇanti vuttaṃ hoti. Koci anumānasiddho yo ghaṭādīsu paṭādīsu ca pasiddhena paccayāyattabhāvena ghaṭapaṭa-saddādīnaṃ aniccatādiākāro, koci okappanasiddho yo pacurajanassa accantamadiṭṭho saddhāvisayo sagganibbānādi. Tattha yassa satthuno vacanaṃ paccakkhasiddhe anumānasiddhe ca atthe na visaṃvādeti aviparītappavattiyā, tassa vacanena saddheyyatthasiddhīti tathārūpo ca bhagavāti ‘‘dhammānaṃ sabhāva…pe… na codetabba’’nti vuttaṃ. Esa nayo ito paresupi evarūpesu.

    ๒๖-๓๗. ยถา สรเภหิ อติกฺกมิตพฺพา ปพฺพตราชิ สรภนิยา, เอวํ โอฆนิยาติ สทฺทสิทฺธีติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิฯ

    26-37. Yathā sarabhehi atikkamitabbā pabbatarāji sarabhaniyā, evaṃ oghaniyāti saddasiddhīti āha ‘‘tenā’’tiādi.

    ๕๐-๕๔. วิปริเยสคฺคาโห ปรามสนนฺติ ‘‘ปรโต’’ติ เอตฺถ น ธมฺมสภาวโต อญฺญถามตฺตํ ปรนฺติ อธิเปฺปตํ, อถ โข ตพฺพิปริยาโยติ อาห ‘‘ปรโตติ นิจฺจาทิโต’’ติฯ

    50-54. Vipariyesaggāho parāmasananti ‘‘parato’’ti ettha na dhammasabhāvato aññathāmattaṃ paranti adhippetaṃ, atha kho tabbipariyāyoti āha ‘‘paratoti niccādito’’ti.

    ๕๕-๖๘. ยทิ สภาวโต อวิชฺชมานํ, กถมารมฺมณภาโวติ อาห ‘‘วิจิตฺตสญฺญาย สญฺญิต’’นฺติ, ปริกปฺปนามตฺตสิทฺธนฺติ อโตฺถฯ ทุวิเญฺญยฺยนานตฺตตาย นิรนฺตรภาวูปคมนํ สํสฎฺฐภาโวติ ‘‘สุวิเญฺญยฺยนานตฺตตฺตา น สํสฎฺฐตา’’ติ วุตฺตํฯ เตสํ อรูปกฺขนฺธานํฯ อิตเรหิ รูปนิพฺพาเนหิฯ กิํ ปน การณํ สมานุปฺปาทนิโรธานํ เอกกลาปภูตานํ อรูปธมฺมานเมว อญฺญมญฺญํ สํสฎฺฐตา วุจฺจติ, น ปน ตถาภูตานมฺปิ รูปธมฺมานนฺติ อาห ‘‘เอส หิ เตสํ สภาโว’’ติฯ เตน ยทิปิ เกจิ อรูปธมฺมา วิสุํ อารมฺมณํ โหนฺติ, ทนฺธปฺปวตฺติกตฺตา ปน รูปธมฺมานํเยว สุวิเญฺญยฺยนานตฺตํ, น อรูปธมฺมานนฺติ เตสํ สํสฎฺฐภาโว ตทภาโว จ อิตเรสํ สภาวสิโทฺธติ ทเสฺสติฯ สมูหฆนตาย วา ทุพฺพิภาคตรตฺตา นตฺถิ อรูปธมฺมานํ วิสุํ อารมฺมณภาโวติ ทุวิเญฺญยฺยนานตฺตตฺตา เตสํเยว สํสฎฺฐตาฯ อมุญฺจิตฺวา ตทธีนวุตฺติตาย คเหตพฺพโต พุทฺธิยาฯ

    55-68. Yadi sabhāvato avijjamānaṃ, kathamārammaṇabhāvoti āha ‘‘vicittasaññāya saññita’’nti, parikappanāmattasiddhanti attho. Duviññeyyanānattatāya nirantarabhāvūpagamanaṃ saṃsaṭṭhabhāvoti ‘‘suviññeyyanānattattā na saṃsaṭṭhatā’’ti vuttaṃ. Tesaṃ arūpakkhandhānaṃ. Itarehi rūpanibbānehi. Kiṃ pana kāraṇaṃ samānuppādanirodhānaṃ ekakalāpabhūtānaṃ arūpadhammānameva aññamaññaṃ saṃsaṭṭhatā vuccati, na pana tathābhūtānampi rūpadhammānanti āha ‘‘esa hi tesaṃ sabhāvo’’ti. Tena yadipi keci arūpadhammā visuṃ ārammaṇaṃ honti, dandhappavattikattā pana rūpadhammānaṃyeva suviññeyyanānattaṃ, na arūpadhammānanti tesaṃ saṃsaṭṭhabhāvo tadabhāvo ca itaresaṃ sabhāvasiddhoti dasseti. Samūhaghanatāya vā dubbibhāgatarattā natthi arūpadhammānaṃ visuṃ ārammaṇabhāvoti duviññeyyanānattattā tesaṃyeva saṃsaṭṭhatā. Amuñcitvā tadadhīnavuttitāya gahetabbato buddhiyā.

    ๘๓-๑๐๐. กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลเปน ยถา รูปภโว รูปํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ อารมฺมณกรณวเสนาติ เอเตน กามรูปารูปตณฺหานํ วิสยภาโว ยถากฺกมํ กามรูปารูปาวจรตาย การณนฺติ ทเสฺสติฯ อวสฺสเญฺจตเมวํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, อญฺญถา กามาวจราทิภาโว อปริปุณฺณวิสโย สิยาฯ ยทิ หิ อาลมฺพิตพฺพธมฺมวเสน ภูมิปริเจฺฉโท, เอวํ สติ อนารมฺมณานํ สงฺคโห น สิยาฯ อถ วิปากทานวเสน, เอวมฺปิ อวิปากานํ สงฺคโห น สิยา, ตสฺมา อารมฺมณกรณวเสน ปริยาปนฺนานํ ภูมิปริเจฺฉโท กาตโพฺพฯ เอวญฺหิ สติ กามาวจราทิภาโว ปริปุณฺณวิสโย สิยาฯ เตเนวาห ‘‘เอวญฺหิ สตี’’ติอาทิฯ อปริยาปนฺนานํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณภาเวน อนุตฺตรภูมิตาฯ อกามาวจราทิตา นาปชฺชตีติ อพฺยาปิตโทสํ ปริหรติ, กามาวจราทิตา นาปชฺชตีติ อติพฺยาปิตโทสํฯ นนุ จ อิมสฺมิํ ปเกฺข กามตณฺหา กตมา, กามาวจรธมฺมารมฺมณา ตณฺหา, กามาวจรธมฺมา กตเม, กามตณฺหาวิสยาติ อิตรีตรนิสฺสยตา โทโสติ? น, อวีจิอาทิเอกาทโสกาสนินฺนตาย กิญฺจิ ตณฺหํ กามตณฺหาภาเวน คเหตฺวา ตํสภาวาย วิสยภาเวน กามาวจรธมฺมานํ อุปลเกฺขตพฺพตฺตาฯ

    83-100. Kāmataṇhā kāmo uttarapadalopena yathā rūpabhavo rūpaṃ. Evaṃ sesesupi. Ārammaṇakaraṇavasenāti etena kāmarūpārūpataṇhānaṃ visayabhāvo yathākkamaṃ kāmarūpārūpāvacaratāya kāraṇanti dasseti. Avassañcetamevaṃ sampaṭicchitabbaṃ, aññathā kāmāvacarādibhāvo aparipuṇṇavisayo siyā. Yadi hi ālambitabbadhammavasena bhūmiparicchedo, evaṃ sati anārammaṇānaṃ saṅgaho na siyā. Atha vipākadānavasena, evampi avipākānaṃ saṅgaho na siyā, tasmā ārammaṇakaraṇavasena pariyāpannānaṃ bhūmiparicchedo kātabbo. Evañhi sati kāmāvacarādibhāvo paripuṇṇavisayo siyā. Tenevāha ‘‘evañhi satī’’tiādi. Apariyāpannānaṃ pana lokato uttiṇṇabhāvena anuttarabhūmitā. Akāmāvacarāditā nāpajjatīti abyāpitadosaṃ pariharati, kāmāvacarāditā nāpajjatīti atibyāpitadosaṃ. Nanu ca imasmiṃ pakkhe kāmataṇhā katamā, kāmāvacaradhammārammaṇā taṇhā, kāmāvacaradhammā katame, kāmataṇhāvisayāti itarītaranissayatā dosoti? Na, avīciādiekādasokāsaninnatāya kiñci taṇhaṃ kāmataṇhābhāvena gahetvā taṃsabhāvāya visayabhāvena kāmāvacaradhammānaṃ upalakkhetabbattā.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาเฐน สมเตฺถโนฺต ‘‘นิเกฺขปกเณฺฑปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ หิ กามตณฺหาย อาลมฺพิตพฺพตฺตา กามธาตุปริยาปนฺนธมฺมา จ กามภวสงฺขาเต กาเม โอคาฬฺหา หุตฺวา จรนฺติ, นาญฺญตฺถาติ เอตฺถาวจราติ วุตฺตนฺติฯ วิเสสตฺถินา วิเสโส อนุปยุชฺชตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โลกสฺส วเสน ปริยาปนฺนนิจฺฉยโต’’ติฯ เตน โลกิยธเมฺมสุ ปริยาปนฺน-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตํ ทเสฺสติ ภควโต ตทุจฺจารณานนฺตรํ วิเนยฺยานํ ตทตฺถปฎิปตฺติโตฯ ปริเจฺฉทกาเปกฺขา ปริจฺฉินฺนตาติ ‘‘ปริเจฺฉทการิกาย ตณฺหายา’’ติ วุตฺตํฯ สา หิ ธมฺมานํ กามาวจราทิภาวํ ปริจฺฉินฺทติฯ ปริ-สโทฺท เจตฺถ ‘‘อุปาทินฺนา’’ติอาทีสุ อุป-สโทฺท วิย สสาธนํ กิริยํ ทีเปตีติ อยมโตฺถ วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ pāṭhena samatthento ‘‘nikkhepakaṇḍepī’’tiādimāha. Tattha hi kāmataṇhāya ālambitabbattā kāmadhātupariyāpannadhammā ca kāmabhavasaṅkhāte kāme ogāḷhā hutvā caranti, nāññatthāti etthāvacarāti vuttanti. Visesatthinā viseso anupayujjatīti imamatthaṃ dassento āha ‘‘lokassa vasena pariyāpannanicchayato’’ti. Tena lokiyadhammesu pariyāpanna-saddassa niruḷhataṃ dasseti bhagavato taduccāraṇānantaraṃ vineyyānaṃ tadatthapaṭipattito. Paricchedakāpekkhā paricchinnatāti ‘‘paricchedakārikāya taṇhāyā’’ti vuttaṃ. Sā hi dhammānaṃ kāmāvacarādibhāvaṃ paricchindati. Pari-saddo cettha ‘‘upādinnā’’tiādīsu upa-saddo viya sasādhanaṃ kiriyaṃ dīpetīti ayamattho vuttoti daṭṭhabbaṃ.

    นิยฺยานกรณสีลา นิยฺยานิกา ยถา ‘‘อปูปภกฺขนสีโล อาปูปิโก’’ติ, นิยฺยานสีลา เอว วาฯ ราคโทสโมหาว คหิตาติ ญายติ, อิตรถา ปหาเนกฎฺฐตาวจนํ นิปฺปโยชนํ สิยาฯ ‘‘รโณหตา น โชตนฺติ, จนฺทสูริยา สตารกา’’ติอาทีสุ รณ-สทฺทสฺส เรณุปริยายตา ทฎฺฐพฺพาฯ สมฺปหารปริยายตฺตา ยุทฺธ-สทฺทสฺส สมฺปหาโร จ ปหริตพฺพาธาโรติ อกุสลเสนาว ‘‘สรณา’’ติ วุตฺตาฯ ทุกฺขาทีนนฺติ ผลภูตานํ ทุกฺขวิฆาตอุปายาสปริฬาหานํ สภาคภูตาย จ มิจฺฉาปฎิปทายฯ ตนฺนิพฺพตฺตกสภาวานํ อกุสลานนฺติ เอเตน สเพฺพสมฺปิ อกุสลานํ สรณตํ ทเสฺสติฯ

    Niyyānakaraṇasīlā niyyānikā yathā ‘‘apūpabhakkhanasīlo āpūpiko’’ti, niyyānasīlā eva vā. Rāgadosamohāva gahitāti ñāyati, itarathā pahānekaṭṭhatāvacanaṃ nippayojanaṃ siyā. ‘‘Raṇohatā na jotanti, candasūriyā satārakā’’tiādīsu raṇa-saddassa reṇupariyāyatā daṭṭhabbā. Sampahārapariyāyattā yuddha-saddassa sampahāro ca paharitabbādhāroti akusalasenāva ‘‘saraṇā’’ti vuttā. Dukkhādīnanti phalabhūtānaṃ dukkhavighātaupāyāsapariḷāhānaṃ sabhāgabhūtāya ca micchāpaṭipadāya. Tannibbattakasabhāvānaṃ akusalānanti etena sabbesampi akusalānaṃ saraṇataṃ dasseti.

    อภิธมฺมทุกมาติกาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhidhammadukamātikāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ๒. ทุกมาติกา • 2. Dukamātikā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ทุกมาติกาปทวณฺณนา • Dukamātikāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ทุกมาติกาปทวณฺณนา • Dukamātikāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact