Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๒. ทุกนิเทฺทสวณฺณนา
2. Dukaniddesavaṇṇanā
๔๕. ทุกนิเทฺทเส โกธโนติ กุชฺฌนสีโล มหาโกโธฯ เอวํ ปุคฺคลํ ปุจฺฉิตฺวาปิ ธเมฺมน ปุคฺคลํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตโม โกโธติอาทิมาหฯ อุปนาหีนิเทฺทสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ โกโธ กุชฺฌนาติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเนวฯ ตถา อุปนาหีนิเทฺทสาทีสุ ปุพฺพกาลํ โกโธติอาทีนิฯ อยํ โกโธ อปฺปหีโนติ อยํ เอตฺตโก โกโธ วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน วา ตทงฺคปฺปหาเนน วา สมุเจฺฉทปฺปหาเนน วา อปฺปหีโนฯ ปรโต อุปนาหาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
45. Dukaniddese kodhanoti kujjhanasīlo mahākodho. Evaṃ puggalaṃ pucchitvāpi dhammena puggalaṃ dassetuṃ tattha katamo kodhotiādimāha. Upanāhīniddesādīsupi eseva nayo. Kodho kujjhanātiādīni heṭṭhā vuttatthāneva. Tathā upanāhīniddesādīsu pubbakālaṃ kodhotiādīni. Ayaṃ kodho appahīnoti ayaṃ ettako kodho vikkhambhanappahānena vā tadaṅgappahānena vā samucchedappahānena vā appahīno. Parato upanāhādīsupi eseva nayo.
๕๓. อหิริกนิเทฺทสาทีสุ – อิมินา อหิริเกนาติ อิมินา เอวํปกาเรน อหิริกธเมฺมน สมนฺนาคโตฯ อิมินา อโนตฺตเปฺปนาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
53. Ahirikaniddesādīsu – iminā ahirikenāti iminā evaṃpakārena ahirikadhammena samannāgato. Iminā anottappenātiādīsupi eseva nayo.
๖๓. อชฺฌตฺตสํโยชโนติ อชฺฌตฺตพนฺธโนฯ พหิทฺธาสํโยชโนติ พหิทฺธาพนฺธโนฯ เต อุโภปิ วจฺฉกสาลูปมาย ทีเปตพฺพาฯ วจฺฉกสาลาย หิ อโนฺต พโทฺธ อโนฺตเยว สยิตวจฺฉโก วิย อิธฎฺฐกโสตาปนฺนสกทาคามิโนฯ เตสญฺหิ พนฺธนมฺปิ อิเธว, สยมฺปิ อิเธวฯ อโนฺต พโทฺธ ปน พหิ สยิตวจฺฉโก วิย รูปารูปภเว โสตาปนฺนสกทาคามิโนฯ เตสญฺหิ พนฺธนเมว อิธ, สยํ ปน พฺรหฺมโลเก ฐิตาฯ พหิ พโทฺธ พหิ สยิตวจฺฉโก วิย รูปารูปภเว อนาคามีฯ ตสฺส หิ พนฺธนมฺปิ พหิทฺธา, สยมฺปิ พหิทฺธาวฯ พหิ พโทฺธ ปน อโนฺตสยิตวจฺฉโก วิย อิธฎฺฐกอนาคามีฯ ตสฺส หิ พนฺธนํ รูปารูปภเวสุ, สยํ ปน อิธ ฐิโตฯ
63. Ajjhattasaṃyojanoti ajjhattabandhano. Bahiddhāsaṃyojanoti bahiddhābandhano. Te ubhopi vacchakasālūpamāya dīpetabbā. Vacchakasālāya hi anto baddho antoyeva sayitavacchako viya idhaṭṭhakasotāpannasakadāgāmino. Tesañhi bandhanampi idheva, sayampi idheva. Anto baddho pana bahi sayitavacchako viya rūpārūpabhave sotāpannasakadāgāmino. Tesañhi bandhanameva idha, sayaṃ pana brahmaloke ṭhitā. Bahi baddho bahi sayitavacchako viya rūpārūpabhave anāgāmī. Tassa hi bandhanampi bahiddhā, sayampi bahiddhāva. Bahi baddho pana antosayitavacchako viya idhaṭṭhakaanāgāmī. Tassa hi bandhanaṃ rūpārūpabhavesu, sayaṃ pana idha ṭhito.
๖๕. อโกฺกธนนิเทฺทสาทีสุ – ปหีโนติ วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน วา, ตทงฺคปฺปหาเนน วา, สมุเจฺฉทปฺปหาเนน วา ปหีโนฯ
65. Akkodhananiddesādīsu – pahīnoti vikkhambhanappahānena vā, tadaṅgappahānena vā, samucchedappahānena vā pahīno.
๘๓. ทุลฺลภนิเทฺทเส – ทุลฺลภาติ น สุลภาฯ ปุพฺพการีติ ปฐมเมว การโกฯ กตเวทีติ กตํ เวเทติ, วิทิตํ ปากฎํ กโรติฯ เต อคาริยานคาริเยหิ ทีเปตพฺพาฯ อคาริเยสุ หิ มาตาปิตโร ปุพฺพการิโน นามฯ ปุตฺตธีตโร ปน มาตาปิตโร ปฎิชคฺคนฺตา อภิวาทนาทีนิ เตสํ กุรุมานา กตเวทิโน นามฯ อนคาริเยสุ อาจริยุปชฺฌายา ปุพฺพการิโน นามฯ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกา อาจริยุปชฺฌาเย ปฎิชคฺคนฺตา อภิวาทนาทีนิ เตสํ กุรุมานา กตเวทิโน นามฯ เตสํ อาวิภาวตฺถาย อุปชฺฌายโปสกโสณเตฺถราทีนํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิฯ
83. Dullabhaniddese – dullabhāti na sulabhā. Pubbakārīti paṭhamameva kārako. Katavedīti kataṃ vedeti, viditaṃ pākaṭaṃ karoti. Te agāriyānagāriyehi dīpetabbā. Agāriyesu hi mātāpitaro pubbakārino nāma. Puttadhītaro pana mātāpitaro paṭijaggantā abhivādanādīni tesaṃ kurumānā katavedino nāma. Anagāriyesu ācariyupajjhāyā pubbakārino nāma. Antevāsikasaddhivihārikā ācariyupajjhāye paṭijaggantā abhivādanādīni tesaṃ kurumānā katavedino nāma. Tesaṃ āvibhāvatthāya upajjhāyaposakasoṇattherādīnaṃ vatthūni kathetabbāni.
อปโร นโย – ปเรน อกเตเยว อุปกาเร อตฺตนิ กตํ อุปการํ อนเปกฺขิตฺวา การโก ปุพฺพการี, เสยฺยถาปิ มาตาปิตโร เจว อาจริยุปชฺฌายา จฯ โส ทุลฺลโภ; สตฺตานํ ตณฺหาภิภูตตฺตาฯ ปเรน กตสฺส อุปการสฺส อนุรูปปฺปวตฺติํ อตฺตนิ กตํ อุปการํ อุปการโต ชานโนฺต, เวทิยโนฺต, กตญฺญุกตเวทีฯ เสยฺยถาปิ มาตาปิตุอาจริยุปชฺฌาเยสุ สมฺมา ปฎิปโนฺนฯ โสปิ ทุลฺลโภ; สตฺตานํ อวิชฺชาภิภูตตฺตาฯ
Aparo nayo – parena akateyeva upakāre attani kataṃ upakāraṃ anapekkhitvā kārako pubbakārī, seyyathāpi mātāpitaro ceva ācariyupajjhāyā ca. So dullabho; sattānaṃ taṇhābhibhūtattā. Parena katassa upakārassa anurūpappavattiṃ attani kataṃ upakāraṃ upakārato jānanto, vediyanto, kataññukatavedī. Seyyathāpi mātāpituācariyupajjhāyesu sammā paṭipanno. Sopi dullabho; sattānaṃ avijjābhibhūtattā.
อปิจ – อการณวจฺฉโล ปุพฺพการี, สการณวจฺฉโล กตญฺญุกตเวทีฯ ‘กริสฺสติ เม’ติ เอวมาทิการณนิรเปกฺขกิริโย ปุพฺพการีฯ ‘กริสฺสติ เม’ติ เอวมาทิการณสาเปกฺขกิริโย กตญฺญุกตเวทีฯ ตโมโชติปรายโณ ปุพฺพการี, โชติโชติปรายโณ กตญฺญุกตเวทีฯ เทเสตา ปุพฺพการี, ปฎิปชฺชิตา กตญฺญุกตเวทีฯ สเทวเก โลเก อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปุพฺพการี, อริยสาวโก กตญฺญุกตเวทีติฯ ทุกนิปาตฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๒๐) ปน – ‘‘‘ปุพฺพการี’ติ ปฐมํ อุปการสฺส การโก, ‘กตญฺญุกตเวที’ติ เตน กตํ ญตฺวา ปจฺฉา การโกฯ เตสุ ปุพฺพการี อิณํ เทมีติ สญฺญํ กโรติ, ปจฺฉาการโก ‘อิณํ ชีราเปมี’ติ สญฺญํ กโรตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ
Apica – akāraṇavacchalo pubbakārī, sakāraṇavacchalo kataññukatavedī. ‘Karissati me’ti evamādikāraṇanirapekkhakiriyo pubbakārī. ‘Karissati me’ti evamādikāraṇasāpekkhakiriyo kataññukatavedī. Tamojotiparāyaṇo pubbakārī, jotijotiparāyaṇo kataññukatavedī. Desetā pubbakārī, paṭipajjitā kataññukatavedī. Sadevake loke arahaṃ sammāsambuddho pubbakārī, ariyasāvako kataññukatavedīti. Dukanipātaṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 2.2.120) pana – ‘‘‘pubbakārī’ti paṭhamaṃ upakārassa kārako, ‘kataññukatavedī’ti tena kataṃ ñatvā pacchā kārako. Tesu pubbakārī iṇaṃ demīti saññaṃ karoti, pacchākārako ‘iṇaṃ jīrāpemī’ti saññaṃ karotī’’ti ettakameva vuttaṃ.
๘๔. ทุตฺตปฺปยนิเทฺทเส – ทุตฺตปฺปยาติ อตปฺปยา, น สกฺกา เกนจิ ตเปฺปตุํฯ โย หิ อุปฎฺฐากกุลํ วา ญาติกุลํ วา นิสฺสาย วสมาโน จีวเร ชิเณฺณ เตหิ ทินฺนํ จีวรํ นิกฺขิปติ, น ปริภุญฺชติฯ ปุนปฺปุนํ ทินฺนมฺปิ คเหตฺวา นิกฺขิปเตวฯ โย จ เตเนว นเยน ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสเชฺชติ ปรสฺส เทติฯ ปุนปฺปุนํ ลทฺธมฺปิ ตเถว กโรติฯ อิเม เทฺว ปุคฺคลา สกเฎหิปิ ปจฺจเย อุปเนเนฺตน ตเปฺปตุํ น สกฺกาติ ทุตฺตปฺปยา นามฯ
84. Duttappayaniddese – duttappayāti atappayā, na sakkā kenaci tappetuṃ. Yo hi upaṭṭhākakulaṃ vā ñātikulaṃ vā nissāya vasamāno cīvare jiṇṇe tehi dinnaṃ cīvaraṃ nikkhipati, na paribhuñjati. Punappunaṃ dinnampi gahetvā nikkhipateva. Yo ca teneva nayena laddhaṃ laddhaṃ vissajjeti parassa deti. Punappunaṃ laddhampi tatheva karoti. Ime dve puggalā sakaṭehipi paccaye upanentena tappetuṃ na sakkāti duttappayā nāma.
๘๕. สุตปฺปยนิเทฺทเส – น วิสฺสเชฺชตีติ อตฺตโน อกตฺวา ปรสฺส น เทติฯ อติเรเก ปน สติ น นิกฺขิปติ ปรสฺส เทติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปน ภิกฺขุ อุปฎฺฐากกุลา วา ญาติกุลา วา ชิณฺณจีวโร สาฎกํ ลภิตฺวา จีวรํ กตฺวา ปริภุญฺชติ, น นิกฺขิปติ; อคฺคฬํ ทตฺวา ปารุปโนฺตปิ ปุน ทิยฺยมาเน สหสา น ปฎิคฺคณฺหาติฯ โย จ ลทฺธํ ลทฺธํ อตฺตนา ปริภุญฺชติ, ปเรสํ น เทติฯ อิเม เทฺวปิ สุเขน สกฺกา ตเปฺปตุนฺติ สุตปฺปยา นามาติฯ
85. Sutappayaniddese – na vissajjetīti attano akatvā parassa na deti. Atireke pana sati na nikkhipati parassa deti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo pana bhikkhu upaṭṭhākakulā vā ñātikulā vā jiṇṇacīvaro sāṭakaṃ labhitvā cīvaraṃ katvā paribhuñjati, na nikkhipati; aggaḷaṃ datvā pārupantopi puna diyyamāne sahasā na paṭiggaṇhāti. Yo ca laddhaṃ laddhaṃ attanā paribhuñjati, paresaṃ na deti. Ime dvepi sukhena sakkā tappetunti sutappayā nāmāti.
๘๖. อาสวาติ กิเลสาฯ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ กุกฺกุจฺจายตีติ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพยุตฺตกํ กุกฺกุจฺจายติฯ สูกรมํสํ ลภิตฺวา อจฺฉมํสนฺติ กุกฺกุจฺจายติ, มิคมํสํ, ลภิตฺวา ทีปิมํสนฺติ กุกฺกุจฺจายติฯ กาเล สเนฺตเยว ‘กาโล นตฺถี’ติ, อปฺปวาเรตฺวาว ‘ปวาริโตสฺมี’ติ, ปเตฺต รชสฺมิํ อปติเตเยว ‘ปติต’นฺติ, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส อกเตเยว ‘มํ อุทฺทิสฺส กต’นฺติ กุกฺกุจฺจายติฯ กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ น กุกฺกุจฺจายตีติ กุกฺกุจฺจายิตพฺพยุตฺตกํ น กุกฺกุจฺจายติฯ อจฺฉมํสํ ลภิตฺวา สูกรมํสนฺติ น กุกฺกุจฺจายติ…เป.… อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส กเต ‘มํ อุทฺทิสฺส กต’นฺติ น กุกฺกุจฺจายติ ฯ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ ปน – ‘‘‘น กุกฺกุจฺจายิตพฺพ’นฺติ สงฺฆโภคสฺส อปฎฺฐปนํ อวิจารณํ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ นาม, ตํ กุกฺกุจฺจายติฯ ‘กุกฺกุจฺจายิตพฺพ’นฺติ ตเสฺสว ปฎฺฐปนํ วิจารณํ, ตํ น กุกฺกุจฺจายตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ อิเมสนฺติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สุภูมิยํ ติณลตาทีนิ วิย รตฺติมฺปิ ทิวาปิ อาสวา วฑฺฒนฺติเยวฯ สุกฺกปเกฺข กปฺปิยมํสํ ลภิตฺวา กปฺปิยมํสเนฺตฺวว คณฺหโนฺต น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ น กุกฺกุจฺจายติ นามาติ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
86. Āsavāti kilesā. Na kukkuccāyitabbaṃ kukkuccāyatīti na kukkuccāyitabbayuttakaṃ kukkuccāyati. Sūkaramaṃsaṃ labhitvā acchamaṃsanti kukkuccāyati, migamaṃsaṃ, labhitvā dīpimaṃsanti kukkuccāyati. Kāle santeyeva ‘kālo natthī’ti, appavāretvāva ‘pavāritosmī’ti, patte rajasmiṃ apatiteyeva ‘patita’nti, attānaṃ uddissa macchamaṃse akateyeva ‘maṃ uddissa kata’nti kukkuccāyati. Kukkuccāyitabbaṃ na kukkuccāyatīti kukkuccāyitabbayuttakaṃ na kukkuccāyati. Acchamaṃsaṃ labhitvā sūkaramaṃsanti na kukkuccāyati…pe… attānaṃ uddissa macchamaṃse kate ‘maṃ uddissa kata’nti na kukkuccāyati . Aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ pana – ‘‘‘na kukkuccāyitabba’nti saṅghabhogassa apaṭṭhapanaṃ avicāraṇaṃ na kukkuccāyitabbaṃ nāma, taṃ kukkuccāyati. ‘Kukkuccāyitabba’nti tasseva paṭṭhapanaṃ vicāraṇaṃ, taṃ na kukkuccāyatī’’ti ettakameva vuttaṃ. Imesanti imesaṃ dvinnaṃ puggalānaṃ subhūmiyaṃ tiṇalatādīni viya rattimpi divāpi āsavā vaḍḍhantiyeva. Sukkapakkhe kappiyamaṃsaṃ labhitvā kappiyamaṃsantveva gaṇhanto na kukkuccāyitabbaṃ na kukkuccāyati nāmāti iminā nayena attho veditabbo.
๘๘. หีนาธิมุโตฺตติ หีนชฺฌาสโยฯ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโลฯ ปาปธโมฺมติ ลามกธโมฺมฯ
88. Hīnādhimuttoti hīnajjhāsayo. Dussīloti nissīlo. Pāpadhammoti lāmakadhammo.
๘๙. ปณีตาธิมุโตฺตติ ปณีตชฺฌาสโยฯ กลฺยาณธโมฺมติ ภทฺทกธโมฺม, สุจิธโมฺม, สุนฺทรธโมฺมฯ
89. Paṇītādhimuttoti paṇītajjhāsayo. Kalyāṇadhammoti bhaddakadhammo, sucidhammo, sundaradhammo.
๙๐. ติโตฺตติ สุหิโต ปริโยสิโตฯ ตเปฺปตาติ อเญฺญสมฺปิ ติตฺติกโรฯ ปเจฺจกสมฺพุทฺธา เย จ ตถาคตสาวกาติ เอตฺถ ปเจฺจกพุทฺธา นวหิ โลกุตฺตรธเมฺมหิ สยํ ติตฺตา ปริปุณฺณาฯ อเญฺญ ปน ตเปฺปตุํ น สโกฺกนฺติฯ เตสญฺหิ ธมฺมกถาย อภิสมโย น โหติฯ สาวกานํ ปน ธมฺมกถาย อปริมาณานมฺปิ เทวมนุสฺสานํ อภิสมโย โหติฯ เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา ปน เต ธมฺมํ เทเสนฺตา น อตฺตโน วจนํ กตฺวา กเถนฺติ, พุทฺธานํ วจนํ กตฺวา กเถนฺติฯ โสตุํ นิสินฺนปริสาปิ ‘อยํ ภิกฺขุ น อตฺตนา ปฎิวิทฺธธมฺมํ กเถติ, พุเทฺธหิ ปฎิวิทฺธธมฺมํ กเถตี’ติ จิตฺตีการํ กโรติฯ อิติ โส จิตฺตีกาโร พุทฺธานํเยว โหติฯ เอวํ ตตฺถ สมฺมาสมฺพุโทฺธว ตเปฺปตา นามฯ ยถา หิ ‘อสุกสฺส นาม อิทญฺจิทญฺจ เทถา’ติ รญฺญา อาณตฺตา กิญฺจาปิ อาเนตฺวา เทนฺติ, อถ โข ราชาว ตตฺถ ทายโกฯ เยหิปิ ลทฺธํ โหติ, เต ‘รญฺญา อมฺหากํ ฐานนฺตรํ ทินฺนํ, อิสฺสริยวิภโว ทิโนฺน’เตฺวว คณฺหนฺติ, น ราชปุริเสหีติฯ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
90. Tittoti suhito pariyosito. Tappetāti aññesampi tittikaro. Paccekasambuddhā ye ca tathāgatasāvakāti ettha paccekabuddhā navahi lokuttaradhammehi sayaṃ tittā paripuṇṇā. Aññe pana tappetuṃ na sakkonti. Tesañhi dhammakathāya abhisamayo na hoti. Sāvakānaṃ pana dhammakathāya aparimāṇānampi devamanussānaṃ abhisamayo hoti. Evaṃ santepi yasmā pana te dhammaṃ desentā na attano vacanaṃ katvā kathenti, buddhānaṃ vacanaṃ katvā kathenti. Sotuṃ nisinnaparisāpi ‘ayaṃ bhikkhu na attanā paṭividdhadhammaṃ katheti, buddhehi paṭividdhadhammaṃ kathetī’ti cittīkāraṃ karoti. Iti so cittīkāro buddhānaṃyeva hoti. Evaṃ tattha sammāsambuddhova tappetā nāma. Yathā hi ‘asukassa nāma idañcidañca dethā’ti raññā āṇattā kiñcāpi ānetvā denti, atha kho rājāva tattha dāyako. Yehipi laddhaṃ hoti, te ‘raññā amhākaṃ ṭhānantaraṃ dinnaṃ, issariyavibhavo dinno’tveva gaṇhanti, na rājapurisehīti. Evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
ทุกนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Dukaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๒. ทุกปุคฺคลปญฺญตฺติ • 2. Dukapuggalapaññatti
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๒. ทุกนิเทฺทสวณฺณนา • 2. Dukaniddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๒. ทุกนิเทฺทสวณฺณนา • 2. Dukaniddesavaṇṇanā