Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๒. ทุกฺกรการิกปโญฺห

    2. Dukkarakārikapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, สเพฺพว โพธิสตฺตา ทุกฺกรการิกํ กโรนฺติ, อุทาหุ โคตเมเนว โพธิสเตฺตน ทุกฺกรการิกา กตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, มหาราช , สเพฺพสํ โพธิสตฺตานํ ทุกฺกรการิกา, โคตเมเนว โพธิสเตฺตน ทุกฺกรการิกา กตา’’ติฯ

    2. ‘‘Bhante nāgasena, sabbeva bodhisattā dukkarakārikaṃ karonti, udāhu gotameneva bodhisattena dukkarakārikā katā’’ti? ‘‘Natthi, mahārāja , sabbesaṃ bodhisattānaṃ dukkarakārikā, gotameneva bodhisattena dukkarakārikā katā’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยทิ เอวํ อยุตฺตํ, ยํ โพธิสตฺตานํ โพธิสเตฺตหิ เวมตฺตตา โหตี’’ติฯ ‘‘จตูหิ , มหาราช, ฐาเนหิ โพธิสตฺตานํ โพธิสเตฺตหิ เวมตฺตตา โหติฯ กตเมหิ จตูหิ? กุลเวมตฺตตา ปธานเวมตฺตตา 1 อายุเวมตฺตตา ปมาณเวมตฺตตาติฯ อิเมหิ โข, มหาราช, จตูหิ ฐาเนหิ โพธิสตฺตานํ โพธิสเตฺตหิ เวมตฺตตา โหติฯ สเพฺพสมฺปิ, มหาราช, พุทฺธานํ รูเป สีเล สมาธิมฺหิ ปญฺญาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติญาณทสฺสเน จตุเวสารเชฺช ทสตถาคตพเล ฉอสาธารณญาเณ จุทฺทสพุทฺธญาเณ อฎฺฐารสพุทฺธธเมฺม เกวเล จ พุทฺธคุเณ 2 นตฺถิ เวมตฺตตา, สเพฺพปิ พุทฺธา พุทฺธธเมฺมหิ สมสมา’’ติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, yadi evaṃ ayuttaṃ, yaṃ bodhisattānaṃ bodhisattehi vemattatā hotī’’ti. ‘‘Catūhi , mahārāja, ṭhānehi bodhisattānaṃ bodhisattehi vemattatā hoti. Katamehi catūhi? Kulavemattatā padhānavemattatā 3 āyuvemattatā pamāṇavemattatāti. Imehi kho, mahārāja, catūhi ṭhānehi bodhisattānaṃ bodhisattehi vemattatā hoti. Sabbesampi, mahārāja, buddhānaṃ rūpe sīle samādhimhi paññāya vimuttiyā vimuttiñāṇadassane catuvesārajje dasatathāgatabale chaasādhāraṇañāṇe cuddasabuddhañāṇe aṭṭhārasabuddhadhamme kevale ca buddhaguṇe 4 natthi vemattatā, sabbepi buddhā buddhadhammehi samasamā’’ti.

    ‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, สเพฺพปิ พุทฺธา พุทฺธธเมฺมหิ สมสมา, เกน การเณน โคตเมเนว โพธิสเตฺตน ทุกฺกรการิกา กตา’’ติ? ‘‘อปริปเกฺก, มหาราช, ญาเณ อปริปกฺกาย โพธิยา โคตโม โพธิสโตฺต เนกฺขมฺมมภินิกฺขโนฺต อปริปกฺกํ ญาณํ ปริปาจยมาเนน ทุกฺกรการิกา กตา’’ติฯ

    ‘‘Yadi, bhante nāgasena, sabbepi buddhā buddhadhammehi samasamā, kena kāraṇena gotameneva bodhisattena dukkarakārikā katā’’ti? ‘‘Aparipakke, mahārāja, ñāṇe aparipakkāya bodhiyā gotamo bodhisatto nekkhammamabhinikkhanto aparipakkaṃ ñāṇaṃ paripācayamānena dukkarakārikā katā’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, เกน การเณน โพธิสโตฺต อปริปเกฺก ญาเณ อปริปกฺกาย โพธิยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขโนฺต, นนุ นาม ญาณํ ปริปาเจตฺวา ปริปเกฺก ญาเณ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ?

    ‘‘Bhante nāgasena, kena kāraṇena bodhisatto aparipakke ñāṇe aparipakkāya bodhiyā mahābhinikkhamanaṃ nikkhanto, nanu nāma ñāṇaṃ paripācetvā paripakke ñāṇe nikkhamitabba’’nti?

    ‘‘โพธิสโตฺต, มหาราช, วิปรีตํ อิตฺถาคารํ ทิสฺวา วิปฺปฎิสารี อโหสิ, ตสฺส วิปฺปฎิสาริสฺส อรติ อุปฺปชฺชิ, อรติจิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา อญฺญตโร มารกายิโก เทวปุโตฺต ‘อยํ โข กาโล อรติจิตฺตสฺส วิโนทนายา’ติ เวหาเส ฐตฺวา อิทํ วจนมพฺรวิ –

    ‘‘Bodhisatto, mahārāja, viparītaṃ itthāgāraṃ disvā vippaṭisārī ahosi, tassa vippaṭisārissa arati uppajji, araticittaṃ uppannaṃ disvā aññataro mārakāyiko devaputto ‘ayaṃ kho kālo araticittassa vinodanāyā’ti vehāse ṭhatvā idaṃ vacanamabravi –

    ‘‘มาริส, มา โข ตฺวํ อุกฺกณฺฐิโต อโหสิ, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ, ปถวิคตานิ จ เต รตนานิ อากาสฎฺฐานิ จ สยเมว อุปคจฺฉิสฺสนฺติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เอกมุเขน อาณา ปวตฺติสฺสติ, ปโรสหสฺสญฺจ เต ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา , เตหิ ปุเตฺตหิ ปริกิโณฺณ สตฺตรตนสมนฺนาคโต จตุทฺทีปมนุสาสิสฺสสี’ติฯ

    ‘‘Mārisa, mā kho tvaṃ ukkaṇṭhito ahosi, ito te sattame divase dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavissati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ, pathavigatāni ca te ratanāni ākāsaṭṭhāni ca sayameva upagacchissanti, dvisahassaparittadīpaparivāresu catūsu mahādīpesu ekamukhena āṇā pavattissati, parosahassañca te puttā bhavissanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā , tehi puttehi parikiṇṇo sattaratanasamannāgato catuddīpamanusāsissasī’ti.

    ‘‘ยถา นาม ทิวสสนฺตตฺตํ อโยสูลํ สพฺพตฺถ อุปฑหนฺตํ กณฺณโสตํ ปวิเสยฺย, เอวเมว โข, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส ตํ วจนํ กณฺณโสตํ ปวิสิตฺถ, อิติ โส ปกติยาว อุกฺกณฺฐิโต ตสฺสา เทวตาย วจเนน ภิโยฺยโสมตฺตาย อุพฺพิชฺชิ สํวิชฺชิ สํเวคมาปชฺชิฯ

    ‘‘Yathā nāma divasasantattaṃ ayosūlaṃ sabbattha upaḍahantaṃ kaṇṇasotaṃ paviseyya, evameva kho, mahārāja, bodhisattassa taṃ vacanaṃ kaṇṇasotaṃ pavisittha, iti so pakatiyāva ukkaṇṭhito tassā devatāya vacanena bhiyyosomattāya ubbijji saṃvijji saṃvegamāpajji.

    ‘‘ยถา ปน, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ชลมาโน อเญฺญน กเฎฺฐน อุปฑหิโต ภิโยฺยโสมตฺตาย ชเลยฺย, เอวเมว โข, มหาราช, โพธิสโตฺต ปกติยาว อุกฺกณฺฐิโต ตสฺสา เทวตาย วจเนน ภิโยฺยโสมตฺตาย อุพฺพิชฺชิ สํวิชฺชิ สํเวคมาปชฺชิฯ

    ‘‘Yathā pana, mahārāja, mahatimahāaggikkhandho jalamāno aññena kaṭṭhena upaḍahito bhiyyosomattāya jaleyya, evameva kho, mahārāja, bodhisatto pakatiyāva ukkaṇṭhito tassā devatāya vacanena bhiyyosomattāya ubbijji saṃvijji saṃvegamāpajji.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหาปถวี ปกติตินฺตา นิพฺพตฺตหริตสทฺทลา อาสิโตฺตทกา จิกฺขลฺลชาตา ปุนเทว มหาเมเฆ อภิวุเฎฺฐ ภิโยฺยโสมตฺตาย จิกฺขลฺลตรา อสฺส, เอวเมว โข, มหาราช, โพธิสโตฺต ปกติยาว อุกฺกณฺฐิโต ตสฺสา เทวตาย วจเนน ภิโยฺยโสมตฺตาย อุพฺพิชฺชิ สํวิชฺชิ สํเวคมาปชฺชี’’ติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, mahāpathavī pakatitintā nibbattaharitasaddalā āsittodakā cikkhallajātā punadeva mahāmeghe abhivuṭṭhe bhiyyosomattāya cikkhallatarā assa, evameva kho, mahārāja, bodhisatto pakatiyāva ukkaṇṭhito tassā devatāya vacanena bhiyyosomattāya ubbijji saṃvijji saṃvegamāpajjī’’ti.

    ‘‘อปิ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, โพธิสตฺตสฺส ยทิ สตฺตเม ทิวเส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ นิพฺพเตฺตยฺย, ปฎินิวเตฺตยฺย โพธิสโตฺต ทิเพฺพ จกฺกรตเน นิพฺพเตฺต’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, สตฺตเม ทิวเส โพธิสตฺตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ นิพฺพเตฺตยฺย, อปิ จ ปโลภนตฺถาย ตาย เทวตาย มุสา ภณิตํ, ยทิปิ, มหาราช, สตฺตเม ทิวเส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ นิพฺพเตฺตยฺย, โพธิสโตฺต น นิวเตฺตยฺยฯ กิํ การณํ? ‘อนิจฺจ’นฺติ, มหาราช, โพธิสโตฺต ทฬฺหํ อคฺคเหสิ, ‘ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ ทฬฺหํ อคฺคเหสิ, อุปาทานกฺขยํ ปโตฺตฯ

    ‘‘Api nu kho, bhante nāgasena, bodhisattassa yadi sattame divase dibbaṃ cakkaratanaṃ nibbatteyya, paṭinivatteyya bodhisatto dibbe cakkaratane nibbatte’’ti? ‘‘Na hi, mahārāja, sattame divase bodhisattassa dibbaṃ cakkaratanaṃ nibbatteyya, api ca palobhanatthāya tāya devatāya musā bhaṇitaṃ, yadipi, mahārāja, sattame divase dibbaṃ cakkaratanaṃ nibbatteyya, bodhisatto na nivatteyya. Kiṃ kāraṇaṃ? ‘Anicca’nti, mahārāja, bodhisatto daḷhaṃ aggahesi, ‘dukkhaṃ anattā’ti daḷhaṃ aggahesi, upādānakkhayaṃ patto.

    ‘‘ยถา, มหาราช, อโนตตฺตทหโต อุทกํ คงฺคํ นทิํ ปวิสติ, คงฺคาย นทิยา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ, มหาสมุทฺทโต ปาตาลมุขํ ปวิสติ, อปิ นุ, มหาราช, ตํ อุทกํ ปาตาลมุขคตํ ปฎินิวตฺติตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิเสยฺย, มหาสมุทฺทโต คงฺคํ นทิํ ปวิเสยฺย, คงฺคาย นทิยา ปุน อโนตตฺตํ ปวิเสยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โพธิสเตฺตน กปฺปานํ สตสหสฺสํ จตุโร จ อสเงฺขฺยเยฺย กุสลํ ปริปาจิตํ อิมสฺส ภวสฺส การณา, โสยํ อนฺติมภโว อนุปฺปโตฺต ปริปกฺกํ โพธิญาณํ ฉหิ วเสฺสหิ พุโทฺธ ภวิสฺสติ สพฺพญฺญู โลเก อคฺคปุคฺคโล, อปิ นุ โข, มหาราช, โพธิสโตฺต จกฺกรตนการณา 5 ปฎินิวเตฺตยฺยา’’ติ 6? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, anotattadahato udakaṃ gaṅgaṃ nadiṃ pavisati, gaṅgāya nadiyā mahāsamuddaṃ pavisati, mahāsamuddato pātālamukhaṃ pavisati, api nu, mahārāja, taṃ udakaṃ pātālamukhagataṃ paṭinivattitvā mahāsamuddaṃ paviseyya, mahāsamuddato gaṅgaṃ nadiṃ paviseyya, gaṅgāya nadiyā puna anotattaṃ paviseyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, bodhisattena kappānaṃ satasahassaṃ caturo ca asaṅkhyeyye kusalaṃ paripācitaṃ imassa bhavassa kāraṇā, soyaṃ antimabhavo anuppatto paripakkaṃ bodhiñāṇaṃ chahi vassehi buddho bhavissati sabbaññū loke aggapuggalo, api nu kho, mahārāja, bodhisatto cakkaratanakāraṇā 7 paṭinivatteyyā’’ti 8? ‘‘Na hi, bhante’’ti.

    ‘‘อปิ จ, มหาราช, มหาปถวี ปริวเตฺตยฺย สกานนา สปพฺพตา, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํฯ อาโรเหยฺยปิ เจ, มหาราช, คงฺคาย อุทกํ ปฎิโสตํ, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ; วิสุเสฺสยฺยปิ เจ, มหาราช, มหาสมุโทฺท อปริมิตชลธโร โคปเท อุทกํ วิย, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ; ผเลยฺยปิ เจ, มหาราช, สิเนรุปพฺพตราชา สตธา วา สหสฺสธา วา, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ; ปเตยฺยุมฺปิ เจ, มหาราช, จนฺทิมสูริยา สตารกา เลฑฺฑุ วิย ฉมายํ, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ; สํวเตฺตยฺยปิ เจ, มหาราช, อากาโส กิลญฺชมิว, นเตฺวว โพธิสโตฺต ปฎินิวเตฺตยฺย อปตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํฯ กิํ การณา? ปทาลิตตฺตา สพฺพพนฺธนาน’’นฺติฯ

    ‘‘Api ca, mahārāja, mahāpathavī parivatteyya sakānanā sapabbatā, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ. Āroheyyapi ce, mahārāja, gaṅgāya udakaṃ paṭisotaṃ, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ; visusseyyapi ce, mahārāja, mahāsamuddo aparimitajaladharo gopade udakaṃ viya, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ; phaleyyapi ce, mahārāja, sinerupabbatarājā satadhā vā sahassadhā vā, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ; pateyyumpi ce, mahārāja, candimasūriyā satārakā leḍḍu viya chamāyaṃ, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ; saṃvatteyyapi ce, mahārāja, ākāso kilañjamiva, natveva bodhisatto paṭinivatteyya apatvā sammāsambodhiṃ. Kiṃ kāraṇā? Padālitattā sabbabandhanāna’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กติ โลเก พนฺธนานี’’ติ? ‘‘ทส โข ปนิมานิ, มหาราช, โลเก พนฺธนานิ, เยหิ พนฺธเนหิ พทฺธา สตฺตา น นิกฺขมนฺติ, นิกฺขมิตฺวาปิ ปฎินิวตฺตนฺติฯ กตมานิ ทส? มาตา, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ปิตา, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ภริยา, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ปุตฺตา, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ญาตี, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, มิตฺตํ, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ธนํ, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ลาภสกฺกาโร, มหาราช , โลเก พนฺธนํ, อิสฺสริยํ, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, ปญฺจ กามคุณา, มหาราช, โลเก พนฺธนํ, อิมานิ โข มหาราช ทส โลเก พนฺธนานิ, เยหิ พนฺธเนหิ พทฺธา สตฺตา น นิกฺขมนฺติ, นิกฺขมิตฺวาปิ ปฎินิวตฺตนฺติ, ตานิ ทส พนฺธนานิ โพธิสตฺตสฺส ฉินฺนานิ ปทาลิตานิ, ตสฺมา, มหาราช, โพธิสโตฺต น ปฎินิวตฺตตี’’ติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, kati loke bandhanānī’’ti? ‘‘Dasa kho panimāni, mahārāja, loke bandhanāni, yehi bandhanehi baddhā sattā na nikkhamanti, nikkhamitvāpi paṭinivattanti. Katamāni dasa? Mātā, mahārāja, loke bandhanaṃ, pitā, mahārāja, loke bandhanaṃ, bhariyā, mahārāja, loke bandhanaṃ, puttā, mahārāja, loke bandhanaṃ, ñātī, mahārāja, loke bandhanaṃ, mittaṃ, mahārāja, loke bandhanaṃ, dhanaṃ, mahārāja, loke bandhanaṃ, lābhasakkāro, mahārāja , loke bandhanaṃ, issariyaṃ, mahārāja, loke bandhanaṃ, pañca kāmaguṇā, mahārāja, loke bandhanaṃ, imāni kho mahārāja dasa loke bandhanāni, yehi bandhanehi baddhā sattā na nikkhamanti, nikkhamitvāpi paṭinivattanti, tāni dasa bandhanāni bodhisattassa chinnāni padālitāni, tasmā, mahārāja, bodhisatto na paṭinivattatī’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยทิ โพธิสโตฺต อุปฺปเนฺน อรติจิเตฺต เทวตาย วจเนน อปริปเกฺก ญาเณ อปริปกฺกาย โพธิยา เนกฺขมฺมมภินิกฺขโนฺต, กิํ ตสฺส ทุกฺกรการิกาย กตาย, นนุ นาม สพฺพภเกฺขน ภวิตพฺพํ ญาณปริปากํ อาคมยมาเนนา’’ติ?

    ‘‘Bhante nāgasena, yadi bodhisatto uppanne araticitte devatāya vacanena aparipakke ñāṇe aparipakkāya bodhiyā nekkhammamabhinikkhanto, kiṃ tassa dukkarakārikāya katāya, nanu nāma sabbabhakkhena bhavitabbaṃ ñāṇaparipākaṃ āgamayamānenā’’ti?

    ‘‘ทส โข ปนิเม, มหาราช, ปุคฺคลา โลกสฺมิํ โอญฺญาตา อวญฺญาตา หีฬิตา ขีฬิตา ครหิตา ปริภูตา อจิตฺตีกตาฯ กตเม ทส? อิตฺถี, มหาราช, วิธวา โลกสฺมิํ โอญฺญาตา อวญฺญาตา หีฬิตา ขีฬิตา ครหิตา ปริภูตา อจิตฺตีกตาฯ ทุพฺพโล, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… อมิตฺตญาติ, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… มหคฺฆโส, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… อครุกุลวาสิโก, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… ปาปมิโตฺต, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… ธนหีโน, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… อาจารหีโน, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… กมฺมหีโน, มหาราช, ปุคฺคโล…เป.… ปโยคหีโน, มหาราช, ปุคฺคโล โลกสฺมิํ โอญฺญาโต อวญฺญาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโตฯ อิเม โข, มหาราช, ทส ปุคฺคลา โลกสฺมิํ โอญฺญาตา อวญฺญาตา หีฬิตา ขีฬิตา ครหิตา ปริภูตา อจิตฺตีกตาฯ อิมานิ โข, มหาราช, ทส ฐานานิ อนุสฺสรมานสฺส โพธิสตฺตสฺส เอวํ สญฺญา อุปฺปชฺชิ ‘มาหํ กมฺมหีโน อสฺสํ ปโยคหีโน ครหิโต เทวมนุสฺสานํ, ยํนูนาหํ กมฺมสฺสามี อสฺสํ กมฺมครุ กมฺมาธิปเตโยฺย กมฺมสีโล กมฺมโธรโยฺห กมฺมนิเกตวา อปฺปมโตฺต วิหเรยฺย’นฺติ, เอวํ โข, มหาราช, โพธิสโตฺต ญาณํ ปริปาเจโนฺต ทุกฺกรการิกํ อกาสี’’ติฯ

    ‘‘Dasa kho panime, mahārāja, puggalā lokasmiṃ oññātā avaññātā hīḷitā khīḷitā garahitā paribhūtā acittīkatā. Katame dasa? Itthī, mahārāja, vidhavā lokasmiṃ oññātā avaññātā hīḷitā khīḷitā garahitā paribhūtā acittīkatā. Dubbalo, mahārāja, puggalo…pe… amittañāti, mahārāja, puggalo…pe… mahagghaso, mahārāja, puggalo…pe… agarukulavāsiko, mahārāja, puggalo…pe… pāpamitto, mahārāja, puggalo…pe… dhanahīno, mahārāja, puggalo…pe… ācārahīno, mahārāja, puggalo…pe… kammahīno, mahārāja, puggalo…pe… payogahīno, mahārāja, puggalo lokasmiṃ oññāto avaññāto hīḷito khīḷito garahito paribhūto acittīkato. Ime kho, mahārāja, dasa puggalā lokasmiṃ oññātā avaññātā hīḷitā khīḷitā garahitā paribhūtā acittīkatā. Imāni kho, mahārāja, dasa ṭhānāni anussaramānassa bodhisattassa evaṃ saññā uppajji ‘māhaṃ kammahīno assaṃ payogahīno garahito devamanussānaṃ, yaṃnūnāhaṃ kammassāmī assaṃ kammagaru kammādhipateyyo kammasīlo kammadhorayho kammaniketavā appamatto vihareyya’nti, evaṃ kho, mahārāja, bodhisatto ñāṇaṃ paripācento dukkarakārikaṃ akāsī’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, โพธิสโตฺต ทุกฺกรการิกํ กโรโนฺต เอวมาห ‘น โข ปนาหํ อิมาย กฎุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ, สิยา นุ โข อโญฺญ มโคฺค โพธายา’ติฯ อปิ นุ ตสฺมิํ สมเย โพธิสตฺตสฺส มคฺคํ อารพฺภ สติสโมฺมโส อโหสี’’ติ?

    ‘‘Bhante nāgasena, bodhisatto dukkarakārikaṃ karonto evamāha ‘na kho panāhaṃ imāya kaṭukāya dukkarakārikāya adhigacchāmi uttarimanussadhammaṃ alamariyañāṇadassanavisesaṃ, siyā nu kho añño maggo bodhāyā’ti. Api nu tasmiṃ samaye bodhisattassa maggaṃ ārabbha satisammoso ahosī’’ti?

    ‘‘ปญฺจวีสติ โข ปนิเม, มหาราช, จิตฺตทุพฺพลีกรณา ธมฺมา, เยหิ ทุพฺพลีกตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายฯ กตเม ปญฺจวีสติ? โกโธ, มหาราช, จิตฺตทุพฺพลีกรโณ ธโมฺม, เยน ทุพฺพลีกตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย, อุปนาโห…เป.… มโกฺข…เป.… ปฬาโส…เป.… อิสฺสา…เป.… มจฺฉริยํ…เป.… มายา…เป.… สาเฐยฺยํ…เป.… ถโมฺภ…เป.… สารโมฺภ…เป.… มาโน…เป.… อติมาโน …เป.… มโท…เป.… ปมาโท…เป.… ถินมิทฺธํ…เป.… ตนฺทิ 9 …เป.… อาลสฺยํ…เป.… ปาปมิตฺตตา…เป.… รูปา…เป.… สทฺทา…เป.… คนฺธา…เป.… รสา…เป.… โผฎฺฐพฺพา…เป.… ขุทาปิปาสา…เป.… อรติ, มหาราช, จิตฺตทุพฺพลีกรโณ ธโมฺม, เยน ทุพฺพลีกตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายฯ อิเม โข, มหาราช, ปญฺจวีสติ จิตฺตทุพฺพลีกรณา ธมฺมา, เยหิ ทุพฺพลีกตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายฯ

    ‘‘Pañcavīsati kho panime, mahārāja, cittadubbalīkaraṇā dhammā, yehi dubbalīkataṃ cittaṃ na sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya. Katame pañcavīsati? Kodho, mahārāja, cittadubbalīkaraṇo dhammo, yena dubbalīkataṃ cittaṃ na sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya, upanāho…pe… makkho…pe… paḷāso…pe… issā…pe… macchariyaṃ…pe… māyā…pe… sāṭheyyaṃ…pe… thambho…pe… sārambho…pe… māno…pe… atimāno …pe… mado…pe… pamādo…pe… thinamiddhaṃ…pe… tandi 10 …pe… ālasyaṃ…pe… pāpamittatā…pe… rūpā…pe… saddā…pe… gandhā…pe… rasā…pe… phoṭṭhabbā…pe… khudāpipāsā…pe… arati, mahārāja, cittadubbalīkaraṇo dhammo, yena dubbalīkataṃ cittaṃ na sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya. Ime kho, mahārāja, pañcavīsati cittadubbalīkaraṇā dhammā, yehi dubbalīkataṃ cittaṃ na sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya.

    โพธิสตฺตสฺส โข, มหาราช, ขุทาปิปาสา 11 กายํ ปริยาทิยิํสุ, กาเย ปริยาทิเนฺน จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายฯ สตสหสฺสํ, มหาราช, กปฺปานํ 12 จตุโร จ อสเงฺขฺยเยฺย กเปฺป โพธิสโตฺต จตุนฺนํ เยว อริยสจฺจานํ อภิสมยํ อเนฺวสิ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ, กิํ ปนสฺส ปจฺฉิเม ภเว อภิสมยชาติยํ มคฺคํ อารพฺภ สติสโมฺมโส เหสฺสติ? อปิ จ, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส สญฺญามตฺตํ อุปฺปชฺชิ ‘สิยา นุ โข อโญฺญ มโคฺค โพธายา’ติฯ ปุเพฺพ โข, มหาราช, โพธิสโตฺต เอกมาสิโก สมาโน ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมเนฺต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิโนฺน วิวิเจฺจว กาเมหิ วิจิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามิ, ญาณํ ปริปาเจโนฺต โพธิสโตฺต ทุกฺกรการิกํ อกาสี’’ติฯ

    Bodhisattassa kho, mahārāja, khudāpipāsā 13 kāyaṃ pariyādiyiṃsu, kāye pariyādinne cittaṃ na sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya. Satasahassaṃ, mahārāja, kappānaṃ 14 caturo ca asaṅkhyeyye kappe bodhisatto catunnaṃ yeva ariyasaccānaṃ abhisamayaṃ anvesi tāsu tāsu jātīsu, kiṃ panassa pacchime bhave abhisamayajātiyaṃ maggaṃ ārabbha satisammoso hessati? Api ca, mahārāja, bodhisattassa saññāmattaṃ uppajji ‘siyā nu kho añño maggo bodhāyā’ti. Pubbe kho, mahārāja, bodhisatto ekamāsiko samāno pitu sakkassa kammante sītāya jambucchāyāya sirisayane pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinno vivicceva kāmehi vicicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsi…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmi, ñāṇaṃ paripācento bodhisatto dukkarakārikaṃ akāsī’’ti.

    ทุกฺกรการิกปโญฺห ทุติโยฯ

    Dukkarakārikapañho dutiyo.







    Footnotes:
    1. อทฺธานเวมตฺตตา (สี. สฺยา. ปี.)
    2. พุทฺธธเมฺม (สี. ปี.)
    3. addhānavemattatā (sī. syā. pī.)
    4. buddhadhamme (sī. pī.)
    5. จกฺกรตนสฺส การณา (สี. สฺยา. ปี.)
    6. ปรินิวเตฺตยฺยาติ (สี. ปี. ก.)
    7. cakkaratanassa kāraṇā (sī. syā. pī.)
    8. parinivatteyyāti (sī. pī. ka.)
    9. นนฺที (ปี. ก.)
    10. nandī (pī. ka.)
    11. ขุทาปิปาสา (สี. ปี. ก.)
    12. กเปฺป (ก.)
    13. khudāpipāsā (sī. pī. ka.)
    14. kappe (ka.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact