Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๗. ทุกฺขธมฺมสุตฺตํ

    7. Dukkhadhammasuttaṃ

    ๒๔๔. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สเพฺพสํเยว ทุกฺขธมฺมานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตถา โข ปนสฺส กามา ทิฎฺฐา โหนฺติ, ยถาสฺส กาเม ปสฺสโต, โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปริฬาโห, โส นานุเสติฯ ตถา โข ปนสฺส จาโร จ วิหาโร จ อนุพุโทฺธ โหติ, ยถา จรนฺตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นานุเสนฺติฯ

    244. Yato kho, bhikkhave, bhikkhu sabbesaṃyeva dukkhadhammānaṃ samudayañca atthaṅgamañca yathābhūtaṃ pajānāti. Tathā kho panassa kāmā diṭṭhā honti, yathāssa kāme passato, yo kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapariḷāho, so nānuseti. Tathā kho panassa cāro ca vihāro ca anubuddho hoti, yathā carantaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā nānusenti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สเพฺพสํเยว ทุกฺขธมฺมานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ ยถาภูตํ ปชานาติ? ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา… อิติ สญฺญา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ – เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สเพฺพสํเยว ทุกฺขธมฺมานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu sabbesaṃyeva dukkhadhammānaṃ samudayañca atthaṅgamañca yathābhūtaṃ pajānāti? ‘Iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā… iti saññā… iti saṅkhārā… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti – evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu sabbesaṃyeva dukkhadhammānaṃ samudayañca atthaṅgamañca yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กามา ทิฎฺฐา โหนฺติ? ยถาสฺส กาเม ปสฺสโต, โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปริฬาโห, โส นานุเสติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา ปุณฺณา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฎิกูโลฯ ตเมนํ เทฺว พลวโนฺต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา, ตํ องฺคารกาสุํ อุปกเฑฺฒยฺยุํฯ โส อิติจีติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ญาต 1 ญฺหิ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส 2 อิมํ จาหํ องฺคารกาสุํ ปปติสฺสามิ, ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉิสฺสามิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขนฺติฯ เอวเมว โข , ภิกฺขเว , ภิกฺขุโน องฺคารกาสูปมา กามา ทิฎฺฐา โหนฺติ, ยถาสฺส กาเม ปสฺสโต, โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปริฬาโห, โส นานุเสติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhuno kāmā diṭṭhā honti? Yathāssa kāme passato, yo kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapariḷāho, so nānuseti. Seyyathāpi, bhikkhave, aṅgārakāsu sādhikaporisā puṇṇā aṅgārānaṃ vītaccikānaṃ vītadhūmānaṃ. Atha puriso āgaccheyya jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhapaṭikūlo. Tamenaṃ dve balavanto purisā nānābāhāsu gahetvā, taṃ aṅgārakāsuṃ upakaḍḍheyyuṃ. So iticīticeva kāyaṃ sannāmeyya. Taṃ kissa hetu? Ñāta 3 ñhi, bhikkhave, tassa purisassa 4 imaṃ cāhaṃ aṅgārakāsuṃ papatissāmi, tatonidānaṃ maraṇaṃ vā nigacchissāmi maraṇamattaṃ vā dukkhanti. Evameva kho , bhikkhave , bhikkhuno aṅgārakāsūpamā kāmā diṭṭhā honti, yathāssa kāme passato, yo kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapariḷāho, so nānuseti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน จาโร จ วิหาโร จ อนุพุโทฺธ โหติ, ยถา จรนฺตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นานุสฺสวนฺติ 5? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส พหุกณฺฎกํ ทายํ ปวิเสยฺยฯ ตสฺส ปุรโตปิ กณฺฎโก, ปจฺฉโตปิ กณฺฎโก, อุตฺตรโตปิ กณฺฎโก, ทกฺขิณโตปิ กณฺฎโก, เหฎฺฐโตปิ กณฺฎโก, อุปริโตปิ กณฺฎโกฯ โส สโตว อภิกฺกเมยฺย, สโตว ปฎิกฺกเมยฺย – ‘มา มํ กณฺฎโก’ติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, อยํ วุจฺจติ อริยสฺส วินเย กณฺฎโก’’ติฯ อิติ วิทิตฺวา 6 สํวโร จ อสํวโร จ เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhuno cāro ca vihāro ca anubuddho hoti, yathā carantaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā nānussavanti 7? Seyyathāpi, bhikkhave, puriso bahukaṇṭakaṃ dāyaṃ paviseyya. Tassa puratopi kaṇṭako, pacchatopi kaṇṭako, uttaratopi kaṇṭako, dakkhiṇatopi kaṇṭako, heṭṭhatopi kaṇṭako, uparitopi kaṇṭako. So satova abhikkameyya, satova paṭikkameyya – ‘mā maṃ kaṇṭako’ti. Evameva kho, bhikkhave, yaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, ayaṃ vuccati ariyassa vinaye kaṇṭako’’ti. Iti viditvā 8 saṃvaro ca asaṃvaro ca veditabbo.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อสํวโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป อธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ…เป.… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ปิยรูเป ธเมฺม อธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป ธเมฺม พฺยาปชฺชติ, อนุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสํวโร โหติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, asaṃvaro hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā piyarūpe rūpe adhimuccati, appiyarūpe rūpe byāpajjati, anupaṭṭhitakāyassati ca viharati parittacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ nappajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti…pe… jivhāya rasaṃ sāyitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya piyarūpe dhamme adhimuccati, appiyarūpe dhamme byāpajjati, anupaṭṭhitakāyassati ca viharati parittacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ nappajānāti yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti. Evaṃ kho, bhikkhave, asaṃvaro hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สํวโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป นาธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป รูเป น พฺยาปชฺชติ, อุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ ปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ…เป.… ชิวฺหา รสํ สายิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ปิยรูเป ธเมฺม นาธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป ธเมฺม น พฺยาปชฺชติ, อุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ ปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สํวโร โหติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, saṃvaro hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā piyarūpe rūpe nādhimuccati, appiyarūpe rūpe na byāpajjati, upaṭṭhitakāyassati ca viharati appamāṇacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ pajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti…pe… jivhā rasaṃ sāyitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya piyarūpe dhamme nādhimuccati, appiyarūpe dhamme na byāpajjati, upaṭṭhitakāyassati ca viharati appamāṇacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ pajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti. Evaṃ kho, bhikkhave, saṃvaro hoti.

    ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เอวํ จรโต เอวํ วิหรโต กทาจิ กรหจิ สติสโมฺมสา อุปฺปชฺชนฺติ, ปาปกา อกุสลา สรสงฺกปฺปา สํโยชนิยา, ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโทฯ อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติฯ

    ‘‘Tassa ce, bhikkhave, bhikkhuno evaṃ carato evaṃ viharato kadāci karahaci satisammosā uppajjanti, pāpakā akusalā sarasaṅkappā saṃyojaniyā, dandho, bhikkhave, satuppādo. Atha kho naṃ khippameva pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gameti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ทิวสํสนฺตเตฺต 9 อโยกฎาเห เทฺว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานิ นิปาเตยฺยฯ ทโนฺธ, ภิกฺขเว, อุทกผุสิตานํ นิปาโต, อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เอวํ จรโต, เอวํ วิหรโต กทาจิ กรหจิ สติสโมฺมสา อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา สรสงฺกปฺปา สํโยชนิยา, ทโนฺธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโทฯ อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน จาโร จ วิหาโร จ อนุพุโทฺธ โหติ; ยถา จรนฺตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นานุสฺสวนฺติฯ ตเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ เอวํ จรนฺตํ เอวํ วิหรนฺตํ ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา มิตฺตา วา อมจฺจา วา ญาตี วา สาโลหิตา วา, โภเคหิ อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺยุํ – ‘เอหิ 10, โภ ปุริส, กิํ เต อิเม กาสาวา อนุทหนฺติ, กิํ มุโณฺฑ กปาลมนุจรสิ, เอหิ หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุญฺชสฺสุ, ปุญฺญานิ จ กโรหี’ติฯ โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ จรโนฺต เอวํ วิหรโนฺต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso divasaṃsantatte 11 ayokaṭāhe dve vā tīṇi vā udakaphusitāni nipāteyya. Dandho, bhikkhave, udakaphusitānaṃ nipāto, atha kho naṃ khippameva parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyya. Evameva kho, bhikkhave, tassa ce bhikkhuno evaṃ carato, evaṃ viharato kadāci karahaci satisammosā uppajjanti pāpakā akusalā sarasaṅkappā saṃyojaniyā, dandho, bhikkhave, satuppādo. Atha kho naṃ khippameva pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gameti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno cāro ca vihāro ca anubuddho hoti; yathā carantaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā nānussavanti. Tañce, bhikkhave, bhikkhuṃ evaṃ carantaṃ evaṃ viharantaṃ rājāno vā rājamahāmattā vā mittā vā amaccā vā ñātī vā sālohitā vā, bhogehi abhihaṭṭhuṃ pavāreyyuṃ – ‘ehi 12, bho purisa, kiṃ te ime kāsāvā anudahanti, kiṃ muṇḍo kapālamanucarasi, ehi hīnāyāvattitvā bhoge ca bhuñjassu, puññāni ca karohī’ti. So vata, bhikkhave, bhikkhu evaṃ caranto evaṃ viharanto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, คงฺคา นที ปาจีนนินฺนา ปาจีนโปณา ปาจีนปพฺภาราฯ อถ มหาชนกาโย อาคเจฺฉยฺย กุทฺทาล-ปิฎกํ อาทาย – ‘มยํ อิมํ คงฺคํ นทิํ ปจฺฉานินฺนํ กริสฺสาม ปจฺฉาโปณํ ปจฺฉาปพฺภาร’นฺติฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โข โส มหาชนกาโย คงฺคํ นทิํ ปจฺฉานินฺนํ กเรยฺย ปจฺฉาโปณํ ปจฺฉาปพฺภาร’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘คงฺคา, ภเนฺต, นที ปาจีนนินฺนา ปาจีนโปณา ปาจีนปพฺภารา; สา น สุกรา ปจฺฉานินฺนา กาตุํ ปจฺฉาโปณา ปจฺฉาปพฺภาราฯ ยาวเทว จ ปน โส มหาชนกาโย กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตเญฺจ ภิกฺขุํ เอวํ จรนฺตํ เอวํ วิหรนฺตํ ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา มิตฺตา วา อมจฺจา วา ญาตี วา สาโลหิตา วา โภเคหิ อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺยุํ – ‘เอหิ, โภ ปุริส, กิํ เต อิเม กาสาวา อนุทหนฺติ, กิํ มุโณฺฑ กปาลมนุจรสิ, เอหิ หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุญฺชสฺสุ, ปุญฺญานิ จ กโรหี’ติฯ โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ จรโนฺต เอวํ วิหรโนฺต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยญฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ ทีฆรตฺตํ วิเวกนินฺนํ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภารํ, ตถา 13 หีนายาวตฺติสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ สตฺตมํฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, gaṅgā nadī pācīnaninnā pācīnapoṇā pācīnapabbhārā. Atha mahājanakāyo āgaccheyya kuddāla-piṭakaṃ ādāya – ‘mayaṃ imaṃ gaṅgaṃ nadiṃ pacchāninnaṃ karissāma pacchāpoṇaṃ pacchāpabbhāra’nti. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu kho so mahājanakāyo gaṅgaṃ nadiṃ pacchāninnaṃ kareyya pacchāpoṇaṃ pacchāpabbhāra’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Gaṅgā, bhante, nadī pācīnaninnā pācīnapoṇā pācīnapabbhārā; sā na sukarā pacchāninnā kātuṃ pacchāpoṇā pacchāpabbhārā. Yāvadeva ca pana so mahājanakāyo kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, tañce bhikkhuṃ evaṃ carantaṃ evaṃ viharantaṃ rājāno vā rājamahāmattā vā mittā vā amaccā vā ñātī vā sālohitā vā bhogehi abhihaṭṭhuṃ pavāreyyuṃ – ‘ehi, bho purisa, kiṃ te ime kāsāvā anudahanti, kiṃ muṇḍo kapālamanucarasi, ehi hīnāyāvattitvā bhoge ca bhuñjassu, puññāni ca karohī’ti. So vata, bhikkhave, bhikkhu evaṃ caranto evaṃ viharanto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Taṃ kissa hetu? Yañhi taṃ, bhikkhave, cittaṃ dīgharattaṃ vivekaninnaṃ vivekapoṇaṃ vivekapabbhāraṃ, tathā 14 hīnāyāvattissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. Sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. ญาณํ (ก.)
    2. ปุริสสฺส โหติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), ปุริสสฺส เหตุ โหติ (ก.) ม. นิ. ๒.๔๕
    3. ñāṇaṃ (ka.)
    4. purisassa hoti (sī. syā. kaṃ. pī.), purisassa hetu hoti (ka.) ma. ni. 2.45
    5. นานุเสนฺติ (ก.)
    6. กณฺฑโกฯ ตํ กณฺฑโกติ อิติ วิทิตฺวา (สี.)
    7. nānusenti (ka.)
    8. kaṇḍako. taṃ kaṇḍakoti iti viditvā (sī.)
    9. ทิวสสนฺตเตฺต (สี.)
    10. เอวํ (สี.)
    11. divasasantatte (sī.)
    12. evaṃ (sī.)
    13. กญฺจ (สฺยา. กํ. ก.)
    14. kañca (syā. kaṃ. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ทุกฺขธมฺมสุตฺตวณฺณนา • 7. Dukkhadhammasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. ทุกฺขธมฺมสุตฺตวณฺณนา • 7. Dukkhadhammasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact