Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา
Dukkhasaccaniddesavaṇṇanā
๓๒-๓๓ .
32-33.
อริยสจฺจจตุกฺกมฺปิ ตถเฎฺฐน สจฺจานํ เอกสมฺพนฺธตฺตา เอกโต เอว นิทฺทิฎฺฐํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ อริยสเจฺจสุฯ กตมนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา ฯ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ ปุจฺฉิตธมฺมนิทสฺสนํฯ ตตฺถ ชาติปิ ทุกฺขาติอาทีสุ ชาติสทฺทสฺส ตาว อเนเก อตฺถา ปเวทิตาฯ ยถาห –
Ariyasaccacatukkampi tathaṭṭhena saccānaṃ ekasambandhattā ekato eva niddiṭṭhaṃ. Tattha tatthāti tesu catūsu ariyasaccesu. Katamanti kathetukamyatāpucchā . Dukkhaṃ ariyasaccanti pucchitadhammanidassanaṃ. Tattha jātipi dukkhātiādīsu jātisaddassa tāva aneke atthā paveditā. Yathāha –
‘‘ภโว กุลํ นิกาโย จ, สีลํ ปญฺญตฺติ ลกฺขณํ;
‘‘Bhavo kulaṃ nikāyo ca, sīlaṃ paññatti lakkhaṇaṃ;
ปสูติ สนฺธิ เจวาติ, ชาติอตฺถา ปเวทิตา’’ฯ
Pasūti sandhi cevāti, jātiatthā paveditā’’.
ตถา หิสฺส ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๒) ภโว อโตฺถฯ ‘‘อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) เอตฺถ กุลํฯ ‘‘อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺฐา นาม สมณชาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอตฺถ นิกาโยฯ ‘‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต นาภิชานามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑) เอตฺถ อริยสีลํฯ ‘‘ติริยา นาม ติณชาติ นาภิยา อุคฺคนฺตฺวา นภํ อาหจฺจ ฐิตา อโหสี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๙๖) เอตฺถ ปญฺญตฺติฯ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ สงฺขตลกฺขณํฯ ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสโตฺต’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗) เอตฺถ ปสูติฯ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ (วิภ. ๓๕๔) จ ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๓๓; วิภ. ๑๙๐) จ เอตฺถ ปริยายโต ปฎิสนฺธิขนฺธาฯ นิปฺปริยายโต ปน ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ เย เย ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, เตสํ เตสํ ปฐมํ ปาตุภาโวฯ
Tathā hissa ‘‘ekampi jātiṃ dvepi jātiyo’’tiādīsu (pārā. 12) bhavo attho. ‘‘Akkhitto anupakkuṭṭho jātivādenā’’ti (dī. ni. 1.331) ettha kulaṃ. ‘‘Atthi, visākhe, nigaṇṭhā nāma samaṇajātī’’ti (a. ni. 3.71) ettha nikāyo. ‘‘Yatohaṃ, bhagini, ariyāya jātiyā jāto nābhijānāmī’’ti (ma. ni. 2.351) ettha ariyasīlaṃ. ‘‘Tiriyā nāma tiṇajāti nābhiyā uggantvā nabhaṃ āhacca ṭhitā ahosī’’ti (a. ni. 5.196) ettha paññatti. ‘‘Jāti dvīhi khandhehi saṅgahitā’’ti (dhātu. 71) ettha saṅkhatalakkhaṇaṃ. ‘‘Sampatijāto, ānanda, bodhisatto’’ti (ma. ni. 3.207) ettha pasūti. ‘‘Bhavapaccayā jātī’’ti (vibha. 354) ca ‘‘jātipi dukkhā’’ti (paṭi. ma. 1.33; vibha. 190) ca ettha pariyāyato paṭisandhikhandhā. Nippariyāyato pana tattha tattha nibbattamānānaṃ sattānaṃ ye ye khandhā pātubhavanti, tesaṃ tesaṃ paṭhamaṃ pātubhāvo.
กสฺมา ปเนสา ชาติ ทุกฺขาติ เจ? อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโตฯ อเนกานิ หิ ทุกฺขานิฯ เสยฺยถิทํ – ทุกฺขทุกฺขํ, วิปริณามทุกฺขํ, สงฺขารทุกฺขํ, ปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํ, อปฺปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํ , ปริยายทุกฺขํ, นิปฺปริยายทุกฺขนฺติฯ เอตฺถ กายิกเจตสิกา ทุกฺขา เวทนาสภาวโต จ นามโต จ ทุกฺขตฺตา ทุกฺขทุกฺขนฺติ วุจฺจติฯ สุขา เวทนา วิปริณาเมน ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต วิปริณามทุกฺขํฯ อุเปกฺขาเวทนา เจว อวเสสา จ เตภูมกสงฺขารา อุทยพฺพยปฎิปีฬิตตฺตา สงฺขารทุกฺขํฯ กณฺณสูลทนฺตสูลราคชปริฬาหโทสชปริฬาหาทิ กายิกเจตสิโก อาพาโธ ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ อปากฎภาวโต ปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํฯ ทฺวตฺติํสกมฺมการณาทิสมุฎฺฐาโน อาพาโธ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ ปากฎภาวโต อปฺปฎิจฺฉนฺนทุกฺขํฯ ฐเปตฺวา ทุกฺขทุกฺขํ เสสํ ทุกฺขสจฺจวิภเงฺค (วิภ. ๑๙๐ อาทโย) อาคตํ ชาติอาทิ สพฺพมฺปิ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ปริยายทุกฺขํฯ ทุกฺขทุกฺขํ ปน นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ วุจฺจติฯ
Kasmā panesā jāti dukkhāti ce? Anekesaṃ dukkhānaṃ vatthubhāvato. Anekāni hi dukkhāni. Seyyathidaṃ – dukkhadukkhaṃ, vipariṇāmadukkhaṃ, saṅkhāradukkhaṃ, paṭicchannadukkhaṃ, appaṭicchannadukkhaṃ , pariyāyadukkhaṃ, nippariyāyadukkhanti. Ettha kāyikacetasikā dukkhā vedanāsabhāvato ca nāmato ca dukkhattā dukkhadukkhanti vuccati. Sukhā vedanā vipariṇāmena dukkhuppattihetuto vipariṇāmadukkhaṃ. Upekkhāvedanā ceva avasesā ca tebhūmakasaṅkhārā udayabbayapaṭipīḷitattā saṅkhāradukkhaṃ. Kaṇṇasūladantasūlarāgajapariḷāhadosajapariḷāhādi kāyikacetasiko ābādho pucchitvā jānitabbato upakkamassa ca apākaṭabhāvato paṭicchannadukkhaṃ. Dvattiṃsakammakāraṇādisamuṭṭhāno ābādho apucchitvāva jānitabbato upakkamassa ca pākaṭabhāvato appaṭicchannadukkhaṃ. Ṭhapetvā dukkhadukkhaṃ sesaṃ dukkhasaccavibhaṅge (vibha. 190 ādayo) āgataṃ jātiādi sabbampi tassa tassa dukkhassa vatthubhāvato pariyāyadukkhaṃ. Dukkhadukkhaṃ pana nippariyāyadukkhanti vuccati.
ตตฺรายํ ชาติ ยํ ตํ พาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๖ อาทโย) ภควตาปิ อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกํ ทุกฺขํ, ยญฺจ สุคติยมฺปิ มนุสฺสโลเก คโพฺภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขาฯ ตตฺริทํ คโพฺภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ – อยญฺหิ สโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตมาโน น อุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกาทีสุ นิพฺพตฺตติ, อถ โข เหฎฺฐา อามาสยสฺส อุปริ ปกฺกาสยสฺส อุทรปฎลปิฎฺฐิกณฺฎกานํ เวมเชฺฌ ปรมสมฺพาเธ ติพฺพนฺธกาเร นานากุณปคนฺธปริภาวิตปรมทุคฺคนฺธปวนวิจริเต อธิมตฺตเชคุเจฺฉ กุจฺฉิปฺปเทเส ปูติมจฺฉปูติกุมฺมาสจนฺทนิกาทีสุ กิมิ วิย นิพฺพตฺตติฯ โส ตตฺถ นิพฺพโตฺต ทส มาเส มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน อุสฺมนา ปุฎปากํ วิย ปจฺจมาโน ปิฎฺฐปิณฺฑิ วิย เสทิยมาโน สมิญฺชนปสารณาทิวิรหิโต อธิมตฺตํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภตีติฯ อิทํ ตาว คโพฺภกฺกนฺติมูลกํ ทุกฺขํฯ
Tatrāyaṃ jāti yaṃ taṃ bālapaṇḍitasuttādīsu (ma. ni. 3.246 ādayo) bhagavatāpi upamāvasena pakāsitaṃ āpāyikaṃ dukkhaṃ, yañca sugatiyampi manussaloke gabbhokkantimūlakādibhedaṃ dukkhaṃ uppajjati, tassa vatthubhāvato dukkhā. Tatridaṃ gabbhokkantimūlakādibhedaṃ dukkhaṃ – ayañhi satto mātukucchimhi nibbattamāno na uppalapadumapuṇḍarīkādīsu nibbattati, atha kho heṭṭhā āmāsayassa upari pakkāsayassa udarapaṭalapiṭṭhikaṇṭakānaṃ vemajjhe paramasambādhe tibbandhakāre nānākuṇapagandhaparibhāvitaparamaduggandhapavanavicarite adhimattajegucche kucchippadese pūtimacchapūtikummāsacandanikādīsu kimi viya nibbattati. So tattha nibbatto dasa māse mātukucchisambhavena usmanā puṭapākaṃ viya paccamāno piṭṭhapiṇḍi viya sediyamāno samiñjanapasāraṇādivirahito adhimattaṃ dukkhaṃ paccanubhotīti. Idaṃ tāva gabbhokkantimūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ ปน โส มาตุ สหสา อุปกฺขลนคมนนิสีทนอุฎฺฐานปริวตฺตนาทีสุ สุราธุตฺตหตฺถคโต เอฬโก วิย อหิตุณฺฑิกหตฺถคโต สปฺปโปตโก วิย จ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนโอธุนนนิทฺธุนนาทินา อุปกฺกเมน อธิมตฺตํ ทุกฺขมนุโภติ, ยญฺจ มาตุ สีตุทกปานกาเล สีตนรกูปปโนฺน วิย อุณฺหยาคุภตฺตาทิอโชฺฌหรณกาเล องฺคารวุฎฺฐิสมฺปริกิโณฺณ วิย โลณมฺพิลาทิอโชฺฌหรณกาเล ขาราปตจฺฉิกาทิกมฺมการณปฺปโตฺต วิย อธิมตฺตํ ทุกฺขมนุโภติฯ อิทํ คพฺภปริหรณมูลกํ ทุกฺขํฯ
Yaṃ pana so mātu sahasā upakkhalanagamananisīdanauṭṭhānaparivattanādīsu surādhuttahatthagato eḷako viya ahituṇḍikahatthagato sappapotako viya ca ākaḍḍhanaparikaḍḍhanaodhunananiddhunanādinā upakkamena adhimattaṃ dukkhamanubhoti, yañca mātu sītudakapānakāle sītanarakūpapanno viya uṇhayāgubhattādiajjhoharaṇakāle aṅgāravuṭṭhisamparikiṇṇo viya loṇambilādiajjhoharaṇakāle khārāpatacchikādikammakāraṇappatto viya adhimattaṃ dukkhamanubhoti. Idaṃ gabbhapariharaṇamūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ ปนสฺส มูฬฺหคพฺภาย มาตุยา มิตฺตามจฺจสุหชฺชาทีหิปิ อทสฺสนารเห ทุกฺขุปฺปตฺติฎฺฐาเน เฉทนผาลนาทีหิ ทุกฺขมนุภวติฯ อิทํ คพฺภวิปตฺติมูลกํ ทุกฺขํฯ
Yaṃ panassa mūḷhagabbhāya mātuyā mittāmaccasuhajjādīhipi adassanārahe dukkhuppattiṭṭhāne chedanaphālanādīhi dukkhamanubhavati. Idaṃ gabbhavipattimūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ วิชายมานาย มาตุยา กมฺมเชหิ วาเตหิ ปริวเตฺตตฺวา นรกปฺปปาตํ วิย อติภยานกํ โยนิมคฺคํ ปฎิปาทิยมานสฺส ปรมสมฺพาเธน จ โยนิมุเขน ตาฬจฺฉิคฺคเฬน วิย นิกฑฺฒิยมานสฺส มหานาคสฺส นรกสตฺตสฺส วิย จ สงฺฆาตปพฺพเตหิ วิจุณฺณิยมานสฺส ทุกฺขมุปฺปชฺชติฯ อิทํ วิชายนมูลกํ ทุกฺขํฯ
Yaṃ vijāyamānāya mātuyā kammajehi vātehi parivattetvā narakappapātaṃ viya atibhayānakaṃ yonimaggaṃ paṭipādiyamānassa paramasambādhena ca yonimukhena tāḷacchiggaḷena viya nikaḍḍhiyamānassa mahānāgassa narakasattassa viya ca saṅghātapabbatehi vicuṇṇiyamānassa dukkhamuppajjati. Idaṃ vijāyanamūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ ปน ชาตสฺส ตรุณวณสทิสสฺส สุกุมารสรีรสฺส หตฺถคหณนฺหาปนโธวนโจฬปริมชฺชนาทิกาเล สูจิมุขขุรธาราวิชฺฌนผาลนสทิสํ ทุกฺขมุปฺปชฺชติฯ อิทํ มาตุกุจฺฉิโต พหิ นิกฺขมนมูลกํ ทุกฺขํฯ
Yaṃ pana jātassa taruṇavaṇasadisassa sukumārasarīrassa hatthagahaṇanhāpanadhovanacoḷaparimajjanādikāle sūcimukhakhuradhārāvijjhanaphālanasadisaṃ dukkhamuppajjati. Idaṃ mātukucchito bahi nikkhamanamūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ ตโต ปรํ ปวตฺติยํ อตฺตนาว อตฺตานํ วเธนฺตสฺส อเจลกวตาทิวเสน อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺตสฺส โกธวเสน อภุญฺชนฺตสฺส อุพฺพนฺธนฺตสฺส จ ทุกฺขํ โหติฯ อิทํ อตฺตุปกฺกมมูลกํ ทุกฺขํฯ
Yaṃ tato paraṃ pavattiyaṃ attanāva attānaṃ vadhentassa acelakavatādivasena ātāpanaparitāpanānuyogamanuyuttassa kodhavasena abhuñjantassa ubbandhantassa ca dukkhaṃ hoti. Idaṃ attupakkamamūlakaṃ dukkhaṃ.
ยํ ปน ปรโต วธพนฺธนาทีนิ อนุภวนฺตสฺส อุปฺปชฺชติฯ อิทํ ปรูปกฺกมมูลกํทุกฺขนฺติฯ อิติ อิมสฺส สพฺพสฺสาปิ ทุกฺขสฺส อยํ ชาติ วตฺถุเมว โหติฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Yaṃ pana parato vadhabandhanādīni anubhavantassa uppajjati. Idaṃ parūpakkamamūlakaṃdukkhanti. Iti imassa sabbassāpi dukkhassa ayaṃ jāti vatthumeva hoti. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ชาเยถ โน เจ นรเกสุ สโตฺต, ตตฺถคฺคิทาหาทิกมปฺปสยฺหํ;
‘‘Jāyetha no ce narakesu satto, tatthaggidāhādikamappasayhaṃ;
ลเภถ ทุกฺขํ นุ กุหิํ ปติฎฺฐํ, อิจฺจาห ทุกฺขาติ มุนีธ ชาติํฯ
Labhetha dukkhaṃ nu kuhiṃ patiṭṭhaṃ, iccāha dukkhāti munīdha jātiṃ.
‘‘ทุกฺขํ ติรเจฺฉสุ กสาปโตท-
‘‘Dukkhaṃ tiracchesu kasāpatoda-
ทณฺฑาภิฆาตาทิภวํ อเนกํ;
Daṇḍābhighātādibhavaṃ anekaṃ;
ยํ ตํ กถํ ตตฺถ ภเวยฺย ชาติํ,
Yaṃ taṃ kathaṃ tattha bhaveyya jātiṃ,
วินา ตหิํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขาฯ
Vinā tahiṃ jāti tatopi dukkhā.
‘‘เปเตสุ ทุกฺขํ ปน ขุปฺปิปาสา-
‘‘Petesu dukkhaṃ pana khuppipāsā-
วาตาตปาทิปฺปภวํ วิจิตฺตํ;
Vātātapādippabhavaṃ vicittaṃ;
ยสฺมา อชาตสฺส น ตตฺถ อตฺถิ,
Yasmā ajātassa na tattha atthi,
ตสฺมาปิ ทุกฺขํ มุนิ ชาติมาหฯ
Tasmāpi dukkhaṃ muni jātimāha.
‘‘ติพฺพนฺธกาเร จ อสยฺหสีเต,
‘‘Tibbandhakāre ca asayhasīte,
โลกนฺตเร ยํ อสุเรสุ ทุกฺขํ;
Lokantare yaṃ asuresu dukkhaṃ;
น ตํ ภเว ตตฺถ น จสฺส ชาติ,
Na taṃ bhave tattha na cassa jāti,
ยโต อยํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขาฯ
Yato ayaṃ jāti tatopi dukkhā.
‘‘ยญฺจาปิ คูถนรเก วิย มาตุคเพฺภ,
‘‘Yañcāpi gūthanarake viya mātugabbhe,
สโตฺต วสํ จิรมโต พหิ นิกฺขมญฺจ;
Satto vasaṃ ciramato bahi nikkhamañca;
ปโปฺปติ ทุกฺขมติโฆรมิทมฺปิ นตฺถิ,
Pappoti dukkhamatighoramidampi natthi,
ชาติํ วินา อิติปิ ชาติ อยญฺหิ ทุกฺขาฯ
Jātiṃ vinā itipi jāti ayañhi dukkhā.
‘‘กิํ ภาสิเตน พหุนา นนุ ยํ กุหิญฺจิ,
‘‘Kiṃ bhāsitena bahunā nanu yaṃ kuhiñci,
อตฺถีธ กิญฺจิทปิ ทุกฺขมิทํ กทาจิ;
Atthīdha kiñcidapi dukkhamidaṃ kadāci;
เนวตฺถิ ชาติวิรเห ยทโต มเหสี,
Nevatthi jātivirahe yadato mahesī,
ทุกฺขาติ สพฺพปฐมํ อิมมาห ชาติ’’นฺติฯ
Dukkhāti sabbapaṭhamaṃ imamāha jāti’’nti.
ชราปิ ทุกฺขาติ เอตฺถ ทุวิธา ชรา สงฺขตลกฺขณญฺจ, ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโต สนฺตติยํ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธปุราณภาโว จฯ สา อิธ อธิเปฺปตาฯ สา ปเนสา ทุกฺขา สงฺขารทุกฺขภาวโต เจว ทุกฺขวตฺถุโต จฯ ยํ หิทํ องฺคปจฺจงฺคสิถิลีภาวอินฺทฺริยวิการวิรูปตา โยพฺพนวินาสพลูปฆาตสติมติวิปฺปวาสปรปริภวาทิอเนกปฺปจฺจยํ กายิกเจตสิกํ ทุกฺขมุปฺปชฺชติ, ชรา ตสฺส วตฺถุฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Jarāpi dukkhāti ettha duvidhā jarā saṅkhatalakkhaṇañca, khaṇḍiccādisammato santatiyaṃ ekabhavapariyāpannakhandhapurāṇabhāvo ca. Sā idha adhippetā. Sā panesā dukkhā saṅkhāradukkhabhāvato ceva dukkhavatthuto ca. Yaṃ hidaṃ aṅgapaccaṅgasithilībhāvaindriyavikāravirūpatā yobbanavināsabalūpaghātasatimativippavāsaparaparibhavādianekappaccayaṃ kāyikacetasikaṃ dukkhamuppajjati, jarā tassa vatthu. Tenetaṃ vuccati –
‘‘องฺคานํ สิถิลีภาวา, อินฺทฺริยานํ วิการโต;
‘‘Aṅgānaṃ sithilībhāvā, indriyānaṃ vikārato;
โยพฺพนสฺส วินาเสน, พลสฺส อุปฆาตโตฯ
Yobbanassa vināsena, balassa upaghātato.
‘‘วิปฺปวาสา สตาทีนํ, ปุตฺตทาเรหิ อตฺตโน;
‘‘Vippavāsā satādīnaṃ, puttadārehi attano;
อปฺปสาทนียโต เจว, ภิโยฺย พาลตฺตปตฺติยาฯ
Appasādanīyato ceva, bhiyyo bālattapattiyā.
‘‘ปโปฺปติ ทุกฺขํ ยํ มโจฺจ, กายิกํ มานสํ ตถา;
‘‘Pappoti dukkhaṃ yaṃ macco, kāyikaṃ mānasaṃ tathā;
สพฺพเมตํ ชราเหตุ, ยสฺมา ตสฺมา ชรา ทุขา’’ติฯ
Sabbametaṃ jarāhetu, yasmā tasmā jarā dukhā’’ti.
ชราทุกฺขานนฺตรํ พฺยาธิทุเกฺข วตฺตเพฺพปิ กายิกทุกฺขคหเณเนว พฺยาธิทุกฺขํ คหิตํ โหตีติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Jarādukkhānantaraṃ byādhidukkhe vattabbepi kāyikadukkhagahaṇeneva byādhidukkhaṃ gahitaṃ hotīti na vuttanti veditabbaṃ.
มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอตฺถาปิ ทุวิธํ มรณํ – สงฺขตลกฺขณญฺจ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑)ฯ เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิเจฺฉโท จ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘นิจฺจํ มรณโต ภย’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๘๑)ฯ ตํ อิธ อธิเปฺปตํฯ ชาติปจฺจยมรณํ อุปกฺกมมรณํ สรสมรณํ อายุกฺขยมรณํ ปุญฺญกฺขยมรณนฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ ปุน ขณิกมรณํ สมฺมุติมรณํ สมุเจฺฉทมรณนฺติ อยเมฺปตฺถ เภโท เวทิตโพฺพฯ ปวเตฺต รูปารูปธมฺมานํ เภโท ขณิกมรณํ นามฯ ‘‘ติโสฺส มโต, ผุโสฺส มโต’’ติ อิทํ ปรมตฺถโต สตฺตสฺส อภาวา, ‘‘สสฺสํ มตํ, รุโกฺข มโต’’ติ อิทํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อภาวา สมฺมุติมรณํ นามฯ ขีณาสวสฺส อปฺปฎิสนฺธิกา กาลกิริยา สมุเจฺฉทมรณํ นามฯ พาหิรกํ สมฺมุติมรณํ ฐเปตฺวา อิตรํ สมฺมุติมรณญฺจ สมุเจฺฉทมรณญฺจ ยถาวุตฺตปพนฺธวิเจฺฉเทเนว สงฺคหิตํฯ ทุกฺขสฺส ปน วตฺถุภาวโต ทุกฺขํฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Maraṇampi dukkhanti etthāpi duvidhaṃ maraṇaṃ – saṅkhatalakkhaṇañca, yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘jarāmaraṇaṃ dvīhi khandhehi saṅgahita’’nti (dhātu. 71). Ekabhavapariyāpannajīvitindriyappabandhavicchedo ca, yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘niccaṃ maraṇato bhaya’’nti (su. ni. 581). Taṃ idha adhippetaṃ. Jātipaccayamaraṇaṃ upakkamamaraṇaṃ sarasamaraṇaṃ āyukkhayamaraṇaṃ puññakkhayamaraṇantipi tasseva nāmaṃ. Puna khaṇikamaraṇaṃ sammutimaraṇaṃ samucchedamaraṇanti ayampettha bhedo veditabbo. Pavatte rūpārūpadhammānaṃ bhedo khaṇikamaraṇaṃ nāma. ‘‘Tisso mato, phusso mato’’ti idaṃ paramatthato sattassa abhāvā, ‘‘sassaṃ mataṃ, rukkho mato’’ti idaṃ jīvitindriyassa abhāvā sammutimaraṇaṃ nāma. Khīṇāsavassa appaṭisandhikā kālakiriyā samucchedamaraṇaṃ nāma. Bāhirakaṃ sammutimaraṇaṃ ṭhapetvā itaraṃ sammutimaraṇañca samucchedamaraṇañca yathāvuttapabandhavicchedeneva saṅgahitaṃ. Dukkhassa pana vatthubhāvato dukkhaṃ. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ปาปสฺส ปาปกมฺมาทินิมิตฺตมนุปสฺสโต;
‘‘Pāpassa pāpakammādinimittamanupassato;
ภทฺทสฺสาปสหนฺตสฺส, วิโยคํ ปิยวตฺถุกํ;
Bhaddassāpasahantassa, viyogaṃ piyavatthukaṃ;
มียมานสฺส ยํ ทุกฺขํ, มานสํ อวิเสสโตฯ
Mīyamānassa yaṃ dukkhaṃ, mānasaṃ avisesato.
‘‘สเพฺพสญฺจาปิ ยํ สนฺธิพนฺธนเจฺฉทนาทิกํ;
‘‘Sabbesañcāpi yaṃ sandhibandhanacchedanādikaṃ;
วิตุชฺชมานมมฺมานํ , โหติ ทุกฺขํ สรีรชํฯ
Vitujjamānamammānaṃ , hoti dukkhaṃ sarīrajaṃ.
‘‘อสยฺหมปฺปฎิการํ, ทุกฺขเสฺสตสฺสิทํ ยโต;
‘‘Asayhamappaṭikāraṃ, dukkhassetassidaṃ yato;
มรณํ วตฺถุ เตเนตํ, ทุกฺขมิเจฺจว ภาสิต’’นฺติฯ
Maraṇaṃ vatthu tenetaṃ, dukkhamicceva bhāsita’’nti.
โสกาทีสุ โสโก นาม ญาติพฺยสนาทีหิ ผุฎฺฐสฺส อโนฺตนิชฺฌานลกฺขโณ จิตฺตสนฺตาโปฯ ทุโกฺข ปน ทุกฺขทุกฺขโต ทุกฺขวตฺถุโต จฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Sokādīsu soko nāma ñātibyasanādīhi phuṭṭhassa antonijjhānalakkhaṇo cittasantāpo. Dukkho pana dukkhadukkhato dukkhavatthuto ca. Tenetaṃ vuccati –
‘‘สตฺตานํ หทยํ โสโก, วิสสลฺลํว ตุชฺชติ;
‘‘Sattānaṃ hadayaṃ soko, visasallaṃva tujjati;
อคฺคิตโตฺตว นาราโจ, ภุสํว ทหเต ปุนฯ
Aggitattova nārāco, bhusaṃva dahate puna.
‘‘สมาวหติ พฺยาธิญฺจ, ชรามรณเภทนํ;
‘‘Samāvahati byādhiñca, jarāmaraṇabhedanaṃ;
ทุกฺขมฺปิ วิวิธํ ยสฺมา, ตสฺมา ทุโกฺขติ วุจฺจตี’’ติฯ
Dukkhampi vividhaṃ yasmā, tasmā dukkhoti vuccatī’’ti.
ปริเทโว นาม ญาติพฺยสนาทีหิ ผุฎฺฐสฺส วจีปลาโปฯ ทุโกฺข ปน สงฺขารทุกฺขภาวโต ทุกฺขวตฺถุโต จฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Paridevo nāma ñātibyasanādīhi phuṭṭhassa vacīpalāpo. Dukkho pana saṅkhāradukkhabhāvato dukkhavatthuto ca. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ยํ โสกสลฺลวิหโต ปริเทวมาโน, กโณฺฐฎฺฐตาลุตลโสสชมปฺปสยฺหํ;
‘‘Yaṃ sokasallavihato paridevamāno, kaṇṭhoṭṭhatālutalasosajamappasayhaṃ;
ภิโยฺยธิมตฺตมธิคจฺฉติเยว ทุกฺขํ, ทุโกฺขติ เตน ภควา ปริเทวมาหา’’ติฯ
Bhiyyodhimattamadhigacchatiyeva dukkhaṃ, dukkhoti tena bhagavā paridevamāhā’’ti.
ทุกฺขํ นาม กายปีฬนลกฺขณํ กายิกทุกฺขํฯ ทุกฺขํ ปน ทุกฺขทุกฺขโต มานสทุกฺขาวหนโต จฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Dukkhaṃ nāma kāyapīḷanalakkhaṇaṃ kāyikadukkhaṃ. Dukkhaṃ pana dukkhadukkhato mānasadukkhāvahanato ca. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ปีเฬติ กายิกมิทํ, ทุกฺขํ ทุกฺขญฺจ มานสํ ภิโยฺย;
‘‘Pīḷeti kāyikamidaṃ, dukkhaṃ dukkhañca mānasaṃ bhiyyo;
ชนยติ ยสฺมา ตสฺมา, ทุกฺขนฺติ วิเสสโต วุตฺต’’นฺติฯ
Janayati yasmā tasmā, dukkhanti visesato vutta’’nti.
โทมนสฺสํ นาม จิตฺตปีฬนลกฺขณํ มานสํ ทุกฺขํฯ ทุกฺขํ ปน ทุกฺขทุกฺขโต กายิกทุกฺขาวหนโต จฯ เจโตทุกฺขสมปฺปิตา หิ เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, อุรานิ ปฎิปิสนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ, อุทฺธํปาทํ ปปตนฺติ, สตฺถํ อาหรนฺติ, วิสํ ขาทนฺติ, รชฺชุยา อุพฺพนฺธนฺติ, อคฺคิํ ปวิสนฺตีติ นานปฺปการกํ ทุกฺขมนุภวนฺติฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Domanassaṃ nāma cittapīḷanalakkhaṇaṃ mānasaṃ dukkhaṃ. Dukkhaṃ pana dukkhadukkhato kāyikadukkhāvahanato ca. Cetodukkhasamappitā hi kese pakiriya kandanti, urāni paṭipisanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti, uddhaṃpādaṃ papatanti, satthaṃ āharanti, visaṃ khādanti, rajjuyā ubbandhanti, aggiṃ pavisantīti nānappakārakaṃ dukkhamanubhavanti. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ปีเฬติ ยโต จิตฺตํ, กายสฺส จ ปีฬนํ สมาวหติ;
‘‘Pīḷeti yato cittaṃ, kāyassa ca pīḷanaṃ samāvahati;
ทุกฺขนฺติ โทมนสฺสํ, วิโทมนสฺสา ตโต อาหู’’ติฯ
Dukkhanti domanassaṃ, vidomanassā tato āhū’’ti.
อุปายาโส นาม ญาติพฺยสนาทีหิ ผุฎฺฐสฺส อธิมตฺตเจโตทุกฺขปฺปภาวิโต โทโสเยวฯ ‘‘สงฺขารกฺขนฺธปริยาปโนฺน เอโก ธโมฺม’’ติ เอเกฯ ทุโกฺข ปน สงฺขารทุกฺขภาวโต จิตฺตปริทหนโต กายวิสาทนโต จฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Upāyāso nāma ñātibyasanādīhi phuṭṭhassa adhimattacetodukkhappabhāvito dosoyeva. ‘‘Saṅkhārakkhandhapariyāpanno eko dhammo’’ti eke. Dukkho pana saṅkhāradukkhabhāvato cittaparidahanato kāyavisādanato ca. Tenetaṃ vuccati –
‘‘จิตฺตสฺส จ ปริทหนา, กายสฺส วิสาทนา จ อธิมตฺตํ;
‘‘Cittassa ca paridahanā, kāyassa visādanā ca adhimattaṃ;
ยํ ทุกฺขมุปายาโส, ชเนติ ทุโกฺข ตโต วุโตฺต’’ติฯ
Yaṃ dukkhamupāyāso, janeti dukkho tato vutto’’ti.
เอตฺถ จ มนฺทคฺคินา อโนฺตภาชเน ปาโก วิย โสโก, ติกฺขคฺคินา ปจฺจมานสฺส ภาชนโต พหินิกฺขมนํ วิย ปริเทโว, พหินิกฺขนฺตาวเสสสฺส นิกฺขมิตุมฺปิ อปฺปโหนฺตสฺส อโนฺตภาชเนเยว ยาว ปริกฺขยา ปาโก วิย อุปายาโส ทฎฺฐโพฺพฯ
Ettha ca mandagginā antobhājane pāko viya soko, tikkhagginā paccamānassa bhājanato bahinikkhamanaṃ viya paridevo, bahinikkhantāvasesassa nikkhamitumpi appahontassa antobhājaneyeva yāva parikkhayā pāko viya upāyāso daṭṭhabbo.
อปฺปิยสมฺปโยโค นาม อปฺปิเยหิ สตฺตสงฺขาเรหิ สโมธานํฯ ทุโกฺข ปน ทุกฺขวตฺถุโตฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Appiyasampayogo nāma appiyehi sattasaṅkhārehi samodhānaṃ. Dukkho pana dukkhavatthuto. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ทิสฺวาว อปฺปิเย ทุกฺขํ, ปฐมํ โหติ เจตสิ;
‘‘Disvāva appiye dukkhaṃ, paṭhamaṃ hoti cetasi;
ตทุปกฺกมสมฺภูตมถ กาเย ยโต อิธฯ
Tadupakkamasambhūtamatha kāye yato idha.
‘‘ตโต ทุกฺขทฺวยสฺสาปิ, วตฺถุโต โส มเหสินา;
‘‘Tato dukkhadvayassāpi, vatthuto so mahesinā;
ทุโกฺข วุโตฺตติ วิเญฺญโยฺย, อปฺปิเยหิ สมาคโม’’ติฯ
Dukkho vuttoti viññeyyo, appiyehi samāgamo’’ti.
ปิยวิปฺปโยโค นาม ปิเยหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วินาภาโวฯ ทุโกฺข ปน ทุกฺขวตฺถุโตฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Piyavippayogo nāma piyehi sattasaṅkhārehi vinābhāvo. Dukkho pana dukkhavatthuto. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ญาติธนาทิวิโยคา , โสกสรสมปฺปิตา วิตุชฺชนฺติ;
‘‘Ñātidhanādiviyogā , sokasarasamappitā vitujjanti;
พาลา ยโต ตโตยํ, ทุโกฺขติ มโต ปิยวิโยโค’’ติฯ
Bālā yato tatoyaṃ, dukkhoti mato piyaviyogo’’ti.
อิจฺฉิตาลาเภ อลพฺภเนยฺยวตฺถูสุ อิจฺฉาว ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺขนฺติ วุตฺตาฯ เยนปิ ธเมฺมน อลพฺภเนยฺยํ วตฺถุํ อิจฺฉโนฺต น ลภติ, ตมฺปิ อลพฺภเนยฺยวตฺถุมฺหิ อิจฺฉนํ ทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ ทุกฺขํ ปน ทุกฺขวตฺถุโตฯ เตเนตํ วุจฺจติ –
Icchitālābhe alabbhaneyyavatthūsu icchāva yampicchaṃ na labhati, tampi dukkhanti vuttā. Yenapi dhammena alabbhaneyyaṃ vatthuṃ icchanto na labhati, tampi alabbhaneyyavatthumhi icchanaṃ dukkhanti attho. Dukkhaṃ pana dukkhavatthuto. Tenetaṃ vuccati –
‘‘ตํ ตํ ปตฺถยมานานํ, ตสฺส ตสฺส อลาภโต;
‘‘Taṃ taṃ patthayamānānaṃ, tassa tassa alābhato;
ยํ วิฆาตมยํ ทุกฺขํ, สตฺตานํ อิธ ชายติฯ
Yaṃ vighātamayaṃ dukkhaṃ, sattānaṃ idha jāyati.
‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ, ปตฺถนา ตสฺส การณํ;
‘‘Alabbhaneyyavatthūnaṃ, patthanā tassa kāraṇaṃ;
ยสฺมา ตสฺมา ชิโน ทุกฺขํ, อิจฺฉิตาลาภมพฺรวี’’ติฯ
Yasmā tasmā jino dukkhaṃ, icchitālābhamabravī’’ti.
สงฺขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาติ เอตฺถ ปน สงฺขิเตฺตนาติ เทสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทุกฺขญฺหิ เอตฺตกานิ ทุกฺขสตานีติ วา เอตฺตกานิ ทุกฺขสหสฺสานีติ วา สงฺขิปิตุํ น สกฺกา, เทสนา ปน สกฺกาฯ ตสฺมา ‘‘ทุกฺขํ นาม น อญฺญํ กิญฺจิ, สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ เทสนํ สงฺขิปโนฺต เอวมาหฯ ปญฺจาติ คณนปริเจฺฉโทฯ อุปาทานกฺขนฺธาติ อุปาทานโคจรา ขนฺธาฯ
Saṅkhittena pañcupādānakkhandhāti ettha pana saṅkhittenāti desanaṃ sandhāya vuttaṃ. Dukkhañhi ettakāni dukkhasatānīti vā ettakāni dukkhasahassānīti vā saṅkhipituṃ na sakkā, desanā pana sakkā. Tasmā ‘‘dukkhaṃ nāma na aññaṃ kiñci, saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’ti desanaṃ saṅkhipanto evamāha. Pañcāti gaṇanaparicchedo. Upādānakkhandhāti upādānagocarā khandhā.
ชาติปฺปภุติกํ ทุกฺขํ, ยํ วุตฺตมิธ ตาทินา;
Jātippabhutikaṃ dukkhaṃ, yaṃ vuttamidha tādinā;
อวุตฺตํ ยญฺจ ตํ สพฺพํ, วินา เอเตน วิชฺชติฯ
Avuttaṃ yañca taṃ sabbaṃ, vinā etena vijjati.
ยสฺมา ตสฺมา อุปาทานกฺขนฺธา สเงฺขปโต อิเม;
Yasmā tasmā upādānakkhandhā saṅkhepato ime;
ทุกฺขาติ วุตฺตา ทุกฺขนฺต-เทสเกน มเหสินาฯ
Dukkhāti vuttā dukkhanta-desakena mahesinā.
ตถา หิ อินฺธนมิว ปาวโก, ลกฺขมิว ปหรณานิ, โครูปํ วิย ฑํสมกสาทโย, เขตฺตมิว ลายกา, คามํ วิย คามฆาตกา, อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกเมว ชาติอาทโย นานปฺปกาเรหิ วิพาเธนฺตา ติณลตาทีนิ วิย ภูมิยํ, ปุปฺผผลปลฺลวานิ วิย รุเกฺขสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุเยว นิพฺพตฺตนฺติฯ อุปาทานกฺขนฺธานญฺจ อาทิทุกฺขํ ชาติ, มเชฺฌทุกฺขํ ชรา, ปริโยสานทุกฺขํ มรณํ, มารณนฺติกทุกฺขาภิฆาเตน ปริฑยฺหนทุกฺขํ โสโก , ตทสหนโต ลาลปฺปนทุกฺขํ ปริเทโว, ตโต ธาตุโกฺขภสงฺขาตอนิฎฺฐโผฎฺฐพฺพสมาโยคโต กายสฺส อาพาธนทุกฺขํ ทุกฺขํ, เตน อาพาธิยมานานํ ปุถุชฺชนานํ ตตฺถ ปฎิฆุปฺปตฺติโต เจโตพาธนทุกฺขํ โทมนสฺสํ, โสกาทิวุทฺธิยา ชนิตวิสาทานํ อนุตฺถุนนทุกฺขํ อุปายาโส, มโนรถวิฆาตปฺปตฺตานํ อิจฺฉาวิฆาตทุกฺขํ อิจฺฉิตาลาโภติ เอวํ นานปฺปการโต อุปปริกฺขิยมานา อุปาทานกฺขนฺธาว ทุกฺขาติ ยเทตํ เอกเมกํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมานํ อเนเกหิปิ กเปฺปหิ น สกฺกา อนวเสสโต วตฺตุํ, ตํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ เอกชลพินฺทุมฺหิ สกลสมุทฺทชลรสํ วิย เยสุ เกสุจิ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ ภควตา วุตฺตเมว เถโร อโวจาติฯ
Tathā hi indhanamiva pāvako, lakkhamiva paharaṇāni, gorūpaṃ viya ḍaṃsamakasādayo, khettamiva lāyakā, gāmaṃ viya gāmaghātakā, upādānakkhandhapañcakameva jātiādayo nānappakārehi vibādhentā tiṇalatādīni viya bhūmiyaṃ, pupphaphalapallavāni viya rukkhesu upādānakkhandhesuyeva nibbattanti. Upādānakkhandhānañca ādidukkhaṃ jāti, majjhedukkhaṃ jarā, pariyosānadukkhaṃ maraṇaṃ, māraṇantikadukkhābhighātena pariḍayhanadukkhaṃ soko , tadasahanato lālappanadukkhaṃ paridevo, tato dhātukkhobhasaṅkhātaaniṭṭhaphoṭṭhabbasamāyogato kāyassa ābādhanadukkhaṃ dukkhaṃ, tena ābādhiyamānānaṃ puthujjanānaṃ tattha paṭighuppattito cetobādhanadukkhaṃ domanassaṃ, sokādivuddhiyā janitavisādānaṃ anutthunanadukkhaṃ upāyāso, manorathavighātappattānaṃ icchāvighātadukkhaṃ icchitālābhoti evaṃ nānappakārato upaparikkhiyamānā upādānakkhandhāva dukkhāti yadetaṃ ekamekaṃ dassetvā vuccamānaṃ anekehipi kappehi na sakkā anavasesato vattuṃ, taṃ sabbampi dukkhaṃ ekajalabindumhi sakalasamuddajalarasaṃ viya yesu kesuci pañcasu upādānakkhandhesu saṅkhipitvā dassetuṃ ‘‘saṅkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’ti bhagavatā vuttameva thero avocāti.
ตตฺถ กตมา ชาตีติอาทีสุ ปทภาชนีเยสุ ตตฺถาติ ทุกฺขสจฺจนิเทฺทเส วุเตฺตสุ ชาติอาทีสุฯ ยา เตสํ เตสํ สตฺตานนฺติ สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโสฯ ยา เทวทตฺตสฺส ชาติ, ยา โสมทตฺตสฺส ชาตีติ เอวญฺหิ ทิวสมฺปิ กถิยมาเน เนว สตฺตา ปริยาทานํ คจฺฉนฺติ, น สพฺพํ อปรตฺถทีปนํ สิชฺฌติ, อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สโตฺต อปริยาทิโนฺน โหติ, น กิญฺจิ อปรตฺถทีปนํ น สิชฺฌติฯ ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ สตฺตนิกายานํ สาธารณนิเทฺทโสฯ สตฺตนิกาเยติ สตฺตานํ นิกาเย, สตฺตฆฎายํ สตฺตสมูเหติ อโตฺถฯ ชาตีติ ชายนวเสนฯ อิทเมตฺถ สภาวปจฺจตฺตํฯ สญฺชาตีติ สญฺชายนวเสนฯ อุปสเคฺคน ปทํ วฑฺฒิตํฯ โอกฺกนฺตีติ โอกฺกมนวเสนฯ ชายนเฎฺฐน วา ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน วุตฺตาฯ สญฺชายนเฎฺฐน สญฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน วุตฺตาฯ โอกฺกมนเฎฺฐน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน วุตฺตาฯ เต หิ อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสญฺจ โอกฺกมนฺติ, โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติฯ อภินิพฺพตฺตนเฎฺฐน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน วุตฺตาฯ เต หิ ปากฎา เอว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ, อยํ ตาว สมฺมุติกถาฯ
Tattha katamā jātītiādīsu padabhājanīyesu tatthāti dukkhasaccaniddese vuttesu jātiādīsu. Yā tesaṃ tesaṃ sattānanti saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddeso. Yā devadattassa jāti, yā somadattassa jātīti evañhi divasampi kathiyamāne neva sattā pariyādānaṃ gacchanti, na sabbaṃ aparatthadīpanaṃ sijjhati, imehi pana dvīhi padehi na koci satto apariyādinno hoti, na kiñci aparatthadīpanaṃ na sijjhati. Tamhi tamhīti ayaṃ gatijātivasena anekesaṃ sattanikāyānaṃ sādhāraṇaniddeso. Sattanikāyeti sattānaṃ nikāye, sattaghaṭāyaṃ sattasamūheti attho. Jātīti jāyanavasena. Idamettha sabhāvapaccattaṃ. Sañjātīti sañjāyanavasena. Upasaggena padaṃ vaḍḍhitaṃ. Okkantīti okkamanavasena. Jāyanaṭṭhena vā jāti, sā aparipuṇṇāyatanavasena vuttā. Sañjāyanaṭṭhena sañjāti, sā paripuṇṇāyatanavasena vuttā. Okkamanaṭṭhena okkanti, sā aṇḍajajalābujavasena vuttā. Te hi aṇḍakosaṃ vatthikosañca okkamanti, okkamantā pavisantā viya paṭisandhiṃ gaṇhanti. Abhinibbattanaṭṭhena abhinibbatti, sā saṃsedajaopapātikavasena vuttā. Te hi pākaṭā eva hutvā nibbattanti, ayaṃ tāva sammutikathā.
อิทานิ ขนฺธานํ ปาตุภาโว, อายตนานํ ปฎิลาโภติ ปรมตฺถกถา โหติฯ ขนฺธา เอว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สตฺตาฯ เอตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส, จตุโวการภเว จตุนฺนํ, ปญฺจโวการภเว ปญฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติฯ อายตนานนฺติ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ปฎิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยวฯ ปาตุภวนฺตาเนว หิ ตานิ ปฎิลทฺธานิ นาม โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ชาตีติ อยํ ชาติ นาม กถียติฯ
Idāni khandhānaṃ pātubhāvo, āyatanānaṃ paṭilābhoti paramatthakathā hoti. Khandhā eva hi paramatthato pātubhavanti, na sattā. Ettha ca khandhānanti ekavokārabhave ekassa, catuvokārabhave catunnaṃ, pañcavokārabhave pañcannampi gahaṇaṃ veditabbaṃ. Pātubhāvoti uppatti. Āyatanānanti tatra tatra uppajjamānāyatanavasena saṅgaho veditabbo. Paṭilābhoti santatiyaṃ pātubhāvoyeva. Pātubhavantāneva hi tāni paṭiladdhāni nāma honti. Ayaṃ vuccati jātīti ayaṃ jāti nāma kathīyati.
ชรานิเทฺทเส ชราติ สภาวปจฺจตฺตํฯ ชีรณตาติ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสา, ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาฯ อยญฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสา อิทํ สภาวปจฺจตฺตํฯ ชีรณตาติ อิมินา อาการโต, เตนสฺสายํ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโตฯ ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโตฯ วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ มิลาเปตฺวา ตเจ วลิภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตาฯ เตนสฺสา อิเม ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ปากฎีภูตา ปากฎชรา ทสฺสิตาฯ ยเถว หิ อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สมฺภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมโคฺค ปากโฎ โหติ, น จ โส คตมโคฺค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมโคฺค ปากโฎ จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ, น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราฯ น หิ ชรา จกฺขุวิเญฺญยฺยา โหติฯ
Jarāniddese jarāti sabhāvapaccattaṃ. Jīraṇatāti ākāraniddeso. Khaṇḍiccantiādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā, pacchimā dve pakatiniddesā. Ayañhi jarāti iminā padena sabhāvato dīpitā, tenassā idaṃ sabhāvapaccattaṃ. Jīraṇatāti iminā ākārato, tenassāyaṃ ākāraniddeso. Khaṇḍiccanti iminā kālātikkame dantanakhānaṃ khaṇḍitabhāvakaraṇakiccato. Pāliccanti iminā kesalomānaṃ palitabhāvakaraṇakiccato. Valittacatāti iminā maṃsaṃ milāpetvā tace valibhāvakaraṇakiccato dīpitā. Tenassā ime tayo kālātikkame kiccaniddesā. Tehi imesaṃ vikārānaṃ dassanavasena pākaṭībhūtā pākaṭajarā dassitā. Yatheva hi udakassa vā vātassa vā aggino vā tiṇarukkhādīnaṃ sambhaggapalibhaggatāya vā jhāmatāya vā gatamaggo pākaṭo hoti, na ca so gatamaggo tāneva udakādīni, evameva jarāya dantādīsu khaṇḍiccādivasena gatamaggo pākaṭo cakkhuṃ ummīletvāpi gayhati, na ca khaṇḍiccādīneva jarā. Na hi jarā cakkhuviññeyyā hoti.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตาย อายุกฺขยจกฺขาทิอินฺทฺริยปริปากสงฺขาตาย ปกติยา ทีปิตา, เตนสฺสิเม เทฺว ปกตินิเทฺทสาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตาฯ ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติ ผลูปจาเรเนว วุตฺตาฯ
Āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripākoti imehi pana padehi kālātikkameyeva abhibyattāya āyukkhayacakkhādiindriyaparipākasaṅkhātāya pakatiyā dīpitā, tenassime dve pakatiniddesāti veditabbā. Tattha yasmā jaraṃ pattassa āyu hāyati, tasmā jarā ‘‘āyuno saṃhānī’’ti phalūpacārena vuttā. Yasmā ca daharakāle suppasannāni sukhumampi attano visayaṃ sukheneva gaṇhanasamatthāni cakkhādīni indriyāni jaraṃ pattassa paripakkāni āluḷitāni avisadāni oḷārikampi attano visayaṃ gahetuṃ asamatthāni honti, tasmā ‘‘indriyānaṃ paripāko’’ti phalūpacāreneva vuttā.
สา ปเนสา เอวํ นิทฺทิฎฺฐา สพฺพาปิ ชรา ปากฎา ปฎิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑาทิภาวทสฺสนโต รูปธเมฺมสุ ชรา ปากฎชรา นามฯ อรูปธเมฺมสุ ปน ชรา ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฎิจฺฉนฺนชรา นามฯ ตตฺร ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ วโณฺณเยวฯ ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จิเนฺตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฎา’’ติ ชรํ ชานาติ, อุทกฎฺฐาเน พทฺธานิ โคสิงฺคาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฎฺฐา อุทกสฺส อตฺถิภาวชานนํ วิยฯ ปุน อยํ ชรา สวีจิ อวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ มณิกนกรชตปวาฬจนฺทสูริยาทีนํ มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย, ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ อปาณีนํ วิย จ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุพฺพิเญฺญยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อโตฺถฯ ตโต อเญฺญสุ ปน ยถาวุเตฺตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามฯ
Sā panesā evaṃ niddiṭṭhā sabbāpi jarā pākaṭā paṭicchannāti duvidhā hoti. Tattha dantādīsu khaṇḍādibhāvadassanato rūpadhammesu jarā pākaṭajarā nāma. Arūpadhammesu pana jarā tādisassa vikārassa adassanato paṭicchannajarā nāma. Tatra yvāyaṃ khaṇḍādibhāvo dissati, so tādisānaṃ dantādīnaṃ vaṇṇoyeva. Taṃ cakkhunā disvā manodvārena cintetvā ‘‘ime dantā jarāya pahaṭā’’ti jaraṃ jānāti, udakaṭṭhāne baddhāni gosiṅgādīni oloketvā heṭṭhā udakassa atthibhāvajānanaṃ viya. Puna ayaṃ jarā savīci avīcīti evampi duvidhā hoti. Tattha maṇikanakarajatapavāḷacandasūriyādīnaṃ mandadasakādīsu pāṇīnaṃ viya, pupphaphalapallavādīsu apāṇīnaṃ viya ca antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ dubbiññeyyattā jarā avīcijarā nāma, nirantarajarāti attho. Tato aññesu pana yathāvuttesu antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ suviññeyyattā jarā savīcijarā nāma.
ตตฺถ สวีจิชรา อุปาทิณฺณกอนุปาทิณฺณกวเสน เอวํ เวทิตพฺพา – ทหรกุมารกานญฺหิ ปฐมเมว ขีรทนฺตา นาม อุฎฺฐหนฺติ, น เต ถิราฯ เตสุ ปน ปติเตสุ ปุน ทนฺตา อุฎฺฐหนฺติฯ เต ปฐมเมว เสตา โหนฺติ, ชราวาเตน ปหฎกาเล กาฬกา โหนฺติฯ เกสา ปฐมเมว ตมฺพา โหนฺติ, ตโต กาฬกา, ตโต เสตาฯ ฉวิ ปน สโลหิติกา โหติฯ วฑฺฒนฺตานํ วฑฺฒนฺตานํ โอทาตานํ โอทาตภาโว, กาฬกานํ กาฬกภาโว ปญฺญายติฯ ชราวาเตน ปน ปหฎกาเล วลิํ คณฺหาติฯ สพฺพมฺปิ สสฺสํ วปิตกาเล เสตํ โหติ, ปจฺฉา นีลํฯ ชราวาเตน ปน ปหฎกาเล ปณฺฑุกํ โหติฯ อมฺพงฺกุเรนาปิ ทีเปตุํ วฎฺฎติฯ
Tattha savīcijarā upādiṇṇakaanupādiṇṇakavasena evaṃ veditabbā – daharakumārakānañhi paṭhamameva khīradantā nāma uṭṭhahanti, na te thirā. Tesu pana patitesu puna dantā uṭṭhahanti. Te paṭhamameva setā honti, jarāvātena pahaṭakāle kāḷakā honti. Kesā paṭhamameva tambā honti, tato kāḷakā, tato setā. Chavi pana salohitikā hoti. Vaḍḍhantānaṃ vaḍḍhantānaṃ odātānaṃ odātabhāvo, kāḷakānaṃ kāḷakabhāvo paññāyati. Jarāvātena pana pahaṭakāle valiṃ gaṇhāti. Sabbampi sassaṃ vapitakāle setaṃ hoti, pacchā nīlaṃ. Jarāvātena pana pahaṭakāle paṇḍukaṃ hoti. Ambaṅkurenāpi dīpetuṃ vaṭṭati.
มรณนิเทฺทเส จุตีติ จวนวเสน วุตฺตํฯ เอกจตุปญฺจกฺขนฺธานํ สามญฺญวจนเมตํฯ จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํฯ เภโทติ จุติขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํฯ อนฺตรธานนฺติ ฆฎสฺส วิย ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน ฐานาภาวปริทีปนํฯ มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํ, น ขณิกมรณํฯ กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยาติ กาลกิริยาฯ เอตฺตาวตา จ สมฺมุติยา มรณํ ทีปิตํฯ
Maraṇaniddese cutīti cavanavasena vuttaṃ. Ekacatupañcakkhandhānaṃ sāmaññavacanametaṃ. Cavanatāti bhāvavacanena lakkhaṇanidassanaṃ. Bhedoti cutikhandhānaṃ bhaṅguppattiparidīpanaṃ. Antaradhānanti ghaṭassa viya bhinnassa bhinnānaṃ cutikhandhānaṃ yena kenaci pariyāyena ṭhānābhāvaparidīpanaṃ. Maccu maraṇanti maccusaṅkhātaṃ maraṇaṃ, na khaṇikamaraṇaṃ. Kālo nāma antako, tassa kiriyāti kālakiriyā. Ettāvatā ca sammutiyā maraṇaṃ dīpitaṃ.
อิทานิ ปรมเตฺถน ทีเปตุํ ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาหฯ ปรมเตฺถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สโตฺต นาม โกจิ มรติฯ ขเนฺธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สโตฺต มรติ, ภิเนฺนสุ มโตติ โวหาโร โหติฯ เอตฺถ จ จตุโวการปญฺจโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโป, จตุโวการวเสน วา ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สมฺภวโตฯ ยสฺมา วา จาตุมหาราชิกาทีสุปิ ขนฺธา ภิชฺชเนฺตว, น กิญฺจิ นิกฺขิปติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิเกฺขปกรณโต มรณํ ‘‘กเฬวรสฺส นิเกฺขโป’’ติ วุตฺตํฯ
Idāni paramatthena dīpetuṃ khandhānaṃ bhedotiādimāha. Paramatthena hi khandhāyeva bhijjanti, na satto nāma koci marati. Khandhesu pana bhijjamānesu satto marati, bhinnesu matoti vohāro hoti. Ettha ca catuvokārapañcavokāravasena khandhānaṃ bhedo, ekavokāravasena kaḷevarassa nikkhepo, catuvokāravasena vā khandhānaṃ bhedo, sesadvayavasena kaḷevarassa nikkhepo veditabbo. Kasmā? Bhavadvayepi rūpakāyasaṅkhātassa kaḷevarassa sambhavato. Yasmā vā cātumahārājikādīsupi khandhā bhijjanteva, na kiñci nikkhipati, tasmā tesaṃ vasena khandhānaṃ bhedo, manussādīsu kaḷevarassa nikkhepo. Ettha ca kaḷevarassa nikkhepakaraṇato maraṇaṃ ‘‘kaḷevarassa nikkhepo’’ti vuttaṃ.
ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปเจฺฉโทติ อิมินา อินฺทฺริยพทฺธเสฺสว มรณํ นาม โหติ, อนินฺทฺริยพทฺธสฺส มรณํ นาม นตฺถีติ ทเสฺสติฯ ‘‘สสฺสํ มตํ, รุโกฺข มโต’’ติ อิทํ ปน โวหารมตฺตเมว, อตฺถโต ปน เอวรูปานิ วจนานิ สสฺสาทีนํ ขยวยภาวเมว ทีเปนฺติฯ
Jīvitindriyassupacchedoti iminā indriyabaddhasseva maraṇaṃ nāma hoti, anindriyabaddhassa maraṇaṃ nāma natthīti dasseti. ‘‘Sassaṃ mataṃ, rukkho mato’’ti idaṃ pana vohāramattameva, atthato pana evarūpāni vacanāni sassādīnaṃ khayavayabhāvameva dīpenti.
อปิจ อิมานิ ชาติชรามรณานิ นาม อิเมสํ สตฺตานํ วธกปจฺจามิตฺตา วิย โอตารํ คเวสนฺตานิ วิจรนฺติฯ ยถา หิ ปุริสสฺส ตีสุ ปจฺจามิเตฺตสุ โอตาราเปเกฺขสุ วิจรเนฺตสุ เอโก วเทยฺย ‘‘อหํ อสุกอรญฺญสฺส นาม วณฺณํ กเถตฺวา เอตํ อาทาย ตตฺถ คมิสฺสามิ, เอตฺถ มยฺหํ ทุกฺกรํ นตฺถี’’ติฯ ทุติโย วเทยฺย ‘‘อหํ ตว เอตํ คเหตฺวา คตกาเล โปเถตฺวา ทุพฺพลํ กริสฺสามิ, เอตฺถ มยฺหํ ทุกฺกรํ นตฺถี’’ติฯ ตติโย วเทยฺย ‘‘ตยา เอตสฺมิํ โปเถตฺวา ทุพฺพเล กเต ติเณฺหน อสินา สีสเจฺฉทนํ นาม มยฺหํ ภาโร โหตู’’ติ เต เอวํ วตฺวา ตถา กเรยฺยุํฯ ตตฺถ ปฐมปจฺจามิตฺตสฺส อรญฺญวณฺณํ กเถตฺวา ตํ อาทาย ตตฺถ คตกาโล วิย สุหชฺชญาติมณฺฑลโต นิกฺกฑฺฒิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตาปนํ นาม ชาติยา กิจฺจํ, ทุติยสฺส โปเถตฺวา ทุพฺพลกรณํ วิย นิพฺพตฺตกฺขเนฺธสุ นิปติตฺวา ปราธีนมญฺจปรายณภาวกรณํ ชราย กิจฺจํ, ตติยสฺส ติเณฺหน อสินา สีสเจฺฉทนํ วิย ชีวิตกฺขยปาปนํ มรณสฺส กิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Apica imāni jātijarāmaraṇāni nāma imesaṃ sattānaṃ vadhakapaccāmittā viya otāraṃ gavesantāni vicaranti. Yathā hi purisassa tīsu paccāmittesu otārāpekkhesu vicarantesu eko vadeyya ‘‘ahaṃ asukaaraññassa nāma vaṇṇaṃ kathetvā etaṃ ādāya tattha gamissāmi, ettha mayhaṃ dukkaraṃ natthī’’ti. Dutiyo vadeyya ‘‘ahaṃ tava etaṃ gahetvā gatakāle pothetvā dubbalaṃ karissāmi, ettha mayhaṃ dukkaraṃ natthī’’ti. Tatiyo vadeyya ‘‘tayā etasmiṃ pothetvā dubbale kate tiṇhena asinā sīsacchedanaṃ nāma mayhaṃ bhāro hotū’’ti te evaṃ vatvā tathā kareyyuṃ. Tattha paṭhamapaccāmittassa araññavaṇṇaṃ kathetvā taṃ ādāya tattha gatakālo viya suhajjañātimaṇḍalato nikkaḍḍhitvā yattha katthaci nibbattāpanaṃ nāma jātiyā kiccaṃ, dutiyassa pothetvā dubbalakaraṇaṃ viya nibbattakkhandhesu nipatitvā parādhīnamañcaparāyaṇabhāvakaraṇaṃ jarāya kiccaṃ, tatiyassa tiṇhena asinā sīsacchedanaṃ viya jīvitakkhayapāpanaṃ maraṇassa kiccanti veditabbaṃ.
อปิเจตฺถ ชาติทุกฺขํ สาทีนวมหากนฺตารปฺปเวโส วิย ทฎฺฐพฺพํ, ชราทุกฺขํ ตตฺถ อนฺนปานรหิตสฺส ทุพฺพลํ วิย, มรณทุกฺขํ ทุพฺพลสฺส อิริยาปถปวตฺตเน วิหตปรกฺกมสฺส วาฬาทีหิ อนยพฺยสนาปาทนํ วิย ทฎฺฐพฺพนฺติฯ
Apicettha jātidukkhaṃ sādīnavamahākantārappaveso viya daṭṭhabbaṃ, jarādukkhaṃ tattha annapānarahitassa dubbalaṃ viya, maraṇadukkhaṃ dubbalassa iriyāpathapavattane vihataparakkamassa vāḷādīhi anayabyasanāpādanaṃ viya daṭṭhabbanti.
โสกนิเทฺทเส วิยสตีติ พฺยสนํ, หิตสุขํ ขิปติ วิทฺธํเสตีติ อโตฺถฯ ญาตีนํ พฺยสนํ ญาติพฺยสนํ, โจรโรคภยาทีหิ ญาติกฺขโย ญาติวินาโสติ อโตฺถฯ เตน ญาติพฺยสเนนฯ ผุฎฺฐสฺสาติ อโชฺฌตฺถฎสฺส อภิภูตสฺส, สมนฺนาคตสฺสาติ อโตฺถฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – โภคานํ พฺยสนํ โภคพฺยสนํ, ราชโจราทิวเสน โภคกฺขโย โภควินาโสติ อโตฺถฯ โรโคเยว พฺยสนํ โรคพฺยสนํฯ โรโค หิ อาโรคฺยํ วิยสติ วินาเสตีติ พฺยสนํฯ สีลสฺส พฺยสนํ สีลพฺยสนํฯ ทุสฺสีลฺยเสฺสตํ นามํฯ สมฺมาทิฎฺฐิํ วินาสยมานา อุปฺปนฺนา ทิฎฺฐิ เอว พฺยสนํ ทิฎฺฐิพฺยสนํฯ เอตฺถ จ ปุริมานิ เทฺว อนิปฺผนฺนานิ, ปจฺฉิมานิ ตีณิ นิปฺผนฺนานิ ติลกฺขณพฺภาหตานิฯ ปุริมานิ จ ตีณิ เนว กุสลานิ น อกุสลานิ, สีลทิฎฺฐิพฺยสนทฺวยํ อกุสลํฯ
Sokaniddese viyasatīti byasanaṃ, hitasukhaṃ khipati viddhaṃsetīti attho. Ñātīnaṃ byasanaṃ ñātibyasanaṃ, corarogabhayādīhi ñātikkhayo ñātivināsoti attho. Tena ñātibyasanena. Phuṭṭhassāti ajjhotthaṭassa abhibhūtassa, samannāgatassāti attho. Sesesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – bhogānaṃ byasanaṃ bhogabyasanaṃ, rājacorādivasena bhogakkhayo bhogavināsoti attho. Rogoyeva byasanaṃ rogabyasanaṃ. Rogo hi ārogyaṃ viyasati vināsetīti byasanaṃ. Sīlassa byasanaṃ sīlabyasanaṃ. Dussīlyassetaṃ nāmaṃ. Sammādiṭṭhiṃ vināsayamānā uppannā diṭṭhi eva byasanaṃ diṭṭhibyasanaṃ. Ettha ca purimāni dve anipphannāni, pacchimāni tīṇi nipphannāni tilakkhaṇabbhāhatāni. Purimāni ca tīṇi neva kusalāni na akusalāni, sīladiṭṭhibyasanadvayaṃ akusalaṃ.
อญฺญตรญฺญตเรนาติ คหิเตสุ วา เยน เกนจิ อคฺคหิเตสุ วา มิตฺตามจฺจพฺยสนาทีสุ เยน เกนจิฯ สมนฺนาคตสฺสาติ สมนุพนฺธสฺส อปริมุจฺจมานสฺสฯ อญฺญตรญฺญตเรน ทุกฺขธเมฺมนาติ เยน เกนจิ โสกทุกฺขสฺส อุปฺปตฺติเหตุนาฯ โสโกติ โสจนกวเสน โสโกฯ อิทํ เตหิ การเณหิ อุปฺปชฺชนกโสกสฺส สภาวปจฺจตฺตํฯ โสจนาติ โสจนากาโรฯ โสจิตตฺตนฺติ โสจิตภาโวฯ อโนฺตโสโกติ อพฺภนฺตรโสโกฯ ทุติยปทํ อุปสเคฺคน วฑฺฒิตํฯ โส หิ อพฺภนฺตรํ สุกฺขาเปโนฺต วิย ปริสุกฺขาเปโนฺต วิย อุปฺปชฺชตีติ ‘‘อโนฺตโสโก อโนฺตปริโสโก’’ติ วุจฺจติฯ เจตโส ปริชฺฌายนาติ จิตฺตสฺส ปริชฺฌายนากาโรฯ โสโก หิ อุปฺปชฺชมาโน อคฺคิ วิย จิตฺตํ ฌาเปติ ทหติ, ‘‘จิตฺตํ เม ฌามํ, น เม กิญฺจิ ปฎิภาตี’’ติ วทาเปติฯ ทุกฺขิโต มโน ทุมฺมโน, ตสฺส ภาโว โทมนสฺสํฯ อนุปวิฎฺฐเฎฺฐน โสโกว สลฺลนฺติ โสกสลฺลํฯ
Aññataraññatarenāti gahitesu vā yena kenaci aggahitesu vā mittāmaccabyasanādīsu yena kenaci. Samannāgatassāti samanubandhassa aparimuccamānassa. Aññataraññatarena dukkhadhammenāti yena kenaci sokadukkhassa uppattihetunā. Sokoti socanakavasena soko. Idaṃ tehi kāraṇehi uppajjanakasokassa sabhāvapaccattaṃ. Socanāti socanākāro. Socitattanti socitabhāvo. Antosokoti abbhantarasoko. Dutiyapadaṃ upasaggena vaḍḍhitaṃ. So hi abbhantaraṃ sukkhāpento viya parisukkhāpento viya uppajjatīti ‘‘antosoko antoparisoko’’ti vuccati. Cetaso parijjhāyanāti cittassa parijjhāyanākāro. Soko hi uppajjamāno aggi viya cittaṃ jhāpeti dahati, ‘‘cittaṃ me jhāmaṃ, na me kiñci paṭibhātī’’ti vadāpeti. Dukkhito mano dummano, tassa bhāvo domanassaṃ. Anupaviṭṭhaṭṭhena sokova sallanti sokasallaṃ.
ปริเทวนิเทฺทเส ‘‘มยฺหํ ธีตา, มยฺหํ ปุโตฺต’’ติ เอวํ อาทิสฺส อาทิสฺส เทวนฺติ โรทนฺติ เอเตนาติ อาเทโวฯ ตํ ตํ วณฺณํ ปริกิเตฺตตฺวา ปริกิเตฺตตฺวา เทวนฺติ เอเตนาติ ปริเทโวฯ ตโต ปรานิ เทฺว เทฺว ปทานิ ปุริมทฺวยเสฺสว อาการภาวนิเทฺทสวเสน วุตฺตานิฯ วาจาติ วจนํฯ ปลาโปติ ตุจฺฉํ นิรตฺถกวจนํฯ อุปฑฺฒภณิตอญฺญภณิตาทิวเสน วิรูโป ปลาโปติ วิปฺปลาโปฯ ลาลโปฺปติ ปุนปฺปุนํ ลปนํฯ ลาลปฺปนากาโร ลาลปฺปนาฯ ลาลปฺปิตสฺส ภาโว ลาลปฺปิตตฺตํฯ
Paridevaniddese ‘‘mayhaṃ dhītā, mayhaṃ putto’’ti evaṃ ādissa ādissa devanti rodanti etenāti ādevo. Taṃ taṃ vaṇṇaṃ parikittetvā parikittetvā devanti etenāti paridevo. Tato parāni dve dve padāni purimadvayasseva ākārabhāvaniddesavasena vuttāni. Vācāti vacanaṃ. Palāpoti tucchaṃ niratthakavacanaṃ. Upaḍḍhabhaṇitaaññabhaṇitādivasena virūpo palāpoti vippalāpo. Lālappoti punappunaṃ lapanaṃ. Lālappanākāro lālappanā. Lālappitassa bhāvo lālappitattaṃ.
ทุกฺขนิเทฺทเส กายนิสฺสิตตฺตา กายิกํฯ อมธุรเฎฺฐน อสาตํฯ กายิกปเทน เจตสิกอสาตํ ปฎิกฺขิปติ, อสาตปเทน กายิกสาตํฯ ตเทว ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ, ยสฺสุปฺปชฺชติ, ตํ ทุกฺขิตํ กโรตีติ อโตฺถฯ ทุกฺขมตฺตา วา ทุกฺขํฯ กายสมฺผสฺสชนฺติ กายสมฺผเสฺส ชาตํฯ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตนฺติ อสาตํ เวทยิตํ น สาตํ, ทุกฺขํ เวทยิตํ น สุขํฯ ปรโต ตีณิ ปทานิ อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตานิฯ อสาตา เวทนา น สาตา, ทุกฺขา เวทนา น สุขาติ อยเมว ปเนตฺถ อโตฺถฯ ยํ กายิกํ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตํ, ยา กายสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา, อิทํ วุจฺจติ ทุกฺขนฺติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Dukkhaniddese kāyanissitattā kāyikaṃ. Amadhuraṭṭhena asātaṃ. Kāyikapadena cetasikaasātaṃ paṭikkhipati, asātapadena kāyikasātaṃ. Tadeva dukkhayatīti dukkhaṃ, yassuppajjati, taṃ dukkhitaṃ karotīti attho. Dukkhamattā vā dukkhaṃ. Kāyasamphassajanti kāyasamphasse jātaṃ. Asātaṃ dukkhaṃ vedayitanti asātaṃ vedayitaṃ na sātaṃ, dukkhaṃ vedayitaṃ na sukhaṃ. Parato tīṇi padāni itthiliṅgavasena vuttāni. Asātā vedanā na sātā, dukkhā vedanā na sukhāti ayameva panettha attho. Yaṃ kāyikaṃ asātaṃ dukkhaṃ vedayitaṃ, yā kāyasamphassajā asātā dukkhā vedanā, idaṃ vuccati dukkhanti evaṃ yojanā veditabbā.
โทมนสฺสนิเทฺทเส ทุฎฺฐุ มโนติ ทุมฺมโน, หีนเวทนตฺตา วา กุจฺฉิตํ มโนติ ทุมฺมโน, ทุมฺมนสฺส ภาโว โทมนสฺสํฯ จิตฺตนิสฺสิตตฺตา เจตสิกํฯ เจโตสมฺผสฺสชนฺติ จิตฺตสมฺผเสฺส ชาตํฯ
Domanassaniddese duṭṭhu manoti dummano, hīnavedanattā vā kucchitaṃ manoti dummano, dummanassa bhāvo domanassaṃ. Cittanissitattā cetasikaṃ. Cetosamphassajanti cittasamphasse jātaṃ.
อุปายาสนิเทฺทเส อายาสนเฎฺฐน อายาโสฯ สํสีทนวิสีทนาการปฺปวตฺตสฺส จิตฺตกิลมถเสฺสตํ นามํฯ พลวอายาโส อุปายาโสฯ อายาสิตภาโว อายาสิตตฺตํฯ อุปายาสิตภาโว อุปายาสิตตฺตํฯ
Upāyāsaniddese āyāsanaṭṭhena āyāso. Saṃsīdanavisīdanākārappavattassa cittakilamathassetaṃ nāmaṃ. Balavaāyāso upāyāso. Āyāsitabhāvo āyāsitattaṃ. Upāyāsitabhāvo upāyāsitattaṃ.
อปฺปิยสมฺปโยคนิเทฺทเส อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ ยสฺสาติ เย อสฺสฯ อนิฎฺฐาติ อปริเยสิตาฯ ปริเยสิตา วา โหนฺตุ อปริเยสิตา วา, นามเมเวตํ อมนาปารมฺมณานํฯ มนสฺมิํ น กมนฺติ น ปวิสนฺตีติ อกนฺตาฯ มนสฺมิํ น อปฺปิยนฺติ, น วา มนํ วเฑฺฒนฺตีติ อมนาปาฯ รูปาติอาทิ เตสํ สภาวนิทสฺสนํฯ อนตฺถํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อนตฺถกามาฯ อหิตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อหิตกามาฯ อผาสุํ ทุกฺขวิหารํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อผาสุกามาฯ จตูหิ โยเคหิ เขมํ นิพฺภยํ วิวฎฺฎํ น กาเมนฺติ, สภยํ วฎฺฎเมว เนสํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อโยคเกฺขมกามาฯ อปิจ สทฺธาทีนํ วุทฺธิสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส อกามนโต, เตสํเยว หานิสงฺขาตสฺส อนตฺถสฺส จ กามนโต อนตฺถกามาฯ สทฺธาทีนํเยว อุปายภูตสฺส หิตสฺส อกามนโต, สทฺธาหานิอาทีนํ อุปายภูตสฺส อหิตสฺส จ กามนโต อหิตกามาฯ ผาสุวิหารสฺส อกามนโต, อผาสุวิหารสฺส จ กามนโต อผาสุกามาฯ ยสฺส กสฺสจิ นิพฺภยสฺส อกามนโต, ภยสฺส จ กามนโต อโยคเกฺขมกามาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Appiyasampayoganiddese idhāti imasmiṃ loke. Yassāti ye assa. Aniṭṭhāti apariyesitā. Pariyesitā vā hontu apariyesitā vā, nāmamevetaṃ amanāpārammaṇānaṃ. Manasmiṃ na kamanti na pavisantīti akantā. Manasmiṃ na appiyanti, na vā manaṃ vaḍḍhentīti amanāpā. Rūpātiādi tesaṃ sabhāvanidassanaṃ. Anatthaṃ kāmenti icchantīti anatthakāmā. Ahitaṃ kāmenti icchantīti ahitakāmā. Aphāsuṃ dukkhavihāraṃ kāmenti icchantīti aphāsukāmā. Catūhi yogehi khemaṃ nibbhayaṃ vivaṭṭaṃ na kāmenti, sabhayaṃ vaṭṭameva nesaṃ kāmenti icchantīti ayogakkhemakāmā. Apica saddhādīnaṃ vuddhisaṅkhātassa atthassa akāmanato, tesaṃyeva hānisaṅkhātassa anatthassa ca kāmanato anatthakāmā. Saddhādīnaṃyeva upāyabhūtassa hitassa akāmanato, saddhāhāniādīnaṃ upāyabhūtassa ahitassa ca kāmanato ahitakāmā. Phāsuvihārassa akāmanato, aphāsuvihārassa ca kāmanato aphāsukāmā. Yassa kassaci nibbhayassa akāmanato, bhayassa ca kāmanato ayogakkhemakāmāti evamettha attho daṭṭhabbo.
สงฺคตีติ คนฺตฺวา สํโยโคฯ สมาคโมติ อาคเตหิ สํโยโคฯ สโมธานนฺติ ฐานนิสชฺชาทีสุ สหภาโวฯ มิสฺสีภาโวติ สพฺพกิจฺจานํ สหกรณํฯ อยํ สตฺตวเสน โยชนาฯ สงฺขารวเสน ปน ยํ ลพฺภติ, ตํ คเหตพฺพํฯ โส ปน อปฺปิยสมฺปโยโค อตฺถโต เอโก ธโมฺม นาม นตฺถิ, เกวลํ อปฺปิยสมฺปยุตฺตานํ ทุวิธสฺสาปิ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุโกฺขติ วุโตฺตฯ
Saṅgatīti gantvā saṃyogo. Samāgamoti āgatehi saṃyogo. Samodhānanti ṭhānanisajjādīsu sahabhāvo. Missībhāvoti sabbakiccānaṃ sahakaraṇaṃ. Ayaṃ sattavasena yojanā. Saṅkhāravasena pana yaṃ labbhati, taṃ gahetabbaṃ. So pana appiyasampayogo atthato eko dhammo nāma natthi, kevalaṃ appiyasampayuttānaṃ duvidhassāpi dukkhassa vatthubhāvato dukkhoti vutto.
ปิยวิปฺปโยคนิเทฺทโส วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตโพฺพฯ มาตา วาติอาทิ ปเนตฺถ อตฺถกาเม สรูเปน ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ มมายตีติ มาตา, ปิยายตีติ ปิตาฯ ภชตีติ ภาตา, ตถา ภคินีฯ เมตฺตายนฺตีติ มิตฺตา, มินนฺติ วา สพฺพคุเยฺหสุ อโนฺต ปกฺขิปนฺตีติ มิตฺตาฯ กิจฺจกรณีเยสุ สหภาวเฎฺฐน อมา โหนฺตีติ อมจฺจาฯ ‘‘อยํ อมฺหากํ อชฺฌตฺติโก’’ติ เอวํ ชานนฺติ, ญายนฺตีติ วา ญาตีฯ โลหิเตน สมฺพนฺธาติ สาโลหิตาฯ ปิตุปกฺขิกา ญาตี, มาตุปกฺขิกา สาโลหิตาฯ มาตาปิตุปกฺขิกา วา ญาตี, สสฺสุสสุรปกฺขิกา สาโลหิตาฯ อยมฺปิ ปิยวิปฺปโยโค อตฺถโต เอโก ธโมฺม นาม นตฺถิ, เกวลํ ปิยวิปฺปยุตฺตานํ ทุวิธสฺสาปิ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุโกฺขติ วุโตฺตฯ อิทเมตฺถ สพฺพอฎฺฐกถาวจนํฯ สจฺจานํ ปน ตถลกฺขณตฺตา สมฺปโยควิปฺปโยควจเนหิ อปฺปิยปิยวตฺถูนิเยว วิเสสิตานีติ วตฺตุํ ยุชฺชตีติฯ
Piyavippayoganiddeso vuttapaṭipakkhanayena veditabbo. Mātā vātiādi panettha atthakāme sarūpena dassetuṃ vuttaṃ. Tattha mamāyatīti mātā, piyāyatīti pitā. Bhajatīti bhātā, tathā bhaginī. Mettāyantīti mittā, minanti vā sabbaguyhesu anto pakkhipantīti mittā. Kiccakaraṇīyesu sahabhāvaṭṭhena amā hontīti amaccā. ‘‘Ayaṃ amhākaṃ ajjhattiko’’ti evaṃ jānanti, ñāyantīti vā ñātī. Lohitena sambandhāti sālohitā. Pitupakkhikā ñātī, mātupakkhikā sālohitā. Mātāpitupakkhikā vā ñātī, sassusasurapakkhikā sālohitā. Ayampi piyavippayogo atthato eko dhammo nāma natthi, kevalaṃ piyavippayuttānaṃ duvidhassāpi dukkhassa vatthubhāvato dukkhoti vutto. Idamettha sabbaaṭṭhakathāvacanaṃ. Saccānaṃ pana tathalakkhaṇattā sampayogavippayogavacanehi appiyapiyavatthūniyeva visesitānīti vattuṃ yujjatīti.
อิจฺฉิตาลาภนิเทฺทเส ชาติธมฺมานนฺติ ชาติสภาวานํ ชาติปกติกานํฯ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ ตณฺหา อุปฺปชฺชติฯ อโห วตาติ ปตฺถนาฯ อสฺสามาติ ภเวยฺยามฯ น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพนฺติ ยํ เอตํ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน ชาติ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ เอวํ ปหีนสมุทเยสุ สาธูสุ วิชฺชมานํ อชาติธมฺมตฺตํ ปรินิพฺพุเตสุ จ วิชฺชมานํ ชาติยา อนาคมนํ อิจฺฉิตํ, ตํ อิจฺฉนฺตสฺสาปิ มคฺคภาวนาย วินา อปฺปตฺตพฺพโต, อนิจฺฉนฺตสฺสาปิ จ ภาวนาย ปตฺตพฺพโต น อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ นาม โหติฯ อิทมฺปีติ เอตมฺปิฯ อุปริ เสสานิ อุปาทาย อปิสโทฺทฯ
Icchitālābhaniddese jātidhammānanti jātisabhāvānaṃ jātipakatikānaṃ. Icchā uppajjatīti taṇhā uppajjati. Aho vatāti patthanā. Assāmāti bhaveyyāma. Na kho panetaṃ icchāya pattabbanti yaṃ etaṃ ‘‘aho vata mayaṃ na jātidhammā assāma, na ca vata no jāti āgaccheyyā’’ti evaṃ pahīnasamudayesu sādhūsu vijjamānaṃ ajātidhammattaṃ parinibbutesu ca vijjamānaṃ jātiyā anāgamanaṃ icchitaṃ, taṃ icchantassāpi maggabhāvanāya vinā appattabbato, anicchantassāpi ca bhāvanāya pattabbato na icchāya pattabbaṃ nāma hoti. Idampīti etampi. Upari sesāni upādāya apisaddo.
อุปาทานกฺขนฺธนิเทฺทเส เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เต กตเม อิติ เจติ อโตฺถฯ รูปเมว อุปาทานกฺขโนฺธติ รูปุปาทานกฺขโนฺธฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ
Upādānakkhandhaniddese seyyathidanti nipāto, tassa te katame iti ceti attho. Rūpameva upādānakkhandhoti rūpupādānakkhandho. Eseva nayo sesesupi.
ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dukkhasaccaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso