Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๓๘. ทูสนนิเทฺทสวณฺณนา

    38. Dūsananiddesavaṇṇanā

    ๒๙๗. ททโตติ สสนฺตกํ ปรสนฺตกญฺจ เทนฺตสฺสฯ กุลทูสนทุกฺกฎนฺติ อตฺตโน ทุปฺปฎิปตฺติยา กุลานํ ทูสนํ ปสาทวินาสนํ กุลทูสนํ, เตน ทุกฺกฎํ กุลทูสนทุกฺกฎํฯ

    297.Dadatoti sasantakaṃ parasantakañca dentassa. Kuladūsanadukkaṭanti attano duppaṭipattiyā kulānaṃ dūsanaṃ pasādavināsanaṃ kuladūsanaṃ, tena dukkaṭaṃ kuladūsanadukkaṭaṃ.

    ๒๙๘. เอตฺถ สงฺฆิกํ ครุภณฺฑํ อิสฺสเรน เทนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาติ เอเตสํ ปุปฺผาทีนํ มเชฺฌฯ อิสฺสเรนาติ ตทฺธิตโลเปน วุตฺตํ, อิสฺสริเยน อิสฺสรวตายาติ อโตฺถฯ เทนฺตสฺสาติ กุลสงฺคหตฺถาย อิสฺสรวตาย ททโตฯ ถุลฺลจฺจยนฺติ กุลสงฺคหตฺถาย ททโต ‘‘กุลทูสนทุกฺกฎ’’นฺติ สามญฺญวิหิตทุกฺกเฎน สทฺธิํ ‘‘ปญฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อวิสฺสชฺชิยานิ, น วิสฺสเชฺชตพฺพานิ สเงฺฆน วา คเณน วา ปุคฺคเลน วา, วิสฺสชฺชิตานิปิ อวิสฺสชฺชิตานิ โหนฺติฯ โย วิสฺสเชฺชยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๒๑) เอวํ วุตฺตถุลฺลจฺจยนฺติ อโตฺถฯ อญฺญตฺถ ถุลฺลจฺจยเมวฯ เสนาสนตฺถาย นิยมิเตปิ เอเสว นโยฯ สงฺฆสฺส สนฺตกํ เถยฺยา เทนฺตสฺส ทุกฺกฎาทีนีติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เทนฺตสฺสาติ วุตฺตนยเมวฯ ทุกฺกฎาทีนีติ กุลสงฺคหตฺถาย ททโต กุลทูสนทุกฺกเฎน สทฺธิํ มาสเก วา อูนมาสเก วา ทุกฺกฎํ , อติเรกมาสเก วา อูนปญฺจมาสเก วา ถุลฺลจฺจยํ, ปญฺจมาสเก วา อติเรกปญฺจมาสเก วา ปาราชิกนฺติ เอวํ ทุกฺกฎาทีนิ โหนฺตีติ อโตฺถฯ อญฺญตฺถ ทุกฺกฎาทีเนวฯ

    298. Ettha saṅghikaṃ garubhaṇḍaṃ issarena dentassa thullaccayanti sambandho. Etthāti etesaṃ pupphādīnaṃ majjhe. Issarenāti taddhitalopena vuttaṃ, issariyena issaravatāyāti attho. Dentassāti kulasaṅgahatthāya issaravatāya dadato. Thullaccayanti kulasaṅgahatthāya dadato ‘‘kuladūsanadukkaṭa’’nti sāmaññavihitadukkaṭena saddhiṃ ‘‘pañcimāni, bhikkhave, avissajjiyāni, na vissajjetabbāni saṅghena vā gaṇena vā puggalena vā, vissajjitānipi avissajjitāni honti. Yo vissajjeyya, āpatti thullaccayassā’’ti (cūḷava. 321) evaṃ vuttathullaccayanti attho. Aññattha thullaccayameva. Senāsanatthāya niyamitepi eseva nayo. Saṅghassa santakaṃ theyyā dentassa dukkaṭādīnīti sambandhitabbaṃ. Dentassāti vuttanayameva. Dukkaṭādīnīti kulasaṅgahatthāya dadato kuladūsanadukkaṭena saddhiṃ māsake vā ūnamāsake vā dukkaṭaṃ , atirekamāsake vā ūnapañcamāsake vā thullaccayaṃ, pañcamāsake vā atirekapañcamāsake vā pārājikanti evaṃ dukkaṭādīni hontīti attho. Aññattha dukkaṭādīneva.

    ๒๙๙-๓๐๐. กุลสงฺคหตฺถํ ผลปุปฺผูปคํ รุกฺขํ สพฺพถา โรเปตุญฺจ โรปาเปตุญฺจ ชคฺคิตุญฺจ น วฎฺฎตีติ สมฺพนฺธนียํฯ -สโทฺท โอจินิตุํ โอจินาเปตุํ, คนฺถิตุํ คนฺถาเปตุนฺติ จ อวุตฺตานิ จ สมุจฺจิโนติฯ ผลปุปฺผานิ สมฺปาทนวเสน อุปคจฺฉตีติ ผลปุปฺผูปคํฯ สพฺพถาติ กปฺปิยโวหารอกปฺปิยโวหารปริยายโอภาสนิมิตฺตกมฺมวเสน สพฺพปฺปกาเรเนวฯ ตตฺถ กปฺปิยโวหาโร นาม ‘‘อิมํ รุกฺขํ ชาน, อิมํ อาวาฎํ ชาน, อิมํ มาลาวจฺฉํ ชาน, เอตฺถ อุทกํ ชานา’’ติ วจนํ, สุกฺขมาติกาย อุชุกรณญฺจฯ ตพฺพิปริยาเยน อกปฺปิยโวหาโร นามฯ ปริยาโย นาม ‘‘ปณฺฑิเตน มาลาวจฺฉาทโย โรปาเปตพฺพา, น จิรเสฺสว อุปการาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิวจนํฯ โอภาโส นาม กุทฺทาลขณิตฺตาทีนิ จ มาลาวเจฺฉ จ คเหตฺวา ฐานํฯ นิมิตฺตกมฺมํ นาม กุทฺทาลอุทกภาชนาทีนํ อาหริตฺวา สมีเป ฐปนํฯ ชคฺคิตุนฺติ วทนฺติ อุทกเสจนาทีนิ กตฺวาฯ คนฺถนคนฺถาปเนสุ ปน สพฺพาปิ ฉ ปุปฺผวิกติโย เวทิตพฺพา คนฺถิมํ โคปฺผิมํ เวธิมํ เวฐิมํ ปูริมํ วายิมนฺติฯ นามวเสเนว ปเนเตสํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ ตํ ปน กุลสงฺคหโต อญฺญตฺราปิ ภิกฺขุสฺส กาตุมฺปิ อกปฺปิยวจเนน การาเปตุมฺปิ น วฎฺฎติฯ ‘‘เอวํ ชาน, เอวํ กเต โสเภยฺย, ยถา เอตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ, ตถา กโรหี’’ติอาทินา ปน กปฺปิยวจเนน การาเปตุํ วินา กุลสงฺคหํ วฎฺฎติฯ โรปนาทีนีติ อกปฺปิยปถวิยํ โรปาปนสิญฺจาปนาทีนิ, อญฺญตฺถ โรปนาทีนิฯ

    299-300. Kulasaṅgahatthaṃ phalapupphūpagaṃ rukkhaṃ sabbathā ropetuñca ropāpetuñca jaggituñca na vaṭṭatīti sambandhanīyaṃ. Ca-saddo ocinituṃ ocināpetuṃ, ganthituṃ ganthāpetunti ca avuttāni ca samuccinoti. Phalapupphāni sampādanavasena upagacchatīti phalapupphūpagaṃ. Sabbathāti kappiyavohāraakappiyavohārapariyāyaobhāsanimittakammavasena sabbappakāreneva. Tattha kappiyavohāro nāma ‘‘imaṃ rukkhaṃ jāna, imaṃ āvāṭaṃ jāna, imaṃ mālāvacchaṃ jāna, ettha udakaṃ jānā’’ti vacanaṃ, sukkhamātikāya ujukaraṇañca. Tabbipariyāyena akappiyavohāro nāma. Pariyāyo nāma ‘‘paṇḍitena mālāvacchādayo ropāpetabbā, na cirasseva upakārāya saṃvattantī’’tiādivacanaṃ. Obhāso nāma kuddālakhaṇittādīni ca mālāvacche ca gahetvā ṭhānaṃ. Nimittakammaṃ nāma kuddālaudakabhājanādīnaṃ āharitvā samīpe ṭhapanaṃ. Jaggitunti vadanti udakasecanādīni katvā. Ganthanaganthāpanesu pana sabbāpi cha pupphavikatiyo veditabbā ganthimaṃ gopphimaṃ vedhimaṃ veṭhimaṃ pūrimaṃ vāyimanti. Nāmavaseneva panetesaṃ viseso veditabbo. Taṃ pana kulasaṅgahato aññatrāpi bhikkhussa kātumpi akappiyavacanena kārāpetumpi na vaṭṭati. ‘‘Evaṃ jāna, evaṃ kate sobheyya, yathā etāni pupphāni na vikiriyanti, tathā karohī’’tiādinā pana kappiyavacanena kārāpetuṃ vinā kulasaṅgahaṃ vaṭṭati. Ropanādīnīti akappiyapathaviyaṃ ropāpanasiñcāpanādīni, aññattha ropanādīni.

    ๓๐๑-๒. อิทานิ ปุปฺผทานาทีสุ อฎฺฐสุ กุลสงฺคหวตฺถูสุ อวเสสานิ เทฺว ทเสฺสตุํ ‘‘วุตฺตาวา’’ติอาทิมาหฯ วุตฺตาว มิจฺฉาชีววิวชฺชนายํ วุตฺตา เอวฯ ชงฺฆเปสเน วินิจฺฉโย วุจฺจตีติ ปาฐเสโสฯ ปิตโร ภณฺฑุํ สกํ เวยฺยาวจฺจกรํ ฐเปตฺวา คิหิกเมฺมสุ ทูตสาสนํ หรเณ ปทวาเรน ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ สหธมฺมิเกสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปิตาทโยว วุตฺตาฯ คิหิกมฺมสูติ วิสยสตฺตมีฯ ปทวาเรนาติ ปทกฺกเมน, ปเท ปเทติ อธิปฺปาโยฯ ปฐมํ สาสนํ อคฺคเหตฺวาปิ ปุน วทโต ทุกฺกฎนฺติ โยเชตพฺพํฯ ปุนาติ ปจฺฉาฯ ‘‘อยํ ทานิ โส คาโม, หนฺท นํ สาสนํ อาโรเจมี’’ติ มคฺคา โอกฺกมนฺตสฺส จ ปเท ปเท วทโต จ ทุกฺกฎนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺส ปน สาสนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา สยเมว การุเญฺญ ฐิเตน คนฺตฺวา อตฺตโน ปติรูปํ สาสนํ อาโรเจตุํ, ‘‘มม วจเนน ภควโต ปาเท วนฺทถา’’ติอาทิกํ คิหีนํ กปฺปิยสาสนํ หริตุญฺจ วฎฺฎติฯ

    301-2. Idāni pupphadānādīsu aṭṭhasu kulasaṅgahavatthūsu avasesāni dve dassetuṃ ‘‘vuttāvā’’tiādimāha. Vuttāva micchājīvavivajjanāyaṃ vuttā eva. Jaṅghapesane vinicchayo vuccatīti pāṭhaseso. Pitaro bhaṇḍuṃ sakaṃ veyyāvaccakaraṃ ṭhapetvā gihikammesu dūtasāsanaṃ haraṇe padavārena dukkaṭanti sambandho. Sahadhammikesu vattabbameva natthīti pitādayova vuttā. Gihikammasūti visayasattamī. Padavārenāti padakkamena, pade padeti adhippāyo. Paṭhamaṃ sāsanaṃ aggahetvāpi puna vadato dukkaṭanti yojetabbaṃ. Punāti pacchā. ‘‘Ayaṃ dāni so gāmo, handa naṃ sāsanaṃ ārocemī’’ti maggā okkamantassa ca pade pade vadato ca dukkaṭanti adhippāyo. Tassa pana sāsanaṃ paṭikkhipitvā sayameva kāruññe ṭhitena gantvā attano patirūpaṃ sāsanaṃ ārocetuṃ, ‘‘mama vacanena bhagavato pāde vandathā’’tiādikaṃ gihīnaṃ kappiyasāsanaṃ harituñca vaṭṭati.

    ๓๐๓. อภูตาโรจนรูปิยสํโวหารุคฺคหาทิสาติ อภูตาโรจนาย รูปิยสํโวหาเร จ อุคฺคเห อุปฺปนฺนปจฺจเย อาทิสนฺติ กเถนฺติ ปกาเสนฺตีติ อภูตา…เป.… หาทิสา, ตํสทิสาติ วุตฺตํ โหติฯ

    303.Abhūtārocanarūpiyasaṃvohāruggahādisāti abhūtārocanāya rūpiyasaṃvohāre ca uggahe uppannapaccaye ādisanti kathenti pakāsentīti abhūtā…pe… hādisā, taṃsadisāti vuttaṃ hoti.

    ๓๐๔. ปิตูนํ หราเปตฺวา หริตฺวาปิ ปุปฺผานิ วตฺถุปูชตฺถํ ทาตุํ, เสสญาตีนํ ปตฺตานํ วตฺถุปูชตฺถํ ทาตุนฺติ โยชนียํฯ ‘‘หราเปตฺวา หริตฺวา’’ติ วุเตฺต ‘‘ปโกฺกสิตฺวา ปโกฺกสาเปตฺวา วา’’ติ วุตฺตเมว สิยาติ น วุตฺตํฯ ปตฺตานนฺติ ปโกฺกสเกน ปตฺตาปิ คหิตาฯ วตฺถุปูชตฺถนฺติ รตนตฺตยปูชนตฺถํฯ อุปาสกานมฺปิ ปน สมฺปตฺตานํ วตฺถุปูชตฺถํ ทาตุํ วฎฺฎติเยวฯ ลิงฺคาทิปูชตฺถนฺติ สิวลิงฺคคิณฺฑุพิมฺพาทิปูชนตฺถํฯ

    304. Pitūnaṃ harāpetvā haritvāpi pupphāni vatthupūjatthaṃ dātuṃ, sesañātīnaṃ pattānaṃ vatthupūjatthaṃ dātunti yojanīyaṃ. ‘‘Harāpetvā haritvā’’ti vutte ‘‘pakkositvā pakkosāpetvā vā’’ti vuttameva siyāti na vuttaṃ. Pattānanti pakkosakena pattāpi gahitā. Vatthupūjatthanti ratanattayapūjanatthaṃ. Upāsakānampi pana sampattānaṃ vatthupūjatthaṃ dātuṃ vaṭṭatiyeva. Liṅgādipūjatthanti sivaliṅgagiṇḍubimbādipūjanatthaṃ.

    ๓๐๕. ตถา ผลนฺติ อิมินา ปุเปฺผ วุตฺตํ สพฺพํ อปทิสติฯ ปริพฺพยวิหีนานนฺติ ปริพฺพยํ ปาเถยฺยํ วิหีนํ นฎฺฐํ เยสํ อาคนฺตุกานนฺติ สมาโสฯ สปรนฺติ อตฺตโน วิสฺสาสิกาฯ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) ปน ‘‘อตฺตโน สนฺตกํเยวา’’ติ วจนํ ถุลฺลจฺจยาทิวิภาคโต โมเจตฺวา วุตฺตํฯ

    305.Tathā phalanti iminā pupphe vuttaṃ sabbaṃ apadisati. Paribbayavihīnānanti paribbayaṃ pātheyyaṃ vihīnaṃ naṭṭhaṃ yesaṃ āgantukānanti samāso. Saparanti attano vissāsikā. Aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.436-437) pana ‘‘attano santakaṃyevā’’ti vacanaṃ thullaccayādivibhāgato mocetvā vuttaṃ.

    ๓๐๖. สมฺมเตน เทยฺยนฺติ โยชนาฯ เทยฺยนฺติ จตุตฺถภาคํ ทาตพฺพํฯ อิตเรน ตุ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพนฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิตเรน ตุ อสมฺมเตน ปนฯ

    306. Sammatena deyyanti yojanā. Deyyanti catutthabhāgaṃ dātabbaṃ. Itarena tu apaloketvā dātabbanti sambandhitabbaṃ. Itarena tu asammatena pana.

    ๓๐๗. ปริจฺฉิชฺชาติ ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ ผลปริเจฺฉเทน วา ‘‘อิเมหิ รุเกฺขหิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ รุกฺขปริเจฺฉเทน วา ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ ตโตติ ปริจฺฉินฺนผลโต รุกฺขโต วาฯ ยาจมานสฺส คิลานเสฺสตรสฺส วาติ สมฺพนฺธนียํฯ รุกฺขาว ทสฺสิยาติ ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานิ, อิโต คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิโต คเหตุํ ลพฺภตี’’ติ รุกฺขา วา ทเสฺสตพฺพาฯ

    307.Paricchijjāti ‘‘ettakāni phalāni dātabbānī’’ti evaṃ phalaparicchedena vā ‘‘imehi rukkhehi dātabbānī’’ti evaṃ rukkhaparicchedena vā paricchinditvā. Tatoti paricchinnaphalato rukkhato vā. Yācamānassa gilānassetarassa vāti sambandhanīyaṃ. Rukkhāva dassiyāti ‘‘idha phalāni sundarāni, ito gaṇhathā’’ti avatvā ‘‘ito gahetuṃ labbhatī’’ti rukkhā vā dassetabbā.

    ๓๐๘. อิทานิ อฎฺฐสุ ปุปฺผาทีนํ จตุนฺนํ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา ยถาวุตฺตผลปุปฺผวินิจฺฉยํ อวเสเสสุ จตูสุ อปทิสโนฺต ‘‘สิรีสา’’ติอาทิมาหฯ สิรีสจุณฺณกสวาทิจุเณฺณติ กสาวํ ยํ กิญฺจิ อาทิ ยสฺส, ตเมว จุณฺณํ, สิรีสจุณฺณญฺจ กสาวาทิจุณฺณญฺจาติ สมาโสฯ ‘‘สิรีสจุณฺณํ วา อญฺญํ วา กสาว’’นฺติ หิ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) วุตฺตํฯ ‘‘กสาวาที’’ติ วตฺตเพฺพ รเสฺสน วุตฺตํฯ เสเสสูติ เวฬุอาทีสุ ตีสุฯ ปาฬิยา อวุตฺตสฺสาปิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘ปณฺณเมฺปตฺถ ปเวสเย’’ติฯ เอตฺถาติ ปุปฺผาทีสูติฯ

    308. Idāni aṭṭhasu pupphādīnaṃ catunnaṃ vinicchayaṃ dassetvā yathāvuttaphalapupphavinicchayaṃ avasesesu catūsu apadisanto ‘‘sirīsā’’tiādimāha. Sirīsacuṇṇakasavādicuṇṇeti kasāvaṃ yaṃ kiñci ādi yassa, tameva cuṇṇaṃ, sirīsacuṇṇañca kasāvādicuṇṇañcāti samāso. ‘‘Sirīsacuṇṇaṃ vā aññaṃ vā kasāva’’nti hi aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.436-437) vuttaṃ. ‘‘Kasāvādī’’ti vattabbe rassena vuttaṃ. Sesesūti veḷuādīsu tīsu. Pāḷiyā avuttassāpi aṭṭhakathāyaṃ vuttattā āha ‘‘paṇṇampettha pavesaye’’ti. Etthāti pupphādīsūti.

    ทูสนนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dūsananiddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact