Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๖๐] ๑๐. ทูตชาตกวณฺณนา
[260] 10. Dūtajātakavaṇṇanā
ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ นวกนิปาเต จกฺกวากชาตเก (ชา. ๑.๙.๖๙ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ อามเนฺตตฺวา ‘‘น โข, ภิกฺขุ, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตฺวํ โลโล, โลลฺยการเณเนว ปน อสินา สีสเจฺฉทนํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yassatthā dūramāyantīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ lolabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu navakanipāte cakkavākajātake (jā. 1.9.69 ādayo) āvibhavissati. Satthā pana taṃ bhikkhuṃ āmantetvā ‘‘na kho, bhikkhu, idāneva, pubbepi tvaṃ lolo, lolyakāraṇeneva pana asinā sīsacchedanaṃ labhī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโตฺต หุตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาย โภชนสุทฺธิโก อโหสิ, เตนสฺส โภชนสุทฺธิกราชาเตฺวว นามํ ชาตํฯ โส กิร ตถารูเปน วิธาเนน ภตฺตํ ภุญฺชติ, ยถาสฺส เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา สตสหสฺสํ วยํ คจฺฉติฯ ภุญฺชโนฺต ปน อโนฺตเคเห น ภุญฺชติ, อตฺตโน โภชนวิธานํ โอโลเกนฺตํ มหาชนํ ปุญฺญํ กาเรตุกามตาย ราชทฺวาเร รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา โภชนเวลาย ตํ อลงฺกราเปตฺวา กญฺจนมเย สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา ขตฺติยกญฺญาหิ ปริวุโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา สพฺพรสโภชนํ ภุญฺชติฯ อเถโก โลลปุริโส ตสฺส โภชนวิธานํ โอโลเกตฺวา ตํ โภชนํ ภุญฺชิตุกาโม หุตฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อเตฺถโก อุปาโย’’ติ คาฬฺหํ นิวาเสตฺวา หเตฺถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘โภ, อหํ ทูโต, ทูโต’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรโนฺต ราชานํ อุปสงฺกมิฯ เตน จ สมเยน ตสฺมิํ ชนปเท ‘‘ทูโตมฺหี’’ติ วทนฺตํ น วาเรนฺติ, ตสฺมา มหาชโน ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา โอกาสํ อทาสิฯ โส เวเคน คนฺตฺวา รโญฺญ ปาติยา เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ คเหตฺวา มุเข ปกฺขิปิ, อถสฺส ‘‘สีสํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสิคาโห อสิํ อพฺพาเหสิ, ราชา ‘‘มา ปหรี’’ติ นิวาเรสิ, ‘‘มา ภายิ, ภุญฺชสฺสู’’ติ หตฺถํ โธวิตฺวา นิสีทิฯ โภชนปริโยสาเน จสฺส อตฺตโน ปิวนปานียเญฺจว ตมฺพูลญฺจ ทาเปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ ‘ทูโตมฺหี’ติ วทสิ, กสฺส ทูโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มหาราช อหํ ตณฺหาทูโต, อุทรทูโต, ตณฺหา มํ อาณาเปตฺวา ‘ตฺวํ คจฺฉาหี’ติ ทูตํ กตฺวา เปเสสี’’ติ วตฺวา ปุริมา เทฺว คาถา อโวจ –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa putto hutvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā pitu accayena rajje patiṭṭhāya bhojanasuddhiko ahosi, tenassa bhojanasuddhikarājātveva nāmaṃ jātaṃ. So kira tathārūpena vidhānena bhattaṃ bhuñjati, yathāssa ekissā bhattapātiyā satasahassaṃ vayaṃ gacchati. Bhuñjanto pana antogehe na bhuñjati, attano bhojanavidhānaṃ olokentaṃ mahājanaṃ puññaṃ kāretukāmatāya rājadvāre ratanamaṇḍapaṃ kāretvā bhojanavelāya taṃ alaṅkarāpetvā kañcanamaye samussitasetacchatte rājapallaṅke nisīditvā khattiyakaññāhi parivuto satasahassagghanikāya suvaṇṇapātiyā sabbarasabhojanaṃ bhuñjati. Atheko lolapuriso tassa bhojanavidhānaṃ oloketvā taṃ bhojanaṃ bhuñjitukāmo hutvā pipāsaṃ sandhāretuṃ asakkonto ‘‘attheko upāyo’’ti gāḷhaṃ nivāsetvā hatthe ukkhipitvā ‘‘bho, ahaṃ dūto, dūto’’ti uccāsaddaṃ karonto rājānaṃ upasaṅkami. Tena ca samayena tasmiṃ janapade ‘‘dūtomhī’’ti vadantaṃ na vārenti, tasmā mahājano dvidhā bhijjitvā okāsaṃ adāsi. So vegena gantvā rañño pātiyā ekaṃ bhattapiṇḍaṃ gahetvā mukhe pakkhipi, athassa ‘‘sīsaṃ chindissāmī’’ti asigāho asiṃ abbāhesi, rājā ‘‘mā paharī’’ti nivāresi, ‘‘mā bhāyi, bhuñjassū’’ti hatthaṃ dhovitvā nisīdi. Bhojanapariyosāne cassa attano pivanapānīyañceva tambūlañca dāpetvā ‘‘bho purisa, tvaṃ ‘dūtomhī’ti vadasi, kassa dūtosī’’ti pucchi. ‘‘Mahārāja ahaṃ taṇhādūto, udaradūto, taṇhā maṃ āṇāpetvā ‘tvaṃ gacchāhī’ti dūtaṃ katvā pesesī’’ti vatvā purimā dve gāthā avoca –
๒๘.
28.
‘‘ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺติ, อมิตฺตมปิ ยาจิตุํ;
‘‘Yassatthā dūramāyanti, amittamapi yācituṃ;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภฯ
Tassūdarassahaṃ dūto, mā me kujjha rathesabha.
๒๙.
29.
‘‘ยสฺส ทิวา จ รโตฺต จ, วสมายนฺติ มาณวา;
‘‘Yassa divā ca ratto ca, vasamāyanti māṇavā;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภา’’ติฯ
Tassūdarassahaṃ dūto, mā me kujjha rathesabhā’’ti.
ตตฺถ ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ ยสฺส อตฺถาย อิเม สตฺตา ตณฺหาวสิกา หุตฺวา ทูรมฺปิ คจฺฉนฺติฯ รเถสภาติ รถโยธเชฎฺฐกฯ
Tattha yassatthā dūramāyantīti yassa atthāya ime sattā taṇhāvasikā hutvā dūrampi gacchanti. Rathesabhāti rathayodhajeṭṭhaka.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สจฺจเมตํ, อิเม สตฺตา อุทรทูตา ตณฺหาวเสน วิจรนฺติ, ตณฺหาว อิเม สเตฺต วิจาเรติ, ยาว มนาปํ วต อิมินา กถิต’’นฺติ ตสฺส ปุริสสฺส ตุสฺสิตฺวา ตติยํ คาถมาห –
Rājā tassa vacanaṃ sutvā ‘‘saccametaṃ, ime sattā udaradūtā taṇhāvasena vicaranti, taṇhāva ime satte vicāreti, yāva manāpaṃ vata iminā kathita’’nti tassa purisassa tussitvā tatiyaṃ gāthamāha –
๓๐.
30.
‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;
‘‘Dadāmi te brāhmaṇa rohiṇīnaṃ, gavaṃ sahassaṃ saha puṅgavena;
ทูโต หิ ทูตสฺส กถํ น ทชฺชํ, มยมฺปิ ตเสฺสว ภวาม ทูตา’’ติฯ
Dūto hi dūtassa kathaṃ na dajjaṃ, mayampi tasseva bhavāma dūtā’’ti.
ตตฺถ พฺราหฺมณาติ อาลปนมตฺตเมตํฯ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํฯ สห ปุงฺคเวนาติ ยูถปริณายเกน อุปทฺทวรกฺขเกน อุสเภน สทฺธิํฯ มยมฺปีติ อหญฺจ อวเสสา จ สเพฺพ สตฺตา ตเสฺสว อุทรสฺส ทูตา ภวาม, ตสฺมา อหํ อุทรทูโต สมาโน อุทรทูตสฺส ตุยฺหํ กสฺมา น ทชฺชนฺติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘อิมินา วต ปุริเสน อสฺสุตปุพฺพํ การณํ กถิต’’นฺติ ตุฎฺฐจิโตฺต ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิฯ
Tattha brāhmaṇāti ālapanamattametaṃ. Rohiṇīnanti rattavaṇṇānaṃ. Saha puṅgavenāti yūthapariṇāyakena upaddavarakkhakena usabhena saddhiṃ. Mayampīti ahañca avasesā ca sabbe sattā tasseva udarassa dūtā bhavāma, tasmā ahaṃ udaradūto samāno udaradūtassa tuyhaṃ kasmā na dajjanti. Evañca pana vatvā ‘‘iminā vata purisena assutapubbaṃ kāraṇaṃ kathita’’nti tuṭṭhacitto tassa mahantaṃ yasaṃ adāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส โลลภิกฺขุ สกทาคามิผเล ปติฎฺฐหิ, อเญฺญปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํฯ ‘‘ตทา โลลปุริโส เอตรหิ โลลภิกฺขุ อโหสิ, โภชนสุทฺธิกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so lolabhikkhu sakadāgāmiphale patiṭṭhahi, aññepi bahū sotāpannādayo ahesuṃ. ‘‘Tadā lolapuriso etarahi lolabhikkhu ahosi, bhojanasuddhikarājā pana ahameva ahosi’’nti.
ทูตชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Dūtajātakavaṇṇanā dasamā.
สงฺกปฺปวโคฺค ปฐโมฯ
Saṅkappavaggo paṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
สงฺกปฺป ติลมุฎฺฐิ จ, มณิ จ สินฺธวาสุกํ;
Saṅkappa tilamuṭṭhi ca, maṇi ca sindhavāsukaṃ;
ชรูทปานํ คามณิ, มนฺธาตา ติรีฎทูตนฺติฯ
Jarūdapānaṃ gāmaṇi, mandhātā tirīṭadūtanti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๐. ทูตชาตกํ • 260. Dūtajātakaṃ