Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๗๘] ๕. ทูตชาตกวณฺณนา

    [478] 5. Dūtajātakavaṇṇanā

    ทูเต เต พฺรเหฺม ปาเหสินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อตฺตโน ปญฺญาปสํสนํ อารพฺภ กเถสิฯ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘ปสฺสถ, อาวุโส, ทสพลสฺส อุปายโกสลฺลํ, นนฺทสฺส สกฺยปุตฺตสฺส อจฺฉราคณํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตํ อทาสิ, จูฬปนฺถกสฺส ปิโลติกํ ทตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, กมฺมารปุตฺตสฺส ปทุมํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตํ อทาสิ, เอวํ นานาอุปาเยหิ สเตฺต วิเนตี’’ติ ฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว ‘อิมินา อิทํ โหตี’ติ อุปายกุสโล, ปุเพฺพปิ อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Dūte te brahme pāhesinti idaṃ satthā jetavane viharanto attano paññāpasaṃsanaṃ ārabbha kathesi. Dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘passatha, āvuso, dasabalassa upāyakosallaṃ, nandassa sakyaputtassa accharāgaṇaṃ dassetvā arahattaṃ adāsi, cūḷapanthakassa pilotikaṃ datvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ adāsi, kammāraputtassa padumaṃ dassetvā arahattaṃ adāsi, evaṃ nānāupāyehi satte vinetī’’ti . Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, tathāgato idāneva ‘iminā idaṃ hotī’ti upāyakusalo, pubbepi upāyakusaloyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต ชนปโท อหิรโญฺญ อโหสิฯ โส หิ ชนปทํ ปีเฬตฺวา ธนเมว สํกฑฺฒิฯ ตทา โพธิสโตฺต กาสิคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ‘‘ปจฺฉา ธเมฺมน ภิกฺขํ จริตฺวา อาจริยธนํ อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา สิปฺปํ ปฎฺฐเปตฺวา นิฎฺฐิตสิโปฺป อนุโยคํ ทตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา นิกฺขมฺม ชนปเท จรโนฺต ธเมฺมน สเมน ปริเยสิตฺวา สตฺต นิเกฺข ลภิตฺวา ‘‘อาจริยสฺส ทสฺสามี’’ติ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค คงฺคํ โอตริตุํ นาวํ อภิรุหิฯ ตสฺส ตตฺถ นาวาย วิปริวตฺตมานาย ตํ สุวณฺณํ อุทเก ปติฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘ทุลฺลภํ หิรญฺญํ, ชนปเท ปุน อาจริยธเน ปริเยสิยมาเน ปปโญฺจ ภวิสฺสติ, ยํนูนาหํ คงฺคาตีเรเยว นิราหาโร นิสีเทยฺยํ, ตสฺส เม นิสินฺนภาวํ อนุปุเพฺพน ราชา ชานิสฺสติ, ตโต อมเจฺจ เปเสสฺสติ, อหํ เตหิ สทฺธิํ น มเนฺตสฺสามิ, ตโต ราชา สยํ อาคมิสฺสติ, อิมินา อุปาเยน ตสฺส สนฺติเก อาจริยธนํ ลภิสฺสามี’’ติฯ โส คงฺคาตีเร อุตฺตริสาฎกํ ปารุปิตฺวา ยญฺญสุตฺตํ พหิ ฐเปตฺวา รชตปฎฺฎวเณฺณ วาลุกตเล สุวณฺณปฎิมา วิย นิสีทิฯ ตํ นิราหารํ นิสินฺนํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘กสฺมา นิสิโนฺนสี’’ติ ปุจฺฉิ, กสฺสจิ น กเถสิฯ ปุนทิวเส ทฺวารคามวาสิโน ตสฺส ตตฺถ นิสินฺนภาวํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิํสุ, เตสมฺปิ น กเถสิฯ เต ตสฺส กิลมถํ ทิสฺวา ปริเทวนฺตา ปกฺกมิํสุฯ ตติยทิวเส นครวาสิโน อาคมิํสุ, จตุตฺถทิวเส นครโต อิสฺสรชนา, ปญฺจมทิวเส ราชปุริสาฯ ฉฎฺฐทิวเส ราชา อมเจฺจ เปเสสิ, เตหิปิ สทฺธิํ น กเถสิฯ สตฺตมทิวเส ราชา ภยฎฺฎิโต หุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente janapado ahirañño ahosi. So hi janapadaṃ pīḷetvā dhanameva saṃkaḍḍhi. Tadā bodhisatto kāsigāme brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilaṃ gantvā ‘‘pacchā dhammena bhikkhaṃ caritvā ācariyadhanaṃ āharissāmī’’ti vatvā sippaṃ paṭṭhapetvā niṭṭhitasippo anuyogaṃ datvā ‘‘ācariya, tumhākaṃ dhanaṃ āharissāmī’’ti āpucchitvā nikkhamma janapade caranto dhammena samena pariyesitvā satta nikkhe labhitvā ‘‘ācariyassa dassāmī’’ti gacchanto antarāmagge gaṅgaṃ otarituṃ nāvaṃ abhiruhi. Tassa tattha nāvāya viparivattamānāya taṃ suvaṇṇaṃ udake pati. So cintesi ‘‘dullabhaṃ hiraññaṃ, janapade puna ācariyadhane pariyesiyamāne papañco bhavissati, yaṃnūnāhaṃ gaṅgātīreyeva nirāhāro nisīdeyyaṃ, tassa me nisinnabhāvaṃ anupubbena rājā jānissati, tato amacce pesessati, ahaṃ tehi saddhiṃ na mantessāmi, tato rājā sayaṃ āgamissati, iminā upāyena tassa santike ācariyadhanaṃ labhissāmī’’ti. So gaṅgātīre uttarisāṭakaṃ pārupitvā yaññasuttaṃ bahi ṭhapetvā rajatapaṭṭavaṇṇe vālukatale suvaṇṇapaṭimā viya nisīdi. Taṃ nirāhāraṃ nisinnaṃ disvā mahājano ‘‘kasmā nisinnosī’’ti pucchi, kassaci na kathesi. Punadivase dvāragāmavāsino tassa tattha nisinnabhāvaṃ sutvā āgantvā pucchiṃsu, tesampi na kathesi. Te tassa kilamathaṃ disvā paridevantā pakkamiṃsu. Tatiyadivase nagaravāsino āgamiṃsu, catutthadivase nagarato issarajanā, pañcamadivase rājapurisā. Chaṭṭhadivase rājā amacce pesesi, tehipi saddhiṃ na kathesi. Sattamadivase rājā bhayaṭṭito hutvā tassa santikaṃ gantvā pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘ทูเต เต พฺรเหฺม ปาเหสิํ, คงฺคาตีรสฺมิ ฌายโต;

    ‘‘Dūte te brahme pāhesiṃ, gaṅgātīrasmi jhāyato;

    เตสํ ปุโฎฺฐ น พฺยากาสิ, ทุกฺขํ คุยฺหมตํ นุ เต’’ติฯ

    Tesaṃ puṭṭho na byākāsi, dukkhaṃ guyhamataṃ nu te’’ti.

    ตตฺถ ทุกฺขํ คุยฺหมตํ นุ เตติ กิํ นุ โข, พฺราหฺมณ, ยํ ตว ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ, ตํ เต คุยฺหเมว มตํ, น อญฺญสฺส อาจิกฺขิตพฺพนฺติฯ

    Tattha dukkhaṃ guyhamataṃ nu teti kiṃ nu kho, brāhmaṇa, yaṃ tava dukkhaṃ uppannaṃ, taṃ te guyhameva mataṃ, na aññassa ācikkhitabbanti.

    ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘มหาราช, ทุกฺขํ นาม หริตุํ สมตฺถเสฺสว อาจิกฺขิตพฺพํ, น อญฺญสฺสา’’ติ วตฺวา สตฺต คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘mahārāja, dukkhaṃ nāma harituṃ samatthasseva ācikkhitabbaṃ, na aññassā’’ti vatvā satta gāthā abhāsi –

    ๕๕.

    55.

    ‘‘สเจ เต ทุกฺขมุปฺปเชฺช, กาสีนํ รฎฺฐวฑฺฒน;

    ‘‘Sace te dukkhamuppajje, kāsīnaṃ raṭṭhavaḍḍhana;

    มา โข นํ ตสฺส อกฺขาหิ, โย ตํ ทุกฺขา น โมจเยฯ

    Mā kho naṃ tassa akkhāhi, yo taṃ dukkhā na mocaye.

    ๕๖.

    56.

    ‘‘โย ตสฺส ทุกฺขชาตสฺส, เอกงฺคมปิ ภาคโส;

    ‘‘Yo tassa dukkhajātassa, ekaṅgamapi bhāgaso;

    วิปฺปโมเจยฺย ธเมฺมน, กามํ ตสฺส ปเวทยฯ

    Vippamoceyya dhammena, kāmaṃ tassa pavedaya.

    ๕๗.

    57.

    ‘‘สุวิชานํ สิงฺคาลานํ, สกุณานญฺจ วสฺสิตํ;

    ‘‘Suvijānaṃ siṅgālānaṃ, sakuṇānañca vassitaṃ;

    มนุสฺสวสฺสิตํ ราช, ทุพฺพิชานตรํ ตโตฯ

    Manussavassitaṃ rāja, dubbijānataraṃ tato.

    ๕๘.

    58.

    ‘‘อปิ เจ มญฺญตี โปโส, ญาติ มิโตฺต สขาติ วา;

    ‘‘Api ce maññatī poso, ñāti mitto sakhāti vā;

    โย ปุเพฺพ สุมโน หุตฺวา, ปจฺฉา สมฺปชฺชเต ทิโสฯ

    Yo pubbe sumano hutvā, pacchā sampajjate diso.

    ๕๙.

    59.

    ‘‘โย อตฺตโน ทุกฺขมนานุปุโฎฺฐ, ปเวทเย ชนฺตุ อกาลรูเป;

    ‘‘Yo attano dukkhamanānupuṭṭho, pavedaye jantu akālarūpe;

    อานนฺทิโน ตสฺส ภวนฺติ มิตฺตา, หิเตสิโน ตสฺส ทุขี ภวนฺติฯ

    Ānandino tassa bhavanti mittā, hitesino tassa dukhī bhavanti.

    ๖๐.

    60.

    ‘‘กาลญฺจ ญตฺวาน ตถาวิธสฺส, เมธาวินํ เอกมนํ วิทิตฺวา;

    ‘‘Kālañca ñatvāna tathāvidhassa, medhāvinaṃ ekamanaṃ viditvā;

    อเกฺขยฺย ติพฺพานิ ปรสฺส ธีโร, สณฺหํ คิรํ อตฺถวติํ ปมุเญฺจฯ

    Akkheyya tibbāni parassa dhīro, saṇhaṃ giraṃ atthavatiṃ pamuñce.

    ๖๑.

    61.

    ‘‘สเจ จ ชญฺญา อวิสยฺหมตฺตโน, น เต หิ มยฺหํ สุขาคมาย;

    ‘‘Sace ca jaññā avisayhamattano, na te hi mayhaṃ sukhāgamāya;

    เอโกว ติพฺพานิ สเหยฺย ธีโร, สจฺจํ หิโรตฺตปฺปมเปกฺขมาโน’’ติฯ

    Ekova tibbāni saheyya dhīro, saccaṃ hirottappamapekkhamāno’’ti.

    ตตฺถ อุปฺปเชฺชติ สเจ ตว อุปฺปเชฺชยฺยฯ มา อกฺขาหีติ มา กเถหิฯ ทุพฺพิชานตรํ ตโตติ ตโต ติรจฺฉานคตวสฺสิตโตปิ ทุพฺพิชานตรํ, ตสฺมา ตถโต อชานิตฺวา หริตุํ อสมตฺถสฺส อตฺตโน ทุกฺขํ น กเถตพฺพเมวาติฯ อปิ เจติ คาถา วุตฺตตฺถาวฯ อนานุปุโฎฺฐติ ปุนปฺปุนํ ปุโฎฺฐฯ ปเวทเยติ กเถติฯ อกาลรูเปติ อกาเลฯ กาลนฺติ อตฺตโน คุยฺหสฺส กถนกาลํฯ ตถาวิธสฺสาติ ปณฺฑิตปุริสํ อตฺตนา สทฺธิํ เอกมนํ วิทิตฺวา ตถาวิธสฺส อาจิเกฺขยฺยฯ ติพฺพานีติ ทุกฺขานิฯ

    Tattha uppajjeti sace tava uppajjeyya. Mā akkhāhīti mā kathehi. Dubbijānataraṃ tatoti tato tiracchānagatavassitatopi dubbijānataraṃ, tasmā tathato ajānitvā harituṃ asamatthassa attano dukkhaṃ na kathetabbamevāti. Api ceti gāthā vuttatthāva. Anānupuṭṭhoti punappunaṃ puṭṭho. Pavedayeti katheti. Akālarūpeti akāle. Kālanti attano guyhassa kathanakālaṃ. Tathāvidhassāti paṇḍitapurisaṃ attanā saddhiṃ ekamanaṃ viditvā tathāvidhassa ācikkheyya. Tibbānīti dukkhāni.

    สเจติ ยทิ อตฺตโน ทุกฺขํ อวิสยฺหํ อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปุริสกาเรน อเตกิจฺฉํ ชาเนยฺยฯ เต หีติ เต เอว โลกปเวณิกา, อฎฺฐโลกธมฺมาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อถ อยํ โลกปเวณี น มยฺหํ เอว สุขาคมาย อุปฺปนฺนา, อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ ปริมุโตฺต นาม นตฺถิ, เอวํ สเนฺต สุขเมว ปเตฺถเนฺตน ปรสฺส ทุกฺขาโรปนํ นาม น ยุตฺตํ, เนตํ หิโรตฺตปฺปสมฺปเนฺนน กตฺตพฺพํ, อตฺถิ จ เม หิรี โอตฺตปฺปนฺติ สจฺจํ สํวิชฺชมานํ อตฺตนิ หิโรตฺตปฺปํ อเปกฺขมาโนว อญฺญสฺส อนาโรเจตฺวา เอโกว ติพฺพานิ สเหยฺย ธีโรติฯ

    Saceti yadi attano dukkhaṃ avisayhaṃ attano vā paresaṃ vā purisakārena atekicchaṃ jāneyya. Te hīti te eva lokapaveṇikā, aṭṭhalokadhammāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – atha ayaṃ lokapaveṇī na mayhaṃ eva sukhāgamāya uppannā, aṭṭhahi lokadhammehi parimutto nāma natthi, evaṃ sante sukhameva patthentena parassa dukkhāropanaṃ nāma na yuttaṃ, netaṃ hirottappasampannena kattabbaṃ, atthi ca me hirī ottappanti saccaṃ saṃvijjamānaṃ attani hirottappaṃ apekkhamānova aññassa anārocetvā ekova tibbāni saheyya dhīroti.

    เอวํ มหาสโตฺต สตฺตหิ คาถาหิ รโญฺญ ธมฺมํ เทเสตฺวา อตฺตโน อาจริยธนสฺส ปริเยสิตภาวํ ทเสฺสโนฺต จตโสฺส คาถา อภาสิ –

    Evaṃ mahāsatto sattahi gāthāhi rañño dhammaṃ desetvā attano ācariyadhanassa pariyesitabhāvaṃ dassento catasso gāthā abhāsi –

    ๖๒.

    62.

    ‘‘อหํ รเฎฺฐ วิจรโนฺต, นิคเม ราชธานิโย;

    ‘‘Ahaṃ raṭṭhe vicaranto, nigame rājadhāniyo;

    ภิกฺขมาโน มหาราช, อาจริยสฺส ธนตฺถิโกฯ

    Bhikkhamāno mahārāja, ācariyassa dhanatthiko.

    ๖๓.

    63.

    ‘‘คหปตี ราชปุริเส, มหาสาเล จ พฺราหฺมเณ;

    ‘‘Gahapatī rājapurise, mahāsāle ca brāhmaṇe;

    อลตฺถํ สตฺต นิกฺขานิ, สุวณฺณสฺส ชนาธิป;

    Alatthaṃ satta nikkhāni, suvaṇṇassa janādhipa;

    เต เม นฎฺฐา มหาราช, ตสฺมา โสจามหํ ภุสํฯ

    Te me naṭṭhā mahārāja, tasmā socāmahaṃ bhusaṃ.

    ๖๔.

    64.

    ‘‘ปุริสา เต มหาราช, มนสานุวิจินฺติตา;

    ‘‘Purisā te mahārāja, manasānuvicintitā;

    นาลํ ทุกฺขา ปโมเจตุํ, ตสฺมา เตสํ น พฺยาหริํฯ

    Nālaṃ dukkhā pamocetuṃ, tasmā tesaṃ na byāhariṃ.

    ๖๕.

    65.

    ‘‘ตฺวญฺจ โข เม มหาราช, มนสานุวิจินฺติโต;

    ‘‘Tvañca kho me mahārāja, manasānuvicintito;

    อลํ ทุกฺขา ปโมเจตุํ, ตสฺมา ตุยฺหํ ปเวทยิ’’นฺติฯ

    Alaṃ dukkhā pamocetuṃ, tasmā tuyhaṃ pavedayi’’nti.

    ตตฺถ ภิกฺขมาโนติ เอเต คหปติอาทโย ยาจมาโนฯ เต เมติ เต สตฺต นิกฺขา มม คงฺคํ ตรนฺตสฺส นฎฺฐา, คงฺคายํ ปติตาฯ ปุริสา เตติ มหาราช, ตว ทูตปุริสาฯ อนุวิจินฺติตาติ ‘‘นาลํ อิเม มํ ทุกฺขา โมเจตุ’’นฺติ มยา ญาตาฯ ตสฺมาติ เตน การเณน เตสํ อตฺตโน ทุกฺขํ นาจิกฺขิํฯ ปเวทยินฺติ กเถสิํฯ

    Tattha bhikkhamānoti ete gahapatiādayo yācamāno. Te meti te satta nikkhā mama gaṅgaṃ tarantassa naṭṭhā, gaṅgāyaṃ patitā. Purisā teti mahārāja, tava dūtapurisā. Anuvicintitāti ‘‘nālaṃ ime maṃ dukkhā mocetu’’nti mayā ñātā. Tasmāti tena kāraṇena tesaṃ attano dukkhaṃ nācikkhiṃ. Pavedayinti kathesiṃ.

    ราชา ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘มา จินฺตยิ, พฺราหฺมณ, อหํ เต อาจริยธนํ ทสฺสามี’’ติ ทฺวิคุณธนมทาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา โอสานคาถมาห –

    Rājā tassa dhammakathaṃ sutvā ‘‘mā cintayi, brāhmaṇa, ahaṃ te ācariyadhanaṃ dassāmī’’ti dviguṇadhanamadāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā osānagāthamāha –

    ๖๖.

    66.

    ‘‘ตสฺสาทาสิ ปสนฺนโตฺต, กาสีนํ รฎฺฐวฑฺฒโน;

    ‘‘Tassādāsi pasannatto, kāsīnaṃ raṭṭhavaḍḍhano;

    ชาตรูปมเย นิเกฺข, สุวณฺณสฺส จตุทฺทสา’’ติฯ

    Jātarūpamaye nikkhe, suvaṇṇassa catuddasā’’ti.

    ตตฺถ ชาตรูปมเยติ เต สุวณฺณสฺส จตุทฺทส นิเกฺข ชาตรูปมเยเยว อทาสิ, น ยสฺส วา ตสฺส วา สุวณฺณสฺสาติ อโตฺถฯ

    Tattha jātarūpamayeti te suvaṇṇassa catuddasa nikkhe jātarūpamayeyeva adāsi, na yassa vā tassa vā suvaṇṇassāti attho.

    มหาสโตฺต รโญฺญ โอวาทํ ทตฺวา อาจริยสฺส ธนํ ทตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ราชาปิ ตโสฺสวาเท ฐิโต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา อุโภปิ ยถากมฺมํ คตาฯ

    Mahāsatto rañño ovādaṃ datvā ācariyassa dhanaṃ datvā dānādīni puññāni katvā rājāpi tassovāde ṭhito dhammena rajjaṃ kāretvā ubhopi yathākammaṃ gatā.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, อาจริโย สาริปุโตฺต, พฺราหฺมณมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato upāyakusaloyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, ācariyo sāriputto, brāhmaṇamāṇavo pana ahameva ahosi’’nti.

    ทูตชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Dūtajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๗๘. ทูตชาตกํ • 478. Dūtajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact