Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ทุติยอาฆาตปฎิวินยสุตฺตํ
2. Dutiyaāghātapaṭivinayasuttaṃ
๑๖๒. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
162. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฎิวินยา ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปโนฺน อาฆาโต สพฺพโส ปฎิวิเนตโพฺพฯ กตเม ปญฺจ? อิธาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธกายสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, น จ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ลภติ จ กาเลน วา กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ
‘‘Pañcime, āvuso, āghātapaṭivinayā yattha bhikkhuno uppanno āghāto sabbaso paṭivinetabbo. Katame pañca? Idhāvuso, ekacco puggalo aparisuddhakāyasamācāro hoti parisuddhavacīsamācāro; evarūpepi, āvuso, puggale āghāto paṭivinetabbo. Idha panāvuso, ekacco puggalo aparisuddhavacīsamācāro hoti parisuddhakāyasamācāro; evarūpepi, āvuso, puggale āghāto paṭivinetabbo. Idha panāvuso, ekacco puggalo aparisuddhakāyasamācāro hoti aparisuddhavacīsamācāro, labhati ca kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ; evarūpepi, āvuso, puggale āghāto paṭivinetabbo. Idha panāvuso, ekacco puggalo aparisuddhakāyasamācāro hoti aparisuddhavacīsamācāro, na ca labhati kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ; evarūpepi, āvuso, puggale āghāto paṭivinetabbo. Idha panāvuso, ekacco puggalo parisuddhakāyasamācāro parisuddhavacīsamācāro, labhati ca kālena vā kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ; evarūpepi, āvuso, puggale āghāto paṭivinetabbo.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, กถํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปํสุกูลิโก รถิยาย นนฺตกํ ทิสฺวา วาเมน ปาเทน นิคฺคณฺหิตฺวา ทกฺขิเณน ปาเทน ปตฺถริตฺวา 1, โย ตตฺถ สาโร ตํ ปริปาเตตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย; เอวเมวํ ขฺวาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ยาสฺส อปริสุทฺธกายสมาจารตา น สาสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพา, ยา จ ขฺวาสฺส ปริสุทฺธวจีสมาจารตา สาสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพาฯ เอวํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ
‘‘Tatrāvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro parisuddhavacīsamācāro, kathaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo? Seyyathāpi, āvuso, bhikkhu paṃsukūliko rathiyāya nantakaṃ disvā vāmena pādena niggaṇhitvā dakkhiṇena pādena pattharitvā 2, yo tattha sāro taṃ paripātetvā ādāya pakkameyya; evamevaṃ khvāvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro parisuddhavacīsamācāro, yāssa aparisuddhakāyasamācāratā na sāssa tasmiṃ samaye manasi kātabbā, yā ca khvāssa parisuddhavacīsamācāratā sāssa tasmiṃ samaye manasi kātabbā. Evaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ปริสุทฺธกายสมาจาโร, กถํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, โปกฺขรณี เสวาลปณกปริโยนทฺธาฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ฆมฺมาภิตโตฺต ฆมฺมปเรโต กิลโนฺต ตสิโต ปิปาสิโตฯ โส ตํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ อิติจิติ จ เสวาลปณกํ อปวิยูหิตฺวา อญฺชลินา ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺยฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส , ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ยาสฺส อปริสุทฺธวจีสมาจารตา น สาสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพา, ยา จ ขฺวาสฺส ปริสุทฺธกายสมาจารตา สาสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพาฯ เอวํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ
‘‘Tatrāvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhavacīsamācāro parisuddhakāyasamācāro, kathaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo? Seyyathāpi, āvuso, pokkharaṇī sevālapaṇakapariyonaddhā. Atha puriso āgaccheyya ghammābhitatto ghammapareto kilanto tasito pipāsito. So taṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā ubhohi hatthehi iticiti ca sevālapaṇakaṃ apaviyūhitvā añjalinā pivitvā pakkameyya. Evamevaṃ kho, āvuso , yvāyaṃ puggalo aparisuddhavacīsamācāro parisuddhakāyasamācāro, yāssa aparisuddhavacīsamācāratā na sāssa tasmiṃ samaye manasi kātabbā, yā ca khvāssa parisuddhakāyasamācāratā sāssa tasmiṃ samaye manasi kātabbā. Evaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปริตฺตํ โคปเท 3 อุทกํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ฆมฺมาภิตโตฺต ฆมฺมปเรโต กิลโนฺต ตสิโต ปิปาสิโตฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘อิทํ โข ปริตฺตํ โคปเท อุทกํฯ สจาหํ อญฺชลินา วา ปิวิสฺสามิ ภาชเนน วา โขเภสฺสามิปิ ตํ โลเฬสฺสามิปิ ตํ อเปยฺยมฺปิ ตํ กริสฺสามิฯ ยํนูนาหํ จตุกฺกุณฺฑิโก 4 นิปติตฺวา โคปีตกํ ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺย’นฺติฯ โส จตุกฺกุณฺฑิโก นิปติตฺวา โคปีตกํ ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺยฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ยาสฺส อปริสุทฺธกายสมาจารตา น สาสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยาปิสฺส อปริสุทฺธวจีสมาจารตา น สาปิสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพาฯ ยญฺจ โข โส ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ตเมวสฺส 5 ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพํฯ เอวํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ
‘‘Tatrāvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro aparisuddhavacīsamācāro labhati ca kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, kathaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo? Seyyathāpi, āvuso, parittaṃ gopade 6 udakaṃ. Atha puriso āgaccheyya ghammābhitatto ghammapareto kilanto tasito pipāsito. Tassa evamassa – ‘idaṃ kho parittaṃ gopade udakaṃ. Sacāhaṃ añjalinā vā pivissāmi bhājanena vā khobhessāmipi taṃ loḷessāmipi taṃ apeyyampi taṃ karissāmi. Yaṃnūnāhaṃ catukkuṇḍiko 7 nipatitvā gopītakaṃ pivitvā pakkameyya’nti. So catukkuṇḍiko nipatitvā gopītakaṃ pivitvā pakkameyya. Evamevaṃ kho, āvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro aparisuddhavacīsamācāro labhati ca kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, yāssa aparisuddhakāyasamācāratā na sāssa tasmiṃ samaye manasi kātabbā; yāpissa aparisuddhavacīsamācāratā na sāpissa tasmiṃ samaye manasi kātabbā. Yañca kho so labhati kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, tamevassa 8 tasmiṃ samaye manasi kātabbaṃ. Evaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo.
‘‘ตตฺราวุโส , ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร น จ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺนฯ ตสฺส ปุรโตปิสฺส ทูเร คาโม ปจฺฉโตปิสฺส ทูเร คาโมฯ โส น ลเภยฺย สปฺปายานิ โภชนานิ, น ลเภยฺย สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, น ลเภยฺย ปติรูปํ อุปฎฺฐากํ, น ลเภยฺย คามนฺตนายกํฯ ตเมนํ อญฺญตโร ปุริโส ปเสฺสยฺย อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺนฯ โส ตสฺมิํ ปุริเส การุญฺญํเยว อุปฎฺฐาเปยฺย, อนุทฺทยํเยว อุปฎฺฐาเปยฺย, อนุกมฺปํเยว อุปฎฺฐาเปยฺย – ‘อโห วตายํ ปุริโส ลเภยฺย สปฺปายานิ โภชนานิ, ลเภยฺย สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, ลเภยฺย ปติรูปํ อุปฎฺฐากํ, ลเภยฺย คามนฺตนายกํ! ตํ กิสฺส เหตุ? มายํ 9 ปุริโส อิเธว อนยพฺยสนํ อาปชฺชี’ติ 10! เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร น จ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, เอวรูเปปิ 11, อาวุโส, ปุคฺคเล การุญฺญํเยว อุปฎฺฐาเปตพฺพํ อนุทฺทยาเยว อุปฎฺฐาเปตพฺพา อนุกมฺปาเยว อุปฎฺฐาเปตพฺพา – ‘อโห วต อยมายสฺมา กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวยฺย, วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวยฺย, มโนทุจฺจริตํ ปหาย มโนสุจริตํ ภาเวยฺย ! ตํ กิสฺส เหตุ? มายํ อายสฺมา 12 กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชี’ติ 13! เอวํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ
‘‘Tatrāvuso , yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro aparisuddhavacīsamācāro na ca labhati kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, kathaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo? Seyyathāpi, āvuso, puriso ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno addhānamaggappaṭipanno. Tassa puratopissa dūre gāmo pacchatopissa dūre gāmo. So na labheyya sappāyāni bhojanāni, na labheyya sappāyāni bhesajjāni, na labheyya patirūpaṃ upaṭṭhākaṃ, na labheyya gāmantanāyakaṃ. Tamenaṃ aññataro puriso passeyya addhānamaggappaṭipanno. So tasmiṃ purise kāruññaṃyeva upaṭṭhāpeyya, anuddayaṃyeva upaṭṭhāpeyya, anukampaṃyeva upaṭṭhāpeyya – ‘aho vatāyaṃ puriso labheyya sappāyāni bhojanāni, labheyya sappāyāni bhesajjāni, labheyya patirūpaṃ upaṭṭhākaṃ, labheyya gāmantanāyakaṃ! Taṃ kissa hetu? Māyaṃ 14 puriso idheva anayabyasanaṃ āpajjī’ti 15! Evamevaṃ kho, āvuso, yvāyaṃ puggalo aparisuddhakāyasamācāro aparisuddhavacīsamācāro na ca labhati kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, evarūpepi 16, āvuso, puggale kāruññaṃyeva upaṭṭhāpetabbaṃ anuddayāyeva upaṭṭhāpetabbā anukampāyeva upaṭṭhāpetabbā – ‘aho vata ayamāyasmā kāyaduccaritaṃ pahāya kāyasucaritaṃ bhāveyya, vacīduccaritaṃ pahāya vacīsucaritaṃ bhāveyya, manoduccaritaṃ pahāya manosucaritaṃ bhāveyya ! Taṃ kissa hetu? Māyaṃ āyasmā 17 kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjī’ti 18! Evaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo.
‘‘ตตฺราวุโส , ยฺวายํ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, โปกฺขรณี อโจฺฉทกา สาโตทกา สีโตทกา 19 เสตกา 20 สุปติตฺถา รมณียา นานารุเกฺขหิ สญฺฉนฺนาฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ฆมฺมาภิตโตฺต ฆมฺมปเรโต กิลโนฺต ตสิโต ปิปาสิโต ฯ โส ตํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา นฺหาตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปจฺจุตฺตริตฺวา ตเตฺถว รุกฺขจฺฉายาย นิสีเทยฺย วา นิปเชฺชยฺย วาฯ
‘‘Tatrāvuso , yvāyaṃ puggalo parisuddhakāyasamācāro parisuddhavacīsamācāro labhati ca kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, kathaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo? Seyyathāpi, āvuso, pokkharaṇī acchodakā sātodakā sītodakā 21 setakā 22 supatitthā ramaṇīyā nānārukkhehi sañchannā. Atha puriso āgaccheyya ghammābhitatto ghammapareto kilanto tasito pipāsito . So taṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā nhātvā ca pivitvā ca paccuttaritvā tattheva rukkhacchāyāya nisīdeyya vā nipajjeyya vā.
เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ยาปิสฺส ปริสุทฺธกายสมาจารตา สาปิสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยาปิสฺส ปริสุทฺธวจีสมาจารตา สาปิสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยมฺปิ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมิํ สมเย มนสิ กาตพฺพํฯ เอวํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฎิวิเนตโพฺพฯ สมนฺตปาสาทิกํ, อาวุโส, ปุคฺคลํ อาคมฺม จิตฺตํ ปสีทติฯ
Evamevaṃ kho, āvuso, yvāyaṃ puggalo parisuddhakāyasamācāro parisuddhavacīsamācāro labhati ca kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, yāpissa parisuddhakāyasamācāratā sāpissa tasmiṃ samaye manasi kātabbā; yāpissa parisuddhavacīsamācāratā sāpissa tasmiṃ samaye manasi kātabbā; yampi labhati kālena kālaṃ cetaso vivaraṃ cetaso pasādaṃ, tampissa tasmiṃ samaye manasi kātabbaṃ. Evaṃ tasmiṃ puggale āghāto paṭivinetabbo. Samantapāsādikaṃ, āvuso, puggalaṃ āgamma cittaṃ pasīdati.
‘‘อิเม โข, อาวุโส, ปญฺจ อาฆาตปฎิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปโนฺน อาฆาโต สพฺพโส ปฎิวิเนตโพฺพ’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Ime kho, āvuso, pañca āghātapaṭivinayā, yattha bhikkhuno uppanno āghāto sabbaso paṭivinetabbo’’ti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ทุติยอาฆาตปฎิวินยสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyaāghātapaṭivinayasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๕. ปฐมอาฆาตปฎิวินยสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-5. Paṭhamaāghātapaṭivinayasuttādivaṇṇanā