Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒-๗. ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตาทิวณฺณนา
2-7. Dutiyaāhuneyyasuttādivaṇṇanā
๒-๗. ทุติเย (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๐) อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ นานปฺปการํฯ อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฎฺฐาสํฯ ปจฺจนุโภตีติ ปจฺจนุภวติ, ผุสติ สจฺฉิกโรติ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ อิทานิสฺส อเนกวิหิตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติ อิมินา กรณโต ปุเพฺพว ปกติยา เอโกปิ หุตฺวาฯ พหุธา โหตีติ พหูนํ สนฺติเก จงฺกมิตุกาโม วา สชฺฌายํ กาตุกาโม วา ปญฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม วา หุตฺวา สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ โหติฯ อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ เอตฺถ อาวิภาวํ กโรติ, ติโรภาวํ กโรตีติ อยมโตฺถฯ อิทเมว หิ สนฺธาย ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๓.๑๑) วุตฺตํ – ‘‘อาวิภาวนฺติ เกนจิ อนาวุฎํ โหติ อปฺปฎิจฺฉนฺนํ วิวฎํ, ติโรภาวนฺติ เกนจิ อาวุฎํ โหติ ปฎิจฺฉนฺนํ ปิหิตํ ปฎิกุชฺชิต’’นฺติฯ ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเสติ เอตฺถ ติโรกุฎฺฎนฺติ ปรกุฎฺฎํ, กุฎฺฎสฺส ปรภาคนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอส นโย อิตเรสุฯ กุโฎฺฎติ จ เคหภิตฺติยา เอตํ อธิวจนํฯ ปากาโรติ เคหวิหารคามาทีนํ ปริเกฺขปปากาโรฯ ปพฺพโตติ ปํสุปพฺพโต วา ปาสาณปพฺพโต วาฯ อสชฺชมาโนติ อลคฺคมาโน เสยฺยถาปิ อากาเส วิยฯ
2-7. Dutiye (visuddhi. 2.380) anekavihitanti anekavidhaṃ nānappakāraṃ. Iddhividhanti iddhikoṭṭhāsaṃ. Paccanubhotīti paccanubhavati, phusati sacchikaroti pāpuṇātīti attho. Idānissa anekavihitabhāvaṃ dassento ‘‘ekopi hutvā’’tiādimāha. Tattha ‘‘ekopi hutvā’’ti iminā karaṇato pubbeva pakatiyā ekopi hutvā. Bahudhā hotīti bahūnaṃ santike caṅkamitukāmo vā sajjhāyaṃ kātukāmo vā pañhaṃ pucchitukāmo vā hutvā satampi sahassampi hoti. Āvibhāvaṃ tirobhāvanti ettha āvibhāvaṃ karoti, tirobhāvaṃ karotīti ayamattho. Idameva hi sandhāya paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 3.11) vuttaṃ – ‘‘āvibhāvanti kenaci anāvuṭaṃ hoti appaṭicchannaṃ vivaṭaṃ, tirobhāvanti kenaci āvuṭaṃ hoti paṭicchannaṃ pihitaṃ paṭikujjita’’nti. Tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gacchati seyyathāpi ākāseti ettha tirokuṭṭanti parakuṭṭaṃ, kuṭṭassa parabhāganti vuttaṃ hoti. Esa nayo itaresu. Kuṭṭoti ca gehabhittiyā etaṃ adhivacanaṃ. Pākāroti gehavihāragāmādīnaṃ parikkhepapākāro. Pabbatoti paṃsupabbato vā pāsāṇapabbato vā. Asajjamānoti alaggamāno seyyathāpi ākāse viya.
อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ เอตฺถ อุมฺมุชฺชนฺติ อุฎฺฐานํ วุจฺจติฯ นิมุชฺชนฺติ สํสีทนํฯ อุมฺมุชฺชญฺจ นิมุชฺชญฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํฯ อุทเกปิ อภิชฺชมาเนติ เอตฺถ ยํ อุทกํ อกฺกมิตฺวา สํสีทติ, ตํ ภิชฺชมานนฺติ วุจฺจติ, วิปรีตํ อภิชฺชมานํฯ ปลฺลเงฺกน คจฺฉติฯ ปกฺขี สกุโณติ ปเกฺขหิ ยุตฺตสกุโณฯ อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสตีติ เอตฺถ จนฺทิมสูริยานํ ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสสฺส อุปริ จรเณน มหิทฺธิกตา, ตีสุ ทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน มหานุภาวตา เวทิตพฺพาฯ เอวํ อุปริจรณอาโลกกรเณหิ มหิทฺธิเก มหานุภาเวฯ ปรามสตีติ คณฺหาติ, เอกเทเส วา ฉุปติฯ ปริมชฺชตีติ สมนฺตโต อาทาสตลา วิย ปริมชฺชติฯ ยาว พฺรหฺมโลกาปีติ พฺรหฺมโลกมฺปิ ปริเจฺฉทํ กตฺวาฯ กาเยน วสํ วเตฺตตีติ ตตฺร พฺรหฺมโลเก กาเยน อตฺตโน วสํ วเตฺตติฯ
Ummujjanimujjanti ettha ummujjanti uṭṭhānaṃ vuccati. Nimujjanti saṃsīdanaṃ. Ummujjañca nimujjañca ummujjanimujjaṃ. Udakepi abhijjamāneti ettha yaṃ udakaṃ akkamitvā saṃsīdati, taṃ bhijjamānanti vuccati, viparītaṃ abhijjamānaṃ. Pallaṅkena gacchati. Pakkhīsakuṇoti pakkhehi yuttasakuṇo. Imepi candimasūriye evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve pāṇinā parāmasatīti ettha candimasūriyānaṃ dvācattālīsayojanasahassassa upari caraṇena mahiddhikatā, tīsu dīpesu ekakkhaṇe ālokakaraṇena mahānubhāvatā veditabbā. Evaṃ uparicaraṇaālokakaraṇehi mahiddhike mahānubhāve. Parāmasatīti gaṇhāti, ekadese vā chupati. Parimajjatīti samantato ādāsatalā viya parimajjati. Yāva brahmalokāpīti brahmalokampi paricchedaṃ katvā. Kāyena vasaṃ vattetīti tatra brahmaloke kāyena attano vasaṃ vatteti.
ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพาฯ เทวตานญฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฎิจฺฉนสมตฺถา ทิพฺพา ปสาทโสตธาตุ โหติฯ อยญฺจาปิ อิมสฺส ภิกฺขุโน วีริยภาวนาพเลน นิพฺพตฺตา ญาณโสตธาตุ ตาทิสาเยวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพาฯ อปิจ ทิพฺพวิหารวเสน ปฎิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพาฯ สวนเฎฺฐน นิชฺชีวเฎฺฐน จ โสตธาตุฯ โสตธาตุกิจฺจกรเณน โสตธาตุ วิยาติปิ โสตธาตุฯ ตาย โสตธาตุยาฯ วิสุทฺธายาติ สุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสายฯ อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสวเน มานุสิกํ มํสโสตธาตุํ อติกฺกนฺตาย วีติวเตฺตตฺวา ฐิตายฯ อุโภ สเทฺท สุณาตีติ เทฺว สเทฺท สุณาติฯ กตเม เทฺว? ทิเพฺพ จ มานุเส จ, เทวานญฺจ มนุสฺสานญฺจ สเทฺทติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตน ปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํฯ เย ทูเร สนฺติเก จาติ เย สทฺทา ทูเร ปรจกฺกวาเฬปิ, เย จ สนฺติเก อนฺตมโส สเทหสนฺนิสฺสิตปาณกสทฺทาปิ, เต สุณาตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตน นิปฺปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํฯ
Dibbāya sotadhātuyāti ettha dibbasadisattā dibbā. Devatānañhi sucaritakammanibbattā pittasemharuhirādīhi apalibuddhā upakkilesavimuttatāya dūrepi ārammaṇasampaṭicchanasamatthā dibbā pasādasotadhātu hoti. Ayañcāpi imassa bhikkhuno vīriyabhāvanābalena nibbattā ñāṇasotadhātu tādisāyevāti dibbasadisattā dibbā. Apica dibbavihāravasena paṭiladdhattā attanā ca dibbavihārasannissitattāpi dibbā. Savanaṭṭhena nijjīvaṭṭhena ca sotadhātu. Sotadhātukiccakaraṇena sotadhātu viyātipi sotadhātu. Tāya sotadhātuyā. Visuddhāyāti suddhāya nirupakkilesāya. Atikkantamānusikāyāti manussūpacāraṃ atikkamitvā saddasavane mānusikaṃ maṃsasotadhātuṃ atikkantāya vītivattetvā ṭhitāya. Ubho sadde suṇātīti dve sadde suṇāti. Katame dve? Dibbe ca mānuse ca, devānañca manussānañca saddeti vuttaṃ hoti. Etena padesapariyādānaṃ veditabbaṃ. Ye dūre santike cāti ye saddā dūre paracakkavāḷepi, ye ca santike antamaso sadehasannissitapāṇakasaddāpi, te suṇātīti vuttaṃ hoti. Etena nippadesapariyādānaṃ veditabbaṃ.
ปรสตฺตานนฺติ อตฺตานํ ฐเปตฺวา เสสสตฺตานํฯ ปรปุคฺคลานนฺติ อิทมฺปิ อิมินา เอกตฺถเมวฯ เวเนยฺยวเสน ปน เทสนาวิลาเสน จ พฺยญฺชนนานตฺตํ กตํฯ เจตสา เจโตติ อตฺตโน จิเตฺตน เตสํ จิตฺตํฯ ปริจฺจาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ ปชานาตีติ สราคาทิวเสน นานปฺปการโต ชานาติฯ สราคํ วา จิตฺตนฺติอาทีสุ ปน อฎฺฐโลภสหคตจิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อวเสสํ จาตุภูมกํ กุสลาพฺยากตจิตฺตํ วีตราคํฯ เทฺว โทมนสฺสจิตฺตานิ, เทฺว วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจจิตฺตานีติ อิมานิ ปน จตฺตาริ จิตฺตานิ อิมสฺมิํ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติฯ เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติฯ ทุวิธํ ปน โทมนสฺสจิตฺตํ สโทสํ จิตฺตํ นามฯ สพฺพมฺปิ จาตุภูมกํ กุสลาพฺยากตจิตฺตํ วีตโทสํฯ เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ อิมสฺมิํ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติฯ เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติฯ สโมหํ วีตโมหนฺติ เอตฺถ ปน ปาฎิปุคฺคลิกนเยน วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตทฺวยเมว สโมหํฯ โมหสฺส ปน สพฺพากุสเลสุ สมฺภวโต ทฺวาทสวิธมฺปิ อกุสลจิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อวเสสํ วีตโมหํฯ ถินมิทฺธานุคตํ ปน สํขิตฺตํ, อุทฺธจฺจานุคตํ วิกฺขิตฺตํฯ รูปาวจรารูปาวจรํ มหคฺคตํ, อวเสสํ อมหคฺคตํฯ สพฺพมฺปิ เตภูมกํ สอุตฺตรํ, โลกุตฺตรํ อนุตฺตรํฯ อุปจารปฺปตฺตํ อปฺปนาปฺปตฺตญฺจ สมาหิตํ, อุภยมปฺปตฺตํ อสมาหิตํฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฺปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติํ ปตฺตํ ปญฺจวิธมฺปิ เอตํ วิมุตฺตํ, วิมุตฺติมปฺปตฺตํ วา อวิมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Parasattānanti attānaṃ ṭhapetvā sesasattānaṃ. Parapuggalānanti idampi iminā ekatthameva. Veneyyavasena pana desanāvilāsena ca byañjananānattaṃ kataṃ. Cetasā cetoti attano cittena tesaṃ cittaṃ. Pariccāti paricchinditvā. Pajānātīti sarāgādivasena nānappakārato jānāti. Sarāgaṃ vā cittantiādīsu pana aṭṭhalobhasahagatacittaṃ sarāgaṃ cittanti veditabbaṃ. Avasesaṃ cātubhūmakaṃ kusalābyākatacittaṃ vītarāgaṃ. Dve domanassacittāni, dve vicikicchuddhaccacittānīti imāni pana cattāri cittāni imasmiṃ duke saṅgahaṃ na gacchanti. Keci pana therā tānipi saṅgaṇhanti. Duvidhaṃ pana domanassacittaṃ sadosaṃ cittaṃ nāma. Sabbampi cātubhūmakaṃ kusalābyākatacittaṃ vītadosaṃ. Sesāni dasa akusalacittāni imasmiṃ duke saṅgahaṃ na gacchanti. Keci pana therā tānipi saṅgaṇhanti. Samohaṃ vītamohanti ettha pana pāṭipuggalikanayena vicikicchuddhaccasahagatadvayameva samohaṃ. Mohassa pana sabbākusalesu sambhavato dvādasavidhampi akusalacittaṃ samohaṃ cittanti veditabbaṃ. Avasesaṃ vītamohaṃ. Thinamiddhānugataṃ pana saṃkhittaṃ, uddhaccānugataṃ vikkhittaṃ. Rūpāvacarārūpāvacaraṃ mahaggataṃ, avasesaṃ amahaggataṃ. Sabbampi tebhūmakaṃ sauttaraṃ, lokuttaraṃ anuttaraṃ. Upacārappattaṃ appanāppattañca samāhitaṃ, ubhayamappattaṃ asamāhitaṃ. Tadaṅgavikkhambhanasamucchedappaṭippassaddhinissaraṇavimuttiṃ pattaṃ pañcavidhampi etaṃ vimuttaṃ, vimuttimappattaṃ vā avimuttanti veditabbaṃ.
อเนกวิหิตนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๒) อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ สํวณฺณิตนฺติ อโตฺถฯ ปุเพฺพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตภวํ อาทิํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํฯ อนุสฺสรตีติ ขนฺธปฎิปาฎิวเสน, จุติปฎิสนฺธิวเสน วา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรติฯ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ…เป.… ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรตีติฯ ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฎิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํฯ เอส นโย เทฺวปิ ชาติโยติอาทีสุปิฯ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กโปฺป สํวฎฺฎกโปฺป, วฑฺฒมาโน วิวฎฺฎกโปฺปติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สํวเฎฺฎน สํวฎฺฎฎฺฐายี คหิโต โหติ ตํมูลกตฺตา, วิวเฎฺฎน วิวฎฺฎฎฺฐายีฯ เอวญฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสเงฺขฺยยฺยานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? สํวโฎฺฎ สํวฎฺฎฎฺฐายี วิวโฎฺฎ วิวฎฺฎฎฺฐายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) วุตฺตานิ, ตานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติฯ
Anekavihitanti (pārā. aṭṭha. 1.12) anekavidhaṃ, anekehi vā pakārehi pavattitaṃ saṃvaṇṇitanti attho. Pubbenivāsanti samanantarātītabhavaṃ ādiṃ katvā tattha tattha nivutthasantānaṃ. Anussaratīti khandhapaṭipāṭivasena, cutipaṭisandhivasena vā anugantvā anugantvā sarati. Seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ…pe… pubbenivāsaṃ anussaratīti. Tattha ekampi jātinti ekampi paṭisandhimūlaṃ cutipariyosānaṃ ekabhavapariyāpannaṃ khandhasantānaṃ. Esa nayo dvepi jātiyotiādīsupi. Anekepi saṃvaṭṭakappetiādīsu pana parihāyamāno kappo saṃvaṭṭakappo, vaḍḍhamāno vivaṭṭakappoti veditabbo. Tattha saṃvaṭṭena saṃvaṭṭaṭṭhāyī gahito hoti taṃmūlakattā, vivaṭṭena vivaṭṭaṭṭhāyī. Evañhi sati yāni tāni ‘‘cattārimāni, bhikkhave, kappassa asaṅkhyeyyāni. Katamāni cattāri? Saṃvaṭṭo saṃvaṭṭaṭṭhāyī vivaṭṭo vivaṭṭaṭṭhāyī’’ti (a. ni. 4.156) vuttāni, tāni pariggahitāni honti.
อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฎฺฎกเปฺป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คหิยา วา วิญฺญาณฎฺฐิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อาสิํฯ เอวํนาโมติ ติโสฺส วา ผุโสฺส วาฯ เอวํโคโตฺตติ โคตโม วา กจฺจายโน วา กสฺสโป วาฯ อิทมสฺส อตีตภเว อตฺตโน นามโคตฺตานุสฺสรณวเสน วุตฺตํฯ สเจ ปน ตสฺมิํ กาเล อตฺตโน วณฺณสมฺปตฺติลูขปณีตชีวิกภาวํ สุขทุกฺขพหุลตํ อปฺปายุกทีฆายุกภาวํ วา อนุสฺสริตุกาโม โหติ, ตมฺปิ อนุสฺสรติเยวฯ เตนาห ‘‘เอวํวโณฺณ…เป.… เอวมายุปริยโนฺต’’ติฯ ตตฺถ เอวํวโณฺณติ โอทาโต วา สาโม วาฯ เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วาฯ เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวทีติ อเนน ปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ สุขทุกฺขานํ ปฎิสํเวทีฯ เอวมายุปริยโนฺตติ เอวํ วสฺสสตปริมาณายุปริยโนฺต วา จตุราสีติกปฺปสหสฺสายุปริยโนฺต วาฯ โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โส อหํ ตโต ภวโต โยนิโต คหิโต วิญฺญาณฎฺฐิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต ปุนอมุกสฺมิํ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิญฺญาณฎฺฐิติยา สตฺตาวาเส สกฺกนิกาเย วา อุทปาทิํฯ ตตฺราปาสินฺติ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิญฺญาณฎฺฐิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสิํฯ เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ
Amutrāsinti amumhi saṃvaṭṭakappe ahaṃ amumhi bhave vā yoniyā vā gahiyā vā viññāṇaṭṭhitiyā vā sattāvāse vā sattanikāye vā āsiṃ. Evaṃnāmoti tisso vā phusso vā. Evaṃgottoti gotamo vā kaccāyano vā kassapo vā. Idamassa atītabhave attano nāmagottānussaraṇavasena vuttaṃ. Sace pana tasmiṃ kāle attano vaṇṇasampattilūkhapaṇītajīvikabhāvaṃ sukhadukkhabahulataṃ appāyukadīghāyukabhāvaṃ vā anussaritukāmo hoti, tampi anussaratiyeva. Tenāha ‘‘evaṃvaṇṇo…pe… evamāyupariyanto’’ti. Tattha evaṃvaṇṇoti odāto vā sāmo vā. Evamāhāroti sālimaṃsodanāhāro vā pavattaphalabhojano vā. Evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedīti anena pakārena kāyikacetasikānaṃ sāmisanirāmisādippabhedānaṃ sukhadukkhānaṃ paṭisaṃvedī. Evamāyupariyantoti evaṃ vassasataparimāṇāyupariyanto vā caturāsītikappasahassāyupariyanto vā. So tato cuto amutra udapādinti so ahaṃ tato bhavato yonito gahito viññāṇaṭṭhitito sattāvāsato sattanikāyato vā cuto punaamukasmiṃ nāma bhave yoniyā gatiyā viññāṇaṭṭhitiyā sattāvāse sakkanikāye vā udapādiṃ. Tatrāpāsinti tatrāpi bhave yoniyā gatiyā viññāṇaṭṭhitiyā sattāvāse sattanikāye vā puna ahosiṃ. Evaṃnāmotiādi vuttanayameva.
อปิจ อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุเพฺพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณํฯ โส ตโตติ ปฎินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘อิธูปปโนฺน’’ติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรเมว อุปฺปตฺติฎฺฐานํ สนฺธาย ‘‘อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺราปาสินฺติ เอวมาทิ ปนสฺส ตตฺราปิ อิมิสฺสา อุปปตฺติยา อนฺตเร อุปปตฺติฎฺฐาเน นามโคตฺตาทีนํ อนุสฺสรณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺนติ สฺวาหํ ตโต อนนฺตรุปฺปตฺติฎฺฐานโต จุโต อิธ อมุกสฺมิํ นาม ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา นิพฺพโตฺตติฯ อิตีติ เอวํฯ สาการํ สอุเทฺทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุเทฺทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํฯ นามโคเตฺตน หิ สโตฺต ‘‘ติโสฺส กสฺสโป’’ติ อุทฺทิสียติ, วณฺณาทีหิ ‘‘สาโม โอทาโต’’ติ นานตฺตโต ปญฺญายติ, ตสฺมา นามโคตฺตํ อุเทฺทโส, อิตเร อาการาฯ
Apica amutrāsinti idaṃ anupubbena ārohantassa yāvadicchakaṃ anussaraṇaṃ. So tatoti paṭinivattantassa paccavekkhaṇaṃ, tasmā ‘‘idhūpapanno’’ti imissā idhūpapattiyā anantarameva uppattiṭṭhānaṃ sandhāya ‘‘amutra udapādi’’nti idaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tatrāpāsinti evamādi panassa tatrāpi imissā upapattiyā antare upapattiṭṭhāne nāmagottādīnaṃ anussaraṇadassanatthaṃ vuttaṃ. So tato cuto idhūpapannoti svāhaṃ tato anantaruppattiṭṭhānato cuto idha amukasmiṃ nāma khattiyakule vā brāhmaṇakule vā nibbattoti. Itīti evaṃ. Sākāraṃ sauddesanti nāmagottavasena sauddesaṃ, vaṇṇādivasena sākāraṃ. Nāmagottena hi satto ‘‘tisso kassapo’’ti uddisīyati, vaṇṇādīhi ‘‘sāmo odāto’’ti nānattato paññāyati, tasmā nāmagottaṃ uddeso, itare ākārā.
ทิเพฺพนาติอาทีสุ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํฯ เทวตานญฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฎิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติฯ อิทญฺจาปิ วีริยภาวนาพเลน นิพฺพตฺตํ ญาณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํฯ ทิพฺพวิหารวเสน ปฎิลทฺธตฺตา อตฺตโน จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพํฯ อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพํฯ ติโรกุฎฺฎาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํฯ ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุฯ จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุฯ จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฎฺฐิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธํฯ โย หิ จุติเมว ปสฺสติ, น อุปปาตํ, โส อุเจฺฉททิฎฺฐิํ คณฺหาติฯ โย อุปปาตเมว ปสฺสติ, น จุติํ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฎฺฐิํ คณฺหาติฯ โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฎฺฐิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมา ตํ ทสฺสนํ ทิฎฺฐิวิสุทฺธิเหตุ โหติฯ อุภยมฺปิ เจตํ พุทฺธปุตฺตา ปสฺสนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฎฺฐิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธ’’นฺติฯ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ, มานุสํ วา มํสจกฺขุํ อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตน ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกนฯ
Dibbenātiādīsu dibbasadisattā dibbaṃ. Devatānañhi sucaritakammanibbattaṃ pittasemharuhirādīhi apalibuddhaṃ upakkilesavimuttatāya dūrepi ārammaṇasampaṭicchanasamatthaṃ dibbaṃ pasādacakkhu hoti. Idañcāpi vīriyabhāvanābalena nibbattaṃ ñāṇacakkhu tādisamevāti dibbasadisattā dibbaṃ. Dibbavihāravasena paṭiladdhattā attano ca dibbavihārasannissitattāpi dibbaṃ. Ālokapariggahena mahājutikattāpi dibbaṃ. Tirokuṭṭādigatarūpadassanena mahāgatikattāpi dibbaṃ. Taṃ sabbaṃ saddasatthānusārena veditabbaṃ. Dassanaṭṭhena cakkhu. Cakkhukiccakaraṇena cakkhumivātipi cakkhu. Cutūpapātadassanena diṭṭhivisuddhihetuttā visuddhaṃ. Yo hi cutimeva passati, na upapātaṃ, so ucchedadiṭṭhiṃ gaṇhāti. Yo upapātameva passati, na cutiṃ, so navasattapātubhāvadiṭṭhiṃ gaṇhāti. Yo pana tadubhayaṃ passati, so yasmā duvidhampi taṃ diṭṭhigataṃ ativattati, tasmā taṃ dassanaṃ diṭṭhivisuddhihetu hoti. Ubhayampi cetaṃ buddhaputtā passanti. Tena vuttaṃ ‘‘cutūpapātadassanena diṭṭhivisuddhihetuttā visuddha’’nti. Manussūpacāraṃ atikkamitvā rūpadassanena atikkantamānusakaṃ, mānusaṃ vā maṃsacakkhuṃ atikkantattā atikkantamānusakanti veditabbaṃ. Tena dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena.
สเตฺต ปสฺสตีติ มนุสฺสานํ มํสจกฺขุนา วิย สเตฺต โอโลเกติฯ จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ วา อุปปตฺติกฺขเณ วา ทิพฺพจกฺขุนา ทฎฺฐุํ น สกฺกาฯ เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ, เต จวมานาติ, เย จ คหิตปฺปฎิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา จ, เต อุปปชฺชมานาติ อธิเปฺปตาฯ เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสตีติ ทเสฺสติฯ หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต อุญฺญาเตฯ ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเตฯ สุวเณฺณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฎฺฐกนฺตมนาปวณฺณยุเตฺตฯ ทุพฺพเณฺณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฎฺฐากนฺตามนาปวณฺณยุเตฺต, วิรูปวิรูเปติปิ อโตฺถฯ สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อเฑฺฒ มหทฺธเนฯ ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิเทฺท อปฺปนฺนปาเนฯ
Satte passatīti manussānaṃ maṃsacakkhunā viya satte oloketi. Cavamāne upapajjamāneti ettha cutikkhaṇe vā upapattikkhaṇe vā dibbacakkhunā daṭṭhuṃ na sakkā. Ye pana āsannacutikā idāni cavissanti, te cavamānāti, ye ca gahitappaṭisandhikā sampatinibbattā ca, te upapajjamānāti adhippetā. Te evarūpe cavamāne upapajjamāne ca passatīti dasseti. Hīneti mohanissandayuttattā hīnānaṃ jātikulabhogādīnaṃ vasena hīḷite uññāte. Paṇīteti amohanissandayuttattā tabbiparīte. Suvaṇṇeti adosanissandayuttattā iṭṭhakantamanāpavaṇṇayutte. Dubbaṇṇeti dosanissandayuttattā aniṭṭhākantāmanāpavaṇṇayutte, virūpavirūpetipi attho. Sugateti sugatigate, alobhanissandayuttattā vā aḍḍhe mahaddhane. Duggateti duggatigate, lobhanissandayuttattā vā dalidde appannapāne.
ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ, เตน เตน อุปคเตฯ กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ทุฎฺฐุ จริตํ กิเลสปูติกตฺตาติ ทุจฺจริตํฯ กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ สมนฺนาคตาติ สมงฺคิภูตาฯ อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ อนตฺถกามา หุตฺวา อนฺติมวตฺถุนา วา คุณปริธํสเนน วา อุปวาทกา, อโกฺกสกา ครหกาติ วุตฺตํ โหติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิกาติ วิปรีตทสฺสนา ฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสน สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา, เยปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อเญฺญปิ สมาทาเปนฺติฯ
Yathākammūpageti yaṃ yaṃ kammaṃ upacitaṃ, tena tena upagate. Kāyaduccaritenātiādīsu duṭṭhu caritaṃ kilesapūtikattāti duccaritaṃ. Kāyena duccaritaṃ, kāyato vā uppannaṃ duccaritanti kāyaduccaritaṃ. Itaresupi eseva nayo. Samannāgatāti samaṅgibhūtā. Ariyānaṃ upavādakāti buddhapaccekabuddhasāvakānaṃ ariyānaṃ antamaso gihisotāpannānampi anatthakāmā hutvā antimavatthunā vā guṇaparidhaṃsanena vā upavādakā, akkosakā garahakāti vuttaṃ hoti. Micchādiṭṭhikāti viparītadassanā . Micchādiṭṭhikammasamādānāti micchādiṭṭhivasena samādinnanānāvidhakammā, yepi micchādiṭṭhimūlakesu kāyakammādīsu aññepi samādāpenti.
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคาฯ ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหณาฯ อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺสูปเจฺฉทาฯ ปรํ มรณาติ จุติจิตฺตโต อุทฺธํฯ อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนเมวฯ นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปุญฺญสมฺมตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อายสฺส อภาวา อปาโยฯ ทุกฺขสฺส คติ ปฎิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุเฎฺฐน กเมฺมน นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติฯ วิวสา นิปตนฺติ ตตฺถ ทุกฺกฎฺฎการิโนติ วินิปาโต, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ ปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโตฯ นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสญฺญิโต อโยติ นิรโยฯ
Kāyassa bhedāti upādinnakkhandhapariccāgā. Paraṃ maraṇāti tadanantaraṃ abhinibbattakkhandhaggahaṇā. Atha vā kāyassa bhedāti jīvitindriyassūpacchedā. Paraṃ maraṇāti cuticittato uddhaṃ. Apāyanti evamādi sabbaṃ nirayavevacanameva. Nirayo hi saggamokkhahetubhūtā puññasammatā ayā apetattā, sukhānaṃ vā āyassa abhāvā apāyo. Dukkhassa gati paṭisaraṇanti duggati, dosabahulatāya vā duṭṭhena kammena nibbattā gatīti duggati. Vivasā nipatanti tattha dukkaṭṭakārinoti vinipāto, vinassantā vā ettha patanti sambhijjamānaṅgapaccaṅgāti vinipāto. Natthi ettha assādasaññito ayoti nirayo.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนิํ ทีเปติฯ ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา , น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโตฯ ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยญฺจฯ โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตาฯ วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํฯ โส หิ ยถาวุเตฺตน อเตฺถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ วุจฺจติฯ นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิกมเนกปฺปการํ นิรยเมวาติฯ อุปปนฺนาติ อุปคตา, ตตฺถ อภินิพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสาคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติเยวฯ ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติฯ รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฎฺฐุ อโคฺคติ สโคฺคฯ โส สโพฺพปิ ลุชฺชนปฺปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาโต คเหตโพฺพฯ ตติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิฯ
Atha vā apāyaggahaṇena tiracchānayoniṃ dīpeti. Tiracchānayoni hi apāyo sugatito apetattā , na duggati mahesakkhānaṃ nāgarājādīnaṃ sambhavato. Duggatiggahaṇena pettivisayañca. So hi apāyo ceva duggati ca sugatito apetattā dukkhassa ca gatibhūtattā, na tu vinipāto asurasadisaṃ avinipatitattā. Vinipātaggahaṇena asurakāyaṃ. So hi yathāvuttena atthena apāyo ceva duggati ca sabbasamussayehi vinipatitattā vinipātoti vuccati. Nirayaggahaṇena avīciādikamanekappakāraṃ nirayamevāti. Upapannāti upagatā, tattha abhinibbattāti adhippāyo. Vuttavipariyāyena sukkapakkho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – tattha sugatiggahaṇena manussāgatipi saṅgayhati, saggaggahaṇena devagatiyeva. Tattha sundarā gatīti sugati. Rūpādīhi visayehi suṭṭhu aggoti saggo. So sabbopi lujjanappalujjanaṭṭhena lokoti ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana sabbākārena visuddhimaggasaṃvaṇṇanāto gahetabbo. Tatiyādīni uttānatthāni.
ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyaāhuneyyasuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๒. ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตํ • 2. Dutiyaāhuneyyasuttaṃ
๓. อินฺทฺริยสุตฺตํ • 3. Indriyasuttaṃ
๔. พลสุตฺตํ • 4. Balasuttaṃ
๕. ปฐมอาชานียสุตฺตํ • 5. Paṭhamaājānīyasuttaṃ
๖. ทุติยอาชานียสุตฺตํ • 6. Dutiyaājānīyasuttaṃ
๗. ตติยอาชานียสุตฺตํ • 7. Tatiyaājānīyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)
๒. ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyaāhuneyyasuttavaṇṇanā
๕-๗. อาชานียสุตฺตตฺตยวณฺณนา • 5-7. Ājānīyasuttattayavaṇṇanā