Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๘. ทุติยอนาคตภยสุตฺตํ

    8. Dutiyaanāgatabhayasuttaṃ

    ๗๘. ‘‘ปญฺจิมานิ , ภิกฺขเว, อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ กตมานิ ปญฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา ฯ โหติ โข ปน โส สมโย ยํ อิมํ กายํ ชรา ผุสติฯ ชิเณฺณน โข ปน ชราย อภิภูเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวิตุํฯ ปุรา มํ โส ธโมฺม อาคจฺฉติ อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฎิกเจฺจว 1 วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธเมฺมน สมนฺนาคโต ชิณฺณโกปิ ผาสุํ 2 วิหริสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ

    78. ‘‘Pañcimāni , bhikkhave, anāgatabhayāni sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya. Katamāni pañca? Idha, bhikkhave, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ kho etarahi daharo yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā . Hoti kho pana so samayo yaṃ imaṃ kāyaṃ jarā phusati. Jiṇṇena kho pana jarāya abhibhūtena na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, na sukarāni araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevituṃ. Purā maṃ so dhammo āgacchati aniṭṭho akanto amanāpo; handāhaṃ paṭikacceva 3 vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya, yenāhaṃ dhammena samannāgato jiṇṇakopi phāsuṃ 4 viharissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ anāgatabhayaṃ sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายฯ โหติ โข ปน โส สมโย ยํ อิมํ กายํ พฺยาธิ ผุสติฯ พฺยาธิเตน โข ปน พฺยาธินา อภิภูเตน 5 น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวิตุํฯ ปุรา มํ โส ธโมฺม อาคจฺฉติ อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฎิกเจฺจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย , เยนาหํ ธเมฺมน สมนฺนาคโต พฺยาธิโตปิ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ kho etarahi appābādho appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya majjhimāya padhānakkhamāya. Hoti kho pana so samayo yaṃ imaṃ kāyaṃ byādhi phusati. Byādhitena kho pana byādhinā abhibhūtena 6 na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, na sukarāni araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevituṃ. Purā maṃ so dhammo āgacchati aniṭṭho akanto amanāpo; handāhaṃ paṭikacceva vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya , yenāhaṃ dhammena samannāgato byādhitopi phāsuṃ viharissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ anāgatabhayaṃ sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข สุภิกฺขํ สุสสฺสํ สุลภปิณฺฑํ , สุกรํ อุเญฺฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํฯ โหติ โข ปน โส สมโย ยํ ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ ทุลฺลภปิณฺฑํ, น สุกรํ อุเญฺฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํฯ ทุพฺภิเกฺข โข ปน มนุสฺสา เยน สุภิกฺขํ เตน สงฺกมนฺติ 7ฯ ตตฺถ สงฺคณิกวิหาโร โหติ อากิณฺณวิหาโรฯ สงฺคณิกวิหาเร โข ปน สติ อากิณฺณวิหาเร น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวิตุํฯ ปุรา มํ โส ธโมฺม อาคจฺฉติ อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฎิกเจฺจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธเมฺมน สมนฺนาคโต ทุพฺภิเกฺขปิ ผาสุ วิหริสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘etarahi kho subhikkhaṃ susassaṃ sulabhapiṇḍaṃ , sukaraṃ uñchena paggahena yāpetuṃ. Hoti kho pana so samayo yaṃ dubbhikkhaṃ hoti dussassaṃ dullabhapiṇḍaṃ, na sukaraṃ uñchena paggahena yāpetuṃ. Dubbhikkhe kho pana manussā yena subhikkhaṃ tena saṅkamanti 8. Tattha saṅgaṇikavihāro hoti ākiṇṇavihāro. Saṅgaṇikavihāre kho pana sati ākiṇṇavihāre na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, na sukarāni araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevituṃ. Purā maṃ so dhammo āgacchati aniṭṭho akanto amanāpo; handāhaṃ paṭikacceva vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya, yenāhaṃ dhammena samannāgato dubbhikkhepi phāsu viharissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ anāgatabhayaṃ sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข มนุสฺสา สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติฯ โหติ โข ปน โส สมโย ยํ ภยํ โหติ อฎวิสโงฺกโป, จกฺกสมารูฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติฯ ภเย โข ปน สติ มนุสฺสา เยน เขมํ เตน สงฺกมนฺติฯ ตตฺถ สงฺคณิกวิหาโร โหติ อากิณฺณวิหาโรฯ สงฺคณิกวิหาเร โข ปน สติ อากิณฺณวิหาเร น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวิตุํฯ ปุรา มํ โส ธโมฺม อาคจฺฉติ อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฎิกเจฺจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธเมฺมน สมนฺนาคโต ภเยปิ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘etarahi kho manussā samaggā sammodamānā avivadamānā khīrodakībhūtā aññamaññaṃ piyacakkhūhi sampassantā viharanti. Hoti kho pana so samayo yaṃ bhayaṃ hoti aṭavisaṅkopo, cakkasamārūḷhā jānapadā pariyāyanti. Bhaye kho pana sati manussā yena khemaṃ tena saṅkamanti. Tattha saṅgaṇikavihāro hoti ākiṇṇavihāro. Saṅgaṇikavihāre kho pana sati ākiṇṇavihāre na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, na sukarāni araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevituṃ. Purā maṃ so dhammo āgacchati aniṭṭho akanto amanāpo; handāhaṃ paṭikacceva vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya, yenāhaṃ dhammena samannāgato bhayepi phāsuṃ viharissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, catutthaṃ anāgatabhayaṃ sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข สโงฺฆ สมโคฺค สโมฺมทมาโน อวิวทมาโน เอกุเทฺทโส ผาสุ วิหรติฯ โหติ โข ปน โส สมโย ยํ สโงฺฆ ภิชฺชติฯ สเงฺฆ โข ปน ภิเนฺน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวิตุํฯ ปุรา มํ โส ธโมฺม อาคจฺฉติ อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฎิกเจฺจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธเมฺมน สมนฺนาคโต ภิเนฺนปิ สเงฺฆ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปญฺจมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu iti paṭisañcikkhati – ‘etarahi kho saṅgho samaggo sammodamāno avivadamāno ekuddeso phāsu viharati. Hoti kho pana so samayo yaṃ saṅgho bhijjati. Saṅghe kho pana bhinne na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, na sukarāni araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevituṃ. Purā maṃ so dhammo āgacchati aniṭṭho akanto amanāpo; handāhaṃ paṭikacceva vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya, yenāhaṃ dhammena samannāgato bhinnepi saṅghe phāsuṃ viharissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, pañcamaṃ anāgatabhayaṃ sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya.

    ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมเตฺตน อาตาปินา ปหิตเตฺตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติฯ อฎฺฐมํฯ

    ‘‘Imāni kho, bhikkhave, pañca anāgatabhayāni sampassamānena alameva bhikkhunā appamattena ātāpinā pahitattena viharituṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāyā’’ti. Aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. ปฎิคเจฺจว (สี.)
    2. ผาสุ (ปี. ก.)
    3. paṭigacceva (sī.)
    4. phāsu (pī. ka.)
    5. พฺยาธาภิภูเตน (สี. ปี. ก.)
    6. byādhābhibhūtena (sī. pī. ka.)
    7. เตนุปสงฺกมนฺติ (ก.)
    8. tenupasaṅkamanti (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ทุติยอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา • 8. Dutiyaanāgatabhayasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗-๘. ปฐมอนาคตภยสุตฺตาทิวณฺณนา • 7-8. Paṭhamaanāgatabhayasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact