Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๘. ทุติยอนุรุทฺธสุตฺตํ
8. Dutiyaanuruddhasuttaṃ
๑๓๑. อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุเตฺตน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โอโลเกมิฯ อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา 1, ปสฺสโทฺธ กาโย อสารโทฺธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํฯ อถ จ ปน เม นานุปาทาย 2 อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติฯ
131. Atha kho āyasmā anuruddho yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā sāriputtena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā anuruddho āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘idhāhaṃ, āvuso sāriputta, dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokaṃ olokemi. Āraddhaṃ kho pana me vīriyaṃ asallīnaṃ, upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā 3, passaddho kāyo asāraddho, samāhitaṃ cittaṃ ekaggaṃ. Atha ca pana me nānupādāya 4 āsavehi cittaṃ vimuccatī’’ti.
‘‘ยํ โข เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อหํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โวโลเกมี’ติ, อิทํ เต มานสฺมิํฯ ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา, ปสฺสโทฺธ กาโย อสารโทฺธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ, อิทํ เต อุทฺธจฺจสฺมิํฯ ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อถ จ ปน เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’ติ, อิทํ เต กุกฺกุจฺจสฺมิํฯ สาธุ วตายสฺมา อนุรุโทฺธ อิเม ตโย ธเมฺม ปหาย, อิเม ตโย ธเมฺม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรตู’’ติฯ
‘‘Yaṃ kho te, āvuso anuruddha, evaṃ hoti – ‘ahaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sahassaṃ lokaṃ volokemī’ti, idaṃ te mānasmiṃ. Yampi te, āvuso anuruddha, evaṃ hoti – ‘āraddhaṃ kho pana me vīriyaṃ asallīnaṃ, upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā, passaddho kāyo asāraddho, samāhitaṃ cittaṃ ekagga’nti, idaṃ te uddhaccasmiṃ. Yampi te, āvuso anuruddha, evaṃ hoti – ‘atha ca pana me nānupādāya āsavehi cittaṃ vimuccatī’ti, idaṃ te kukkuccasmiṃ. Sādhu vatāyasmā anuruddho ime tayo dhamme pahāya, ime tayo dhamme amanasikaritvā amatāya dhātuyā cittaṃ upasaṃharatū’’ti.
อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อปเรน สมเยน อิเม ตโย ธเมฺม ปหาย, อิเม ตโย ธเมฺม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหริ 5ฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนายสฺมา อนุรุโทฺธ อรหตํ อโหสีติฯ อฎฺฐมํฯ
Atha kho āyasmā anuruddho aparena samayena ime tayo dhamme pahāya, ime tayo dhamme amanasikaritvā amatāya dhātuyā cittaṃ upasaṃhari 6. Atha kho āyasmā anuruddho eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panāyasmā anuruddho arahataṃ ahosīti. Aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ทุติยอนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 8. Dutiyaanuruddhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. ทุติยอนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 8. Dutiyaanuruddhasuttavaṇṇanā