Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตํ
10. Dutiyaaputtakasuttaṃ
๑๓๑. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทิวา ทิวสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ?
131. Atha kho rājā pasenadi kosalo divā divassa yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ nisinnaṃ kho rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘handa, kuto nu tvaṃ, mahārāja, āgacchasi divā divassā’’ti?
‘‘อิธ, ภเนฺต, สาวตฺถิยํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลงฺกโตฯ ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชเนฺตปุรํ อติหริตฺวา อาคจฺฉามิฯ สตํ, ภเนฺต, สตสหสฺสานิ หิรญฺญเสฺสว, โก ปน วาโท รูปิยสฺส! ตสฺส โข ปน, ภเนฺต, เสฎฺฐิสฺส คหปติสฺส เอวรูโป ภตฺตโภโค อโหสิ – กณาชกํ ภุญฺชติ พิลงฺคทุติยํฯ เอวรูโป วตฺถโภโค อโหสิ – สาณํ ธาเรติ ติปกฺขวสนํ ฯ เอวรูโป ยานโภโค อโหสิ – ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนา’’ติฯ
‘‘Idha, bhante, sāvatthiyaṃ seṭṭhi gahapati kālaṅkato. Tamahaṃ aputtakaṃ sāpateyyaṃ rājantepuraṃ atiharitvā āgacchāmi. Sataṃ, bhante, satasahassāni hiraññasseva, ko pana vādo rūpiyassa! Tassa kho pana, bhante, seṭṭhissa gahapatissa evarūpo bhattabhogo ahosi – kaṇājakaṃ bhuñjati bilaṅgadutiyaṃ. Evarūpo vatthabhogo ahosi – sāṇaṃ dhāreti tipakkhavasanaṃ . Evarūpo yānabhogo ahosi – jajjararathakena yāti paṇṇachattakena dhāriyamānenā’’ti.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! ภูตปุพฺพํ โส, มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ ตคฺครสิขิํ นาม ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฎิปาเทสิฯ ‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑ’นฺติ วตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ ทตฺวา จ ปน ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี อโหสิ – ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภุเญฺชยฺยุ’นฺติฯ ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิฯ
‘‘Evametaṃ, mahārāja, evametaṃ, mahārāja! Bhūtapubbaṃ so, mahārāja, seṭṭhi gahapati taggarasikhiṃ nāma paccekasambuddhaṃ piṇḍapātena paṭipādesi. ‘Detha samaṇassa piṇḍa’nti vatvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Datvā ca pana pacchā vippaṭisārī ahosi – ‘varametaṃ piṇḍapātaṃ dāsā vā kammakarā vā bhuñjeyyu’nti. Bhātu ca pana ekaputtakaṃ sāpateyyassa kāraṇā jīvitā voropesi.
‘‘ยํ โข โส, มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ ตคฺครสิขิํ ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฎิปาเทสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สตฺตกฺขตฺตุํ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิฯ ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา สตฺตกฺขตฺตุํ เสฎฺฐิตฺตํ กาเรสิฯ ยํ โข โส, มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี อโหสิ – ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภุเญฺชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย วตฺถโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย ยานโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬารานํ ปญฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมติฯ ยํ โข โส, มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถฯ ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทํ สตฺตมํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชโกสํ ปเวเสติฯ ตสฺส โข, มหาราช, เสฎฺฐิสฺส คหปติสฺส ปุราณญฺจ ปุญฺญํ ปริกฺขีณํ, นวญฺจ ปุญฺญํ อนุปจิตํฯ อชฺช ปน, มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ มหาโรรุเว นิรเย ปจฺจตี’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต, เสฎฺฐิ คหปติ มหาโรรุวํ นิรยํ อุปปโนฺน’’ติฯ ‘‘เอวํ , มหาราช, เสฎฺฐิ คหปติ มหาโรรุวํ นิรยํ อุปปโนฺน’’ติฯ อิทมโวจ…เป.…ฯ
‘‘Yaṃ kho so, mahārāja, seṭṭhi gahapati taggarasikhiṃ paccekasambuddhaṃ piṇḍapātena paṭipādesi, tassa kammassa vipākena sattakkhattuṃ sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajji. Tasseva kammassa vipākāvasesena imissāyeva sāvatthiyā sattakkhattuṃ seṭṭhittaṃ kāresi. Yaṃ kho so, mahārāja, seṭṭhi gahapati datvā pacchā vippaṭisārī ahosi – ‘varametaṃ piṇḍapātaṃ dāsā vā kammakarā vā bhuñjeyyu’nti, tassa kammassa vipākena nāssuḷārāya bhattabhogāya cittaṃ namati, nāssuḷārāya vatthabhogāya cittaṃ namati, nāssuḷārāya yānabhogāya cittaṃ namati, nāssuḷārānaṃ pañcannaṃ kāmaguṇānaṃ bhogāya cittaṃ namati. Yaṃ kho so, mahārāja, seṭṭhi gahapati bhātu ca pana ekaputtakaṃ sāpateyyassa kāraṇā jīvitā voropesi, tassa kammassa vipākena bahūni vassāni bahūni vassasatāni bahūni vassasahassāni bahūni vassasatasahassāni niraye paccittha. Tasseva kammassa vipākāvasesena idaṃ sattamaṃ aputtakaṃ sāpateyyaṃ rājakosaṃ paveseti. Tassa kho, mahārāja, seṭṭhissa gahapatissa purāṇañca puññaṃ parikkhīṇaṃ, navañca puññaṃ anupacitaṃ. Ajja pana, mahārāja, seṭṭhi gahapati mahāroruve niraye paccatī’’ti . ‘‘Evaṃ, bhante, seṭṭhi gahapati mahāroruvaṃ nirayaṃ upapanno’’ti. ‘‘Evaṃ , mahārāja, seṭṭhi gahapati mahāroruvaṃ nirayaṃ upapanno’’ti. Idamavoca…pe….
‘‘ธญฺญํ ธนํ รชตํ ชาตรูปํ, ปริคฺคหํ วาปิ ยทตฺถิ กิญฺจิ;
‘‘Dhaññaṃ dhanaṃ rajataṃ jātarūpaṃ, pariggahaṃ vāpi yadatthi kiñci;
ทาสา กมฺมกรา เปสฺสา, เย จสฺส อนุชีวิโนฯ
Dāsā kammakarā pessā, ye cassa anujīvino.
‘‘สพฺพํ นาทาย คนฺตพฺพํ, สพฺพํ นิกฺขิปฺปคามินํ 1;
‘‘Sabbaṃ nādāya gantabbaṃ, sabbaṃ nikkhippagāminaṃ 2;
ยญฺจ กโรติ กาเยน, วาจาย อุท เจตสาฯ
Yañca karoti kāyena, vācāya uda cetasā.
‘‘ตญฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตญฺจ อาทาย คจฺฉติ;
‘‘Tañhi tassa sakaṃ hoti, tañca ādāya gacchati;
ตญฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินีฯ
Tañcassa anugaṃ hoti, chāyāva anapāyinī.
‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;
‘‘Tasmā kareyya kalyāṇaṃ, nicayaṃ samparāyikaṃ;
ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมิํ, ปติฎฺฐา โหนฺติ ปาณิน’’นฺตฺนฺตฺติฯ
Puññāni paralokasmiṃ, patiṭṭhā honti pāṇina’’ntntti.
ทุติโย วโคฺคฯ
Dutiyo vaggo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ชฎิลา ปญฺจ ราชาโน, โทณปากกุเรน จ;
Jaṭilā pañca rājāno, doṇapākakurena ca;
สงฺคาเมน เทฺว วุตฺตานิ, มลฺลิกา 3 เทฺว อปฺปมาเทน จ;
Saṅgāmena dve vuttāni, mallikā 4 dve appamādena ca;
อปุตฺตเกน เทฺว วุตฺตา, วโคฺค เตน ปวุจฺจตีติฯ
Aputtakena dve vuttā, vaggo tena pavuccatīti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyaaputtakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyaaputtakasuttavaṇṇanā