Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา

    10. Dutiyaaputtakasuttavaṇṇanā

    ๑๓๑. ทสเม ปิณฺฑปาเตน ปฎิปาเทสีติ ปิณฺฑปาเตน สทฺธิํ สํโยเชสิ, ปิณฺฑปาตํ อทาสีติ อโตฺถฯ ปกฺกามีติ เกนจิเทว ราชุปฎฺฐานาทินา กิเจฺจน คโตฯ ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี อโหสีติ โส กิร อเญฺญสุปิ ทิวเสสุ ตํ ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ ปสฺสติ, ทาตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติฯ ตสฺมิํ ปน ทิวเส อยํ ปทุมวติเทวิยา ตติยปุโตฺต ตคฺครสิขี ปเจฺจกพุโทฺธ คนฺธมาทนปพฺพเต ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย วุฎฺฐาย อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา มโนสิลาตเล นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิญฺญาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอรุยฺห จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย นครวาสีนํ ฆรทฺวาเรสุ สหสฺสภณฺฑิกํ ฐเปโนฺต วิย ปาสาทิเกหิ อภิกฺกนฺตาทีหิ อนุปุเพฺพน เสฎฺฐิโน ฆรทฺวารํ สมฺปโตฺตฯ ตํทิวสญฺจ เสฎฺฐิ ปาโตว อุฎฺฐาย ปณีตโภชนํ ภุญฺชิตฺวา, ฆรทฺวารโกฎฺฐเก อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา, ทนฺตนฺตรานิ โสเธโนฺต นิสิโนฺน โหติฯ โส ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา, ตํทิวสํ ปาโต ภุตฺวา นิสินฺนตฺตา ทานจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา, ภริยํ ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘อิมสฺส สมณสฺส ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ

    131. Dasame piṇḍapātena paṭipādesīti piṇḍapātena saddhiṃ saṃyojesi, piṇḍapātaṃ adāsīti attho. Pakkāmīti kenacideva rājupaṭṭhānādinā kiccena gato. Pacchā vippaṭisārī ahosīti so kira aññesupi divasesu taṃ paccekasambuddhaṃ passati, dātuṃ panassa cittaṃ na uppajjati. Tasmiṃ pana divase ayaṃ padumavatideviyā tatiyaputto taggarasikhī paccekabuddho gandhamādanapabbate phalasamāpattisukhena vītināmetvā pubbaṇhasamaye vuṭṭhāya anotattadahe mukhaṃ dhovitvā manosilātale nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā pattacīvaramādāya abhiññāpādakaṃ catutthajjhānaṃ samāpajjitvā iddhiyā vehāsaṃ abbhuggantvā nagaradvāre oruyha cīvaraṃ pārupitvā pattamādāya nagaravāsīnaṃ gharadvāresu sahassabhaṇḍikaṃ ṭhapento viya pāsādikehi abhikkantādīhi anupubbena seṭṭhino gharadvāraṃ sampatto. Taṃdivasañca seṭṭhi pātova uṭṭhāya paṇītabhojanaṃ bhuñjitvā, gharadvārakoṭṭhake āsanaṃ paññāpetvā, dantantarāni sodhento nisinno hoti. So paccekabuddhaṃ disvā, taṃdivasaṃ pāto bhutvā nisinnattā dānacittaṃ uppādetvā, bhariyaṃ pakkosāpetvā, ‘‘imassa samaṇassa piṇḍapātaṃ dehī’’ti vatvā pakkāmi.

    เสฎฺฐิภริยา จิเนฺตสิ – ‘‘มยา เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส ‘เทถา’ติ วจนํ น สุตปุพฺพํ, ทาเปโนฺตปิ จ อชฺช น ยสฺส วา ตสฺส วา ทาเปติ, วีตราคโทสโมหสฺส วนฺตกิเลสสฺส โอหิตภารสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส ทาเปติ, ยํ วา ตํ วา อทตฺวา ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ, ฆรา นิกฺขมฺม ปเจฺจกพุทฺธํ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย อโนฺตนิเวสเน ปญฺญตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สุปริสุเทฺธหิ สาลิตณฺฑุเลหิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ตทนุรูปํ ขาทนียํ พฺยญฺชนํ สุเปยฺยญฺจ สลฺลเกฺขตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา พหิ คเนฺธหิ สมลงฺกริตฺวา ปเจฺจกพุทฺธสฺส หเตฺถสุ ปติฎฺฐเปตฺวา วนฺทิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ – ‘‘อเญฺญสมฺปิ ปเจฺจกพุทฺธานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อปริภุญฺชิตฺวาว อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ โสปิ โข เสฎฺฐิ พาหิรโต อาคจฺฉโนฺต ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา มยํ ‘‘ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺตา, อปิ โว ลโทฺธติ? อาม, เสฎฺฐิ ลโทฺธติฯ ‘‘ปสฺสามี’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกสิฯ อถสฺส ปิณฺฑปาตคโนฺธ อุฎฺฐหิตฺวา นาสาปุฎํ ปหริฯ โส จิตฺตํ สํยเมตุํ อสโกฺกโนฺต ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี อาโหสีติฯ

    Seṭṭhibhariyā cintesi – ‘‘mayā ettakena kālena imassa ‘dethā’ti vacanaṃ na sutapubbaṃ, dāpentopi ca ajja na yassa vā tassa vā dāpeti, vītarāgadosamohassa vantakilesassa ohitabhārassa paccekabuddhassa dāpeti, yaṃ vā taṃ vā adatvā paṇītaṃ piṇḍapātaṃ dassāmī’’ti, gharā nikkhamma paccekabuddhaṃ pañcapatiṭṭhitena vanditvā pattaṃ ādāya antonivesane paññattāsane nisīdāpetvā suparisuddhehi sālitaṇḍulehi bhattaṃ sampādetvā tadanurūpaṃ khādanīyaṃ byañjanaṃ supeyyañca sallakkhetvā pattaṃ pūretvā bahi gandhehi samalaṅkaritvā paccekabuddhassa hatthesu patiṭṭhapetvā vandi. Paccekabuddho – ‘‘aññesampi paccekabuddhānaṃ saṅgahaṃ karissāmī’’ti aparibhuñjitvāva anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sopi kho seṭṭhi bāhirato āgacchanto paccekabuddhaṃ disvā mayaṃ ‘‘tumhākaṃ piṇḍapātaṃ dethā’’ti vatvā pakkantā, api vo laddhoti? Āma, seṭṭhi laddhoti. ‘‘Passāmī’’ti gīvaṃ ukkhipitvā olokesi. Athassa piṇḍapātagandho uṭṭhahitvā nāsāpuṭaṃ pahari. So cittaṃ saṃyametuṃ asakkonto pacchā vippaṭisārī āhosīti.

    วรเมตนฺติอาทิ วิปฺปฎิสารสฺส อุปฺปนฺนาการทสฺสนํฯ ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสีติ ตทา กิรสฺส อวิภเตฺตเยว กุฎุเมฺพ มาตาปิตโร จ เชฎฺฐภาตา จ กาลมกํสุฯ โส ภาตุชายาย สทฺธิํเยว สํวาสํ กเปฺปสิฯ ภาตุ ปนสฺส เอโก ปุโตฺต โหติ, ตํ วีถิยา กีฬนฺตํ มนุสฺสา วทนฺติ – ‘‘อยํ ทาโส อยํ ทาสี อิทํ ยานํ อิทํ ธนํ ตว สนฺตก’’นฺติฯ โส เตสํ กถํ คเหตฺวา – ‘‘อยํ ทาโส มยฺหํ สนฺตก’’นฺติอาทีนิ กเถติฯ

    Varametantiādi vippaṭisārassa uppannākāradassanaṃ. Bhātu ca pana ekaputtakaṃ sāpateyyassa kāraṇā jīvitā voropesīti tadā kirassa avibhatteyeva kuṭumbe mātāpitaro ca jeṭṭhabhātā ca kālamakaṃsu. So bhātujāyāya saddhiṃyeva saṃvāsaṃ kappesi. Bhātu panassa eko putto hoti, taṃ vīthiyā kīḷantaṃ manussā vadanti – ‘‘ayaṃ dāso ayaṃ dāsī idaṃ yānaṃ idaṃ dhanaṃ tava santaka’’nti. So tesaṃ kathaṃ gahetvā – ‘‘ayaṃ dāso mayhaṃ santaka’’ntiādīni katheti.

    อถสฺส จูฬปิตา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ทารโก อิทาเนว เอวํ กเถสิ, มหลฺลกกาเล กุฎุมฺพํ มเชฺฌ ภินฺทาเปยฺย, อิทาเนวสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ วาสิํ อาทาย – ‘‘เอหิ ปุตฺต, อรญฺญํ คจฺฉามา’’ติ ตํ อรญฺญํ เนตฺวา วิรวนฺตํ วิรวนฺตํ มาเรตฺวา อาวาเฎ ปกฺขิปิตฺวา ปํสุนา ปฎิจฺฉาเทสิฯ อิทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ สตฺตกฺขตฺตุนฺติ สตฺตวาเรฯ ปุพฺพปจฺฉิมเจตนาวเสน เจตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอกปิณฺฑปาตทานสฺมิญฺหิ เอกาว เจตนา เทฺว ปฎิสนฺธิโย น เทติ, ปุพฺพปจฺฉิมเจตนาหิ ปเนส สตฺตกฺขตฺตุํ สเคฺค, สตฺตกฺขตฺตุํ เสฎฺฐิกุเล นิพฺพโตฺตฯ ปุราณนฺติ ปเจฺจกสมฺพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาตเจตนากมฺมํฯ

    Athassa cūḷapitā cintesi – ‘‘ayaṃ dārako idāneva evaṃ kathesi, mahallakakāle kuṭumbaṃ majjhe bhindāpeyya, idānevassa kattabbaṃ karissāmī’’ti ekadivasaṃ vāsiṃ ādāya – ‘‘ehi putta, araññaṃ gacchāmā’’ti taṃ araññaṃ netvā viravantaṃ viravantaṃ māretvā āvāṭe pakkhipitvā paṃsunā paṭicchādesi. Idaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Sattakkhattunti sattavāre. Pubbapacchimacetanāvasena cettha attho veditabbo. Ekapiṇḍapātadānasmiñhi ekāva cetanā dve paṭisandhiyo na deti, pubbapacchimacetanāhi panesa sattakkhattuṃ sagge, sattakkhattuṃ seṭṭhikule nibbatto. Purāṇanti paccekasambuddhassa dinnapiṇḍapātacetanākammaṃ.

    ปริคฺคหนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุฯ อนุชีวิโนติ เอกํ มหากุลํ นิสฺสาย ปณฺณาสมฺปิ สฎฺฐิปิ กุลานิ ชีวนฺติ, เต มนุเสฺส สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ สพฺพํ นาทาย คนฺตพฺพนฺติ สพฺพเมตํ น อาทิยิตฺวา คนฺตพฺพํฯ สพฺพํ นิกฺขิปฺปคามินนฺติ สพฺพเมตํ นิกฺขิปฺปสภาวํ, ปริจฺจชิตพฺพสภาวเมวาติ อโตฺถฯ ทสมํฯ

    Pariggahanti pariggahitavatthu. Anujīvinoti ekaṃ mahākulaṃ nissāya paṇṇāsampi saṭṭhipi kulāni jīvanti, te manusse sandhāyetaṃ vuttaṃ. Sabbaṃ nādāya gantabbanti sabbametaṃ na ādiyitvā gantabbaṃ. Sabbaṃ nikkhippagāminanti sabbametaṃ nikkhippasabhāvaṃ, pariccajitabbasabhāvamevāti attho. Dasamaṃ.

    ทุติโย วโคฺคฯ

    Dutiyo vaggo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตํ • 10. Dutiyaaputtakasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyaaputtakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact