Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๑๐. ทุติยอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา

    10. Dutiyaariyāvāsasuttavaṇṇanā

    ๒๐. ทสเม กสฺมา ปน ภควา กุรุสุ วิหรโนฺต อิมํ สุตฺตํ อภาสีติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิฯ กุรุรฎฺฐํ กิร ตทา ตนฺนิวาสิสตฺตานํ โยนิโสมนสิการวนฺตตาทินา เยภุเยฺยน สุปฺปฎิปนฺนตาย ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตาพเลน วา ตทา อุตุอาทิสมฺปตฺติยุตฺตเมว อโหสิฯ เกจิ ปน ‘‘ปุเพฺพ ปวตฺตกุรุวตฺตธมฺมานุฎฺฐานวาสนาย อุตฺตรกุรุ วิย เยภุเยฺยน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว โหติฯ ภควโต กาเล สาติสยํ อุตุสปฺปายาทิยุตฺตํ รฎฺฐํ อโหสี’’ติ วทนฺติฯ ตตฺถ ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา ตสฺส รฎฺฐสฺส สปฺปายอุตุปจฺจยเสวเนน นิจฺจํ กลฺลสรีรา กลฺลจิตฺตา จ โหนฺติฯ เต จิตฺตสรีรกลฺลตาย อนุคฺคหิตปญฺญาพลา คมฺภีรกถํ ปฎิคฺคเหตุํ สมตฺถา ปฎิจฺจสมุปฺปาทนิสฺสิตานํ คมฺภีรปญฺญานญฺจ การกา โหนฺติฯ เตนาห ‘‘กุรุรฎฺฐวาสิโน ภิกฺขู คมฺภีรปญฺญาการกา’’ติอาทิฯ

    20. Dasame kasmā pana bhagavā kurusu viharanto imaṃ suttaṃ abhāsīti āha ‘‘yasmā’’tiādi. Kururaṭṭhaṃ kira tadā tannivāsisattānaṃ yonisomanasikāravantatādinā yebhuyyena suppaṭipannatāya pubbe ca katapuññatābalena vā tadā utuādisampattiyuttameva ahosi. Keci pana ‘‘pubbe pavattakuruvattadhammānuṭṭhānavāsanāya uttarakuru viya yebhuyyena utuādisampannameva hoti. Bhagavato kāle sātisayaṃ utusappāyādiyuttaṃ raṭṭhaṃ ahosī’’ti vadanti. Tattha bhikkhū bhikkhuniyo upāsakā upāsikāyo utupaccayādisampannattā tassa raṭṭhassa sappāyautupaccayasevanena niccaṃ kallasarīrā kallacittā ca honti. Te cittasarīrakallatāya anuggahitapaññābalā gambhīrakathaṃ paṭiggahetuṃ samatthā paṭiccasamuppādanissitānaṃ gambhīrapaññānañca kārakā honti. Tenāha ‘‘kururaṭṭhavāsino bhikkhū gambhīrapaññākārakā’’tiādi.

    ยุตฺตปฺปยุตฺตาติ สติปฎฺฐานภาวนาย ยุตฺตา เจว ปยุตฺตา จฯ ตสฺมิญฺหิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖) ชนปเท จตโสฺส ปริสา ปกติยาว สติปฎฺฐานภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, อนฺตมโส ทาสกมฺมกรปริชนาปิ สติปฎฺฐานปฺปฎิสํยุตฺตเมว กถํ กเถนฺติฯ อุทกติตฺถสุตฺตกนฺตนฎฺฐานาทีสุปิ นิรตฺถกกถา นาม นปฺปวตฺตติฯ สเจ กาจิ อิตฺถี, ‘‘อมฺม, ตฺวํ กตรํ สติปฎฺฐานภาวนํ มนสิ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘น กิญฺจี’’ติ วทติ, ตํ ครหนฺติ ‘‘ธีรตฺถุ ตว ชีวิตํ, ชีวมานาปิ ตฺวํ มตสทิสา’’ติฯ อถ นํ ‘‘มา ทานิ ปุน เอวมกาสี’’ติ โอวทิตฺวา อญฺญตรํ สติปฎฺฐานํ อุคฺคณฺหาเปนฺติฯ ยา ปน ‘‘อหํ อสุกํ สติปฎฺฐานํ นาม มนสิ กโรมี’’ติ วทติ, ตสฺสา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ตว ชีวิตํ สุชีวิตํ, ตฺวํ นาม มนุสฺสตฺตํ ปตฺตา, ตวตฺถาย สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติอาทีหิ ปสํสนฺติฯ น เกวลเญฺจตฺถ มนุสฺสชาติกาเยว สติปฎฺฐานมนสิการยุตฺตา, เต นิสฺสาย วิหรนฺตา ติรจฺฉานคตาปิฯ

    Yuttappayuttāti satipaṭṭhānabhāvanāya yuttā ceva payuttā ca. Tasmiñhi (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106) janapade catasso parisā pakatiyāva satipaṭṭhānabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti, antamaso dāsakammakaraparijanāpi satipaṭṭhānappaṭisaṃyuttameva kathaṃ kathenti. Udakatitthasuttakantanaṭṭhānādīsupi niratthakakathā nāma nappavattati. Sace kāci itthī, ‘‘amma, tvaṃ kataraṃ satipaṭṭhānabhāvanaṃ manasi karosī’’ti pucchitā ‘‘na kiñcī’’ti vadati, taṃ garahanti ‘‘dhīratthu tava jīvitaṃ, jīvamānāpi tvaṃ matasadisā’’ti. Atha naṃ ‘‘mā dāni puna evamakāsī’’ti ovaditvā aññataraṃ satipaṭṭhānaṃ uggaṇhāpenti. Yā pana ‘‘ahaṃ asukaṃ satipaṭṭhānaṃ nāma manasi karomī’’ti vadati, tassā ‘‘sādhu sādhū’’ti sādhukāraṃ datvā ‘‘tava jīvitaṃ sujīvitaṃ, tvaṃ nāma manussattaṃ pattā, tavatthāya sammāsambuddho uppanno’’tiādīhi pasaṃsanti. Na kevalañcettha manussajātikāyeva satipaṭṭhānamanasikārayuttā, te nissāya viharantā tiracchānagatāpi.

    ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร นฎโก สุวโปตกํ คเหตฺวา สิกฺขาเปโนฺต วิจรติฯ โส ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ อุปนิสฺสาย วสิตฺวา คมนกาเล สุวโปตกํ ปมุสฺสิตฺวา คโตฯ ตํ สามเณริโย คเหตฺวา ปฎิชคฺคิํสุ, ‘‘พุทฺธรกฺขิโต’’ติ จสฺส นามํ อกํสุฯ ตํ เอกทิวสํ ปุรโต นิสินฺนํ ทิสฺวา มหาเถรี อาห ‘‘พุทฺธรกฺขิตา’’ติฯ กิํ, อโยฺยติฯ อตฺถิ เต โกจิ ภาวนามนสิกาโรติ? นตฺถเยฺยติฯ อาวุโส , ปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสเนฺตน นาม วิสฺสฎฺฐอตฺตภาเวน ภวิตุํ น วฎฺฎติ, โกจิเทว มนสิกาโร อิจฺฉิตโพฺพ, ตฺวํ ปน อญฺญํ น สกฺขิสฺสสิ, ‘‘อฎฺฐิ อฎฺฐี’’ติ สชฺฌายํ กโรหีติฯ โส เถริยา โอวาเท ฐตฺวา ‘‘อฎฺฐิ อฎฺฐี’’ติ สชฺฌายโนฺต จรติฯ

    Tatridaṃ vatthu – eko kira naṭako suvapotakaṃ gahetvā sikkhāpento vicarati. So bhikkhuniupassayaṃ upanissāya vasitvā gamanakāle suvapotakaṃ pamussitvā gato. Taṃ sāmaṇeriyo gahetvā paṭijaggiṃsu, ‘‘buddharakkhito’’ti cassa nāmaṃ akaṃsu. Taṃ ekadivasaṃ purato nisinnaṃ disvā mahātherī āha ‘‘buddharakkhitā’’ti. Kiṃ, ayyoti. Atthi te koci bhāvanāmanasikāroti? Natthayyeti. Āvuso , pabbajitānaṃ santike vasantena nāma vissaṭṭhaattabhāvena bhavituṃ na vaṭṭati, kocideva manasikāro icchitabbo, tvaṃ pana aññaṃ na sakkhissasi, ‘‘aṭṭhi aṭṭhī’’ti sajjhāyaṃ karohīti. So theriyā ovāde ṭhatvā ‘‘aṭṭhi aṭṭhī’’ti sajjhāyanto carati.

    ตํ เอกทิวสํ ปาโตว โตรณเคฺค นิสีทิตฺวา พาลาตปํ ตปมานํ เอโก สกุโณ นขปญฺชเรน อคฺคเหสิฯ โส ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิฯ สามเณริโย สุตฺวา, ‘‘อเยฺย, พุทฺธรกฺขิโต สกุเณน คหิโต, โมเจม น’’นฺติ เลฑฺฑุอาทีนิ คเหตฺวา อนุพนฺธิตฺวา โมเจสุํฯ ตํ อาเนตฺวา ปุรโต ฐปิตํ เถรี อาห, ‘‘พุทฺธรกฺขิต, สกุเณน คหิตกาเล กิํ จิเนฺตสี’’ติฯ อเยฺย, น อญฺญํ จิเนฺตสิํ, ‘‘อฎฺฐิปุโญฺชว อฎฺฐิปุญฺชํ คเหตฺวา คจฺฉติ, กตรสฺมิํ ฐาเน วิปฺปกิริสฺสตี’’ติ เอวํ, อเยฺย, อฎฺฐิปุญฺชเมว จิเนฺตสินฺติฯ สาธุ สาธุ, พุทฺธรกฺขิต , อนาคเต ภวกฺขยสฺส เต ปจฺจโย ภวิสฺสตีติฯ เอวํ ตตฺถ ติรจฺฉานคตาปิ สติปฎฺฐานมนสิการยุตฺตาฯ

    Taṃ ekadivasaṃ pātova toraṇagge nisīditvā bālātapaṃ tapamānaṃ eko sakuṇo nakhapañjarena aggahesi. So ‘‘kiri kirī’’ti saddamakāsi. Sāmaṇeriyo sutvā, ‘‘ayye, buddharakkhito sakuṇena gahito, mocema na’’nti leḍḍuādīni gahetvā anubandhitvā mocesuṃ. Taṃ ānetvā purato ṭhapitaṃ therī āha, ‘‘buddharakkhita, sakuṇena gahitakāle kiṃ cintesī’’ti. Ayye, na aññaṃ cintesiṃ, ‘‘aṭṭhipuñjova aṭṭhipuñjaṃ gahetvā gacchati, katarasmiṃ ṭhāne vippakirissatī’’ti evaṃ, ayye, aṭṭhipuñjameva cintesinti. Sādhu sādhu, buddharakkhita , anāgate bhavakkhayassa te paccayo bhavissatīti. Evaṃ tattha tiracchānagatāpi satipaṭṭhānamanasikārayuttā.

    ทีฆนิกายาทีสุ มหานิทานาทีนีติ ทีฆนิกาเย มหานิทานํ (ที. นิ. ๒.๙๕ อาทโย) สติปฎฺฐานํ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานํ (ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) สาโรปมํ (ม. นิ. ๑.๓๐๗ อาทโย) รุโกฺขปมํ รฎฺฐปาลํ มาคณฺฑิยํ อาเนญฺชสปฺปายนฺติ (ม. นิ. ๓.๖๖ อาทโย) เอวมาทีนิฯ

    Dīghanikāyādīsu mahānidānādīnīti dīghanikāye mahānidānaṃ (dī. ni. 2.95 ādayo) satipaṭṭhānaṃ (dī. ni. 2.372 ādayo) majjhimanikāye satipaṭṭhānaṃ (ma. ni. 1.105 ādayo) sāropamaṃ (ma. ni. 1.307 ādayo) rukkhopamaṃ raṭṭhapālaṃ māgaṇḍiyaṃ āneñjasappāyanti (ma. ni. 3.66 ādayo) evamādīni.

    ญาณาทโยติ ญาณเญฺจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จฯ เตนาห ‘‘ญาณนฺติ วุเตฺต’’ติอาทิฯ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโตฯ มหาจิตฺตานีติ อฎฺฐปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ ‘‘สตตวิหารา’’ติ วจนโต ญาณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติโชตนโตฯ ทส จิตฺตานีติ อฎฺฐ มหากิริยจิตฺตานิ หสิตุปฺปาทโวฎฺฐพฺพนจิเตฺตหิ สทฺธิํ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ เตสมฺปิ สาธารณาติฯ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ วจนโต ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อาคตานํ อิเมสํ สตตวิหารานํ โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อาเสวนวเสน ลพฺภตี’’ติฯ กิญฺจาปิ ขีณาสโว อิฎฺฐานิเฎฺฐปิ อารมฺมเณ มชฺฌโตฺต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนโตฯ กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขาราภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฎฺฐํ อารมฺมณํ , ตตฺถ ยาถาวสภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตญฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาเสวนวเสน ลพฺภตี’’ติฯ อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตาฯ จรโตติอาทินา นิจฺจสมาทานํ ทเสฺสติ, ตํ วิเกฺขปาภาเวน ทฎฺฐพฺพํฯ

    Ñāṇādayoti ñāṇañceva taṃsampayuttadhammā ca. Tenāha ‘‘ñāṇanti vutte’’tiādi. Ñāṇasampayuttacittāni labbhanti tehi vinā sampajānatāya asambhavato. Mahācittānīti aṭṭhapi mahākiriyacittāni labbhanti ‘‘satatavihārā’’ti vacanato ñāṇuppattipaccayarahitakālepi pavattijotanato. Dasa cittānīti aṭṭha mahākiriyacittāni hasituppādavoṭṭhabbanacittehi saddhiṃ dasa cittāni labbhanti. Arajjanādussanavasena pavatti tesampi sādhāraṇāti. ‘‘Upekkhako viharatī’’ti vacanato chaḷaṅgupekkhāvasena āgatānaṃ imesaṃ satatavihārānaṃ somanassaṃ kathaṃ labbhatīti āha ‘‘āsevanavasena labbhatī’’ti. Kiñcāpi khīṇāsavo iṭṭhāniṭṭhepi ārammaṇe majjhatto viya bahulaṃ upekkhako viharati attano parisuddhapakatibhāvāvijahanato. Kadāci pana tathā cetobhisaṅkhārābhāve yaṃ taṃ sabhāvato iṭṭhaṃ ārammaṇaṃ , tattha yāthāvasabhāvaggahaṇavasenapi arahato cittaṃ somanassasahagataṃ hutvā pavattateva, tañca kho pubbāsevanavasena. Tena vuttaṃ ‘‘āsevanavasena labbhatī’’ti. Ārakkhakiccaṃ sādheti sativepullappattattā. Caratotiādinā niccasamādānaṃ dasseti, taṃ vikkhepābhāvena daṭṭhabbaṃ.

    ปพฺพชฺชูปคตาติ ยํ กิญฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตา, น สมิตปาปาฯ โภวาทิโนติ ชาติมตฺตพฺราหฺมเณ วทติฯ ปาเฎกฺกสจฺจานีติ เตหิ เตหิ ทิฎฺฐิคติเกหิ ปาฎิเยกฺกํ คหิตานิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อภินิวิฎฺฐานิ ทิฎฺฐิสจฺจาทีนิฯ ตานิปิ หิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ คหณํ อุปาทาย ‘‘สจฺจานี’’ติ โวหรียนฺติฯ เตนาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิฯ นีหฎานีติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตานิ อปนีตานิฯ คหิตคฺคหณสฺสาติ อริยมคฺคาธิคมโต ปุเพฺพ คหิตสฺส ทิฎฺฐิคฺคาหสฺสฯ วิสฺสฎฺฐภาวเววจนานีติ อริยมเคฺคน สพฺพโส ปริจฺจาคภาวสฺส อธิวจนานิฯ

    Pabbajjūpagatāti yaṃ kiñci pabbajjaṃ upagatā, na samitapāpā. Bhovādinoti jātimattabrāhmaṇe vadati. Pāṭekkasaccānīti tehi tehi diṭṭhigatikehi pāṭiyekkaṃ gahitāni ‘‘idameva sacca’’nti abhiniviṭṭhāni diṭṭhisaccādīni. Tānipi hi ‘‘idameva sacca’’nti gahaṇaṃ upādāya ‘‘saccānī’’ti voharīyanti. Tenāha ‘‘idamevā’’tiādi. Nīhaṭānīti attano santānato nīharitāni apanītāni. Gahitaggahaṇassāti ariyamaggādhigamato pubbe gahitassa diṭṭhiggāhassa. Vissaṭṭhabhāvavevacanānīti ariyamaggena sabbaso pariccāgabhāvassa adhivacanāni.

    นตฺถิ เอตาสํ วโย เวกลฺลนฺติ อวยาติ อาห ‘‘อนูนา’’ติ, อนวเสโสติ อโตฺถฯ เอสนาติ กาเมสนาทโยฯ มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโตฯ ปจฺจเวกฺขณผลํ กถิตนฺติ ปจฺจเวกฺขณมุเขน อริยผลํ กถิตํฯ อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณญาณนฺติฯ

    Natthi etāsaṃ vayo vekallanti avayāti āha ‘‘anūnā’’ti, anavasesoti attho. Esanāti kāmesanādayo. Maggassa kiccanipphatti kathitā rāgādīnaṃ pahīnabhāvadīpanato. Paccavekkhaṇaphalaṃ kathitanti paccavekkhaṇamukhena ariyaphalaṃ kathitaṃ. Adhigate hi aggaphale sabbaso rāgādīnaṃ anuppādadhammataṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ paccavekkhaṇañāṇanti.

    ทุติยอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyaariyāvāsasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นาถวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nāthavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ทุติยอริยาวาสสุตฺตํ • 10. Dutiyaariyāvāsasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ทุติยอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyaariyāvāsasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact