Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๒. ทุติยภาณวาโร
2. Dutiyabhāṇavāro
๔๑๑. อถ โข ภควา เวสาลิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย กทฺทโมทเกน โอสิญฺจนฺติ – อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ภิกฺขุนิโย กทฺทโมทเกน โอสิญฺจิตพฺพาฯ โย โอสิเญฺจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺส ภิกฺขุโน ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อวนฺทิโย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆน กาตโพฺพ’’ติฯ
411. Atha kho bhagavā vesāliyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sāvatthi tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme . Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuniyo kaddamodakena osiñcanti – appeva nāma amhesu sārajjeyyunti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhunā bhikkhuniyo kaddamodakena osiñcitabbā. Yo osiñceyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, tassa bhikkhuno daṇḍakammaṃ kātu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho daṇḍakammaṃ kātabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Avandiyo so, bhikkhave, bhikkhu bhikkhunisaṅghena kātabbo’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กายํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ …เป.… อูรุํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ, องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ, ภิกฺขุนิโย โอภาเสนฺติ, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชนฺติ – อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กาโย วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสตโพฺพ, น อูรุ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสตโพฺพ, น องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสตพฺพํ, น ภิกฺขุนิโย โอภาสิตพฺพา, น ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชตพฺพํฯ โย สมฺปโยเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺส ภิกฺขุโน ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อวนฺทิโย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆน กาตโพฺพ’’ติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū kāyaṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti …pe… ūruṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti, aṅgajātaṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti, bhikkhuniyo obhāsenti, bhikkhunīhi saddhiṃ sampayojenti – appeva nāma amhesu sārajjeyyunti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhunā kāyo vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassetabbo, na ūru vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassetabbo, na aṅgajātaṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassetabbaṃ, na bhikkhuniyo obhāsitabbā, na bhikkhunīhi saddhiṃ sampayojetabbaṃ. Yo sampayojeyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, tassa bhikkhuno daṇḍakammaṃ kātu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho daṇḍakammaṃ kātabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Avandiyo so, bhikkhave, bhikkhu bhikkhunisaṅghena kātabbo’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย ภิกฺขุํ กทฺทโมทเกน โอสิญฺจนฺติ – อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุ กทฺทโมทเกน โอสิญฺจิตโพฺพฯ ยา โอสิเญฺจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺสา ภิกฺขุนิยา ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, อาวรณํ กาตุ’’นฺติฯ อาวรเณ กเต น อาทิยนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอวาทํ ฐเปตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo bhikkhuṃ kaddamodakena osiñcanti – appeva nāma amhesu sārajjeyyunti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhu kaddamodakena osiñcitabbo. Yā osiñceyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, tassā bhikkhuniyā daṇḍakammaṃ kātu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho daṇḍakammaṃ kātabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi bhikkhave, āvaraṇaṃ kātu’’nti. Āvaraṇe kate na ādiyanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ovādaṃ ṭhapetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย กายํ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสนฺติ, ถนํ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสนฺติ, อูรุํ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสนฺติ, องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสนฺติ, ภิกฺขู โอภาเสนฺติ, ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชนฺติ – อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา กาโย วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสตโพฺพ…เป.… น ถโน วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสตโพฺพ, น อูรุ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสตโพฺพ, น องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขูนํ ทเสฺสตพฺพํ, น ภิกฺขู โอภาสิตพฺพา, น ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชตพฺพํฯ ยา สมฺปโยเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตสฺสา ภิกฺขุนิยา ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาวรณํ กาตุ’’นฺติฯ อาวรเณ กเต น อาทิยนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โอวาทํ ฐเปตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กปฺปติ นุ โข โอวาทฎฺฐปิตาย 1 ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ อุโปสถํ กาตุํ, น นุ โข กปฺปตี’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาทฎฺฐปิตาย ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ อุโปสโถ กาตโพฺพ, ยาว น ตํ อธิกรณํ วูปสนฺตํ โหตี’’ติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo kāyaṃ vivaritvā bhikkhūnaṃ dassenti, thanaṃ vivaritvā bhikkhūnaṃ dassenti, ūruṃ vivaritvā bhikkhūnaṃ dassenti, aṅgajātaṃ vivaritvā bhikkhūnaṃ dassenti, bhikkhū obhāsenti, bhikkhūhi saddhiṃ sampayojenti – appeva nāma amhesu sārajjeyyunti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā kāyo vivaritvā bhikkhūnaṃ dassetabbo…pe… na thano vivaritvā bhikkhūnaṃ dassetabbo, na ūru vivaritvā bhikkhūnaṃ dassetabbo, na aṅgajātaṃ vivaritvā bhikkhūnaṃ dassetabbaṃ, na bhikkhū obhāsitabbā, na bhikkhūhi saddhiṃ sampayojetabbaṃ. Yā sampayojeyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, tassā bhikkhuniyā daṇḍakammaṃ kātu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho daṇḍakammaṃ kātabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, āvaraṇaṃ kātu’’nti. Āvaraṇe kate na ādiyanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ovādaṃ ṭhapetu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kappati nu kho ovādaṭṭhapitāya 2 bhikkhuniyā saddhiṃ uposathaṃ kātuṃ, na nu kho kappatī’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādaṭṭhapitāya bhikkhuniyā saddhiṃ uposatho kātabbo, yāva na taṃ adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ hotī’’ti.
๔๑๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี โอวาทํ ฐเปตฺวา จาริกํ ปกฺกามิฯ ภิกฺขุนิโย อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อโยฺย อุทายี โอวาทํ ฐเปตฺวา จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาทํ ฐเปตฺวา จาริกา ปกฺกมิตพฺพาฯ โย ปกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
412. Tena kho pana samayena āyasmā udāyī ovādaṃ ṭhapetvā cārikaṃ pakkāmi. Bhikkhuniyo ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma ayyo udāyī ovādaṃ ṭhapetvā cārikaṃ pakkamissatī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādaṃ ṭhapetvā cārikā pakkamitabbā. Yo pakkameyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน 3 พาลา อพฺยตฺตา โอวาทํ ฐเปนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, พาเลน อพฺยเตฺตน โอวาโท ฐเปตโพฺพฯ โย ฐเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena 4 bālā abyattā ovādaṃ ṭhapenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bālena abyattena ovādo ṭhapetabbo. Yo ṭhapeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อวตฺถุสฺมิํ อการเณ โอวาทํ ฐเปนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อวตฺถุสฺมิํ อการเณ โอวาโท ฐเปตโพฺพฯ โย ฐเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū avatthusmiṃ akāraṇe ovādaṃ ṭhapenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, avatthusmiṃ akāraṇe ovādo ṭhapetabbo. Yo ṭhapeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู โอวาทํ ฐเปตฺวา วินิจฺฉยํ น เทนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาทํ ฐเปตฺวา วินิจฺฉโย น ทาตโพฺพฯ โย น ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū ovādaṃ ṭhapetvā vinicchayaṃ na denti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādaṃ ṭhapetvā vinicchayo na dātabbo. Yo na dadeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๑๓. 5 เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย โอวาทํ น คจฺฉนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา โอวาโท น คนฺตโพฺพฯ ยา น คเจฺฉยฺย, ยถาธโมฺม กาเรตโพฺพ’’ติฯ
413.6 Tena kho pana samayena bhikkhuniyo ovādaṃ na gacchanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā ovādo na gantabbo. Yā na gaccheyya, yathādhammo kāretabbo’’ti.
เตน โข ปน สมเยน สโพฺพ ภิกฺขุนิสโงฺฆ โอวาทํ คจฺฉติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ชายาโย อิมา อิเมสํ, ชาริโย อิมา อิเมสํ, อิทานิ อิเม อิมาหิ สทฺธิํ อภิรมิสฺสนฺตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, สเพฺพน ภิกฺขุนิสเงฺฆน โอวาโท คนฺตโพฺพฯ คเจฺฉยฺย เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุนีหิ โอวาทํ คนฺตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena sabbo bhikkhunisaṅgho ovādaṃ gacchati. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘jāyāyo imā imesaṃ, jāriyo imā imesaṃ, idāni ime imāhi saddhiṃ abhiramissantī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, sabbena bhikkhunisaṅghena ovādo gantabbo. Gaccheyya ce, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, catūhi pañcahi bhikkhunīhi ovādaṃ gantu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน จตโสฺส ปญฺจ ภิกฺขุนิโย โอวาทํ คจฺฉนฺติฯ มนุสฺสา ตเถว อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ชายาโย อิมา อิเมสํ, ชาริโย อิมา อิเมสํ, อิทานิ อิเม อิมาหิ สทฺธิํ อภิรมิสฺสนฺตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, จตูหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุนีหิ โอวาโท คนฺตโพฺพฯ คเจฺฉยฺยุํ เจ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เทฺว ติโสฺส ภิกฺขุนิโย 7 โอวาทํ คนฺตุํฯ เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนญฺจ ยาจติ; ลภตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิสโงฺฆ โอวาทูปสงฺกมน’นฺติฯ เตน ภิกฺขุนา ปาติโมกฺขุเทฺทสโก อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘ภิกฺขุนีสโงฺฆ, ภเนฺต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนญฺจ ยาจติ; ลภตุ กิร, ภเนฺต, ภิกฺขุนิสโงฺฆ โอวาทูปสงฺกมน’นฺติฯ ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตโพฺพ – ‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’ติ? สเจ โหติ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตโพฺพ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสโงฺฆ อุปสงฺกมตู’ติฯ สเจ น โหติ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตโพฺพ – ‘โก อายสฺมา อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’นฺติ? สเจ โกจิ อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ, โส จ โหติ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต, สมฺมนฺนิตฺวา วตฺตโพฺพ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสโงฺฆ อุปสงฺกมตู’ติฯ สเจ น โกจิ อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ, ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตโพฺพ – ‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสโงฺฆ สมฺปาเทตู’’ติฯ
Tena kho pana samayena catasso pañca bhikkhuniyo ovādaṃ gacchanti. Manussā tatheva ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘jāyāyo imā imesaṃ, jāriyo imā imesaṃ, idāni ime imāhi saddhiṃ abhiramissantī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, catūhi pañcahi bhikkhunīhi ovādo gantabbo. Gaccheyyuṃ ce, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, dve tisso bhikkhuniyo 8 ovādaṃ gantuṃ. Ekaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘bhikkhunisaṅgho, ayya, bhikkhusaṅghassa pāde vandati, ovādūpasaṅkamanañca yācati; labhatu kira, ayya, bhikkhunisaṅgho ovādūpasaṅkamana’nti. Tena bhikkhunā pātimokkhuddesako upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘bhikkhunīsaṅgho, bhante, bhikkhusaṅghassa pāde vandati, ovādūpasaṅkamanañca yācati; labhatu kira, bhante, bhikkhunisaṅgho ovādūpasaṅkamana’nti. Pātimokkhuddesakena vattabbo – ‘atthi koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato’ti? Sace hoti koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato, pātimokkhuddesakena vattabbo – ‘itthannāmo bhikkhu bhikkhunovādako sammato, taṃ bhikkhunisaṅgho upasaṅkamatū’ti. Sace na hoti koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato, pātimokkhuddesakena vattabbo – ‘ko āyasmā ussahati bhikkhuniyo ovaditu’nti? Sace koci ussahati bhikkhuniyo ovadituṃ, so ca hoti aṭṭhahaṅgehi samannāgato, sammannitvā vattabbo – ‘itthannāmo bhikkhu bhikkhunovādako sammato, taṃ bhikkhunisaṅgho upasaṅkamatū’ti. Sace na koci ussahati bhikkhuniyo ovadituṃ, pātimokkhuddesakena vattabbo – ‘natthi koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato, pāsādikena bhikkhunisaṅgho sampādetū’’ti.
๔๑๔. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู โอวาทํ น คณฺหนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น คเหตโพฺพฯ โย น คเณฺหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
414. Tena kho pana samayena bhikkhū ovādaṃ na gaṇhanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādo na gahetabbo. Yo na gaṇheyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ พาโล โหติฯ ตํ ภิกฺขุนิโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘โอวาทํ, อยฺย, คณฺหาหี’’ติ ฯ ‘‘อหญฺหิ, ภคินี, พาโล; กถาหํ โอวาทํ คณฺหามี’’ติ? ‘‘คณฺหาหยฺย , โอวาทํ; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ – ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ โอวาโท คเหตโพฺพ’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา พาลํ, อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu bālo hoti. Taṃ bhikkhuniyo upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘ovādaṃ, ayya, gaṇhāhī’’ti . ‘‘Ahañhi, bhaginī, bālo; kathāhaṃ ovādaṃ gaṇhāmī’’ti? ‘‘Gaṇhāhayya , ovādaṃ; evañhi bhagavatā paññattaṃ – bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ ovādo gahetabbo’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā bālaṃ, avasesehi ovādaṃ gahetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขุนิโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘โอวาทํ, อยฺย คณฺหาหี’’ติฯ ‘‘อหญฺหิ, ภคินี, คิลาโน; กถาหํ โอวาทํ คณฺหามี’’ติ? ‘‘คณฺหาหยฺย, โอวาทํ; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ – ฐเปตฺวา พาลํ, อวเสเสหิ โอวาโท คเหตโพฺพ’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา พาลํ, ฐเปตฺวา คิลานํ, อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhuniyo upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘ovādaṃ, ayya gaṇhāhī’’ti. ‘‘Ahañhi, bhaginī, gilāno; kathāhaṃ ovādaṃ gaṇhāmī’’ti? ‘‘Gaṇhāhayya, ovādaṃ; evañhi bhagavatā paññattaṃ – ṭhapetvā bālaṃ, avasesehi ovādo gahetabbo’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā bālaṃ, ṭhapetvā gilānaṃ, avasesehi ovādaṃ gahetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คมิโก โหติฯ ตํ ภิกฺขุนิโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘โอวาทํ, อยฺย, คณฺหาหี’’ติฯ ‘‘อหญฺหิ, ภคินี, คมิโก; กถาหํ โอวาทํ คณฺหามี’’ติ? ‘‘คณฺหาหยฺย, โอวาทํ; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ – ฐเปตฺวา พาลํ, ฐเปตฺวา คิลานํ, อวเสเสหิ โอวาโท คเหตโพฺพ’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา พาลํ, ฐเปตฺวา คิลานํ, ฐเปตฺวา คมิกํ, อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gamiko hoti. Taṃ bhikkhuniyo upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘ovādaṃ, ayya, gaṇhāhī’’ti. ‘‘Ahañhi, bhaginī, gamiko; kathāhaṃ ovādaṃ gaṇhāmī’’ti? ‘‘Gaṇhāhayya, ovādaṃ; evañhi bhagavatā paññattaṃ – ṭhapetvā bālaṃ, ṭhapetvā gilānaṃ, avasesehi ovādo gahetabbo’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā bālaṃ, ṭhapetvā gilānaṃ, ṭhapetvā gamikaṃ, avasesehi ovādaṃ gahetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อรเญฺญ วิหรติฯ ตํ ภิกฺขุนิโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘โอวาทํ, อยฺย, คณฺหาหี’’ติฯ ‘‘อหญฺหิ, ภคินี, อรเญฺญ วิหรามิ; กถาหํ โอวาทํ คณฺหามี’’ติ? ‘‘คณฺหาหยฺย , โอวาทํ; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ – ฐเปตฺวา พาลํ, ฐเปตฺวา คิลานํ, ฐเปตฺวา คมิกํ, อวเสเสหิ โอวาโท คเหตโพฺพ’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารญฺญิเกน ภิกฺขุนา โอวาทํ คเหตุํ, สเงฺกตญฺจ กาตุํ – อตฺร ปติหริสฺสามี’’ติฯ
Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu araññe viharati. Taṃ bhikkhuniyo upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘ovādaṃ, ayya, gaṇhāhī’’ti. ‘‘Ahañhi, bhaginī, araññe viharāmi; kathāhaṃ ovādaṃ gaṇhāmī’’ti? ‘‘Gaṇhāhayya , ovādaṃ; evañhi bhagavatā paññattaṃ – ṭhapetvā bālaṃ, ṭhapetvā gilānaṃ, ṭhapetvā gamikaṃ, avasesehi ovādo gahetabbo’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, āraññikena bhikkhunā ovādaṃ gahetuṃ, saṅketañca kātuṃ – atra patiharissāmī’’ti.
๔๑๕. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู โอวาทํ คเหตฺวา น อาโรเจนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น อาโรเจตโพฺพฯ โย น อาโรเจยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
415. Tena kho pana samayena bhikkhū ovādaṃ gahetvā na ārocenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādo na ārocetabbo. Yo na āroceyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู โอวาทํ คเหตฺวา น ปจฺจาหรนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น ปจฺจาหริตโพฺพฯ โย น ปจฺจาหเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū ovādaṃ gahetvā na paccāharanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, ovādo na paccāharitabbo. Yo na paccāhareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย สเงฺกตํ น คจฺฉนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สเงฺกตํ น คนฺตพฺพํฯ ยา น คเจฺฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhuniyo saṅketaṃ na gacchanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā saṅketaṃ na gantabbaṃ. Yā na gaccheyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๑๖. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย ทีฆานิ กายพนฺธนานิ ธาเรนฺติ, เตเหว ผาสุกา นาเมนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ทีฆํ กายพนฺธนํ ธาเรตพฺพํฯ ยา ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา เอกปริยากตํ 9 กายพนฺธนํ, น จ เตน ผาสุกา นาเมตพฺพาฯ ยา นาเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
416. Tena kho pana samayena bhikkhuniyo dīghāni kāyabandhanāni dhārenti, teheva phāsukā nāmenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti…pe… seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā dīghaṃ kāyabandhanaṃ dhāretabbaṃ. Yā dhāreyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhuniyā ekapariyākataṃ 10 kāyabandhanaṃ, na ca tena phāsukā nāmetabbā. Yā nāmeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย วิลีเวน 11 ปเฎฺฎน ผาสุกา นาเมนฺติ…เป.… จมฺมปเฎฺฎน ผาสุกา นาเมนฺติฯ ทุสฺสปเฎฺฎน ผาสุกา นาเมนฺติฯ ทุสฺสเวณิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ ทุสฺสวฎฺฎิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ โจฬปเฎฺฎน ผาสุกา นาเมนฺติฯ โจฬเวณิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ โจฬวฎฺฎิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ สุตฺตเวณิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ สุตฺตวฎฺฎิยา ผาสุกา นาเมนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา วิลีเวน ปเฎฺฎน ผาสุกา นาเมตพฺพา…เป.… น สุตฺตวฎฺฎิยา ผาสุกา นาเมตพฺพาฯ ยา นาเมยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhuniyo vilīvena 12 paṭṭena phāsukā nāmenti…pe… cammapaṭṭena phāsukā nāmenti. Dussapaṭṭena phāsukā nāmenti. Dussaveṇiyā phāsukā nāmenti. Dussavaṭṭiyā phāsukā nāmenti. Coḷapaṭṭena phāsukā nāmenti. Coḷaveṇiyā phāsukā nāmenti. Coḷavaṭṭiyā phāsukā nāmenti. Suttaveṇiyā phāsukā nāmenti. Suttavaṭṭiyā phāsukā nāmenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ . ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā vilīvena paṭṭena phāsukā nāmetabbā…pe… na suttavaṭṭiyā phāsukā nāmetabbā. Yā nāmeyya āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย อฎฺฐิเลฺลน ชฆนํ ฆํสาเปนฺติ…เป.… โคหนุเกน ชฆนํ โกฎฺฎาเปนฺติ, หตฺถํ โกฎฺฎาเปนฺติ, หตฺถโกจฺฉํ โกฎฺฎาเปนฺติ, ปาทํ โกฎฺฎาเปนฺติ, ปาทโกจฺฉํ โกฎฺฎาเปนฺติ, อูรุํ โกฎฺฎาเปนฺติ, มุขํ โกฎฺฎาเปนฺติ, ทนฺตมํสํ โกฎฺฎาเปนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อฎฺฐิเลฺลน ชฆนํ ฆํสาเปตพฺพํ…เป.… น ทนฺตมํสํ โกฎฺฎาเปตพฺพํฯ ยา โกฎฺฎาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhuniyo aṭṭhillena jaghanaṃ ghaṃsāpenti…pe… gohanukena jaghanaṃ koṭṭāpenti, hatthaṃ koṭṭāpenti, hatthakocchaṃ koṭṭāpenti, pādaṃ koṭṭāpenti, pādakocchaṃ koṭṭāpenti, ūruṃ koṭṭāpenti, mukhaṃ koṭṭāpenti, dantamaṃsaṃ koṭṭāpenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti…pe… seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā aṭṭhillena jaghanaṃ ghaṃsāpetabbaṃ…pe… na dantamaṃsaṃ koṭṭāpetabbaṃ. Yā koṭṭāpeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๑๗. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย มุขํ อาลิมฺปนฺติ…เป.… มุขํ อุมฺมเทฺทนฺติ, มุขํ จุเณฺณนฺติ, มโนสิลิกาย มุขํ ลเญฺฉนฺติ, องฺคราคํ กโรนฺติ, มุขราคํ กโรนฺติ, องฺคราคมุขราคํ กโรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว , ภิกฺขุนิยา มุขํ อาลิมฺปิตพฺพํ…เป.… น มุขํ อุมฺมทฺทิตพฺพํ, น มุขํ จุเณฺณตพฺพํ, น มโนสิลิกาย มุขํ ลญฺฉิตพฺพํ, น องฺคราโค กาตโพฺพ, น มุขราโค กาตโพฺพ, น องฺคราคมุขราโค กาตโพฺพฯ ยา กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
417. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo mukhaṃ ālimpanti…pe… mukhaṃ ummaddenti, mukhaṃ cuṇṇenti, manosilikāya mukhaṃ lañchenti, aṅgarāgaṃ karonti, mukharāgaṃ karonti, aṅgarāgamukharāgaṃ karonti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti…pe… seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave , bhikkhuniyā mukhaṃ ālimpitabbaṃ…pe… na mukhaṃ ummadditabbaṃ, na mukhaṃ cuṇṇetabbaṃ, na manosilikāya mukhaṃ lañchitabbaṃ, na aṅgarāgo kātabbo, na mukharāgo kātabbo, na aṅgarāgamukharāgo kātabbo. Yā kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย อวงฺคํ 13 กโรนฺติ…เป.… วิเสสกํ กโรนฺติ, โอโลกนเกน โอโลเกนฺติ, สาโลเก ติฎฺฐนฺติ; นจฺจํ 14 การาเปนฺติ, เวสิํ วุฎฺฐาเปนฺติ, ปานาคารํ ฐเปนฺติ, สูนํ ฐเปนฺติ, อาปณํ ปสาเรนฺติ, วฑฺฒิํ ปโยเชนฺติ, วณิชฺชํ ปโยเชนฺติ, ทาสํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, ทาสิํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, กมฺมการํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, กมฺมการิํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, ติรจฺฉานคตํ อุปฎฺฐาเปนฺติ, หรีตกปกฺกิกํ 15 ปกิณนฺติ, นมตกํ ธาเรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อวงฺคํ กาตพฺพํ…เป.… น วิเสสกํ กาตพฺพํ, น โอโลกนเกน โอโลเกตพฺพํ, น สาโลเก ฐาตพฺพํ, น นจฺจํ การาเปตพฺพํ, น เวสี วุฎฺฐาเปตพฺพา, น ปานาคารํ ฐเปตพฺพํ, น สูนา ฐเปตพฺพา, น อาปโณ ปสาเรตโพฺพ, น วฑฺฒิ ปโยเชตพฺพา, น วณิชฺชา ปโยเชตพฺพา, น ทาโส อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, น ทาสี อุปฎฺฐาเปตพฺพา, น กมฺมกาโร อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, น กมฺมการี อุปฎฺฐาเปตพฺพา, น ติรจฺฉานคโต อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, น หรีตกปกฺกิกํ ปกิณิตพฺพํ, น นมตกํ ธาเรตพฺพํฯ ยา ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo avaṅgaṃ 16 karonti…pe… visesakaṃ karonti, olokanakena olokenti, sāloke tiṭṭhanti; naccaṃ 17 kārāpenti, vesiṃ vuṭṭhāpenti, pānāgāraṃ ṭhapenti, sūnaṃ ṭhapenti, āpaṇaṃ pasārenti, vaḍḍhiṃ payojenti, vaṇijjaṃ payojenti, dāsaṃ upaṭṭhāpenti, dāsiṃ upaṭṭhāpenti, kammakāraṃ upaṭṭhāpenti, kammakāriṃ upaṭṭhāpenti, tiracchānagataṃ upaṭṭhāpenti, harītakapakkikaṃ 18 pakiṇanti, namatakaṃ dhārenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti…pe… seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā avaṅgaṃ kātabbaṃ…pe… na visesakaṃ kātabbaṃ, na olokanakena oloketabbaṃ, na sāloke ṭhātabbaṃ, na naccaṃ kārāpetabbaṃ, na vesī vuṭṭhāpetabbā, na pānāgāraṃ ṭhapetabbaṃ, na sūnā ṭhapetabbā, na āpaṇo pasāretabbo, na vaḍḍhi payojetabbā, na vaṇijjā payojetabbā, na dāso upaṭṭhāpetabbo, na dāsī upaṭṭhāpetabbā, na kammakāro upaṭṭhāpetabbo, na kammakārī upaṭṭhāpetabbā, na tiracchānagato upaṭṭhāpetabbo, na harītakapakkikaṃ pakiṇitabbaṃ, na namatakaṃ dhāretabbaṃ. Yā dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๑๘. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย สพฺพนีลกานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ…เป.… สพฺพปีตกานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, สพฺพโลหิตกานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, สพฺพมญฺชิฎฺฐิกานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, สพฺพกณฺหานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, สพฺพมหารงฺครตฺตานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, สพฺพมหานามรตฺตานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, อจฺฉินฺนทสานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, ทีฆทสานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, ปุปฺผทสานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, ผลทสานิ จีวรานิ ธาเรนฺติ, กญฺจุกํ ธาเรนฺติ, ติรีฎกํ ธาเรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สพฺพนีลกานิ จีวรานิ ธาเรตพฺพานิ…เป.… น ติรีฎกํ ธาเรตพฺพํฯ ยา ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
418. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo sabbanīlakāni cīvarāni dhārenti…pe… sabbapītakāni cīvarāni dhārenti, sabbalohitakāni cīvarāni dhārenti, sabbamañjiṭṭhikāni cīvarāni dhārenti, sabbakaṇhāni cīvarāni dhārenti, sabbamahāraṅgarattāni cīvarāni dhārenti, sabbamahānāmarattāni cīvarāni dhārenti, acchinnadasāni cīvarāni dhārenti, dīghadasāni cīvarāni dhārenti, pupphadasāni cīvarāni dhārenti, phaladasāni cīvarāni dhārenti, kañcukaṃ dhārenti, tirīṭakaṃ dhārenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti…pe… seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā sabbanīlakāni cīvarāni dhāretabbāni…pe… na tirīṭakaṃ dhāretabbaṃ. Yā dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๑๙. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา ภิกฺขุนี กาลํ กโรนฺตี เอวมาห – ‘‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร สงฺฆสฺส โหตู’’ติฯ ตตฺถ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ วิวทนฺติ – ‘‘อมฺหากํ โหติ, อมฺหากํ โหตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘ภิกฺขุนี เจ, ภิกฺขเว , กาลํ กโรนฺตี เอวํ วเทยฺย – ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร สงฺฆสฺส โหตู’ติ, อนิสฺสโร ตตฺถ ภิกฺขุสโงฺฆ, ภิกฺขุนิสงฺฆเสฺสเวตํฯ สิกฺขมานา เจ, ภิกฺขเว…เป.… สามเณรี เจ, ภิกฺขเว, กาลํ กโรนฺตี เอวํ วเทยฺย – ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร สงฺฆสฺส โหตู’ติ, อนิสฺสโร ตตฺถ ภิกฺขุสโงฺฆ, ภิกฺขุนิสงฺฆเสฺสเวตํฯ ภิกฺขุ เจ, ภิกฺขเว, กาลํ กโรโนฺต เอวํ วเทยฺย – ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร สงฺฆสฺส โหตู’ติ, อนิสฺสโร ตตฺถ ภิกฺขุนิสโงฺฆ, ภิกฺขุสงฺฆเสฺสเวตํฯ สามเณโร เจ, ภิกฺขเว…เป.… อุปาสโก เจ, ภิกฺขเว…เป.… อุปาสิกา เจ, ภิกฺขเว…เป.… อโญฺญ เจ, ภิกฺขเว, โกจิ กาลํ กโรโนฺต เอวํ วเทยฺย – ‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร สงฺฆสฺส โหตู’ติ, อนิสฺสโร ตตฺถ ภิกฺขุนิสโงฺฆ, ภิกฺขุสงฺฆเสฺสเวต’’นฺติฯ
419. Tena kho pana samayena aññatarā bhikkhunī kālaṃ karontī evamāha – ‘‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro saṅghassa hotū’’ti. Tattha bhikkhū ca bhikkhuniyo ca vivadanti – ‘‘amhākaṃ hoti, amhākaṃ hotī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Bhikkhunī ce, bhikkhave , kālaṃ karontī evaṃ vadeyya – ‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro saṅghassa hotū’ti, anissaro tattha bhikkhusaṅgho, bhikkhunisaṅghassevetaṃ. Sikkhamānā ce, bhikkhave…pe… sāmaṇerī ce, bhikkhave, kālaṃ karontī evaṃ vadeyya – ‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro saṅghassa hotū’ti, anissaro tattha bhikkhusaṅgho, bhikkhunisaṅghassevetaṃ. Bhikkhu ce, bhikkhave, kālaṃ karonto evaṃ vadeyya – ‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro saṅghassa hotū’ti, anissaro tattha bhikkhunisaṅgho, bhikkhusaṅghassevetaṃ. Sāmaṇero ce, bhikkhave…pe… upāsako ce, bhikkhave…pe… upāsikā ce, bhikkhave…pe… añño ce, bhikkhave, koci kālaṃ karonto evaṃ vadeyya – ‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro saṅghassa hotū’ti, anissaro tattha bhikkhunisaṅgho, bhikkhusaṅghasseveta’’nti.
๔๒๐. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี ปุราณมลฺลี ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา โหติฯ สา รถิกาย ทุพฺพลกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา อํสกูเฎน ปหารํ ทตฺวา ปาเตสิ 19ฯ ภิกฺขู อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม, ภิกฺขุนี, ภิกฺขุสฺส ปหารํ ทสฺสตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสฺส ปหาโร ทาตโพฺพฯ ยา ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ทูรโตว โอกฺกมิตฺวา มคฺคํ ทาตุ’’นฺติฯ
420. Tena kho pana samayena aññatarā itthī purāṇamallī bhikkhunīsu pabbajitā hoti. Sā rathikāya dubbalakaṃ bhikkhuṃ passitvā aṃsakūṭena pahāraṃ datvā pātesi 20. Bhikkhū ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma, bhikkhunī, bhikkhussa pahāraṃ dassatī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhussa pahāro dātabbo. Yā dadeyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhuṃ passitvā dūratova okkamitvā maggaṃ dātu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี ปวุตฺถปติกา ชาเรน คพฺภินี โหติฯ สา คพฺภํ ปาเตตฺวา กุลูปิกํ ภิกฺขุนิํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺทเยฺย, อิมํ คพฺภํ ปเตฺตน นีหรา’’ติฯ อถ โข สา ภิกฺขุนี ตํ คพฺภํ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา สงฺฆาฎิยา ปฎิจฺฉาเทตฺวา อคมาสิฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตเรน ปิณฺฑจาริเกน ภิกฺขุนา สมาทานํ กตํ โหติ – ‘ยาหํ ปฐมํ ภิกฺขํ ลภิสฺสามิ, น ตํ อทตฺวา ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา ปริภุญฺชิสฺสามี’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุนิํ ปสฺสิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, ภคินิ, ภิกฺขํ ปฎิคฺคณฺหา’’ติฯ ‘‘อลํ อยฺยา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุนิํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, ภคินิ, ภิกฺขํ ปฎิคฺคณฺหา’’ติฯ ‘‘อลํ อยฺยา’’ติฯ ‘‘มยา โข, ภคินิ, สมาทานํ กตํ – ‘ยาหํ ปฐมํ ภิกฺขํ ลภิสฺสามิ, น ตํ อทตฺวา ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา ปริภุญฺชิสฺสามี’ติฯ หนฺท , ภคินิ, ภิกฺขํ ปฎิคฺคณฺหา’’ติฯ อถ โข สา ภิกฺขุนี เตน ภิกฺขุนา นิปฺปีฬิยมานา นีหริตฺวา ปตฺตํ ทเสฺสสิ – ‘‘ปสฺส, อยฺย, ปเตฺต คพฺภํ; มา จ กสฺสจิ อาโรเจสี’’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ อุชฺฌายติ ขิยฺยติ วิปาเจติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุนี ปเตฺตน คพฺภํ นีหริสฺสตี’’ติ! อถ โข โส ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุนี ปเตฺตน คพฺภํ นีหริสฺสตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ปเตฺตน คโพฺภ นีหริตโพฺพฯ ยา นีหเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา นีหริตฺวา ปตฺตํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā itthī pavutthapatikā jārena gabbhinī hoti. Sā gabbhaṃ pātetvā kulūpikaṃ bhikkhuniṃ etadavoca – ‘‘handayye, imaṃ gabbhaṃ pattena nīharā’’ti. Atha kho sā bhikkhunī taṃ gabbhaṃ patte pakkhipitvā saṅghāṭiyā paṭicchādetvā agamāsi. Tena kho pana samayena aññatarena piṇḍacārikena bhikkhunā samādānaṃ kataṃ hoti – ‘yāhaṃ paṭhamaṃ bhikkhaṃ labhissāmi, na taṃ adatvā bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā paribhuñjissāmī’ti. Atha kho so bhikkhu taṃ bhikkhuniṃ passitvā etadavoca – ‘‘handa, bhagini, bhikkhaṃ paṭiggaṇhā’’ti. ‘‘Alaṃ ayyā’’ti. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho so bhikkhu taṃ bhikkhuniṃ etadavoca – ‘‘handa, bhagini, bhikkhaṃ paṭiggaṇhā’’ti. ‘‘Alaṃ ayyā’’ti. ‘‘Mayā kho, bhagini, samādānaṃ kataṃ – ‘yāhaṃ paṭhamaṃ bhikkhaṃ labhissāmi, na taṃ adatvā bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā paribhuñjissāmī’ti. Handa , bhagini, bhikkhaṃ paṭiggaṇhā’’ti. Atha kho sā bhikkhunī tena bhikkhunā nippīḷiyamānā nīharitvā pattaṃ dassesi – ‘‘passa, ayya, patte gabbhaṃ; mā ca kassaci ārocesī’’ti. Atha kho so bhikkhu ujjhāyati khiyyati vipāceti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhunī pattena gabbhaṃ nīharissatī’’ti! Atha kho so bhikkhu bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhunī pattena gabbhaṃ nīharissatī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā pattena gabbho nīharitabbo. Yā nīhareyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhuṃ passitvā nīharitvā pattaṃ dassetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ปตฺตมูลํ ทเสฺสนฺติฯ ภิกฺขู อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ปตฺตมูลํ ทเสฺสสฺสนฺตี’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ปตฺตมูลํ ทเสฺสตพฺพํฯ ยา ทเสฺสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา อุกฺกุชฺชิตฺวา ปตฺตํ ทเสฺสตุํฯ ยญฺจ ปเตฺต อามิสํ โหติ, เตน จ ภิกฺขุ นิมเนฺตตโพฺพ’’ติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo bhikkhuṃ passitvā parivattetvā pattamūlaṃ dassenti. Bhikkhū ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhuniyo bhikkhuṃ passitvā parivattetvā pattamūlaṃ dassessantī’’ti! Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhuṃ passitvā parivattetvā pattamūlaṃ dassetabbaṃ. Yā dasseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhuniyā bhikkhuṃ passitvā ukkujjitvā pattaṃ dassetuṃ. Yañca patte āmisaṃ hoti, tena ca bhikkhu nimantetabbo’’ti.
เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ รถิกาย ปุริสพฺยญฺชนํ ฉฑฺฑิตํ โหติฯ ตํ ภิกฺขุนิโย สกฺกจฺจํ อุปนิชฺฌายิํสุฯ มนุสฺสา อุกฺกุฎฺฐิํ อกํสุฯ ตา ภิกฺขุนิโย มงฺกู อเหสุํฯ อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย อุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ยา ตา ภิกฺขุนิโย อปฺปิจฺฉา…เป.… ตา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุนิโย ปุริสพฺยญฺชนํ อุปนิชฺฌายิสฺสนฺตี’’ติ! อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา ปุริสพฺยญฺชนํ อุปนิชฺฌายิตพฺพํฯ ยา อุปนิชฺฌาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena sāvatthiyaṃ rathikāya purisabyañjanaṃ chaḍḍitaṃ hoti. Taṃ bhikkhuniyo sakkaccaṃ upanijjhāyiṃsu. Manussā ukkuṭṭhiṃ akaṃsu. Tā bhikkhuniyo maṅkū ahesuṃ. Atha kho tā bhikkhuniyo upassayaṃ gantvā bhikkhunīnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Yā tā bhikkhuniyo appicchā…pe… tā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhuniyo purisabyañjanaṃ upanijjhāyissantī’’ti! Atha kho tā bhikkhuniyo bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā purisabyañjanaṃ upanijjhāyitabbaṃ. Yā upanijjhāyeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๔๒๑. เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขูนํ อามิสํ เทนฺติฯ ภิกฺขู ภิกฺขุนีนํ เทนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภทนฺตา อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ทินฺนํ อเญฺญสํ ทสฺสนฺติ! มยมฺปิ น ชานาม ทานํ ทาตุ’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ทินฺนํ อเญฺญสํ ทาตพฺพํฯ โย ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
421. Tena kho pana samayena manussā bhikkhūnaṃ āmisaṃ denti. Bhikkhū bhikkhunīnaṃ denti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhadantā attano paribhogatthāya dinnaṃ aññesaṃ dassanti! Mayampi na jānāma dānaṃ dātu’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, attano paribhogatthāya dinnaṃ aññesaṃ dātabbaṃ. Yo dadeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ อามิสํ อุสฺสนฺนํ โหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆสฺส ทาตุ’’นฺติฯ พาฬฺหตรํ อุสฺสนฺนํ โหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลิกมฺปิ ทาตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhūnaṃ āmisaṃ ussannaṃ hoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, saṅghassa dātu’’nti. Bāḷhataraṃ ussannaṃ hoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, puggalikampi dātu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขุนีนํ อามิสํ เทนฺติฯ ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เทนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุนิโย อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ทินฺนํ อเญฺญสํ ทสฺสนฺติ! มยมฺปิ น ชานาม ทานํ ทาตุ’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ทินฺนํ อเญฺญสํ ทาตพฺพํฯ ยา ทเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Tena kho pana samayena manussā bhikkhunīnaṃ āmisaṃ denti. Bhikkhuniyo bhikkhūnaṃ denti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhuniyo attano paribhogatthāya dinnaṃ aññesaṃ dassanti! Mayampi na jānāma dānaṃ dātu’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā attano paribhogatthāya dinnaṃ aññesaṃ dātabbaṃ. Yā dadeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนีนํ อามิสํ อุสฺสนฺนํ โหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆสฺส ทาตุ’’นฺติฯ พาฬฺหตรํ อุสฺสนฺนํ โหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลิกมฺปิ ทาตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhunīnaṃ āmisaṃ ussannaṃ hoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, saṅghassa dātu’’nti. Bāḷhataraṃ ussannaṃ hoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, puggalikampi dātu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนีนํ สนฺนิธิกตํ อามิสํ อุสฺสนฺนํ โหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีนํ สนฺนิธิํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ 25 ปฎิคฺคาหาเปตฺวา ปริภุญฺชิตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhunīnaṃ sannidhikataṃ āmisaṃ ussannaṃ hoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīnaṃ sannidhiṃ bhikkhūhi bhikkhunīhi 26 paṭiggāhāpetvā paribhuñjitu’’nti.
๔๒๒. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ เสนาสนํ อุสฺสนฺนํ โหติ, ภิกฺขุนีนํ 27 น โหติฯ ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสุํ – ‘สาธุ, ภเนฺต, อยฺยา อมฺหากํ เสนาสนํ เทนฺตุ ตาวกาลิก’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีนํ เสนาสนํ ทาตุํ ตาวกาลิก’’นฺติฯ
422. Tena kho pana samayena bhikkhūnaṃ senāsanaṃ ussannaṃ hoti, bhikkhunīnaṃ 28 na hoti. Bhikkhuniyo bhikkhūnaṃ santike dūtaṃ pāhesuṃ – ‘sādhu, bhante, ayyā amhākaṃ senāsanaṃ dentu tāvakālika’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīnaṃ senāsanaṃ dātuṃ tāvakālika’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อุตุนิโย ภิกฺขุนิโย โอนทฺธมญฺจํ โอนทฺธปีฐํ อภินิสีทนฺติปิ อภินิปชฺชนฺติปิฯ เสนาสนํ โลหิเตน มกฺขิยฺยติ ฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา โอนทฺธมญฺจํ โอนทฺธปีฐํ อภินิสีทิตพฺพํ อภินิปชฺชิตพฺพํฯ ยา อภินิสีเทยฺย วา อภินิปเชฺชยฺย วา อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาวสถจีวร’’นฺติฯ อาวสถจีวรํ โลหิเตน มกฺขิยฺยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, อาณิโจฬก’’นฺติฯ โจฬกํ นิปตติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตเกน พนฺธิตฺวา อูรุยา พนฺธิตุ’’นฺติ ฯ สุตฺตํ ฉิชฺชติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สํเวลฺลิยํ, กฎิสุตฺตก’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena utuniyo bhikkhuniyo onaddhamañcaṃ onaddhapīṭhaṃ abhinisīdantipi abhinipajjantipi. Senāsanaṃ lohitena makkhiyyati . Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā onaddhamañcaṃ onaddhapīṭhaṃ abhinisīditabbaṃ abhinipajjitabbaṃ. Yā abhinisīdeyya vā abhinipajjeyya vā āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, āvasathacīvara’’nti. Āvasathacīvaraṃ lohitena makkhiyyati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi , bhikkhave, āṇicoḷaka’’nti. Coḷakaṃ nipatati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, suttakena bandhitvā ūruyā bandhitu’’nti . Suttaṃ chijjati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, saṃvelliyaṃ, kaṭisuttaka’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย สพฺพกาลํ กฎิสุตฺตกํ ธาเรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – เสยฺยถาปิ คิหินี กามโภคินิโยติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา สพฺพกาลํ กฎิสุตฺตกํ ธาเรตพฺพํฯ ยา ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตุนิยา กฎิสุตฺตก’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhuniyo sabbakālaṃ kaṭisuttakaṃ dhārenti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – seyyathāpi gihinī kāmabhoginiyoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā sabbakālaṃ kaṭisuttakaṃ dhāretabbaṃ. Yā dhāreyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, utuniyā kaṭisuttaka’’nti.
ทุติยภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Dutiyabhāṇavāro niṭṭhito.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampannānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathā