Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๒. ทุติยทสพลสุตฺตํ

    2. Dutiyadasabalasuttaṃ

    ๒๒. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป.… ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตูหิ จ เวสารเชฺชหิ สมนฺนาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺติ – ‘อิติ รูปํ อิติ รูปสฺส สมุทโย อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม, อิติ เวทนา อิติ เวทนาย สมุทโย อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม, อิติ สญฺญา อิติ สญฺญาย สมุทโย อิติ สญฺญาย อตฺถงฺคโม, อิติ สงฺขารา อิติ สงฺขารานํ สมุทโย อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม, อิติ วิญฺญาณํ อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโมฯ อิติ อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ; อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหติ อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติฯ ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา; สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ; สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ’’’ฯ

    22. Sāvatthiyaṃ viharati…pe… ‘‘dasabalasamannāgato, bhikkhave, tathāgato catūhi ca vesārajjehi samannāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, parisāsu sīhanādaṃ nadati, brahmacakkaṃ pavattetti – ‘iti rūpaṃ iti rūpassa samudayo iti rūpassa atthaṅgamo, iti vedanā iti vedanāya samudayo iti vedanāya atthaṅgamo, iti saññā iti saññāya samudayo iti saññāya atthaṅgamo, iti saṅkhārā iti saṅkhārānaṃ samudayo iti saṅkhārānaṃ atthaṅgamo, iti viññāṇaṃ iti viññāṇassa samudayo iti viññāṇassa atthaṅgamo. Iti imasmiṃ sati idaṃ hoti, imassuppādā idaṃ uppajjati; imasmiṃ asati idaṃ na hoti imassa nirodhā idaṃ nirujjhati. Yadidaṃ avijjāpaccayā saṅkhārā; saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Avijjāya tveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho; saṅkhāranirodhā viññāṇanirodho…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti’’’.

    ‘‘เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม อุตฺตาโน วิวโฎ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโกฯ เอวํ สฺวากฺขาเต โข, ภิกฺขเว, มยา ธเมฺม อุตฺตาเน วิวเฎ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก อลเมว สทฺธาปพฺพชิเตน กุลปุเตฺตน วีริยํ อารภิตุํ – ‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ 1 จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ 2 มํสโลหิตํฯ ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ, น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺฐานํ ภวิสฺสตี’’’ติฯ

    ‘‘Evaṃ svākkhāto, bhikkhave, mayā dhammo uttāno vivaṭo pakāsito chinnapilotiko. Evaṃ svākkhāte kho, bhikkhave, mayā dhamme uttāne vivaṭe pakāsite chinnapilotike alameva saddhāpabbajitena kulaputtena vīriyaṃ ārabhituṃ – ‘kāmaṃ taco ca nhāru 3 ca aṭṭhi ca avasissatu, sarīre upasussatu 4 maṃsalohitaṃ. Yaṃ taṃ purisathāmena purisavīriyena purisaparakkamena pattabbaṃ, na taṃ apāpuṇitvā vīriyassa saṇṭhānaṃ bhavissatī’’’ti.

    ‘‘ทุกฺขํ , ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรติ โวกิโณฺณ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, มหนฺตญฺจ สทตฺถํ ปริหาเปติฯ อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเว, สุขํ วิหรติ ปวิวิโตฺต ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, มหนฺตญฺจ สทตฺถํ ปริปูเรติฯ น, ภิกฺขเว, หีเนน อคฺคสฺส ปตฺติ โหติฯ อเคฺคน จ โข, ภิกฺขเว, อคฺคสฺส ปตฺติ โหติฯ มณฺฑเปยฺยมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, สตฺถา สมฺมุขีภูโตฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, วีริยํ อารภถ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา, อนธิคตสฺส อธิคมาย, อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ ‘เอวํ โน อยํ อมฺหากํ ปพฺพชฺชา อวญฺฌา ภวิสฺสติ สผลา สอุทฺรยาฯ เยสญฺจ 5 มยํ ปริภุญฺชาม จีวร-ปิณฺฑปาตเสนาสน-คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ เตสํ เต การา อเมฺหสุ มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา’ติ – เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ อตฺตตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุํ; ปรตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุํ; อุภยตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุ’’นฺติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Dukkhaṃ , bhikkhave, kusīto viharati vokiṇṇo pāpakehi akusalehi dhammehi, mahantañca sadatthaṃ parihāpeti. Āraddhavīriyo ca kho, bhikkhave, sukhaṃ viharati pavivitto pāpakehi akusalehi dhammehi, mahantañca sadatthaṃ paripūreti. Na, bhikkhave, hīnena aggassa patti hoti. Aggena ca kho, bhikkhave, aggassa patti hoti. Maṇḍapeyyamidaṃ, bhikkhave, brahmacariyaṃ, satthā sammukhībhūto. Tasmātiha, bhikkhave, vīriyaṃ ārabhatha appattassa pattiyā, anadhigatassa adhigamāya, asacchikatassa sacchikiriyāya. ‘Evaṃ no ayaṃ amhākaṃ pabbajjā avañjhā bhavissati saphalā saudrayā. Yesañca 6 mayaṃ paribhuñjāma cīvara-piṇḍapātasenāsana-gilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ tesaṃ te kārā amhesu mahapphalā bhavissanti mahānisaṃsā’ti – evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ. Attatthaṃ vā hi, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetuṃ; paratthaṃ vā hi, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetuṃ; ubhayatthaṃ vā hi, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetu’’nti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. นหารุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. อวสุสฺสตุ ม. นิ. ๒.๑๘๔
    3. nahāru (sī. syā. kaṃ. pī.)
    4. avasussatu ma. ni. 2.184
    5. เยสํ (สี. สฺยา. กํ.), เยสํ หิ (ปี. ก.)
    6. yesaṃ (sī. syā. kaṃ.), yesaṃ hi (pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact