Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา

    2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā

    ๒๒. ทุติยํ ภควตา อตฺตโน อชฺฌาสยสฺส วเสน วุตฺตํฯ ตตฺถ ทสพลสมนฺนาคโตติ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคโตฯ พลญฺจ นาเมตํ ทุวิธํ กายพลญฺจ ญาณพลญฺจฯ เตสุ ตถาคตสฺส กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –

    22. Dutiyaṃ bhagavatā attano ajjhāsayassa vasena vuttaṃ. Tattha dasabalasamannāgatoti dasahi balehi samannāgato. Balañca nāmetaṃ duvidhaṃ kāyabalañca ñāṇabalañca. Tesu tathāgatassa kāyabalaṃ hatthikulānusārena veditabbaṃ. Vuttañhetaṃ porāṇehi –

    ‘‘กาฬาวกญฺจ คเงฺคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;

    ‘‘Kāḷāvakañca gaṅgeyyaṃ, paṇḍaraṃ tambapiṅgalaṃ;

    คนฺธมงฺคลเหมญฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติฯ(ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘; วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๐); –

    Gandhamaṅgalahemañca, uposathachaddantime dasā’’ti.(ma. ni. aṭṭha. 1.148; vibha. aṭṭha. 760); –

    อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิฯ ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คเงฺคยฺยสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ คเงฺคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺสฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติฯ ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฎิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฎิสหสฺสานํ พลํ โหติฯ อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํฯ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติ เอตฺถ ปน เอตํ สงฺคหํ น คจฺฉติฯ เอตญฺหิ พาหิรกํ ลามกํ ติรจฺฉานคตานํ สีหาทีนมฺปิ โหติฯ เอตญฺหิ นิสฺสาย ทุกฺขปริญฺญา วา สมุทยปฺปหานํ วา มคฺคภาวนา วา ผลสจฺฉิกิริยา วา นตฺถิฯ อญฺญํ ปน ทสสุ ฐาเนสุ อกมฺปนเตฺถน อุปตฺถมฺภนเตฺถน จ ทสวิธํ ญาณพลํ นาม อตฺถิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติฯ

    Imāni dasa hatthikulāni. Tattha kāḷāvakanti pakatihatthikulaṃ daṭṭhabbaṃ. Yaṃ dasannaṃ purisānaṃ kāyabalaṃ, taṃ ekassa kāḷāvakassa hatthino. Yaṃ dasannaṃ kāḷāvakānaṃ balaṃ, taṃ ekassa gaṅgeyyassa. Yaṃ dasannaṃ gaṅgeyyānaṃ, taṃ ekassa paṇḍarassa. Yaṃ dasannaṃ paṇḍarānaṃ, taṃ ekassa tambassa. Yaṃ dasannaṃ tambānaṃ, taṃ ekassa piṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ piṅgalānaṃ, taṃ ekassa gandhahatthino. Yaṃ dasannaṃ gandhahatthīnaṃ, taṃ ekassa maṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ maṅgalānaṃ, taṃ ekassa hemavatassa. Yaṃ dasannaṃ hemavatānaṃ, taṃ ekassa uposathassa. Yaṃ dasannaṃ uposathānaṃ, taṃ ekassa chaddantassa. Yaṃ dasannaṃ chaddantānaṃ, taṃ ekassa tathāgatassa. Nārāyanasaṅghātabalantipi idameva vuccati. Tadetaṃ pakatihatthigaṇanāya hatthīnaṃ koṭisahassānaṃ, purisagaṇanāya dasannaṃ purisakoṭisahassānaṃ balaṃ hoti. Idaṃ tāva tathāgatassa kāyabalaṃ. ‘‘Dasabalasamannāgato’’ti ettha pana etaṃ saṅgahaṃ na gacchati. Etañhi bāhirakaṃ lāmakaṃ tiracchānagatānaṃ sīhādīnampi hoti. Etañhi nissāya dukkhapariññā vā samudayappahānaṃ vā maggabhāvanā vā phalasacchikiriyā vā natthi. Aññaṃ pana dasasu ṭhānesu akampanatthena upatthambhanatthena ca dasavidhaṃ ñāṇabalaṃ nāma atthi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘dasabalasamannāgato’’ti.

    กตมํ ปน ตนฺติ? ฐานาฎฺฐานาทีนํ ยถาภูตํ ชานนํฯ เสยฺยถิทํ – ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ชานนํ เอกํ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ ฐานโส เหตุโส ยถาภูตํ วิปากชานนํ เอกํ, สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาชานนํ เอกํ, อเนกธาตุนานาธาตุโลกชานนํ เอกํ, ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ นานาธิมุตฺติกตาชานนํ เอกํ, เตสํเยว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตชานนํ เอกํ, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานชานนํ เอกํ, ปุเพฺพนิวาสชานนํ เอกํ, สตฺตานํ จุตูปปาตชานนํ เอกํ, อาสวกฺขยชานนํ เอกนฺติฯ อภิธเมฺม ปน –

    Katamaṃ pana tanti? Ṭhānāṭṭhānādīnaṃ yathābhūtaṃ jānanaṃ. Seyyathidaṃ – ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato jānanaṃ ekaṃ, atītānāgatapaccuppannānaṃ kammasamādānānaṃ ṭhānaso hetuso yathābhūtaṃ vipākajānanaṃ ekaṃ, sabbatthagāminipaṭipadājānanaṃ ekaṃ, anekadhātunānādhātulokajānanaṃ ekaṃ, parasattānaṃ parapuggalānaṃ nānādhimuttikatājānanaṃ ekaṃ, tesaṃyeva indriyaparopariyattajānanaṃ ekaṃ, jhānavimokkhasamādhisamāpattīnaṃ saṃkilesavodānavuṭṭhānajānanaṃ ekaṃ, pubbenivāsajānanaṃ ekaṃ, sattānaṃ cutūpapātajānanaṃ ekaṃ, āsavakkhayajānanaṃ ekanti. Abhidhamme pana –

    ‘‘อิธ ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยมฺปิ ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ อิทมฺปิ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ , ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตี’’ติฯ

    ‘‘Idha tathāgato ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Yampi tathāgato ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Idampi tathāgatassa tathāgatabalaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti , parisāsu sīhanādaṃ nadati, brahmacakkaṃ pavattetī’’ti.

    อาทินา (วิภ. ๗๖๐) นเยน วิตฺถารโต อาคตาเนวฯ อตฺถวณฺณนาปิ เนสํ วิภงฺคฎฺฐกถายเญฺจว (วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๐) ปปญฺจสูทนิยา จ มชฺฌิมฎฺฐกถาย (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘) สพฺพาการโต วุตฺตาฯ สา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพาฯ

    Ādinā (vibha. 760) nayena vitthārato āgatāneva. Atthavaṇṇanāpi nesaṃ vibhaṅgaṭṭhakathāyañceva (vibha. aṭṭha. 760) papañcasūdaniyā ca majjhimaṭṭhakathāya (ma. ni. aṭṭha. 1.148) sabbākārato vuttā. Sā tattha vuttanayeneva gahetabbā.

    จตูหิ จ เวสารเชฺชหีติ เอตฺถ สารชฺชปฎิปกฺขํ เวสารชฺชํ, จตูสุ ฐาเนสุ เวสารชฺชภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสมยญาณเสฺสตํ นามํฯ กตเมสุ จตูสุ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติอาทีสุ โจทนาวตฺถูสุฯ ตตฺรายํ ปาฬิ –

    Catūhi ca vesārajjehīti ettha sārajjapaṭipakkhaṃ vesārajjaṃ, catūsu ṭhānesu vesārajjabhāvaṃ paccavekkhantassa uppannasomanassamayañāṇassetaṃ nāmaṃ. Katamesu catūsu? ‘‘Sammāsambuddhassa te paṭijānato ime dhammā anabhisambuddhā’’tiādīsu codanāvatthūsu. Tatrāyaṃ pāḷi –

    ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ…เป.…ฯ กตมานิ จตฺตาริ? ‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมิํ สห ธเมฺมน ปฎิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิฯ เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสโนฺต เขมปฺปโตฺต อภยปฺปโตฺต เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามิฯ ‘ขีณาสวสฺส เต ปฎิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ ตตฺร วต มํ…เป.… ‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ ตตฺร วต มํ…เป.… ‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธโมฺม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา…เป.… เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘)ฯ

    ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, tathāgatassa vesārajjāni…pe…. Katamāni cattāri? ‘Sammāsambuddhassa te paṭijānato ime dhammā anabhisambuddhā’ti tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā koci vā lokasmiṃ saha dhammena paṭicodessatīti nimittametaṃ, bhikkhave, na samanupassāmi. Etamahaṃ, bhikkhave, nimittaṃ asamanupassanto khemappatto abhayappatto vesārajjappatto viharāmi. ‘Khīṇāsavassa te paṭijānato ime āsavā aparikkhīṇā’ti tatra vata maṃ…pe… ‘ye kho pana te antarāyikā dhammā vuttā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’ti tatra vata maṃ…pe… ‘yassa kho pana te atthāya dhammo desito, so na niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’ti tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā…pe… vesārajjappatto viharāmī’’ti (a. ni. 4.8).

    อาสภํ ฐานนฺติ เสฎฺฐฎฺฐานํ อุตฺตมฎฺฐานํฯ อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ ฐานนฺติ อโตฺถฯ อปิจ ควสตเชฎฺฐโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภ, วชสตเชฎฺฐโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภ, สพฺพควเสโฎฺฐ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสเทฺทหิปิ อสมฺปกมฺปิโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิเปฺปโตฯ อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํฯ อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํฯ ฐานนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อวฎฺฐานํ (ม. นิ. ๑.๑๕๐)ฯ อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํฯ ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฎฺฐปริสปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิเตฺตน อกมฺปิโย อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติฯ เอวํ ติฎฺฐมาโน จ ตํ อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ, อตฺตนิ อาโรเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาตี’’ติฯ

    Āsabhaṃ ṭhānanti seṭṭhaṭṭhānaṃ uttamaṭṭhānaṃ. Āsabhā vā pubbabuddhā, tesaṃ ṭhānanti attho. Apica gavasatajeṭṭhako usabho, gavasahassajeṭṭhako vasabho, vajasatajeṭṭhako vā usabho, vajasahassajeṭṭhako vasabho, sabbagavaseṭṭho sabbaparissayasaho seto pāsādiko mahābhāravaho asanisatasaddehipi asampakampiyo nisabho, so idha usabhoti adhippeto. Idampi hi tassa pariyāyavacanaṃ. Usabhassa idanti āsabhaṃ. Ṭhānanti catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā avaṭṭhānaṃ (ma. ni. 1.150). Idaṃ pana āsabhaṃ viyāti āsabhaṃ. Yatheva hi nisabhasaṅkhāto usabho usabhabalena samannāgato catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā acalaṭṭhānena tiṭṭhati, evaṃ tathāgatopi dasahi tathāgatabalehi samannāgato catūhi vesārajjapādehi aṭṭhaparisapathaviṃ uppīḷetvā sadevake loke kenaci paccatthikena paccāmittena akampiyo acalaṭṭhānena tiṭṭhati. Evaṃ tiṭṭhamāno ca taṃ āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti upagacchati na paccakkhāti, attani āropeti. Tena vuttaṃ ‘‘āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānātī’’ti.

    ปริสาสูติ ‘‘อฎฺฐ โข อิมา, สาริปุตฺต, ปริสาฯ กตมา อฎฺฐ? ขตฺติยปริสา พฺราหฺมณปริสา คหปติปริสา สมณปริสา จาตุมหาราชิกปริสา ตาวติํสปริสา มารปริสา พฺรหฺมปริสา’’ติ, อิมาสุ อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ สีหนาทํ นทตีติ เสฎฺฐนาทํ อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติฯ อยมโตฺถ สีหนาทสุเตฺตน ทีเปตโพฺพฯ ยถา วา สีโห สหนโต เจว หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานญฺจ หนนโต สีโหติ วุจฺจติฯ เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํฯ ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฎฺฐสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส, ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติฯ

    Parisāsūti ‘‘aṭṭha kho imā, sāriputta, parisā. Katamā aṭṭha? Khattiyaparisā brāhmaṇaparisā gahapatiparisā samaṇaparisā cātumahārājikaparisā tāvatiṃsaparisā māraparisā brahmaparisā’’ti, imāsu aṭṭhasu parisāsu. Sīhanādaṃ nadatīti seṭṭhanādaṃ abhītanādaṃ nadati, sīhanādasadisaṃ vā nādaṃ nadati. Ayamattho sīhanādasuttena dīpetabbo. Yathā vā sīho sahanato ceva hananato ca sīhoti vuccati, evaṃ tathāgato lokadhammānaṃ sahanato parappavādānañca hananato sīhoti vuccati. Evaṃ vuttassa sīhassa nādaṃ sīhanādaṃ. Tattha yathā sīho sīhabalena samannāgato sabbattha visārado vigatalomahaṃso sīhanādaṃ nadati, evaṃ tathāgatasīhopi tathāgatabalehi samannāgato aṭṭhasu parisāsu visārado vigatalomahaṃso, ‘‘iti rūpa’’ntiādinā nayena nānāvidhadesanāvilāsasampannaṃ sīhanādaṃ nadati. Tena vuttaṃ ‘‘parisāsu sīhanādaṃ nadatī’’ti.

    พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ, วิสุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตํ ปน ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ ปฎิเวธญาณญฺจ เทสนาญาณญฺจฯ ตตฺถ ปญฺญาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฎิเวธญาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาญาณํฯ ตตฺถ ปฎิเวธญาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ อภินิกฺขมนโต ปฎฺฐาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลเงฺก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ทีปงฺกรโต วา ปฎฺฐาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ , ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ เทสนาญาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ ยาว อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามฯ เตสุ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาญาณํ โลกิยํฯ อุภยมฺปิ ปเนตํ อเญฺญหิ อสาธารณํ พุทฺธานํเยว โอรสญาณํฯ

    Brahmacakkaṃ pavattetīti ettha brahmanti seṭṭhaṃ uttamaṃ, visuddhassa dhammacakkassetaṃ adhivacanaṃ. Taṃ pana dhammacakkaṃ duvidhaṃ hoti paṭivedhañāṇañca desanāñāṇañca. Tattha paññāpabhāvitaṃ attano ariyaphalāvahaṃ paṭivedhañāṇaṃ, karuṇāpabhāvitaṃ sāvakānaṃ ariyaphalāvahaṃ desanāñāṇaṃ. Tattha paṭivedhañāṇaṃ uppajjamānaṃ uppannanti duvidhaṃ. Tañhi abhinikkhamanato paṭṭhāya yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Tusitabhavanato vā yāva mahābodhipallaṅke arahattamaggā uppajjamānaṃ, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Dīpaṅkarato vā paṭṭhāya yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ , phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Desanāñāṇampi pavattamānaṃ pavattanti duvidhaṃ. Tañhi yāva aññāsikoṇḍaññassa sotāpattimaggā pavattamānaṃ, phalakkhaṇe pavattaṃ nāma. Tesu paṭivedhañāṇaṃ lokuttaraṃ, desanāñāṇaṃ lokiyaṃ. Ubhayampi panetaṃ aññehi asādhāraṇaṃ buddhānaṃyeva orasañāṇaṃ.

    อิทานิ ยํ อิมินา ญาเณน สมนฺนาคโต สีหนาทํ นทติ, ตํ ทเสฺสตุํ อิติ รูปนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถีติ รุปฺปนสภาวเญฺจว ภูตุปาทายเภทญฺจ อาทิํ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานวเสน อนวเสสรูปปริคฺคโห วุโตฺตฯ อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อิมินา เอวํ ปริคฺคหิตสฺส รูปสฺส สมุทโย วุโตฺตฯ ตตฺถ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อโตฺถฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย ตณฺหาสมุทยา, กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๐) เอวํ เวทิตโพฺพฯ อตฺถงฺคเมปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ…เป.… วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธํ ปสฺสตี’’ติ อยํ วิตฺถาโรฯ

    Idāni yaṃ iminā ñāṇena samannāgato sīhanādaṃ nadati, taṃ dassetuṃ iti rūpantiādimāha. Tattha iti rūpanti idaṃ rūpaṃ ettakaṃ rūpaṃ, ito uddhaṃ rūpaṃ natthīti ruppanasabhāvañceva bhūtupādāyabhedañca ādiṃ katvā lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānavasena anavasesarūpapariggaho vutto. Iti rūpassa samudayoti iminā evaṃ pariggahitassa rūpassa samudayo vutto. Tattha itīti evaṃ samudayo hotīti attho. Tassa vitthāro ‘‘avijjāsamudayā rūpasamudayo taṇhāsamudayā, kammasamudayā āhārasamudayā rūpasamudayoti nibbattilakkhaṇaṃ passantopi rūpakkhandhassa udayaṃ passatī’’ti (paṭi. ma. 1.50) evaṃ veditabbo. Atthaṅgamepi ‘‘avijjānirodhā rūpanirodho…pe… vipariṇāmalakkhaṇaṃ passantopi rūpakkhandhassa nirodhaṃ passatī’’ti ayaṃ vitthāro.

    อิติ เวทนาติอาทีสุปิ อยํ เวทนา เอตฺตกา เวทนา, อิโต อุทฺธํ เวทนา นตฺถิ, อยํ สญฺญา, อิเม สงฺขารา, อิทํ วิญฺญาณํ เอตฺตกํ วิญฺญาณํ , อิโต อุทฺธํ วิญฺญาณํ นตฺถีติ เวทยิตสญฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนสภาวเญฺจว สุขาทิรูปสญฺญาทิผสฺสาทิจกฺขุวิญฺญาณาทิเภทญฺจ อาทิํ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานวเสน อนวเสสเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณปริคฺคโห วุโตฺตฯ อิติ เวทนาย สมุทโยติอาทีหิ ปน เอวํ ปริคฺคหิตานํ เวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานํ สมุทโย วุโตฺตฯ ตตฺราปิ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อโตฺถฯ เตสมฺปิ วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๐) รูเป วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ตีสุ ขเนฺธสุ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ อวตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ, วิญฺญาณกฺขเนฺธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติฯ อตฺถงฺคมปทมฺปิ เตสํเยว วเสน โยเชตพฺพํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน อุทยพฺพยวินิจฺฉโย สพฺพาการปริปูโร วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตฯ

    Iti vedanātiādīsupi ayaṃ vedanā ettakā vedanā, ito uddhaṃ vedanā natthi, ayaṃ saññā, ime saṅkhārā, idaṃ viññāṇaṃ ettakaṃ viññāṇaṃ , ito uddhaṃ viññāṇaṃ natthīti vedayitasañjānanaabhisaṅkharaṇavijānanasabhāvañceva sukhādirūpasaññādiphassādicakkhuviññāṇādibhedañca ādiṃ katvā lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānavasena anavasesavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇapariggaho vutto. Iti vedanāya samudayotiādīhi pana evaṃ pariggahitānaṃ vedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇānaṃ samudayo vutto. Tatrāpi itīti evaṃ samudayo hotīti attho. Tesampi vitthāro ‘‘avijjāsamudayā vedanāsamudayo’’ti (paṭi. ma. 1.50) rūpe vuttanayeneva veditabbo. Ayaṃ pana viseso – tīsu khandhesu ‘‘āhārasamudayā’’ti avatvā ‘‘phassasamudayā’’ti vattabbaṃ, viññāṇakkhandhe ‘‘nāmarūpasamudayā’’ti. Atthaṅgamapadampi tesaṃyeva vasena yojetabbaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana udayabbayavinicchayo sabbākāraparipūro visuddhimagge vutto.

    อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติ อยมฺปิ อปโร สีหนาโทฯ ตสฺสโตฺถ – อิมสฺมิํ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติฯ อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชติฯ อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหตีติ อิมสฺมิํ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย อสติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ น โหติฯ อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ นิรุชฺฌติฯ อิทานิ ยถา ตํ โหติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทิมาหฯ

    Imasmiṃsati idaṃ hotīti ayampi aparo sīhanādo. Tassattho – imasmiṃ avijjādike paccaye sati idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ hoti. Imassuppādā idaṃ uppajjatīti imassa avijjādikassa paccayassa uppādā idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ uppajjati. Imasmiṃ asati idaṃ na hotīti imasmiṃ avijjādike paccaye asati idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ na hoti. Imassa nirodhā idaṃ nirujjhatīti imassa avijjādikassa paccayassa nirodhā idaṃ saṅkhārādikaṃ phalaṃ nirujjhati. Idāni yathā taṃ hoti ceva nirujjhati ca, taṃ vitthārato dassetuṃ yadidaṃ avijjāpaccayā saṅkhārātiādimāha.

    เอวํ สฺวากฺขาโตติ เอวํ ปญฺจกฺขนฺธวิภชนาทิวเสน สุฎฺฐุ อกฺขาโต กถิโตฯ ธโมฺมติ ปญฺจกฺขนฺธปจฺจยาการธโมฺมฯ อุตฺตาโนติ อนิกุชฺชิโตฯ วิวโฎติ วิวริตฺวา ฐปิโตฯ ปกาสิโตติ ทีปิโต โชติโตฯ ฉินฺนปิโลติโกติ ปิโลติกา วุจฺจติ ฉินฺนํ ภินฺนํ ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตคณฺฐิตํ ชิณฺณวตฺถํ, ตํ ยสฺส นตฺถีติ อฎฺฐหตฺถํ นวหตฺถํ วา อหตสาฎกํ นิวโตฺถ, โส ฉินฺนปิโลติโก นามฯ อยมฺปิ ธโมฺม ตาทิโสฯ น เหตฺถ โกหญฺญาทิวเสน ฉินฺนภินฺนสิพฺพิตคณฺฐิตภาโว อตฺถิฯ อปิจ ขุทฺทกสาฎโกปิ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, สา ยสฺส นตฺถิ, อฎฺฐนวหโตฺถ มหาปโฎ อตฺถิ, โสปิ ฉินฺนปิโลติโก, อปคตปิโลติโกติ อโตฺถฯ ตาทิโส อยํ ธโมฺมฯ ยถา หิ จตุหตฺถํ สาฎกํ คเหตฺวา ปริคฺคหณํ กโรโนฺต ปุริโส อิโต จิโต จ อญฺฉโนฺต กิลมติ, เอวํ พาหิรกสมเย ปพฺพชิตา อตฺตโน ปริตฺตกํ ธมฺมํ ‘‘เอวํ สติ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ กเปฺปตฺวา กเปฺปตฺวา วเฑฺฒนฺตา กิลมนฺติฯ ยถา ปน อฎฺฐหตฺถนวหเตฺถน ปริคฺคหณํ กโรโนฺต ยถารุจิ ปารุปติ น กิลมติ, นตฺถิ ตตฺถ อญฺฉิตฺวา วฑฺฒนกิจฺจํ; เอวํ อิมสฺมิมฺปิ ธเมฺม กเปฺปตฺวา กเปฺปตฺวา วิภชนกิจฺจํ นตฺถิ, เตหิ เตหิ การเณหิ มยาว อยํ ธโมฺม สุวิภโตฺต สุวิตฺถาริโตติ อิทมฺปิ สนฺธาย ‘‘ฉินฺนปิโลติโก’’ติ อาหฯ อปิจ กจวโรปิ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, อิมสฺมิญฺจ สาสเน สมณกจวรํ นาม ปติฎฺฐาตุํ น ลภติฯ เตเนวาห –

    Evaṃ svākkhātoti evaṃ pañcakkhandhavibhajanādivasena suṭṭhu akkhāto kathito. Dhammoti pañcakkhandhapaccayākāradhammo. Uttānoti anikujjito. Vivaṭoti vivaritvā ṭhapito. Pakāsitoti dīpito jotito. Chinnapilotikoti pilotikā vuccati chinnaṃ bhinnaṃ tattha tattha sibbitagaṇṭhitaṃ jiṇṇavatthaṃ, taṃ yassa natthīti aṭṭhahatthaṃ navahatthaṃ vā ahatasāṭakaṃ nivattho, so chinnapilotiko nāma. Ayampi dhammo tādiso. Na hettha kohaññādivasena chinnabhinnasibbitagaṇṭhitabhāvo atthi. Apica khuddakasāṭakopi pilotikāti vuccati, sā yassa natthi, aṭṭhanavahattho mahāpaṭo atthi, sopi chinnapilotiko, apagatapilotikoti attho. Tādiso ayaṃ dhammo. Yathā hi catuhatthaṃ sāṭakaṃ gahetvā pariggahaṇaṃ karonto puriso ito cito ca añchanto kilamati, evaṃ bāhirakasamaye pabbajitā attano parittakaṃ dhammaṃ ‘‘evaṃ sati evaṃ bhavissatī’’ti kappetvā kappetvā vaḍḍhentā kilamanti. Yathā pana aṭṭhahatthanavahatthena pariggahaṇaṃ karonto yathāruci pārupati na kilamati, natthi tattha añchitvā vaḍḍhanakiccaṃ; evaṃ imasmimpi dhamme kappetvā kappetvā vibhajanakiccaṃ natthi, tehi tehi kāraṇehi mayāva ayaṃ dhammo suvibhatto suvitthāritoti idampi sandhāya ‘‘chinnapilotiko’’ti āha. Apica kacavaropi pilotikāti vuccati, imasmiñca sāsane samaṇakacavaraṃ nāma patiṭṭhātuṃ na labhati. Tenevāha –

    ‘‘การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ;

    ‘‘Kāraṇḍavaṃ niddhamatha, kasambuṃ apakassatha;

    ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเนฯ

    Tato palāpe vāhetha, assamaṇe samaṇamānine.

    ‘‘นิทฺธมิตฺวาน ปาปิเจฺฉ, ปาปอาจารโคจเร;

    ‘‘Niddhamitvāna pāpicche, pāpaācāragocare;

    สุทฺธา สุเทฺธหิ สํวาสํ, กปฺปยโวฺห ปติสฺสตา;

    Suddhā suddhehi saṃvāsaṃ, kappayavho patissatā;

    ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติฯ (อ. นิ. ๘.๑๐);

    Tato samaggā nipakā, dukkhassantaṃ karissathā’’ti. (a. ni. 8.10);

    อิติ สมณกจวรสฺส ฉินฺนตฺตาปิ อยํ ธโมฺม ฉินฺนปิโลติโก นาม โหติฯ

    Iti samaṇakacavarassa chinnattāpi ayaṃ dhammo chinnapilotiko nāma hoti.

    อลเมวาติ ยุตฺตเมวฯ สทฺธาปพฺพชิเตนาติ สทฺธาย ปพฺพชิเตนฯ กุลปุเตฺตนาติ เทฺว กุลปุตฺตา อาจารกุลปุโตฺต ชาติกุลปุโตฺต จฯ ตตฺถ โย ยโต กุโตจิ กุลา ปพฺพชิตฺวา สีลาทโย ปญฺจ ธมฺมกฺขเนฺธ ปูเรติ, อยํ อาจารกุลปุโตฺต นามฯ โย ปน ยสกุลปุตฺตาทโย วิย ชาติสมฺปนฺนกุลา ปพฺพชิโต, อยํ ชาติกุลปุโตฺต นามฯ เตสุ อิธ อาจารกุลปุโตฺต อธิเปฺปโตฯ สเจ ปน ชาติกุลปุโตฺต อาจารวา โหติ, อยํ อุตฺตโมเยวฯ เอวรูเปน กุลปุเตฺตนฯ วีริยํ อารภิตุนฺติ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ กาตุํฯ อิทานิสฺส จตุรงฺคํ ทเสฺสโนฺต กามํ ตโจ จาติอาทิมาหฯ เอตฺถ หิ ตโจ เอกํ องฺคํ, นฺหารุ เอกํ, อฎฺฐิ เอกํ, มํสโลหิตํ เอกนฺติฯ อิทญฺจ ปน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฎฺฐหเนฺตน นวสุ ฐาเนสุ สมาธาตพฺพํ ปุเรภเตฺต ปจฺฉาภเตฺต ปุริมยาเม มชฺฌิมยาเม ปจฺฉิมยาเม คมเน ฐาเน นิสชฺชาย สยเนติฯ

    Alamevāti yuttameva. Saddhāpabbajitenāti saddhāya pabbajitena. Kulaputtenāti dve kulaputtā ācārakulaputto jātikulaputto ca. Tattha yo yato kutoci kulā pabbajitvā sīlādayo pañca dhammakkhandhe pūreti, ayaṃ ācārakulaputto nāma. Yo pana yasakulaputtādayo viya jātisampannakulā pabbajito, ayaṃ jātikulaputto nāma. Tesu idha ācārakulaputto adhippeto. Sace pana jātikulaputto ācāravā hoti, ayaṃ uttamoyeva. Evarūpena kulaputtena. Vīriyaṃ ārabhitunti caturaṅgasamannāgataṃ vīriyaṃ kātuṃ. Idānissa caturaṅgaṃ dassento kāmaṃ taco cātiādimāha. Ettha hi taco ekaṃ aṅgaṃ, nhāru ekaṃ, aṭṭhi ekaṃ, maṃsalohitaṃ ekanti. Idañca pana caturaṅgasamannāgataṃ vīriyaṃ adhiṭṭhahantena navasu ṭhānesu samādhātabbaṃ purebhatte pacchābhatte purimayāme majjhimayāme pacchimayāme gamane ṭhāne nisajjāya sayaneti.

    ทุกฺขํ , ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรตีติ อิมสฺมิํ สาสเน โย กุสีโต ปุคฺคโล, โส ทุกฺขํ วิหรติฯ พาหิรสมเย ปน โย กุสีโต, โส สุขํ วิหรติฯ โวกิโณฺณติ มิสฺสีภูโตฯ สทตฺถนฺติ โสภนํ วา อตฺถํ สกํ วา อตฺถํ, อุภเยนาปิ อรหตฺตเมว อธิเปฺปตํฯ ปริหาเปตีติ หาเปติ น ปาปุณาติฯ กุสีตปุคฺคลสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ อคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ อปริสุทฺธานิ, อาชีวฎฺฐมกํ สีลํ อปริโยทาตํ, ภินฺนาชีโว กุลูปโก โหติฯ โส สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย อุปฆาตกโร หุตฺวา ทุกฺขํ วิหรติ, ปีฐมทฺทโน เจว โหติ ลณฺฑปูรโก จ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ น สโกฺกติ, ทุลฺลภํ ขณํ วิราเธติ, เตน ภุโตฺต รฎฺฐปิโณฺฑปิ น มหปฺผโล โหติฯ

    Dukkhaṃ, bhikkhave, kusīto viharatīti imasmiṃ sāsane yo kusīto puggalo, so dukkhaṃ viharati. Bāhirasamaye pana yo kusīto, so sukhaṃ viharati. Vokiṇṇoti missībhūto. Sadatthanti sobhanaṃ vā atthaṃ sakaṃ vā atthaṃ, ubhayenāpi arahattameva adhippetaṃ. Parihāpetīti hāpeti na pāpuṇāti. Kusītapuggalassa hi cha dvārāni aguttāni honti, tīṇi kammāni aparisuddhāni, ājīvaṭṭhamakaṃ sīlaṃ apariyodātaṃ, bhinnājīvo kulūpako hoti. So sabrahmacārīnaṃ akkhimhi patitarajaṃ viya upaghātakaro hutvā dukkhaṃ viharati, pīṭhamaddano ceva hoti laṇḍapūrako ca, satthu ajjhāsayaṃ gahetuṃ na sakkoti, dullabhaṃ khaṇaṃ virādheti, tena bhutto raṭṭhapiṇḍopi na mahapphalo hoti.

    อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเวติ อารทฺธวีริโย ปุคฺคโล อิมสฺมิํเยว สาสเน สุขํ วิหรติฯ พาหิรสมเย ปน โย อารทฺธวีริโย, โส ทุกฺขํ วิหรติฯ ปวิวิโตฺตติ วิวิโตฺต วิยุโตฺต หุตฺวาฯ สทตฺถํ ปริปูเรตีติ อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อารทฺธวีริยสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ สุคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ ปริสุทฺธานิ, อาชีวฎฺฐมกํ สีลํ ปริโยทาตํ สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ สุสีตลญฺชนํ วิย ธาตุคตจนฺทนํ วิย จ มนาโป หุตฺวา สุขํ วิหรติ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สโกฺกติฯ สตฺถา หิ –

    Āraddhavīriyo ca kho, bhikkhaveti āraddhavīriyo puggalo imasmiṃyeva sāsane sukhaṃ viharati. Bāhirasamaye pana yo āraddhavīriyo, so dukkhaṃ viharati. Pavivittoti vivitto viyutto hutvā. Sadatthaṃ paripūretīti arahattaṃ pāpuṇāti. Āraddhavīriyassa hi cha dvārāni suguttāni honti, tīṇi kammāni parisuddhāni, ājīvaṭṭhamakaṃ sīlaṃ pariyodātaṃ sabrahmacārīnaṃ akkhimhi susītalañjanaṃ viya dhātugatacandanaṃ viya ca manāpo hutvā sukhaṃ viharati, satthu ajjhāsayaṃ gahetuṃ sakkoti. Satthā hi –

    ‘‘จิรํ ชีว มหาวีร, กปฺปํ ติฎฺฐ มหามุนี’’ติ –

    ‘‘Ciraṃ jīva mahāvīra, kappaṃ tiṭṭha mahāmunī’’ti –

    เอวํ โคตมิยา วนฺทิโต, ‘‘น โข, โคตมิ, ตถาคตา เอวํ วนฺทิตพฺพา’’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ตาย ยาจิโต วนฺทิตพฺพาการํ อาจิกฺขโนฺต เอวมาห –

    Evaṃ gotamiyā vandito, ‘‘na kho, gotami, tathāgatā evaṃ vanditabbā’’ti paṭikkhipitvā tāya yācito vanditabbākāraṃ ācikkhanto evamāha –

    ‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตเตฺต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;

    ‘‘Āraddhavīriye pahitatte, niccaṃ daḷhaparakkame;

    สมเคฺค สาวเก ปสฺส, เอสา พุทฺธาน วนฺทนา’’ติฯ (อป. เถรี ๒.๒.๑๗๑);

    Samagge sāvake passa, esā buddhāna vandanā’’ti. (apa. therī 2.2.171);

    เอวํ อารทฺธวีริโย สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สโกฺกติ, ทุลฺลภํ ขณํ น วิราเธติฯ ตสฺส หิ พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมเทสนา สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติ สผลา โหติ สอุทฺรยา, รฎฺฐปิโณฺฑปิ เตน ภุโตฺต มหปฺผโล โหติฯ

    Evaṃ āraddhavīriyo satthu ajjhāsayaṃ gahetuṃ sakkoti, dullabhaṃ khaṇaṃ na virādheti. Tassa hi buddhuppādo dhammadesanā saṅghasuppaṭipatti saphalā hoti saudrayā, raṭṭhapiṇḍopi tena bhutto mahapphalo hoti.

    หีเนน อคฺคสฺสาติ หีนาย สทฺธาย หีเนน วีริเยน หีนาย สติยา หีเนน สมาธินา หีนาย ปญฺญาย อคฺคสงฺขาตสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ นาม น โหติฯ อเคฺคน จ โขติ อเคฺคหิ สทฺธาทีหิ อคฺคสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ โหติฯ มณฺฑเปยฺยนฺติ ปสนฺนเฎฺฐน มณฺฑํ, ปาตพฺพเฎฺฐน เปยฺยํฯ ยญฺหิ ปิวิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ปติโต วิสญฺญี อตฺตโน สาฎกาทีนมฺปิ อสฺสามิโก โหติ, ตํ ปสนฺนมฺปิ น ปาตพฺพํ, มยฺหํ ปน สาสนํ เอวํ ปสนฺนญฺจ ปาตพฺพญฺจาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มณฺฑเปยฺย’’นฺติ อาหฯ

    Hīnenaaggassāti hīnāya saddhāya hīnena vīriyena hīnāya satiyā hīnena samādhinā hīnāya paññāya aggasaṅkhātassa arahattassa patti nāma na hoti. Aggena ca khoti aggehi saddhādīhi aggassa arahattassa patti hoti. Maṇḍapeyyanti pasannaṭṭhena maṇḍaṃ, pātabbaṭṭhena peyyaṃ. Yañhi pivitvā antaravīthiyaṃ patito visaññī attano sāṭakādīnampi assāmiko hoti, taṃ pasannampi na pātabbaṃ, mayhaṃ pana sāsanaṃ evaṃ pasannañca pātabbañcāti dassento ‘‘maṇḍapeyya’’nti āha.

    ตตฺถ ติวิโธ มโณฺฑ – เทสนามโณฺฑ, ปฎิคฺคหมโณฺฑ, พฺรหฺมจริยมโณฺฑติฯ กตโม เทสนามโณฺฑ? จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ…เป.… อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อาจิกฺขนา…เป.… อุตฺตานีกมฺมํ, อยํ เทสนามโณฺฑฯ กตโม ปฎิคฺคหมโณฺฑ? ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย เทวา มนุสฺสา เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ วิญฺญาตาโร, อยํ ปฎิคฺคหมโณฺฑฯ กตโม พฺรหฺมจริยมโณฺฑ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิ, อยํ พฺรหฺมจริยมโณฺฑฯ อปิจ อธิโมกฺขมโณฺฑ สทฺธินฺทฺริยํ, อสฺสทฺธิยํ กสโฎ, อสฺสทฺธิยํ กสฎํ ฉเฑฺฑตฺวา สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขมณฺฑํ ปิวตีติ มณฺฑเปยฺยนฺติอาทินาปิ (ปฎิ. ม. ๑.๒๓๘) นเยเนตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ อิทเมตฺถ การณวจนํฯ ยสฺมา สตฺถา สมฺมุขีภูโต, ตสฺมา วีริยสมฺปโยคํ กตฺวา ปิวถ เอตํ มณฺฑํฯ พาหิรกญฺหิ เภสชฺชมณฺฑมฺปิ เวชฺชสฺส อสมฺมุขา ปิวนฺตานํ ปมาณํ วา อุคฺคมนํ วา นิคฺคมนํ วา น ชานามาติ อาสงฺกา โหติฯ เวชฺชสมฺมุขา ปน ‘‘เวโชฺช ชานิสฺสตี’’ติ นิราสงฺกา ปิวนฺติฯ เอวเมว อมฺหากํ ธมฺมสฺสามิ สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ วีริยํ กตฺวา ปิวถาติ มณฺฑปาเน เนสํ นิโยเชโนฺต ตสฺมาติห, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ สผลาติ สานิสํสาฯ สอุทฺรยาติ สวฑฺฒิฯ อิทานิ นิโยชนานุรูปํ สิกฺขิตพฺพตํ นิทฺทิสโนฺต อตฺตตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺตตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถภูตํ อรหตฺตํฯ อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุนฺติ อปฺปมาเทน สพฺพกิจฺจานิ กาตุํฯ ปรตฺถนฺติ ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลานิสํสํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ ทุติยํฯ

    Tattha tividho maṇḍo – desanāmaṇḍo, paṭiggahamaṇḍo, brahmacariyamaṇḍoti. Katamo desanāmaṇḍo? Catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhanā desanā paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkammaṃ, catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ…pe… ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa ācikkhanā…pe… uttānīkammaṃ, ayaṃ desanāmaṇḍo. Katamo paṭiggahamaṇḍo? Bhikkhū bhikkhuniyo upāsakā upāsikāyo devā manussā ye vā panaññepi keci viññātāro, ayaṃ paṭiggahamaṇḍo. Katamo brahmacariyamaṇḍo? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi, ayaṃ brahmacariyamaṇḍo. Apica adhimokkhamaṇḍo saddhindriyaṃ, assaddhiyaṃ kasaṭo, assaddhiyaṃ kasaṭaṃ chaḍḍetvā saddhindriyassa adhimokkhamaṇḍaṃ pivatīti maṇḍapeyyantiādināpi (paṭi. ma. 1.238) nayenettha attho veditabbo. Satthā sammukhībhūtoti idamettha kāraṇavacanaṃ. Yasmā satthā sammukhībhūto, tasmā vīriyasampayogaṃ katvā pivatha etaṃ maṇḍaṃ. Bāhirakañhi bhesajjamaṇḍampi vejjassa asammukhā pivantānaṃ pamāṇaṃ vā uggamanaṃ vā niggamanaṃ vā na jānāmāti āsaṅkā hoti. Vejjasammukhā pana ‘‘vejjo jānissatī’’ti nirāsaṅkā pivanti. Evameva amhākaṃ dhammassāmi satthā sammukhībhūtoti vīriyaṃ katvā pivathāti maṇḍapāne nesaṃ niyojento tasmātiha, bhikkhavetiādimāha. Tattha saphalāti sānisaṃsā. Saudrayāti savaḍḍhi. Idāni niyojanānurūpaṃ sikkhitabbataṃ niddisanto attatthaṃ vā hi, bhikkhavetiādimāha. Tattha attatthanti attano atthabhūtaṃ arahattaṃ. Appamādena sampādetunti appamādena sabbakiccāni kātuṃ. Paratthanti paccayadāyakānaṃ mahapphalānisaṃsaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti. Dutiyaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตํ • 2. Dutiyadasabalasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact