Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา
2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā
๒๒. ตตฺถาติ ทุติยสุเตฺตฯ ทสหิ พเลหีติ ทสหิ อนญฺญสาธารเณหิ ญาณพเลหิ, ตานิ ตถาคตเสฺสว พลานีติ ตถาคตพลานีติ วุจฺจนฺติฯ กามญฺจ ตานิ เอกจฺจานํ สาวกานมฺปิ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ ฐานาฎฺฐานญาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตาทิสานิ ตทเญฺญสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติฯ หตฺถิกุลานุสาเรนาติ วกฺขมานหตฺถิกุลานุสาเรนฯ กาฬาวกนฺติ กุลสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิเทฺทโสฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปกติหตฺถิกุลนฺติ คิริจรนทิจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาฬาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติฯ ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํฯ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ เอกสฺสาติ จ ตถา เหฎฺฐากถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อโตฺถฯ ตถาคตสฺส กายพลนฺติ ตถาคตสฺส ปากติกกายพลํฯ สงฺคหํ น คจฺฉติ อตฺตโน พลาภาวโต, ตโต เอวสฺส พาหิรกตา ลามกตา จฯ ตทุภยํ ปนสฺส การเณน ทเสฺสตุํ ‘‘เอตญฺหิ นิสฺสายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อญฺญนฺติ กายพลโต อญฺญํ ตโต วิสุํเยวฯ ทสสุ ฐาเนสุ ทสสุ ญาตพฺพฎฺฐาเนสุฯ ยาถาวปฎิเวธโต สยญฺจ อกมฺปยํ, ปุคฺคลญฺจ ตํสมงฺคิํ เนเยฺยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปนเฎฺฐน อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน จา’’ติฯ
22.Tatthāti dutiyasutte. Dasahi balehīti dasahi anaññasādhāraṇehi ñāṇabalehi, tāni tathāgatasseva balānīti tathāgatabalānīti vuccanti. Kāmañca tāni ekaccānaṃ sāvakānampi uppajjanti, yādisāni pana buddhānaṃ ṭhānāṭṭhānañāṇādīni uppajjanti, na tādisāni tadaññesaṃ kadācipi uppajjantīti. Hatthikulānusārenāti vakkhamānahatthikulānusārena. Kāḷāvakanti kulasaddāpekkhāya napuṃsakaniddeso. Esa nayo sesesupi. Pakatihatthikulanti giricaranadicaravanacarādippabhedā gocariyakāḷāvakanāmā sabbāpi balena pākatikā hatthijāti. Dasannaṃ purisānanti thāmamajjhimānaṃ dasannaṃ purisānaṃ. Ekassa tathāgatassa kāyabalanti ānetvā sambandho. Ekassāti ca tathā heṭṭhākathāyaṃ āgatattā desanāsotena vuttaṃ. Nārāyanasaṅghātabalanti ettha nārā vuccanti rasmiyo, tā bahū nānāvidhā ito uppajjantīti nārāyanaṃ, vajiraṃ, tasmā nārāyanasaṅghātabalanti vajirasaṅghātabalanti attho. Tathāgatassa kāyabalanti tathāgatassa pākatikakāyabalaṃ. Saṅgahaṃ na gacchati attano balābhāvato, tato evassa bāhirakatā lāmakatā ca. Tadubhayaṃ panassa kāraṇena dassetuṃ ‘‘etañhi nissāyā’’tiādi vuttaṃ. Aññanti kāyabalato aññaṃ tato visuṃyeva. Dasasu ṭhānesu dasasu ñātabbaṭṭhānesu. Yāthāvapaṭivedhato sayañca akampayaṃ, puggalañca taṃsamaṅgiṃ neyyesu adhibalaṃ karotīti āha ‘‘akampanaṭṭhena upatthambhanaṭṭhena cā’’ti.
ฐานญฺจ ฐานโตติ การณญฺจ การณโตฯ การณญฺหิ ยสฺมา ผลํ ติฎฺฐติ ตทายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา ‘‘ฐาน’’นฺติ วุจฺจติฯ วิปริยาเยน อฎฺฐานนฺติ อการณํ เวทิตพฺพํฯ ตทุภยํ ภควา เยน ญาเณน เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ ฐานํ, เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฎฺฐานนฺติ ปชานาติฯ ตํ สนฺธายาห ‘‘ฐานญฺจ…เป.… ชานนํ เอก’’นฺติฯ กมฺมสมาทานานนฺติ กมฺมํ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเญฺญว วา กมฺมสมาทานํฯ ฐานโส เหตุโสติ ปจฺจยโต จ เหตุโต จฯ ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส ฐานํ, กมฺมํ เหตุฯ สพฺพตฺถคามินีปฎิปทาชานนนฺติ สพฺพคติคามินิยา อคติคามินิยา จ ปฎิปทาย มคฺคสฺส ชานนํ, พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ หนเนฺตสุ ‘‘อิมสฺส เจตนา นิรยคามินี ภวิสฺสติ, อิมสฺส ติรจฺฉานโยนิคามินี’’ติ อิมินา นเยน เอกวตฺถุสฺมิมฺปิ กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตานํ ปฎิปตฺตีนํ อวิปรีตโต สภาวชานนํ ฯ อเนกธาตุนานาธาตุโลกชานนนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ กามธาตุอาทีหิ วา พหุธาตุโน, ตาสํเยว ธาตูนํ วิปรีตตาย นานปฺปการธาตุโน ขนฺธายตนธาตุโลกสฺส ชานนํฯ ปรสตฺตานนฺติ ปเรสํ สตฺตานํฯ นานาธิมุตฺติกตาชานนนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวสฺส ชานนํฯ เตสํเยวาติ ปรสตฺตานํเยวฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตชานนนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวสฺส อปรภาวสฺส วุทฺธิยา เจว หานิยา จ ชานนํฯ ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปฐมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนญฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํฯ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานชานนนฺติ หานภาคิยสฺส, วิเสสภาคิยสฺส ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตปคุณชฺฌานสฺส เจว ภวงฺคผลสมาปตฺตีนญฺจ ชานนํฯ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมญฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา โวทานมฺปิ ‘‘วุฎฺฐาน’’นฺติ วุจฺจติฯ ภวเงฺคน ปน สพฺพฌาเนหิ วุฎฺฐานํ โหติฯ ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐานเมว สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ปุเพฺพนิวาสชานนนฺติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน นิวุฎฺฐกฺขนฺธานํ ชานนํฯ จุตูปปาตชานนนฺติ สตฺตานํ จุติยา อุปปตฺติยา จ ยาถาวโต ชานนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อาสวกฺขยชานนํ อาสวกฺขยญาณํ, มคฺคญาณนฺติ อโตฺถฯ ยตฺถ ปเนตานิ วิตฺถารโต อาคตานิ สํวณฺณิตานิ, ตานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิธเมฺม ปนา’’ติอาทิมาหฯ
Ṭhānañcaṭhānatoti kāraṇañca kāraṇato. Kāraṇañhi yasmā phalaṃ tiṭṭhati tadāyattavuttitāya uppajjati ceva pavattati ca, tasmā ‘‘ṭhāna’’nti vuccati. Vipariyāyena aṭṭhānanti akāraṇaṃ veditabbaṃ. Tadubhayaṃ bhagavā yena ñāṇena ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ hetū paccayā uppādāya, taṃ taṃ ṭhānaṃ, ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ na hetū na paccayā uppādāya, taṃ taṃ aṭṭhānanti pajānāti. Taṃ sandhāyāha ‘‘ṭhānañca…pe… jānanaṃ eka’’nti. Kammasamādānānanti kammaṃ samādiyitvā katānaṃ kusalākusalakammānaṃ, kammaññeva vā kammasamādānaṃ. Ṭhānaso hetusoti paccayato ca hetuto ca. Tattha gatiupadhikālapayogā vipākassa ṭhānaṃ, kammaṃ hetu. Sabbatthagāminīpaṭipadājānananti sabbagatigāminiyā agatigāminiyā ca paṭipadāya maggassa jānanaṃ, bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ hanantesu ‘‘imassa cetanā nirayagāminī bhavissati, imassa tiracchānayonigāminī’’ti iminā nayena ekavatthusmimpi kusalākusalacetanāsaṅkhātānaṃ paṭipattīnaṃ aviparītato sabhāvajānanaṃ . Anekadhātunānādhātulokajānananti cakkhudhātuādīhi kāmadhātuādīhi vā bahudhātuno, tāsaṃyeva dhātūnaṃ viparītatāya nānappakāradhātuno khandhāyatanadhātulokassa jānanaṃ. Parasattānanti paresaṃ sattānaṃ. Nānādhimuttikatājānananti hīnādīhi adhimuttīhi nānādhimuttikabhāvassa jānanaṃ. Tesaṃyevāti parasattānaṃyeva. Indriyaparopariyattajānananti saddhādīnaṃ indriyānaṃ parabhāvassa aparabhāvassa vuddhiyā ceva hāniyā ca jānanaṃ. Jhānavimokkhasamādhisamāpattīnanti paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānaṃ, ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīnaṃ aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ, savitakkasavicārādīnaṃ tiṇṇaṃ samādhīnaṃ, paṭhamajjhānasamāpattiādīnañca navannaṃ anupubbasamāpattīnaṃ. Saṃkilesavodānavuṭṭhānajānananti hānabhāgiyassa, visesabhāgiyassa ‘‘vodānampi vuṭṭhānaṃ, tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti (vibha. 828) evaṃ vuttapaguṇajjhānassa ceva bhavaṅgaphalasamāpattīnañca jānanaṃ. Heṭṭhimaṃ heṭṭhimañhi paguṇajjhānaṃ uparimassa uparimassa padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā vodānampi ‘‘vuṭṭhāna’’nti vuccati. Bhavaṅgena pana sabbajhānehi vuṭṭhānaṃ hoti. Phalasamāpattiyā nirodhasamāpattito vuṭṭhānameva sandhāya ‘‘tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Pubbenivāsajānananti pubbenivāsānussatiñāṇena nivuṭṭhakkhandhānaṃ jānanaṃ. Cutūpapātajānananti sattānaṃ cutiyā upapattiyā ca yāthāvato jānanaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge vuttanayeneva veditabbo. Āsavakkhayajānanaṃ āsavakkhayañāṇaṃ, maggañāṇanti attho. Yattha panetāni vitthārato āgatāni saṃvaṇṇitāni, tāni dassento ‘‘abhidhamme panā’’tiādimāha.
พฺยาโมหภยวเสน สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํฯ วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํฯ ตํ ปน ญาณสมฺปทํ ปหานสมฺปทํ เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธํ ปจฺจเวกฺขณาญาณํฯ เตนาห ‘‘จตูสุ ฐาเนสู’’ติอาทิฯ จตูสูติ ปรปริกปฺปิเตสุ วตฺถูสุฯ ปรปริกปฺปิเตสุ วา วตฺถุมเตฺตสุ โจทนาการเณสุฯ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโตติ ‘‘อหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ เอวํ ปฎิชานเนฺตน ตยาฯ อิเม ธมฺมาติ ‘‘อิทํ ปญฺจมํ อริยสจฺจํ, อยํ ฉโฎฺฐ อุปาทานกฺขโนฺธ, อิทํ เตรสมํ อายตน’’นฺติ เวทิตพฺพา อิเม ธมฺมาฯ อนภิสมฺพุทฺธา อปฺปฎิวิทฺธตฺตาติฯ
Byāmohabhayavasena saraṇapariyesanaṃ sārajjanaṃ sārado, byāmohabhayaṃ. Vigato sārado etassāti visārado, tassa bhāvo vesārajjaṃ. Taṃ pana ñāṇasampadaṃ pahānasampadaṃ desanāvisesasampadaṃ khemaṃ nissāya pavattaṃ catubbidhaṃ paccavekkhaṇāñāṇaṃ. Tenāha ‘‘catūsu ṭhānesū’’tiādi. Catūsūti paraparikappitesu vatthūsu. Paraparikappitesu vā vatthumattesu codanākāraṇesu. Sammāsambuddhassa te paṭijānatoti ‘‘ahaṃ sammāsambuddho’’ti evaṃ paṭijānantena tayā. Ime dhammāti ‘‘idaṃ pañcamaṃ ariyasaccaṃ, ayaṃ chaṭṭho upādānakkhandho, idaṃ terasamaṃ āyatana’’nti veditabbā ime dhammā. Anabhisambuddhā appaṭividdhattāti.
ตตฺราติ ตสฺมิํ อนภิสมฺพุทฺธธมฺมสงฺขาเต โจทนาวตฺถุสฺมิํฯ โกจีติ สมณาทีหิ อโญฺญ วา โย โกจิฯ สห ธเมฺมนาติ สห เหตุนาฯ ‘‘ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ วิย เหตุปริยาโย อิธ ธมฺม-สโทฺทฯ เหตูติ จ อุปฺปตฺติสาธนเหตุ เวทิตโพฺพ, น การโก สมฺปาปโก วาฯ นิมิตฺตนฺติ การณํ, ตํ ปเนตฺถ โจทนาวตฺถุเมวฯ น สมนุปสฺสามิ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโตฯ เขมปฺปโตฺตติ อเขมปฺปตฺตรูปาย โจทนาย อนุปทฺทวํ ปโตฺต นิจฺจลภาวปฺปโตฺตฯ เวสารชฺชปฺปโตฺตติ วิสารทภาวปฺปโตฺตฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อิเม อาสวาติ กามาสวาทีสุ อิเม นาม อาสวา น ปริกฺขีณาติ อาสวกฺขยวจเนเนตฺถ สพฺพกิเลสปฺปหานํ วุตฺตํฯ น หิ โส กิเลโส อตฺถิ, โย สพฺพโส อาสเวสุ ขีเณสุ นปฺปหีเยยฺยฯ อนฺตรายิกาติ อนฺตรายกรา, สคฺควิโมกฺขาธิคมสฺส อนฺตรายกราติ อโตฺถฯ ธโมฺม หิ โย สํกิเลสโต นิยฺยาติ, โส ‘‘นิยฺยานิโก’’ติ วุโตฺตฯ ธเมฺม นิยฺยเนฺต ตํสมงฺคีปุคฺคโล นิยฺยานิโกติ โวหริโต โหตีติ ตสฺส ปฎิกฺขิปโนฺต ‘‘โส น นิยฺยาตี’’ติ อาหฯ กถํ ปน เทสนาธโมฺม นิยฺยาตีติ วุจฺจติ? นิยฺยานตฺถสมาธานโต, โส อเภโทปจาเรน ‘‘นิยฺยาตี’’ติ วุโตฺตฯ อถ วา ‘‘ธโมฺม เทสิโต’’ติ อริยธมฺมสฺส อธิเปฺปตตฺตา น โกจิ วิโรโธฯ
Tatrāti tasmiṃ anabhisambuddhadhammasaṅkhāte codanāvatthusmiṃ. Kocīti samaṇādīhi añño vā yo koci. Saha dhammenāti saha hetunā. ‘‘Dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu viya hetupariyāyo idha dhamma-saddo. Hetūti ca uppattisādhanahetu veditabbo, na kārako sampāpako vā. Nimittanti kāraṇaṃ, taṃ panettha codanāvatthumeva. Na samanupassāmi sammāsambuddhabhāvato. Khemappattoti akhemappattarūpāya codanāya anupaddavaṃ patto niccalabhāvappatto. Vesārajjappattoti visāradabhāvappatto. Sesesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – ime āsavāti kāmāsavādīsu ime nāma āsavā na parikkhīṇāti āsavakkhayavacanenettha sabbakilesappahānaṃ vuttaṃ. Na hi so kileso atthi, yo sabbaso āsavesu khīṇesu nappahīyeyya. Antarāyikāti antarāyakarā, saggavimokkhādhigamassa antarāyakarāti attho. Dhammo hi yo saṃkilesato niyyāti, so ‘‘niyyāniko’’ti vutto. Dhamme niyyante taṃsamaṅgīpuggalo niyyānikoti voharito hotīti tassa paṭikkhipanto ‘‘so na niyyātī’’ti āha. Kathaṃ pana desanādhammo niyyātīti vuccati? Niyyānatthasamādhānato, so abhedopacārena ‘‘niyyātī’’ti vutto. Atha vā ‘‘dhammo desito’’ti ariyadhammassa adhippetattā na koci virodho.
อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, อสนฺตสนเฎฺฐน อาสภํ วิยาติ อาสภํ, เสฎฺฐฎฺฐานํ สพฺพญฺญุตํฯ อาสภฎฺฐานฎฺฐายิตาย อาสภา นาม ปุพฺพพุทฺธาฯ สพฺพญฺญุตปฎิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, จตโสฺส วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภาฯ จตโสฺสปิ หิ ปริสา พุทฺธาภิมุขา เอวํ ติฎฺฐนฺติ, น ติฎฺฐนฺติ ปรมฺมุขาฯ อิทมฺปีติ ‘‘อุสโภ’’ติ อิทมฺปิ ปทํฯ ตสฺสาติ นิสภสฺสฯ เยสํ พลุปฺปาทาวฎฺฐานานํ วเสน อุสภสฺส อาสภณฺฐานํ อิจฺฉิตํ, ตโต สาติสยานํ เอว เตสํ วเสน อาสภณฺฐานํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ กิญฺจิ โลเก อุปมํ นาม พุทฺธคุณานํ นิทสฺสนภาเวน วุจฺจติ, สพฺพํ ตํ นิหีนเมวฯ ติฎฺฐมาโน จาติ อติฎฺฐโนฺตปิ ติฎฺฐมาโน เอว ปฎิชานาติ นามฯ อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติฯ
Usabhassa idanti āsabhaṃ, asantasanaṭṭhena āsabhaṃ viyāti āsabhaṃ, seṭṭhaṭṭhānaṃ sabbaññutaṃ. Āsabhaṭṭhānaṭṭhāyitāya āsabhā nāma pubbabuddhā. Sabbaññutapaṭijānanavasena abhimukhaṃ gacchanti, catasso vā parisā upasaṅkamantīti āsabhā. Catassopi hi parisā buddhābhimukhā evaṃ tiṭṭhanti, na tiṭṭhanti parammukhā. Idampīti ‘‘usabho’’ti idampi padaṃ. Tassāti nisabhassa. Yesaṃ baluppādāvaṭṭhānānaṃ vasena usabhassa āsabhaṇṭhānaṃ icchitaṃ, tato sātisayānaṃ eva tesaṃ vasena āsabhaṇṭhānaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ. Yaṃ kiñci loke upamaṃ nāma buddhaguṇānaṃ nidassanabhāvena vuccati, sabbaṃ taṃ nihīnameva. Tiṭṭhamāno cāti atiṭṭhantopi tiṭṭhamāno eva paṭijānāti nāma. Upagacchatīti anujānāti.
อฎฺฐ โข อิมาติ อิทํ เวสารชฺชญาณสฺส พลทสฺสนํฯ ยถา หิ พฺยตฺตํ ปริสํ อโชฺฌคาเหตฺวา วิญฺญูนํ จิตฺตํ อาราธนสมตฺถาย กถาย ธมฺมกถิกสฺส เฉกภาโว ปญฺญายติ, เอวํ อิมา อฎฺฐ ปริสา ปตฺวา สตฺถุ เวสารชฺชญาณสฺส พลํ ปากฎํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสู’’ติฯ ขตฺติยปริสาติ ขตฺติยานํ สนฺนิปติตานํ สมูโหฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ มารปริสาติ มารกายิกานํ สนฺนิปติตานํ สมูโหฯ มารสทิสานํ มารานํ ปริสาติ มารปริสาฯ สพฺพา เจตา ปริสา อุคฺคฎฺฐานทสฺสนวเสน คหิตาฯ มนุสฺสา หิ ‘‘เอตฺถ ราชา นิสิโนฺน’’ติ วุเตฺต ปกติวจนมฺปิ วตฺตุํ น สโกฺกนฺติ, กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, เอวํ อุคฺคา ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณา ตีสุ เวเทสุ กุสลา โหนฺติ, คหปตโย นานาโวหาเรสุ จ อกฺขรจินฺตาย จ กุสลา, สมณา สกวาทปรวาเทสุ กุสลา, เตสํ มเชฺฌ ธมฺมกถากถนํ นาม อติวิย ภาริยํฯ เทวานํ อุคฺคภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ อมนุโสฺสติ หิ วุตฺตมเตฺต มนุสฺสานํ สกลสรีรํ กมฺปติ, เตสํ รูปํ ทิสฺวาปิ สทฺทํ สุตฺวาปิ สตฺตา วิสญฺญิตาปิ โหนฺติฯ เอวํ อมนุสฺสปริสา อุคฺคาฯ อิติ เจตา ปริสา อุคฺคฎฺฐานทสฺสนวเสน วุตฺตาฯ กสฺมา ปเนตฺถ ยามาทิปริสา น คหิตาติ? ภุสํ กามาภิคิทฺธตาย โยนิโสมนสิการวิรหโตฯ ยามาทโย หิ อุฬารุฬาเร กาเม ปฎิเสวนฺตา ตตฺถาภิคิทฺธตาย ธมฺมสฺสวนาย สภาเวน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, มหาโพธิสตฺตานํ ปน พุทฺธานญฺจ อานุภาเวน อากฑฺฒิยมานา กทาจิ เนสํ ปยิรุปาสนาทีนิ กโรนฺติ ตาทิเส มหาสมเยฯ เตเนว หิ วิมานวตฺถุเทสนาปิ ตํนิมิตฺตา พหุลา นาโหสิฯ เสฎฺฐนาทนฺติ เกนจิ อปฺปฎิหตภาเวน อุตฺตมนาทํฯ อภีตนาทนฺติ เวสารชฺชโยคโต กุโตจิ นิพฺภยนาทํฯ สีหนาทสุเตฺตนาติ ขนฺธิยวเคฺค อาคเตน สีหนาทสุเตฺตนฯ สหนโตติ ขมนโตฯ หนนโตติ วิธมนโต วิทฺธํสนโตฯ ยถา วาติอาทิ ‘‘สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิญฺญาปนํฯ
Aṭṭhakho imāti idaṃ vesārajjañāṇassa baladassanaṃ. Yathā hi byattaṃ parisaṃ ajjhogāhetvā viññūnaṃ cittaṃ ārādhanasamatthāya kathāya dhammakathikassa chekabhāvo paññāyati, evaṃ imā aṭṭha parisā patvā satthu vesārajjañāṇassa balaṃ pākaṭaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘‘parisāsū’’ti. Khattiyaparisāti khattiyānaṃ sannipatitānaṃ samūho. Esa nayo sabbattha. Māraparisāti mārakāyikānaṃ sannipatitānaṃ samūho. Mārasadisānaṃ mārānaṃ parisāti māraparisā. Sabbā cetā parisā uggaṭṭhānadassanavasena gahitā. Manussā hi ‘‘ettha rājā nisinno’’ti vutte pakativacanampi vattuṃ na sakkonti, kacchehi sedā muccanti, evaṃ uggā khattiyaparisā, brāhmaṇā tīsu vedesu kusalā honti, gahapatayo nānāvohāresu ca akkharacintāya ca kusalā, samaṇā sakavādaparavādesu kusalā, tesaṃ majjhe dhammakathākathanaṃ nāma ativiya bhāriyaṃ. Devānaṃ uggabhāve vattabbameva natthi. Amanussoti hi vuttamatte manussānaṃ sakalasarīraṃ kampati, tesaṃ rūpaṃ disvāpi saddaṃ sutvāpi sattā visaññitāpi honti. Evaṃ amanussaparisā uggā. Iti cetā parisā uggaṭṭhānadassanavasena vuttā. Kasmā panettha yāmādiparisā na gahitāti? Bhusaṃ kāmābhigiddhatāya yonisomanasikāravirahato. Yāmādayo hi uḷāruḷāre kāme paṭisevantā tatthābhigiddhatāya dhammassavanāya sabhāvena cittampi na uppādenti, mahābodhisattānaṃ pana buddhānañca ānubhāvena ākaḍḍhiyamānā kadāci nesaṃ payirupāsanādīni karonti tādise mahāsamaye. Teneva hi vimānavatthudesanāpi taṃnimittā bahulā nāhosi. Seṭṭhanādanti kenaci appaṭihatabhāvena uttamanādaṃ. Abhītanādanti vesārajjayogato kutoci nibbhayanādaṃ. Sīhanādasuttenāti khandhiyavagge āgatena sīhanādasuttena. Sahanatoti khamanato. Hananatoti vidhamanato viddhaṃsanato. Yathā vātiādi ‘‘sīhanādasadisaṃ vā nādaṃ nadatī’’ti saṅkhepato vuttassa atthassa viññāpanaṃ.
เอตนฺติ ‘‘พฺรหฺมจกฺก’’นฺติ เอตํ ปทํฯ ปญฺญาปภาวิตนฺติ จิรกาลปริภาวิตาย ปารมิตาปญฺญาย วิปสฺสนาปญฺญาย จ อุปฺปาทิตํฯ กรุณาปภาวิตนฺติ ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปโนฺน’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย มหากรุณาย อุปฺปาทิตํฯ ยถา อภินิกฺขมนโต ปภุติ มหาโพธิสตฺตานํ อริยมคฺคาธิคมนวิโรธินี ปฎิปตฺติ นตฺถิ, เอวํ ตุสิตภวนโต นิยตภาวาปตฺติโต จ ปฎฺฐายาติ ทุติยตติยนยา จ คหิตาฯ ผลกฺขเณติ อคฺคผลกฺขเณฯ ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตา อรหตฺตมคฺคญาณํ วชิรูปมตาเยว สาติสโย ปฎิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปฎิลทฺธสฺสปิ เทสนาญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมเตฺตน โหตีติ ‘‘อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติ…เป.… ผลกฺขเณ ปวตฺตนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาญาณปฺปวตฺติ, ตเสฺสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ฐานนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส ฐานํ วิยฯ อุภยมฺปีติ ปิ-สเทฺทน โลกิยเทสนาญาณสฺส อิตเรน อนญฺญสาธารณตาวเสน สมานตํ สมฺปิเณฺฑติฯ อุรสิ ชาตตาย อุรโส สมฺภูตนฺติ โอรสํ ญาณํฯ
Etanti ‘‘brahmacakka’’nti etaṃ padaṃ. Paññāpabhāvitanti cirakālaparibhāvitāya pāramitāpaññāya vipassanāpaññāya ca uppāditaṃ. Karuṇāpabhāvitanti ‘‘kicchaṃ vatāyaṃ loko āpanno’’tiādinayappavattāya mahākaruṇāya uppāditaṃ. Yathā abhinikkhamanato pabhuti mahābodhisattānaṃ ariyamaggādhigamanavirodhinī paṭipatti natthi, evaṃ tusitabhavanato niyatabhāvāpattito ca paṭṭhāyāti dutiyatatiyanayā ca gahitā. Phalakkhaṇeti aggaphalakkhaṇe. Paṭivedhaniṭṭhattā arahattamaggañāṇaṃ vajirūpamatāyeva sātisayo paṭivedhoti ‘‘phalakkhaṇe uppannaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tena paṭiladdhassapi desanāñāṇassa kiccanipphatti parassa bujjhanamattena hotīti ‘‘aññāsikoṇḍaññassa sotāpatti…pe… phalakkhaṇe pavattanaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tato paraṃ pana yāva parinibbānā desanāñāṇappavatti, tasseva pavattitassa dhammacakkassa ṭhānanti veditabbaṃ pavattitacakkassa cakkavattino cakkaratanassa ṭhānaṃ viya. Ubhayampīti pi-saddena lokiyadesanāñāṇassa itarena anaññasādhāraṇatāvasena samānataṃ sampiṇḍeti. Urasi jātatāya uraso sambhūtanti orasaṃ ñāṇaṃ.
อิติ รูปนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อนวเสสโต รูปสฺส สรูปนิทสฺสนโตฺถติ ตสฺส ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ เอเตน สาธารณโต จ สรูปนิทสฺสนมาหฯ เอตฺตกํ รูปนฺติ เอเตน อนวเสสโต ‘‘อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถี’’ติ นิมิตฺตสฺส อญฺญสฺส อภาวํฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘รุปฺปนสภาวเญฺจวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ รุปฺปนํ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติฯ อาทิ-สเทฺทน อชฺฌตฺติกพาหิราทิเภทํ สงฺคณฺหาติฯ ลกฺขณ…เป.… วเสนาติ กกฺขฬตฺตาทิลกฺขณวเสน สนฺธารณาทิรสวเสน สมฺปฎิจฺฉนาทิปจฺจุปฎฺฐานวเสน ภูตตฺตยาทิปทฎฺฐานวเสน จฯ เอวํ ปริคฺคหิตสฺสาติ เอวํ สาธารณโต จ ลกฺขณาทิโต จ ปริคฺคหิตสฺสฯ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อโตฺถฯ นิโรธวิโรธี หิ อตฺถิภาโว โหติ, ตสฺมา นิโรเธ อสติ อตฺถิภาโว โหติ, ตสฺมา ปุริมภเว สิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมิํ ภเว รูปสฺส สมุทโย รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อโตฺถฯ ตณฺหาสมุทยา กมฺมสมุทยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อวิชฺชาทีหิ จ ตีหิ อตีตกาลิกตฺตา เตสํ สหการีการณภูตํ อุปาทานมฺปิ คหิตเมวาติ เวทิตพฺพํฯ ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการอาหารสฺส พลวตาย, โส เอว คหิโต, ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ ปน คหิเตน ปวตฺติปจฺจยตามเตฺตน อุตุจิตฺตานิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ ทฺวาทสสมุฎฺฐานิกํ รูปสฺส ปจฺจยโต ทสฺสนมฺปิ ภวิตพฺพเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติอาทินา กาลวเสน อุทยทสฺสนมาหฯ ตตฺถ ภูตวเสน มเคฺค อุทยํ ปสฺสิตฺวา ฐิโต อิธ สนฺตติวเสน อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติฯ อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ อคฺคมคฺคญาเณน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโตฯ ปจฺจยนิโรเธนาติ อวิชฺชาสงฺขาตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธภาเวนฯ ตณฺหานิโรธาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาวาฯ รูปนิโรธาติ ตํสมุฎฺฐานรูปสฺส อภาโว โหติฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ วิปริณามลกฺขณนฺติ ภวกาลวเสน เหตุทฺวยทสฺสนํฯ ตสฺมา ตํ ปทฎฺฐานวเสน ปเคว ปสฺสิตฺวา ฐิโต อิธ สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติฯ
Iti rūpanti ettha iti-saddo anavasesato rūpassa sarūpanidassanatthoti tassa ‘‘idaṃ rūpa’’nti etena sādhāraṇato ca sarūpanidassanamāha. Ettakaṃ rūpanti etena anavasesato ‘‘ito uddhaṃ rūpaṃ natthī’’ti nimittassa aññassa abhāvaṃ. Idāni tamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘ruppanasabhāvañcevā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ruppanaṃ sītādivirodhipaccayasamavāye visadisuppatti. Ādi-saddena ajjhattikabāhirādibhedaṃ saṅgaṇhāti. Lakkhaṇa…pe… vasenāti kakkhaḷattādilakkhaṇavasena sandhāraṇādirasavasena sampaṭicchanādipaccupaṭṭhānavasena bhūtattayādipadaṭṭhānavasena ca. Evaṃ pariggahitassāti evaṃ sādhāraṇato ca lakkhaṇādito ca pariggahitassa. Avijjāsamudayāti avijjāya uppādā, atthibhāvāti attho. Nirodhavirodhī hi atthibhāvo hoti, tasmā nirodhe asati atthibhāvo hoti, tasmā purimabhave siddhāya avijjāya sati imasmiṃ bhave rūpassa samudayo rūpassa uppādo hotīti attho. Taṇhāsamudayā kammasamudayāti etthāpi eseva nayo. Avijjādīhi ca tīhi atītakālikattā tesaṃ sahakārīkāraṇabhūtaṃ upādānampi gahitamevāti veditabbaṃ. Pavattipaccayesu kabaḷīkāraāhārassa balavatāya, so eva gahito, ‘‘āhārasamudayā’’ti pana gahitena pavattipaccayatāmattena utucittānipi gahitāneva hontīti dvādasasamuṭṭhānikaṃ rūpassa paccayato dassanampi bhavitabbamevāti daṭṭhabbaṃ. Nibbattilakkhaṇantiādinā kālavasena udayadassanamāha. Tattha bhūtavasena magge udayaṃ passitvā ṭhito idha santativasena anukkamena khaṇavasena passati. Avijjānirodhā rūpanirodhoti aggamaggañāṇena avijjāya anuppādanirodhato anāgatassa anuppādanirodho hoti paccayābhāve abhāvato. Paccayanirodhenāti avijjāsaṅkhātassa paccayassa nirodhabhāvena. Taṇhānirodhāti etthāpi eseva nayo. Āhāranirodhāti pavattipaccayassa kabaḷīkārāhārassa abhāvā. Rūpanirodhāti taṃsamuṭṭhānarūpassa abhāvo hoti. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayānusārena veditabbaṃ. Vipariṇāmalakkhaṇanti bhavakālavasena hetudvayadassanaṃ. Tasmā taṃ padaṭṭhānavasena pageva passitvā ṭhito idha santativasena disvā anukkamena khaṇavasena passati.
อิติ เวทนาติอาทีสุปิ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สุขาทิเภทนฺติ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขาทิวิภาคํฯ รูปสญฺญาทิเภทนฺติ รูปสญฺญา, สทฺท… คนฺธ… รส… โผฎฺฐพฺพ … ธมฺมสญฺญาทิวิภาคํฯ ผสฺสาทิเภทนฺติ ผสฺสเจตนามนสิการาทิวิภาคํฯ ลกฺขณ…เป.… วเสนาติ อิฎฺฐานุภวนลกฺขณาทิลกฺขณวเสน อิฎฺฐาการสโมฺภครสาทิรสวเสน กายิกอสฺสาทาทิปจฺจุปฎฺฐานวเสน อิฎฺฐารมฺมณาทิปทฎฺฐานวเสนฯ ‘‘ผุโฎฺฐ เวเทติ, ผุโฎฺฐ สญฺชานาติ, ผุโฎฺฐ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓) วจนโต ตีสุ เวทนาทีสุ ขเนฺธสุ ผสฺสสมุทยาติ วตฺตพฺพํฯ วิญฺญาณปฺปจฺจยา นามรูป’’นฺติ วจนโต วิญฺญาณกฺขเนฺธ นามรูปสมุทยาติ วตฺตพฺพํฯ เตสํเยว วเสนาติ ‘‘อวิชฺชานิโรโธ เวทนานิโรโธ’’ติอาทินา เตสํเยว อวิชฺชาทีนํ วเสน โยเชตพฺพํฯ
Iti vedanātiādīsupi vuttanayena attho veditabbo. Sukhādibhedanti sukhadukkhaadukkhamasukhādivibhāgaṃ. Rūpasaññādibhedanti rūpasaññā, sadda… gandha… rasa… phoṭṭhabba … dhammasaññādivibhāgaṃ. Phassādibhedanti phassacetanāmanasikārādivibhāgaṃ. Lakkhaṇa…pe… vasenāti iṭṭhānubhavanalakkhaṇādilakkhaṇavasena iṭṭhākārasambhogarasādirasavasena kāyikaassādādipaccupaṭṭhānavasena iṭṭhārammaṇādipadaṭṭhānavasena. ‘‘Phuṭṭho vedeti, phuṭṭho sañjānāti, phuṭṭho cetetī’’ti (saṃ. ni. 4.93) vacanato tīsu vedanādīsu khandhesu phassasamudayāti vattabbaṃ. Viññāṇappaccayā nāmarūpa’’nti vacanato viññāṇakkhandhe nāmarūpasamudayāti vattabbaṃ. Tesaṃyeva vasenāti ‘‘avijjānirodho vedanānirodho’’tiādinā tesaṃyeva avijjādīnaṃ vasena yojetabbaṃ.
อุปาทานกฺขนฺธานํ สมุทยตฺถงฺคมวเสน ติตฺถิยานํ อวิสโยปิ สปฺปเทโส สีหนาโท ทสฺสิโตฯ อิทานิ นิปฺปเทโส อนุโลมปฎิโลมวเสน สเงฺขปโต วิตฺถารโต ปจฺจยาการวิสโย อนญฺญสาธารโณ ทสฺสียตีติ อาห, ‘‘อยมฺปิ อปโร สีหนาโท’’ติฯ ตสฺสาติ ‘‘อิมสฺมิํ สตี’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตปฎิจฺจสมุปฺปาทปาฬิยาฯ เอตฺถ จ ‘‘อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุฌฺตี’’ติ อวิชฺชาทีนํ ภาเว สงฺขาราทีนํ ภาวสฺส, อวิชฺชาทีนํ นิโรเธ สงฺขาราทีนํ นิโรธสฺส กถเนน ปุริมสฺมิํ ปจฺจยลกฺขเณ นิยโม ทสฺสิโต ‘‘อิมสฺมิํ สติ เอว, นาสติ, อิมสฺส อุปฺปาทา เอว, นานุปฺปาทา, นิโรธา เอว, นานิโรธา’’ติฯ เตเนทํ ลกฺขณํ อโนฺตคธนิยมํ อิธ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นิโรโธติ จ อวิชฺชาทีนํ วิราคา วิคเมน อายติํ อนุปฺปาโท อปฺปวตฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทิฯ นิโรธวิโรธี จ อุปฺปาโท, เยน โส อุปฺปาทนิโรธวิภาเคน วุโตฺต ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติฯ เตเนตํ ทเสฺสติ ‘‘อสติ นิโรเธ อุปฺปาโท นาม, โส เจตฺถ อตฺถิภาโวติ วุจฺจตี’’ติฯ ‘‘อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิทเมว หิ ลกฺขณํฯ ปริยายนฺตเรน ‘‘อิมสฺส อุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทเนฺตน ปเรน ปุริมํ วิเสสิตํ โหติฯ ตสฺมา น วตฺตมานํเยว สนฺธาย ‘‘อิมสฺมิํ สตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มเคฺคน อนิรุชฺฌนสภาวญฺจาติ วิญฺญายติฯ ยสฺมา จ ‘‘อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ ทฺวิธาปิ อุทฺทิฎฺฐสฺส ลกฺขณสฺส นิเทฺทสํ วทเนฺตน ภควตา ‘‘อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา นิโรโธว วุโตฺต, ตสฺมา นตฺถิภาโวปิ นิโรโธ เอวาติ นตฺถิภาววิรุโทฺธ อตฺถิภาโว อนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติฯ เตน อนิโรธสงฺขาเตน อตฺถิภาเวน อุปฺปาทํ วิเสเสติฯ ตโต อิธ น เกวลํ อตฺถิภาวมตฺตํ อุปฺปาโทติ อโตฺถ อธิเปฺปโต, อถ โข อนิโรธสงฺขาโต อตฺถิภาโว จาติ อยมโตฺถ วิภาวิโต โหติฯ เอวเมตํ ลกฺขณทฺวยวจนํ อญฺญมญฺญํ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํฯ โก ปนายํ อนิโรโธ นาม, โย ‘‘อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท’’ติ จ วุโตฺตติ? อปฺปหีนภาโว จ อนิพฺพตฺติตผลภาเวน ผลุปฺปาทนารหตา จาติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฎฺฐกถายํ (อุทา. อฎฺฐ. ๑)ฯ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ
Upādānakkhandhānaṃ samudayatthaṅgamavasena titthiyānaṃ avisayopi sappadeso sīhanādo dassito. Idāni nippadeso anulomapaṭilomavasena saṅkhepato vitthārato paccayākāravisayo anaññasādhāraṇo dassīyatīti āha, ‘‘ayampi aparo sīhanādo’’ti. Tassāti ‘‘imasmiṃ satī’’tiādinā saṅkhepato vuttapaṭiccasamuppādapāḷiyā. Ettha ca ‘‘imasmiṃ sati idaṃ hoti, imassa nirodhā idaṃ nirujhtī’’ti avijjādīnaṃ bhāve saṅkhārādīnaṃ bhāvassa, avijjādīnaṃ nirodhe saṅkhārādīnaṃ nirodhassa kathanena purimasmiṃ paccayalakkhaṇe niyamo dassito ‘‘imasmiṃ sati eva, nāsati, imassa uppādā eva, nānuppādā, nirodhā eva, nānirodhā’’ti. Tenedaṃ lakkhaṇaṃ antogadhaniyamaṃ idha paṭiccasamuppādassa vuttanti daṭṭhabbaṃ. Nirodhoti ca avijjādīnaṃ virāgā vigamena āyatiṃ anuppādo appavatti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘avijjāya tveva asesavirāganirodhā’’tiādi. Nirodhavirodhī ca uppādo, yena so uppādanirodhavibhāgena vutto ‘‘imassa nirodhā idaṃ nirujjhatī’’ti. Tenetaṃ dasseti ‘‘asati nirodhe uppādo nāma, so cettha atthibhāvoti vuccatī’’ti. ‘‘Imasmiṃ sati idaṃ hotī’’ti idameva hi lakkhaṇaṃ. Pariyāyantarena ‘‘imassa uppādā idaṃ uppajjatī’’ti vadantena parena purimaṃ visesitaṃ hoti. Tasmā na vattamānaṃyeva sandhāya ‘‘imasmiṃ satī’’ti vuttaṃ, atha kho maggena anirujjhanasabhāvañcāti viññāyati. Yasmā ca ‘‘imasmiṃ asati idaṃ na hoti, imassa nirodhā idaṃ nirujjhatī’’ti dvidhāpi uddiṭṭhassa lakkhaṇassa niddesaṃ vadantena bhagavatā ‘‘avijjāya tveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho’’tiādinā nirodhova vutto, tasmā natthibhāvopi nirodho evāti natthibhāvaviruddho atthibhāvo anirodhoti dassitaṃ hoti. Tena anirodhasaṅkhātena atthibhāvena uppādaṃ viseseti. Tato idha na kevalaṃ atthibhāvamattaṃ uppādoti attho adhippeto, atha kho anirodhasaṅkhāto atthibhāvo cāti ayamattho vibhāvito hoti. Evametaṃ lakkhaṇadvayavacanaṃ aññamaññaṃ visesanavisesitabbabhāvena sātthakanti veditabbaṃ. Ko panāyaṃ anirodho nāma, yo ‘‘atthibhāvo, uppādo’’ti ca vuttoti? Appahīnabhāvo ca anibbattitaphalabhāvena phaluppādanārahatā cāti ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana paramatthadīpaniyaṃ udānaṭṭhakathāyaṃ (udā. aṭṭha. 1). Vuttanayena veditabbo.
ปญฺจกฺขนฺธวิภชนาทิวเสนาติ ปญฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ ทฺวาทสปทิกสฺส ปจฺจยาการสฺส วิภชนวเสนฯ อิมสฺมิญฺหิ ทสพลสุเตฺต ธมฺมสฺส เทสิตากาโร ปญฺจกฺขนฺธปจฺจยาการมโตฺตฯ เตนาห ‘‘ปญฺจกฺขนฺธปจฺจยาการธโมฺม’’ติฯ อาจริยมุฎฺฐิยา อกรเณน วิภูโต, โส ปน อตฺถโต จ สทฺทโต จ ปิหิโต เหฎฺฐามุขชาโต วา น โหตีติ อาห ‘‘อนิกุชฺชิโต’’ติฯ วิวโฎติ วิภาวิโตฯ เตนาห ‘‘วิวริตฺวา ฐปิโต’’ติ ฯ ปกาสิโตติ ญาโณภาเสน โอภาสิโต อาทีปิโตติ อาห ‘‘ทีปิโต โชติโต’’ติฯ ตตฺถ ตตฺถ ฉินฺนภินฺนฎฺฐาเนฯ สิพฺพิตคณฺฐิตนฺติ วากํ คเหตฺวา สิพฺพิตํ, สิพฺพิตุํ อสกฺกุเณยฺยฎฺฐาเน วาเกน คณฺฐิตญฺจฯ ฉินฺนปิโลติกาภาเวน วิคตปิโลติโก ธโมฺม, ตสฺส ฉินฺนปิโลติกสฺส ปฎิโลมตา ฉินฺนภินฺนตาภาเวนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เหตฺถา’’ติอาทิมาหฯ นิวาสนปารุปนํ ปริคฺคหณํฯ สยํ ปฎิภานํ กเปฺปตฺวาฯ วเฑฺฒนฺตา อตฺตโน สมยํฯ สมณกจวรนฺติ สมณเวสธารณวเสน สมณปฎิรูปตาย สมณานํ กจวรภูตํฯ อตฺตโน รูปปวตฺติยา กรณฺฑํ กุจฺฉิตํ ธุตฺตํ วาติ ปวเตฺตตีติ การณฺฑโว, ทุสฺสีโลฯ ตํ การณฺฑวํฯ นิทฺธมถาติ นีหรถฯ กสมฺพุนฺติ สมณกสฎํฯ อปกสฺสถาติ อปกฑฺฒถ นนฺติ อโตฺถฯ ปลาเปติ ปลาปสทิเสฯ ตถา หิ ตณฺฑุลสารรหิโต ธญฺญปฎิรูปโก ถุสมตฺตโก ปลาโปติ วุจฺจติ, เอวํ สีลาทิสารรหิโต สมณปฎิรูปโก ปลาโป วิยาติ ปลาโป, ทุสฺสีโลฯ เต ปลาเปฯ วาเหถาติ อปเนถฯ ปติสฺสตาติ พาฬฺหสติตาย ปติสฺสตา โหถาติฯ
Pañcakkhandhavibhajanādivasenāti pañcannaṃ upādānakkhandhānaṃ dvādasapadikassa paccayākārassa vibhajanavasena. Imasmiñhi dasabalasutte dhammassa desitākāro pañcakkhandhapaccayākāramatto. Tenāha ‘‘pañcakkhandhapaccayākāradhammo’’ti. Ācariyamuṭṭhiyā akaraṇena vibhūto, so pana atthato ca saddato ca pihito heṭṭhāmukhajāto vā na hotīti āha ‘‘anikujjito’’ti. Vivaṭoti vibhāvito. Tenāha ‘‘vivaritvā ṭhapito’’ti . Pakāsitoti ñāṇobhāsena obhāsito ādīpitoti āha ‘‘dīpito jotito’’ti. Tattha tattha chinnabhinnaṭṭhāne. Sibbitagaṇṭhitanti vākaṃ gahetvā sibbitaṃ, sibbituṃ asakkuṇeyyaṭṭhāne vākena gaṇṭhitañca. Chinnapilotikābhāvena vigatapilotiko dhammo, tassa chinnapilotikassa paṭilomatā chinnabhinnatābhāvenāti dassento ‘‘na hetthā’’tiādimāha. Nivāsanapārupanaṃ pariggahaṇaṃ. Sayaṃ paṭibhānaṃ kappetvā. Vaḍḍhentā attano samayaṃ. Samaṇakacavaranti samaṇavesadhāraṇavasena samaṇapaṭirūpatāya samaṇānaṃ kacavarabhūtaṃ. Attano rūpapavattiyā karaṇḍaṃ kucchitaṃ dhuttaṃ vāti pavattetīti kāraṇḍavo, dussīlo. Taṃ kāraṇḍavaṃ. Niddhamathāti nīharatha. Kasambunti samaṇakasaṭaṃ. Apakassathāti apakaḍḍhatha nanti attho. Palāpeti palāpasadise. Tathā hi taṇḍulasārarahito dhaññapaṭirūpako thusamattako palāpoti vuccati, evaṃ sīlādisārarahito samaṇapaṭirūpako palāpo viyāti palāpo, dussīlo. Te palāpe. Vāhethāti apanetha. Patissatāti bāḷhasatitāya patissatā hothāti.
สทฺธาย ปพฺพชิเตนาติ ราชูปทฺทวาทีหิ อนุปทฺทุเตน ‘‘เอวญฺหิ ตํ โอติณฺณํ ชาติอาทิสํสารภยํ วิชินิสฺสามี’’ติ วฎฺฎนิสฺสรณตฺถํ อาคตาย สทฺธาย วเสน ปพฺพชิเตนฯ อาจารกุลปุโตฺตติ อาจาเรน อภิชาโตฯ เตนาห ‘‘ยโต กุโตจี’’ติอาทิฯ ชาติกุลปุโตฺตติ ชาติสมฺปตฺติยา อภิชาโตฯ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ องฺคานิ สมฺมาปธานิยงฺคภาเวน, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขภาเวน วีริยํ อารภนฺตสฺส ตถาปวตฺตวีริยวเสน ‘‘ตโจ เอกํ องฺค’’นฺติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ นวสุ ฐาเนสุ สมาธาตพฺพนฺติ ‘‘กาลวเสน ปญฺจสุ, อิริยาปถวเสน จตูสู’’ติ เอวํ นวสุ ฐาเนสุ วีริยํ สมาธาตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพํฯ
Saddhāya pabbajitenāti rājūpaddavādīhi anupaddutena ‘‘evañhi taṃ otiṇṇaṃ jātiādisaṃsārabhayaṃ vijinissāmī’’ti vaṭṭanissaraṇatthaṃ āgatāya saddhāya vasena pabbajitena. Ācārakulaputtoti ācārena abhijāto. Tenāha ‘‘yato kutocī’’tiādi. Jātikulaputtoti jātisampattiyā abhijāto. Viññuppasatthāni aṅgāni sammāpadhāniyaṅgabhāvena, kāye ca jīvite ca nirapekkhabhāvena vīriyaṃ ārabhantassa tathāpavattavīriyavasena ‘‘taco ekaṃ aṅga’’nti vuttaṃ. Esa nayo sesesupi. Navasu ṭhānesu samādhātabbanti ‘‘kālavasena pañcasu, iriyāpathavasena catūsū’’ti evaṃ navasu ṭhānesu vīriyaṃ samādhātabbaṃ pavattetabbaṃ.
โส ทุกฺขํ วิหรตีติ กุสีตปุคฺคโล นิยฺยานิกสาสเน วีริยารมฺภสฺส อกรเณน สามญฺญตฺถสฺส อนุปฺปตฺติยา ทุกฺขํ วิหรติฯ สกํ วา อตฺถํ สทตฺถํ ก-การสฺส ท-การํ กตฺวา ฯ กุสีตสฺส อตฺถปริหายนํ มูลโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ ‘‘ฉ ทฺวารานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิสชฺชาวเสน ปีฐมทฺทนโต ปีฐมทฺทโน, นิรสฺสนวจนํ ตสฺส, กสฺสจิปตฺถสฺส อธารณโต เกวลํ ปีฐภารภูโตติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญตฺถ ปน ‘‘มขมทฺทโน’’ติ วุจฺจติ, ตตฺถ ทานมิจฺฉาย ปเรสํ มขํ ปสฺสโนฺตติ อโตฺถฯ ลณฺฑปูรโกติ กุจฺฉิปูรํ ภุญฺชิตฺวา วจฺจกุฎิปูรโกฯ
So dukkhaṃ viharatīti kusītapuggalo niyyānikasāsane vīriyārambhassa akaraṇena sāmaññatthassa anuppattiyā dukkhaṃ viharati. Sakaṃ vā atthaṃ sadatthaṃ ka-kārassa da-kāraṃ katvā . Kusītassa atthaparihāyanaṃ mūlato paṭṭhāya dassetuṃ ‘‘cha dvārānī’’tiādi vuttaṃ. Nisajjāvasena pīṭhamaddanato pīṭhamaddano, nirassanavacanaṃ tassa, kassacipatthassa adhāraṇato kevalaṃ pīṭhabhārabhūtoti adhippāyo. Aññattha pana ‘‘makhamaddano’’ti vuccati, tattha dānamicchāya paresaṃ makhaṃ passantoti attho. Laṇḍapūrakoti kucchipūraṃ bhuñjitvā vaccakuṭipūrako.
‘‘อารทฺธวีริโย’’ติอาทีสุ ‘‘กุสีโต ปุคฺคโล’’ติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพ, อาสีสาย วเสน โถมิโตฯ อารทฺธวีริเยติ ปคฺคหิตวีริเยฯ ปหิตเตฺตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิเตฺตฯ เอเตน สาวกานํ สมฺมาปฎิปตฺติํ สตฺถุวนฺทนานิสํสญฺจ ทเสฺสสิฯ
‘‘Āraddhavīriyo’’tiādīsu ‘‘kusīto puggalo’’ti ettha vuttavipariyāyena attho veditabbo, āsīsāya vasena thomito. Āraddhavīriyeti paggahitavīriye. Pahitatteti nibbānaṃ patipesitacitte. Etena sāvakānaṃ sammāpaṭipattiṃ satthuvandanānisaṃsañca dassesi.
หีเนนาติ วฎฺฎนิสฺสิเตน ธเมฺมนฯ เตนาห ‘‘หีนาย สทฺธายา’’ติอาทิฯ อเคฺคนาติ เสเฎฺฐน วิวฎฺฎนิสฺสิเตน ธเมฺมน, อีสกมฺปิ กตกาลุสิยวิคตเฎฺฐน มณฺฑเฎฺฐน จ ปสนฺนมฺปิ สุราทิ น ปาตพฺพํฯ สาสนนฺติ ปริยตฺติปฎิปตฺติปฎิเวธลกฺขณํ สาสนํฯ ปสนฺนํ วิคตโทสมลตฺตา ปสาทนิยตฺตา จฯ ปาตพฺพญฺจ ปเตฺตน วิย สุเขน ปริภุญฺชิตพฺพโต ทุจฺจริตสพฺพกิเลสกสาวมลปงฺกโทสรหิตตฺตา จฯ
Hīnenāti vaṭṭanissitena dhammena. Tenāha ‘‘hīnāya saddhāyā’’tiādi. Aggenāti seṭṭhena vivaṭṭanissitena dhammena, īsakampi katakālusiyavigataṭṭhena maṇḍaṭṭhena ca pasannampi surādi na pātabbaṃ. Sāsananti pariyattipaṭipattipaṭivedhalakkhaṇaṃ sāsanaṃ. Pasannaṃ vigatadosamalattā pasādaniyattā ca. Pātabbañca pattena viya sukhena paribhuñjitabbato duccaritasabbakilesakasāvamalapaṅkadosarahitattā ca.
มณฺฑภูตา โพธิปกฺขิยธมฺมเทสนาปิ เทสนามโณฺฑฯ ตสฺส เอกเสฺสว ปน เทสนามณฺฑสฺส ปฎิคฺคาหกา สุปฺปฎิปนฺนา โทสรหิตา จตโสฺส ปริสา ปฎิคฺคหมโณฺฑฯ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตคฺคติกตฺตา สกโลปิ โพธิปกฺขิยธมฺมราสิ พฺรหฺมจริยมโณฺฑฯ เตนาห ‘‘กตโม เทสนามโณฺฑ’’ติอาทิฯ ตตฺถ วิญฺญาตาโรติ สจฺจานํ อภิสเมตาวิโนฯ ตถา หิ อาทิโต ‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุพฺพภาเค ‘‘อตฺถิ อยํ โลโก’’ติอาทินา อิธโลกปรโลกคตสโมฺมสวิคเมน ปวโตฺต อธิโมโกฺขว อธิโมกฺขมโณฺฑฯ ฉเฑฺฑตฺวา สมุเจฺฉทวเสน วิชหิตฺวาฯ จตุภูมกสฺส สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขมเณฺฑน มณฺฑภูตํ อธิโมกฺขํฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ปคฺคหมโณฺฑ วีริยินฺทฺริยํ โกสชฺชกสฎ’’นฺติอาทิํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สาสเน, ‘‘มณฺฑสฺมิ’’นฺติ วา วจเนฯ การณวจนํ, เตน ‘‘สตฺถา สมฺมุขีภูโต’’ติ สมฺมุขภาวนาโยโค นิราสงฺกผลาวโหติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อสมฺมุขา’’ติอาทิฯ ปมาณนฺติ อนุรูปํ เภสชฺชสฺส ปมาณํฯ อุคฺคมนนฺติ เภสชฺชสฺส วมนํ วิเรจนํ, ตสฺส วา วเสน โทสธาตูนํ วมนํ วิเรจนํฯ เอวเมวาติ ยถา เภสชฺชมณฺฑํ เวชฺชสมฺมุขา นิราสงฺกา ปิวนฺติ, เอวเมว ‘‘สตฺถา สมฺมุขีภูโต’’ติ นิราสงฺกา วีริยํ กตฺวา, มณฺฑเปยฺย สาสนํ ปิวถาติ โยชนาฯ อภิญฺญาสมาปตฺติปฎิลาเภน สานิสํสาฯ มคฺคผลาธิคมเนน สวฑฺฒิ ฯ ปรตฺถนฺติ อตฺตโน ทิฎฺฐานุคติอาปตฺติยา, ตถา สมฺมาปฎิปชฺชนฺตานํ ปเรสํ อตฺถนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Maṇḍabhūtā bodhipakkhiyadhammadesanāpi desanāmaṇḍo. Tassa ekasseva pana desanāmaṇḍassa paṭiggāhakā suppaṭipannā dosarahitā catasso parisā paṭiggahamaṇḍo. Maggabrahmacariyaṃ taggatikattā sakalopi bodhipakkhiyadhammarāsi brahmacariyamaṇḍo. Tenāha ‘‘katamo desanāmaṇḍo’’tiādi. Tattha viññātāroti saccānaṃ abhisametāvino. Tathā hi ādito ‘‘catunnaṃ ariyasaccānaṃ ācikkhaṇā’’tiādi vuttaṃ. Pubbabhāge ‘‘atthi ayaṃ loko’’tiādinā idhalokaparalokagatasammosavigamena pavatto adhimokkhova adhimokkhamaṇḍo. Chaḍḍetvā samucchedavasena vijahitvā. Catubhūmakassa saddhindriyassa adhimokkhamaṇḍena maṇḍabhūtaṃ adhimokkhaṃ. Ādi-saddena ‘‘paggahamaṇḍo vīriyindriyaṃ kosajjakasaṭa’’ntiādiṃ pāḷisesaṃ saṅgaṇhāti. Etthāti etasmiṃ sāsane, ‘‘maṇḍasmi’’nti vā vacane. Kāraṇavacanaṃ, tena ‘‘satthā sammukhībhūto’’ti sammukhabhāvanāyogo nirāsaṅkaphalāvahoti dasseti. Tenāha ‘‘asammukhā’’tiādi. Pamāṇanti anurūpaṃ bhesajjassa pamāṇaṃ. Uggamananti bhesajjassa vamanaṃ virecanaṃ, tassa vā vasena dosadhātūnaṃ vamanaṃ virecanaṃ. Evamevāti yathā bhesajjamaṇḍaṃ vejjasammukhā nirāsaṅkā pivanti, evameva ‘‘satthā sammukhībhūto’’ti nirāsaṅkā vīriyaṃ katvā, maṇḍapeyya sāsanaṃ pivathāti yojanā. Abhiññāsamāpattipaṭilābhena sānisaṃsā. Maggaphalādhigamanena savaḍḍhi. Paratthanti attano diṭṭhānugatiāpattiyā, tathā sammāpaṭipajjantānaṃ paresaṃ atthanti evamettha attho daṭṭhabbo.
ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตํ • 2. Dutiyadasabalasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyadasabalasuttavaṇṇanā