Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. ทุติยคทฺทุลพทฺธสุตฺตวณฺณนา
8. Dutiyagaddulabaddhasuttavaṇṇanā
๑๐๐. อฎฺฐเม ตสฺมาติ ยสฺมา ทิฎฺฐิคทฺทุลนิสฺสิตาย ตณฺหารชฺชุยา สกฺกายถเมฺภ อุปนิพโทฺธ วฎฺฎนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน สพฺพิริยาปเถสุ ขนฺธปญฺจกํ นิสฺสาเยว ปวตฺตติ, ยสฺมา วา ทีฆรตฺตมิทํ จิตฺตํ สํกิลิฎฺฐํ ราเคน โทเสน โมเหน, ตสฺมาฯ จิตฺตสํกิเลสาติ สุนฺหาตาปิ หิ สตฺตา จิตฺตสํกิเลเสเนว สํกิลิสฺสนฺติ, มลคฺคหิตสรีราปิ จิตฺตสฺส โวทานตฺตา วิสุชฺฌนฺติฯ เตนาหุ โปราณา –
100. Aṭṭhame tasmāti yasmā diṭṭhigaddulanissitāya taṇhārajjuyā sakkāyathambhe upanibaddho vaṭṭanissito bālaputhujjano sabbiriyāpathesu khandhapañcakaṃ nissāyeva pavattati, yasmā vā dīgharattamidaṃ cittaṃ saṃkiliṭṭhaṃ rāgena dosena mohena, tasmā. Cittasaṃkilesāti sunhātāpi hi sattā cittasaṃkileseneva saṃkilissanti, malaggahitasarīrāpi cittassa vodānattā visujjhanti. Tenāhu porāṇā –
‘‘รูปมฺหิ สํกิลิฎฺฐมฺหิ, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
‘‘Rūpamhi saṃkiliṭṭhamhi, saṃkilissanti māṇavā;
รูเป สุเทฺธ วิสุชฺฌนฺติ, อนกฺขาตํ มเหสินาฯ
Rūpe suddhe visujjhanti, anakkhātaṃ mahesinā.
‘‘จิตฺตมฺหิ สํกิลิฎฺฐมฺหิ, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
‘‘Cittamhi saṃkiliṭṭhamhi, saṃkilissanti māṇavā;
จิเตฺต สุเทฺธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติฯ
Citte suddhe visujjhanti, iti vuttaṃ mahesinā’’ti.
จรณํ นาม จิตฺตนฺติ วิจรณจิตฺตํฯ สงฺขา นาม พฺราหฺมณปาสณฺฑิกา โหนฺติ, เต ปฎโกฎฺฐกํ กตฺวา ตตฺถ นานปฺปการา สุคติทุคฺคติวเสน สมฺปตฺติวิปตฺติโย เลขาเปตฺวา, ‘‘อิมํ กมฺมํ กตฺวา อิทํ ปฎิลภติ, อิทํ กตฺวา อิท’’นฺติ ทเสฺสนฺตา ตํ จิตฺตํ คเหตฺวา วิจรนฺติฯ จิเตฺตเนว จิตฺติตนฺติ จิตฺตกาเรน จิเนฺตตฺวา กตตฺตา จิเตฺตน จินฺติตํ นามฯ จิตฺตเญฺญว จิตฺตตรนฺติ ตสฺส จิตฺตสฺส อุปายปริเยสนจิตฺตํ ตโตปิ จิตฺตตรํฯ ติรจฺฉานคตา ปาณา จิเตฺตเนว จิตฺติตาติ กมฺมจิเตฺตเนว จิตฺติตาฯ ตํ ปน กมฺมจิตฺตํ อิเม วฎฺฎกติตฺติราทโย ‘‘เอวํ จิตฺตา ภวิสฺสามา’’ติ อายูหนฺตา นาม นตฺถิฯ กมฺมํ ปน โยนิํ อุปเนติ, โยนิมูลโก เตสํ จิตฺตภาโวฯ โยนิอุปคตา หิ สตฺตา ตํตํโยนิเกหิ สทิสจิตฺตาว โหนฺติฯ อิติ โยนิสิโทฺธ จิตฺตภาโว, กมฺมสิทฺธา โยนีติ เวทิตพฺพาฯ
Caraṇaṃ nāma cittanti vicaraṇacittaṃ. Saṅkhā nāma brāhmaṇapāsaṇḍikā honti, te paṭakoṭṭhakaṃ katvā tattha nānappakārā sugatiduggativasena sampattivipattiyo lekhāpetvā, ‘‘imaṃ kammaṃ katvā idaṃ paṭilabhati, idaṃ katvā ida’’nti dassentā taṃ cittaṃ gahetvā vicaranti. Citteneva cittitanti cittakārena cintetvā katattā cittena cintitaṃ nāma. Cittaññeva cittataranti tassa cittassa upāyapariyesanacittaṃ tatopi cittataraṃ. Tiracchānagatā pāṇā citteneva cittitāti kammacitteneva cittitā. Taṃ pana kammacittaṃ ime vaṭṭakatittirādayo ‘‘evaṃ cittā bhavissāmā’’ti āyūhantā nāma natthi. Kammaṃ pana yoniṃ upaneti, yonimūlako tesaṃ cittabhāvo. Yoniupagatā hi sattā taṃtaṃyonikehi sadisacittāva honti. Iti yonisiddho cittabhāvo, kammasiddhā yonīti veditabbā.
อปิจ จิตฺตํ นาเมตํ สหชาตํ สหชาตธมฺมจิตฺตตาย ภูมิจิตฺตตาย วตฺถุจิตฺตตาย ทฺวารจิตฺตตาย อารมฺมณจิตฺตตาย กมฺมนานตฺตมูลกานํ ลิงฺคนานตฺตสญฺญานานตฺตโวหารนานตฺตาทีนํ อเนกวิธานํ จิตฺตานํ นิปฺผาทนตายปิ ติรจฺฉานคตจิตฺตโต จิตฺตตรเมว เวทิตพฺพํฯ
Apica cittaṃ nāmetaṃ sahajātaṃ sahajātadhammacittatāya bhūmicittatāya vatthucittatāya dvāracittatāya ārammaṇacittatāya kammanānattamūlakānaṃ liṅganānattasaññānānattavohāranānattādīnaṃ anekavidhānaṃ cittānaṃ nipphādanatāyapi tiracchānagatacittato cittatarameva veditabbaṃ.
รชโกติ วเตฺถสุ รเงฺคน รูปสมุฎฺฐาปนโกฯ โส ปน อเฉโก อมนาปํ รูปํ กโรติ, เฉโก มนาปํ ทสฺสนียํ, เอวเมว ปุถุชฺชโน อกุสลจิเตฺตน วา ญาณวิปฺปยุตฺตกุสเลน วา จกฺขุสมฺปทาทิวิรหิตํ วิรูปํ สมุฎฺฐาเปติ, ญาณสมฺปยุตฺตกุสเลน จกฺขุสมฺปทาทิสมฺปนฺนํ อภิรูปํฯ อฎฺฐมํฯ
Rajakoti vatthesu raṅgena rūpasamuṭṭhāpanako. So pana acheko amanāpaṃ rūpaṃ karoti, cheko manāpaṃ dassanīyaṃ, evameva puthujjano akusalacittena vā ñāṇavippayuttakusalena vā cakkhusampadādivirahitaṃ virūpaṃ samuṭṭhāpeti, ñāṇasampayuttakusalena cakkhusampadādisampannaṃ abhirūpaṃ. Aṭṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. ทุติยคทฺทุลพทฺธสุตฺตํ • 8. Dutiyagaddulabaddhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. ทุติยคทฺทุลพทฺธสุตฺตวณฺณนา • 8. Dutiyagaddulabaddhasuttavaṇṇanā