Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๓. ทุติยอิสิทตฺตสุตฺตํ

    3. Dutiyaisidattasuttaṃ

    ๓๔๕. เอกํ สมยํ สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู มจฺฉิกาสเณฺฑ วิหรนฺติ อมฺพาฎกวเนฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จิโตฺต คหปติ เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสนฺตุ เม, ภเนฺต เถรา, สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติฯ อธิวาเสสุํ โข เถรา ภิกฺขู ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เถรานํ ภิกฺขูนํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน จิตฺตสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิํสุฯ

    345. Ekaṃ samayaṃ sambahulā therā bhikkhū macchikāsaṇḍe viharanti ambāṭakavane. Atha kho citto gahapati yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā there bhikkhū abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho citto gahapati there bhikkhū etadavoca – ‘‘adhivāsentu me, bhante therā, svātanāya bhatta’’nti. Adhivāsesuṃ kho therā bhikkhū tuṇhībhāvena. Atha kho citto gahapati therānaṃ bhikkhūnaṃ adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā there bhikkhū abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho therā bhikkhū tassā rattiyā accayena pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena cittassa gahapatissa nivesanaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdiṃsu.

    อถ โข จิโตฺต คหปติ เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมนฺตํ เถรํ เอตทโวจ – ‘‘ยา อิมา, ภเนฺต เถร, อเนกวิหิตา ทิฎฺฐิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – ‘สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วาฯ ยานิ จิมานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ พฺรหฺมชาเล ภณิตานิ; อิมา นุ โข, ภเนฺต, ทิฎฺฐิโย กิสฺมิํ สติ โหนฺติ, กิสฺมิํ อสติ น โหนฺตี’’ติ?

    Atha kho citto gahapati yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā there bhikkhū abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho citto gahapati āyasmantaṃ theraṃ etadavoca – ‘‘yā imā, bhante thera, anekavihitā diṭṭhiyo loke uppajjanti – ‘sassato lokoti vā, asassato lokoti vā, antavā lokoti vā, anantavā lokoti vā, taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti vā, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti vā, hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti vā. Yāni cimāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni brahmajāle bhaṇitāni; imā nu kho, bhante, diṭṭhiyo kismiṃ sati honti, kismiṃ asati na hontī’’ti?

    เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา เถโร ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข จิโตฺต คหปติ…เป.… ตติยมฺปิ โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมนฺตํ เถรํ เอตทโวจ – ‘‘ยา อิมา, ภเนฺต เถร, อเนกวิหิตา ทิฎฺฐิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วาฯ ยานิ จิมานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ พฺรหฺมชาเล ภณิตานิ; อิมา นุ โข, ภเนฺต, ทิฎฺฐิโย กิสฺมิํ สติ โหนฺติ, กิสฺมิํ อสติ น โหนฺตี’’ติ? ตติยมฺปิ โข อายสฺมา เถโร ตุณฺหี อโหสิฯ

    Evaṃ vutte, āyasmā thero tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho citto gahapati…pe… tatiyampi kho citto gahapati āyasmantaṃ theraṃ etadavoca – ‘‘yā imā, bhante thera, anekavihitā diṭṭhiyo loke uppajjanti – sassato lokoti vā, asassato lokoti vā, antavā lokoti vā, anantavā lokoti vā, taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti vā, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti vā, hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā. Yāni cimāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni brahmajāle bhaṇitāni; imā nu kho, bhante, diṭṭhiyo kismiṃ sati honti, kismiṃ asati na hontī’’ti? Tatiyampi kho āyasmā thero tuṇhī ahosi.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อิสิทโตฺต ตสฺมิํ ภิกฺขุสเงฺฆ สพฺพนวโก โหติฯ อถ โข อายสฺมา อิสิทโตฺต อายสฺมนฺตํ เถรํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากโรมหํ, ภเนฺต เถร, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปญฺห’’นฺติ? ‘‘พฺยากโรหิ ตฺวํ, อาวุโส อิสิทตฺต, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปญฺห’’นฺติฯ ‘‘เอวญฺหิ ตฺวํ, คหปติ, ปุจฺฉสิ – ‘ยา อิมา, ภเนฺต เถร, อเนกวิหิตา ทิฎฺฐิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – สสฺสโต โลโกติ วา…เป.…; อิมา นุ โข, ภเนฺต, ทิฎฺฐิโย กิสฺมิํ สติ โหนฺติ, กิสฺมิํ อสติ น โหนฺตี’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยา อิมา, คหปติ, อเนกวิหิตา ทิฎฺฐิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – ‘สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วาฯ ยานิ จิมานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ พฺรหฺมชาเล ภณิตานิ; อิมา โข, คหปติ, ทิฎฺฐิโย สกฺกายทิฎฺฐิยา สติ โหนฺติ, สกฺกายทิฎฺฐิยา อสติ น โหนฺตี’’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āyasmā isidatto tasmiṃ bhikkhusaṅghe sabbanavako hoti. Atha kho āyasmā isidatto āyasmantaṃ theraṃ etadavoca – ‘‘byākaromahaṃ, bhante thera, cittassa gahapatino etaṃ pañha’’nti? ‘‘Byākarohi tvaṃ, āvuso isidatta, cittassa gahapatino etaṃ pañha’’nti. ‘‘Evañhi tvaṃ, gahapati, pucchasi – ‘yā imā, bhante thera, anekavihitā diṭṭhiyo loke uppajjanti – sassato lokoti vā…pe…; imā nu kho, bhante, diṭṭhiyo kismiṃ sati honti, kismiṃ asati na hontī’’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yā imā, gahapati, anekavihitā diṭṭhiyo loke uppajjanti – ‘sassato lokoti vā, asassato lokoti vā, antavā lokoti vā anantavā lokoti vā, taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti vā, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti vā, hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti vā. Yāni cimāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni brahmajāle bhaṇitāni; imā kho, gahapati, diṭṭhiyo sakkāyadiṭṭhiyā sati honti, sakkāyadiṭṭhiyā asati na hontī’’’ti.

    ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, คหปติ, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมิํ วา อตฺตานํ; เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ…เป.… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข, คหปติ, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Kathaṃ pana, bhante, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti? ‘‘Idha, gahapati, assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto rūpaṃ attato samanupassati, rūpavantaṃ vā attānaṃ, attani vā rūpaṃ, rūpasmiṃ vā attānaṃ; vedanaṃ attato samanupassati…pe… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassati, viññāṇavantaṃ vā attānaṃ, attani vā viññāṇaṃ, viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho, gahapati, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti.

    ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, คหปติ, สุตวา อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, น อตฺตนิ วา รูปํ, น รูปสฺมิํ วา อตฺตานํ; น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ, น อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, น วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข, คหปติ, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติฯ

    ‘‘Kathaṃ pana, bhante, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti? ‘‘Idha, gahapati, sutavā ariyasāvako ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto na rūpaṃ attato samanupassati, na rūpavantaṃ vā attānaṃ, na attani vā rūpaṃ, na rūpasmiṃ vā attānaṃ; na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ attato samanupassati, na viññāṇavantaṃ vā attānaṃ, na attani vā viññāṇaṃ, na viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho, gahapati, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti.

    ‘‘กุโต , ภเนฺต, อโยฺย อิสิทโตฺต อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘อวนฺติยา โข, คหปติ, อาคจฺฉามี’’ติฯ ‘‘อตฺถิ, ภเนฺต, อวนฺติยา อิสิทโตฺต นาม กุลปุโตฺต อมฺหากํ อทิฎฺฐสหาโย ปพฺพชิโต? ทิโฎฺฐ โส อายสฺมตา’’ติ? ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติฯ ‘‘กหํ นุ โข โส, ภเนฺต, อายสฺมา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อิสิทโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ ‘‘อโยฺย โน, ภเนฺต, อิสิทโตฺต’’ติ? ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติฯ ‘‘อภิรมตุ, ภเนฺต, อโยฺย อิสิทโตฺต มจฺฉิกาสเณฺฑฯ รมณียํ อมฺพาฎกวนํฯ อหํ อยฺยสฺส อิสิทตฺตสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติฯ ‘‘กลฺยาณํ วุจฺจติ, คหปตี’’ติฯ

    ‘‘Kuto , bhante, ayyo isidatto āgacchatī’’ti? ‘‘Avantiyā kho, gahapati, āgacchāmī’’ti. ‘‘Atthi, bhante, avantiyā isidatto nāma kulaputto amhākaṃ adiṭṭhasahāyo pabbajito? Diṭṭho so āyasmatā’’ti? ‘‘Evaṃ, gahapatī’’ti. ‘‘Kahaṃ nu kho so, bhante, āyasmā etarahi viharatī’’ti? Evaṃ vutte, āyasmā isidatto tuṇhī ahosi. ‘‘Ayyo no, bhante, isidatto’’ti? ‘‘Evaṃ, gahapatī’’ti. ‘‘Abhiramatu, bhante, ayyo isidatto macchikāsaṇḍe. Ramaṇīyaṃ ambāṭakavanaṃ. Ahaṃ ayyassa isidattassa ussukkaṃ karissāmi cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’’nti. ‘‘Kalyāṇaṃ vuccati, gahapatī’’ti.

    อถ โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมโต อิสิทตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เถเร ภิกฺขู ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู ภุตฺตาวิโน โอนีตปตฺตปาณิโน อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข อายสฺมา เถโร อายสฺมนฺตํ อิสิทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ โข ตํ, อาวุโส อิสิทตฺต, เอโส ปโญฺห ปฎิภาสิฯ เนโส ปโญฺห มํ ปฎิภาสิฯ เตนหาวุโส อิสิทตฺต, ยทา อญฺญถาปิ เอวรูโป ปโญฺห อาคเจฺฉยฺย, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิภาเสยฺยา’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อิสิทโตฺต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มจฺฉิกาสณฺฑมฺหา ปกฺกามิฯ ยํ มจฺฉิกาสณฺฑมฺหา ปกฺกามิ, ตถา ปกฺกโนฺตว อโหสิ, น ปุน ปจฺจาคจฺฉีติฯ ตติยํฯ

    Atha kho citto gahapati āyasmato isidattassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā there bhikkhū paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho therā bhikkhū bhuttāvino onītapattapāṇino uṭṭhāyāsanā pakkamiṃsu. Atha kho āyasmā thero āyasmantaṃ isidattaṃ etadavoca – ‘‘sādhu kho taṃ, āvuso isidatta, eso pañho paṭibhāsi. Neso pañho maṃ paṭibhāsi. Tenahāvuso isidatta, yadā aññathāpi evarūpo pañho āgaccheyya, taññevettha paṭibhāseyyā’’ti. Atha kho āyasmā isidatto senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya macchikāsaṇḍamhā pakkāmi. Yaṃ macchikāsaṇḍamhā pakkāmi, tathā pakkantova ahosi, na puna paccāgacchīti. Tatiyaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ทุติยอิสิทตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Dutiyaisidattasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. ทุติยอิสิทตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Dutiyaisidattasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact