Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ทุติยชฺฌานกถา

    Dutiyajjhānakathā

    วูปสมาติ วูปสมเหตุฯ วูปสโมติ เจตฺถ ปหานํ อธิเปฺปตํ, ตญฺจ วิตกฺกวิจารานํ อติกฺกโม อตฺถโต ทุติยชฺฌานกฺขเณ อนุปฺปาโทติ อาห ‘‘สมติกฺกมา’’ติอาทิฯ กตเมสํ ปเนตฺถ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อธิเปฺปโต, กิํ ปฐมชฺฌานิกานํ, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกานนฺติ, กิเญฺจตฺถ – ยทิ ปฐมชฺฌานิกานํ, นตฺถิ เตสํ วูปสโมฯ น หิ กทาจิ ปฐมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารรหิตํ อตฺถิฯ อถ ทุติยชฺฌานิกานํ, เอวมฺปิ นเตฺถว วูปสโม สเพฺพน สพฺพํ เตสํ ตตฺถ อภาวโตติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ ยสฺมา ทิฎฺฐาทีนวสฺส ตํตํฌานกฺขเณ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ วูปสมนํ อธิเปฺปตํ, วิตกฺกาทโย เอว จ ฌานงฺคภูตา ตถา กรียนฺติ, น ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย, ตสฺมา วิตกฺกาทีนํเยว วูปสมาธิวจนํ ฌาเน อาคตํฯ ยสฺมา ปน วิตกฺกาทีนํ วิย ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ‘‘เอเตน เอตํ โอฬาริก’’นฺติ อาทีนวทสฺสนํ สุเตฺต อาคตํ, ตสฺมา อวิเสเสน วิตกฺกาทีนํ ตํสหคตานญฺจ วูปสมาทิเก วตฺตเพฺพ วิตกฺกาทีนํเยว วูปสโม วุจฺจมาโน อธิกวจนํ อญฺญมตฺถํ โพเธตีติ กตฺวา กญฺจิ วิเสสํ ทีเปตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โอฬาริกสฺส ปนา’’ติอาทิมาหฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – เยหิ วิตกฺกวิจาเรหิ ปฐมชฺฌานสฺส โอฬาริกตา, เตสํ สมติกฺกมา ทุติยชฺฌานสฺส สมธิคโม, น สภาวโต อโนฬาริกานํ ผสฺสาทีนํ สมติกฺกมาติ อยมโตฺถ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอเตน ทีปิโต , ตสฺมา ‘‘กิํ ปฐมชฺฌานิกานํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อิธาธิเปฺปโต, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกาน’’นฺติ เอทิสี โจทนา อโนกาสาวฯ ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา วิตกฺกวิจารปีติสุขสมติกฺกมวจนานิ โอฬาริโกฬาริกงฺคสมติกฺกมา ทุติยาทิอธิคมทีปกานีติ เตสํ เอกเทสภูตํ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนํ อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณนเยน ตํ ทีปกํ วุตฺตํฯ วิสุํ วิสุํ ฐิเตปิ หิ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนาทิเก ปเหยฺยงฺคนิเทฺทสตาสามเญฺญน จิเตฺตน สมูหโต คหิเต วิตกฺกวิจารวูปสมวจนสฺส ตเทกเทสตา โหตีติฯ อถ วา วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว ตํสมติกฺกมา ทุติยาทิอธิคมทีปเกน ปีติวิราคาทิวจนานํ ปีติอาทิสมติกฺกมา ตติยาทิอธิคมทีปกตา ทีปิตา โหตีติ ตสฺส ตํทีปกตา วุตฺตาฯ เอวญฺหิ อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณํ วินา วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนน ปีติวิราคาทิวจนานํ สวิสเย สมานพฺยาปารตา ทสฺสิตา โหติฯ

    Vūpasamāti vūpasamahetu. Vūpasamoti cettha pahānaṃ adhippetaṃ, tañca vitakkavicārānaṃ atikkamo atthato dutiyajjhānakkhaṇe anuppādoti āha ‘‘samatikkamā’’tiādi. Katamesaṃ panettha vitakkavicārānaṃ vūpasamo adhippeto, kiṃ paṭhamajjhānikānaṃ, udāhu dutiyajjhānikānanti, kiñcettha – yadi paṭhamajjhānikānaṃ, natthi tesaṃ vūpasamo. Na hi kadāci paṭhamajjhānaṃ vitakkavicārarahitaṃ atthi. Atha dutiyajjhānikānaṃ, evampi nattheva vūpasamo sabbena sabbaṃ tesaṃ tattha abhāvatoti imaṃ anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘tattha kiñcāpī’’tiādi. Yasmā diṭṭhādīnavassa taṃtaṃjhānakkhaṇe anuppattidhammatāpādanaṃ vūpasamanaṃ adhippetaṃ, vitakkādayo eva ca jhānaṅgabhūtā tathā karīyanti, na taṃsampayuttā phassādayo, tasmā vitakkādīnaṃyeva vūpasamādhivacanaṃ jhāne āgataṃ. Yasmā pana vitakkādīnaṃ viya taṃsampayuttadhammānampi ‘‘etena etaṃ oḷārika’’nti ādīnavadassanaṃ sutte āgataṃ, tasmā avisesena vitakkādīnaṃ taṃsahagatānañca vūpasamādike vattabbe vitakkādīnaṃyeva vūpasamo vuccamāno adhikavacanaṃ aññamatthaṃ bodhetīti katvā kañci visesaṃ dīpetīti dassento ‘‘oḷārikassa panā’’tiādimāha. Ayañhettha adhippāyo – yehi vitakkavicārehi paṭhamajjhānassa oḷārikatā, tesaṃ samatikkamā dutiyajjhānassa samadhigamo, na sabhāvato anoḷārikānaṃ phassādīnaṃ samatikkamāti ayamattho ‘‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā’’ti etena dīpito , tasmā ‘‘kiṃ paṭhamajjhānikānaṃ vitakkavicārānaṃ vūpasamo idhādhippeto, udāhu dutiyajjhānikāna’’nti edisī codanā anokāsāva. ‘‘Pītiyā ca virāgā’’tiādīsupi eseva nayo. Tasmā vitakkavicārapītisukhasamatikkamavacanāni oḷārikoḷārikaṅgasamatikkamā dutiyādiadhigamadīpakānīti tesaṃ ekadesabhūtaṃ vitakkavicārasamatikkamavacanaṃ avayavena samudāyopalakkhaṇanayena taṃ dīpakaṃ vuttaṃ. Visuṃ visuṃ ṭhitepi hi vitakkavicārasamatikkamavacanādike paheyyaṅganiddesatāsāmaññena cittena samūhato gahite vitakkavicāravūpasamavacanassa tadekadesatā hotīti. Atha vā vitakkavicāravūpasamavacaneneva taṃsamatikkamā dutiyādiadhigamadīpakena pītivirāgādivacanānaṃ pītiādisamatikkamā tatiyādiadhigamadīpakatā dīpitā hotīti tassa taṃdīpakatā vuttā. Evañhi avayavena samudāyopalakkhaṇaṃ vinā vitakkavicāravūpasamavacanena pītivirāgādivacanānaṃ savisaye samānabyāpāratā dassitā hoti.

    อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิเปฺปตํ, น อชฺฌตฺตชฺฌตฺตาทีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิเปฺปต’’นฺติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘วิภเงฺค ปนา’’ติอาทิฯ ปน-สโทฺทปิ อปิสทฺทโตฺถ, วิภเงฺคปีติ อโตฺถฯ อยเมว วา ปาโฐฯ

    Ajjhattanti niyakajjhattaṃ adhippetaṃ, na ajjhattajjhattādīti dassento āha ‘‘ajjhattanti niyakajjhattaṃ adhippeta’’nti. Tattha kāraṇamāha ‘‘vibhaṅgepanā’’tiādi. Pana-saddopi apisaddattho, vibhaṅgepīti attho. Ayameva vā pāṭho.

    นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิยาติ นีลโยคโต วตฺถํ นีลํ วิยาติ อธิปฺปาโยฯ อิมสฺมิญฺจ อตฺถวิกเปฺปติ ‘‘เจโต สมฺปสาทยตี’’ติ เอตสฺมิํ ปเกฺขฯ เจตโสติ จ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ ปุริมสฺมินฺติ ‘‘สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทน’’นฺติ วุตฺตปเกฺขฯ เจตโสติ สมฺพเนฺธ สามิวจนํฯ ‘‘ยาว น ปเร เอกคเต กโรมี’’ติอาทีสุ เสฎฺฐวจโนปิ เอกสโทฺท โลเก ทิสฺสตีติ อาห ‘‘เสโฎฺฐปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจตี’’ติฯ ‘‘เอกากีหิ ขุทฺทเกหิ ชิต’’นฺติอาทีสุ อสหายโตฺถปิ เอกสโทฺท ทิโฎฺฐติ อาห ‘‘เอโก อสหาโย หุตฺวา’’ติฯ สทฺธาทโยปิ กามํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สาธารณโต จ อสาธารณโต จ ปจฺจยา โหนฺติเยว, สมาธิ ปน ฌานกฺขเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อวิเกฺขปลกฺขเณ อินฺทฎฺฐกรเณน สาติสยํ ปจฺจโย โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมฺปยุตฺตธเมฺม…เป.… อธิวจน’’นฺติ อาหฯ

    Nīlavaṇṇayogato nīlavatthaṃ viyāti nīlayogato vatthaṃ nīlaṃ viyāti adhippāyo. Imasmiñca atthavikappeti ‘‘ceto sampasādayatī’’ti etasmiṃ pakkhe. Cetasoti ca upayogatthe sāmivacanaṃ. Purimasminti ‘‘sampasādanayogato jhānampi sampasādana’’nti vuttapakkhe. Cetasoti sambandhe sāmivacanaṃ. ‘‘Yāva na pare ekagate karomī’’tiādīsu seṭṭhavacanopi ekasaddo loke dissatīti āha ‘‘seṭṭhopi hi loke ekoti vuccatī’’ti. ‘‘Ekākīhi khuddakehi jita’’ntiādīsu asahāyatthopi ekasaddo diṭṭhoti āha ‘‘eko asahāyo hutvā’’ti. Saddhādayopi kāmaṃ sampayuttadhammānaṃ sādhāraṇato ca asādhāraṇato ca paccayā hontiyeva, samādhi pana jhānakkhaṇe sampayuttadhammānaṃ avikkhepalakkhaṇe indaṭṭhakaraṇena sātisayaṃ paccayo hotīti dassento ‘‘sampayuttadhamme…pe… adhivacana’’nti āha.

    ‘‘สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ วิเสสนทฺวยํ ฌานสฺส อติสยวจนิจฺฉาวเสน คหิตํฯ สฺวายมติสโย ยถา อิมสฺมิํ ฌาเน ลพฺภติ, น ตถา ปฐมชฺฌาเนติ อิมํ วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารมฺมเณ อาหนนปริยาหนนวเสน อนุมชฺชนอนุยุชฺชนวเสน จ ปวตฺตมานา ธมฺมา สติปิ นีวรณปฺปหาเนน กิเลสกาลุสฺสิยาปคเม สมฺปยุตฺตานํ กิญฺจิ โขภํ กโรนฺตา วิย เตหิ จ เต น สนฺนิสินฺนา โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺกวิจารโกฺขเภน…เป.… น สุปฺปสนฺน’’นฺติฯ ตตฺถ ขุทฺทิกา อูมิโย วีจิโย, มหติโย ตรงฺคาฯ สมาธิปิ น สุฎฺฐุ ปากโฎติ สติปิ อินฺทฺริยสมเตฺต วีริยสมตาย จ เตเนว โขเตน สมฺปสาทาภาเวน จ พหเล วิย ชเล มโจฺฉ สมาธิปิ น สุฎฺฐุ ปากโฎฯ วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวนาติ เอตฺถ ยถาวุตฺตโขโภ เอว ปลิโพโธฯ เอวํ วุเตฺตนาติ ยสฺสา สทฺธาย วเสน สมฺปสาทนํ, ยสฺสา จ จิเตฺตกคฺคตาย วเสน เอโกทิภาวนฺติ จ ฌานํ วุตฺตํ, ตาสํ เอว ‘‘สทฺทหนา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๗๔) ปวตฺติอาการวิเสสวิภาวนวเสน วุเตฺตน เตน วิภงฺคปาเฐนฯ อยํ อตฺถวณฺณนาติ ‘‘สมฺปสาทนโยคโต, สมฺปสาทนโต วา สมฺปสาทนํฯ เอโกทิํ ภาเวตีติ เอโกทิภาวนฺติ ฌานํ วุตฺต’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา อยํ อตฺถวณฺณนาฯ อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ, เอวํ เวทิตพฺพาติ กถํ ปนายํ อตฺถวณฺณนา เตน วิภงฺคปาเฐน สทฺธิํ สํสนฺทติ สเมติ, นนุ ฌานวิภเงฺค ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยา สทฺธา สทฺทหนา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๗๔) สทฺธาเยว วุตฺตา, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ จ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยา จิตฺตสฺส ฐิติ สณฺฐิติ อวฎฺฐิตี’’ติอาทินา สมาธิเสฺสว นิเทฺทโส กโต, อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สมฺปสาทนํ เอโกทิภาว’’นฺติ ฌานเมว วุตฺตนฺติ อฎฺฐกถาย วิภงฺคปาเฐน สทฺธิํ วิโรโธ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ วิภเงฺคปิ อิมินาว อธิปฺปาเยน นิเทฺทสสฺส กตตฺตาฯ ตถา หิ เยน สมฺปสาทเนน โยคา ฌานํ ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ ‘‘ยา สทฺธา สทฺทหนา’’ติอาทินา ทสฺสิเต สมฺปสาทนํ ฌานนฺติ สมานาธิกรณนิเทฺทเสเนว ตํโยคา ฌาเน ตํสทฺทปฺปวตฺติ ทสฺสิตา โหติฯ ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติ จ ปทํ อุทฺธริตฺวา เอโกทิมฺหิ ทสฺสิเต เอโกทิภาวํ ฌานนฺติ สมานาธิกรณนิเทฺทเสเนว ฌานสฺส เอโกทิวฑฺฒนตา วุตฺตาว โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน พฺยญฺชนวิจารํ อกตฺวา ธมฺมมตฺตเมว นิทฺทิฎฺฐนฺติ อวิโรโธ ยุโตฺตฯ

    ‘‘Sampasādanaṃ cetaso ekodibhāva’’nti visesanadvayaṃ jhānassa atisayavacanicchāvasena gahitaṃ. Svāyamatisayo yathā imasmiṃ jhāne labbhati, na tathā paṭhamajjhāneti imaṃ visesaṃ dassetuṃ ‘‘nanu cā’’tiādi vuttaṃ. Ārammaṇe āhananapariyāhananavasena anumajjanaanuyujjanavasena ca pavattamānā dhammā satipi nīvaraṇappahānena kilesakālussiyāpagame sampayuttānaṃ kiñci khobhaṃ karontā viya tehi ca te na sannisinnā hontīti vuttaṃ ‘‘vitakkavicārakkhobhena…pe… na suppasanna’’nti. Tattha khuddikā ūmiyo vīciyo, mahatiyo taraṅgā. Samādhipi na suṭṭhu pākaṭoti satipi indriyasamatte vīriyasamatāya ca teneva khotena sampasādābhāvena ca bahale viya jale maccho samādhipi na suṭṭhu pākaṭo. Vitakkavicārapalibodhābhāvenāti ettha yathāvuttakhobho eva palibodho. Evaṃ vuttenāti yassā saddhāya vasena sampasādanaṃ, yassā ca cittekaggatāya vasena ekodibhāvanti ca jhānaṃ vuttaṃ, tāsaṃ eva ‘‘saddahanā’’tiādinā (vibha. 574) pavattiākāravisesavibhāvanavasena vuttena tena vibhaṅgapāṭhena. Ayaṃ atthavaṇṇanāti ‘‘sampasādanayogato, sampasādanato vā sampasādanaṃ. Ekodiṃ bhāvetīti ekodibhāvanti jhānaṃ vutta’’nti evaṃ pavattā ayaṃ atthavaṇṇanā. Aññadatthu saṃsandati ceva sameti ca, evaṃ veditabbāti kathaṃ panāyaṃ atthavaṇṇanā tena vibhaṅgapāṭhena saddhiṃ saṃsandati sameti, nanu jhānavibhaṅge ‘‘sampasādana’’nti padaṃ uddharitvā ‘‘yā saddhā saddahanā’’tiādinā (vibha. 574) saddhāyeva vuttā, ‘‘cetaso ekodibhāva’’nti ca padaṃ uddharitvā ‘‘yā cittassa ṭhiti saṇṭhiti avaṭṭhitī’’tiādinā samādhisseva niddeso kato, aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sampasādanaṃ ekodibhāva’’nti jhānameva vuttanti aṭṭhakathāya vibhaṅgapāṭhena saddhiṃ virodho āpajjatīti? Nāpajjati vibhaṅgepi imināva adhippāyena niddesassa katattā. Tathā hi yena sampasādanena yogā jhānaṃ ‘‘sampasādana’’nti vuccati, tasmiṃ ‘‘yā saddhā saddahanā’’tiādinā dassite sampasādanaṃ jhānanti samānādhikaraṇaniddeseneva taṃyogā jhāne taṃsaddappavatti dassitā hoti. ‘‘Ekodibhāva’’nti ca padaṃ uddharitvā ekodimhi dassite ekodibhāvaṃ jhānanti samānādhikaraṇaniddeseneva jhānassa ekodivaḍḍhanatā vuttāva hotīti iminā adhippāyena byañjanavicāraṃ akatvā dhammamattameva niddiṭṭhanti avirodho yutto.

    ยํ ปน วุตฺตํ ฎีกากาเรหิ อาจริยธมฺมปาลเตฺถราทีหิ ‘‘ยทิ เอโกทีติ สมาธิสฺส คหณํ อธิเปฺปตํ, ตทา ‘เอโกทิภาว’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา สมาธิสฺส นิเทฺทโส น กตฺตโพฺพ สิยาฯ ตสฺมา เอโกทิภาวสโทฺท เอว สมาธิมฺหิ ปวโตฺต สมฺปสาทนสโทฺท วิย ฌาเน ปวตฺตตีติ ยุตฺต’’นฺติ, ตํ อฎฺฐกถาย วิรุชฺฌติฯ ตสฺมา โส อฎฺฐกถานิรเปโกฺข วิสุํเยเวโก อตฺถวิกโปฺปติ คเหตพฺพํฯ อยญฺหิ เนสํ อธิปฺปาโย – วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารุฬฺหตฺตา เอกํ อุเทตีติ เอโกทีติ ตถาวิธสมาธิยุตฺตํ ฌานจิตฺตเมว คเหตฺวา เอโกทิสฺส ภาโว เอโกทิภาโวติ สมาธิสฺส คหณํ สกฺกา วตฺตุนฺติฯ โย ปนายํ เตสมภินิเวโส ‘‘เอโกทีติ สมาธิสฺส คหเณ สติ ‘เอโกทิภาว’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา สมาธิสฺส นิเทฺทโส น กตฺตโพฺพ สิยา’’ติ , โส อเนกนฺติกตฺตา อยุโตฺตฯ อญฺญตฺถปิ หิ พฺยญฺชนวิจารํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเสฺสว พาหุเลฺลน วิภเงฺค นิเทฺทโส ทิสฺสติฯ

    Yaṃ pana vuttaṃ ṭīkākārehi ācariyadhammapālattherādīhi ‘‘yadi ekodīti samādhissa gahaṇaṃ adhippetaṃ, tadā ‘ekodibhāva’nti padaṃ uddharitvā samādhissa niddeso na kattabbo siyā. Tasmā ekodibhāvasaddo eva samādhimhi pavatto sampasādanasaddo viya jhāne pavattatīti yutta’’nti, taṃ aṭṭhakathāya virujjhati. Tasmā so aṭṭhakathānirapekkho visuṃyeveko atthavikappoti gahetabbaṃ. Ayañhi nesaṃ adhippāyo – vitakkavicārehi anajjhāruḷhattā ekaṃ udetīti ekodīti tathāvidhasamādhiyuttaṃ jhānacittameva gahetvā ekodissa bhāvo ekodibhāvoti samādhissa gahaṇaṃ sakkā vattunti. Yo panāyaṃ tesamabhiniveso ‘‘ekodīti samādhissa gahaṇe sati ‘ekodibhāva’nti padaṃ uddharitvā samādhissa niddeso na kattabbo siyā’’ti , so anekantikattā ayutto. Aññatthapi hi byañjanavicāraṃ akatvā atthamattasseva bāhullena vibhaṅge niddeso dissati.

    สนฺตาติ สมํ นิโรธํ คตาฯ สมิตาติ ภาวนาย สมํ คมิตา นิโรธิตาฯ วูปสนฺตาติ ตโต เอว สุฎฺฐุ อุปสนฺตาฯ อตฺถงฺคตาติ อตฺถํ วินาสํ คตาฯ อพฺภตฺถงฺคตาติ อุปสเคฺคน ปทํ วเฑฺฒตฺวา วุตฺตํฯ อปฺปิตาติ คมิตา วินาสํ คตาฯ โสสิตาติ ปวตฺติสงฺขาตสฺส สนฺตานสฺส อภาเวน โสสํ สุกฺขภาวํ คตาฯ พฺยนฺตีกตาติ วิคตนฺตา กตาฯ

    Santāti samaṃ nirodhaṃ gatā. Samitāti bhāvanāya samaṃ gamitā nirodhitā. Vūpasantāti tato eva suṭṭhu upasantā. Atthaṅgatāti atthaṃ vināsaṃ gatā. Abbhatthaṅgatāti upasaggena padaṃ vaḍḍhetvā vuttaṃ. Appitāti gamitā vināsaṃ gatā. Sositāti pavattisaṅkhātassa santānassa abhāvena sosaṃ sukkhabhāvaṃ gatā. Byantīkatāti vigatantā katā.

    อยมโตฺถติ ภาวนาย ปหีนตฺตา วิตกฺกวิจารานํ อภาวสงฺขาโต อโตฺถฯ โจทเกน วุตฺตมตฺถํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปริหริตุํ ‘‘เอวเมตํ สิโทฺธวายมโตฺถ’’ติ วตฺวา ‘‘น ปเนต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอตํ วจนํฯ ตทตฺถทีปกนฺติ ตสฺส วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปกํฯ น กิเลสกาลุสฺสิยสฺสาติ อุปจารกฺขเณ วิย นีวรณสงฺขาตสฺส กิเลสสโงฺขภสฺส วูปสมา น สมฺปสาทนนฺติ อโตฺถฯ นนุ จ ‘‘ปุริมํ วตฺวาปิ วตฺตพฺพเมวา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํฯ ตถา หิ ทุติยชฺฌานาทิอธิคมูปายทีปเกน อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนตาย เจตโส เอโกทิภาวตาย จ เหตุทีปเกน อวิตกฺกอวิจารภาวเหตุทีปเกน จ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว วิตกฺกวิจาราภาโว ทีปิโตติ, กิํ ปุน อวิตกฺกอวิจารวจเนน กเตนาติ? น, อทีปิตตฺตาฯ น หิ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนน วิตกฺกวิจารานํ อปฺปวตฺติ วุตฺตา โหติฯ วิตกฺกวิจาเรสุ หิ ตณฺหาปฺปหานํ เอเตสํ วูปสมนํฯ โอฬาริกงฺคมุเขน หิ ตํตํฌานนิกนฺติยา วิกฺขมฺภนํ วิตกฺกวิจารวูปสมวจนาทีหิ ปกาสิตํฯ ยโต วิตกฺกวิจาเรสุ วิรตฺตภาวทีปกํ วิตกฺกวิจารวูปสมวจนํ, เย จ สงฺขาเรสุ ตณฺหาปฺปหานํ กโรนฺติ, เตสุ มเคฺคสุ ปหีนตเณฺหสุ จ ผเลสุ สงฺขารปฺปวตฺติ โหติ, เอวมิธาปิ วิกฺขมฺภิตวิตกฺกวิจารตณฺหสฺส ทุติยชฺฌานสฺส วิตกฺกวิจารสมฺปโยโค ปุริเมน น นิวาริโต สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ อาวชฺชิตุกามตาทิอติกฺกโม จ เตสํ วูปสโมติ ทสฺสนตฺถญฺจ ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ วุตฺตํฯ ปฐมชฺฌานํ ทุติยชฺฌานสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘ปฐมชฺฌานสมาธิโต’’ติฯ ปฐมมฺปีติ ปฐมชฺฌานมฺปิฯ

    Ayamatthoti bhāvanāya pahīnattā vitakkavicārānaṃ abhāvasaṅkhāto attho. Codakena vuttamatthaṃ sampaṭicchitvā pariharituṃ ‘‘evametaṃ siddhovāyamattho’’ti vatvā ‘‘na paneta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha etanti ‘‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā’’ti etaṃ vacanaṃ. Tadatthadīpakanti tassa vitakkavicārābhāvamattasaṅkhātassa atthassa dīpakaṃ. Na kilesakālussiyassāti upacārakkhaṇe viya nīvaraṇasaṅkhātassa kilesasaṅkhobhassa vūpasamā na sampasādananti attho. Nanu ca ‘‘purimaṃ vatvāpi vattabbamevā’’ti idaṃ kasmā vuttaṃ. Tathā hi dutiyajjhānādiadhigamūpāyadīpakena ajjhattaṃ sampasādanatāya cetaso ekodibhāvatāya ca hetudīpakena avitakkaavicārabhāvahetudīpakena ca vitakkavicāravūpasamavacaneneva vitakkavicārābhāvo dīpitoti, kiṃ puna avitakkaavicāravacanena katenāti? Na, adīpitattā. Na hi vitakkavicāravūpasamavacanena vitakkavicārānaṃ appavatti vuttā hoti. Vitakkavicāresu hi taṇhāppahānaṃ etesaṃ vūpasamanaṃ. Oḷārikaṅgamukhena hi taṃtaṃjhānanikantiyā vikkhambhanaṃ vitakkavicāravūpasamavacanādīhi pakāsitaṃ. Yato vitakkavicāresu virattabhāvadīpakaṃ vitakkavicāravūpasamavacanaṃ, ye ca saṅkhāresu taṇhāppahānaṃ karonti, tesu maggesu pahīnataṇhesu ca phalesu saṅkhārappavatti hoti, evamidhāpi vikkhambhitavitakkavicārataṇhassa dutiyajjhānassa vitakkavicārasampayogo purimena na nivārito siyāti tannivāraṇatthaṃ āvajjitukāmatādiatikkamo ca tesaṃ vūpasamoti dassanatthañca ‘‘avitakkaṃ avicāra’’nti vuttaṃ. Paṭhamajjhānaṃ dutiyajjhānassa upanissayapaccayena paccayo hotīti āha ‘‘paṭhamajjhānasamādhito’’ti. Paṭhamampīti paṭhamajjhānampi.

    คณนานุปุพฺพโตติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอตฺถาปิ ‘‘ทุติยํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ทุติย’’นฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิภงฺคปาเฐน สาเธโนฺต อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิฯ ยํ ปน วิภเงฺค (วิภ. ๕๘๐) ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท ปีติ สุขํ จิตฺตเสฺสกคฺคตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สปริกฺขารํ ฌานํ ทเสฺสตุํ ปริยาเยน วุตฺตํฯ รถสฺส ปณฺฑุกมฺพลํ วิย หิ สมฺปสาโท ฌานสฺส ปริกฺขาโร, น ฌานงฺคนฺติ อาห ‘‘ปริยาโยเยว เจโส’’ติฯ นิปฺปริยายโต ปน อุปนิชฺฌานลกฺขณปฺปตฺตานํ องฺคานํ วเสน ติวงฺคิกเมเวตํ โหตีติ อาห ‘‘สมฺปสาทนํ ปน ฐเปตฺวา’’ติอาทิฯ

    Gaṇanānupubbatotiādi heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Etthāpi ‘‘dutiyaṃ uppannantipi dutiya’’nti vattuṃ vaṭṭatiyeva. Vuttamevatthaṃ vibhaṅgapāṭhena sādhento āha ‘‘yathāhā’’tiādi. Yaṃ pana vibhaṅge (vibha. 580) ‘‘jhānanti sampasādo pīti sukhaṃ cittassekaggatā’’ti vuttaṃ, taṃ saparikkhāraṃ jhānaṃ dassetuṃ pariyāyena vuttaṃ. Rathassa paṇḍukambalaṃ viya hi sampasādo jhānassa parikkhāro, na jhānaṅganti āha ‘‘pariyāyoyeva ceso’’ti. Nippariyāyato pana upanijjhānalakkhaṇappattānaṃ aṅgānaṃ vasena tivaṅgikamevetaṃ hotīti āha ‘‘sampasādanaṃ pana ṭhapetvā’’tiādi.

    ทุติยชฺฌานกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyajjhānakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact