Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๖. ทุติยกามภูสุตฺตวณฺณนา

    6. Dutiyakāmabhūsuttavaṇṇanā

    ๓๔๘. นิโรธํ วลเญฺชติ อนาคามิภาวโตฯ อิเม สงฺขาราติ อิเม ‘‘กายสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร, จิตฺตสงฺขาโร’’ติ วุจฺจมานา ตโย สงฺขาราฯ สทฺทโตปิ, อตฺถโตปิ อญฺญมญฺญํ มิสฺสา, ตโต เอว อาลุฬิตา อากุลา, อวิภูตา ทุพฺพิภาวนา, ทุทฺทีปนา อสงฺกรโต ทีเปตุํ ทุกฺกราฯ ตถา หิ กุสลเจตนา เอว ‘‘กายสงฺขาโร’’ติปิ วุจฺจติ, ‘‘วจีสงฺขาโร’’ติปิ, ‘‘จิตฺตสงฺขาโร’’ติปิฯ อสฺสาสปสฺสาสาปิ กตฺถจิ ‘‘กายสงฺขาโร’’ติ, วิตกฺกวิจาราปิ ‘‘วจีสงฺขาโร’’ติ วุจฺจนฺติ, สญฺญาเวทนาปิ ‘‘จิตฺตสงฺขาโร’’ติ วุจฺจนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อากฑฺฒิตฺวา คหณํ อาทานํ, สมฺปตฺตสฺส หเตฺถ กรณํ คหณํ, คหิตสฺส วิสฺสชฺชนํ มุญฺจนํ, ผนฺทนํ โจปนํ ปาเปตฺวา นิปฺผาเทตฺวาฯ หนุสโญฺจปนนฺติ กายวิญฺญตฺติวเสน ปุพฺพภาเค หนุสโญฺจปนํ กตฺวาฯ เอวญฺหิ วจีเภทกรณํฯ เอวํ อิเมติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนํฯ

    348.Nirodhaṃvalañjeti anāgāmibhāvato. Ime saṅkhārāti ime ‘‘kāyasaṅkhāro, vacīsaṅkhāro, cittasaṅkhāro’’ti vuccamānā tayo saṅkhārā. Saddatopi, atthatopi aññamaññaṃ missā, tato eva āluḷitā ākulā, avibhūtā dubbibhāvanā, duddīpanā asaṅkarato dīpetuṃ dukkarā. Tathā hi kusalacetanā eva ‘‘kāyasaṅkhāro’’tipi vuccati, ‘‘vacīsaṅkhāro’’tipi, ‘‘cittasaṅkhāro’’tipi. Assāsapassāsāpi katthaci ‘‘kāyasaṅkhāro’’ti, vitakkavicārāpi ‘‘vacīsaṅkhāro’’ti vuccanti, saññāvedanāpi ‘‘cittasaṅkhāro’’ti vuccanti. Tena vuttaṃ ‘‘tathā hī’’tiādi. Tattha ākaḍḍhitvā gahaṇaṃ ādānaṃ, sampattassa hatthe karaṇaṃ gahaṇaṃ, gahitassa vissajjanaṃ muñcanaṃ, phandanaṃ copanaṃ pāpetvā nipphādetvā. Hanusañcopananti kāyaviññattivasena pubbabhāge hanusañcopanaṃ katvā. Evañhi vacībhedakaraṇaṃ. Evaṃ imetiādi yathāvuttassa atthassa nigamanaṃ.

    ปทตฺถํ ปุจฺฉติ อิตรสงฺขาเรหิ ปทตฺถโต วิเสสํ กถาเปสฺสามีติฯ กายนิสฺสิตาติ เอตฺถ กายนิสฺสิตตา จ เนสํ ตพฺภาวภาวิตาย เวทิตพฺพา, น กายสฺส นิสฺสยปจฺจยตาวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กาเย สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺตี’’ติ อาหฯ กาโยติ เจตฺถ กรชกาโย ทฎฺฐโพฺพฯ จิตฺตนิสฺสิตาติ จิตฺตํ นิสฺสาย ตํ นิสฺสยปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนาฯ

    Padatthaṃ pucchati itarasaṅkhārehi padatthato visesaṃ kathāpessāmīti. Kāyanissitāti ettha kāyanissitatā ca nesaṃ tabbhāvabhāvitāya veditabbā, na kāyassa nissayapaccayatāvasenāti dassento ‘‘kāye sati honti, asati na hontī’’ti āha. Kāyoti cettha karajakāyo daṭṭhabbo. Cittanissitāti cittaṃ nissāya taṃ nissayapaccayabhūtaṃ labhitvā uppannā.

    ‘‘สมาปชฺชามี’’ติ ปทสฺส สมีเป วุจฺจมานํ ‘‘สมาปชฺชิสฺส’’นฺติ ปทํ อาสนฺนานาคตกาลวาจี เอว ภวิตุํ ยุตฺตํ, น อิตรนฺติ อาห – ‘‘ปททฺวเยน เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติกาโล กถิโต’’ติฯ ตยิทํ ตสฺส ตถา วตฺตพฺพตาย วุตฺตํ, น ปน ตสฺส ตถา จิตฺตปวตฺติสมฺภวโตฯ สมาปเนฺนปิ เอเสว นโยฯ ปุริเมหีติ ‘‘สมาปชฺชิสฺสํ สมาปชฺชามี’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิฯ ปจฺฉิเมนาติ ‘‘สมาปโนฺน’’ติ ปเทนฯ

    ‘‘Samāpajjāmī’’ti padassa samīpe vuccamānaṃ ‘‘samāpajjissa’’nti padaṃ āsannānāgatakālavācī eva bhavituṃ yuttaṃ, na itaranti āha – ‘‘padadvayena nevasaññānāsaññāyatanasamāpattikālo kathito’’ti. Tayidaṃ tassa tathā vattabbatāya vuttaṃ, na pana tassa tathā cittapavattisambhavato. Samāpannepi eseva nayo. Purimehīti ‘‘samāpajjissaṃ samāpajjāmī’’ti dvīhi padehi. Pacchimenāti ‘‘samāpanno’’ti padena.

    ภาวิตํ โหติ อุปฺปาทิตํ โหติ นิโรธสมาปนฺนตฺถายฯ อนุปุพฺพสมาปตฺติสมาปชฺชนสงฺขาตาย นิโรธภาวนาย ตํ จิตฺตํ ภาวิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘ยํ ต’’นฺติอาทิฯ ทุติยชฺฌาเนเยวาติ ทุติยชฺฌานกฺขเณ นิรุชฺฌติฯ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต อนุปฺปาทนโต เหฎฺฐา นิโรโธติ อธิเปฺปโตฯ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ ตชฺชา ปริกมฺมสิทฺธา ยา อปฺปวตฺติ , ตตฺถ ‘‘นิโรธสมาปตฺติสญฺญา’’ติ, ยา เนสํ ตถา อปฺปวตฺติฯ สา ‘‘อโนฺตนิโรเธ นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตาฯ

    Bhāvitaṃ hoti uppāditaṃ hoti nirodhasamāpannatthāya. Anupubbasamāpattisamāpajjanasaṅkhātāya nirodhabhāvanāya taṃ cittaṃ bhāvitaṃ hoti. Tenāha ‘‘yaṃ ta’’ntiādi. Dutiyajjhāneyevāti dutiyajjhānakkhaṇe nirujjhati. Tattha anuppajjanato anuppādanato heṭṭhā nirodhoti adhippeto. Catunnaṃ arūpakkhandhānaṃ tajjā parikammasiddhā yā appavatti , tattha ‘‘nirodhasamāpattisaññā’’ti, yā nesaṃ tathā appavatti. Sā ‘‘antonirodhe nirujjhatī’’ti vuttā.

    ‘‘จิตฺตสงฺขาโร นิรุโทฺธ’’ติ วจนโต ตทเญฺญสํ อนิโรธํ อิจฺฉนฺตานํ วาทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จิตฺตสงฺขาโร นิรุโทฺธติ วจนโต’’ติอาทิํ วตฺวา ตตฺถ อติปฺปสงฺคทสฺสนมุเขน ตํ วาทํ นิเสเธตุํ ‘‘เต วตฺตพฺพา’’ติอาทิมาหฯ อภินิเวสํ อกตฺวาติ ยถาคเต พฺยญฺชนมเตฺต อภินิเวสํ อกตฺวาฯ อาจริยานํ นเยติ อาจริยานํ ปรมฺปราคเต ธมฺมนเย ธมฺมเนตฺติยํ ฐตฺวา

    ‘‘Cittasaṅkhāro niruddho’’ti vacanato tadaññesaṃ anirodhaṃ icchantānaṃ vādaṃ dassento ‘‘cittasaṅkhāro niruddhoti vacanato’’tiādiṃ vatvā tattha atippasaṅgadassanamukhena taṃ vādaṃ nisedhetuṃ ‘‘te vattabbā’’tiādimāha. Abhinivesaṃ akatvāti yathāgate byañjanamatte abhinivesaṃ akatvā. Ācariyānaṃ nayeti ācariyānaṃ paramparāgate dhammanaye dhammanettiyaṃ ṭhatvā.

    กิริยมยปวตฺตสฺมินฺติ ปริตฺตภูมกกุสลากุสลธมฺมปพเนฺธ วตฺตมาเนฯ ตสฺมิญฺหิ วตฺตมาเน กายิก-วาจสิก-กิริยสมฺปวตฺติ โหติ, ทสฺสน-สวนาทิวเสน อารมฺมณคฺคหเณ ปวตฺตมาเนติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘พหิทฺธารมฺมเณสุ ปสาเท ฆเฎฺฎเนฺตสู’’ติฯ มกฺขิตานิ วิยาติ ปุญฺฉิตานิ วิย โหนฺติ ฆฎฺฎนาย วิพาธิตตฺตาฯ เอเตนายํ ฆฎฺฎนา ปญฺจทฺวาริกวิญฺญาณานํ เวคสา อุปฺปชฺชนาย น อารมฺมณนฺติ ทเสฺสติฯ เตเนวาห – ‘‘อโนฺตนิโรเธ ปญฺจ ปสาทา อติวิย วิโรจนฺตี’’ติฯ

    Kiriyamayapavattasminti parittabhūmakakusalākusaladhammapabandhe vattamāne. Tasmiñhi vattamāne kāyika-vācasika-kiriyasampavatti hoti, dassana-savanādivasena ārammaṇaggahaṇe pavattamāneti attho. Tenāha – ‘‘bahiddhārammaṇesu pasāde ghaṭṭentesū’’ti. Makkhitāni viyāti puñchitāni viya honti ghaṭṭanāya vibādhitattā. Etenāyaṃ ghaṭṭanā pañcadvārikaviññāṇānaṃ vegasā uppajjanāya na ārammaṇanti dasseti. Tenevāha – ‘‘antonirodhe pañca pasādā ativiya virocantī’’ti.

    ตโต ปรํ สจิตฺตโก ภวิสฺสามีติ อิทํ อตฺถโต อาปนฺนํ คเหตฺวา วุตฺตํ – ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อจิตฺตโก ภวิสฺสามี’’ติ เอเตเนว ตสฺส อตฺถสฺส สิทฺธตฺตาฯ ยํ เอวํ ภาวิตนฺติ เอตฺถ วิสุํ จิตฺตสฺส ภาวนา นาม นตฺถิ, อทฺธานปริเจฺฉทํ ปน กตฺวา นิโรธสมาปตฺตตฺถาย กาตพฺพปริกมฺมภาวนาย เอว ตสฺส สิชฺฌนโตฯ

    Tato paraṃ sacittako bhavissāmīti idaṃ atthato āpannaṃ gahetvā vuttaṃ – ‘‘ettakaṃ kālaṃ acittako bhavissāmī’’ti eteneva tassa atthassa siddhattā. Yaṃ evaṃ bhāvitanti ettha visuṃ cittassa bhāvanā nāma natthi, addhānaparicchedaṃ pana katvā nirodhasamāpattatthāya kātabbaparikammabhāvanāya eva tassa sijjhanato.

    สา ปเนสา นิโรธกถาฯ ทฺวีหิ พเลหีติ สมถวิปสฺสนาพเลหิฯ ตโย จ สงฺขารานนฺติ ติณฺณํ กายวจีจิตฺตสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยาฯ โสฬสหิ ญาณจริยาหีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ อฎฺฐนฺนํ อนุปสฺสนาญาณานํ, อฎฺฐนฺนญฺจ มคฺคผลญาณานํ วเสน อิมาหิ โสฬสหิ ญาณปฺปวตฺตีหิฯ นวหิ สมาธิจริยาหีติ อฎฺฐ สมาปตฺติโย อฎฺฐ สมาธิจริยา, ตาสํ อุปจารสมาธิ สมาธิภาวสามเญฺญน เอกา สมาธิจริยาติ เอวํ นวหิ สมาธิจริยาหิฯ วสีภาวตาปญฺญาติ วสีภาวตาสงฺขาตา ปญฺญาฯ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมเคฺค กถิตา, เต ตาว อาการา ติฎฺฐนฺตุ, สรูปมตฺตสฺส ปนสฺส วตฺตพฺพนฺติ อาห – ‘‘โก ปนายํ นิโรโธ นามา’’ติฯ ยทิ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติ, อถ กิมตฺถเมตํ ฌานสุขาทิํ วิย สมาปชฺชนฺตีติ อาห ‘‘สงฺขาราน’’นฺติอาทิฯ

    Sā panesā nirodhakathā. Dvīhi balehīti samathavipassanābalehi. Tayo ca saṅkhārānanti tiṇṇaṃ kāyavacīcittasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā. Soḷasahi ñāṇacariyāhīti aniccānupassanādīnaṃ aṭṭhannaṃ anupassanāñāṇānaṃ, aṭṭhannañca maggaphalañāṇānaṃ vasena imāhi soḷasahi ñāṇappavattīhi. Navahi samādhicariyāhīti aṭṭha samāpattiyo aṭṭha samādhicariyā, tāsaṃ upacārasamādhi samādhibhāvasāmaññena ekā samādhicariyāti evaṃ navahi samādhicariyāhi. Vasībhāvatāpaññāti vasībhāvatāsaṅkhātā paññā. Sabbākārena visuddhimagge kathitā, te tāva ākārā tiṭṭhantu, sarūpamattassa panassa vattabbanti āha – ‘‘ko panāyaṃ nirodho nāmā’’ti. Yadi khandhānaṃ appavatti, atha kimatthametaṃ jhānasukhādiṃ viya samāpajjantīti āha ‘‘saṅkhārāna’’ntiādi.

    ผลสมาปตฺติจิตฺตนฺติ อรหตฺตํ อนาคามิผลจิตฺตํฯ ‘‘ตโต ปรํ ภวงฺคสมเย’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘กิํ ปน…เป.… น สมุฎฺฐาเปตี’’ติฯ สมุฎฺฐาเปติ รูปสมุปฺปาทกตฺตาฯ อิมสฺสาติ นิโรธํ สมาปนฺนภิกฺขุโนฯ สา น สมุฎฺฐาเปตีติ สา จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ น สมุฎฺฐาเปติ อสฺสาสปสฺสาเสฯ ผลสมาปตฺติยา จตุตฺถชฺฌานิกภาโว กถํ นิจฺฉิโตติ อาห – ‘‘กิํ วา เอเตนา’’ติอาทิฯ วกฺขมานากาเรนปิ ปริหาโร โหตีติฯ สนฺตสมาปตฺติโตติ นิโรธสมาปตฺติเมว สนฺธาย วทติฯ อโพฺพหาริกา โหนฺติ อติสุขุมสภาวตฺตา, สญฺชีวเตฺถรสฺส ปุเพฺพ สมาปตฺติกฺขเณ อสฺสาสปสฺสาสา อโพฺพหาริกภาวํ คจฺฉนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ภวงฺคสมเยเนเวตํ กถิต’’นฺติฯ

    Phalasamāpatticittanti arahattaṃ anāgāmiphalacittaṃ. ‘‘Tato paraṃ bhavaṅgasamaye’’ti vuttattā āha ‘‘kiṃ pana…pe… na samuṭṭhāpetī’’ti. Samuṭṭhāpeti rūpasamuppādakattā. Imassāti nirodhaṃ samāpannabhikkhuno. Sā na samuṭṭhāpetīti sā catutthajjhānikā phalasamāpatti na samuṭṭhāpeti assāsapassāse. Phalasamāpattiyā catutthajjhānikabhāvo kathaṃ nicchitoti āha – ‘‘kiṃ vā etenā’’tiādi. Vakkhamānākārenapi parihāro hotīti. Santasamāpattitoti nirodhasamāpattimeva sandhāya vadati. Abbohārikā honti atisukhumasabhāvattā, sañjīvattherassa pubbe samāpattikkhaṇe assāsapassāsā abbohārikabhāvaṃ gacchanti. Tena vuttaṃ ‘‘bhavaṅgasamayenevetaṃ kathita’’nti.

    กิริยมย …เป.… อุปฺปชฺชตีติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ ภวงฺคุปฺปตฺติกาลมฺปิ วิตกฺกวิจารา อุปฺปชฺชเนฺตวาติ? กิญฺจาปิ อุปฺปชฺชนฺติ, วจีสงฺขารลกฺขณปฺปตฺตา ปน น โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิํ ภวงฺค’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Kiriyamaya…pe… uppajjatīti kasmā vuttaṃ? Nanu bhavaṅguppattikālampi vitakkavicārā uppajjantevāti? Kiñcāpi uppajjanti, vacīsaṅkhāralakkhaṇappattā pana na hontīti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘kiṃ bhavaṅga’’ntiādi vuttaṃ.

    สุญฺญโต ผโสฺสติอาทโย สคุเณนปิ อารมฺมเณนาติ อารมฺมณภูตเมตํฯ สุญฺญตา นาม ผลสมาปตฺติ นิจฺจสุขอตฺตสภาวโต สุญฺญตฺตาฯ ‘‘สุญฺญโต ผโสฺส’’ติ วุตฺตํ วุตฺตนเยน สุญฺญสภาวตฺตาฯ อนิมิตฺตา นาม ผลสมาปตฺติ ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวโตฯ อปฺปณิหิตา นาม ผลสมาปตฺติ ราคปณิธิอาทีนมภาวโตฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ เตนาห ‘‘อนิมิตฺตปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ ราคนิมิตฺตาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน สงฺขารนิมิตฺตสฺสปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ยทเคฺคน ผลสมาปตฺติสมฺผโสฺส สุญฺญโต นาม, ตทเคฺคน ผลสมาปตฺติปิ สุญฺญตา นาม, ผสฺสสีเสน ปน เทสนา อาคตาติ ตถา วุตฺตํฯ อนิมิตฺตปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโยฯ

    Suññato phassotiādayo saguṇenapi ārammaṇenāti ārammaṇabhūtametaṃ. Suññatā nāma phalasamāpatti niccasukhaattasabhāvato suññattā. ‘‘Suññato phasso’’ti vuttaṃ vuttanayena suññasabhāvattā. Animittā nāma phalasamāpatti rāganimittādīnaṃ abhāvato. Appaṇihitā nāma phalasamāpatti rāgapaṇidhiādīnamabhāvato. Sesaṃ vuttanayameva. Tenāha ‘‘animittappaṇihitesupi eseva nayo’’ti. Rāganimittādīnanti ettha ādi-saddena saṅkhāranimittassapi saṅgaho daṭṭhabbo. Yadaggena phalasamāpattisamphasso suññato nāma, tadaggena phalasamāpattipi suññatā nāma, phassasīsena pana desanā āgatāti tathā vuttaṃ. Animittappaṇihitesupi eseva nayo.

    อาคมนํ เอตฺถ, เอตายาติ วา อาคมนิกา, สา เอว อาคมนิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวาฯ วุฎฺฐาติ นิมิตฺตโต มคฺคสฺส อุปฺปาทเนนฯ อนิมิตฺตา นาม นิจฺจนิมิตฺตสฺส อุคฺฆาฎนโตฯ เอตฺถ จ วุฎฺฐานเมว ปมาณํ, น ปริคฺคหทสฺสนานิฯ อปฺปณิหิตา นาม สุขปณิธิยา ปฎิปกฺขโตฯ สุญฺญตา นาม อตฺตทิฎฺฐิยา อุชุปฎิปกฺขตฺตา สตฺตสุญฺญตาย สุทิฎฺฐตฺตาฯ มโคฺค อนิมิโตฺต นาม วิปสฺสนาคมนโตฯ ผลํ อนิมิตฺตํ นาม มคฺคาคมนโตฯ วิกโปฺป อาปเชฺชยฺย อาคมนสฺส ววตฺถานสฺส อภาเวน, วิปสฺสนาย อนิมิตฺตาทินามลาโภ อววตฺถิโตติ อธิปฺปาโยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ยสฺมา ปน สา มคฺควุฎฺฐานกาเล เอวรูปาปิ โหตีติ ตสฺส วเสน มคฺคผลานํ วิย ผสฺสสฺสปิ ปวตฺติรูปตฺตา ยถาวุโตฺต วิกโปฺป อนวสโรติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ ปุคฺคลเภทวเสน วุตฺตํฯ น หิ เอกํเยว ปุคฺคลํ เอตสฺมิํ ขเณ ตโย ผสฺสา ผุสนฺติฯ ‘‘ติวิโธ ผโสฺส ผุสตี’’ติ วา ภวิตพฺพํฯ ยสฺมา ปน ‘‘นิโรธผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐิตสฺสา’’ติอาทิ ยสฺส ยถาวุตฺตา ตโย เอว ผสฺสา สมฺภวนฺติ, ตสฺส อนวเสสคฺคหณวเสเนว วุตฺตํ ‘‘ตโย ผสฺสา ผุสนฺตี’’ติฯ

    Āgamanaṃ ettha, etāyāti vā āgamanikā, sā eva āgamaniyā ka-kārassa ya-kāraṃ katvā. Vuṭṭhāti nimittato maggassa uppādanena. Animittā nāma niccanimittassa ugghāṭanato. Ettha ca vuṭṭhānameva pamāṇaṃ, na pariggahadassanāni. Appaṇihitā nāma sukhapaṇidhiyā paṭipakkhato. Suññatā nāma attadiṭṭhiyā ujupaṭipakkhattā sattasuññatāya sudiṭṭhattā. Maggo animitto nāma vipassanāgamanato. Phalaṃ animittaṃ nāma maggāgamanato. Vikappo āpajjeyya āgamanassa vavatthānassa abhāvena, vipassanāya animittādināmalābho avavatthitoti adhippāyo. Tena vuttaṃ ‘‘tasmā’’tiādi. Yasmā pana sā maggavuṭṭhānakāle evarūpāpi hotīti tassa vasena maggaphalānaṃ viya phassassapi pavattirūpattā yathāvutto vikappo anavasaroti daṭṭhabbaṃ. Tayo phassā phusantīti puggalabhedavasena vuttaṃ. Na hi ekaṃyeva puggalaṃ etasmiṃ khaṇe tayo phassā phusanti. ‘‘Tividho phasso phusatī’’ti vā bhavitabbaṃ. Yasmā pana ‘‘nirodhaphalasamāpattiyā vuṭṭhitassā’’tiādi yassa yathāvuttā tayo eva phassā sambhavanti, tassa anavasesaggahaṇavaseneva vuttaṃ ‘‘tayo phassā phusantī’’ti.

    นิพฺพานํ วิเวโก นาม สพฺพสงฺขารวิวิตฺตภาวโตฯ ตสฺมิํ วิเวเก เอกเนฺตเนว นินฺนโปณตฺตา เอว หิ เต ปฎิปฺปสฺสทฺธสพฺพุสฺสุกฺกา อุตฺตมปุริสา จตุนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติํ อนวเสสคฺคหณลกฺขณํ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชนฺตีติฯ

    Nibbānaṃ viveko nāma sabbasaṅkhāravivittabhāvato. Tasmiṃ viveke ekanteneva ninnapoṇattā eva hi te paṭippassaddhasabbussukkā uttamapurisā catunnaṃ khandhānaṃ appavattiṃ anavasesaggahaṇalakkhaṇaṃ nirodhasamāpattiṃ samāpajjantīti.

    ทุติยกามภูสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyakāmabhūsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. ทุติยกามภูสุตฺตํ • 6. Dutiyakāmabhūsuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ทุติยกามภูสุตฺตวณฺณนา • 6. Dutiyakāmabhūsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact