Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา

    10. Dutiyakosalasuttavaṇṇanā

    ๓๐. ทสเม อุโยฺยธิกา นิวโตฺต โหตีติ ยุทฺธโต นิวโตฺต โหติฯ ลทฺธาธิปฺปาโยติ มหาโกสลรญฺญา กิร พิมฺพิสารสฺส ธีตรํ เทเนฺตน ทฺวินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร สตสหสฺสุฎฺฐาโน กาสิคาโม นาม ธีตุ ทิโนฺน ฯ อชาตสตฺตุนา ปิตริ มาริเต มาตาปิสฺส รโญฺญ วิโยคโสเกน นจิรเสฺสว มตาฯ ตโต ราชา ปเสนทิโกสโล ‘‘อชาตสตฺตุนา มาตาปิตโร มาริตา, มม ปิตุ สนฺตโก คาโม’’ติ ตสฺสตฺถาย อฎฺฎํ กโรติ, อชาตสตฺตุปิ ‘‘มม มาตุ สนฺตโก’’ติ ตสฺส คามสฺสตฺถายฯ เทฺวปิ มาตุลภาคิเนยฺยา จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ยุชฺฌิํสุฯ ตตฺถ ปเสนทิโกสโล เทฺว วาเร อชาตสตฺตุนา ปราชิโต นครเมว ปาวิสิฯ ตติยวาเร ‘‘กถํ นุ โข เม ชโย ภเวยฺยา’’ติ อุปสฺสุติวเสน ยุชฺฌิตพฺพาการํ ญตฺวา พฺยูหํ รจยิตฺวา อุโภหิ ปเสฺสหิ ปริกฺขิปิตฺวา อชาตสตฺตุํ คณฺหิฯ ตาวเทว ชยาธิปฺปายสฺส ลทฺธตฺตา ลทฺธาธิปฺปาโย นาม อโหสิฯ

    30. Dasame uyyodhikā nivatto hotīti yuddhato nivatto hoti. Laddhādhippāyoti mahākosalaraññā kira bimbisārassa dhītaraṃ dentena dvinnaṃ rajjānaṃ antare satasahassuṭṭhāno kāsigāmo nāma dhītu dinno . Ajātasattunā pitari mārite mātāpissa rañño viyogasokena nacirasseva matā. Tato rājā pasenadikosalo ‘‘ajātasattunā mātāpitaro māritā, mama pitu santako gāmo’’ti tassatthāya aṭṭaṃ karoti, ajātasattupi ‘‘mama mātu santako’’ti tassa gāmassatthāya. Dvepi mātulabhāgineyyā caturaṅginiṃ senaṃ sannayhitvā yujjhiṃsu. Tattha pasenadikosalo dve vāre ajātasattunā parājito nagarameva pāvisi. Tatiyavāre ‘‘kathaṃ nu kho me jayo bhaveyyā’’ti upassutivasena yujjhitabbākāraṃ ñatvā byūhaṃ racayitvā ubhohi passehi parikkhipitvā ajātasattuṃ gaṇhi. Tāvadeva jayādhippāyassa laddhattā laddhādhippāyo nāma ahosi.

    เยน อาราโม เตน ปายาสีติ พหินคเร ชยขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา ‘‘ยาว นครํ อลงฺกโรนฺติ, ตาว ทสพลํ วนฺทิสฺสามิฯ นครํ ปวิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย หิ ปปโญฺจ โหตี’’ติ อมจฺจคณปริวุโต เยนาราโม เตน ปายาสิ, อารามํ ปาวิสิฯ กสฺมิํ กาเล ปาวิสีติ? ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกนฺตานํ ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา สมฺมาสมฺพุเทฺธ คนฺธกุฎิํ ปวิเฎฺฐ ภิกฺขุสเงฺฆ จ โอวาทํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานานิ คเตฯ จงฺกมนฺตีติ กสฺมิํ สมเย จงฺกมนฺติ? ปณีตโภชนปจฺจยสฺส ถินมิทฺธสฺส วิโนทนตฺถํ, ทิวา ปธานิกา วา เตฯ ตาทิสานญฺหิ ปจฺฉาภตฺตํ จงฺกมิตฺวา นฺหตฺวา สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา นิสชฺช สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติฯ เย เต ภิกฺขูติ โส กิร ‘‘กหํ สตฺถา กหํ สุคโตติ ปริเวเณน ปริเวณํ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปวิสิสฺสามี’’ติ วิโลเกโนฺต อรญฺญหตฺถี วิย มหาจงฺกเม จงฺกมมาเน ปํสุกูลิเก ภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ สนฺติกํ อคมาสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ทสฺสนกามาติ ปสฺสิตุกามาฯ วิหาโรติ คนฺธกุฎิํ สนฺธาย อาหํสุฯ อตรมาโนติ อตุริโต, สณิกํ ปทปมาณฎฺฐาเน ปทํ นิกฺขิปโนฺต วตฺตํ กตฺวา สุสมฺมฎฺฐํ มุตฺตชาลสินฺทุวารสทิสํ วาลุกํ อวินาเสโนฺตติ อโตฺถฯ อาลินฺทนฺติ ปมุขํฯ อคฺคฬนฺติ กวาฎํฯ อุกฺกาสิตฺวาติ อุกฺกาสิตสทฺทํ กตฺวาฯ อาโกเฎหีติ อคฺคนเขน อีสกํ กุญฺจิกาฉิทฺทสมีเป โกเฎหีติ วุตฺตํ โหติฯ ทฺวารํ กิร อติอุปริ อมนุสฺสา, อติเหฎฺฐา ทีฆชาติกา โกเฎนฺติฯ ตถา อโกเฎตฺวา มเชฺฌ ฉิทฺทสมีเป โกเฎตพฺพนฺติ อิทํ ทฺวารโกฎนวตฺตนฺติ วทนฺติฯ วิวริ ภควา ทฺวารนฺติ น ภควา อุฎฺฐาย ทฺวารํ วิวรติ, วิวรตูติ ปน หตฺถํ ปสาเรติฯ ตโต ‘‘ภควา ตุเมฺหหิ อเนกกปฺปโกฎีสุ ทานํ ททมาเนหิ น สหตฺถา ทฺวารวิวรณกมฺมํ กต’’นฺติ สยเมว ทฺวารํ วิวฎํฯ ตํ ปน ยสฺมา ภควโต มเนน วิวฎํ, ตสฺมา ‘‘วิวริ ภควา ทฺวาร’’นฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ

    Yenaārāmo tena pāyāsīti bahinagare jayakhandhāvāraṃ nivesetvā ‘‘yāva nagaraṃ alaṅkaronti, tāva dasabalaṃ vandissāmi. Nagaraṃ paviṭṭhakālato paṭṭhāya hi papañco hotī’’ti amaccagaṇaparivuto yenārāmo tena pāyāsi, ārāmaṃ pāvisi. Kasmiṃ kāle pāvisīti? Piṇḍapātappaṭikkantānaṃ bhikkhūnaṃ ovādaṃ datvā sammāsambuddhe gandhakuṭiṃ paviṭṭhe bhikkhusaṅghe ca ovādaṃ sampaṭicchitvā attano attano rattiṭṭhānadivāṭṭhānāni gate. Caṅkamantīti kasmiṃ samaye caṅkamanti? Paṇītabhojanapaccayassa thinamiddhassa vinodanatthaṃ, divā padhānikā vā te. Tādisānañhi pacchābhattaṃ caṅkamitvā nhatvā sarīraṃ utuṃ gāhāpetvā nisajja samaṇadhammaṃ karontānaṃ cittaṃ ekaggaṃ hoti. Ye te bhikkhūti so kira ‘‘kahaṃ satthā kahaṃ sugatoti pariveṇena pariveṇaṃ āgantvā pucchitvāva pavisissāmī’’ti vilokento araññahatthī viya mahācaṅkame caṅkamamāne paṃsukūlike bhikkhū disvā tesaṃ santikaṃ agamāsi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Dassanakāmāti passitukāmā. Vihāroti gandhakuṭiṃ sandhāya āhaṃsu. Ataramānoti aturito, saṇikaṃ padapamāṇaṭṭhāne padaṃ nikkhipanto vattaṃ katvā susammaṭṭhaṃ muttajālasinduvārasadisaṃ vālukaṃ avināsentoti attho. Ālindanti pamukhaṃ. Aggaḷanti kavāṭaṃ. Ukkāsitvāti ukkāsitasaddaṃ katvā. Ākoṭehīti agganakhena īsakaṃ kuñcikāchiddasamīpe koṭehīti vuttaṃ hoti. Dvāraṃ kira atiupari amanussā, atiheṭṭhā dīghajātikā koṭenti. Tathā akoṭetvā majjhe chiddasamīpe koṭetabbanti idaṃ dvārakoṭanavattanti vadanti. Vivari bhagavā dvāranti na bhagavā uṭṭhāya dvāraṃ vivarati, vivaratūti pana hatthaṃ pasāreti. Tato ‘‘bhagavā tumhehi anekakappakoṭīsu dānaṃ dadamānehi na sahatthā dvāravivaraṇakammaṃ kata’’nti sayameva dvāraṃ vivaṭaṃ. Taṃ pana yasmā bhagavato manena vivaṭaṃ, tasmā ‘‘vivari bhagavā dvāra’’nti vattuṃ vaṭṭati.

    เมตฺตูปหารนฺติ เมตฺตาสมฺปยุตฺตํ กายิกวาจสิกอุปหารํฯ กตญฺญุตนฺติ อยญฺหิ ราชา ปุเพฺพ ถูลสรีโร อโหสิ, โทณปากํ ภุญฺชติฯ อถสฺส ภควา ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ หาปนตฺถาย –

    Mettūpahāranti mettāsampayuttaṃ kāyikavācasikaupahāraṃ. Kataññutanti ayañhi rājā pubbe thūlasarīro ahosi, doṇapākaṃ bhuñjati. Athassa bhagavā divase divase thokaṃ thokaṃ hāpanatthāya –

    ‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต,

    ‘‘Manujassa sadā satīmato,

    มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;

    Mattaṃ jānato laddhabhojane;

    ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,

    Tanukassa bhavanti vedanā,

    สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) –

    Saṇikaṃ jīrati āyupālaya’’nti. (saṃ. ni. 1.124) –

    อิมํ โอวาทํ อทาสิฯ โส อิมสฺมิํ โอวาเท ฐตฺวา ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ หาเปตฺวา อนุกฺกเมน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺฐาสิ, คตฺตานิปิสฺส ตนูนิ ถิรานิ ชาตานิฯ ตํ ภควตา กตํ อุปการํ สนฺธาย ‘‘กตญฺญุตํ โข อหํ, ภเนฺต, กตเวทิตํ สมฺปสฺสมาโน’’ติ อาหฯ อริเย ญาเยติ สหวิปสฺสนเก มเคฺคฯ วุทฺธสีโลติ วฑฺฒิตสีโลฯ อริยสีโลติ อโปถุชฺชนิเกหิ สีเลหิ สมนฺนาคโตฯ กุสลสีโลติ อนวเชฺชหิ สีเลหิ สมนฺนาคโตฯ อารญฺญโกติ ชายมาโนปิ อรเญฺญ ชาโต, อภิสมฺพุชฺฌมาโนปิ อรเญฺญ อภิสมฺพุโทฺธ, เทววิมานกปฺปาย คนฺธกุฎิยา วสโนฺตปิ อรเญฺญเยว วสีติ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Imaṃ ovādaṃ adāsi. So imasmiṃ ovāde ṭhatvā divase divase thokaṃ thokaṃ hāpetvā anukkamena nāḷikodanaparamatāya saṇṭhāsi, gattānipissa tanūni thirāni jātāni. Taṃ bhagavatā kataṃ upakāraṃ sandhāya ‘‘kataññutaṃ kho ahaṃ, bhante, kataveditaṃ sampassamāno’’ti āha. Ariye ñāyeti sahavipassanake magge. Vuddhasīloti vaḍḍhitasīlo. Ariyasīloti apothujjanikehi sīlehi samannāgato. Kusalasīloti anavajjehi sīlehi samannāgato. Āraññakoti jāyamānopi araññe jāto, abhisambujjhamānopi araññe abhisambuddho, devavimānakappāya gandhakuṭiyā vasantopi araññeyeva vasīti dassento evamāha. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    มหาวโคฺค ตติโยฯ

    Mahāvaggo tatiyo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ทุติยโกสลสุตฺตํ • 10. Dutiyakosalasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา • 10. Dutiyakosalasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact