Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๗. ทุติยกุฎิวิหาริเตฺถรคาถาวณฺณนา
7. Dutiyakuṭivihārittheragāthāvaṇṇanā
อยมาหุ ปุราณิยาติ อายสฺมโต กุฎิวิหาริเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปสนฺนมานโส ปริฬาหกาเล นฬวิลีเวหิ วิรจิตํ พีชนิํ อทาสิฯ ตํ สตฺถา อนุโมทนคาถาย สมฺปหํเสสิฯ เสสํ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อญฺชนวนิยเตฺถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา อญฺญตราย ปุราณกุฎิกาย วิหรโนฺต สมณธมฺมํ อจิเนฺตตฺวา, ‘‘อยํ กุฎิกา ชิณฺณา, อญฺญํ กุฎิกํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ นวกมฺมวเสน จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ ตสฺส อตฺถกามา เทวตา สํเวคชนนตฺถํ อิมํ อุตฺตาโนภาสํ คมฺภีรตฺถํ ‘‘อยมาหุ’’ติ คาถมาหฯ
Ayamāhupurāṇiyāti āyasmato kuṭivihārittherassa gāthā. Kā uppatti? So kira padumuttarassa bhagavato pasannamānaso pariḷāhakāle naḷavilīvehi viracitaṃ bījaniṃ adāsi. Taṃ satthā anumodanagāthāya sampahaṃsesi. Sesaṃ yadettha vattabbaṃ, taṃ añjanavaniyattheravatthumhi vuttasadisameva. Ayaṃ pana viseso – ayaṃ kira vuttanayena pabbajitvā aññatarāya purāṇakuṭikāya viharanto samaṇadhammaṃ acintetvā, ‘‘ayaṃ kuṭikā jiṇṇā, aññaṃ kuṭikaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti navakammavasena cittaṃ uppādesi. Tassa atthakāmā devatā saṃvegajananatthaṃ imaṃ uttānobhāsaṃ gambhīratthaṃ ‘‘ayamāhu’’ti gāthamāha.
๕๗. ตตฺถ อยนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํฯ อาหูติ อโหสีติ อโตฺถฯ คาถาสุขตฺถญฺหิ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํฯ ปุราณิยาติ ปุราตนี อทฺธคตาฯ อญฺญํ ปตฺถยเส นวํ กุฎินฺติ อิมิสฺสา กุฎิยา ปุราณภาเวน ชิณฺณตาย อิโต อญฺญํ อิทานิ นิพฺพตฺตนียตาย นวํ กุฎิํ ปตฺถยเส ปเตฺถสิ อาสีสสิฯ สเพฺพน สพฺพํ ปน อาสํ กุฎิยา วิราชย ปุราณิยํ วิย นวายมฺปิ กุฎิยํ อาสํ ตณฺหํ อเปกฺขํ วิราเชหิ, สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิโตฺต โหหิฯ กสฺมา? ยสฺมา ทุกฺขา ภิกฺขุ ปุน นวา นาม กุฎิ ภิกฺขุ ปุน อิทานิ นิพฺพตฺติยมานา ทุกฺขาวหตฺตา ทุกฺขา, ตสฺมา อญฺญํ นวํ ทุกฺขํ อนุปฺปาเทโนฺต ยถานิพฺพตฺตายํ ปุราณิยํเยว กุฎิยํ ฐตฺวา อตฺตนา กตพฺพํ กโรหีติฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ตฺวํ, ภิกฺขุ, ‘‘อยํ ปุราณี ติณกุฎิกา ชิณฺณา’’ติ อญฺญํ นวํ ติณกุฎิกํ กาตุํ อิจฺฉสิ, น สมณธมฺมํ, เอวํ อิจฺฉโนฺต ปน ภาวนาย อนนุยุญฺชเนน ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา อนติวตฺตนโต อายติํ อตฺตภาวกุฎิมฺปิ ปเตฺถโนฺต กาตุํ อิจฺฉโนฺตเยว นาม โหติฯ สา ปน นวา ติณกุฎิ วิย กรณทุเกฺขน ตโต ภิโยฺยปิ ชรามรณโสกปริเทวาทิทุกฺขสํสฎฺฐตาย ทุกฺขา, ตสฺมา ติณกุฎิยํ วิย อตฺตภาวกุฎิยํ อาสํ อเปกฺขํ วิราชย สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิโตฺต โหหิ, เอวํ เต วฎฺฎทุกฺขํ น ภวิสฺสตีติฯ เทวตาย จ วจนํ สุตฺวา เถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ฆเฎโนฺต วายมโนฺต นจิรเสฺสว อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๓๖-๔๖) –
57. Tattha ayanti āsannapaccakkhavacanaṃ. Āhūti ahosīti attho. Gāthāsukhatthañhi dīghaṃ katvā vuttaṃ. Purāṇiyāti purātanī addhagatā. Aññaṃ patthayase navaṃ kuṭinti imissā kuṭiyā purāṇabhāvena jiṇṇatāya ito aññaṃ idāni nibbattanīyatāya navaṃ kuṭiṃ patthayase patthesi āsīsasi. Sabbena sabbaṃ pana āsaṃ kuṭiyā virājaya purāṇiyaṃ viya navāyampi kuṭiyaṃ āsaṃ taṇhaṃ apekkhaṃ virājehi, sabbaso tattha virattacitto hohi. Kasmā? Yasmā dukkhā bhikkhu puna navā nāma kuṭi bhikkhu puna idāni nibbattiyamānā dukkhāvahattā dukkhā, tasmā aññaṃ navaṃ dukkhaṃ anuppādento yathānibbattāyaṃ purāṇiyaṃyeva kuṭiyaṃ ṭhatvā attanā katabbaṃ karohīti. Ayañhettha adhippāyo – tvaṃ, bhikkhu, ‘‘ayaṃ purāṇī tiṇakuṭikā jiṇṇā’’ti aññaṃ navaṃ tiṇakuṭikaṃ kātuṃ icchasi, na samaṇadhammaṃ, evaṃ icchanto pana bhāvanāya ananuyuñjanena punabbhavābhinibbattiyā anativattanato āyatiṃ attabhāvakuṭimpi patthento kātuṃ icchantoyeva nāma hoti. Sā pana navā tiṇakuṭi viya karaṇadukkhena tato bhiyyopi jarāmaraṇasokaparidevādidukkhasaṃsaṭṭhatāya dukkhā, tasmā tiṇakuṭiyaṃ viya attabhāvakuṭiyaṃ āsaṃ apekkhaṃ virājaya sabbaso tattha virattacitto hohi, evaṃ te vaṭṭadukkhaṃ na bhavissatīti. Devatāya ca vacanaṃ sutvā thero saṃvegajāto vipassanaṃ paṭṭhapetvā ghaṭento vāyamanto nacirasseva arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.11.36-46) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส , โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;
‘‘Padumuttarabuddhassa , lokajeṭṭhassa tādino;
ติณตฺถเร นิสินฺนสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโนฯ
Tiṇatthare nisinnassa, upasantassa tādino.
‘‘นฬมาลํ คเหตฺวาน, พนฺธิตฺวา พีชนิํ อหํ;
‘‘Naḷamālaṃ gahetvāna, bandhitvā bījaniṃ ahaṃ;
พุทฺธสฺส อุปนาเมสิํ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโนฯ
Buddhassa upanāmesiṃ, dvipadindassa tādino.
‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา สพฺพญฺญู, พีชนิํ โลกนายโก;
‘‘Paṭiggahetvā sabbaññū, bījaniṃ lokanāyako;
มม สงฺกปฺปมญฺญาย, อิมํ คาถํ อภาสถฯ
Mama saṅkappamaññāya, imaṃ gāthaṃ abhāsatha.
‘‘ยถา เม กาโย นิพฺพาติ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;
‘‘Yathā me kāyo nibbāti, pariḷāho na vijjati;
ตเถว ติวิธคฺคีหิ, จิตฺตํ ตว วิมุจฺจตุฯ
Tatheva tividhaggīhi, cittaṃ tava vimuccatu.
‘‘สเพฺพ เทวา สมาคจฺฉุํ, เย เกจิ วนนิสฺสิตา;
‘‘Sabbe devā samāgacchuṃ, ye keci vananissitā;
โสสฺสาม พุทฺธวจนํ, หาสยนฺตญฺจ ทายกํฯ
Sossāma buddhavacanaṃ, hāsayantañca dāyakaṃ.
‘‘นิสิโนฺน ภควา ตตฺถ, เทวสงฺฆปุรกฺขโต;
‘‘Nisinno bhagavā tattha, devasaṅghapurakkhato;
ทายกํ สมฺปหํเสโนฺต, อิมา คาถา อภาสถฯ
Dāyakaṃ sampahaṃsento, imā gāthā abhāsatha.
‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, จิตฺตสฺส ปณิธีหิ จ;
‘‘Iminā bījanidānena, cittassa paṇidhīhi ca;
สุพฺพโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Subbato nāma nāmena, cakkavattī bhavissati.
‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Tena kammāvasesena, sukkamūlena codito;
มาลุโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Māluto nāma nāmena, cakkavattī bhavissati.
‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, สมฺมานวิปุเลน จ;
‘‘Iminā bījanidānena, sammānavipulena ca;
กปฺปสตสหสฺสมฺปิ, ทุคฺคติํ นุปปชฺชติฯ
Kappasatasahassampi, duggatiṃ nupapajjati.
‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, สุพฺพตา อฎฺฐติํส เต;
‘‘Tiṃsakappasahassamhi, subbatā aṭṭhatiṃsa te;
เอกูนติํสสหเสฺส, อฎฺฐ มาลุตนามกาฯ
Ekūnatiṃsasahasse, aṭṭha mālutanāmakā.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหเตฺต ปน ปติฎฺฐิโต ‘‘อยํ เม อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุสภูตา’’ติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิฯ สาเยว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา อโหสิฯ กุฎิโอวาเทน ลทฺธวิเสสตฺตา จสฺส กุฎิวิหารีเตฺวว สมญฺญา อโหสีติฯ
Arahatte pana patiṭṭhito ‘‘ayaṃ me arahattappattiyā aṅkusabhūtā’’ti tameva gāthaṃ paccudāhāsi. Sāyeva ca therassa aññābyākaraṇagāthā ahosi. Kuṭiovādena laddhavisesattā cassa kuṭivihārītveva samaññā ahosīti.
ทุติยกุฎิวิหาริเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyakuṭivihārittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๗. ทุติยกุฎิวิหาริเตฺถรคาถา • 7. Dutiyakuṭivihārittheragāthā