Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๒. ทุติยลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
2. Dutiyalakuṇḍakabhaddiyasuttavaṇṇanā
๖๒. ทุติเย เสขํ มญฺญมาโนติ ‘‘เสโข อย’’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – สิกฺขตีติ เสโขฯ กิํ สิกฺขติ? อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปญฺญญฺจฯ อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สา เอตสฺส สีลนฺติ เสโขฯ โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกเนฺตน สิกฺขนสีโล, น ปรินิฎฺฐิตสิโกฺข อเสโข วิย ตตฺถ ปฎิปฺปสฺสทฺธุสฺสุโกฺก, นาปิ วิสฺสฎฺฐสิโกฺข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุโตฺตฯ อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสโขฯ ภิโยฺยโสมตฺตายาติ ปมาณโต อุตฺตริ, ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา อธิกตรนฺติ อโตฺถฯ อายสฺมา หิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ปฐมสุเตฺต วุเตฺตน วิธินา ปฐโมวาเทน ยถานิสิโนฺนว อาสวกฺขยปฺปโตฺตฯ ธมฺมเสนาปติ ปน ตสฺส ตํ อรหตฺตปฺปตฺติํ อนาวชฺชเนน อชานิตฺวา ‘‘เสโขเยวา’’ติ มญฺญมาโน อปฺปํ ยาจิโต พหุํ ททมาโน อุฬารปุริโส วิย ภิโยฺย ภิโยฺย อเนกปริยาเยน อาสวกฺขยาย ธมฺมํ กเถติเยวฯ อายสฺมาปิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ‘‘กตกิโจฺจ ทานาหํ, กิํ อิมินา โอวาเทนา’’ติ อจิเนฺตตฺวา สทฺธมฺมคารเวน ปุเพฺพ วิย สกฺกจฺจํ สุณาติเยวฯ ตํ ทิสฺวา ภควา คนฺธกุฎิยํ นิสิโนฺนเยว พุทฺธานุภาเวน ยถา ธมฺมเสนาปติ ตสฺส กิเลสกฺขยํ ชานาติ, ตถา กตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตเมวฯ
62. Dutiye sekhaṃ maññamānoti ‘‘sekho aya’’nti maññamāno. Tatrāyaṃ vacanattho – sikkhatīti sekho. Kiṃ sikkhati? Adhisīlaṃ adhicittaṃ adhipaññañca. Atha vā sikkhanaṃ sikkhā, sā etassa sīlanti sekho. So hi apariyositasikkhattā tadadhimuttattā ca ekantena sikkhanasīlo, na pariniṭṭhitasikkho asekho viya tattha paṭippassaddhussukko, nāpi vissaṭṭhasikkho pacurajano viya tattha anadhimutto. Atha vā ariyāya jātiyā tīsu sikkhāsu jāto, tattha vā bhavoti sekho. Bhiyyosomattāyāti pamāṇato uttari, pamāṇaṃ atikkamitvā adhikataranti attho. Āyasmā hi lakuṇḍakabhaddiyo paṭhamasutte vuttena vidhinā paṭhamovādena yathānisinnova āsavakkhayappatto. Dhammasenāpati pana tassa taṃ arahattappattiṃ anāvajjanena ajānitvā ‘‘sekhoyevā’’ti maññamāno appaṃ yācito bahuṃ dadamāno uḷārapuriso viya bhiyyo bhiyyo anekapariyāyena āsavakkhayāya dhammaṃ kathetiyeva. Āyasmāpi lakuṇḍakabhaddiyo ‘‘katakicco dānāhaṃ, kiṃ iminā ovādenā’’ti acintetvā saddhammagāravena pubbe viya sakkaccaṃ suṇātiyeva. Taṃ disvā bhagavā gandhakuṭiyaṃ nisinnoyeva buddhānubhāvena yathā dhammasenāpati tassa kilesakkhayaṃ jānāti, tathā katvā imaṃ udānaṃ udānesi. Tena vuttaṃ ‘‘tena kho pana samayenā’’tiādi. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ anantarasutte vuttameva.
คาถายํ ปน อเจฺฉจฺฉิ วฎฺฎนฺติ อนวเสสโต กิเลสวฎฺฎํ สมุจฺฉินฺทิ, ฉิเนฺน จ กิเลสวเฎฺฎ กมฺมวฎฺฎมฺปิ ฉินฺนเมวฯ พฺยคา นิราสนฺติ อาสา วุจฺจติ ตณฺหา, นตฺถิ เอตฺถ อาสาติ นิราสํ, นิพฺพานํฯ ตํ นิราสํ วิเสเสน อคา อธิคโตติ พฺยคา, อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปุน อธิคมการเณน วินา อธิคโตติ อโตฺถฯ ยสฺมา ตณฺหา ทุกฺขสมุทยภูตา, ตาย ปหีนาย อปฺปหีโน นาม กิเลโส นตฺถิ, ตสฺมาสฺส ตณฺหาปหานํ สวิเสสํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘วิสุกฺขา สริตา น สนฺทตี’’ติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – จตุตฺถสูริยปาตุภาเวน วิย มหานทิโย จตุตฺถมคฺคญาณุปฺปาเทน อนวเสสโต วิสุกฺขา วิโสสิตา ตณฺหาสริตา นที น สนฺทติ, อิโต ปฎฺฐาย น ปวตฺตติฯ ตณฺหา หิ ‘‘สริตา’’ติ วุจฺจติฯ ยถาห – ‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ, โสมนสฺสานิ ภวนฺติ ชนฺตุโน’’ติ (ธ. ป. ๓๔๑), ‘‘สริตา วิสตฺติกา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๖๕; มหานิ. ๓) จฯ ฉินฺนํ วฎฺฎํ น วตฺตตีติ เอวํ กิเลสวฎฺฎสมุเจฺฉเทน ฉินฺนํ วฎฺฎํ อนุปฺปาทธมฺมตํ อวิปากธมฺมตญฺจ อาปาทเนน อุปจฺฉินฺนํ กมฺมวฎฺฎํ น วตฺตติ น ปวตฺตติฯ เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสาติ ยเทตํ สพฺพโส กิเลสวฎฺฎาภาวโต กมฺมวฎฺฎสฺส อปฺปวตฺตนํ, โส อายติํ วิปากวฎฺฎสฺส เอกํเสเนว อนุปฺปาโท เอว สกลสฺสาปิ สํสารทุกฺขสฺส อโนฺต ปริเจฺฉโท ปริวฎุมภาโวติฯ
Gāthāyaṃ pana acchecchi vaṭṭanti anavasesato kilesavaṭṭaṃ samucchindi, chinne ca kilesavaṭṭe kammavaṭṭampi chinnameva. Byagā nirāsanti āsā vuccati taṇhā, natthi ettha āsāti nirāsaṃ, nibbānaṃ. Taṃ nirāsaṃ visesena agā adhigatoti byagā, aggamaggassa adhigatattā puna adhigamakāraṇena vinā adhigatoti attho. Yasmā taṇhā dukkhasamudayabhūtā, tāya pahīnāya appahīno nāma kileso natthi, tasmāssa taṇhāpahānaṃ savisesaṃ katvā dassento ‘‘visukkhā saritā na sandatī’’ti āha. Tassattho – catutthasūriyapātubhāvena viya mahānadiyo catutthamaggañāṇuppādena anavasesato visukkhā visositā taṇhāsaritā nadī na sandati, ito paṭṭhāya na pavattati. Taṇhā hi ‘‘saritā’’ti vuccati. Yathāha – ‘‘saritāni sinehitāni ca, somanassāni bhavanti jantuno’’ti (dha. pa. 341), ‘‘saritā visattikā’’ti (dha. sa. 1065; mahāni. 3) ca. Chinnaṃ vaṭṭaṃ na vattatīti evaṃ kilesavaṭṭasamucchedena chinnaṃ vaṭṭaṃ anuppādadhammataṃ avipākadhammatañca āpādanena upacchinnaṃ kammavaṭṭaṃ na vattati na pavattati. Esevanto dukkhassāti yadetaṃ sabbaso kilesavaṭṭābhāvato kammavaṭṭassa appavattanaṃ, so āyatiṃ vipākavaṭṭassa ekaṃseneva anuppādo eva sakalassāpi saṃsāradukkhassa anto paricchedo parivaṭumabhāvoti.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๒. ทุติยลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตํ • 2. Dutiyalakuṇḍakabhaddiyasuttaṃ