Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๘. ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา

    8. Dutiyamigaluddakapetavatthuvaṇṇanā

    กูฎาคาเร จ ปาสาเทติ อิทํ ภควติ เวฬุวเน วิหรเนฺต อปรํ มิคลุทฺทกเปตํ อารพฺภ วุตฺตํฯ ราชคเห กิร อญฺญตโร มาควิโก มาณโว วิภวสมฺปโนฺนปิ สมาโน โภคสุขํ ปหาย รตฺตินฺทิวํ มิเค หนโนฺต วิจรติฯ ตสฺส สหายภูโต เอโก อุปาสโก อนุทฺทยํ ปฎิจฺจ – ‘‘สาธุ, สมฺม, ปาณาติปาตโต วิรมาหิ, มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ โอวาทํ อทาสิฯ โส ตํ อนาทิยิฯ อถ โส อุปาสโก อญฺญตรํ อตฺตโน มโนภาวนียํ ขีณาสวเตฺถรํ ยาจิ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, อสุกปุริสสฺส ตถา ธมฺมํ เทเสถ, ยถา โส ปาณาติปาตโต วิรเมยฺยา’’ติฯ

    Kūṭāgāre ca pāsādeti idaṃ bhagavati veḷuvane viharante aparaṃ migaluddakapetaṃ ārabbha vuttaṃ. Rājagahe kira aññataro māgaviko māṇavo vibhavasampannopi samāno bhogasukhaṃ pahāya rattindivaṃ mige hananto vicarati. Tassa sahāyabhūto eko upāsako anuddayaṃ paṭicca – ‘‘sādhu, samma, pāṇātipātato viramāhi, mā te ahosi dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti ovādaṃ adāsi. So taṃ anādiyi. Atha so upāsako aññataraṃ attano manobhāvanīyaṃ khīṇāsavattheraṃ yāci – ‘‘sādhu, bhante, asukapurisassa tathā dhammaṃ desetha, yathā so pāṇātipātato virameyyā’’ti.

    อเถกทิวสํ โส เถโร ราชคเห ปิณฺฑาย จรโนฺต ตสฺส เคหทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา โส มาควิโก สญฺชาตพหุมาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ เถโร ปญฺญเตฺต อาสเน, โสปิ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิฯ ตสฺส เถโร ปาณาติปาเต อาทีนวํ, ตโต วิรติยา อานิสํสญฺจ ปกาเสสิฯ โส ตํ สุตฺวาปิ ตโต วิรมิตุํ น อิจฺฉิฯ อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สเจ, ตฺวํ อาวุโส, สเพฺพน สพฺพํ วิรมิตุํ น สโกฺกสิ, รตฺติมฺปิ ตาว วิรมสฺสู’’ติ, โส ‘‘สาธุ, ภเนฺต, วิรมามิ รตฺติ’’นฺติ ตโต วิรมิฯ เสสํ อนนฺตรวตฺถุสทิสํฯ คาถาสุ ปน –

    Athekadivasaṃ so thero rājagahe piṇḍāya caranto tassa gehadvāre aṭṭhāsi. Taṃ disvā so māgaviko sañjātabahumāno paccuggantvā gehaṃ pavesetvā āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi thero paññatte āsane, sopi theraṃ upasaṅkamitvā nisīdi. Tassa thero pāṇātipāte ādīnavaṃ, tato viratiyā ānisaṃsañca pakāsesi. So taṃ sutvāpi tato viramituṃ na icchi. Atha naṃ thero āha – ‘‘sace, tvaṃ āvuso, sabbena sabbaṃ viramituṃ na sakkosi, rattimpi tāva viramassū’’ti, so ‘‘sādhu, bhante, viramāmi ratti’’nti tato virami. Sesaṃ anantaravatthusadisaṃ. Gāthāsu pana –

    ๔๘๘.

    488.

    ‘‘กูฎาคาเร จ ปาสาเท, ปลฺลเงฺก โคนกตฺถเต;

    ‘‘Kūṭāgāre ca pāsāde, pallaṅke gonakatthate;

    ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน, รมสิ สุปฺปวาทิเตฯ

    Pañcaṅgikena turiyena, ramasi suppavādite.

    ๔๘๙.

    489.

    ‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

    ‘‘Tato ratyā vivasāne, sūriyuggamanaṃ pati;

    อปวิโทฺธ สุสานสฺมิํ, พหุทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    Apaviddho susānasmiṃ, bahudukkhaṃ nigacchasi.

    ๔๙๐.

    490.

    ‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;

    ‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;

    กิสฺสกมฺมวิปาเกน, อิทํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสี’’ติฯ –

    Kissakammavipākena, idaṃ dukkhaṃ nigacchasī’’ti. –

    ตีหิ คาถาหิ นารทเตฺถโร นํ ปฎิปุจฺฉิฯ อถสฺส เปโต –

    Tīhi gāthāhi nāradatthero naṃ paṭipucchi. Athassa peto –

    ๔๙๑.

    491.

    ‘‘อหํ ราชคเห รเมฺม, รมณีเย คิริพฺพเช;

    ‘‘Ahaṃ rājagahe ramme, ramaṇīye giribbaje;

    มิคลุโทฺท ปุเร อาสิํ, ลุโทฺท จาสิมสญฺญโตฯ

    Migaluddo pure āsiṃ, luddo cāsimasaññato.

    ๔๙๒.

    492.

    ‘‘ตสฺส เม สหาโย สุหทโย, สโทฺธ อาสิ อุปาสโก;

    ‘‘Tassa me sahāyo suhadayo, saddho āsi upāsako;

    ตสฺส กุลูปโก ภิกฺขุ, อาสิ โคตมสาวโก;

    Tassa kulūpako bhikkhu, āsi gotamasāvako;

    โสปิ มํ อนุกมฺปโนฺต, นิวาเรสิ ปุนปฺปุนํฯ

    Sopi maṃ anukampanto, nivāresi punappunaṃ.

    ๔๙๓.

    493.

    ‘‘‘มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, มา ตาต ทุคฺคติํ อคา;

    ‘‘‘Mākāsi pāpakaṃ kammaṃ, mā tāta duggatiṃ agā;

    สเจ อิจฺฉสิ เปจฺจ สุขํ, วิรม ปาณวธา อสํยมา’ฯ

    Sace icchasi pecca sukhaṃ, virama pāṇavadhā asaṃyamā’.

    ๔๙๔.

    494.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, สุขกามสฺส หิตานุกมฺปิโน;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, sukhakāmassa hitānukampino;

    นากาสิํ สกลานุสาสนิํ, จิรปาปาภิรโต อพุทฺธิมาฯ

    Nākāsiṃ sakalānusāsaniṃ, cirapāpābhirato abuddhimā.

    ๔๙๕.

    495.

    ‘‘โส มํ ปุน ภูริสุเมธโส, อนุกมฺปาย สํยเม นิเวสยิ;

    ‘‘So maṃ puna bhūrisumedhaso, anukampāya saṃyame nivesayi;

    ‘สเจ ทิวา หนสิ ปาณิโน, อถ เต รตฺติํ ภวตุ สํยโม’ฯ

    ‘Sace divā hanasi pāṇino, atha te rattiṃ bhavatu saṃyamo’.

    ๔๙๖.

    496.

    ‘‘สฺวาหํ ทิวา หนิตฺวา ปาณิโน, วิรโต รตฺติมโหสิ สญฺญโต;

    ‘‘Svāhaṃ divā hanitvā pāṇino, virato rattimahosi saññato;

    รตฺตาหํ ปริจาเรมิ, ทิวา ขชฺชามิ ทุคฺคโตฯ

    Rattāhaṃ paricāremi, divā khajjāmi duggato.

    ๔๙๗.

    497.

    ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อนุโภมิ รตฺติํ อมานุสิํ;

    ‘‘Tassa kammassa kusalassa, anubhomi rattiṃ amānusiṃ;

    ทิวา ปฎิหตาว กุกฺกุรา, อุปธาวนฺติ สมนฺตา ขาทิตุํฯ

    Divā paṭihatāva kukkurā, upadhāvanti samantā khādituṃ.

    ๔๙๘.

    498.

    ‘‘เย จ เต สตตานุโยคิโน, ธุวํ ปยุตฺตา สุคตสฺส สาสเน;

    ‘‘Ye ca te satatānuyogino, dhuvaṃ payuttā sugatassa sāsane;

    มญฺญามิ เต อมตเมว เกวลํ, อธิคจฺฉนฺติ ปทํ อสงฺขต’’นฺติฯ –

    Maññāmi te amatameva kevalaṃ, adhigacchanti padaṃ asaṅkhata’’nti. –

    ตมตฺถํ อาจิกฺขิฯ ตาสํ อโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนโยวฯ

    Tamatthaṃ ācikkhi. Tāsaṃ attho heṭṭhā vuttanayova.

    ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyamigaluddakapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๘. ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุ • 8. Dutiyamigaluddakapetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact