Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๒. ทุติยนโย สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา
2. Dutiyanayo saṅgahitenaasaṅgahitapadavaṇṇanā
๑๗๑. ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิต’’นฺติ เอตฺถ สงฺคหิตาสงฺคหิตสทฺทา ภินฺนาธิกรณา น คเหตพฺพา วิเสสนวิเสสิตพฺพตาย อิจฺฉิตตฺตาฯ โย หิ ธโมฺม สงฺคหิตตาวิเสสวิสิโฎฺฐ อสงฺคหิโต เหฎฺฐา อุทฺทิโฎฺฐ, เสฺวว อิธ อสงฺคหิตภาเวน ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชียตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ตํ…เป.… ตเทว ทเสฺสโนฺต’’ติ อาหฯ เย หิ ธมฺมา จกฺขายตเนน ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา, อายตนธาตุสงฺคเหน จ อสงฺคหิตา, เตสํเยว ปุน ขนฺธาทีหิ อสงฺคโห ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จกฺขายตเนน…เป.… อาหา’’ติฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ นเยสุ วาเรสุ จฯ ขนฺธาทิสงฺคหสามญฺญานนฺติ ‘‘ขนฺธสงฺคเหนา’’ติอาทินา อวิเสเสน วุตฺตานํ ขนฺธาทิสงฺคหานํฯ ‘‘สามญฺญโชตนา วิเสเส อวติฎฺฐตี’’ติ อาห ‘‘นิจฺจํ วิเสสาเปกฺขตฺตา’’ติฯ วิเสสาวโพธนตฺถานิ ปญฺหพฺยากรณานีติ วุตฺตํ ‘‘เภทนิสฺสิตตฺตา จ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาน’’นฺติฯ สวิเสสาว ขนฺธาทิคณนาติ ‘‘ขนฺธสงฺคเหนา’’ติอาทินา อวิเสเสน วุตฺตาปิ รูปกฺขนฺธาทินา สวิเสสาว ขนฺธาทิคณนา, ขนฺธาทินา สงฺคโหติ อโตฺถฯ สุทฺธาติ เกวลา อนวเสสา, สามญฺญภูตาติ วุตฺตํ โหติฯ
171. ‘‘Saṅgahitena asaṅgahita’’nti ettha saṅgahitāsaṅgahitasaddā bhinnādhikaraṇā na gahetabbā visesanavisesitabbatāya icchitattā. Yo hi dhammo saṅgahitatāvisesavisiṭṭho asaṅgahito heṭṭhā uddiṭṭho, sveva idha asaṅgahitabhāvena pucchitvā vissajjīyatīti dassento ‘‘yaṃ taṃ…pe… tadeva dassento’’ti āha. Ye hi dhammā cakkhāyatanena khandhasaṅgahena saṅgahitā, āyatanadhātusaṅgahena ca asaṅgahitā, tesaṃyeva puna khandhādīhi asaṅgaho pucchitvā vissajjito. Tena vuttaṃ ‘‘cakkhāyatanena…pe… āhā’’ti. Sabbatthāti sabbesu nayesu vāresu ca. Khandhādisaṅgahasāmaññānanti ‘‘khandhasaṅgahenā’’tiādinā avisesena vuttānaṃ khandhādisaṅgahānaṃ. ‘‘Sāmaññajotanā visese avatiṭṭhatī’’ti āha ‘‘niccaṃ visesāpekkhattā’’ti. Visesāvabodhanatthāni pañhabyākaraṇānīti vuttaṃ ‘‘bhedanissitattā ca pucchāvissajjanāna’’nti. Savisesāva khandhādigaṇanāti ‘‘khandhasaṅgahenā’’tiādinā avisesena vuttāpi rūpakkhandhādinā savisesāva khandhādigaṇanā, khandhādinā saṅgahoti attho. Suddhāti kevalā anavasesā, sāmaññabhūtāti vuttaṃ hoti.
ตตฺถาติ ยถาธิกเต ทุติยนเยฯ สามญฺญโชตนาย วิเสสนิทฺทิฎฺฐตฺตา อาห ‘‘สงฺคหิ…เป.… นิทฺธาริตตฺตา’’ติฯ ตีสุ สงฺคเหสูติ ขนฺธาทิสงฺคเหสุ ตีสุฯ อเญฺญหีติ วุตฺตาวเสเสหิ ทฺวีหิ เอเกน วาฯ เอตฺตเกเนว ทเสฺสตพฺพา สิยุํ ตาวตาปิ สงฺคหิเตน อสงฺคหิตภาวสฺส ปกาสิตตฺตาฯ เตสนฺติ สงฺคหิเตนอสงฺคหิตภาเวน วุตฺตธมฺมานํฯ เอวํวิธานนฺติ ‘‘จกฺขายตนํ โสตายตน’’นฺติอาทินา อนิทฺธาริตวิเสสานํฯ อสมฺภวาติ วุตฺตปฺปกาเรน นิทฺทิสิตุํ อสมฺภวาฯ สงฺคหาทินยทสฺสนมตฺตํ นยมาติกาย พฺยาปาโร, ยตฺถ ปน สงฺคหาทโย, เต ขนฺธาทโย กุสลาทโย จ เตสํ วิสยภูตาติ เตหิ วินา สงฺคหาทีนํ ปวตฺติ นตฺถิฯ เตนาห ‘‘นยมาติกาย อพฺภนฺตรพาหิรมาติกาเปกฺขตฺตา’’ติฯ สงฺคาหกํ อสงฺคาหกญฺจาติ วตฺตพฺพํฯ โย หิ อิธ สงฺคาหกภาเวน วุโตฺต ธโมฺม อสงฺคาหกภาเวนปิ วุโตฺตเยวาติฯ
Tatthāti yathādhikate dutiyanaye. Sāmaññajotanāya visesaniddiṭṭhattā āha ‘‘saṅgahi…pe… niddhāritattā’’ti. Tīsu saṅgahesūti khandhādisaṅgahesu tīsu. Aññehīti vuttāvasesehi dvīhi ekena vā. Ettakeneva dassetabbā siyuṃ tāvatāpi saṅgahitena asaṅgahitabhāvassa pakāsitattā. Tesanti saṅgahitenaasaṅgahitabhāvena vuttadhammānaṃ. Evaṃvidhānanti ‘‘cakkhāyatanaṃ sotāyatana’’ntiādinā aniddhāritavisesānaṃ. Asambhavāti vuttappakārena niddisituṃ asambhavā. Saṅgahādinayadassanamattaṃ nayamātikāya byāpāro, yattha pana saṅgahādayo, te khandhādayo kusalādayo ca tesaṃ visayabhūtāti tehi vinā saṅgahādīnaṃ pavatti natthi. Tenāha ‘‘nayamātikāya abbhantarabāhiramātikāpekkhattā’’ti. Saṅgāhakaṃ asaṅgāhakañcāti vattabbaṃ. Yo hi idha saṅgāhakabhāvena vutto dhammo asaṅgāhakabhāvenapi vuttoyevāti.
‘‘เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา, อายตนธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติ, ‘‘เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน อสงฺคหิตา, อายตนธาตุสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติ จ ยตฺถ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ นตฺถิ, ตตฺถ ปฐมนเย ฉฎฺฐนเย จ ‘‘รูปกฺขโนฺธ กติหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิโต? เอเกน ขเนฺธนา’’ติ (ธาตุ. ๖), ‘‘รูปกฺขโนฺธ กติหิ ขเนฺธหิ สมฺปยุโตฺตติ? นตฺถิฯ จตูหิ ขเนฺธหิ วิปฺปยุโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๒๘) จ เอวํ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพภาเวนฯ อิตเรสูติ ทุติยาทินเยสุฯ ตสฺส ตสฺสาติ ยํ ปุจฺฉิตพฺพํ วิสฺสชฺชิตพฺพญฺจ ‘‘เย ธมฺมา’’ติ อนิยมิตรูเปน นิทฺธาริตํ, ตสฺส ตสฺส ‘‘เต ธมฺมา’’ติ นิยามกภาเวนฯ
‘‘Ye dhammā khandhasaṅgahena saṅgahitā, āyatanadhātusaṅgahena asaṅgahitā’’ti, ‘‘ye dhammā khandhasaṅgahena asaṅgahitā, āyatanadhātusaṅgahena saṅgahitā’’ti ca yattha pucchitabbavissajjitabbadhammavisesaniddhāraṇaṃ natthi, tattha paṭhamanaye chaṭṭhanaye ca ‘‘rūpakkhandho katihi khandhehi saṅgahito? Ekena khandhenā’’ti (dhātu. 6), ‘‘rūpakkhandho katihi khandhehi sampayuttoti? Natthi. Catūhi khandhehi vippayutto’’ti (dhātu. 228) ca evaṃ pucchitabbavissajjitabbabhāvena. Itaresūti dutiyādinayesu. Tassa tassāti yaṃ pucchitabbaṃ vissajjitabbañca ‘‘ye dhammā’’ti aniyamitarūpena niddhāritaṃ, tassa tassa ‘‘te dhammā’’ti niyāmakabhāvena.
เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปกรเณฯ เยน เยน จกฺขายตนาทินา สงฺคาหเกนฯ ขนฺธาทิสงฺคเหสูติ ขนฺธายตนธาตุสงฺคเหสุฯ เตน เตนาติ ขนฺธาทิสงฺคเหนฯ อญฺญนฺติ ตโต ตโต สงฺคาหกโต อญฺญํฯ ตพฺพินิมุตฺตํ สงฺคเหตพฺพาสงฺคเหตพฺพํ ยํ ธมฺมชาตํ อตฺถิ, ตํ ตเทว ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา, อายตนธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติ สงฺคาหกาสงฺคาหกภาเวน อุทฺธฎํฯ อโญฺญ ธโมฺม นตฺถิ ตสฺส สภาคภาเวน สงฺคาหกเสฺสว อภาวโตฯ สิยา ปเนตํ สภาเคน เอกเทเสน สงฺคโหติ, ตํ ปฎิกฺขิปโนฺต อาห ‘‘น จ โส…เป.… โหตี’’ติฯ ยญฺจาติอาทินา วจนนฺตรํ ปริหรติฯ
Etthāti etasmiṃ pakaraṇe. Yena yena cakkhāyatanādinā saṅgāhakena. Khandhādisaṅgahesūti khandhāyatanadhātusaṅgahesu. Tena tenāti khandhādisaṅgahena. Aññanti tato tato saṅgāhakato aññaṃ. Tabbinimuttaṃ saṅgahetabbāsaṅgahetabbaṃ yaṃ dhammajātaṃ atthi, taṃ tadeva ‘‘cakkhāyatanena ye dhammā khandhasaṅgahena saṅgahitā, āyatanadhātusaṅgahena asaṅgahitā’’ti saṅgāhakāsaṅgāhakabhāvena uddhaṭaṃ. Añño dhammo natthi tassa sabhāgabhāvena saṅgāhakasseva abhāvato. Siyā panetaṃ sabhāgena ekadesena saṅgahoti, taṃ paṭikkhipanto āha ‘‘na ca so…pe… hotī’’ti. Yañcātiādinā vacanantaraṃ pariharati.
ยทิ จาติอาทินาปิ ตเสฺสว เตน สงฺคหาภาวํ ปาฐาภาวทสฺสเนน วิภาเวติฯ ตตฺถ โส เอวาติ โย รูปาทิกฺขโนฺธ สงฺคาหกภาเวน วุโตฺต, โส เอว เตน รูปาทิกฺขเนฺธน สงฺคเยฺหยฺย สงฺคเหตโพฺพ ภเวยฺย, เตเนว ตสฺส สงฺคหาภาเว ลกฺขณํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น หิ โส เอว ตสฺส สภาโค วิสภาโค จา’’ติฯ เอกเทสา วิย จกฺขายตนาทโย สมุทายสฺส รูปกฺขนฺธาทิกสฺสฯ รูปกฺขโนฺธ จกฺขายตนาทีนํ น สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ สภาควิสภาคภาวาภาวโตฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สมุทายโนฺตคธานนฺติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ ตตฺถ เยนาติ วิภาเคนฯ เตติ เอกเทสาฯ เตสนฺติ เอกเทสานํฯ เอตฺถ ตทโนฺตคธตาย วิภาคาภาโว, วิภาคาภาเวน สภาควิสภาคตาภาโว, เตน สงฺคาหกาสงฺคาหกตาภาโว ทสฺสิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Yadicātiādināpi tasseva tena saṅgahābhāvaṃ pāṭhābhāvadassanena vibhāveti. Tattha so evāti yo rūpādikkhandho saṅgāhakabhāvena vutto, so eva tena rūpādikkhandhena saṅgayheyya saṅgahetabbo bhaveyya, teneva tassa saṅgahābhāve lakkhaṇaṃ dassento āha ‘‘na hi so eva tassa sabhāgo visabhāgo cā’’ti. Ekadesā viya cakkhāyatanādayo samudāyassa rūpakkhandhādikassa. Rūpakkhandho cakkhāyatanādīnaṃ na saṅgāhako asaṅgāhako ca sabhāgavisabhāgabhāvābhāvato. Esa nayo sesesupi. Samudāyantogadhānantiādinā vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Tattha yenāti vibhāgena. Teti ekadesā. Tesanti ekadesānaṃ. Ettha tadantogadhatāya vibhāgābhāvo, vibhāgābhāvena sabhāgavisabhāgatābhāvo, tena saṅgāhakāsaṅgāhakatābhāvo dassitoti veditabbo.
ยถา สเพฺพน สพฺพํ สภาควิสภาคาภาเวน เอกเทสานํ สมุทาโย สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ น โหติ, เอวํ เอกเทสสภาควิสภาคานนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถาติอาทิ อุทาหรณทสฺสเนน ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปากฎกรณํฯ ขนฺธสงฺคเหน สงฺคาหกํ อสงฺคาหกญฺจาติ โยชนาฯ ตถา เสเสสุปิฯ น หิ เอกเทส…เป.… วิสภาคํ เยน สมุทาโย สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จ สงฺคาหกตฺตํ ตาว มา โหตุ, อสงฺคาหกตฺตํ ปน กสฺมา ปฎิกฺขิปียตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปรามสติฯ อตฺตโต อญฺญสฺส, อตฺตนิ อโนฺตคธโต อญฺญสฺส, อเตฺตกเทสสภาคโต อญฺญสฺส สติปิ อสงฺคาหกเตฺตติ โยชนาฯ ตํ ปเนตํ ‘‘รูปกฺขโนฺธ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิโต อสงฺคหิโต จ น โหตี’’ติอาทินา วุเตฺต ตโย ปกาเร สนฺธาย วุตฺตํฯ สงฺคาหกตฺตเมว เอเตสํ นตฺถีติ เอเตสํ อตฺตา, อตฺตนิ อโนฺตคโธ, อเตฺตกเทสสภาโค จาติ วุตฺตานํ สงฺคาหกภาโว เอว นตฺถิ สภาคาภาวโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น หิ โส เอว ตสฺส สภาโค’’ติอาทิฯ เยนาติ สงฺคาหกเตฺตนฯ เอวรูปานนฺติ ยถาวุตฺตานํ ติปฺปการานํ อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ สติปิ วิสภาคภาเวติ อธิปฺปาโยฯ
Yathā sabbena sabbaṃ sabhāgavisabhāgābhāvena ekadesānaṃ samudāyo saṅgāhako asaṅgāhako ca na hoti, evaṃ ekadesasabhāgavisabhāgānanti dassento ‘‘tathā’’tiādimāha. Tattha yathātiādi udāharaṇadassanena yathāvuttassa atthassa pākaṭakaraṇaṃ. Khandhasaṅgahena saṅgāhakaṃ asaṅgāhakañcāti yojanā. Tathā sesesupi. Na hi ekadesa…pe… visabhāgaṃ yena samudāyo saṅgāhako asaṅgāhako ca siyāti adhippāyo. Ettha ca saṅgāhakattaṃ tāva mā hotu, asaṅgāhakattaṃ pana kasmā paṭikkhipīyatīti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘tasmā’’tiādi. Tattha tasmāti vuttamevatthaṃ hetubhāvena parāmasati. Attato aññassa, attani antogadhato aññassa, attekadesasabhāgato aññassa satipi asaṅgāhakatteti yojanā. Taṃ panetaṃ ‘‘rūpakkhandho rūpakkhandhena saṅgahito asaṅgahito ca na hotī’’tiādinā vutte tayo pakāre sandhāya vuttaṃ. Saṅgāhakattameva etesaṃ natthīti etesaṃ attā, attani antogadho, attekadesasabhāgo cāti vuttānaṃ saṅgāhakabhāvo eva natthi sabhāgābhāvato. Tena vuttaṃ ‘‘na hi so eva tassa sabhāgo’’tiādi. Yenāti saṅgāhakattena. Evarūpānanti yathāvuttānaṃ tippakārānaṃ aggahaṇaṃ veditabbaṃ satipi visabhāgabhāveti adhippāyo.
เตนาติ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติอาทินา วจเนนฯ เอกเทสสฺส เวทนากฺขนฺธาทิกสฺส สมุทายสฺส ธมฺมายตนสฺส สงฺคาหกตฺตํ เอกเทเสน สมุทายสฺส สงฺคหิตภาวนฺติ อโตฺถ, สมุทายสฺส รูปกฺขนฺธสฺส เอกเทสสฺส จกฺขายตนสฺส โสตายตนสฺส จ สงฺคาหกตฺตํ สมุทาเยน เอกเทสสฺส สงฺคหิตภาวนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ยทิ เอวํ น ทเสฺสติ, อถ กิํ ทเสฺสตีติ อาห ‘‘จตุกฺขนฺธคณนเภเทหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ จตุกฺขนฺธคณนเภเทหีติ รูปาทิจตุกฺขนฺธคณนวิภาเคหิ ฯ ปญฺจธาติ รูปาทิจตุกฺขนฺธสงฺคโห วิญฺญาณกฺขนฺธสงฺคโหติ เอวํ ปญฺจปฺปกาเรน ภินฺนตํฯ เตนาห ‘‘คเณตพฺพาคเณตพฺพภาเวนา’’ติฯ ‘‘เอเกน ขเนฺธนา’’ติอาทีสุ กรณเตฺถ กรณวจนํ, น กตฺตุอเตฺถติ กตฺวา อาห ‘‘สงฺคาหกาสงฺคาหกนิรเปกฺขาน’’นฺติฯ เตเนวาห ‘‘กมฺมกรณมตฺตสพฺภาวา’’ติฯ ทุติยาทโย ปน นยาฯ อคณนาทิทสฺสนานีติ อคณนคณนทสฺสนานิฯ นนุ จ ทุติยาทีสุ คณนาทีนิปิ วิชฺชนฺตีติ? สจฺจํ วิชฺชนฺติ, ตานิ ปน วิเสสนภูตานิ อปฺปธานานีติ วิเสสิตพฺพภูตานํ ปธานานํ วเสเนวํ วุตฺตํฯ ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติอาทินา กตฺตุอาทโย นิทฺทิฎฺฐาติ อาห ‘‘กตฺตุกรณกมฺมตฺตยสพฺภาวา’’ติฯ
Tenāti ‘‘dhammāyatana’’ntiādinā vacanena. Ekadesassa vedanākkhandhādikassa samudāyassa dhammāyatanassa saṅgāhakattaṃ ekadesena samudāyassa saṅgahitabhāvanti attho, samudāyassa rūpakkhandhassa ekadesassa cakkhāyatanassa sotāyatanassa ca saṅgāhakattaṃ samudāyena ekadesassa saṅgahitabhāvanti vuttaṃ hoti. Yadi evaṃ na dasseti, atha kiṃ dassetīti āha ‘‘catukkhandhagaṇanabhedehī’’tiādi. Tattha catukkhandhagaṇanabhedehīti rūpādicatukkhandhagaṇanavibhāgehi . Pañcadhāti rūpādicatukkhandhasaṅgaho viññāṇakkhandhasaṅgahoti evaṃ pañcappakārena bhinnataṃ. Tenāha ‘‘gaṇetabbāgaṇetabbabhāvenā’’ti. ‘‘Ekena khandhenā’’tiādīsu karaṇatthe karaṇavacanaṃ, na kattuattheti katvā āha ‘‘saṅgāhakāsaṅgāhakanirapekkhāna’’nti. Tenevāha ‘‘kammakaraṇamattasabbhāvā’’ti. Dutiyādayo pana nayā. Agaṇanādidassanānīti agaṇanagaṇanadassanāni. Nanu ca dutiyādīsu gaṇanādīnipi vijjantīti? Saccaṃ vijjanti, tāni pana visesanabhūtāni appadhānānīti visesitabbabhūtānaṃ padhānānaṃ vasenevaṃ vuttaṃ. ‘‘Cakkhāyatanena ye dhammā khandhasaṅgahena saṅgahitā’’tiādinā kattuādayo niddiṭṭhāti āha ‘‘kattukaraṇakammattayasabbhāvā’’ti.
ตถา ตถาติ เตน เตน รูปกฺขนฺธาทิปฺปกาเรนฯ ตํตํขนฺธาทิภาวาภาโว สภาควิสภาคตาติ รูปธมฺมาทีนํ รูปกฺขนฺธาทิภาโว สภาคตา, เวทนากฺขนฺธาทิอภาโว วิสภาคตาติ อโตฺถฯ ยถานิทฺธาริตธมฺมทสฺสเนติ ‘‘เย ธมฺมา, เต ธมฺมา’’ติ นิทฺธาริตปฺปการธมฺมนิรูปเนฯ สงฺคาหกสงฺคเหตพฺพานนฺติ จกฺขายตนาทิกสฺส สงฺคาหกสฺส โสตายตนาทิกสฺส จ สงฺคเหตพฺพสฺสฯ สมานกฺขนฺธาทิภาโวติ เอกกฺขนฺธาทิภาโว, รูปกฺขนฺธาทิภาโวติ อโตฺถฯ ตทภาโวติ ตสฺส สมานกฺขนฺธาทิภาวสฺส อภาโว อญฺญกฺขนฺธาทิภาโวฯ อยนฺติ ยฺวายํ ปฐมนเย ตถา ตถา คเณตพฺพาคเณตพฺพตาสงฺขาโต ทุติยาทินเยสุ ยถาวุตฺตานํ สมานกฺขนฺธาทิภาวาภาวสงฺขาโต ตํตํขนฺธาทิภาวาภาโว วุโตฺต, อยเมเตสํ ทฺวิปฺปการานํ นยานํ สภาควิสภาคตาสุ วิเสโสฯ
Tathā tathāti tena tena rūpakkhandhādippakārena. Taṃtaṃkhandhādibhāvābhāvo sabhāgavisabhāgatāti rūpadhammādīnaṃ rūpakkhandhādibhāvo sabhāgatā, vedanākkhandhādiabhāvo visabhāgatāti attho. Yathāniddhāritadhammadassaneti ‘‘ye dhammā, te dhammā’’ti niddhāritappakāradhammanirūpane. Saṅgāhakasaṅgahetabbānanti cakkhāyatanādikassa saṅgāhakassa sotāyatanādikassa ca saṅgahetabbassa. Samānakkhandhādibhāvoti ekakkhandhādibhāvo, rūpakkhandhādibhāvoti attho. Tadabhāvoti tassa samānakkhandhādibhāvassa abhāvo aññakkhandhādibhāvo. Ayanti yvāyaṃ paṭhamanaye tathā tathā gaṇetabbāgaṇetabbatāsaṅkhāto dutiyādinayesu yathāvuttānaṃ samānakkhandhādibhāvābhāvasaṅkhāto taṃtaṃkhandhādibhāvābhāvo vutto, ayametesaṃ dvippakārānaṃ nayānaṃ sabhāgavisabhāgatāsu viseso.
สมุทยสจฺจสุขินฺทฺริยาทีติ อาทิ-สเทฺทน มคฺคสจฺจทุกฺขินฺทฺริยาทิ สงฺคยฺหติฯ อสงฺคาหกตฺตาภาวโตติ สงฺคหิตตาวิสิฎฺฐสฺส อสงฺคาหกตฺตสฺส อภาวโต ฯ น หิ สกฺกา ‘‘สมุทยสเจฺจน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา, อายตนธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติอาทิ วตฺตุํฯ ทุกฺขสจฺจสทิสานิ อพฺยากตปทาทีนิฯ อิตเรหีติ อายตนธาตุสงฺคเหหิ สงฺคาหกตฺตาสงฺคาหกตฺตาภาวโต น อุทฺธฎานีติ โยชนาฯ เอวนฺติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํฯ น รูปกฺขโนฺธติ น สโพฺพ รูปกฺขนฺธธโมฺมติ อโตฺถฯ
Samudayasaccasukhindriyādīti ādi-saddena maggasaccadukkhindriyādi saṅgayhati. Asaṅgāhakattābhāvatoti saṅgahitatāvisiṭṭhassa asaṅgāhakattassa abhāvato . Na hi sakkā ‘‘samudayasaccena ye dhammā khandhasaṅgahena saṅgahitā, āyatanadhātusaṅgahena asaṅgahitā’’tiādi vattuṃ. Dukkhasaccasadisāni abyākatapadādīni. Itarehīti āyatanadhātusaṅgahehi saṅgāhakattāsaṅgāhakattābhāvato na uddhaṭānīti yojanā. Evantiādi yathāvuttassa atthassa nigamanavasena vuttaṃ. Na rūpakkhandhoti na sabbo rūpakkhandhadhammoti attho.
‘‘ขนฺธปเทนา’’ติ อิทํ กรณเตฺถ กรณวจนํ, น กตฺตุอเตฺถติ อาห ‘‘ขนฺธปทสงฺคเหนาติ อโตฺถ’’ติฯ เตเนวสฺส กตฺตุอตฺถตํ ปฎิเสเธตุํ ‘‘น สงฺคาหเกนา’’ติ วุตฺตํฯ กรณํ ปน กตฺตุรหิตํ นตฺถีติ อาห ‘‘เกนจิ สงฺคาหเกนาติ อิทํ ปน อาเนตฺวา วตฺตพฺพ’’นฺติฯ สงฺคาหเกสุ น ยุชฺชติ น สงฺคเหตเพฺพสูติ อธิปฺปาโยฯ รูปกฺขนฺธธมฺมา หิ ‘‘เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติ วุตฺตาติฯ สมุทาเย วุตฺตวิธิ ตทวยเวปิ สมฺภวตีติ โจทนํ สมุฎฺฐาเปโนฺต ‘‘เอเตน นเยนา’’ติอาทิมาหฯ ปฎิโยคีนิวตฺตนํ เอว-สเทฺทน กรียตีติ อาห ‘‘น หิ อญฺญมตฺตนิวารณํ เอว-สทฺทสฺส อโตฺถ’’ติฯ เตนาห ‘‘สงฺคาหกโต อญฺญนิวารณํ เอว-สทฺทสฺส อโตฺถ’’ติฯ โส จ…เป.… เปกฺขนฺติ อิมินา ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ สงฺคาหกาเปกฺขเตฺต หิ ‘‘โส จา’’ติอาทิวจนสฺส ‘‘จกฺขายตเนน รูปกฺขโนฺธว สงฺคหิโต’’ติ เอตฺถ จกฺขายตนํ สงฺคาหกนฺติ ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส อสมฺภโว เอวาติ อิทานิ ตํ อสมฺภวํ วิภาเวโนฺต ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
‘‘Khandhapadenā’’ti idaṃ karaṇatthe karaṇavacanaṃ, na kattuattheti āha ‘‘khandhapadasaṅgahenāti attho’’ti. Tenevassa kattuatthataṃ paṭisedhetuṃ ‘‘na saṅgāhakenā’’ti vuttaṃ. Karaṇaṃ pana katturahitaṃ natthīti āha ‘‘kenaci saṅgāhakenāti idaṃ pana ānetvā vattabba’’nti. Saṅgāhakesu na yujjati na saṅgahetabbesūti adhippāyo. Rūpakkhandhadhammā hi ‘‘ye dhammā khandhasaṅgahena saṅgahitā’’ti vuttāti. Samudāye vuttavidhi tadavayavepi sambhavatīti codanaṃ samuṭṭhāpento ‘‘etena nayenā’’tiādimāha. Paṭiyogīnivattanaṃ eva-saddena karīyatīti āha ‘‘na hi aññamattanivāraṇaṃ eva-saddassa attho’’ti. Tenāha ‘‘saṅgāhakato aññanivāraṇaṃ eva-saddassa attho’’ti. So ca…pe… pekkhanti iminā tamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Saṅgāhakāpekkhatte hi ‘‘so cā’’tiādivacanassa ‘‘cakkhāyatanena rūpakkhandhova saṅgahito’’ti ettha cakkhāyatanaṃ saṅgāhakanti yathādhippetassa atthassa asambhavo evāti idāni taṃ asambhavaṃ vibhāvento ‘‘katha’’ntiādimāha, taṃ suviññeyyameva.
เอตฺถาติ ‘‘อเฑฺฒกาทสหิ อายตนธาตูหี’’ติ เอตฺถฯ ‘‘รูปกฺขเนฺธนา’’ติ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ อายตนธาตุวิเสสนตฺถํฯ น โส เอว ตสฺส, สมุทาโย วา ตเทกเทสานํ สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ โหตีติ วุโตฺตวายมโตฺถติ อาห ‘‘รูปกฺขโนฺธ…เป.… น โหตี’’ติฯ อิมินา ปริยาเยนาติ ยสฺมา วุตฺตปฺปการํ สงฺคาหกตฺตํ นตฺถิ ‘‘เยน สงฺคหิตสฺส อสงฺคาหกํ สิยา’’ติ อิมินา ปริยาเยนฯ อสงฺคหิตตาย อภาโว วุโตฺต อฎฺฐกถายํ (ธาตุ. อฎฺฐ. ๑๗๑) ‘‘โส จ…เป.… นตฺถี’’ติฯ สงฺคหิตตายาติ นิปฺปริยาเยน สงฺคหิตภาเวน อสงฺคหิตตาย อภาโว วุโตฺตติ น ยุชฺชตีติ โยชนาฯ สา สงฺคหิตตาติ อตฺตนา อตฺตโน, อเตฺตกเทสานํ วา สงฺคหิตตาฯ เตนาติ รูปกฺขเนฺธนฯ เตสนฺติ รูปกฺขนฺธตเทกเทสานํฯ อตฺถิ จ วิปฺปยุตฺตตา เวทนากฺขนฺธาทีหิฯ จกฺขายตนาทีหิ วิยาติ วิสทิสุทาหรณํฯ เอเตหิ รูปเวทนากฺขนฺธาทีหิ อเญฺญหิ จ เอวรูเปหิฯ เอตานิ อญฺญานิ จาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Etthāti ‘‘aḍḍhekādasahi āyatanadhātūhī’’ti ettha. ‘‘Rūpakkhandhenā’’ti ānetvā vattabbaṃ āyatanadhātuvisesanatthaṃ. Na so eva tassa, samudāyo vā tadekadesānaṃ saṅgāhako asaṅgāhako ca hotīti vuttovāyamatthoti āha ‘‘rūpakkhandho…pe… na hotī’’ti. Iminā pariyāyenāti yasmā vuttappakāraṃ saṅgāhakattaṃ natthi ‘‘yena saṅgahitassa asaṅgāhakaṃ siyā’’ti iminā pariyāyena. Asaṅgahitatāya abhāvo vutto aṭṭhakathāyaṃ (dhātu. aṭṭha. 171) ‘‘so ca…pe… natthī’’ti. Saṅgahitatāyāti nippariyāyena saṅgahitabhāvena asaṅgahitatāya abhāvo vuttoti na yujjatīti yojanā. Sā saṅgahitatāti attanā attano, attekadesānaṃ vā saṅgahitatā. Tenāti rūpakkhandhena. Tesanti rūpakkhandhatadekadesānaṃ. Atthi ca vippayuttatā vedanākkhandhādīhi. Cakkhāyatanādīhi viyāti visadisudāharaṇaṃ. Etehi rūpavedanākkhandhādīhi aññehi ca evarūpehi. Etāni aññāni cāti etthāpi eseva nayo.
เตเนว ตสฺส สงฺคหิตตฺตาภาวทสฺสเนน เหฎฺฐา ทสฺสิเตนฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วาเรฯ อคฺคหเณติ อกถเน, อเทสนายนฺติ อโตฺถฯ สมุทยสจฺจาทีสูติ สมุทยสจฺจสุขินฺทฺริยาทีสุ ยุเชฺชยฺย ตํ การณํฯ กสฺมา? เตหิ สมุทยสจฺจาทีหิ ขนฺธาทิสงฺคเหน สงฺคหิเต ธมฺมชาเต สติ ตสฺส อายตนสงฺคหาทีหิ อสงฺคหิตตฺตสฺส อภาวโตฯ รูปกฺขนฺธาทีหีติ รูปกฺขนฺธเวทนากฺขนฺธาทีหิฯ สงฺคหิตเมว นตฺถิ, กสฺมา? ‘‘โส เอว ตสฺส สงฺคาหโก น โหตี’’ติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ยทิปิ รูปกฺขนฺธาทินา รูปกฺขนฺธาทิกสฺส อตฺตโน…เป.… นตฺถีติ สมฺพโนฺธฯ อญฺญสฺส ปน เวทนากฺขนฺธาทิกสฺส รูปกฺขนฺธาทินา สงฺคหิตตฺตาภาเวน อสงฺคหิตตฺตํ อตฺถีติ โยชนาฯ อุภยาภาโวติ สงฺคหิตตฺตาสงฺคหิตตฺตาภาโวฯ เอตฺถ เอตสฺมิํ วาเรฯ ธมฺมายตนชีวิตินฺทฺริยาทีนนฺติ ธมฺมายตนาทีนํ ขนฺธจตุกฺกสงฺคาหกเตฺต, ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ ขนฺธทุกสงฺคาหกเตฺตติ โยชนาฯ ปาฬิยํ อนาคตตฺตา ‘‘สตี’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ อาทิ-สเทฺทน ปฐเมน ธมฺมธาตุสฬายตนาทีนํ สุขินฺทฺริยาทีนญฺจ, ทุติเยน เอกกฺขนฺธสฺส สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สุขินฺทฺริยญฺหิ เวทนากฺขนฺธเสฺสว สงฺคาหกํฯ เตสนฺติ ขนฺธจตุกฺกขนฺธทุกาทีนํ อสงฺคหิตตา น นตฺถิ อเตฺถวาติ ตสฺสา อภาโว อเนกนฺติโกฯ ปุเพฺพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘รูปกฺขนฺธาทีหิ ปนา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ
Teneva tassa saṅgahitattābhāvadassanena heṭṭhā dassitena. Etthāti etasmiṃ vāre. Aggahaṇeti akathane, adesanāyanti attho. Samudayasaccādīsūti samudayasaccasukhindriyādīsu yujjeyya taṃ kāraṇaṃ. Kasmā? Tehi samudayasaccādīhi khandhādisaṅgahena saṅgahite dhammajāte sati tassa āyatanasaṅgahādīhi asaṅgahitattassa abhāvato. Rūpakkhandhādīhīti rūpakkhandhavedanākkhandhādīhi. Saṅgahitameva natthi, kasmā? ‘‘So eva tassa saṅgāhako na hotī’’ti vuttovāyamattho. Yadipi rūpakkhandhādinā rūpakkhandhādikassa attano…pe… natthīti sambandho. Aññassa pana vedanākkhandhādikassa rūpakkhandhādinā saṅgahitattābhāvena asaṅgahitattaṃ atthīti yojanā. Ubhayābhāvoti saṅgahitattāsaṅgahitattābhāvo. Ettha etasmiṃ vāre. Dhammāyatanajīvitindriyādīnanti dhammāyatanādīnaṃ khandhacatukkasaṅgāhakatte, jīvitindriyādīnaṃ khandhadukasaṅgāhakatteti yojanā. Pāḷiyaṃ anāgatattā ‘‘satī’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Ādi-saddena paṭhamena dhammadhātusaḷāyatanādīnaṃ sukhindriyādīnañca, dutiyena ekakkhandhassa saṅgaho daṭṭhabbo. Sukhindriyañhi vedanākkhandhasseva saṅgāhakaṃ. Tesanti khandhacatukkakhandhadukādīnaṃ asaṅgahitatā na natthi atthevāti tassā abhāvo anekantiko. Pubbe vuttanayenāti ‘‘rūpakkhandhādīhi panā’’tiādinā vuttanayena.
ตเตฺถวาติ ตสฺมิํเยว ปุเพฺพ วุเตฺต สนิทสฺสนสปฺปฎิฆปเทฯ นิวเตฺตตฺวา คณฺหโนฺตติ ปุเพฺพ วุตฺตํ ปฎินิวเตฺตตฺวา คณฺหโนฺต ปจฺจามสโนฺตฯ ตทวตฺตพฺพตาติ เตสํ สงฺคาหกาสงฺคาหกสงฺคหิตตฺตาสงฺคหิตตฺตานํ อวตฺตพฺพตาฯ อสงฺคาหกตฺตาภาวโต เอว…เป.… น สงฺคาหกตฺตาภาวโตติ ยสฺมา เนสํ อสงฺคาหกตฺตํ วิย สงฺคาหกตฺตมฺปิ นตฺถิ, ตโต เอว สงฺคหิตตฺตาสงฺคหิตตฺตมฺปีติ ทเสฺสติฯ
Tatthevāti tasmiṃyeva pubbe vutte sanidassanasappaṭighapade. Nivattetvā gaṇhantoti pubbe vuttaṃ paṭinivattetvā gaṇhanto paccāmasanto. Tadavattabbatāti tesaṃ saṅgāhakāsaṅgāhakasaṅgahitattāsaṅgahitattānaṃ avattabbatā. Asaṅgāhakattābhāvato eva…pe… na saṅgāhakattābhāvatoti yasmā nesaṃ asaṅgāhakattaṃ viya saṅgāhakattampi natthi, tato eva saṅgahitattāsaṅgahitattampīti dasseti.
ทุติยนยสงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyanayasaṅgahitenaasaṅgahitapadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๒. สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทนิเทฺทโส • 2. Saṅgahitenaasaṅgahitapadaniddeso
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยนโย สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา • 2. Dutiyanayo saṅgahitenaasaṅgahitapadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๒. ทุติยนโย สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา • 2. Dutiyanayo saṅgahitenaasaṅgahitapadavaṇṇanā