Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๓๐] ๑๐. ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา
[230] 10. Dutiyapalāyitajātakavaṇṇanā
ธชมปริมิตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ปลายิตปริพฺพาชกเมว อารพฺภ กเถสิฯ อิมสฺมิํ ปน วตฺถุสฺมิํ โส ปริพฺพาชโก เชตวนํ ปาวิสิฯ ตสฺมิํ ขเณ สตฺถา มหาชนปริวุโต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสิโนฺน มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทโนฺต สีหโปตโก วิย ธมฺมํ เทเสติฯ ปริพฺพาชโก ทสพลสฺส พฺรหฺมสรีรปฎิภาคํ รูปํ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ สุวณฺณปฎฺฎสทิสํ นลาฎญฺจ ทิสฺวา ‘‘โก เอวรูปํ ปุริสุตฺตมํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ นิวตฺติตฺวา ปริสนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปลายิฯ มหาชโน ตํ อนุพนฺธิตฺวา นิวตฺติตฺวา สตฺถุสฺส ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘น โส ปริพฺพาชโก อิทาเนว, ปุเพฺพปิ มม สุวณฺณวณฺณํ มุขํ ทิสฺวา ปลาโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Dhajamaparimitanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ palāyitaparibbājakameva ārabbha kathesi. Imasmiṃ pana vatthusmiṃ so paribbājako jetavanaṃ pāvisi. Tasmiṃ khaṇe satthā mahājanaparivuto alaṅkatadhammāsane nisinno manosilātale sīhanādaṃ nadanto sīhapotako viya dhammaṃ deseti. Paribbājako dasabalassa brahmasarīrapaṭibhāgaṃ rūpaṃ puṇṇacandasassirikaṃ mukhaṃ suvaṇṇapaṭṭasadisaṃ nalāṭañca disvā ‘‘ko evarūpaṃ purisuttamaṃ jinituṃ sakkhissatī’’ti nivattitvā parisantaraṃ pavisitvā palāyi. Mahājano taṃ anubandhitvā nivattitvā satthussa taṃ pavattiṃ ārocesi. Satthā ‘‘na so paribbājako idāneva, pubbepi mama suvaṇṇavaṇṇaṃ mukhaṃ disvā palātoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต โพธิสโตฺต พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรสิ, ตกฺกสิลายํ เอโก คนฺธารราชาฯ โส ‘‘พาราณสิํ คเหสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา นครทฺวาเร ฐิโต อตฺตโน พลวาหนํ โอโลเกตฺวา ‘‘โก เอตฺตกํ พลวาหนํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อตฺตโน เสนํ สํวเณฺณตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bodhisatto bārāṇasiyaṃ rajjaṃ kāresi, takkasilāyaṃ eko gandhārarājā. So ‘‘bārāṇasiṃ gahessāmī’’ti caturaṅginiyā senāya āgantvā nagaraṃ parivāretvā nagaradvāre ṭhito attano balavāhanaṃ oloketvā ‘‘ko ettakaṃ balavāhanaṃ jinituṃ sakkhissatī’’ti attano senaṃ saṃvaṇṇetvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๕๙.
159.
‘‘ธชมปริมิตํ อนนฺตปารํ, ทุปฺปสหํ ธเงฺกหิ สาครํว;
‘‘Dhajamaparimitaṃ anantapāraṃ, duppasahaṃ dhaṅkehi sāgaraṃva;
คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสโยฺห, ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนา’’ติฯ
Girimiva anilena duppasayho, duppasaho ahamajja tādisenā’’ti.
ตตฺถ ธชมปริมิตนฺติ อิทํ ตาว เม รเถสุ โมรฉเท ฐเปตฺวา อุสฺสาปิตธชเมว อปริมิตํ พหุํ อเนกสตสงฺขฺยํฯ อนนฺตปารนฺติ พลวาหนมฺปิ เม ‘‘เอตฺตกา หตฺถี เอตฺตกา อสฺสา เอตฺตกา รถา เอตฺตกา ปตฺตี’’ติ คณนปริเจฺฉทรหิตํ อนนฺตปารํฯ ทุปฺปสหนฺติ น สกฺกา ปฎิสตฺตูหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ ฯ ยถา กิํ? ธเงฺกหิ สาครํว, ยถา สาคโร พหูหิ กาเกหิ เวควิกฺขมฺภนวเสน วา อติกฺกมนวเสน วา ทุปฺปสโห, เอวํ ทุปฺปสหํฯ คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสโยฺหติ อปิจ เม อยํ พลกาโย ยถา ปพฺพโต วาเตน อกมฺปนียโต ทุปฺปสโห, ตถา อเญฺญน พลกาเยน ทุปฺปสโหฯ ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนาติ สฺวาหํ อิมินา พเลน สมนฺนาคโต อชฺช ตาทิเสน ทุปฺปสโหติ อฎฺฎาลเก ฐิตํ โพธิสตฺตํ สนฺธาย วทติฯ
Tattha dhajamaparimitanti idaṃ tāva me rathesu morachade ṭhapetvā ussāpitadhajameva aparimitaṃ bahuṃ anekasatasaṅkhyaṃ. Anantapāranti balavāhanampi me ‘‘ettakā hatthī ettakā assā ettakā rathā ettakā pattī’’ti gaṇanaparicchedarahitaṃ anantapāraṃ. Duppasahanti na sakkā paṭisattūhi sahituṃ abhibhavituṃ . Yathā kiṃ? Dhaṅkehi sāgaraṃva, yathā sāgaro bahūhi kākehi vegavikkhambhanavasena vā atikkamanavasena vā duppasaho, evaṃ duppasahaṃ. Girimiva anilena duppasayhoti apica me ayaṃ balakāyo yathā pabbato vātena akampanīyato duppasaho, tathā aññena balakāyena duppasaho. Duppasaho ahamajja tādisenāti svāhaṃ iminā balena samannāgato ajja tādisena duppasahoti aṭṭālake ṭhitaṃ bodhisattaṃ sandhāya vadati.
อถสฺส โส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ อตฺตโน มุขํ ทเสฺสตฺวา ‘‘พาล, มา วิปฺปลปสิ, อิทานิ เต พลวาหนํ มตฺตวารโณ วิย นฬวนํ วิทฺธํเสสฺสามี’’ติ สนฺตเชฺชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Athassa so puṇṇacandasassirikaṃ attano mukhaṃ dassetvā ‘‘bāla, mā vippalapasi, idāni te balavāhanaṃ mattavāraṇo viya naḷavanaṃ viddhaṃsessāmī’’ti santajjetvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๖๐.
160.
‘‘มา พาลิยํ วิลปิ น หิสฺส ตาทิสํ, วิฑยฺหเส น หิ ลภเส นิเสธกํ;
‘‘Mā bāliyaṃ vilapi na hissa tādisaṃ, viḍayhase na hi labhase nisedhakaṃ;
อาสชฺชสิ คชมิว เอกจารินํ, โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตี’’ติฯ
Āsajjasi gajamiva ekacārinaṃ, yo taṃ padā naḷamiva pothayissatī’’ti.
ตตฺถ มา พาลิยํ วิลปีติ มา อตฺตโน พาลภาวํ วิปฺปลปสิฯ น หิสฺส ตาทิสนฺติ น หิ อสฺส ตาทิโส, อยเมว วา ปาโฐฯ ตาทิโส ‘‘อนนฺตปารํ เม พลวาหน’’นฺติ เอวรูปํ ตเกฺกโนฺต รชฺชญฺจ คเหตุํ สมโตฺถ นาม น หิ อสฺส, น โหตีติ อโตฺถฯ วิฑยฺหเสติ ตฺวํ พาล, เกวลํ ราคโทสโมหมานปริฬาเหน วิฑยฺหสิเยวฯ น หิ ลภเส นิเสธกนฺติ มาทิสํ ปน ปสยฺห อภิภวิตฺวา นิเสธกํ น ตาว ลภสิ, อชฺช ตํ อาคตมเคฺคเนว ปลาเปสฺสามิฯ อาสชฺชสีติ อุปคจฺฉสิฯ คชมิว เอกจารินนฺติ เอกจารินํ มตฺตวรวารณํ วิยฯ โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตีติ โย ตํ ยถา นาม มตฺตวรวารโณ ปาทา นฬํ โปเถติ สํจุเณฺณติ, เอวํ โปถยิสฺสติ, ตํ ตฺวํ อาสชฺชสีติ อตฺตานํ สนฺธายาหฯ
Tattha mā bāliyaṃ vilapīti mā attano bālabhāvaṃ vippalapasi. Na hissa tādisanti na hi assa tādiso, ayameva vā pāṭho. Tādiso ‘‘anantapāraṃ me balavāhana’’nti evarūpaṃ takkento rajjañca gahetuṃ samattho nāma na hi assa, na hotīti attho. Viḍayhaseti tvaṃ bāla, kevalaṃ rāgadosamohamānapariḷāhena viḍayhasiyeva. Na hi labhase nisedhakanti mādisaṃ pana pasayha abhibhavitvā nisedhakaṃ na tāva labhasi, ajja taṃ āgatamaggeneva palāpessāmi. Āsajjasīti upagacchasi. Gajamiva ekacārinanti ekacārinaṃ mattavaravāraṇaṃ viya. Yo taṃ padā naḷamiva pothayissatīti yo taṃ yathā nāma mattavaravāraṇo pādā naḷaṃ potheti saṃcuṇṇeti, evaṃ pothayissati, taṃ tvaṃ āsajjasīti attānaṃ sandhāyāha.
เอวํ ตเชฺชนฺตสฺส ปนสฺส กถํ สุตฺวา คนฺธารราชา อุโลฺลเกโนฺต กญฺจนปฎฺฎสทิสํ มหานลาฎํ ทิสฺวา อตฺตโน คหณภีโต นิวตฺติตฺวา ปลายโนฺต สกนครเมว อคมาสิฯ
Evaṃ tajjentassa panassa kathaṃ sutvā gandhārarājā ullokento kañcanapaṭṭasadisaṃ mahānalāṭaṃ disvā attano gahaṇabhīto nivattitvā palāyanto sakanagarameva agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คนฺธารราชา ปลายิตปริพฺพาชโก อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā gandhārarājā palāyitaparibbājako ahosi, bārāṇasirājā pana ahameva ahosi’’nti.
ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Dutiyapalāyitajātakavaṇṇanā dasamā.
กาสาววโคฺค อฎฺฐโมฯ
Kāsāvavaggo aṭṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
กาสาวํ จูฬนนฺทิยํ, ปุฎภตฺตญฺจ กุมฺภิลํ;
Kāsāvaṃ cūḷanandiyaṃ, puṭabhattañca kumbhilaṃ;
ขนฺติวณฺณํ โกสิยญฺจ, คูถปาณํ กามนีตํ;
Khantivaṇṇaṃ kosiyañca, gūthapāṇaṃ kāmanītaṃ;
ปลายิตทฺวยมฺปิ จฯ
Palāyitadvayampi ca.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๓๐. ทุติยปลายิตชาตกํ • 230. Dutiyapalāyitajātakaṃ