Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา

    10. Dutiyapamādādivaggavaṇṇanā

    ๙๘. ทสเม อชฺฌตฺติกนฺติ นิยกชฺฌตฺตวเสน อชฺฌตฺติกํฯ องฺคนฺติ การณํฯ อิติ กริตฺวาติ เอวํ กตฺวาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน สมุฎฺฐิตํ การณนฺติ กตฺวา น อญฺญํ เอกํ การณมฺปิ สมนุปสฺสามีติฯ

    98. Dasame ajjhattikanti niyakajjhattavasena ajjhattikaṃ. Aṅganti kāraṇaṃ. Iti karitvāti evaṃ katvā. Idaṃ vuttaṃ hoti – bhikkhave, ajjhattaṃ paccattaṃ attano santāne samuṭṭhitaṃ kāraṇanti katvā na aññaṃ ekaṃ kāraṇampi samanupassāmīti.

    ๑๑๐-๑๑๔. พาหิรนฺติ อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิ ภวํฯ สทฺธมฺมสฺสาติ สุทฺธมฺมสฺส, สาสนสฺสาติ อโตฺถฯ สโมฺมสายาติ วินาสายฯ อนฺตรธานายาติ อปญฺญาณตฺถายฯ

    110-114.Bāhiranti ajjhattasantānato bahi bhavaṃ. Saddhammassāti suddhammassa, sāsanassāti attho. Sammosāyāti vināsāya. Antaradhānāyāti apaññāṇatthāya.

    ๑๑๕. ฐิติยาติ จิรฎฺฐิตตฺถํฯ อสโมฺมสาย อนนฺตรธานายาติ วุตฺตปฎิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เสสเมตฺถ จตุโกฺกฎิเก วุตฺตนยเมวฯ

    115.Ṭhitiyāti ciraṭṭhitatthaṃ. Asammosāya anantaradhānāyāti vuttapaṭipakkhanayeneva veditabbaṃ. Sesamettha catukkoṭike vuttanayameva.

    ๑๓๐. อิโต ปเรสุ อธมฺมํ ธโมฺมติ ทีเปนฺตีติอาทีสุ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธโมฺม, ทส อกุสลกมฺมปถา อธโมฺมฯ ตถา จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา ธโมฺม นาม; ตโย สติปฎฺฐานา ตโย สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฎฺฐ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มโคฺคติ จ จตฺตาโร อุปาทานา ปญฺจ นีวรณานิ สตฺต อนุสยา อฎฺฐ มิจฺฉตฺตานิ จ อยํ อธโมฺมฯ

    130. Ito paresu adhammaṃ dhammoti dīpentītiādīsu suttantapariyāyena tāva dasa kusalakammapathā dhammo, dasa akusalakammapathā adhammo. Tathā cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā dhammo nāma; tayo satipaṭṭhānā tayo sammappadhānā tayo iddhipādā cha indriyāni cha balāni aṭṭha bojjhaṅgā navaṅgiko maggoti ca cattāro upādānā pañca nīvaraṇāni satta anusayā aṭṭha micchattāni ca ayaṃ adhammo.

    ตตฺถ ยํกิญฺจิ เอกํ อธมฺมโกฎฺฐาสํ คเหตฺวา ‘‘อิมํ อธมฺมํ ธโมฺมติ กริสฺสาม, เอวํ อมฺหากํ อาจริยกุลํ นิยฺยานิกํ ภวิสฺสติ, มยํ จ โลเก ปากฎา ภวิสฺสามา’’ติ ตํ อธมฺมํ ‘‘ธโมฺม อย’’นฺติ กถยนฺตา อธมฺมํ ธโมฺมติ ทีเปนฺติ นามฯ ตเถว ธมฺมโกฎฺฐาเสสุ เอกํ คเหตฺวา ‘‘อยํ อธโมฺม’’ติ กเถนฺตา ธมฺมํ อธโมฺมติ ทีเปนฺติ นามฯ วินยปริยาเยน ปน ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ยถาปฎิญฺญาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ ธโมฺม นาม, อภูเตน วตฺถุนา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา อปฎิญฺญาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ อธโมฺม นามฯ

    Tattha yaṃkiñci ekaṃ adhammakoṭṭhāsaṃ gahetvā ‘‘imaṃ adhammaṃ dhammoti karissāma, evaṃ amhākaṃ ācariyakulaṃ niyyānikaṃ bhavissati, mayaṃ ca loke pākaṭā bhavissāmā’’ti taṃ adhammaṃ ‘‘dhammo aya’’nti kathayantā adhammaṃ dhammoti dīpenti nāma. Tatheva dhammakoṭṭhāsesu ekaṃ gahetvā ‘‘ayaṃ adhammo’’ti kathentā dhammaṃ adhammoti dīpenti nāma. Vinayapariyāyena pana bhūtena vatthunā codetvā sāretvā yathāpaṭiññāya kattabbaṃ kammaṃ dhammo nāma, abhūtena vatthunā acodetvā asāretvā apaṭiññāya kattabbaṃ kammaṃ adhammo nāma.

    สุตฺตนฺตปริยาเยน ราควินโย โทสวินโย โมหวินโย สํวโร ปหานํ ปฎิสงฺขาติ อยํ วินโย นาม, ราคาทีนํ อวินโย อสํวโร อปฺปหานํ อปฎิสงฺขาติ อยํ อวินโย นามฯ วินยปริยาเยน วตฺถุสมฺปตฺติ, ญตฺติสมฺปตฺติ, อนุสฺสาวนสมฺปตฺติ, สีมาสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺตีติ อยํ วินโย นามฯ วตฺถุวิปตฺติ, ญตฺติวิปตฺติ, อนุสฺสาวนวิปตฺติ, สีมาวิปตฺติ ปริสวิปตฺตีติ อยํ อวินโย นามฯ

    Suttantapariyāyena rāgavinayo dosavinayo mohavinayo saṃvaro pahānaṃ paṭisaṅkhāti ayaṃ vinayo nāma, rāgādīnaṃ avinayo asaṃvaro appahānaṃ apaṭisaṅkhāti ayaṃ avinayo nāma. Vinayapariyāyena vatthusampatti, ñattisampatti, anussāvanasampatti, sīmāsampatti, parisasampattīti ayaṃ vinayo nāma. Vatthuvipatti, ñattivipatti, anussāvanavipatti, sīmāvipatti parisavipattīti ayaṃ avinayo nāma.

    สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา…เป.… อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย สติปฎฺฐานา ตโย สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฎฺฐ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มโคฺคติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนฯ วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา เตรส สงฺฆาทิเสสา เทฺว อนิยตา ติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย ปาราชิกา จุทฺทส สงฺฆาทิเสสา ตโย อนิยตา เอกติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนฯ

    Suttantapariyāyena cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā…pe… ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti idaṃ bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatena; tayo satipaṭṭhānā tayo sammappadhānā tayo iddhipādā cha indriyāni cha balāni aṭṭha bojjhaṅgā navaṅgiko maggoti idaṃ abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatena. Vinayapariyāyena cattāro pārājikā terasa saṅghādisesā dve aniyatā tiṃsa nissaggiyā pācittiyāti idaṃ bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatena; tayo pārājikā cuddasa saṅghādisesā tayo aniyatā ekatiṃsa nissaggiyā pācittiyāti idaṃ abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatena.

    สุตฺตนฺตปริยาเยน เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ มหากรุณาสมาปตฺติสมาปชฺชนํ พุทฺธจกฺขุนา โลกโวโลกนํ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน สุตฺตนฺตเทสนา ชาตกกถาติ อิทํ อาจิณฺณํ, น เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ…เป.… น ชาตกกถาติ อิทํ อนาจิณฺณํฯ วินยปริยาเยน นิมนฺติตสฺส วสฺสาวาสํ วสิตฺวา อปโลเกตฺวา จาริกาปกฺกมนํ ปวาเรตฺวา จาริกาปกฺกมนํ, อาคนฺตุเกหิ สทฺธิํ ปฐมํ ปฎิสนฺถารกรณนฺติ อิทํ อาจิณฺณํ, ตเสฺสว อาจิณฺณสฺส อกรณํ อนาจิณฺณํ นามฯ

    Suttantapariyāyena devasikaṃ phalasamāpattisamāpajjanaṃ mahākaruṇāsamāpattisamāpajjanaṃ buddhacakkhunā lokavolokanaṃ aṭṭhuppattivasena suttantadesanā jātakakathāti idaṃ āciṇṇaṃ, na devasikaṃ phalasamāpattisamāpajjanaṃ…pe… na jātakakathāti idaṃ anāciṇṇaṃ. Vinayapariyāyena nimantitassa vassāvāsaṃ vasitvā apaloketvā cārikāpakkamanaṃ pavāretvā cārikāpakkamanaṃ, āgantukehi saddhiṃ paṭhamaṃ paṭisanthārakaraṇanti idaṃ āciṇṇaṃ, tasseva āciṇṇassa akaraṇaṃ anāciṇṇaṃ nāma.

    สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา…เป.… อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ อิทํ ปญฺญตฺตํ นาม; ตโย สติปฎฺฐานา…เป.… นวงฺคิโก มโคฺคติ อิทํ อปญฺญตฺตํ นามฯ วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา…เป.… ติํสนิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ปญฺญตฺตํ นาม; ตโย ปาราชิกา…เป.… เอกติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อปญฺญตฺตํ นามฯ

    Suttantapariyāyena cattāro satipaṭṭhānā…pe… aṭṭhaṅgiko maggoti idaṃ paññattaṃ nāma; tayo satipaṭṭhānā…pe… navaṅgiko maggoti idaṃ apaññattaṃ nāma. Vinayapariyāyena cattāro pārājikā…pe… tiṃsanissaggiyā pācittiyāti idaṃ paññattaṃ nāma; tayo pārājikā…pe… ekatiṃsa nissaggiyā pācittiyāti idaṃ apaññattaṃ nāma.

    ยํ ปเนตํ สพฺพสุตฺตานํ ปริโยสาเน เตจิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺตีติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปญฺจ อนฺตรธานานิ นาม อธิคมอนฺตรธานํ, ปฎิปตฺติอนฺตรธานํ, ปริยตฺติอนฺตรธานํ, ลิงฺคอนฺตรธานํ, ธาตุอนฺตรธานนฺติ ฯ ตตฺถ อธิคโมติ จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, ติโสฺส วิชฺชา, ฉ อภิญฺญาติฯ โส ปริหายมาโน ปฎิสมฺภิทาโต ปฎฺฐาย ปริหายติฯ พุทฺธานํ หิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฎิสมฺภิทา นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิญฺญา, ตโต ตาปิ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา ติโสฺส วิชฺชา นิพฺพเตฺตนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ตาปิ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติฯ เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน สกทาคามิโน โสตาปนฺนาติฯ เตสุ ธรเนฺตสุ อธิคโม อนนฺตรหิโต นาม น โหติฯ ปจฺฉิมกสฺส ปน โสตาปนฺนสฺส ชีวิตกฺขเยน อธิคโม อนฺตรหิโต นาม โหติฯ อิทํ อธิคมอนฺตรธานํ นามฯ

    Yaṃ panetaṃ sabbasuttānaṃ pariyosāne tecimaṃ saddhammaṃ antaradhāpentīti vuttaṃ, tattha pañca antaradhānāni nāma adhigamaantaradhānaṃ, paṭipattiantaradhānaṃ, pariyattiantaradhānaṃ, liṅgaantaradhānaṃ, dhātuantaradhānanti . Tattha adhigamoti cattāro maggā, cattāri phalāni, catasso paṭisambhidā, tisso vijjā, cha abhiññāti. So parihāyamāno paṭisambhidāto paṭṭhāya parihāyati. Buddhānaṃ hi parinibbānato vassasahassameva paṭisambhidā nibbattetuṃ sakkonti, tato paraṃ cha abhiññā, tato tāpi nibbattetuṃ asakkontā tisso vijjā nibbattenti. Gacchante gacchante kāle tāpi nibbattetuṃ asakkontā sukkhavipassakā honti. Eteneva upāyena anāgāmino sakadāgāmino sotāpannāti. Tesu dharantesu adhigamo anantarahito nāma na hoti. Pacchimakassa pana sotāpannassa jīvitakkhayena adhigamo antarahito nāma hoti. Idaṃ adhigamaantaradhānaṃ nāma.

    ปฎิปตฺติอนฺตรธานํ นาม ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตํ รกฺขนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ‘‘สีลํ ปริปุณฺณํ กตฺวา รกฺขาม, ปธานญฺจ อนุยุญฺชาม, น จ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สโกฺกม, นตฺถิ อิทานิ อริยธมฺมปฎิเวโธ’’ติ โวสานํ อาปชฺชิตฺวา โกสชฺชพหุลา อญฺญมญฺญํ น โจเทนฺติ น สาเรนฺติ อกุกฺกุจฺจกา โหนฺติ, ตโต ปฎฺฐาย ขุทฺทานุขุทฺทกานิ มทฺทนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยานิ อาปชฺชนฺติ, ตโต ครุกาปตฺติํฯ ปาราชิกมตฺตเมว ติฎฺฐติฯ จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขนฺตานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหเสฺสปิ ธรมาเน ปฎิปตฺติ อนนฺตรหิตา นาม น โหติฯ ปจฺฉิมกสฺส ปน ภิกฺขุโน สีลเภเทน วา ชีวิตกฺขเยน วา อนฺตรหิตา โหตีติ อิทํ ปฎิปตฺติอนฺตรธานํ นามฯ

    Paṭipattiantaradhānaṃ nāma jhānavipassanāmaggaphalāni nibbattetuṃ asakkontā catupārisuddhisīlamattaṃ rakkhanti. Gacchante gacchante kāle ‘‘sīlaṃ paripuṇṇaṃ katvā rakkhāma, padhānañca anuyuñjāma, na ca maggaṃ vā phalaṃ vā sacchikātuṃ sakkoma, natthi idāni ariyadhammapaṭivedho’’ti vosānaṃ āpajjitvā kosajjabahulā aññamaññaṃ na codenti na sārenti akukkuccakā honti, tato paṭṭhāya khuddānukhuddakāni maddanti. Gacchante gacchante kāle pācittiyathullaccayāni āpajjanti, tato garukāpattiṃ. Pārājikamattameva tiṭṭhati. Cattāri pārājikāni rakkhantānaṃ bhikkhūnaṃ satepi sahassepi dharamāne paṭipatti anantarahitā nāma na hoti. Pacchimakassa pana bhikkhuno sīlabhedena vā jīvitakkhayena vā antarahitā hotīti idaṃ paṭipattiantaradhānaṃ nāma.

    ปริยตฺตีติ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สาฎฺฐกถา ปาฬิฯ ยาว สา ติฎฺฐติ, ตาว ปริยตฺติ ปริปุณฺณา นาม โหติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ราชยุวราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชามจฺจาทโย อธมฺมิกา โหนฺติ, ตโต รฎฺฐชนปทวาสิโนติฯ เอเตสํ อธมฺมิกตาย เทโว น สมฺมา วสฺสติ, ตโต สสฺสานิ น สมฺปชฺชนฺติฯ เตสุ อสมฺปชฺชเนฺตสุ ปจฺจยทายกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจเย ทาตุํ น สโกฺกนฺติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา อเนฺตวาสิเก สงฺคเหตุํ น สโกฺกนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ปริยตฺติ ปริหายติ, อตฺถวเสน ธาเรตุํ น สโกฺกนฺติ, ปาฬิวเสเนว ธาเรนฺติฯ ตโต คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ปาฬิมฺปิ สกลํ ธาเรตุํ น สโกฺกนฺติ, ปฐมํ อภิธมฺมปิฎกํ ปริหายติฯ ปริหายมานํ มตฺถกโต ปฎฺฐาย ปริหายติ ฯ ปฐมเมว หิ ปฎฺฐานมหาปกรณํ ปริหายติ, ตสฺมิํ ปริหีเน ยมกํ, กถาวตฺถุ, ปุคฺคลปญฺญตฺติ, ธาตุกถา, วิภโงฺค, ธมฺมสงฺคโหติฯ

    Pariyattīti tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ sāṭṭhakathā pāḷi. Yāva sā tiṭṭhati, tāva pariyatti paripuṇṇā nāma hoti. Gacchante gacchante kāle rājayuvarājāno adhammikā honti, tesu adhammikesu rājāmaccādayo adhammikā honti, tato raṭṭhajanapadavāsinoti. Etesaṃ adhammikatāya devo na sammā vassati, tato sassāni na sampajjanti. Tesu asampajjantesu paccayadāyakā bhikkhusaṅghassa paccaye dātuṃ na sakkonti, bhikkhū paccayehi kilamantā antevāsike saṅgahetuṃ na sakkonti. Gacchante gacchante kāle pariyatti parihāyati, atthavasena dhāretuṃ na sakkonti, pāḷivaseneva dhārenti. Tato gacchante gacchante kāle pāḷimpi sakalaṃ dhāretuṃ na sakkonti, paṭhamaṃ abhidhammapiṭakaṃ parihāyati. Parihāyamānaṃ matthakato paṭṭhāya parihāyati . Paṭhamameva hi paṭṭhānamahāpakaraṇaṃ parihāyati, tasmiṃ parihīne yamakaṃ, kathāvatthu, puggalapaññatti, dhātukathā, vibhaṅgo, dhammasaṅgahoti.

    เอวํ อภิธมฺมปิฎเก ปริหีเน มตฺถกโต ปฎฺฐาย สุตฺตนฺตปิฎกํ ปริหายติฯ ปฐมญฺหิ องฺคุตฺตรนิกาโย ปริหายติ, ตสฺมิมฺปิ ปฐมํ เอกาทสกนิปาโต, ตโต ทสกนิปาโต…เป.… ตโต เอกกนิปาโตติฯ เอวํ องฺคุตฺตเร ปริหีเน มตฺถกโต ปฎฺฐาย สํยุตฺตนิกาโย ปริหายติฯ ปฐมํ หิ มหาวโคฺค ปริหายติ, ตโต สฬายตนวโคฺค, ขนฺธวโคฺค, นิทานวโคฺค, สคาถาวโคฺคติฯ เอวํ สํยุตฺตนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฎฺฐาย มชฺฌิมนิกาโย ปริหายติฯ ปฐมํ หิ อุปริปณฺณาสโก ปริหายติ, ตโต มชฺฌิมปณฺณาสโก, ตโต มูลปณฺณาสโกติฯ เอวํ มชฺฌิมนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฎฺฐาย ทีฆนิกาโย ปริหายติฯ ปฐมญฺหิ ปาถิกวโคฺค ปริหายติ, ตโต มหาวโคฺค, ตโต สีลกฺขนฺธวโคฺคติฯ เอวํ ทีฆนิกาเย ปริหีเน สุตฺตนฺตปิฎกํ ปริหีนํ นาม โหติฯ วินยปิฎเกน สทฺธิํ ชาตกเมว ธาเรนฺติฯ วินยปิฎกํ ลชฺชิโนว ธาเรนฺติ, ลาภกามา ปน ‘‘สุตฺตเนฺต กถิเตปิ สลฺลเกฺขนฺตา นตฺถี’’ติ ชาตกเมว ธาเรนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ชาตกมฺปิ ธาเรตุํ น สโกฺกนฺติฯ อถ เตสํ ปฐมํ เวสฺสนฺตรชาตกํ ปริหายติ, ตโต ปฎิโลมกฺกเมน ปุณฺณกชาตกํ, มหานารทชาตกนฺติ ปริโยสาเน อปณฺณกชาตกํ ปริหายติฯ เอวํ ชาตเก ปริหีเน วินยปิฎกเมว ธาเรนฺติฯ

    Evaṃ abhidhammapiṭake parihīne matthakato paṭṭhāya suttantapiṭakaṃ parihāyati. Paṭhamañhi aṅguttaranikāyo parihāyati, tasmimpi paṭhamaṃ ekādasakanipāto, tato dasakanipāto…pe… tato ekakanipātoti. Evaṃ aṅguttare parihīne matthakato paṭṭhāya saṃyuttanikāyo parihāyati. Paṭhamaṃ hi mahāvaggo parihāyati, tato saḷāyatanavaggo, khandhavaggo, nidānavaggo, sagāthāvaggoti. Evaṃ saṃyuttanikāye parihīne matthakato paṭṭhāya majjhimanikāyo parihāyati. Paṭhamaṃ hi uparipaṇṇāsako parihāyati, tato majjhimapaṇṇāsako, tato mūlapaṇṇāsakoti. Evaṃ majjhimanikāye parihīne matthakato paṭṭhāya dīghanikāyo parihāyati. Paṭhamañhi pāthikavaggo parihāyati, tato mahāvaggo, tato sīlakkhandhavaggoti. Evaṃ dīghanikāye parihīne suttantapiṭakaṃ parihīnaṃ nāma hoti. Vinayapiṭakena saddhiṃ jātakameva dhārenti. Vinayapiṭakaṃ lajjinova dhārenti, lābhakāmā pana ‘‘suttante kathitepi sallakkhentā natthī’’ti jātakameva dhārenti. Gacchante gacchante kāle jātakampi dhāretuṃ na sakkonti. Atha tesaṃ paṭhamaṃ vessantarajātakaṃ parihāyati, tato paṭilomakkamena puṇṇakajātakaṃ, mahānāradajātakanti pariyosāne apaṇṇakajātakaṃ parihāyati. Evaṃ jātake parihīne vinayapiṭakameva dhārenti.

    คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล วินยปิฎกมฺปิ มตฺถกโต ปฎฺฐาย ปริหายติฯ ปฐมญฺหิ ปริวาโร ปริหายติ, ตโต ขนฺธโก, ภิกฺขุนีวิภโงฺค, มหาวิภโงฺคติ อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตเมว ธาเรนฺติฯ ตทาปิ ปริยตฺติ อนฺตรหิตา น โหติฯ ยาว ปน มนุเสฺสสุ จาตุปฺปทิกคาถาปิ ปวตฺตติ, ตาว ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติฯ ยทา สโทฺธ ปสโนฺน ราชา หตฺถิกฺขเนฺธ สุวณฺณจโงฺกฎกมฺหิ สหสฺสตฺถวิกํ ฐปาเปตฺวา ‘‘พุเทฺธหิ กถิตํ จาตุปฺปทิกคาถํ ชานโนฺต อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ นคเร เภริํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ‘‘เอกวารํ จราปิเต นาม สุณนฺตาปิ โหนฺติ อสฺสุณนฺตาปี’’ติ ยาวตติยํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ราชปุริสา ตํ สหสฺสตฺถวิกํ ปุน ราชกุลํ ปเวเสนฺติ, ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม โหติฯ อิทํ ปริยตฺติอนฺตรธานํ นามฯ

    Gacchante gacchante kāle vinayapiṭakampi matthakato paṭṭhāya parihāyati. Paṭhamañhi parivāro parihāyati, tato khandhako, bhikkhunīvibhaṅgo, mahāvibhaṅgoti anukkamena uposathakkhandhakamattameva dhārenti. Tadāpi pariyatti antarahitā na hoti. Yāva pana manussesu cātuppadikagāthāpi pavattati, tāva pariyatti anantarahitāva hoti. Yadā saddho pasanno rājā hatthikkhandhe suvaṇṇacaṅkoṭakamhi sahassatthavikaṃ ṭhapāpetvā ‘‘buddhehi kathitaṃ cātuppadikagāthaṃ jānanto imaṃ sahassaṃ gaṇhatū’’ti nagare bheriṃ carāpetvā gaṇhanakaṃ alabhitvā ‘‘ekavāraṃ carāpite nāma suṇantāpi honti assuṇantāpī’’ti yāvatatiyaṃ carāpetvā gaṇhanakaṃ alabhitvā rājapurisā taṃ sahassatthavikaṃ puna rājakulaṃ pavesenti, tadā pariyatti antarahitā nāma hoti. Idaṃ pariyattiantaradhānaṃ nāma.

    คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สมฺมิญฺชนปสารณํ อาโลกิตวิโลกิตํ น ปาสาทิกํ โหติฯ นิคณฺฐสมณา วิย อลาพุปตฺตํ ภิกฺขู ปตฺตํ อคฺคพาหาย ปกฺขิปิตฺวา อาทาย วิจรนฺติ, เอตฺตาวตาปิ ลิงฺคํ อนนฺตรหิตเมว โหติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต ปน กาเล อคฺคพาหโต โอตาเรตฺวา หเตฺถน วา สิกฺกาย วา โอลมฺพิตฺวา วิจรนฺติ, จีวรมฺปิ รชนสารุปฺปํ อกตฺวา โอฎฺฐฎฺฐิวณฺณํ กตฺวา วิจรนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล รชนมฺปิ น โหติ ทสจฺฉินฺทนมฺปิ โอวฎฺฎิกวิชฺฌนมฺปิ, กปฺปมตฺตํ กตฺวา วฬเญฺชนฺติฯ ปุน โอวฎฺฎิกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปํ น กโรนฺติฯ ตโต อุภยมฺปิ อกตฺวา ทสา เฉตฺวา ปริพฺพาชกา วิย จรนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ‘‘โก อิมินา อมฺหากํ อโตฺถ’’ติ ขุทฺทกํ กาสาวขณฺฑํ หเตฺถ วา คีวาย วา พนฺธนฺติ, เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺติ, ทารภรณํ วา กโรนฺตา กสิตฺวา วปิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปตฺวา วิจรนฺติฯ ตทา ทกฺขิณํ เทนฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอเตสํ เทนฺติฯ อิทํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ – ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข, ปนานนฺท, อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺฐา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺติ, ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสเงฺขยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐)ฯ ตโต คจฺฉเนฺต กาเล นานาวิธานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ‘‘ปปโญฺจ เอส, กิํ อิมินา อมฺหาก’’นฺติ กาสาวขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา อรเญฺญ ขิปนฺติฯ เอตสฺมิํ กาเล ลิงฺคํ อนฺตรหิตํ นาม โหติฯ กสฺสปทสพลสฺส กิร กาลโต ปฎฺฐาย โยนกานํ เสตวตฺถํ ปารุปิตฺวา จรณํ จาริตฺตํ ชาตนฺติฯ อิทํ ลิงฺคอนฺตรธานํ นามฯ

    Gacchante gacchante kāle cīvaraggahaṇaṃ pattaggahaṇaṃ sammiñjanapasāraṇaṃ ālokitavilokitaṃ na pāsādikaṃ hoti. Nigaṇṭhasamaṇā viya alābupattaṃ bhikkhū pattaṃ aggabāhāya pakkhipitvā ādāya vicaranti, ettāvatāpi liṅgaṃ anantarahitameva hoti. Gacchante gacchante pana kāle aggabāhato otāretvā hatthena vā sikkāya vā olambitvā vicaranti, cīvarampi rajanasāruppaṃ akatvā oṭṭhaṭṭhivaṇṇaṃ katvā vicaranti. Gacchante gacchante kāle rajanampi na hoti dasacchindanampi ovaṭṭikavijjhanampi, kappamattaṃ katvā vaḷañjenti. Puna ovaṭṭikaṃ vijjhitvā kappaṃ na karonti. Tato ubhayampi akatvā dasā chetvā paribbājakā viya caranti. Gacchante gacchante kāle ‘‘ko iminā amhākaṃ attho’’ti khuddakaṃ kāsāvakhaṇḍaṃ hatthe vā gīvāya vā bandhanti, kesesu vā allīyāpenti, dārabharaṇaṃ vā karontā kasitvā vapitvā jīvikaṃ kappetvā vicaranti. Tadā dakkhiṇaṃ dentā saṅghaṃ uddissa etesaṃ denti. Idaṃ sandhāya bhagavatā vuttaṃ – ‘‘bhavissanti kho, panānanda, anāgatamaddhānaṃ gotrabhuno kāsāvakaṇṭhā dussīlā pāpadhammā, tesu dussīlesu saṅghaṃ uddissa dānaṃ dassanti, tadāpāhaṃ, ānanda, saṅghagataṃ dakkhiṇaṃ asaṅkheyyaṃ appameyyaṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 3.380). Tato gacchante kāle nānāvidhāni kammāni karontā ‘‘papañco esa, kiṃ iminā amhāka’’nti kāsāvakhaṇḍaṃ chinditvā araññe khipanti. Etasmiṃ kāle liṅgaṃ antarahitaṃ nāma hoti. Kassapadasabalassa kira kālato paṭṭhāya yonakānaṃ setavatthaṃ pārupitvā caraṇaṃ cārittaṃ jātanti. Idaṃ liṅgaantaradhānaṃ nāma.

    ธาตุอนฺตรธานํ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – ตีณิ ปรินิพฺพานานิ, กิเลสปรินิพฺพานํ – ขนฺธปรินิพฺพานํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติฯ ตตฺถ กิเลสปรินิพฺพานํ โพธิปลฺลเงฺก อโหสิ, ขนฺธปรินิพฺพานํ กุสินารายํ, ธาตุปรินิพฺพานํ อนาคเต ภวิสฺสติฯ กถํ? ตโต ตตฺถ ตตฺถ สกฺการสมฺมานํ อลภมานา ธาตุโย พุทฺธานํ อธิฎฺฐานพเลน สกฺการสมฺมานลภนกฎฺฐานํ คจฺฉนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล สพฺพฎฺฐาเนสุ สกฺการสมฺมาโน น โหติฯ สาสนสฺส หิ โอสกฺกนกาเล อิมสฺมิํ ตมฺพปณฺณิทีเป สพฺพา ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา มหาเจติยํ, ตโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํ, ตโต โพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติฯ นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติฯ สาสปมตฺตาปิ ธาตุ อนฺตรา น นสฺสิสฺสติฯ สพฺพา ธาตุโย มหาโพธิมเณฺฑ สนฺนิปติตฺวา พุทฺธรูปํ คเหตฺวา โพธิมเณฺฑ ปลฺลเงฺกน นิสินฺนพุทฺธสรีรสิริํ ทเสฺสนฺติฯ ทฺวตฺติํส มหาปุริสลกฺขณานิ อสีติ อนุพฺยญฺชนานิ พฺยามปฺปภาติ สพฺพํ ปริปุณฺณเมว โหติฯ ตโต ยมกปาฎิหาริยทิวเส วิย ปาฎิหาริยํ กตฺวา ทเสฺสนฺติฯ ตทา มนุสฺสภูตสโตฺต นาม ตตฺถ คโต นตฺถิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปน เทวตา สพฺพาว สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ทสพโล ปรินิพฺพายติ, อิโตทานิ ปฎฺฐาย อนฺธการํ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเทวนฺติฯ อถ ธาตุสรีรโต เตโช สมุฎฺฐาย ตํ สรีรํ อปณฺณตฺติกภาวํ คเมติฯ ธาตุสรีรโต สมุฎฺฐิตา ชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติ, สาสปมตฺตาย เสสายปิ ธาตุยา สติ เอกชาลาว ภวิสฺสติฯ ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ ปจฺฉิชฺชิสฺสติฯ เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทเสฺสตฺวา ธาตุโย อนฺตรธายนฺติฯ ตทา สนฺนิปติตา เทวสงฺฆา พุทฺธานํ ปรินิพฺพุตทิวเส วิย ทิพฺพคนฺธมาลาตูริยาทีหิ สกฺการํ กตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อนาคเต อุปฺปชฺชนกํ พุทฺธํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสาม ภควา’’ติ วตฺวา สกสกฎฺฐานเมว คจฺฉนฺติฯ อิทํ ธาตุอนฺตรธานํ นามฯ

    Dhātuantaradhānaṃ pana evaṃ veditabbaṃ – tīṇi parinibbānāni, kilesaparinibbānaṃ – khandhaparinibbānaṃ, dhātuparinibbānanti. Tattha kilesaparinibbānaṃ bodhipallaṅke ahosi, khandhaparinibbānaṃ kusinārāyaṃ, dhātuparinibbānaṃ anāgate bhavissati. Kathaṃ? Tato tattha tattha sakkārasammānaṃ alabhamānā dhātuyo buddhānaṃ adhiṭṭhānabalena sakkārasammānalabhanakaṭṭhānaṃ gacchanti. Gacchante gacchante kāle sabbaṭṭhānesu sakkārasammāno na hoti. Sāsanassa hi osakkanakāle imasmiṃ tambapaṇṇidīpe sabbā dhātuyo sannipatitvā mahācetiyaṃ, tato nāgadīpe rājāyatanacetiyaṃ, tato bodhipallaṅkaṃ gamissanti. Nāgabhavanatopi devalokatopi brahmalokatopi dhātuyo mahābodhipallaṅkameva gamissanti. Sāsapamattāpi dhātu antarā na nassissati. Sabbā dhātuyo mahābodhimaṇḍe sannipatitvā buddharūpaṃ gahetvā bodhimaṇḍe pallaṅkena nisinnabuddhasarīrasiriṃ dassenti. Dvattiṃsa mahāpurisalakkhaṇāni asīti anubyañjanāni byāmappabhāti sabbaṃ paripuṇṇameva hoti. Tato yamakapāṭihāriyadivase viya pāṭihāriyaṃ katvā dassenti. Tadā manussabhūtasatto nāma tattha gato natthi, dasasahassacakkavāḷe pana devatā sabbāva sannipatitvā ‘‘ajja dasabalo parinibbāyati, itodāni paṭṭhāya andhakāraṃ bhavissatī’’ti paridevanti. Atha dhātusarīrato tejo samuṭṭhāya taṃ sarīraṃ apaṇṇattikabhāvaṃ gameti. Dhātusarīrato samuṭṭhitā jālā yāva brahmalokā uggacchissati, sāsapamattāya sesāyapi dhātuyā sati ekajālāva bhavissati. Dhātūsu pariyādānaṃ gatāsu pacchijjissati. Evaṃ mahantaṃ ānubhāvaṃ dassetvā dhātuyo antaradhāyanti. Tadā sannipatitā devasaṅghā buddhānaṃ parinibbutadivase viya dibbagandhamālātūriyādīhi sakkāraṃ katvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā vanditvā ‘‘anāgate uppajjanakaṃ buddhaṃ passituṃ labhissāma bhagavā’’ti vatvā sakasakaṭṭhānameva gacchanti. Idaṃ dhātuantaradhānaṃ nāma.

    อิมสฺส ปญฺจวิธสฺส อนฺตรธานสฺส ปริยตฺติอนฺตรธานเมว มูลํฯ ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฎิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปริยตฺติยา ฐิตาย ปฎิปตฺติ ปติฎฺฐาติฯ เตเนว อิมสฺมิํ ทีเป จณฺฑาลติสฺสมหาภเย สโกฺก เทวราชา มหาอุฬุมฺปํ มาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ ‘‘มหนฺตํ ภยํ ภวิสฺสติ, น สมฺมา เทโว วสฺสิสฺสติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา ปริยตฺติํ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, ปรตีรํ คนฺตฺวา อเยฺยหิ ชีวิตํ รกฺขิตุํ วฎฺฎติฯ อิมํ มหาอุฬุมฺปํ อารุยฺห คจฺฉถ, ภเนฺตฯ เยสํ เอตฺถ นิสชฺชฎฺฐานํ นปฺปโหติ, เต กฎฺฐขเณฺฑปิ อุรํ ฐเปตฺวา คจฺฉนฺตุ, สเพฺพสมฺปิ ภยํ น ภวิสฺสตี’’ติฯ ตทา สมุทฺทตีรํ ปตฺวา สฎฺฐิ ภิกฺขู กติกํ กตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอตฺถ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ อิเธว หุตฺวา เตปิฎกํ รกฺขิสฺสามา’’ติ ตโต นิวตฺติตฺวา ทกฺขิณมลยชนปทํ คนฺตฺวา กนฺทมูลปเณฺณหิ ชีวิกํ กเปฺปนฺตา วสิํสุฯ กาเย วหเนฺต นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺติ, อวหเนฺต วาลิกํ อุสฺสาเรตฺวา ปริวาเรตฺวา สีสานิ เอกฎฺฐาเน กตฺวา ปริยตฺติํ สมฺมสนฺติฯ อิมินา นิยาเมน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ สาฎฺฐกถํ เตปิฎกํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ธารยิํสุฯ

    Imassa pañcavidhassa antaradhānassa pariyattiantaradhānameva mūlaṃ. Pariyattiyā hi antarahitāya paṭipatti antaradhāyati, pariyattiyā ṭhitāya paṭipatti patiṭṭhāti. Teneva imasmiṃ dīpe caṇḍālatissamahābhaye sakko devarājā mahāuḷumpaṃ māpetvā bhikkhūnaṃ ārocāpesi ‘‘mahantaṃ bhayaṃ bhavissati, na sammā devo vassissati, bhikkhū paccayehi kilamantā pariyattiṃ sandhāretuṃ na sakkhissanti, paratīraṃ gantvā ayyehi jīvitaṃ rakkhituṃ vaṭṭati. Imaṃ mahāuḷumpaṃ āruyha gacchatha, bhante. Yesaṃ ettha nisajjaṭṭhānaṃ nappahoti, te kaṭṭhakhaṇḍepi uraṃ ṭhapetvā gacchantu, sabbesampi bhayaṃ na bhavissatī’’ti. Tadā samuddatīraṃ patvā saṭṭhi bhikkhū katikaṃ katvā ‘‘amhākaṃ ettha gamanakiccaṃ natthi, mayaṃ idheva hutvā tepiṭakaṃ rakkhissāmā’’ti tato nivattitvā dakkhiṇamalayajanapadaṃ gantvā kandamūlapaṇṇehi jīvikaṃ kappentā vasiṃsu. Kāye vahante nisīditvā sajjhāyaṃ karonti, avahante vālikaṃ ussāretvā parivāretvā sīsāni ekaṭṭhāne katvā pariyattiṃ sammasanti. Iminā niyāmena dvādasa saṃvaccharāni sāṭṭhakathaṃ tepiṭakaṃ paripuṇṇaṃ katvā dhārayiṃsu.

    ภเย วูปสเนฺต สตฺตสตา ภิกฺขู อตฺตโน คตฎฺฐาเน สาฎฺฐกเถ เตปิฎเก เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยญฺชนมฺปิ อนาเสตฺวา อิมเมว ทีปมาคมฺม กลฺลคามชนปเท มณฺฑลารามวิหารํ ปวิสิํสุฯ เถรานํ อาคมนปฺปวตฺติํ สุตฺวา อิมสฺมิํ ทีเป โอหีนา สฎฺฐิ ภิกฺขู ‘‘เถเร ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เถเรหิ สทฺธิํ เตปิฎกํ โสเธนฺตา เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยญฺชนมฺปิ อสเมนฺตํ นาม น ปสฺสิํสุฯ ตสฺมิํ ฐาเน เถรานํ อยํ กถา อุทปาทิ ‘‘ปริยตฺติ นุ โข สาสนสฺส มูลํ , อุทาหุ ปฎิปตฺตี’’ติฯ ปํสุกูลิกเตฺถรา ‘‘ปฎิปตฺติมูล’’นฺติ อาหํสุ, ธมฺมกถิกา ‘‘ปริยตฺตี’’ติ ฯ อถ เน เถรา ‘‘ตุมฺหากํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ วจนมเตฺตเนว น กโรม, ชินภาสิตํ สุตฺตํ อาหรถา’’ติ อาหํสุฯ สุตฺตํ อาหริตุํ น ภาโรติ ‘‘อิเม จ, สุภทฺท , ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสาติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔)ฯ ปฎิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ปฎิปตฺติสารกํฯ ปฎิปตฺติยา ธรนฺตาย ติฎฺฐตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๗) สุตฺตํ อาหริํสุฯ อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา ธมฺมกถิกา อตฺตโน วาทฐปนตฺถาย อิมํ สุตฺตํ อาหริํสุ –

    Bhaye vūpasante sattasatā bhikkhū attano gataṭṭhāne sāṭṭhakathe tepiṭake ekakkharampi ekabyañjanampi anāsetvā imameva dīpamāgamma kallagāmajanapade maṇḍalārāmavihāraṃ pavisiṃsu. Therānaṃ āgamanappavattiṃ sutvā imasmiṃ dīpe ohīnā saṭṭhi bhikkhū ‘‘there passissāmā’’ti gantvā therehi saddhiṃ tepiṭakaṃ sodhentā ekakkharampi ekabyañjanampi asamentaṃ nāma na passiṃsu. Tasmiṃ ṭhāne therānaṃ ayaṃ kathā udapādi ‘‘pariyatti nu kho sāsanassa mūlaṃ , udāhu paṭipattī’’ti. Paṃsukūlikattherā ‘‘paṭipattimūla’’nti āhaṃsu, dhammakathikā ‘‘pariyattī’’ti . Atha ne therā ‘‘tumhākaṃ dvinnampi janānaṃ vacanamatteneva na karoma, jinabhāsitaṃ suttaṃ āharathā’’ti āhaṃsu. Suttaṃ āharituṃ na bhāroti ‘‘ime ca, subhadda , bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assāti (dī. ni. 2.214). Paṭipattimūlakaṃ, mahārāja, satthusāsanaṃ paṭipattisārakaṃ. Paṭipattiyā dharantāya tiṭṭhatī’’ti (mi. pa. 4.1.7) suttaṃ āhariṃsu. Imaṃ suttaṃ sutvā dhammakathikā attano vādaṭhapanatthāya imaṃ suttaṃ āhariṃsu –

    ‘‘ยาว ติฎฺฐนฺติ สุตฺตนฺตา, วินโย ยาว ทิปฺปติ;

    ‘‘Yāva tiṭṭhanti suttantā, vinayo yāva dippati;

    ตาว ทกฺขนฺติ อาโลกํ, สูริเย อพฺภุฎฺฐิเต ยถาฯ

    Tāva dakkhanti ālokaṃ, sūriye abbhuṭṭhite yathā.

    ‘‘สุตฺตเนฺตสุ อสเนฺตสุ, ปมุเฎฺฐ วินยมฺหิ จ;

    ‘‘Suttantesu asantesu, pamuṭṭhe vinayamhi ca;

    ตโม ภวิสฺสติ โลเก, สูริเย อตฺถงฺคเต ยถาฯ

    Tamo bhavissati loke, sūriye atthaṅgate yathā.

    ‘‘สุตฺตเนฺต รกฺขิเต สเนฺต, ปฎิปตฺติ โหติ รกฺขิตา;

    ‘‘Suttante rakkhite sante, paṭipatti hoti rakkhitā;

    ปฎิปตฺติยํ ฐิโต ธีโร, โยคเกฺขมา น ธํสตี’’ติฯ

    Paṭipattiyaṃ ṭhito dhīro, yogakkhemā na dhaṃsatī’’ti.

    อิมสฺมิํ สุเตฺต อาหเฎ ปํสุกูลิกเตฺถรา ตุณฺหี อเหสุํ, ธมฺมกถิกเตฺถรานํเยว วจนํ ปุรโต อโหสิฯ ยถา หิ ควสตสฺส วา ควสหสฺสสฺส วา อนฺตเร ปเวณิปาลิกาย เธนุยา อสติ โส วํโส สา ปเวณิ น ฆฎียติ, เอวเมวํ อารทฺธวิปสฺสกานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหเสฺสปิ สํวิชฺชมาเน ปริยตฺติยา อสติ อริยมคฺคปฎิเวโธ นาม น โหติฯ ยถา จ นิธิกุมฺภิยา ชานนตฺถาย ปาสาณปิเฎฺฐ อกฺขเรสุ ฐปิเตสุ ยาว อกฺขรานิ ธรนฺติ, ตาว นิธิกุมฺภิ นฎฺฐา นาม น โหติฯ เอวเมวํ ปริยตฺติยา ธรมานาย สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม น โหตีติฯ

    Imasmiṃ sutte āhaṭe paṃsukūlikattherā tuṇhī ahesuṃ, dhammakathikattherānaṃyeva vacanaṃ purato ahosi. Yathā hi gavasatassa vā gavasahassassa vā antare paveṇipālikāya dhenuyā asati so vaṃso sā paveṇi na ghaṭīyati, evamevaṃ āraddhavipassakānaṃ bhikkhūnaṃ satepi sahassepi saṃvijjamāne pariyattiyā asati ariyamaggapaṭivedho nāma na hoti. Yathā ca nidhikumbhiyā jānanatthāya pāsāṇapiṭṭhe akkharesu ṭhapitesu yāva akkharāni dharanti, tāva nidhikumbhi naṭṭhā nāma na hoti. Evamevaṃ pariyattiyā dharamānāya sāsanaṃ antarahitaṃ nāma na hotīti.

    ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนาฯ

    Dutiyapamādādivaggavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ทุติยปมาทาทิวโคฺค • 10. Dutiyapamādādivaggo

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา • 10. Dutiyapamādādivaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact