Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
ทุติยปาราชิกกถาวณฺณนา
Dutiyapārājikakathāvaṇṇanā
๓๙. อิทานิ ทุติยํ ปาราชิกวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อาทิยโนฺต’’ติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘เถยฺยจิเตฺตนา’’ติ ปาฐเสโสฯ โส จ ปจฺจเตฺตกวจนเนฺตหิ สพฺพปเทหิ โยเชตโพฺพ, เถยฺยจิเตฺตน อาทิยโนฺต ปราชิโตติ สมฺพโนฺธฯ ปรสนฺตกํ อารามาทิํ อภิยุญฺชิตฺวา สามิกํ ปราเชตฺวา เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโนฺต ตทตฺถาย กเต ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฎํ, สามิกสฺส วิมตุปฺปาทเน ถุลฺลจฺจยญฺจ อาปชฺชิตฺวา ตสฺส จ อตฺตโน จ ธุรนิเกฺขเปน ปาติโมกฺขสํวรสีลสมฺปตฺติยา อทายาโท หุตฺวา ปราชิโต โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
39. Idāni dutiyaṃ pārājikavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘ādiyanto’’tiādi. Tattha ‘‘theyyacittenā’’ti pāṭhaseso. So ca paccattekavacanantehi sabbapadehi yojetabbo, theyyacittena ādiyanto parājitoti sambandho. Parasantakaṃ ārāmādiṃ abhiyuñjitvā sāmikaṃ parājetvā theyyacittena gaṇhanto tadatthāya kate pubbapayoge dukkaṭaṃ, sāmikassa vimatuppādane thullaccayañca āpajjitvā tassa ca attano ca dhuranikkhepena pātimokkhasaṃvarasīlasampattiyā adāyādo hutvā parājito hotīti vuttaṃ hoti.
‘‘ตถา’’ติ จ ‘‘อปี’’ติ จ ‘‘ปราชิโต’’ติ จ ‘‘เถยฺยจิเตฺตนา’’ติ อิมินา สห เอกโต กตฺวา ‘‘หรโนฺต’’ติอาทีหิ จตูหิปิ ปเทหิ โยเชตพฺพํฯ เถยฺยจิเตฺตน หรโนฺตปิ ตถา ปราชิโตติ โยชนา สีสาทีหิ ปรสนฺตกํ ภณฺฑํ หรโนฺต เถยฺยจิเตฺตน ภณฺฑสฺส อามสเน ทุกฺกฎญฺจ ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ อาปชฺชิตฺวา สีสโต ขโนฺธหรณาทิปโยคํ กโรโนฺตปิ ตถา ปราชิโต โหตีติ อโตฺถฯ
‘‘Tathā’’ti ca ‘‘apī’’ti ca ‘‘parājito’’ti ca ‘‘theyyacittenā’’ti iminā saha ekato katvā ‘‘haranto’’tiādīhi catūhipi padehi yojetabbaṃ. Theyyacittena harantopi tathā parājitoti yojanā sīsādīhi parasantakaṃ bhaṇḍaṃ haranto theyyacittena bhaṇḍassa āmasane dukkaṭañca phandāpane thullaccayañca āpajjitvā sīsato khandhoharaṇādipayogaṃ karontopi tathā parājito hotīti attho.
เถยฺยจิเตฺตน อวหรโนฺตปิ ตถา ปราชิโตติ โยชนาฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – อเญฺญหิ สโงฺคปนาทิํ สนฺธาย อตฺตนิ อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑํ ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ โจทิยมาโน ‘‘น มยา คหิต’’นฺติอาทินา มุสา วตฺวา เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโนฺตปิ ตสฺส วิมตุปฺปาทเน ถุลฺลจฺจยมาปชฺชิตฺวา ตเถว ธุรนิเกฺขเปน ปราชิโต โหตีติฯ ‘‘นาหํ อคฺคเหสิ’’นฺติอาทินา อวชานิตฺวา ปฎิกฺขิปิตฺวา หรโนฺต ‘‘อวหรโนฺต’’ติ วุโตฺตฯ
Theyyacittena avaharantopi tathā parājitoti yojanā. Ayaṃ panettha attho – aññehi saṅgopanādiṃ sandhāya attani upanikkhittabhaṇḍaṃ ‘‘dehi me bhaṇḍa’’nti codiyamāno ‘‘na mayā gahita’’ntiādinā musā vatvā theyyacittena gaṇhantopi tassa vimatuppādane thullaccayamāpajjitvā tatheva dhuranikkhepena parājito hotīti. ‘‘Nāhaṃ aggahesi’’ntiādinā avajānitvā paṭikkhipitvā haranto ‘‘avaharanto’’ti vutto.
เถยฺยจิเตฺตน อิริยาปถํ วิโกเปโนฺตปิ ตถา ปราชิโตติ โยชนาฯ ยํ ปน อเญฺญสํ ภณฺฑหรณกมนุสฺสาทีนมญฺญตรํ ‘‘เตน ภเณฺฑน สห คณฺหามี’’ติ ภณฺฑํ หรนฺตํ เถยฺยจิเตฺตน นิวาเรตฺวา อตฺตนา อิจฺฉิตทิสาภิมุขํ กตฺวา ตสฺส ปกติอิริยาปถํ วิโกเปโนฺตปิ ปฐมปาทุทฺธาเรน ถุลฺลจฺจยมาปชฺชิตฺวา ทุติยปทวาราติกฺกเมน ตเถว ปราชิโต โหตีติ อโตฺถฯ
Theyyacittena iriyāpathaṃ vikopentopi tathā parājitoti yojanā. Yaṃ pana aññesaṃ bhaṇḍaharaṇakamanussādīnamaññataraṃ ‘‘tena bhaṇḍena saha gaṇhāmī’’ti bhaṇḍaṃ harantaṃ theyyacittena nivāretvā attanā icchitadisābhimukhaṃ katvā tassa pakatiiriyāpathaṃ vikopentopi paṭhamapāduddhārena thullaccayamāpajjitvā dutiyapadavārātikkamena tatheva parājito hotīti attho.
เถยฺยจิเตฺตน ฐานา จาเวโนฺตปิ ตถา ปราชิโตติ โยชนาฯ ถลาทีสุ ฐิตํ ภณฺฑํ เถยฺยจิเตฺตน อวหริตุกามตาย ฐิตฎฺฐานโต อปเนโนฺตปิ ทุติยปริเยสนาทีสุ อามสนาวสาเนสุ สเพฺพสุปิ ปโยเคสุ ทุกฺกฎานิ จ ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ อาปชฺชิตฺวา อุปริ วกฺขมานปฺปกาเรสุ วิย ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปเนโนฺต ตเถว ปราชิโต โหตีติ อโตฺถฯ
Theyyacittena ṭhānā cāventopi tathā parājitoti yojanā. Thalādīsu ṭhitaṃ bhaṇḍaṃ theyyacittena avaharitukāmatāya ṭhitaṭṭhānato apanentopi dutiyapariyesanādīsu āmasanāvasānesu sabbesupi payogesu dukkaṭāni ca phandāpane thullaccayañca āpajjitvā upari vakkhamānappakāresu viya ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi apanento tatheva parājito hotīti attho.
เอวเมตาย คาถาย ‘‘อาทิเยยฺย หเรยฺย อวหเรยฺย อิริยาปถํ วิโกเปยฺย ฐานาจาเวยฺย สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยา’’ติ (ปารา. ๙๒) ปทภาชนาคเตสุ ฉสุ ปเทสุ อาโท ปญฺจ ปทานิ สงฺคเหตฺวา ฉฎฺฐํ ปทํ กสฺมา น สงฺคหิตนฺติ เจ? อยํ คาถา น ตํปทภาชนํ ทเสฺสตุํ วุตฺตา, อถ โข เตสํ ปทานํ วินิจฺฉยํ สนฺธาย อฎฺฐกถาสุ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๒) วุตฺตปญฺจวีสติอวหาเร ทเสฺสตุํ ตทวยวภูตปญฺจปญฺจกานิ ทเสฺสตุกาเมน วุตฺตา, ตสฺมา เอตฺถ ฉฎฺฐํ ปทํ น วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อถ วา วกฺขมาเน ตติยปญฺจเก นิสฺสคฺคิยาวหารปเทน, ปญฺจมปญฺจเก ปริกปฺปาวหารปเทน จ สงฺคยฺหมานตฺตา เอตฺถ นาเนกภณฺฑปญฺจกทฺวยํ อสงฺกรโต ทเสฺสตุํ ฉฎฺฐํ ปทํ น คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Evametāya gāthāya ‘‘ādiyeyya hareyya avahareyya iriyāpathaṃ vikopeyya ṭhānācāveyya saṅketaṃ vītināmeyyā’’ti (pārā. 92) padabhājanāgatesu chasu padesu ādo pañca padāni saṅgahetvā chaṭṭhaṃ padaṃ kasmā na saṅgahitanti ce? Ayaṃ gāthā na taṃpadabhājanaṃ dassetuṃ vuttā, atha kho tesaṃ padānaṃ vinicchayaṃ sandhāya aṭṭhakathāsu (pārā. aṭṭha. 1.92) vuttapañcavīsatiavahāre dassetuṃ tadavayavabhūtapañcapañcakāni dassetukāmena vuttā, tasmā ettha chaṭṭhaṃ padaṃ na vuttanti daṭṭhabbaṃ. Atha vā vakkhamāne tatiyapañcake nissaggiyāvahārapadena, pañcamapañcake parikappāvahārapadena ca saṅgayhamānattā ettha nānekabhaṇḍapañcakadvayaṃ asaṅkarato dassetuṃ chaṭṭhaṃ padaṃ na gahitanti veditabbaṃ.
๔๐. อิมสฺมิํ อทินฺนาทานปาราชิเก วตฺถุมฺหิ โอติเณฺณ กตฺตพฺพวินิจฺฉยสฺส ปญฺจวีสติอวหารานํ องฺคานิ โหนฺติ, เต จ นานาภณฺฑปญฺจกํ เอกภณฺฑปญฺจกํ สาหตฺถิกปญฺจกํ ปุพฺพปโยคปญฺจกํ เถยฺยาวหารปญฺจกนฺติ นิทฺทิฎฺฐา ปญฺจปญฺจกเภทา, ตตฺถ อิมาย คาถาย นาเนกภณฺฑปญฺจกทฺวยปฺปเภเท ทส อวหาเร สงฺคเหตฺวา อวเสสปญฺจกตฺตยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ติสฺสํ คาถายํฯ นาเนกภณฺฑานนฺติ นานา, เอโก จ ภโณฺฑ เยสนฺติ วิคฺคโหฯ สวิญฺญาณกอวิญฺญาณกภณฺฑวเสน นานาภณฺฑปญฺจกญฺจ สวิญฺญาณกภณฺฑวเสเนว เอกภณฺฑปญฺจกญฺจ เวทิตพฺพํฯ ปญฺจ ปริมาณา เยสเนฺต ปญฺจกา, เตสํฯ อวหาราติ อวหรณานิ, โจรกมฺมานีติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตติ อนนฺตรคาถาย ‘‘อาทิยโนฺต’’ติอาทินา นิทฺทิฎฺฐา อาทิยนฺตาทโยฯ ปฎิปตฺติสนฺตาเน วิเสสํ วินิจฺฉยํ ภาเวติ อุปฺปาเทตีติ วิภาวี, วินยธโร, เตน วิภาวินาฯ วิญฺญาตพฺพาติ ปเรสํ อารามาทิสวิญฺญาณกวตฺถูนิ วา ทาสมยูราทิํ เกวลํ สวิญฺญาณกวตฺถุมตฺตํ วา อวหริตุํ กตา ยถาวุตฺตสรูปา อาทิยนาทโย ฐานาจาวนปริโยสานา ปญฺจ อวหารา ยถาวุตฺตนานาภณฺฑเอกภณฺฑวิสยา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ นานาภณฺฑปญฺจกํ เอกภณฺฑปญฺจกนฺติ ทส อวหารา ภวนฺตีติ วินยธเรน โอติณฺณสฺส วตฺถุโน วินิจฺฉโยปการกตฺตา ตถโต ญาตพฺพาติ อโตฺถฯ
40. Imasmiṃ adinnādānapārājike vatthumhi otiṇṇe kattabbavinicchayassa pañcavīsatiavahārānaṃ aṅgāni honti, te ca nānābhaṇḍapañcakaṃ ekabhaṇḍapañcakaṃ sāhatthikapañcakaṃ pubbapayogapañcakaṃ theyyāvahārapañcakanti niddiṭṭhā pañcapañcakabhedā, tattha imāya gāthāya nānekabhaṇḍapañcakadvayappabhede dasa avahāre saṅgahetvā avasesapañcakattayaṃ dassetuṃ ‘‘tatthā’’ti āraddhaṃ. Tattha tatthāti tissaṃ gāthāyaṃ. Nānekabhaṇḍānanti nānā, eko ca bhaṇḍo yesanti viggaho. Saviññāṇakaaviññāṇakabhaṇḍavasena nānābhaṇḍapañcakañca saviññāṇakabhaṇḍavaseneva ekabhaṇḍapañcakañca veditabbaṃ. Pañca parimāṇā yesante pañcakā, tesaṃ. Avahārāti avaharaṇāni, corakammānīti vuttaṃ hoti. Eteti anantaragāthāya ‘‘ādiyanto’’tiādinā niddiṭṭhā ādiyantādayo. Paṭipattisantāne visesaṃ vinicchayaṃ bhāveti uppādetīti vibhāvī, vinayadharo, tena vibhāvinā. Viññātabbāti paresaṃ ārāmādisaviññāṇakavatthūni vā dāsamayūrādiṃ kevalaṃ saviññāṇakavatthumattaṃ vā avaharituṃ katā yathāvuttasarūpā ādiyanādayo ṭhānācāvanapariyosānā pañca avahārā yathāvuttanānābhaṇḍaekabhaṇḍavisayā hutvā pavattantīti nānābhaṇḍapañcakaṃ ekabhaṇḍapañcakanti dasa avahārā bhavantīti vinayadharena otiṇṇassa vatthuno vinicchayopakārakattā tathato ñātabbāti attho.
๔๑. เอวํ ปญฺจวีสติ อวหาเร ทเสฺสตุํ วตฺตเพฺพสุ ปญฺจสุ ปญฺจเกสุ นาเนกภณฺฑปญฺจกานิ เทฺว ทเสฺสตฺวา อิทานิ อวเสสปญฺจกตฺตยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สาหตฺถา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สาหโตฺถติ สโก หโตฺถ, เตน นิพฺพโตฺต, ตสฺส วา สมฺพนฺธีติ สาหโตฺถ, อวหาโร, โจเรน สหตฺถา กโต อวหาโรติ อโตฺถฯ อาณตฺติโก เจวาติ อาณตฺติยา นิพฺพโตฺต อาณตฺติโก, อวหาโร, โจรสฺส ‘‘อิมํ นาม ภณฺฑํ คณฺหา’’ติ ยสฺส กสฺสจิ อาณาปเนน สิโทฺธ อวหาโร จฯ นิสฺสโคฺคติ นิสฺสชฺชนํ นิสฺสโคฺค, อวหาโร, สุงฺกฆาตฎฺฐาเน, ปริกปฺปิโตกาเส วา ฐตฺวา ภณฺฑสฺส พหิ ปาตนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
41. Evaṃ pañcavīsati avahāre dassetuṃ vattabbesu pañcasu pañcakesu nānekabhaṇḍapañcakāni dve dassetvā idāni avasesapañcakattayaṃ dassetumāha ‘‘sāhatthā’’tiādi. Tattha sāhatthoti sako hattho, tena nibbatto, tassa vā sambandhīti sāhattho, avahāro, corena sahatthā kato avahāroti attho. Āṇattiko cevāti āṇattiyā nibbatto āṇattiko, avahāro, corassa ‘‘imaṃ nāma bhaṇḍaṃ gaṇhā’’ti yassa kassaci āṇāpanena siddho avahāro ca. Nissaggoti nissajjanaṃ nissaggo, avahāro, suṅkaghātaṭṭhāne, parikappitokāse vā ṭhatvā bhaṇḍassa bahi pātananti vuttaṃ hoti.
อตฺถสาธโกติ ปาราชิกาปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สาเธตีติ อตฺถสาธโก, โส อวหาโร จ ยถาณตฺติกํ อวิราเธตฺวา เอกํเสน อวหรนฺตสฺส ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อวิเสเสน วา อวหริตพฺพวตฺถุวิเสโส คหณกาโล คหณเทโส คหณากาโร จาติ เอวมาทิวิเสสานมญฺญตเรน วิเสเสตฺวา วา อาณาปนญฺจ เอกํเสน ปาทคฺฆนกเตลปิวนกํ อุปาหนาทิกิญฺจิวตฺถุํ เตลภาชนาทีสุ ปาตนาทิปฺปโยโค จาติ เอวมาทิปฺปโยโค จ กิริยาสิทฺธิยา ปุเรตรเมว ปาราชิกสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส สาธนโต อตฺถสาธโก อวหาโร จาติ วุตฺตํ โหติฯ
Atthasādhakoti pārājikāpattisaṅkhātaṃ atthaṃ sādhetīti atthasādhako, so avahāro ca yathāṇattikaṃ avirādhetvā ekaṃsena avaharantassa ‘‘asukassa bhaṇḍaṃ avaharā’’ti avisesena vā avaharitabbavatthuviseso gahaṇakālo gahaṇadeso gahaṇākāro cāti evamādivisesānamaññatarena visesetvā vā āṇāpanañca ekaṃsena pādagghanakatelapivanakaṃ upāhanādikiñcivatthuṃ telabhājanādīsu pātanādippayogo cāti evamādippayogo ca kiriyāsiddhiyā puretarameva pārājikasaṅkhātassa atthassa sādhanato atthasādhako avahāro cāti vuttaṃ hoti.
ธุรนิเกฺขปนญฺจาติ ธุรสฺส นิเกฺขปนํ ธุรนิเกฺขปนํ, ตญฺจ อวหาโร, ปรสนฺตกานํ อารามาทีนํ อภิโยควิสเย จ อุปนิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑาทิโน วิสเย จ โจรสฺส สามิโน วิสฺสชฺชเน จ สามิโน จ, ยทา กทาจิ ยถากถญฺจิ คณฺหิสฺสามีติ คหเณ นิรุสฺสาหภาวสงฺขาโต ธุรนิเกฺขปาวหาโร จาติ วุตฺตํ โหติฯ อิติ อิทํ ธุรนิเกฺขปนญฺจ ยถาวุตฺตปฺปการํ สาหตฺถาทิจตุกฺกญฺจ ปญฺจนฺนํ อวหารานํ สมูโห ปญฺจกํ, สาหตฺถาทิปญฺจกํ ‘‘สาหตฺถปญฺจก’’นฺติ วุจฺจติฯ อาทิ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตพฺพํฯ
Dhuranikkhepanañcāti dhurassa nikkhepanaṃ dhuranikkhepanaṃ, tañca avahāro, parasantakānaṃ ārāmādīnaṃ abhiyogavisaye ca upanikkhittassa bhaṇḍādino visaye ca corassa sāmino vissajjane ca sāmino ca, yadā kadāci yathākathañci gaṇhissāmīti gahaṇe nirussāhabhāvasaṅkhāto dhuranikkhepāvahāro cāti vuttaṃ hoti. Iti idaṃ dhuranikkhepanañca yathāvuttappakāraṃ sāhatthādicatukkañca pañcannaṃ avahārānaṃ samūho pañcakaṃ, sāhatthādipañcakaṃ ‘‘sāhatthapañcaka’’nti vuccati. Ādi-saddo luttaniddiṭṭhoti veditabbaṃ.
๔๒. ปุพฺพสหปโยคา จาติ เอตฺถ ‘‘ปุพฺพปโยโค สหปโยโค’’ติ ปโยค-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ‘‘อาณตฺติวเสน ปุพฺพปโยโค เวทิตโพฺพ’’ติ อฎฺฐกถาวจนโต (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๒) ยถาณตฺติกมวิราเธตฺวา คณฺหโต ‘‘อสุกสฺส อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อาณาปนํ ปุพฺพปโยโค นาม อวหาโรฯ กาเยน, วาจาย วา ปยุชฺชนํ อาณาปนํ ปโยโค, อาณตฺตสฺส ภณฺฑคฺคหณโต ปุพฺพตฺตา ปุโพฺพ จ โส ปโยโค จาติ ปุพฺพปโยโค อวหาโรติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ฐานาจาวนวเสน สหปโยโค เวทิตโพฺพ’’ติ อฎฺฐกถาวจนสฺส อุปลกฺขณปทตฺตา ฐานาจาวนญฺจ ปรายตฺตภูมิคหเณ ขีลสงฺกมนาทิกญฺจ สหปโยโค อวหาโรติ เวทิตโพฺพฯ
42.Pubbasahapayogā cāti ettha ‘‘pubbapayogo sahapayogo’’ti payoga-saddo paccekaṃ yojetabbo. ‘‘Āṇattivasena pubbapayogo veditabbo’’ti aṭṭhakathāvacanato (pārā. aṭṭha. 1.92) yathāṇattikamavirādhetvā gaṇhato ‘‘asukassa itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharā’’ti āṇāpanaṃ pubbapayogo nāma avahāro. Kāyena, vācāya vā payujjanaṃ āṇāpanaṃ payogo, āṇattassa bhaṇḍaggahaṇato pubbattā pubbo ca so payogo cāti pubbapayogo avahāroti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Ṭhānācāvanavasena sahapayogo veditabbo’’ti aṭṭhakathāvacanassa upalakkhaṇapadattā ṭhānācāvanañca parāyattabhūmigahaṇe khīlasaṅkamanādikañca sahapayogo avahāroti veditabbo.
สํวิทาหรณนฺติ พหูหิ เอกโต หุตฺวา ‘‘อิทํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามา’’ติ สํวิทหิตฺวา สเพฺพหิ, เอกโต วา สเพฺพสํ อนุมติยา เอเกน วา คนฺตฺวา ปรสนฺตกสฺส เถยฺยจิเตฺตน หรณสงฺขาโต สํวิทาวหาโร จฯ สมํ เอกี หุตฺวา วิสุํ เอเกนาปิ เถยฺยจิเตฺตน ปาเท วา ปาทารเห วา คหิเต กตมนฺตนานํ สเพฺพสมฺปิ ปาราชิกํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํ ฯ สํวิทหิตฺวา มเนฺตตฺวา อวหรณํ สํวิทาหรณํฯ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ ‘‘สํวิทาหรณ’’นฺติ ‘‘สํวิทาวหาโร’’ติ อิมสฺส เววจนํฯ ‘‘สมฺพหุลา สํวิทหิตฺวา เอโก ภณฺฑํ อวหรติ, อาปตฺติ สเพฺพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑๘) วจนโต เอวํ สหกตมนฺตเนสุ เอเกนาปิ เถยฺยจิเตฺตน ปาเท วา ปาทารเห วา คหิเต กตมนฺตนานํ สเพฺพสํ ปาราชิกํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Saṃvidāharaṇanti bahūhi ekato hutvā ‘‘idaṃ nāma bhaṇḍaṃ avaharissāmā’’ti saṃvidahitvā sabbehi, ekato vā sabbesaṃ anumatiyā ekena vā gantvā parasantakassa theyyacittena haraṇasaṅkhāto saṃvidāvahāro ca. Samaṃ ekī hutvā visuṃ ekenāpi theyyacittena pāde vā pādārahe vā gahite katamantanānaṃ sabbesampi pārājikaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ . Saṃvidahitvā mantetvā avaharaṇaṃ saṃvidāharaṇaṃ. Niruttinayena saddasiddhi veditabbā. ‘‘Saṃvidāharaṇa’’nti ‘‘saṃvidāvahāro’’ti imassa vevacanaṃ. ‘‘Sambahulā saṃvidahitvā eko bhaṇḍaṃ avaharati, āpatti sabbesaṃ pārājikassā’’ti (pārā. 118) vacanato evaṃ sahakatamantanesu ekenāpi theyyacittena pāde vā pādārahe vā gahite katamantanānaṃ sabbesaṃ pārājikaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ.
สเงฺกตกมฺมนฺติ ปุพฺพณฺหาทิกาลปริเจฺฉเทน สญฺชานนํ สเงฺกโต, เตน กตํ กมฺมํ อวหรณํ สเงฺกตกมฺมํ นามฯ ตํ ปน ปุเรภตฺตาทีสุ กญฺจิ กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ กาเล อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ วุเตฺต ตสฺมิํเยว กาเล ตํเยว ยถาวุตฺตํ ภณฺฑํ อวหรติ เจ, สเงฺกตการกสฺส สเงฺกตกฺขเณเยว ปาราชิกนฺติ สเงฺขปโต เวทิตพฺพํฯ
Saṅketakammanti pubbaṇhādikālaparicchedena sañjānanaṃ saṅketo, tena kataṃ kammaṃ avaharaṇaṃ saṅketakammaṃ nāma. Taṃ pana purebhattādīsu kañci kālaṃ paricchinditvā ‘‘imasmiṃ kāle itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharā’’ti vutte tasmiṃyeva kāle taṃyeva yathāvuttaṃ bhaṇḍaṃ avaharati ce, saṅketakārakassa saṅketakkhaṇeyeva pārājikanti saṅkhepato veditabbaṃ.
เนมิตฺตนฺติ ปรภณฺฑาวหารสฺส เหตุตฺตา อกฺขินิขณนาทิ นิมิตฺตํ นาม, เตน นิพฺพตฺตํ เนมิตฺตํ, อวหรณสงฺขาตกมฺมํ อวหาโรฯ ‘‘มยา อกฺขิมฺหิ นิขณิเต วา ภมุมฺหิ อุกฺขิเตฺต วา อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อาณเตฺตน ตํ นิมิตฺตํ ทิสฺวา วุตฺตเมว ภณฺฑํ วุตฺตนิยามมวิราเธตฺวา คหิตํ เจ, นิมิตฺตการกสฺส นิมิตฺตกรณกฺขเณเยว ปาราชิกํ โหติฯ วุตฺตนิยามํ วิราเธตฺวา คหิตํ เจ, นิมิตฺตการโก มุจฺจติ, อวหารกเสฺสว ปาราชิกํฯ ปุพฺพปโยโค อาทิ ยสฺส ตํ ปุพฺพปโยคาทิ, ปุพฺพปโยคาทิ จ ตํ ปญฺจกญฺจาติ วิคฺคโหฯ
Nemittanti parabhaṇḍāvahārassa hetuttā akkhinikhaṇanādi nimittaṃ nāma, tena nibbattaṃ nemittaṃ, avaharaṇasaṅkhātakammaṃ avahāro. ‘‘Mayā akkhimhi nikhaṇite vā bhamumhi ukkhitte vā itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharā’’ti āṇattena taṃ nimittaṃ disvā vuttameva bhaṇḍaṃ vuttaniyāmamavirādhetvā gahitaṃ ce, nimittakārakassa nimittakaraṇakkhaṇeyeva pārājikaṃ hoti. Vuttaniyāmaṃ virādhetvā gahitaṃ ce, nimittakārako muccati, avahārakasseva pārājikaṃ. Pubbapayogo ādi yassa taṃ pubbapayogādi, pubbapayogādi ca taṃ pañcakañcāti viggaho.
๔๓. เถยฺยญฺจ ปสยฺหญฺจ ปริกโปฺป จ ปฎิจฺฉโนฺน จ กุโส จ เถยฺยปสยฺหปริกปฺปปฎิจฺฉนฺนกุสา, เต อาที อุปปทภูตา เยสํ อวหารานํ เต เถยฺย…เป.… กุสาทิกา , อวหารา, อิมินา เถยฺยาวหาโร จ…เป.… กุสาวหาโร จาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ เถยฺยาวหาโรติ เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, เอตฺถ น-การโลโป นิรุตฺตินเยน ทฎฺฐโพฺพ, เตน อวหรณํ เถยฺยาวหาโร, สนฺธิเจฺฉทาทิวเสน อทิสฺสมาเนน คหณญฺจ กูฎมานกูฎกหาปณาทีหิ วเญฺจตฺวา คหณญฺจ เถยฺยาวหาโรฯ
43. Theyyañca pasayhañca parikappo ca paṭicchanno ca kuso ca theyyapasayhaparikappapaṭicchannakusā, te ādī upapadabhūtā yesaṃ avahārānaṃ te theyya…pe… kusādikā, avahārā, iminā theyyāvahāro ca…pe… kusāvahāro cāti vuttaṃ hoti. Tattha theyyāvahāroti theno vuccati coro, tassa bhāvo theyyaṃ, ettha na-kāralopo niruttinayena daṭṭhabbo, tena avaharaṇaṃ theyyāvahāro, sandhicchedādivasena adissamānena gahaṇañca kūṭamānakūṭakahāpaṇādīhi vañcetvā gahaṇañca theyyāvahāro.
ปสยฺห อภิภวิตฺวา อวหรณํ ปสยฺหาวหาโร, คามวิโลปกา วิย สามิเก อภิภวิตฺวา คหณญฺจ ราชภฎาทโย วิย อภิภวิตฺวา นิพทฺธกรคฺคหเณ อธิกคฺคหณญฺจ ปสยฺหาวหาโรฯ
Pasayha abhibhavitvā avaharaṇaṃ pasayhāvahāro, gāmavilopakā viya sāmike abhibhavitvā gahaṇañca rājabhaṭādayo viya abhibhavitvā nibaddhakaraggahaṇe adhikaggahaṇañca pasayhāvahāro.
วตฺถสุตฺตาทิกํ ปริจฺฉิชฺช กเปฺปตฺวา อวหรณํ ปริกปฺปาวหาโร, โส จ ภโณฺฑกาสปริกปฺปวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ นิกฺขิตฺตภณฺฑํ อนฺธการปฺปเทสํ ปวิสิตฺวา สุตฺตาทิภณฺฑานิ ตตฺถ นิกฺขิตฺตานิ, เต เปฬาทโย คณฺหนฺตสฺส ‘‘วตฺถานิ เจ คณฺหิสฺสามิ, สุตฺตานิ เจ น คณฺหิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปริกเปฺปตฺวา อุกฺขิปนํ ภณฺฑปริกปฺปปุพฺพกตฺตา ภณฺฑปริกปฺปาวหาโร นามฯ อารามปริเวณาทีนิ ปวิสิตฺวา โลภนียํ ภณฺฑํ ทิสฺวา คพฺภปาสาทตลปมุขมาฬกปาการทฺวารโกฎฺฐกาทิํ ยํ กิญฺจิ ฐานํ ปริกเปฺปตฺวา ‘‘เอตฺถนฺตเร ทิโฎฺฐ เจ, โอโลเกตุํ คหิตํ วิย ทสฺสามิ, โน เจ, หริสฺสามี’’ติ ปริกเปฺปตฺวา อาทาย คนฺตฺวา ปริกปฺปิตฎฺฐานาติกฺกโม โอกาสปริกปฺปปุพฺพกตฺตา โอกาสปริกปฺปาวหาโร นามาติ สเงฺขปโต เวทิตโพฺพฯ
Vatthasuttādikaṃ paricchijja kappetvā avaharaṇaṃ parikappāvahāro, so ca bhaṇḍokāsaparikappavasena duvidho hoti. Tattha nikkhittabhaṇḍaṃ andhakārappadesaṃ pavisitvā suttādibhaṇḍāni tattha nikkhittāni, te peḷādayo gaṇhantassa ‘‘vatthāni ce gaṇhissāmi, suttāni ce na gaṇhissāmī’’tiādinā nayena parikappetvā ukkhipanaṃ bhaṇḍaparikappapubbakattā bhaṇḍaparikappāvahāro nāma. Ārāmapariveṇādīni pavisitvā lobhanīyaṃ bhaṇḍaṃ disvā gabbhapāsādatalapamukhamāḷakapākāradvārakoṭṭhakādiṃ yaṃ kiñci ṭhānaṃ parikappetvā ‘‘etthantare diṭṭho ce, oloketuṃ gahitaṃ viya dassāmi, no ce, harissāmī’’ti parikappetvā ādāya gantvā parikappitaṭṭhānātikkamo okāsaparikappapubbakattā okāsaparikappāvahāro nāmāti saṅkhepato veditabbo.
ติณปณฺณาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนสฺส ภณฺฑสฺส อวหรณํ ปฎิจฺฉนฺนาวหาโร, อุยฺยานาทีสุ กีฬมาเนหิ วา สงฺฆปริวิสเนฺตหิ วา มนุเสฺสหิ โอมุญฺจิตฺวา ฐปิตํ อลงฺการาทิกํ ยํ กิญฺจิ ภณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘โอณมิตฺวา คณฺหเนฺต อาสงฺกนฺตี’’ติ ฐตฺวา ติณปณฺณปํสุวาลุกาทีหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา สามิเกสุ ปริเยสิตฺวา อทิสฺวา สาลเยสุ คเตสุ ปจฺฉา เถยฺยจิเตฺตน คหณญฺจ ตเทว ภณฺฑํ กทฺทมาทีสุ เถยฺยจิเตฺตน องฺคุฎฺฐาทีหิ ปีเฬตฺวา โอสีทาเปตฺวา เหฎฺฐาภาเคน ผุฎฺฐฎฺฐานํ อุปริภาเคน อติกฺกมนญฺจ ปฎิจฺฉนฺนาวหาโรติ วุตฺตํ โหติฯ
Tiṇapaṇṇādīhi paṭicchannassa bhaṇḍassa avaharaṇaṃ paṭicchannāvahāro, uyyānādīsu kīḷamānehi vā saṅghaparivisantehi vā manussehi omuñcitvā ṭhapitaṃ alaṅkārādikaṃ yaṃ kiñci bhaṇḍaṃ disvā ‘‘oṇamitvā gaṇhante āsaṅkantī’’ti ṭhatvā tiṇapaṇṇapaṃsuvālukādīhi paṭicchādetvā sāmikesu pariyesitvā adisvā sālayesu gatesu pacchā theyyacittena gahaṇañca tadeva bhaṇḍaṃ kaddamādīsu theyyacittena aṅguṭṭhādīhi pīḷetvā osīdāpetvā heṭṭhābhāgena phuṭṭhaṭṭhānaṃ uparibhāgena atikkamanañca paṭicchannāvahāroti vuttaṃ hoti.
กุเสน อวหาโร กุสาวหาโร, เถยฺยจิเตฺตน กุสํ สงฺกาเมตฺวา ปรโกฎฺฐาสสฺส อเคฺฆน มหนฺตสฺส วา สมสมสฺส วา คหณนฺติ อโตฺถฯ โย ปน ภิกฺขุ กุสปาตเนน สงฺฆสฺส จีวเรสุ ภาชิยมาเนสุ อตฺตโน โกฎฺฐาเสน สมํ วา อธิกํ วา อูนกํ วา อเคฺฆน ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ อญฺญสฺส โกฎฺฐาสํ อวหริตุกาโม อตฺตโน โกฎฺฐาเส ปติตํ กุสํ ปรโกฎฺฐาเส ปาเตตุกาโม อุทฺธรติ, ตงฺขเณ จ ปรสฺส โกฎฺฐาเส ปาติตกฺขเณ จ น ปาราชิกํ อนาปชฺชิตฺวา ปรโกฎฺฐาสโต ปรนามลิขิตํ กุสํ อุกฺขิเปโนฺต ตโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปนาเมติ, ปาราชิโก โหติฯ ยทิ ปฐมํ ปรโกฎฺฐาสโต กุสํ อุทฺธรติ, อุทฺธฎกฺขเณ จ อตฺตโน โกฎฺฐาเส ปาติตกฺขเณ จ สกนามลิขิตํ กุสํ อุทฺธรณกฺขเณ จ ปาราชิกํ อนาปชฺชิตฺวา ปรโกฎฺฐาเส ปาตนกฺขเณ หตฺถโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ มุเตฺต ปาราชิโก โหติฯ
Kusena avahāro kusāvahāro, theyyacittena kusaṃ saṅkāmetvā parakoṭṭhāsassa agghena mahantassa vā samasamassa vā gahaṇanti attho. Yo pana bhikkhu kusapātanena saṅghassa cīvaresu bhājiyamānesu attano koṭṭhāsena samaṃ vā adhikaṃ vā ūnakaṃ vā agghena pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ aññassa koṭṭhāsaṃ avaharitukāmo attano koṭṭhāse patitaṃ kusaṃ parakoṭṭhāse pātetukāmo uddharati, taṅkhaṇe ca parassa koṭṭhāse pātitakkhaṇe ca na pārājikaṃ anāpajjitvā parakoṭṭhāsato paranāmalikhitaṃ kusaṃ ukkhipento tato kesaggamattampi apanāmeti, pārājiko hoti. Yadi paṭhamaṃ parakoṭṭhāsato kusaṃ uddharati, uddhaṭakkhaṇe ca attano koṭṭhāse pātitakkhaṇe ca sakanāmalikhitaṃ kusaṃ uddharaṇakkhaṇe ca pārājikaṃ anāpajjitvā parakoṭṭhāse pātanakkhaṇe hatthato kesaggamattampi mutte pārājiko hoti.
ยทิ เทฺวปิ กุเส ปฎิจฺฉาเทตฺวา สเพฺพสุ ภิกฺขูสุ สกสกโกฎฺฐาสํ อาทาย คเตสุ ยสฺมิํ กุสํ ปฎิจฺฉาเทสิ, ตสฺส สามิเกน อาคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ กุโส กสฺมา น ทิสฺสตี’’ติ วุเตฺต โจโร ‘‘มยฺหมฺปิ กุโส น ทิสฺสตี’’ติ วตฺวา อตฺตโน โกฎฺฐาสํ ตสฺส สนฺตกํ วิย ทเสฺสตฺวา ตสฺมิํ วิวทิตฺวา วา อวิวทิตฺวา วา คเหตฺวา คเต อิตรํ โกฎฺฐาสํ อุทฺธรติ เจ, อุทฺธฎกฺขเณเยว ปาราชิโก โหติฯ ยทิ ปโร ‘‘มยฺหํ โกฎฺฐาสํ ตุยฺหํ น เทมิ, ตฺวํ ตุยฺหํ โกฎฺฐาสํ วิจินิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วทติ, เอวํ วุเตฺต โส อตฺตโน อสฺสามิกภาวํ ชานโนฺตปิ ปรสฺส โกฎฺฐาสํ อุทฺธรติ, อุทฺธฎกฺขเณ ปาราชิโก โหติฯ ยทิ ปโร วิวาทภีรุกตฺตา ‘‘กิํ วิวาเทนา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มยฺหํ วา ปตฺตํ โหตุ ตุยฺหํ วา, วรโกฎฺฐาสํ ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ วเทยฺย, ทินฺนกํ นาม คหิตํ โหตีติ ปาราชิกํ น โหตีติฯ ยทิ ‘‘ตว รุจฺจนกํ คณฺหาหี’’ติ วุโตฺต วิวาทภเยน อตฺตโน ปตฺตํ วรภาคํ ฐเปตฺวา ลามกภาคํ คเหตฺวา คโต, โจโร ปจฺฉา คณฺหโนฺต วิจิตาวเสสํ นาม อคฺคเหสีติ ปาราชิโก น โหติฯ เอวํ กุสาวหารวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อยเมตฺถ ปญฺจวีสติยา อวหาเรสุ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Yadi dvepi kuse paṭicchādetvā sabbesu bhikkhūsu sakasakakoṭṭhāsaṃ ādāya gatesu yasmiṃ kusaṃ paṭicchādesi, tassa sāmikena āgantvā ‘‘mayhaṃ kuso kasmā na dissatī’’ti vutte coro ‘‘mayhampi kuso na dissatī’’ti vatvā attano koṭṭhāsaṃ tassa santakaṃ viya dassetvā tasmiṃ vivaditvā vā avivaditvā vā gahetvā gate itaraṃ koṭṭhāsaṃ uddharati ce, uddhaṭakkhaṇeyeva pārājiko hoti. Yadi paro ‘‘mayhaṃ koṭṭhāsaṃ tuyhaṃ na demi, tvaṃ tuyhaṃ koṭṭhāsaṃ vicinitvā gaṇhāhī’’ti vadati, evaṃ vutte so attano assāmikabhāvaṃ jānantopi parassa koṭṭhāsaṃ uddharati, uddhaṭakkhaṇe pārājiko hoti. Yadi paro vivādabhīrukattā ‘‘kiṃ vivādenā’’ti cintetvā ‘‘mayhaṃ vā pattaṃ hotu tuyhaṃ vā, varakoṭṭhāsaṃ tvaṃ gaṇhāhī’’ti vadeyya, dinnakaṃ nāma gahitaṃ hotīti pārājikaṃ na hotīti. Yadi ‘‘tava ruccanakaṃ gaṇhāhī’’ti vutto vivādabhayena attano pattaṃ varabhāgaṃ ṭhapetvā lāmakabhāgaṃ gahetvā gato, coro pacchā gaṇhanto vicitāvasesaṃ nāma aggahesīti pārājiko na hoti. Evaṃ kusāvahāravinicchayo veditabbo. Ayamettha pañcavīsatiyā avahāresu saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāya vinayasaṃvaṇṇanāya vuttanayeneva veditabbo.
๔๔. เอตฺตาวตา อทินฺนาทานปาราชิกสฺส วินิจฺฉยาวยวรูเปน อุคฺคเหตเพฺพ ปญฺจวีสติ อวหาเร ทเสฺสตฺวา อิทานิ อทินฺนาทานวินิจฺฉเย สมฺปเตฺต สหสา อาปตฺติํ อนาโรเปตฺวา ปฐมํ โอโลเกตพฺพานิ ปญฺจ ฐานานิ ทเสฺสตุํ ‘‘วตฺถุกาลคฺฆเทเส จา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ
44. Ettāvatā adinnādānapārājikassa vinicchayāvayavarūpena uggahetabbe pañcavīsati avahāre dassetvā idāni adinnādānavinicchaye sampatte sahasā āpattiṃ anāropetvā paṭhamaṃ oloketabbāni pañca ṭhānāni dassetuṃ ‘‘vatthukālagghadese cā’’tiādi āraddhaṃ.
ตตฺถ วตฺถุ นาม อวหฎภณฺฑํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? อวหารเกน ‘‘มยา อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหฎ’’นฺติ วุเตฺตปิ ตสฺส ภณฺฑสฺส สสฺสามิกอสฺสามิกภาวํ อุปปริกฺขิตฺวา สสฺสามิกํ เจ, อวหารกาเล เตสํ สาลยภาวํ วา นิราลยภาวํ วา นิยเมตฺวา สาลยกาเล เจ คหิตํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา มาสกํ วา อูนมาสกํ วา โหติ, ทุกฺกเฎน, อติเรกมาสกํ วา อูนปญฺจมาสกํ วา โหติ, ถุลฺลจฺจเยน, ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา โหติ, ปาราชิเกน กาตโพฺพฯ สามิกานํ นิราลยกาเล เจ คหิตํ, นตฺถิ ปาราชิกํฯ ภณฺฑสามิเก ปน ภณฺฑํ อาหราเปเนฺต ตํ วา ภณฺฑํ ตทคฺฆนกํ วา ทาตพฺพนฺติฯ
Tattha vatthu nāma avahaṭabhaṇḍaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Avahārakena ‘‘mayā itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avahaṭa’’nti vuttepi tassa bhaṇḍassa sassāmikaassāmikabhāvaṃ upaparikkhitvā sassāmikaṃ ce, avahārakāle tesaṃ sālayabhāvaṃ vā nirālayabhāvaṃ vā niyametvā sālayakāle ce gahitaṃ, bhaṇḍaṃ agghāpetvā māsakaṃ vā ūnamāsakaṃ vā hoti, dukkaṭena, atirekamāsakaṃ vā ūnapañcamāsakaṃ vā hoti, thullaccayena, pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā hoti, pārājikena kātabbo. Sāmikānaṃ nirālayakāle ce gahitaṃ, natthi pārājikaṃ. Bhaṇḍasāmike pana bhaṇḍaṃ āharāpente taṃ vā bhaṇḍaṃ tadagghanakaṃ vā dātabbanti.
กาโล นาม อวหารกาโลฯ ภณฺฑํ นาเมตํ กทาจิ มหคฺฆํ โหติ, กทาจิ สมคฺฆํฯ ตสฺมา อวหฎภณฺฑสฺส อคฺฆํ ปริจฺฉินฺทเนฺตหิ อวหฎกาลานุรูปํ กตฺวา ปริจฺฉินฺทนตฺถํ กาลวินิจฺฉโย กาตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
Kālo nāma avahārakālo. Bhaṇḍaṃ nāmetaṃ kadāci mahagghaṃ hoti, kadāci samagghaṃ. Tasmā avahaṭabhaṇḍassa agghaṃ paricchindantehi avahaṭakālānurūpaṃ katvā paricchindanatthaṃ kālavinicchayo kātabboti vuttaṃ hoti.
อโคฺฆ นาม อวหฎภณฺฑสฺส อโคฺฆฯ เอตฺถ จ สพฺพทา ภณฺฑานํ อโคฺฆ สมานรูโป น โหติ, นวภณฺฑํ มหคฺฆํ โหติ, ปุราณํ เจ สมคฺฆํฯ ตสฺมา อวหารกาเล ภณฺฑสฺส นวภาวํ วา ปุราณภาวํ วา นิยเมตฺวา อโคฺฆ ปริจฺฉินฺทิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
Aggho nāma avahaṭabhaṇḍassa aggho. Ettha ca sabbadā bhaṇḍānaṃ aggho samānarūpo na hoti, navabhaṇḍaṃ mahagghaṃ hoti, purāṇaṃ ce samagghaṃ. Tasmā avahārakāle bhaṇḍassa navabhāvaṃ vā purāṇabhāvaṃ vā niyametvā aggho paricchinditabboti adhippāyo.
เทโส จาติ ภณฺฑาวหารเทโสฯ เอตฺถ จ สพฺพสฺสาปิ ภณฺฑสฺส อุฎฺฐานเทเส สมคฺฆํ หุตฺวา อญฺญตฺถ มหคฺฆตฺตา อวหฎภเณฺฑ อคฺฆํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตทนุรูปา อาปตฺติโย นิยมเนฺตหิ อคฺฆํ ปริจฺฉินฺทนตฺถาย อวหารเทสํ นิยเมตฺวา ตสฺมิํ เทเส อคฺฆวเสน ตทนุรูปา อาปตฺติโย กาเรตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ
Deso cāti bhaṇḍāvahāradeso. Ettha ca sabbassāpi bhaṇḍassa uṭṭhānadese samagghaṃ hutvā aññattha mahagghattā avahaṭabhaṇḍe agghaṃ paricchinditvā tadanurūpā āpattiyo niyamantehi agghaṃ paricchindanatthāya avahāradesaṃ niyametvā tasmiṃ dese agghavasena tadanurūpā āpattiyo kāretabbāti adhippāyo.
ปริโภโค นาม อวหฎภเณฺฑ อวหารโต ปุเพฺพ ปเรหิ กตปริโภโคฯ เอตฺถ จ ยสฺส กสฺสจิ ภณฺฑสฺส ปริโภเคน อโคฺฆ ปริหายตีติ ภณฺฑสามิกํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมิํ ภเณฺฑ นเวปิ เอกวารมฺปิ เยน เกนจิ ปกาเรน ปริภุเตฺต ปริหาเปตฺวา อโคฺฆ ปริจฺฉินฺทิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
Paribhogo nāma avahaṭabhaṇḍe avahārato pubbe parehi kataparibhogo. Ettha ca yassa kassaci bhaṇḍassa paribhogena aggho parihāyatīti bhaṇḍasāmikaṃ pucchitvā tasmiṃ bhaṇḍe navepi ekavārampi yena kenaci pakārena paribhutte parihāpetvā aggho paricchinditabboti vuttaṃ hoti.
เอวมาทินา นเยน เอตานิ ปญฺจ ฐานานิ อุปปริกฺขิตฺวาว วินิจฺฉโย กาตโพฺพติ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปญฺจปิ ญตฺวา เอตานิ กตฺตโพฺพ ปณฺฑิเตน วินิจฺฉโย’’ติฯ
Evamādinā nayena etāni pañca ṭhānāni upaparikkhitvāva vinicchayo kātabboti dassetumāha ‘‘pañcapi ñatvā etāni kattabbo paṇḍitena vinicchayo’’ti.
๔๕. เอตฺตาวตา อทินฺนาทานวินิจฺฉยาวยวภูเต ปญฺจวีสติ อวหาเร จ ปญฺจฎฺฐานาวโลกนญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อนาคเต ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสปิทหนตฺถํ ปรสนฺตกํ ยํ กิญฺจิ วตฺถุํ ยตฺถ กตฺถจิ ฐิตํ เยน เกนจิ ปกาเรน คณฺหโต โมกฺขาภาวํ ทเสฺสตุกาเมน ตถาคเตน ยา ปเนตา –
45. Ettāvatā adinnādānavinicchayāvayavabhūte pañcavīsati avahāre ca pañcaṭṭhānāvalokanañca dassetvā idāni anāgate pāpabhikkhūnaṃ lesokāsapidahanatthaṃ parasantakaṃ yaṃ kiñci vatthuṃ yattha katthaci ṭhitaṃ yena kenaci pakārena gaṇhato mokkhābhāvaṃ dassetukāmena tathāgatena yā panetā –
ภูมฎฺฐญฺจ ถลฎฺฐญฺจ;
Bhūmaṭṭhañca thalaṭṭhañca;
อากาสฎฺฐ มถาปรํ;
Ākāsaṭṭha mathāparaṃ;
เวหาสโฎฺฐ ทกฎฺฐญฺจ;
Vehāsaṭṭho dakaṭṭhañca;
นาวา ยานฎฺฐเมว จฯ
Nāvā yānaṭṭhameva ca.
ภารา ราม วิหารฎฺฐํ;
Bhārā rāma vihāraṭṭhaṃ;
เขตฺต วตฺถุฎฺฐเมว จ;
Khetta vatthuṭṭhameva ca;
คามา รญฺญฎฺฐ มุทกํ;
Gāmā raññaṭṭha mudakaṃ;
ทนฺตโปโน วนปฺปติฯ
Dantapono vanappati.
หรณโก ปนิธิ เจว;
Haraṇako panidhi ceva;
สุงฺกฆาตกํ ปาณกา;
Suṅkaghātakaṃ pāṇakā;
อปทํ ทฺวิปทเญฺจว;
Apadaṃ dvipadañceva;
จตุปฺปทํ พหุปฺปทํฯ
Catuppadaṃ bahuppadaṃ.
โอจรโกณิรโกฺข จ;
Ocarakoṇirakkho ca;
สํวิทาหรณมฺปิ จ;
Saṃvidāharaṇampi ca;
สเงฺกตกมฺมํ นิมิตฺต-
Saṅketakammaṃ nimitta-
มิติ ติํ เสตฺถ มาติกาฯ –
Miti tiṃ settha mātikā. –
นิกฺขิตฺตา , ตาสํ ยถากฺกมํ ปทภาชเน, ตทฎฺฐกถาย จ อาคตนเยน วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุกาโม ปฐมํ ตาว ภูมเฎฺฐ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ทุติยํ วาปี’’ติอาทิฯ
Nikkhittā , tāsaṃ yathākkamaṃ padabhājane, tadaṭṭhakathāya ca āgatanayena vinicchayaṃ dassetukāmo paṭhamaṃ tāva bhūmaṭṭhe vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘dutiyaṃ vāpī’’tiādi.
ตตฺถ ทุติยํ เถยฺยจิเตฺตน ปริเยสโต ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ สพฺพปเทสุฯ อุปริ สญฺชาตาหิ รุกฺขลตาหิ, อิฎฺฐกปาสาณาทีหิ จ สญฺฉนฺนํ มหานิธิํ อุทฺธริตุกาเมน ‘‘มยา เอเกเนว น สกฺกา’’ติ อตฺตโน อญฺญํ สหายํ ปริเยสิตุํ เถยฺยจิเตฺตน สยิตฎฺฐานา อุฎฺฐานาทีสุ สพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎํ โหตีติ อโตฺถฯ กุทาลํ ภูมิขณนตฺถาย ปิฎกํ วาปิ ปํสุอุทฺธรณตฺถาย ยํ กิญฺจิ ภาชนํฯ อิเมสุ ทฺวีสุ กุทาลสฺส เจ ทโณฺฑ นตฺถิ, ทณฺฑตฺถาย รุกฺขโต ทณฺฑํ ฉินฺทโต จ กุทาโล เจ น โหติ, กุทาลกรณตฺถาย อโยพีชํ อุทฺธรณตฺถาย อกปฺปิยปถวิํ ขณนฺตสฺสปิ ปจฺฉิกรณตฺถาย ปณฺณานิ ฉินฺทโตปิ ปิฎกวายนตฺถาย วลฺลิํ ฉินฺทโตปิ อุภยตฺถาปิ ปริเยสเน มุสา ภณโตปิ ทุกฺกฎเญฺจว ปาจิตฺติยญฺจ, อิตรปโยเคสุ ทุกฺกฎเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha dutiyaṃ theyyacittena pariyesato dukkaṭanti sambandho. Evaṃ sabbapadesu. Upari sañjātāhi rukkhalatāhi, iṭṭhakapāsāṇādīhi ca sañchannaṃ mahānidhiṃ uddharitukāmena ‘‘mayā ekeneva na sakkā’’ti attano aññaṃ sahāyaṃ pariyesituṃ theyyacittena sayitaṭṭhānā uṭṭhānādīsu sabbapayogesu dukkaṭaṃ hotīti attho. Kudālaṃ bhūmikhaṇanatthāya piṭakaṃ vāpi paṃsuuddharaṇatthāya yaṃ kiñci bhājanaṃ. Imesu dvīsu kudālassa ce daṇḍo natthi, daṇḍatthāya rukkhato daṇḍaṃ chindato ca kudālo ce na hoti, kudālakaraṇatthāya ayobījaṃ uddharaṇatthāya akappiyapathaviṃ khaṇantassapi pacchikaraṇatthāya paṇṇāni chindatopi piṭakavāyanatthāya valliṃ chindatopi ubhayatthāpi pariyesane musā bhaṇatopi dukkaṭañceva pācittiyañca, itarapayogesu dukkaṭamevāti veditabbaṃ.
คจฺฉโตติ ทุติยาทิํ ปริเยสิตฺวา ลทฺธา วา อลทฺธา วา นิธิฎฺฐานํ คจฺฉนฺตสฺส ปเท ปเท ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘เถยฺยจิโตฺต ทุติยํ วา ปริเยสตี’’ติอาทิ ปาฬิยํ (ปารา. ๙๔) ‘‘เถยฺยจิโตฺต’’ติ วุตฺตตฺตา, อิธ ‘‘เถยฺยจิเตฺตนา’’ติ วจนโต ‘‘อิมํ นิธิํ ลภิตฺวา พุทฺธปูชํ วา กริสฺสามิ, สงฺฆภตฺตํ วา กริสฺสามี’’ติ เอวมาทินา นเยน กุสลจิตฺตปฺปวตฺติยา สติ อนาปตฺตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุพฺพโยคโตติ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคภาวโต, ทุติยปริเยสนาทีสุ ปุพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ
Gacchatoti dutiyādiṃ pariyesitvā laddhā vā aladdhā vā nidhiṭṭhānaṃ gacchantassa pade pade dukkaṭanti attho. Ettha ca ‘‘theyyacitto dutiyaṃ vā pariyesatī’’tiādi pāḷiyaṃ (pārā. 94) ‘‘theyyacitto’’ti vuttattā, idha ‘‘theyyacittenā’’ti vacanato ‘‘imaṃ nidhiṃ labhitvā buddhapūjaṃ vā karissāmi, saṅghabhattaṃ vā karissāmī’’ti evamādinā nayena kusalacittappavattiyā sati anāpattīti daṭṭhabbaṃ. Pubbayogatoti adinnādānassa pubbapayogabhāvato, dutiyapariyesanādīsu pubbapayogesu dukkaṭanti attho.
ทุกฺกฎญฺจ อฎฺฐวิธํ โหติ ปุพฺพปโยคทุกฺกฎํ สหปโยคทุกฺกฎํ อนามาสทุกฺกฎํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎํ ญาตทุกฺกฎํ ญตฺติทุกฺกฎํ ปฎิสฺสวทุกฺกฎนฺติฯ ตตฺถ ‘‘เถยฺยจิโตฺต ทุติยํ วา กุทาลํ วา ปิฎกํ วา ปริเยสติ คจฺฉติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตํ ปุพฺพปโยคทุกฺกฎํ นามฯ อิธ ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยํ, อิตเรสุ ปุพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎํฯ ‘‘ตตฺถชาตกํ กฎฺฐํ วา ลตํ วา ฉินฺทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตํ สหปโยคทุกฺกฎํฯ อิธ อทินฺนาทานสหิตปโยคตฺตา ปาจิตฺติยวตฺถุมฺหิ, อิตรตฺร จ ทุกฺกฎเมวาติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ มุตฺตามณิอาทีสุ ทสสุ รตเนสุ, สาลิอาทีสุ สตฺตสุ ธเญฺญสุ, สเพฺพสุ จ อาวุธภณฺฑาทีสุ อามสนปจฺจยา ทุกฺกฎํ อนามาสทุกฺกฎํฯ กทลินาฬิเกรปนสาทิรุกฺขฎฺฐเมว ผลํ อามสนฺตสฺส วุตฺตํ ทุกฺกฎํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํฯ อุปจรณํ อุปจิณฺณํ, ปรามสนนฺติ อโตฺถฯ ทุฎฺฐุ อุปจิณฺณํ ทุรุปจิณฺณํ, ทุรุปจิเณฺณ ทุกฺกฎํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํฯ ภิกฺขาจารกาเล ปเตฺต รชสฺมิํ ปติเต ปตฺตํ อปฺปฎิคฺคเหตฺวา วา อโธวิตฺวา วา ภิกฺขาปฎิคฺคหเณน ทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎํ, วินเย ปญฺญตฺตํ ทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎํฯ กิญฺจาปิ อวเสสทุกฺกฎานิปิ วินเย ปญฺญตฺตาเนว, ตถาปิ รุฬฺหิยา มยูราทิสเทฺทหิ โมราทโย วิย อิทเมว ตถา วุจฺจติฯ ‘‘สุตฺวา น วทนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตํ ญาตทุกฺกฎํ นามฯ เอกาทสสุ สมนุภาสนาสุ ‘‘ญตฺติยา ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตํ ญตฺติทุกฺกฎํฯ ‘‘ตสฺส ภิกฺขเว ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปญฺญายติ, ปฎิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๗) วุตฺตํ ปฎิสฺสวทุกฺกฎํ นามฯ อิเมสุ อฎฺฐสุ ทุกฺกเฎสุ อิธ อาปชฺชิตพฺพํ ทุกฺกฎํ ปุพฺพปโยคทุกฺกฎํ นามฯ เตนาห ‘‘ปุพฺพโยคโต’’ติฯ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อุปสคฺคํ อนาทิยิตฺวา ‘‘ปุพฺพปโยคโต’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘ปุพฺพโยคโต’’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ
Dukkaṭañca aṭṭhavidhaṃ hoti pubbapayogadukkaṭaṃ sahapayogadukkaṭaṃ anāmāsadukkaṭaṃ durupaciṇṇadukkaṭaṃ vinayadukkaṭaṃ ñātadukkaṭaṃ ñattidukkaṭaṃ paṭissavadukkaṭanti. Tattha ‘‘theyyacitto dutiyaṃ vā kudālaṃ vā piṭakaṃ vā pariyesati gacchati vā, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttaṃ pubbapayogadukkaṭaṃ nāma. Idha pācittiyaṭṭhāne pācittiyaṃ, itaresu pubbapayogesu dukkaṭaṃ. ‘‘Tatthajātakaṃ kaṭṭhaṃ vā lataṃ vā chindati, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttaṃ sahapayogadukkaṭaṃ. Idha adinnādānasahitapayogattā pācittiyavatthumhi, itaratra ca dukkaṭamevāti ayamettha viseso. Muttāmaṇiādīsu dasasu ratanesu, sāliādīsu sattasu dhaññesu, sabbesu ca āvudhabhaṇḍādīsu āmasanapaccayā dukkaṭaṃ anāmāsadukkaṭaṃ. Kadalināḷikerapanasādirukkhaṭṭhameva phalaṃ āmasantassa vuttaṃ dukkaṭaṃ durupaciṇṇadukkaṭaṃ. Upacaraṇaṃ upaciṇṇaṃ, parāmasananti attho. Duṭṭhu upaciṇṇaṃ durupaciṇṇaṃ, durupaciṇṇe dukkaṭaṃ durupaciṇṇadukkaṭaṃ. Bhikkhācārakāle patte rajasmiṃ patite pattaṃ appaṭiggahetvā vā adhovitvā vā bhikkhāpaṭiggahaṇena dukkaṭaṃ vinayadukkaṭaṃ, vinaye paññattaṃ dukkaṭaṃ vinayadukkaṭaṃ. Kiñcāpi avasesadukkaṭānipi vinaye paññattāneva, tathāpi ruḷhiyā mayūrādisaddehi morādayo viya idameva tathā vuccati. ‘‘Sutvā na vadanti, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttaṃ ñātadukkaṭaṃ nāma. Ekādasasu samanubhāsanāsu ‘‘ñattiyā dukkaṭa’’nti vuttaṃ ñattidukkaṭaṃ. ‘‘Tassa bhikkhave bhikkhuno purimikā ca na paññāyati, paṭissave ca āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 207) vuttaṃ paṭissavadukkaṭaṃ nāma. Imesu aṭṭhasu dukkaṭesu idha āpajjitabbaṃ dukkaṭaṃ pubbapayogadukkaṭaṃ nāma. Tenāha ‘‘pubbayogato’’ti. Gāthābandhasukhatthaṃ upasaggaṃ anādiyitvā ‘‘pubbapayogato’’ti vattabbe ‘‘pubbayogato’’ti vuttanti gahetabbaṃ.
เอตฺถ จ กิญฺจาปิ อิเมสุ ทุกฺกเฎสุ อสงฺคหิตานิ อุภโตวิภงฺคาคตานิ ทิวาเสยฺยาทิทุกฺกฎานิ เจว ขนฺธกาคตานิ จ พหูนิ ทุกฺกฎานิ สนฺติ, ตานิ ปเนตฺถ วินยทุกฺกเฎเยว สงฺคหิตพฺพานิฯ ‘‘วินเย ปญฺญตฺตํ ทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎ’’นฺติ หิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๙๔) วุตฺตนฺติฯ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) ปน รโชกิณฺณทุกฺกฎเสฺสว ‘‘วินยทุกฺกฎ’’นฺติ คหณํ อุปลกฺขณมตฺตํฯ อิตรถา อฎฺฐ ทุกฺกฎานีติ คณนาปริเจฺฉโทเยว นิรตฺถโก สิยาติ ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฎาทีนมฺปิ วินยทุกฺกเฎเยว สงฺคเหตพฺพภาเวปิ กติปยานิ ทเสฺสตฺวา อิตเรสเมกโต ทสฺสนตฺถํ เตสํ วิสุํ คหณํ สุตฺตงฺคสงฺคหิตเตฺตปิ เคยฺยคาถาทีนํ อฎฺฐนฺนํ วิสุํ ทสฺสนํ วิยาติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca kiñcāpi imesu dukkaṭesu asaṅgahitāni ubhatovibhaṅgāgatāni divāseyyādidukkaṭāni ceva khandhakāgatāni ca bahūni dukkaṭāni santi, tāni panettha vinayadukkaṭeyeva saṅgahitabbāni. ‘‘Vinaye paññattaṃ dukkaṭaṃ vinayadukkaṭa’’nti hi sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. 2.94) vuttanti. Aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.94) pana rajokiṇṇadukkaṭasseva ‘‘vinayadukkaṭa’’nti gahaṇaṃ upalakkhaṇamattaṃ. Itarathā aṭṭha dukkaṭānīti gaṇanāparicchedoyeva niratthako siyāti pubbapayoge dukkaṭādīnampi vinayadukkaṭeyeva saṅgahetabbabhāvepi katipayāni dassetvā itaresamekato dassanatthaṃ tesaṃ visuṃ gahaṇaṃ suttaṅgasaṅgahitattepi geyyagāthādīnaṃ aṭṭhannaṃ visuṃ dassanaṃ viyāti veditabbaṃ.
๔๖. ตตฺถชาตกํ กฎฺฐํ วาติ ตสฺมิํ จิรนิหิตนิธูปริ ชาตํ อลฺลํ สุกฺขํ กฎฺฐํ วาฯ ลตํ วาติ ตาทิสํ วลฺลิํ วาฯ อิทํ อุปลกฺขณํ ติณาทีนํ ขุทฺทกคจฺฉานญฺจ คเหตพฺพตฺตาฯ อุภยตฺถาปีติ อเลฺล จ สุเกฺข จาติ วุตฺตํ โหติฯ อลฺลรุกฺขาทีนิ ฉินฺทโต ปาจิตฺติยํ อหุตฺวา ทุกฺกฎมตฺตสฺส ภวเน การณํ ทเสฺสติ ‘‘สหปโยคโต’’ติฯ อวหาเรน สหิตปโยคตฺตา ปาจิตฺติยฎฺฐาเนปิ ทุกฺกฎเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘สหปโยคโต อุภยตฺถาปิ ทุกฺกฎ’’นฺติ วทโนฺต ปฐมคาถาย ทสฺสิตปุพฺพปโยคโต อิมาย ทสฺสิตสหปโยคสฺส วิเสสํ ทเสฺสติฯ
46.Tatthajātakaṃ kaṭṭhaṃ vāti tasmiṃ ciranihitanidhūpari jātaṃ allaṃ sukkhaṃ kaṭṭhaṃ vā. Lataṃ vāti tādisaṃ valliṃ vā. Idaṃ upalakkhaṇaṃ tiṇādīnaṃ khuddakagacchānañca gahetabbattā. Ubhayatthāpīti alle ca sukkhe cāti vuttaṃ hoti. Allarukkhādīni chindato pācittiyaṃ ahutvā dukkaṭamattassa bhavane kāraṇaṃ dasseti ‘‘sahapayogato’’ti. Avahārena sahitapayogattā pācittiyaṭṭhānepi dukkaṭamevāti vuttaṃ hoti. ‘‘Sahapayogato ubhayatthāpi dukkaṭa’’nti vadanto paṭhamagāthāya dassitapubbapayogato imāya dassitasahapayogassa visesaṃ dasseti.
๔๗. ปถวินฺติ กปฺปิยํ วา อกปฺปิยํ วา ปถวิํฯ อกปฺปิยปถวิํ ขณโต สหปโยคตฺตา ทุกฺกฎเมวฯ พฺยูหโตติ ปํสุํ เอกโต ราสิํ กโรนฺตสฺสฯ ‘‘วิยูหติ เอกปเสฺส ราสิํ กโรตี’’ติ อฎฺฐกถาวจนโต อูห-อิเจฺจตสฺส ธาตุโน วิตเกฺก อุปฺปนฺนเตฺตปิ ธาตูนมเนกตฺถตฺตา วิ-อุปสคฺควเสน อิธ ราสิกรเณ วตฺตตีติ คเหตพฺพํฯ ราสิภูตํ ปํสุํ กุทาเลน วา หเตฺถน วา ปจฺฉิยา วา อุทฺธรนฺตสฺส จ อปเนนฺตสฺส จ ปโยคคณนาย ทุกฺกฎํ ปํสุเมว วาติ เอตฺถ อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน วา-สเทฺทน สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อามสนฺตสฺสาติ นิธิกุมฺภิํ หเตฺถน ปรามสนฺตสฺสฯ วาติ สมุจฺจเยฯ ทุกฺกฎนฺติ ทุฎฺฐุ กตํ กิริยํ สตฺถารา วุตฺตํ วิราเธตฺวา ขลิตฺวา กตตฺตาติ ทุกฺกฎํฯ วุตฺตเญฺจตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๓๙) –
47.Pathavinti kappiyaṃ vā akappiyaṃ vā pathaviṃ. Akappiyapathaviṃ khaṇato sahapayogattā dukkaṭameva. Byūhatoti paṃsuṃ ekato rāsiṃ karontassa. ‘‘Viyūhati ekapasse rāsiṃ karotī’’ti aṭṭhakathāvacanato ūha-iccetassa dhātuno vitakke uppannattepi dhātūnamanekatthattā vi-upasaggavasena idha rāsikaraṇe vattatīti gahetabbaṃ. Rāsibhūtaṃ paṃsuṃ kudālena vā hatthena vā pacchiyā vā uddharantassa ca apanentassa ca payogagaṇanāya dukkaṭaṃ paṃsumeva vāti ettha avuttasamuccayatthena vā-saddena saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Āmasantassāti nidhikumbhiṃ hatthena parāmasantassa. Vāti samuccaye. Dukkaṭanti duṭṭhu kataṃ kiriyaṃ satthārā vuttaṃ virādhetvā khalitvā katattāti dukkaṭaṃ. Vuttañcetaṃ parivāre (pari. 339) –
‘‘ทุกฺกฎนฺติ หิ ยํ วุตฺตํ, ตํ สุโณหิ ยถาตถํ;
‘‘Dukkaṭanti hi yaṃ vuttaṃ, taṃ suṇohi yathātathaṃ;
อปรทฺธํ วิรทฺธญฺจ, ขลิตํ ยญฺจ ทุกฺกฎ’’นฺติฯ
Aparaddhaṃ viraddhañca, khalitaṃ yañca dukkaṭa’’nti.
ทุฎฺฐุ วา วิรูปํ กตํ กิริยาติ ทุกฺกฎํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๓๙) –
Duṭṭhu vā virūpaṃ kataṃ kiriyāti dukkaṭaṃ. Vuttampi cetaṃ parivāre (pari. 339) –
‘‘ยํ มนุโสฺส กเร ปาปํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห;
‘‘Yaṃ manusso kare pāpaṃ, āvi vā yadi vā raho;
‘ทุกฺกฎ’นฺติ ปเวเทนฺติ, เตเนตํ อิติ วุจฺจตี’’ติฯ
‘Dukkaṭa’nti pavedenti, tenetaṃ iti vuccatī’’ti.
เอวํ ‘‘ตตฺถชาตก’’นฺติอาทิคาถาทฺวยาคตํ เฉทนทุกฺกฎํ ขณนทุกฺกฎํ พฺยูหนทุกฺกฎํ อุทฺธรณทุกฺกฎํ อามสนทุกฺกฎนฺติ ปญฺจสุ สหปโยคทุกฺกเฎสุ ปุริมปุริมปโยเคหิ อาปนฺนา ทุกฺกฎาปตฺติโย ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ทุกฺกฎํ ปตฺวา ปฎิปสฺสมฺภนฺติ, ตํตํปโยคาวสาเน ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา โอรมติ เจ, ตํตํทุกฺกฎมตฺตํ เทเสตฺวา ปริสุโทฺธ โหติฯ ธุรนิเกฺขปมกตฺวา ผนฺทาเปนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ ปตฺวา อามสนทุกฺกฎํ ปฎิปสฺสมฺภตีติ มหาอฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) วุตฺตํฯ ยถาปาฬิยา คยฺหมาเน ปุริมปุริมาปตฺตีนํ ปฎิปสฺสทฺธิ ‘‘ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา ปฎิปสฺสมฺภนฺตี’’ติ ปาฬิยํ (ปารา. ๔๑๔, ๔๒๑, ๔๒๘, ๔๓๙) อาคตตฺตา อนุสฺสาวนาย เอว ลพฺภตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมสฺส ปน สุตฺตสฺส อนุโลมวเสน มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตา อิมสฺมิํ อทินฺนาทานสิกฺขาปเทปิ อาปตฺติปฎิปสฺสทฺธิ ปมาณนฺติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ
Evaṃ ‘‘tatthajātaka’’ntiādigāthādvayāgataṃ chedanadukkaṭaṃ khaṇanadukkaṭaṃ byūhanadukkaṭaṃ uddharaṇadukkaṭaṃ āmasanadukkaṭanti pañcasu sahapayogadukkaṭesu purimapurimapayogehi āpannā dukkaṭāpattiyo pacchimaṃ pacchimaṃ dukkaṭaṃ patvā paṭipassambhanti, taṃtaṃpayogāvasāne lajjidhammaṃ okkamitvā oramati ce, taṃtaṃdukkaṭamattaṃ desetvā parisuddho hoti. Dhuranikkhepamakatvā phandāpentassa thullaccayaṃ patvā āmasanadukkaṭaṃ paṭipassambhatīti mahāaṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.94) vuttaṃ. Yathāpāḷiyā gayhamāne purimapurimāpattīnaṃ paṭipassaddhi ‘‘ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayā paṭipassambhantī’’ti pāḷiyaṃ (pārā. 414, 421, 428, 439) āgatattā anussāvanāya eva labbhatīti daṭṭhabbaṃ. Imassa pana suttassa anulomavasena mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttā imasmiṃ adinnādānasikkhāpadepi āpattipaṭipassaddhi pamāṇanti niṭṭhamettha gantabbaṃ.
๔๘. ‘‘ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๙๔) วุตฺตํ ฐานาจาวเน ปาราชิกญฺจ ตสฺส สามนฺตาปตฺติภูตํ ถุลฺลจฺจยญฺจ ฐานเภทวิญฺญาปนมุเขน วตฺตพฺพนฺติ อิทานิ ตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มุเขปาส’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ มุเข กุมฺภิมุขวฎฺฎิยํฯ ปาสํ ปเวเสตฺวาติ พนฺธนํ ปาสํ ปกฺขิปิตฺวาฯ ขาณุเกติ อโยขาณุมฺหิ, ขทิรขาณุเก วาฯ พทฺธกุมฺภิยา ฐานเภโท พนฺธนานํ วสา เญโยฺยติ สมฺพโนฺธฯ
48. ‘‘Phandāpeti, āpatti thullaccayassa. Ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 94) vuttaṃ ṭhānācāvane pārājikañca tassa sāmantāpattibhūtaṃ thullaccayañca ṭhānabhedaviññāpanamukhena vattabbanti idāni taṃ dassetumāha ‘‘mukhepāsa’’ntiādi. Tattha mukhe kumbhimukhavaṭṭiyaṃ. Pāsaṃ pavesetvāti bandhanaṃ pāsaṃ pakkhipitvā. Khāṇuketi ayokhāṇumhi, khadirakhāṇuke vā. Baddhakumbhiyā ṭhānabhedo bandhanānaṃ vasā ñeyyoti sambandho.
๔๙. อิทานิ ฐานเภทํ ทเสฺสติ ‘‘เทฺว’’ติอาทินาฯ ‘‘เอกสฺมิํ ขาณุเก’’ติ อิมินา ทฺวีสุ ทิสาสุ วา ตีสุ จตูสุ วา ทิสาสุ ขาณุเก ขณิตฺวา พทฺธขาณุคณนาย สมฺภวโนฺต ฐานเภโท อุปลกฺขิโต โหติฯ วลยํ…เป.… กตาย วา เทฺว ฐานานีติ โยชนาฯ วาติ สมุจฺจเย อุปลกฺขิโต โหติฯ
49. Idāni ṭhānabhedaṃ dasseti ‘‘dve’’tiādinā. ‘‘Ekasmiṃ khāṇuke’’ti iminā dvīsu disāsu vā tīsu catūsu vā disāsu khāṇuke khaṇitvā baddhakhāṇugaṇanāya sambhavanto ṭhānabhedo upalakkhito hoti. Valayaṃ…pe… katāya vā dve ṭhānānīti yojanā. Vāti samuccaye upalakkhito hoti.
๕๐. เอวํ ฐานเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ฐานวเสน อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติโย ทเสฺสตุมาห ‘‘อุทฺธรนฺตสฺสา’’ติอาทิฯ สงฺขลินฺติ ทามํฯ ถุลฺลจฺจยนฺติ เอกสฺส สนฺติเก เทเสตพฺพาสุ อาปตฺตีสุ ถูลตฺตา, อจฺจยตฺตา จ ถุลฺลจฺจยํ นามฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเร –
50. Evaṃ ṭhānabhedaṃ dassetvā idāni ṭhānavasena āpajjitabbā āpattiyo dassetumāha ‘‘uddharantassā’’tiādi. Saṅkhalinti dāmaṃ. Thullaccayanti ekassa santike desetabbāsu āpattīsu thūlattā, accayattā ca thullaccayaṃ nāma. Vuttañhetaṃ parivāre –
‘‘ถุลฺลจฺจยนฺติ ยํ วุตฺตํ;
‘‘Thullaccayanti yaṃ vuttaṃ;
ตํ สุโณหิ ยถาตถํ;
Taṃ suṇohi yathātathaṃ;
เอกสฺส มูเล โย เทเสติ;
Ekassa mūle yo deseti;
โย จ ตํ ปฎิคณฺหติ;
Yo ca taṃ paṭigaṇhati;
อจฺจโย เตน สโม นตฺถิ;
Accayo tena samo natthi;
เตเนตํ อิติ วุจฺจตี’’ติฯ (ปริ. ๓๓๙);
Tenetaṃ iti vuccatī’’ti. (pari. 339);
เอตฺถ จ ถูลจฺจยนฺติ วตฺตเพฺพ ‘‘สมฺปราเย จ (สํ. นิ. ๑.๔๙) สุคฺคติ, ตํ โหติ กฎุกปฺผล’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๖) วิย ลการสฺส ทฺวิตฺตํ, สํโยเค อูการสฺส รโสฺส จ เวทิตโพฺพฯ ตโต สงฺขลิกเภทโต ปรํฯ ฐานา จาเวตีติ ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปเนติฯ เอตฺถ จ นาวฎฺฐกถายํ ‘‘อุทฺธํ วา อโธ วา ติริยํ วา อนฺตมโส เกสคฺคมตฺตมฺปิ สงฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๙๙) วุตฺตนเยน ‘‘ติริย’’นฺติ วุตฺตา จตโสฺส ทิสา, อุทฺธมโธ จาติ ฉฎฺฐานานิฯ ตาสุ เอกํ ทิสํ อปนียมานาย กุมฺภิยา ตํทิสาภิมุขํ อิตรทิสายํ ฐิตปเสฺส โอริมทิสาย ฐิตปเสฺสน ผุโฎฺฐกาสสฺส เกสคฺคมตฺตมฺปิ อนติกฺกเนฺต ผนฺทาปนวเสน ถุลฺลจฺจยํ โหติ, อติกฺกเนฺต ฐานา จาวิตตฺตา ปาราชิกํ โหตีติ เวทิตโพฺพฯ อิมเมว สนฺธายาห ‘‘ฐานา จาเวติ เจ จุโต’’ติฯ เอเสว นโย ผนฺทนรหิตาย นิธิกุมฺภิยา ฐานาจาวเนปิฯ
Ettha ca thūlaccayanti vattabbe ‘‘samparāye ca (saṃ. ni. 1.49) suggati, taṃ hoti kaṭukapphala’’ntiādīsu (dha. pa. 66) viya lakārassa dvittaṃ, saṃyoge ūkārassa rasso ca veditabbo. Tato saṅkhalikabhedato paraṃ. Ṭhānā cāvetīti ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi apaneti. Ettha ca nāvaṭṭhakathāyaṃ ‘‘uddhaṃ vā adho vā tiriyaṃ vā antamaso kesaggamattampi saṅkāmeti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 99) vuttanayena ‘‘tiriya’’nti vuttā catasso disā, uddhamadho cāti chaṭṭhānāni. Tāsu ekaṃ disaṃ apanīyamānāya kumbhiyā taṃdisābhimukhaṃ itaradisāyaṃ ṭhitapasse orimadisāya ṭhitapassena phuṭṭhokāsassa kesaggamattampi anatikkante phandāpanavasena thullaccayaṃ hoti, atikkante ṭhānā cāvitattā pārājikaṃ hotīti veditabbo. Imameva sandhāyāha ‘‘ṭhānā cāveti ce cuto’’ti. Eseva nayo phandanarahitāya nidhikumbhiyā ṭhānācāvanepi.
๕๑. เอวํ ปฐมํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา กุมฺภิคฺคหเณ นยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปฐมํ กุมฺภิํ อปเนตฺวา ปจฺฉา พนฺธนาปนยเน นยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปฐม’’นฺติอาทิฯ โส นโยติ ‘‘ปฐมุทฺธาเร ถุลฺลจฺจยํ, ทุติยุทฺธาเร ปาราชิก’’นฺติ ตเมวตฺถมติทิสติฯ
51. Evaṃ paṭhamaṃ bandhanaṃ chinditvā pacchā kumbhiggahaṇe nayaṃ dassetvā idāni paṭhamaṃ kumbhiṃ apanetvā pacchā bandhanāpanayane nayaṃ dassetumāha ‘‘paṭhama’’ntiādi. So nayoti ‘‘paṭhamuddhāre thullaccayaṃ, dutiyuddhāre pārājika’’nti tamevatthamatidisati.
๕๒. วลยนฺติ กุมฺภิยา พทฺธสงฺขลิกาย มูเล ปเวสิตํ วลยํฯ มูเล ฆํสโนฺต อิโต จิโต จ สาเรตีติ โยชนาฯ ฆํสโนฺตติ ผุสาเปโนฺตฯ อิโต จิโต จ สาเรตีติ โอรโต จ ปารโต จ สญฺจาเลติฯ รกฺขตีติ เอตฺถ ‘‘สีลํ ภิกฺขุ’’นฺติ ปาฐเสโส, ปาราชิกํ นาปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ มูเลฯ เขคตํ กโรโนฺตวาติ สพฺพปสฺสโต มูลํ อผุสาเปตฺวา อากาสคตํ กโรโนฺตวฯ ปราชิโตติ ฐานาจาวนสฺส กตตฺตา ปราชยมาปโนฺน โหติฯ
52.Valayanti kumbhiyā baddhasaṅkhalikāya mūle pavesitaṃ valayaṃ. Mūle ghaṃsanto ito cito ca sāretīti yojanā. Ghaṃsantoti phusāpento. Ito cito ca sāretīti orato ca pārato ca sañcāleti. Rakkhatīti ettha ‘‘sīlaṃ bhikkhu’’nti pāṭhaseso, pārājikaṃ nāpajjatīti vuttaṃ hoti. Tatthāti tasmiṃ mūle. Khegataṃ karontovāti sabbapassato mūlaṃ aphusāpetvā ākāsagataṃ karontova. Parājitoti ṭhānācāvanassa katattā parājayamāpanno hoti.
๕๓. กุมฺภิมตฺถเก ชาตนฺติ โยชนาฯ จิรกาลํ นิหิตตฺตา มูเลหิ กุมฺภิํ วินนฺธิตฺวา ฐิตนฺติ อโตฺถฯ สมีเป ชาตํ รุกฺขํ ฉินฺทโตติ โยชนาฯ เอตฺถ จ ‘‘ตตฺถชาตกํ กฎฺฐํ วา’’ติอาทิกาย คาถาย นิธิมตฺถเก ภูมิยํ ฐิตรุกฺขลตาทิํ ฉินฺทนฺตสฺส อาปตฺติ วุตฺตา, อิมาย ปน คาถาย ภูมิํ นิขณิตฺวา โอติณฺณกาเล นิธิํ วินนฺธิตฺวา ฐิตมูลํ อลฺลรุกฺขํ, ขาณุกํ วา คเหตฺวา อาหาติ ปุนรุตฺติโทสาภาโว เวทิตโพฺพฯ ‘‘อตตฺถช’’นฺติ อิมินา สหปโยคาภาวมาหฯ อิมินาว ปุริมคาถาย วุตฺตํ กฎฺฐลตาทีนิ นิธิสมฺพนฺธานิ เจ, ยถาวุตฺตทุกฺกฎสฺส วตฺถูนิ, สมีปานิ เจ, ปาจิตฺติยเสฺสว วตฺถูนีติ ทีเปติฯ
53. Kumbhimatthake jātanti yojanā. Cirakālaṃ nihitattā mūlehi kumbhiṃ vinandhitvā ṭhitanti attho. Samīpe jātaṃ rukkhaṃ chindatoti yojanā. Ettha ca ‘‘tatthajātakaṃ kaṭṭhaṃ vā’’tiādikāya gāthāya nidhimatthake bhūmiyaṃ ṭhitarukkhalatādiṃ chindantassa āpatti vuttā, imāya pana gāthāya bhūmiṃ nikhaṇitvā otiṇṇakāle nidhiṃ vinandhitvā ṭhitamūlaṃ allarukkhaṃ, khāṇukaṃ vā gahetvā āhāti punaruttidosābhāvo veditabbo. ‘‘Atatthaja’’nti iminā sahapayogābhāvamāha. Imināva purimagāthāya vuttaṃ kaṭṭhalatādīni nidhisambandhāni ce, yathāvuttadukkaṭassa vatthūni, samīpāni ce, pācittiyasseva vatthūnīti dīpeti.
๕๔. อิทานิ เอวํ ปริเยสิตฺวา ทิฎฺฐนิธิภาชนํ ฐิตฎฺฐานโต อจาเลตฺวา อโนฺตฐิตํ ภณฺฑมตฺตํ คณฺหโต วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อโนฺตกุมฺภิคต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ผนฺทาเปตีติ อโนฺตจาฎิยา ปกฺขิเตฺต อตฺตโน ภาชเน ปกฺขิปิตุํ ราสิกรณาทิวเสน ผนฺทาเปติฯ อปพฺยูหติ วาติ เหฎฺฐา ฐิตํ คณฺหิตุํ อุปริ ฐิตานิ อปเนโนฺต วิยูหติ วาฯ อถ วา อปพฺยูหโนฺตติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) อฎฺฐกถาวจนสฺส ทฺวิธา กโรโนฺตติ คณฺฐิปเท อโตฺถ วุโตฺตติ อตฺตโน ภาชเน ปกฺขิปิตุํ อิโต จิโต จ ราสิํ กโรโนฺตติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตเตฺถวาติ อโนฺตกุมฺภิยเมวฯ
54. Idāni evaṃ pariyesitvā diṭṭhanidhibhājanaṃ ṭhitaṭṭhānato acāletvā antoṭhitaṃ bhaṇḍamattaṃ gaṇhato vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘antokumbhigata’’ntiādi. Tattha phandāpetīti antocāṭiyā pakkhitte attano bhājane pakkhipituṃ rāsikaraṇādivasena phandāpeti. Apabyūhati vāti heṭṭhā ṭhitaṃ gaṇhituṃ upari ṭhitāni apanento viyūhati vā. Atha vā apabyūhantoti (pārā. aṭṭha. 1.94) aṭṭhakathāvacanassa dvidhā karontoti gaṇṭhipade attho vuttoti attano bhājane pakkhipituṃ ito cito ca rāsiṃ karontoti attho veditabbo. Tatthevāti antokumbhiyameva.
๕๕. หรโนฺตติ อวหรโนฺตฯ มุฎฺฐิํ ฉินฺทตีติ อตฺตโน ภาชนํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหิตุํ อสกฺกุเณโยฺย อโนฺตกุมฺภิมฺหิ หตฺถํ โอตาเรตฺวา กุมฺภิคตภเณฺฑน ยถา อพทฺธํ โหติ, ตถา มุฎฺฐิยา ปริจฺฉินฺทติ, กุมฺภิคตํ มุฎฺฐิยา คณฺหโนฺต กุมฺภิคเตน มุฎฺฐิคตํ ยถา อสมฺมิสฺสํ โหติ, ตถา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปาทคฺฆนกํ วา อติเรกปาทคฺฆนกํ วา คณฺหาตีติ วุตฺตํ โหติฯ อตฺตโน ภาชเน คตํ กตฺวา วา ฉินฺทตีติ โยชนาฯ อตฺตโน ภาชนคตํ กตฺวา กุมฺภิคเตน ยถา อสมฺมิสฺสํ โหติ, ตถา ปริจฺฉินฺทตีติ อโตฺถ, สเจ อตฺตโน ภาชนคตํ หุตฺวา กุมฺภิคเตน อสมฺมิสฺสํ ภณฺฑํ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆติ, ปาราชิโกติ วุตฺตํ โหติฯ
55.Harantoti avaharanto. Muṭṭhiṃ chindatīti attano bhājanaṃ pakkhipitvā gaṇhituṃ asakkuṇeyyo antokumbhimhi hatthaṃ otāretvā kumbhigatabhaṇḍena yathā abaddhaṃ hoti, tathā muṭṭhiyā paricchindati, kumbhigataṃ muṭṭhiyā gaṇhanto kumbhigatena muṭṭhigataṃ yathā asammissaṃ hoti, tathā paricchinditvā pādagghanakaṃ vā atirekapādagghanakaṃ vā gaṇhātīti vuttaṃ hoti. Attano bhājane gataṃ katvā vā chindatīti yojanā. Attano bhājanagataṃ katvā kumbhigatena yathā asammissaṃ hoti, tathā paricchindatīti attho, sace attano bhājanagataṃ hutvā kumbhigatena asammissaṃ bhaṇḍaṃ pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghati, pārājikoti vuttaṃ hoti.
๕๖. หารํ วาติ มุตฺตาหารํ วาฯ ปามงฺคํ วาติ สุวณฺณมยํ, รชตมยํ วา ปามงฺคํ ทามํฯ สุตฺตารุฬฺหนฺติ สุเตฺต อารุฬฺหํ สุตฺตารุฬฺหํ, สุตฺตญฺจ สุตฺตารุฬฺหญฺจ สุตฺตารุฬฺหนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘สุเตฺตน อาวุตสฺสาปิ สุตฺตมยสฺสาปิ เอตํ อธิวจน’’นฺติ อฎฺฐกถาวจนโต (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) ปฐมมุตฺตาหารํ วินา สุวณฺณรชตปวาฬาทิมณิกํ วา สุเตฺตสุ อาวุณิตฺวา กตา นานาวลิโย เจว สุตฺตมยานิ จ ภณฺฑานิ คเหตพฺพานิฯ กุมฺภิยา ฐิตนฺติ ปาฐเสโสฯ ผนฺทาเปตีติ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหิตุกามตาย จาเลติฯ ยถาวตฺถุนฺติ วีติกฺกมานุรูปํ ถุลฺลจฺจยํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ฐานา จาเวตีติ ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกาเมติ ฯ จุโตติ ปาติโมกฺขสํวรสีลา ปริหีโนติ อโตฺถฯ
56.Hāraṃ vāti muttāhāraṃ vā. Pāmaṅgaṃ vāti suvaṇṇamayaṃ, rajatamayaṃ vā pāmaṅgaṃ dāmaṃ. Suttāruḷhanti sutte āruḷhaṃ suttāruḷhaṃ, suttañca suttāruḷhañca suttāruḷhanti ekadesasarūpekaseso daṭṭhabbo. ‘‘Suttena āvutassāpi suttamayassāpi etaṃ adhivacana’’nti aṭṭhakathāvacanato (pārā. aṭṭha. 1.94) paṭhamamuttāhāraṃ vinā suvaṇṇarajatapavāḷādimaṇikaṃ vā suttesu āvuṇitvā katā nānāvaliyo ceva suttamayāni ca bhaṇḍāni gahetabbāni. Kumbhiyā ṭhitanti pāṭhaseso. Phandāpetīti theyyacittena gaṇhitukāmatāya cāleti. Yathāvatthunti vītikkamānurūpaṃ thullaccayaṃ hotīti adhippāyo. Ṭhānā cāvetīti ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi atikkāmeti . Cutoti pātimokkhasaṃvarasīlā parihīnoti attho.
อปริปุณฺณาย กุมฺภิยาเอกเทสฎฺฐํ ภณฺฑํ ตโต ตโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานํ อปเนตฺวา ตเตฺถว อโนฺตกุมฺภิยา อญฺญํ ฐานํ เนนฺตสฺส จ ตเตฺถว อากาสคตํ กโรนฺตสฺส จ ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตี’’ติ (ปารา. ๙๔) เอเตหิ สทิสตฺตา วตฺถุมฺหิ ปาทํ อคฺฆเนฺต ปาราชิกา โหตีติ มหาอฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) อิทํ สนฺนิฎฺฐานํฯ ภาชนตเล โกฎิํ ฐเปตฺวา กเมน สกลภาชนกุจฺฉิํ เตเนว ปูเรตฺวา มุขวฎฺฎิยา เอกา โกฎิ นิกฺขิตฺตา เจ, ตถาฐปิตสฺส หาราทิโน สกลภาชนํ อฎฺฐานนฺติ โกฎิํ คเหตฺวา อุชุกํ อุกฺขิปนฺตสฺส โอสานโกฎิ ภาชนตลโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อากาสคตํ กโรโต จ มุขวฎฺฎิยํ ฆํสิตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺส สกลภาชโนทรํ เขเปตฺวา มุขวฎฺฎิยา ฐปิตโกฎิยา ผุฎฺฐฎฺฐานํ อปราย โกฎิยา เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกามยโต จ ภาชนกุจฺฉิยา อุปฑฺฒํ วตฺถาทินา เกนจิ ปูเรตฺวา ตโสฺสปริ ฐปิตหาราทิสุตฺตารุฬฺหสฺส ฐิโตกาสเมว ฐานนฺติ ตโต เกสคฺคมตฺตํ อปเนนฺตสฺสปิ ปาราชิกํ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Aparipuṇṇāya kumbhiyāekadesaṭṭhaṃ bhaṇḍaṃ tato tato kesaggamattampi ṭhānaṃ apanetvā tattheva antokumbhiyā aññaṃ ṭhānaṃ nentassa ca tattheva ākāsagataṃ karontassa ca ‘‘attano bhājanagataṃ vā karoti, muṭṭhiṃ vā chindatī’’ti (pārā. 94) etehi sadisattā vatthumhi pādaṃ agghante pārājikā hotīti mahāaṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.94) idaṃ sanniṭṭhānaṃ. Bhājanatale koṭiṃ ṭhapetvā kamena sakalabhājanakucchiṃ teneva pūretvā mukhavaṭṭiyā ekā koṭi nikkhittā ce, tathāṭhapitassa hārādino sakalabhājanaṃ aṭṭhānanti koṭiṃ gahetvā ujukaṃ ukkhipantassa osānakoṭi bhājanatalato kesaggamattampi ākāsagataṃ karoto ca mukhavaṭṭiyaṃ ghaṃsitvā ākaḍḍhantassa sakalabhājanodaraṃ khepetvā mukhavaṭṭiyā ṭhapitakoṭiyā phuṭṭhaṭṭhānaṃ aparāya koṭiyā kesaggamattampi atikkāmayato ca bhājanakucchiyā upaḍḍhaṃ vatthādinā kenaci pūretvā tassopari ṭhapitahārādisuttāruḷhassa ṭhitokāsameva ṭhānanti tato kesaggamattaṃ apanentassapi pārājikaṃ hotīti vuttaṃ hoti.
๕๗. สปฺปิอาทีสูติ ภาชนคเตสุ สปฺปิอาทิทฺรววตฺถูสุ ยํ กิญฺจิฯ ปาทปูรณนฺติ ปาทํ ปูเรตีติ ปาทปูรณํ, ปาทคฺฆนกนฺติ อโตฺถฯ ปิวโต ปราชโยติ สมฺพโนฺธฯ กทาติ เจ? เอเกเนว ปโยเคน ปีตมเตฺต ปาทปูรเณติ โยชนาฯ ‘‘มุขคตํ วินา’’ติ ปาฐเสโสฯ ตตฺถ เอเกเนว ปโยเคนาติ ธุรนิเกฺขปมกตฺวา เอกาพทฺธํ กตฺวา อากเฑฺฒตฺวา ปิวนปโยเคนฯ ‘‘มุขคตํ วินา’’ติ อิมินา สเจ คลคเตเนว ปาโท ปูรติ, อโนฺตคลํ ปวิเฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ มุขคเตน ปูรติ, มุขคตํ ภาชนคเตน วิโยเชตฺวา โอเฎฺฐสุ ปิหิเตสูติ วุตฺตํ โหติฯ เวฬุนฬาทีหิ อากเฑฺฒตฺวา ปิวนฺตสฺส นาฬคเตน ปูรติ, นาฬคตํ ภาชนคเตน วิโยเชตฺวา นาฬิโกฎิยํ องฺคุลิยา ปิหิตายนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อิทํ ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตี’’ติ (ปารา. ๙๔) วุตฺตนยสฺส อนุโลมวเสน มหาปจฺจริยาทีสุ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๔) อฎฺฐกถาสุ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
57.Sappiādīsūti bhājanagatesu sappiādidravavatthūsu yaṃ kiñci. Pādapūraṇanti pādaṃ pūretīti pādapūraṇaṃ, pādagghanakanti attho. Pivato parājayoti sambandho. Kadāti ce? Ekeneva payogena pītamatte pādapūraṇeti yojanā. ‘‘Mukhagataṃ vinā’’ti pāṭhaseso. Tattha ekeneva payogenāti dhuranikkhepamakatvā ekābaddhaṃ katvā ākaḍḍhetvā pivanapayogena. ‘‘Mukhagataṃ vinā’’ti iminā sace galagateneva pādo pūrati, antogalaṃ paviṭṭheti vuttaṃ hoti. Mukhagatena pūrati, mukhagataṃ bhājanagatena viyojetvā oṭṭhesu pihitesūti vuttaṃ hoti. Veḷunaḷādīhi ākaḍḍhetvā pivantassa nāḷagatena pūrati, nāḷagataṃ bhājanagatena viyojetvā nāḷikoṭiyaṃ aṅguliyā pihitāyanti vuttaṃ hoti. Idaṃ ‘‘attano bhājanagataṃ vā karoti, muṭṭhiṃ vā chindatī’’ti (pārā. 94) vuttanayassa anulomavasena mahāpaccariyādīsu (pārā. aṭṭha. 1.94) aṭṭhakathāsu vuttanayena gahetabbanti adhippāyo.
‘‘เอเกเนว ปโยเคน ปีตมเตฺต ปราชโย’’ติ อิมินา สปฺปิอาทีสุ มหเคฺฆสุ ตตฺตเกเนว ปาทปูรณเญฺจ โหติ, เอกวารเมว มุเขน วา สปฺปิอาทินา วา ภาชนคเตน เอกาพทฺธภาเว ฉินฺนมเตฺตปิ อตฺตโน ภาชเน กุมฺภิํ ปณาเมตฺวา ปกฺขิเตฺตน กุมฺภิคเต ฉินฺนมเตฺตปิ ปาราชิโก โหตีติ คเหตพฺพํฯ
‘‘Ekeneva payogena pītamatte parājayo’’ti iminā sappiādīsu mahagghesu tattakeneva pādapūraṇañce hoti, ekavārameva mukhena vā sappiādinā vā bhājanagatena ekābaddhabhāve chinnamattepi attano bhājane kumbhiṃ paṇāmetvā pakkhittena kumbhigate chinnamattepi pārājiko hotīti gahetabbaṃ.
๕๘. ‘‘ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ปุนปฺปุนํ ปิวนฺตสฺส น ปราชโย’’ติ อิมินา ธุรนิเกฺขปมกตฺวา ปุนปฺปุนํ ปิวโต ปราชโยติ สามตฺถิยา วุตฺตํ โหติฯ ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา ปุนปฺปุนํ มุเขน คเหตฺวา วา ปุฎาทีหิ วา คเหตฺวา ปาทปูรณมตฺตํ ปิวนฺตสฺส ปราชโย โหตีติ คเหตพฺพํฯ
58. ‘‘Dhuranikkhepaṃ katvā punappunaṃ pivantassa na parājayo’’ti iminā dhuranikkhepamakatvā punappunaṃ pivato parājayoti sāmatthiyā vuttaṃ hoti. Dhuranikkhepaṃ akatvā punappunaṃ mukhena gahetvā vā puṭādīhi vā gahetvā pādapūraṇamattaṃ pivantassa parājayo hotīti gahetabbaṃ.
๕๙-๖๐. สเจ ขิปติ เถยฺยจิโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ ยํ กิญฺจิ ภณฺฑกนฺติ เตลปิวนารหํ ทุกูลสาฎกจมฺมขณฺฑาทิกํ ภณฺฑํฯ เตลกุมฺภิยํ ปรสฺสาติ ลพฺภติฯ ตํ นิกฺขิตฺตภณฺฑํฯ ธุวนฺติ เอกํเสนฯ ตาวเท วินสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ ตาวเทติ ตสฺมิํ ขเณเยวฯ กตรสฺมิํ ขเณติ อาห ‘‘หตฺถโต มุตฺตมเตฺต’’ติ, เตลสฺส ปีตกาลํ อนาคมฺม ปุพฺพปโยคตฺตา ปฐมเมว โหตีติ อธิปฺปาโยฯ วินสฺสตีติ สีลวินาสํ ปาปุณาติฯ อาวิเญฺชตฺวาติ ปณาเมตฺวาฯ คาเฬตีติ ปคฺฆราเปติฯ ‘‘สาเฬตี’’ติปิ ปฐนฺติ, โสเยว อโตฺถฯ สาฬ สวเนติ ธาตุฯ ตถาติ ‘‘เถยฺยจิโตฺต วินสฺสตี’’ติ อากฑฺฒติ, เถยฺยจิเตฺตน เอวํ กโรนฺตสฺส ปาราชิโก โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
59-60. Sace khipati theyyacittoti sambandho. Yaṃ kiñci bhaṇḍakanti telapivanārahaṃ dukūlasāṭakacammakhaṇḍādikaṃ bhaṇḍaṃ. Telakumbhiyaṃ parassāti labbhati. Taṃ nikkhittabhaṇḍaṃ. Dhuvanti ekaṃsena. Tāvade vinassatīti sambandho. Tāvadeti tasmiṃ khaṇeyeva. Katarasmiṃ khaṇeti āha ‘‘hatthato muttamatte’’ti, telassa pītakālaṃ anāgamma pubbapayogattā paṭhamameva hotīti adhippāyo. Vinassatīti sīlavināsaṃ pāpuṇāti. Āviñjetvāti paṇāmetvā. Gāḷetīti paggharāpeti. ‘‘Sāḷetī’’tipi paṭhanti, soyeva attho. Sāḷa savaneti dhātu. Tathāti ‘‘theyyacitto vinassatī’’ti ākaḍḍhati, theyyacittena evaṃ karontassa pārājiko hotīti vuttaṃ hoti.
๖๑. ตนฺติ เตลสฺส โอกิรณภาวํ ญตฺวา ปฐมเมว ตุจฺฉภาชเน เถยฺยจิเตฺตน นิกฺขิตฺตํ ปาทคฺฆนกเตลปิวนกํ ตํ วตฺถาทิภณฺฑํฯ ‘‘อุทฺธรโนฺตวา’’ติ สาวธารณวจเนน ‘‘ปีตมเตฺต ปราชโย’’ติ ทสฺสิตํ มหาอฎฺฐกถามตํ ปฎิกฺขิตฺตํ โหติฯ ธํสิโตติ ‘‘สาสนกปฺปรุกฺขา ปาติโต, ปาราชิกาปโนฺนติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เถยฺยจิโตฺต’’ติ อากฑฺฒนตฺถํ ‘‘ตถา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธนียํฯ อิมินา สุทฺธจิเตฺตน โคปนตฺถาย ตุจฺฉภาชเน วตฺถาทิํ นิกฺขิปิตฺวา อเญฺญน ตํ อโนโลเกตฺวา เตเล อาสิเตฺต ปจฺฉา สุทฺธจิเตฺตเนว อุทฺธรโต น โทโสติ ทีปิตํ โหติฯ
61.Tanti telassa okiraṇabhāvaṃ ñatvā paṭhamameva tucchabhājane theyyacittena nikkhittaṃ pādagghanakatelapivanakaṃ taṃ vatthādibhaṇḍaṃ. ‘‘Uddharantovā’’ti sāvadhāraṇavacanena ‘‘pītamatte parājayo’’ti dassitaṃ mahāaṭṭhakathāmataṃ paṭikkhittaṃ hoti. Dhaṃsitoti ‘‘sāsanakapparukkhā pātito, pārājikāpannoti adhippāyo. ‘‘Theyyacitto’’ti ākaḍḍhanatthaṃ ‘‘tathā’’ti ānetvā sambandhanīyaṃ. Iminā suddhacittena gopanatthāya tucchabhājane vatthādiṃ nikkhipitvā aññena taṃ anoloketvā tele āsitte pacchā suddhacitteneva uddharato na dosoti dīpitaṃ hoti.
๖๒. ตเตฺถวาติ ฐิตฎฺฐาเนเยวฯ ภินฺทโตติ ฐานา อจาเวตฺวา ติณชฺฌาปกสฺส วิย ภิกฺขุโน ฐานาจาวนาธิปฺปายํ วินา ปาสาณาทินา เกนจิ ปหริตฺวา ภินฺทโตฯ ‘‘มโนฺตสธานุภาเวน ภินฺทโต’’ติ จ วทนฺติฯ ฉเฑฺฑนฺตสฺสาติ อฉเฑฺฑตุกามสฺสาปิ สโต ปริปุณฺณเตลฆฎาทีสุ จาปเลฺลน วาลุกํ วา อุทกํ วา โอกิริตฺวา อุตฺตราเปนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ‘‘อุทกมาติกํ ฆฎาภิมุขํ กตฺวา โอปิลาเปนฺตสฺสา’’ติ วทนฺติฯ ฐานาจาวนาธิปฺปาเย สติปิ เถยฺยจิตฺตาภาเวน ปาราชิกา น วิชฺชติ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติ สนฺนิฎฺฐานํฯ ฌาเปนฺตสฺสาติ กฎฺฐานิ ปกฺขิปิตฺวา ฌาเปนฺตสฺสฯ อปริโภคํ กโรนฺตสฺสาติ อุจฺจารปสฺสาวาทิโมกิริตฺวา อปริโภคํ กโรนฺตสฺสฯ ทุกฺกฎนฺติ เอเตสุ ภินฺทนาทีสุ จตูสุปิ ฐาเนสุ ปทภาชนิยํ ทุกฺกฎเมว อาคตตฺตา วุตฺตํฯ
62.Tatthevāti ṭhitaṭṭhāneyeva. Bhindatoti ṭhānā acāvetvā tiṇajjhāpakassa viya bhikkhuno ṭhānācāvanādhippāyaṃ vinā pāsāṇādinā kenaci paharitvā bhindato. ‘‘Mantosadhānubhāvena bhindato’’ti ca vadanti. Chaḍḍentassāti achaḍḍetukāmassāpi sato paripuṇṇatelaghaṭādīsu cāpallena vālukaṃ vā udakaṃ vā okiritvā uttarāpentassāti attho. ‘‘Udakamātikaṃ ghaṭābhimukhaṃ katvā opilāpentassā’’ti vadanti. Ṭhānācāvanādhippāye satipi theyyacittābhāvena pārājikā na vijjati, bhaṇḍadeyyaṃ pana hotīti sanniṭṭhānaṃ. Jhāpentassāti kaṭṭhāni pakkhipitvā jhāpentassa. Aparibhogaṃ karontassāti uccārapassāvādimokiritvā aparibhogaṃ karontassa. Dukkaṭanti etesu bhindanādīsu catūsupi ṭhānesu padabhājaniyaṃ dukkaṭameva āgatattā vuttaṃ.
ภูมฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๖๓. อิทานิ ถลเฎฺฐ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ฐปิต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ปตฺถริตฺวาติ อตฺถริตฺวาฯ เอตฺถ จ-สโทฺท อวุตฺตสมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน ถเล ราสิกตธญฺญาทีสุ วินิจฺฉโย นิมิกุมฺภิยา วุตฺตวินิจฺฉยานุสาเรน วิญฺญาตุํ สกฺกาติ ตํ สรูปโต อวุตฺตํ สมุจฺจิโนติฯ อตฺถรณาทิกนฺติ ปจฺจตฺถรณาทิกํฯ เวเฐตฺวา อุทฺธรนฺตสฺสาติ กิลญฺชสํหรณนิยาเมน วเฎฺฎตฺวา สํหริตฺวา อุทฺธรนฺตสฺสฯ มุเตฺต ฐานาติ กเมน สํหริตฺวา ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ มุเตฺต สติฯ ปราภโวติ สาสนโต ปริหีโนฯ
63. Idāni thalaṭṭhe vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘ṭhapita’’ntiādi. Tattha pattharitvāti attharitvā. Ettha ca-saddo avuttasampiṇḍanattho, tena thale rāsikatadhaññādīsu vinicchayo nimikumbhiyā vuttavinicchayānusārena viññātuṃ sakkāti taṃ sarūpato avuttaṃ samuccinoti. Attharaṇādikanti paccattharaṇādikaṃ. Veṭhetvā uddharantassāti kilañjasaṃharaṇaniyāmena vaṭṭetvā saṃharitvā uddharantassa. Mutte ṭhānāti kamena saṃharitvā ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi mutte sati. Parābhavoti sāsanato parihīno.
๖๔. เอวํ อตฺถริตฺวา ฐปิตวตฺถาทีนํ สํหริตฺวา คหเณ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา ติริยโต อากฑฺฒเน วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โอริมเนฺตนา’’ติอาทิฯ ปิ, วาติ ปการนฺตรเมว สมุจฺจิโนติฯ อุชุกํ กฑฺฒโตปิ วาติ อตฺถริตฺวา ฐปิตวตฺถาทิกํ จตูสุ ทิสาสุ เอกํ ทิสํ อุชุกมากฑฺฒโต จ ปาราชิกํ โหติฯ กทาติ เจ? เอตฺถาปิ โอริมเนฺตน ผุฎฺฐโมกาสํ ปาริมนฺตโต อติกฺกเนฺต ปาราชิกนฺติ โยชนาฯ โอริมเนฺตน ผุฎฺฐโมกาสนฺติ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺส อตฺตโน ฐิตทิสาคตปริยเนฺตน ผุสิตฺวา ฐิตฎฺฐานํฯ ปาริมนฺตโตติ ปาริมเนฺตน, กรณเตฺถ โต-ปจฺจโยฯ
64. Evaṃ attharitvā ṭhapitavatthādīnaṃ saṃharitvā gahaṇe vinicchayaṃ dassetvā tiriyato ākaḍḍhane vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘orimantenā’’tiādi. Pi, vāti pakārantarameva samuccinoti. Ujukaṃ kaḍḍhatopi vāti attharitvā ṭhapitavatthādikaṃ catūsu disāsu ekaṃ disaṃ ujukamākaḍḍhato ca pārājikaṃ hoti. Kadāti ce? Etthāpi orimantena phuṭṭhamokāsaṃ pārimantato atikkante pārājikanti yojanā. Orimantena phuṭṭhamokāsanti gahetvā ākaḍḍhantassa attano ṭhitadisāgatapariyantena phusitvā ṭhitaṭṭhānaṃ. Pārimantatoti pārimantena, karaṇatthe to-paccayo.
ถลํ นาม ปฎิจฺฉนฺนาปฎิจฺฉนฺนภูมิปาสาทปพฺพตตลาทีนิ, ตตฺรฎฺฐํ ธญฺญาทิภณฺฑํ ถลฎฺฐํ นาม โหติฯ ตตฺถ สพฺพตฺถ วินิจฺฉโย วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ
Thalaṃ nāma paṭicchannāpaṭicchannabhūmipāsādapabbatatalādīni, tatraṭṭhaṃ dhaññādibhaṇḍaṃ thalaṭṭhaṃ nāma hoti. Tattha sabbattha vinicchayo vuttanayena veditabbo.
ถลฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Thalaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๖๕-๖. ปริเจฺฉทาติ ฐานปริเจฺฉทาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
65-6.Paricchedāti ṭhānaparicchedā. Sesaṃ suviññeyyameva.
๖๗-๘. เขคตนฺติ อากาสคตํฯ อสฺสาติ โมรสฺสฯ ตนฺติ โมรํฯ
67-8.Khegatanti ākāsagataṃ. Assāti morassa. Tanti moraṃ.
๖๙. ฐานาติ ยถาปริจฺฉินฺนา ฉพฺพิธา ฐานาฯ ตสฺสาติ โมรสฺส ผนฺทาปเนติ โยชนาฯ ตสฺสาติ วา ภิกฺขุสฺส ถุลฺลจฺจยมุทีริตํฯ
69.Ṭhānāti yathāparicchinnā chabbidhā ṭhānā. Tassāti morassa phandāpaneti yojanā. Tassāti vā bhikkhussa thullaccayamudīritaṃ.
๗๐. อคฺคเหตฺวา หเตฺถน เลฑฺฑุขิปนาทิปโยเคน โมรํ ตาเสตฺวา ฐิตฎฺฐานโต อปเนติฯ อตฺตโน ฐานาติ โมรสฺส อตฺตโน ฉปฺปการฎฺฐานาฯ สยํ ฐานาติ ภิกฺขุ สกฎฺฐานา, สมณภาวโตติ วุตฺตํ โหติฯ
70. Aggahetvā hatthena leḍḍukhipanādipayogena moraṃ tāsetvā ṭhitaṭṭhānato apaneti. Attano ṭhānāti morassa attano chappakāraṭṭhānā. Sayaṃ ṭhānāti bhikkhu sakaṭṭhānā, samaṇabhāvatoti vuttaṃ hoti.
๗๑-๒. อิทานิ ‘‘ฐานา จาเวติ เจ โมร’’นฺติ ทสฺสิตํ ฐานาจาวนํ วิภาเวตุมาห ‘‘ผุโฎฺฐกาส’’นฺติอาทิฯ
71-2. Idāni ‘‘ṭhānā cāveti ce mora’’nti dassitaṃ ṭhānācāvanaṃ vibhāvetumāha ‘‘phuṭṭhokāsa’’ntiādi.
๗๓. กเร นิลียตีติ ปสาริตหตฺถตเล นิสีทติฯ
73.Kare nilīyatīti pasāritahatthatale nisīdati.
๗๕. อุเฑฺฑตฺวาติ อากาสํ อุปฺปติตฺวาฯ
75.Uḍḍetvāti ākāsaṃ uppatitvā.
๗๖. อเงฺค นิลีนนฺติ อํสกูฎาทิสรีราวยเว นิลีนํฯ ปาเทติ อตฺตโน ปฐมุทฺธารปาเทฯ ทุติเย ปาเทฯ
76.Aṅgenilīnanti aṃsakūṭādisarīrāvayave nilīnaṃ. Pādeti attano paṭhamuddhārapāde. Dutiye pāde.
๗๗. ปาทานนฺติ ทฺวินฺนํ ปาทานํฯ กลาปสฺสาติ ภูมิยํ ผุสิยมานสฺส กลาปคฺคสฺสฯ
77.Pādānanti dvinnaṃ pādānaṃ. Kalāpassāti bhūmiyaṃ phusiyamānassa kalāpaggassa.
๗๘. ตโต ปถวิโตติ ตีหิ อวยเวหิ ปติฎฺฐิตปถวิปฺปเทสโต, น ปฐมโต ตตฺถ ทุกฺกฎตฺตา, น ทุติยโต ตตฺถ ถุลฺลจฺจยตฺตา, ตติยา ปน ฐานา เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาวยโต ปาราชิกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
78.Tato pathavitoti tīhi avayavehi patiṭṭhitapathavippadesato, na paṭhamato tattha dukkaṭattā, na dutiyato tattha thullaccayattā, tatiyā pana ṭhānā kesaggamattampi cāvayato pārājikanti vuttaṃ hoti.
เอตฺตาวตา –
Ettāvatā –
‘‘ปญฺชเร ฐิตํ โมรํ สห ปญฺชเรน อุทฺธรติ, ปาราชิกํฯ ยทิ ปน ปาทํ นคฺฆติ, สพฺพตฺถ อคฺฆวเสน กตฺตพฺพํฯ อโนฺตวตฺถุมฺหิ จรนฺตํ โมรํ เถยฺยจิโตฺต ปทสา พหิวตฺถุํ นีหรโนฺต ทฺวารปริเจฺฉทํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ วเช ฐิตพลิพทฺทสฺส หิ วโช วิย อโนฺตวตฺถุ ตสฺส ฐานํฯ หเตฺถน ปน คเหตฺวา อโนฺตวตฺถุสฺมิมฺปิ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกเมวฯ อโนฺตคาเม จรนฺตมฺปิ คามปริเจฺฉทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ปาราชิกํฯ สยเมว นิกฺขมิตฺวา คามูปจาเร วา วตฺถูปจาเร วา จรนฺตํ ปน เถยฺยจิโตฺต กเฎฺฐน วา กถลาย วา อุตฺราเสตฺวา อฎวีภิมุขํ กโรติ, โมโร อุเฑฺฑตฺวา อโนฺตคาเม วา อโนฺตวตฺถุมฺหิ วา ฉทนปิเฎฺฐ วา นิลียติ, รกฺขติฯ สเจ ปน อฎวีภิมุโข อุเฑฺฑติ วา คจฺฉติ วา, ‘อฎวิํ ปเวเสตฺวา คเหสฺสามี’ติ ปริกเปฺป อสติ ปถวิโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุปฺปติตมเตฺต วา ทุติยปทวาเร วา ปาราชิกํฯ กสฺมา? ยสฺมา คามโต นิกฺขมนฺตสฺส ฐิตฎฺฐานเมว ฐานํ โหตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๖) –
‘‘Pañjare ṭhitaṃ moraṃ saha pañjarena uddharati, pārājikaṃ. Yadi pana pādaṃ nagghati, sabbattha agghavasena kattabbaṃ. Antovatthumhi carantaṃ moraṃ theyyacitto padasā bahivatthuṃ nīharanto dvāraparicchedaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Vaje ṭhitabalibaddassa hi vajo viya antovatthu tassa ṭhānaṃ. Hatthena pana gahetvā antovatthusmimpi ākāsagataṃ karontassa pārājikameva. Antogāme carantampi gāmaparicchedaṃ atikkāmentassa pārājikaṃ. Sayameva nikkhamitvā gāmūpacāre vā vatthūpacāre vā carantaṃ pana theyyacitto kaṭṭhena vā kathalāya vā utrāsetvā aṭavībhimukhaṃ karoti, moro uḍḍetvā antogāme vā antovatthumhi vā chadanapiṭṭhe vā nilīyati, rakkhati. Sace pana aṭavībhimukho uḍḍeti vā gacchati vā, ‘aṭaviṃ pavesetvā gahessāmī’ti parikappe asati pathavito kesaggamattampi uppatitamatte vā dutiyapadavāre vā pārājikaṃ. Kasmā? Yasmā gāmato nikkhamantassa ṭhitaṭṭhānameva ṭhānaṃ hotī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.96) –
อฎฺฐกถาคโต วินิจฺฉโย อุปลกฺขิโตติ เวทิตพฺพํฯ กปิญฺชราทิปรสนฺตกสกุเณสุ จ เอเสว วินิจฺฉโย ทฎฺฐโพฺพฯ
Aṭṭhakathāgato vinicchayo upalakkhitoti veditabbaṃ. Kapiñjarādiparasantakasakuṇesu ca eseva vinicchayo daṭṭhabbo.
๗๙. ปเตฺตติ ทฺวาเร ภิกฺขาย ฐิตํ ภิกฺขุโน หตฺถคเต ปเตฺตฯ ตสฺส เถยฺยจิตฺตสฺสฯ
79.Patteti dvāre bhikkhāya ṭhitaṃ bhikkhuno hatthagate patte. Tassa theyyacittassa.
๘๐. อนุทฺธริตฺวาวาติ ปเตฺต ปติตํ สุวณฺณาทิํ หเตฺถน อนุกฺขิปิตฺวาว ปฐมปทวาเร ถุลฺลจฺจยํ คมฺมมานตฺตา น วุตฺตํฯ
80.Anuddharitvāvāti patte patitaṃ suvaṇṇādiṃ hatthena anukkhipitvāva paṭhamapadavāre thullaccayaṃ gammamānattā na vuttaṃ.
๘๑. หเตฺถติ หตฺถตเลฯ วเตฺถติ จีวเรฯ มตฺถเกติ สิรสิฯ คาถาฉนฺทวเสน วา-สเทฺท อาการสฺส รสฺสตฺตํฯ ปติฎฺฐิตนฺติ ปติตํฯ ตนฺติ ฉิชฺชมานํ ตํ สุวณฺณขณฺฑาทิฯ ยทิ อากาเส คจฺฉนฺตํ, ปตนฺตํ วา หเตฺถน คณฺหาติฯ คหิตหเตฺถ ฐิตฎฺฐานเมว ฐานํ, ตโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปเนนฺตสฺส ปาราชิกํฯ ตถา คเหตฺวา เถยฺยจิเตฺตน คจฺฉโต ทุติยปาทุทฺธาเรฯ วตฺถาทีสุ ปติเตปิ เอเสว นโยฯ
81.Hattheti hatthatale. Vattheti cīvare. Matthaketi sirasi. Gāthāchandavasena vā-sadde ākārassa rassattaṃ. Patiṭṭhitanti patitaṃ. Tanti chijjamānaṃ taṃ suvaṇṇakhaṇḍādi. Yadi ākāse gacchantaṃ, patantaṃ vā hatthena gaṇhāti. Gahitahatthe ṭhitaṭṭhānameva ṭhānaṃ, tato kesaggamattampi apanentassa pārājikaṃ. Tathā gahetvā theyyacittena gacchato dutiyapāduddhāre. Vatthādīsu patitepi eseva nayo.
อากาสฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Ākāsaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๘๒. มญฺจปีฐาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน มญฺจปีฐสทิเส เวหาสภูเต อฎฺฎวิตานาทโย สงฺคณฺหาติฯ อามาสมฺปีติ หเตฺถน วา กาเยน วา อามสิตพฺพํ วตฺถาทิญฺจฯ อนามาสมฺปีติ ตถา อปรามสิตพฺพํ สุวณฺณาทิํฯ อามสนฺตสฺสาติ หตฺถาทีหิ ปรามสนฺตสฺสฯ ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติ อิมินา ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ ฐานาจาวเน ปาราชิกญฺจ เหฎฺฐา ถลเฎฺฐ วุตฺตนเยน วิญฺญาตุํ สกฺกาติ อติทิสติฯ ฐานปริเจฺฉโท ปน มญฺจาทีหิ เอว อุกฺขิปนฺตสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ วเสน, ตตฺรฎฺฐเมว คณฺหนฺตสฺส มญฺจสฺส จตูสุ ปาทสีเสสุ ผุสิตฺวา มเชฺฌ อผุสิตฺวา ฐิตสฺส ขลิมกฺขิตถทฺธสาฎกสฺส จตุนฺนํ ปาทสีสานํ วเสน, อฎนีสุ ผุสิตฺวา ฐิตสฺส อฎนีนํ วเสน วา เวทิตโพฺพฯ
82.Mañcapīṭhādīsūti ettha ādi-saddena mañcapīṭhasadise vehāsabhūte aṭṭavitānādayo saṅgaṇhāti. Āmāsampīti hatthena vā kāyena vā āmasitabbaṃ vatthādiñca. Anāmāsampīti tathā aparāmasitabbaṃ suvaṇṇādiṃ. Āmasantassāti hatthādīhi parāmasantassa. ‘‘Dukkaṭa’’nti iminā phandāpane thullaccayañca ṭhānācāvane pārājikañca heṭṭhā thalaṭṭhe vuttanayena viññātuṃ sakkāti atidisati. Ṭhānaparicchedo pana mañcādīhi eva ukkhipantassa catunnaṃ pādānaṃ vasena, tatraṭṭhameva gaṇhantassa mañcassa catūsu pādasīsesu phusitvā majjhe aphusitvā ṭhitassa khalimakkhitathaddhasāṭakassa catunnaṃ pādasīsānaṃ vasena, aṭanīsu phusitvā ṭhitassa aṭanīnaṃ vasena vā veditabbo.
๘๓. วํเสติ จีวรวํเส, อิมินา จีวรนิเกฺขปนตฺถาย ฐปิตรุกฺขทณฺฑสลาการชฺชุอาทโย อุปลกฺขิตาฯ โอรโตติ อตฺตโน ฐิตทิสาภิมุขโตฯ โภคนฺติ สํหริตฺวา จีวรํ ตสฺส นาเมตฺวา ฐปิตมชฺฌฎฺฐานํฯ อนฺตนฺติ นาเมตฺวา เอกโต กตํ, อุภยานํ วา อนฺตํฯ ปารโต กตฺวาติ วํสโต ปรภาเค กตฺวาฯ
83.Vaṃseti cīvaravaṃse, iminā cīvaranikkhepanatthāya ṭhapitarukkhadaṇḍasalākārajjuādayo upalakkhitā. Oratoti attano ṭhitadisābhimukhato. Bhoganti saṃharitvā cīvaraṃ tassa nāmetvā ṭhapitamajjhaṭṭhānaṃ. Antanti nāmetvā ekato kataṃ, ubhayānaṃ vā antaṃ. Pārato katvāti vaṃsato parabhāge katvā.
๘๔. จีวเรน ผุโฎฺฐกาโสติ จีวเรน ผุฎฺฐฎฺฐานํฯ ตสฺสาติ ตถา ฐปิตสฺส จีวรสฺสฯ โส สกโล จีวรวํโส ฐานํ น ตุ โหตีติ มโตติ สมฺพโนฺธฯ
84.Cīvarena phuṭṭhokāsoti cīvarena phuṭṭhaṭṭhānaṃ. Tassāti tathā ṭhapitassa cīvarassa. So sakalo cīvaravaṃso ṭhānaṃ na tu hotīti matoti sambandho.
๘๕-๖. โอริมเนฺตน ผุฎฺฐํ วา ตํ โอกาสนฺติ สมฺพโนฺธฯ จีวรโภคํ คเหตฺวา เถยฺยจิเตฺตน อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒโต อตฺตโน ฐิตทิสาย จีวรวํเส จีวเรน ผุสิตฺวา ฐิตฎฺฐานปริยนฺตํ อิตเรน อติกฺกามยโต จุตีติ สมฺพโนฺธฯ อิตเรน ปาริมเนฺตน ภิตฺติทิสาย จีวรสฺส ผุโฎฺฐกาสปริยนฺตํ อิตเรน ผุฎฺฐํ ตํ โอกาสํ โอริมเนฺตน อติกฺกามยโต วา จุตีติ โยชนาฯ อิตเรนาติ ปาริมเนฺตน ภิตฺติปเสฺส จีวรวํเส ผุสิตฺวา ฐิตจีวรปริยเนฺตนฯ ผุฎฺฐํ จีวรวํโสกาสํฯ โอริมเนฺตนาติ อตฺตโน ฐิตทิสาย จีวรวํเส ผุสิตฺวา ฐปิตจีวรปฺปเทเสนฯ อติกฺกามยโตติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกาเมนฺตสฺสฯ
85-6. Orimantena phuṭṭhaṃ vā taṃ okāsanti sambandho. Cīvarabhogaṃ gahetvā theyyacittena attano abhimukhaṃ ākaḍḍhato attano ṭhitadisāya cīvaravaṃse cīvarena phusitvā ṭhitaṭṭhānapariyantaṃ itarena atikkāmayato cutīti sambandho. Itarena pārimantena bhittidisāya cīvarassa phuṭṭhokāsapariyantaṃ itarena phuṭṭhaṃ taṃ okāsaṃ orimantena atikkāmayato vā cutīti yojanā. Itarenāti pārimantena bhittipasse cīvaravaṃse phusitvā ṭhitacīvarapariyantena. Phuṭṭhaṃ cīvaravaṃsokāsaṃ. Orimantenāti attano ṭhitadisāya cīvaravaṃse phusitvā ṭhapitacīvarappadesena. Atikkāmayatoti kesaggamattampi atikkāmentassa.
เอวํ ทีฆนฺตากฑฺฒเน สมฺภวนฺตํ วิกปฺปํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ติริยเนฺตน อติกฺกมนวิธิํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ทกฺขิณเนฺตนา’’ติอาทิฯ ปุนาติ อถ วาฯ ทกฺขิณเนฺตน ผุฎฺฐฎฺฐานํ วามเนฺตน อติกฺกามยโต จุตีติ โยชนาฯ จีวรํ หริตุํ จีวราภิมุขํ ฐิตสฺส อตฺตโน ทกฺขิณปเสฺส จีวรโกฎิยา ผุฎฺฐํ จีวรฎฺฐิตปฺปเทสํ วามปเสฺส จีวรเนฺตน อติกฺกามยโต ปาราชิกเมวาติ อโตฺถฯ วามเนฺตน ผุฎฺฐฎฺฐานํ อิตเรน อติกฺกามยโต วา จุตีติ โยชนาฯ วามเนฺตน ผุฎฺฐฎฺฐานนฺติ จีวราภิมุขํ ฐิตสฺส วามปเสฺส จีวรเนฺตน ผุฎฺฐํ จีวรฎฺฐิตปฺปเทสํฯ อิตเรน ทกฺขิณปเสฺส จีวรเนฺตน อติกฺกามยโต วา จุติ ปาราชิกา โหตีติ อโตฺถฯ
Evaṃ dīghantākaḍḍhane sambhavantaṃ vikappaṃ dassetvā idāni tiriyantena atikkamanavidhiṃ dassetumāha ‘‘dakkhiṇantenā’’tiādi. Punāti atha vā. Dakkhiṇantena phuṭṭhaṭṭhānaṃ vāmantena atikkāmayato cutīti yojanā. Cīvaraṃ harituṃ cīvarābhimukhaṃ ṭhitassa attano dakkhiṇapasse cīvarakoṭiyā phuṭṭhaṃ cīvaraṭṭhitappadesaṃ vāmapasse cīvarantena atikkāmayato pārājikamevāti attho. Vāmantena phuṭṭhaṭṭhānaṃ itarena atikkāmayato vā cutīti yojanā. Vāmantena phuṭṭhaṭṭhānanti cīvarābhimukhaṃ ṭhitassa vāmapasse cīvarantena phuṭṭhaṃ cīvaraṭṭhitappadesaṃ. Itarena dakkhiṇapasse cīvarantena atikkāmayato vā cuti pārājikā hotīti attho.
๘๗. วํสโตติ จีวเรน ผุสิตฺวา ฐิตจีวรวํสปฺปเทสโตฯ ‘‘เกสคฺคมตฺต’’นฺติ กตฺถจิ โปตฺถเก ลิขนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ ‘‘อุกฺขิเตฺต’’ติ ภุเมฺมกวจนเนฺตน สมานาธิกรณตฺตา ปจฺจเตฺตกวจนนฺตตา น ยุชฺชตีติฯ ‘‘เกสคฺคมเตฺต อุกฺขิเตฺต’’ติ กตฺถจิ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส จ ปมาณํฯ
87.Vaṃsatoti cīvarena phusitvā ṭhitacīvaravaṃsappadesato. ‘‘Kesaggamatta’’nti katthaci potthake likhanti, taṃ na gahetabbaṃ. ‘‘Ukkhitte’’ti bhummekavacanantena samānādhikaraṇattā paccattekavacanantatā na yujjatīti. ‘‘Kesaggamatte ukkhitte’’ti katthaci pāṭho dissati, so ca pamāṇaṃ.
๘๘. วิโมเจโนฺต ถุลฺลจฺจยํ ผุเสติ โยชนาฯ จีวรวํเส ผุสาเปตฺวา, อผุสาเปตฺวา วา รชฺชุยา พนฺธิตฺวา ฐปิตจีวรํ คณฺหิตุกาโม เถยฺยจิเตฺตน พนฺธนํ โมเจโนฺต ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ มุเตฺตติ มุตฺตมเตฺตฯ ปาราชิโก โหติ ฐานา จุตภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
88. Vimocento thullaccayaṃ phuseti yojanā. Cīvaravaṃse phusāpetvā, aphusāpetvā vā rajjuyā bandhitvā ṭhapitacīvaraṃ gaṇhitukāmo theyyacittena bandhanaṃ mocento thullaccayaṃ āpajjatīti attho. Mutteti muttamatte. Pārājiko hoti ṭhānā cutabhāvatoti adhippāyo.
๘๙. เวเฐตฺวาติ เอตฺถ ‘‘วํสเมวา’’ติ สามตฺถิยโต ลพฺภติฯ จีวรวํสํ ปลิเวเฐตฺวา ตเตฺถว ฐปิตจีวรํ นิเพฺพเฐนฺตสฺส ภิกฺขุโนปิ อยํ นโยติ สมฺพโนฺธฯ นิเพฺพเฐนฺตสฺสาติ วินิเวเฐนฺตสฺสฯ อยํ นโยติ ‘‘นิเพฺพเฐนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, นิเพฺพฐิเต ปาราชิก’’นฺติ ยถาวุตฺตนยมติทิสติ ฯ วลยํ ฉินฺทโต วาปิ อยํ นโยติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ภิกฺขุโน, วํเส, ฐปิตํ, จีวร’’นฺติ จ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ จีวรวํเส ปเวเสตฺวา ฐปิตํ จีวรวลยํ ยถา ฉินฺนมเตฺต ฐานา จวติ, ตถา ฉินฺทนฺตสฺส ภิกฺขุโน เฉทเน ถุลฺลจฺจยํ, ฉิเนฺน ปาราชิกนฺติ อโตฺถฯ โมเจนฺตสฺสาปฺยยํ นโยติ เอตฺถาปิ ‘‘วลย’’นฺติ อิมินา สทฺธิํ ‘‘ภิกฺขุโน’’ติอาทิปทานิ โยเชตพฺพานิฯ จีวรวํเส ฐปิตํ จีวรํ วลยํ โมเจนฺตสฺสาปิ ถุลฺลจฺจยปาราชิกานิ ปุเพฺพ วุตฺตนยาเนวฯ
89.Veṭhetvāti ettha ‘‘vaṃsamevā’’ti sāmatthiyato labbhati. Cīvaravaṃsaṃ paliveṭhetvā tattheva ṭhapitacīvaraṃ nibbeṭhentassa bhikkhunopi ayaṃ nayoti sambandho. Nibbeṭhentassāti viniveṭhentassa. Ayaṃ nayoti ‘‘nibbeṭhentassa thullaccayaṃ, nibbeṭhite pārājika’’nti yathāvuttanayamatidisati . Valayaṃ chindato vāpi ayaṃ nayoti sambandho. ‘‘Bhikkhuno, vaṃse, ṭhapitaṃ, cīvara’’nti ca ānetvā yojetabbaṃ. Cīvaravaṃse pavesetvā ṭhapitaṃ cīvaravalayaṃ yathā chinnamatte ṭhānā cavati, tathā chindantassa bhikkhuno chedane thullaccayaṃ, chinne pārājikanti attho. Mocentassāpyayaṃ nayoti etthāpi ‘‘valaya’’nti iminā saddhiṃ ‘‘bhikkhuno’’tiādipadāni yojetabbāni. Cīvaravaṃse ṭhapitaṃ cīvaraṃ valayaṃ mocentassāpi thullaccayapārājikāni pubbe vuttanayāneva.
อิห ปุริเมน อปิ-สเทฺทน ยถาวุตฺตปการทฺวเย สมฺปิณฺฑิเต อิตเรน อปิ-สเทฺทน อวุตฺตสมฺปิณฺฑนมนฺตเรน อตฺถวิเสสาภาวโต อวุตฺตมตฺถํ สมฺปิเณฺฑติ, เตน ‘‘อากาสคตํ วา กโรติ, นีหรติ วา’’ติ ปการทฺวยํ สงฺคณฺหาติฯ เตน รุกฺขมูเล ปเวเสตฺวา ฐปิตนิธิสงฺขลิกวลยมิว จีวรวํเส สพฺพฎฺฐาเนหิปิ อผุสาเปตฺวา จีวรวลยํ อากาสคตํ กโรนฺตสฺสาปิ จีวรวํสโกฎิยา พหิ นีหรนฺตสฺสาปิ ถุลฺลจฺจยปาราชิกานิ วุตฺตนเยเนว ญาตพฺพานีติ เอเตเยว สงฺคณฺหาติฯ ‘‘วลยํ ฉินฺทโต วาปิ, โมเจนฺตสฺส วาปิ, วลยํ อากาสคตํ วา กโรติ, นีหรติ วา’’ติ อิเมสุ จตูสุ วิกเปฺปสุ เอกมฺปิ ตถา อกตฺวา จีวรวลยํ จีวรวํเส ฆํเสตฺวา อิโต จิโต จ สญฺจาเรนฺตสฺส จีวรวลยสฺส สโพฺพปิ จีวรวํโส ฐานนฺติ ‘‘ฐานาจาวนํ นตฺถี’’ติ วุตฺตพฺยติเรกวเสน ทสฺสิตพฺพนฺติ คเหตพฺพํฯ
Iha purimena api-saddena yathāvuttapakāradvaye sampiṇḍite itarena api-saddena avuttasampiṇḍanamantarena atthavisesābhāvato avuttamatthaṃ sampiṇḍeti, tena ‘‘ākāsagataṃ vā karoti, nīharati vā’’ti pakāradvayaṃ saṅgaṇhāti. Tena rukkhamūle pavesetvā ṭhapitanidhisaṅkhalikavalayamiva cīvaravaṃse sabbaṭṭhānehipi aphusāpetvā cīvaravalayaṃ ākāsagataṃ karontassāpi cīvaravaṃsakoṭiyā bahi nīharantassāpi thullaccayapārājikāni vuttanayeneva ñātabbānīti eteyeva saṅgaṇhāti. ‘‘Valayaṃ chindato vāpi, mocentassa vāpi, valayaṃ ākāsagataṃ vā karoti, nīharati vā’’ti imesu catūsu vikappesu ekampi tathā akatvā cīvaravalayaṃ cīvaravaṃse ghaṃsetvā ito cito ca sañcārentassa cīvaravalayassa sabbopi cīvaravaṃso ṭhānanti ‘‘ṭhānācāvanaṃ natthī’’ti vuttabyatirekavasena dassitabbanti gahetabbaṃ.
๙๐. ฐปิตสฺส หีติ เอตฺถ ปสิทฺธิสูจกํ หิ-สทฺทํ อาเนตฺวา ‘‘จีวเร วิย หี’’ติ โยเชตฺวา วิเสสตฺถโชตกํ ตุ-สทฺทํ อาเนตฺวา ‘‘ฐปิตสฺส ตู’’ติ โยเชตพฺพํฯ อถ วา นิปาตานมเนกตฺถตฺตา ยถาฐาเน ฐิตานเมว วิเสสเตฺถ หิ-สโทฺท, ปสิทฺธิยํ ตุ-สโทฺท จ โยเชตโพฺพฯ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ โยชนาฯ ทีฆโต วา ติริยโต วา ปสาเรตฺวา จีวรวํเส นิกฺขิตฺตสฺส จีวรสฺส วินิจฺฉโย ปน สํหริตฺวา จีวรวํเส ฐปิตจีวรวินิจฺฉโย วิย วุโตฺต, ‘‘โอริมเนฺตน…เป.… ปาราชิกํ ภเว’’ติ คาถาตฺตเย วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพติ อโตฺถฯ
90.Ṭhapitassa hīti ettha pasiddhisūcakaṃ hi-saddaṃ ānetvā ‘‘cīvare viya hī’’ti yojetvā visesatthajotakaṃ tu-saddaṃ ānetvā ‘‘ṭhapitassa tū’’ti yojetabbaṃ. Atha vā nipātānamanekatthattā yathāṭhāne ṭhitānameva visesatthe hi-saddo, pasiddhiyaṃ tu-saddo ca yojetabbo. Vinicchayo veditabboti yojanā. Dīghato vā tiriyato vā pasāretvā cīvaravaṃse nikkhittassa cīvarassa vinicchayo pana saṃharitvā cīvaravaṃse ṭhapitacīvaravinicchayo viya vutto, ‘‘orimantena…pe… pārājikaṃ bhave’’ti gāthāttaye vuttanayena veditabboti attho.
๙๑. สิกฺกายาติ โอลมฺพิกาธาเรฯ ยํ ภณฺฑกนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปกฺขิปิตฺวาติ นิเวเสตฺวาฯ ลคฺคิตํ โหตีติ โอลมฺพิตํ โหติฯ ‘‘สิกฺกาโต ตํ หรโนฺต วา จุโต’’ติ เอตสฺมิํ วิกเปฺป สิกฺกาย ผุฎฺฐฎฺฐานวเสน ฐานาจาวนํ เวทิตพฺพํฯ ทุติยวิกเปฺป สิกฺกาย, พนฺธนฎฺฐานสฺส จ ภิตฺติปเสฺส ผุฎฺฐฎฺฐานํ ยทิ สิยา, ตสฺส จ วเสน ฐานาจาวนํ เวทิตพฺพํฯ
91.Sikkāyāti olambikādhāre. Yaṃ bhaṇḍakanti sambandho. Pakkhipitvāti nivesetvā. Laggitaṃ hotīti olambitaṃ hoti. ‘‘Sikkāto taṃ haranto vā cuto’’ti etasmiṃ vikappe sikkāya phuṭṭhaṭṭhānavasena ṭhānācāvanaṃ veditabbaṃ. Dutiyavikappe sikkāya, bandhanaṭṭhānassa ca bhittipasse phuṭṭhaṭṭhānaṃ yadi siyā, tassa ca vasena ṭhānācāvanaṃ veditabbaṃ.
๙๒-๓. กุนฺตาทีติ อาทิ-สเทฺทน ภินฺทิวาลาทิ ทีฆวตฺถุ คเหตพฺพํฯ ตฎฺฎิกาขาณุกา วิย ภิตฺติยํ ปฎิปาฎิยา นิเวสิตานิ มิคสิงฺคานิ วา สูลานิ วา นาคทนฺตา นามฯ อเคฺค วาติ กุนฺตผลโกฎิยํ วาฯ พุเนฺท วาติ กุนฺตทนฺตมูเล วาฯ ปริกฑฺฒโตติ อุชุกํ อากฑฺฒโตฯ
92-3.Kuntādīti ādi-saddena bhindivālādi dīghavatthu gahetabbaṃ. Taṭṭikākhāṇukā viya bhittiyaṃ paṭipāṭiyā nivesitāni migasiṅgāni vā sūlāni vā nāgadantā nāma. Agge vāti kuntaphalakoṭiyaṃ vā. Bunde vāti kuntadantamūle vā. Parikaḍḍhatoti ujukaṃ ākaḍḍhato.
ผุโฎฺฐกาสนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ นาคทเนฺต ผุฎฺฐฎฺฐานํ อติกฺกามยโต เกสคฺคมเตฺตน ปราชโย สิยาติ สมฺพโนฺธ, ฐปิตฎฺฐปิตฎฺฐานํ วิหาย เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกามยโต ปาราชิกนฺติ อโตฺถฯ เกสเคฺคน อนฺตเรน เหตุนา ปราชโยติ คเหตพฺพํ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปนยนเหตุ ปาราชิกํ โหตีติ อโตฺถฯ
Phuṭṭhokāsanti tasmiṃ tasmiṃ nāgadante phuṭṭhaṭṭhānaṃ atikkāmayato kesaggamattena parājayo siyāti sambandho, ṭhapitaṭṭhapitaṭṭhānaṃ vihāya kesaggamattampi atikkāmayato pārājikanti attho. Kesaggena antarena hetunā parājayoti gahetabbaṃ, kesaggamattampi apanayanahetu pārājikaṃ hotīti attho.
๙๔-๕. เอวํ ทีฆโต อากฑฺฒเน, อุกฺขิปเน จ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา ติริยํ อากฑฺฒเน, ปรโต นยเน จ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปาการาภิมุโข’’ติอาทิฯ อากฑฺฒตีติ อตฺตโน ฐิตฎฺฐานาภิมุขํ อาวิญฺฉติฯ โอริมนฺตผุโฎฺฐกาสนฺติ โอริมเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ, อตฺตโน ทิสาย กุนฺตทเณฺฑน ผุโฎฺฐกาสนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ อจฺจยนกิริยาสมฺพเนฺธ สามิวจนปฺปสเงฺค อุปโยควจนํฯ ‘‘สกมฺมกธาตุปฺปโยเค อุปโยควจนสฺส มาคธิกโวหาเร ทสฺสนโต กมฺมเตฺถเยว อุปโยควจน’’นฺติ เอเก วทนฺติ, เอตํ กจฺจายนลกฺขเณน สมานํฯ อิตรนฺตจฺจเยติ อิตรเนฺตน กโต อจฺจโยติ อิตรนฺตจฺจโย, มเชฺฌปทโลปสมาโส, ปาริมเนฺตน กตฺตพฺพาติกฺกเม กเตติ อโตฺถฯ เกสเคฺคน จุโตติ โยชนาฯ ยถาวุโตฺตเยว อโตฺถฯ
94-5. Evaṃ dīghato ākaḍḍhane, ukkhipane ca vinicchayaṃ dassetvā tiriyaṃ ākaḍḍhane, parato nayane ca vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘pākārābhimukho’’tiādi. Ākaḍḍhatīti attano ṭhitaṭṭhānābhimukhaṃ āviñchati. Orimantaphuṭṭhokāsanti orimantena phuṭṭhokāsaṃ, attano disāya kuntadaṇḍena phuṭṭhokāsanti attho. Ettha accayanakiriyāsambandhe sāmivacanappasaṅge upayogavacanaṃ. ‘‘Sakammakadhātuppayoge upayogavacanassa māgadhikavohāre dassanato kammattheyeva upayogavacana’’nti eke vadanti, etaṃ kaccāyanalakkhaṇena samānaṃ. Itarantaccayeti itarantena kato accayoti itarantaccayo, majjhepadalopasamāso, pārimantena kattabbātikkame kateti attho. Kesaggena cutoti yojanā. Yathāvuttoyeva attho.
ปรโต เปลฺลนฺตสฺสาติ ปรโต กตฺวา เปลฺลนฺตสฺส, ภิตฺติปสฺสาภิมุขํ กตฺวา นิปฺปีเฬนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ตเถวาติ ‘‘เกสเคฺคน จุโต’’ติ อากฑฺฒติฯ ฐปิเตปิ จ กุนฺตาทิมฺหิ อยํ นโยติ โยชนาฯ ‘‘เกสเคฺคนา’’ติอาทินา อยเมว วินิจฺฉยนโย วตฺตโพฺพติ อโตฺถฯ
Parato pellantassāti parato katvā pellantassa, bhittipassābhimukhaṃ katvā nippīḷentassāti attho. Tathevāti ‘‘kesaggena cuto’’ti ākaḍḍhati. Ṭhapitepi ca kuntādimhi ayaṃ nayoti yojanā. ‘‘Kesaggenā’’tiādinā ayameva vinicchayanayo vattabboti attho.
๙๖. ตาลสฺส ผลํ จาเลนฺตสฺส อสฺส ภิกฺขุโน เยน ผเลน วตฺถุ ปญฺจมาสกํ ปูรติ, ตสฺมิํ ผเล พนฺธนา มุเตฺต ปาราชิกํ ภเวติ โยชนาฯ
96. Tālassa phalaṃ cālentassa assa bhikkhuno yena phalena vatthu pañcamāsakaṃ pūrati, tasmiṃ phale bandhanā mutte pārājikaṃ bhaveti yojanā.
๙๗. ตาลสฺส ปิณฺฑิํ ฉินฺทตีติ ตาลผลกณฺณิกํ ฉินฺทติฯ ยาย วตฺถุ ปูรติ, ตสฺสา ฉินฺนมตฺตาย ‘‘อสฺส ปาราชิกํ สิยา’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตนโย อิธาปิ โยเชตโพฺพฯ ตาลปิณฺฑิ สเจ อากาสคตา โหติ, ปิณฺฑิมูลเมว ฐานํฯ ปณฺณทเณฺฑ วา ปเณฺณ วา อปสฺสาย ฐิตา เจ, ฐิตฎฺฐาเนหิ สห ปิณฺฑิมูลํ คเหตฺวา ฐานเภทํ ญตฺวา ฐานาจาวเนน ปาราชิกมฺปิ ทฎฺฐพฺพํฯ เอเสว นโยติ ‘‘เยน วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ พนฺธนา มุเตฺต อสฺส ปาราชิกํ สิยา’’ติ ยถาวุโตฺต เอว นโยฯ เอเตสุ สเพฺพสุ ฐาเนสุ ปาราชิกวีติกฺกมโต ปุพฺพภาคานนฺตรปฺปโยเค ถุลฺลจฺจยญฺจ สหปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎญฺจ ตโตปิ ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยญฺจ ทุกฺกฎญฺจ คมนทุติยปริเยสนาทิอวเสสปโยเคสุ อทินฺนาทานปุพฺพกตฺตา ทุกฺกฎญฺจ อสมฺมุยฺหเนฺตหิ เวทิตพฺพํฯ
97.Tālassapiṇḍiṃ chindatīti tālaphalakaṇṇikaṃ chindati. Yāya vatthu pūrati, tassā chinnamattāya ‘‘assa pārājikaṃ siyā’’ti heṭṭhā vuttanayo idhāpi yojetabbo. Tālapiṇḍi sace ākāsagatā hoti, piṇḍimūlameva ṭhānaṃ. Paṇṇadaṇḍe vā paṇṇe vā apassāya ṭhitā ce, ṭhitaṭṭhānehi saha piṇḍimūlaṃ gahetvā ṭhānabhedaṃ ñatvā ṭhānācāvanena pārājikampi daṭṭhabbaṃ. Eseva nayoti ‘‘yena vatthu pūrati, tasmiṃ bandhanā mutte assa pārājikaṃ siyā’’ti yathāvutto eva nayo. Etesu sabbesu ṭhānesu pārājikavītikkamato pubbabhāgānantarappayoge thullaccayañca sahapayoge pācittiyaṭṭhāne dukkaṭañca tatopi pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne pācittiyañca dukkaṭañca gamanadutiyapariyesanādiavasesapayogesu adinnādānapubbakattā dukkaṭañca asammuyhantehi veditabbaṃ.
เวหาสฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Vehāsaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๙๘. อุทเก นิธิฎฺฐานํ คจฺฉโตติ สมฺพโนฺธฯ อคมฺภีโรทเก นิธิฎฺฐานํ ปทวาเรน คจฺฉโต ปเท ปเท ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฎํ โหตีติ โยชนาฯ คมฺภีเร ปน ตถาติ ‘‘ปทวาเรน คจฺฉโต ทุกฺกฎ’’นฺติ ยถาวุตฺตมติทิสติฯ คจฺฉโตติ ตรโต, หตฺถํ อจาเลตฺวา ตรนฺตสฺส ปทวารคณนาย, หเตฺถน จ วายมนฺตสฺส ‘‘ปทวาเรนา’’ติ อิทํ อุปลกฺขณนฺติ กตฺวา หตฺถวารคณนาย ปทวารคณนาย ทุกฺกฎานิ เวทิตพฺพานิฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘คมฺภีเร หเตฺถหิ วา ปาเทหิ วา ปโยคํ กโรนฺตสฺส หตฺถวาเรหิ วา ปทวาเรหิ วา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๘)ฯ
98. Udake nidhiṭṭhānaṃ gacchatoti sambandho. Agambhīrodake nidhiṭṭhānaṃ padavārena gacchato pade pade pubbapayoge dukkaṭaṃ hotīti yojanā. Gambhīre pana tathāti ‘‘padavārena gacchato dukkaṭa’’nti yathāvuttamatidisati. Gacchatoti tarato, hatthaṃ acāletvā tarantassa padavāragaṇanāya, hatthena ca vāyamantassa ‘‘padavārenā’’ti idaṃ upalakkhaṇanti katvā hatthavāragaṇanāya padavāragaṇanāya dukkaṭāni veditabbāni. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘gambhīre hatthehi vā pādehi vā payogaṃ karontassa hatthavārehi vā padavārehi vā payoge payoge dukkaṭa’’nti (pārā. aṭṭha. 1.98).
อุมฺมุชฺชนาทิสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน นิมุชฺชนํ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถาปิ ‘‘ตถา’’ติ อนุวตฺตมานตฺตา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎนฺติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นิหิตกุมฺภิยา คหณตฺถํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชเนสุปิ หตฺถวาเรน, ปทวาเรน, หตฺถปทวาเรหิ จ ทุกฺกฎเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘เอเสว นโย กุมฺภิคหณตฺถํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชเนสู’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๘)ฯ
Ummujjanādisūti ettha ādi-saddena nimujjanaṃ saṅgaṇhāti. Etthāpi ‘‘tathā’’ti anuvattamānattā payoge payoge dukkaṭanti ayamattho veditabbo. Nihitakumbhiyā gahaṇatthaṃ nimujjanummujjanesupi hatthavārena, padavārena, hatthapadavārehi ca dukkaṭamevāti vuttaṃ hoti. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘eseva nayo kumbhigahaṇatthaṃ nimujjanummujjanesū’’ti (pārā. aṭṭha. 1.98).
อิมิสฺสา คาถาย ‘‘นิธิฎฺฐานํ คจฺฉโต ทุกฺกฎ’’นฺติ วจนโต ตถา คจฺฉนฺตสฺส อุทกสปฺปจณฺฑมจฺฉทสฺสเนน ภายิตฺวา ปลายนฺตสฺส คมนสฺส อตทตฺถตฺตา อนาปตฺตีติ พฺยติเรเกน วิญฺญายติฯ เอตฺถ ทุติยปริเยสนาทิสพฺพปโยเคสุ ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยญฺจ ปาจิตฺติเยน สห ทุกฺกฎญฺจ อวเสสปโยเคสุ สุทฺธทุกฺกฎญฺจ สหปโยเค ภาชนามสเน อนามาสทุกฺกฎญฺจ ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ ฐานาจาวเน ปาราชิกญฺจ นิธิกุมฺภิยา วุตฺตนเยน วิญฺญาตุํ สกฺกาติ น วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ ฐานเภโท ปญฺจธา โหติ, อิธ ปีเฬตฺวา โอสาเรตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา อโธทิสาย สห ฉพฺพิธํ โหตีติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
Imissā gāthāya ‘‘nidhiṭṭhānaṃ gacchato dukkaṭa’’nti vacanato tathā gacchantassa udakasappacaṇḍamacchadassanena bhāyitvā palāyantassa gamanassa atadatthattā anāpattīti byatirekena viññāyati. Ettha dutiyapariyesanādisabbapayogesu pācittiyaṭṭhāne pācittiyañca pācittiyena saha dukkaṭañca avasesapayogesu suddhadukkaṭañca sahapayoge bhājanāmasane anāmāsadukkaṭañca phandāpane thullaccayañca ṭhānācāvane pārājikañca nidhikumbhiyā vuttanayena viññātuṃ sakkāti na vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tattha ṭhānabhedo pañcadhā hoti, idha pīḷetvā osāretuṃ sakkuṇeyyattā adhodisāya saha chabbidhaṃ hotīti ayametesaṃ viseso.
๙๙. ตตฺถ ชาตกปุเปฺผสูติ ตสฺมิํ ชเล รุเฬฺหสุ อุปฺปลาทิกุสุเมสุ, นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ เยน ปุเปฺผนาติ นิทฺธาริตพฺพํฯ ฉินฺทโตติ เอตฺถ วตฺตมานกาลวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ฉินฺนวโต’’ติ ภูตวเสน อโตฺถ คเหตโพฺพฯ เอวํ อคฺคหิเต อนฺติมสฺส ปโยคสฺส ยาว อนุปรโม, ถุลฺลจฺจยารหตฺตา ปาราชิกวจนสฺส วตฺถุวิโรธิตาย จ อิมเสฺสว ปจฺฉิมกุสุมสฺส กนฺตนกาเล ปุปฺผนาฬปเสฺส ตจมเตฺตปิ อจฺฉิเนฺน ปาราชิกํ นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกนาฬ…เป.… ปริรกฺขตี’’ติ เอเตฺถว อนนฺตเร วุจฺจมานนยสฺส วิรุทฺธตฺตา จ อิมํ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ ลิขิตสฺส ‘‘ยสฺมิํ ปุเปฺผ วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ ฉินฺนมเตฺต ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๘) อฎฺฐกถาวจนสฺส วิรุทฺธตฺตา จ วตฺตมานกาลมคเหตฺวา ภูตกาลเสฺสว คเหตพฺพตฺตา ‘‘กทา เทวทตฺต อาคโตสี’’ติ ปญฺหสฺส ‘‘เอโสหมาคจฺฉามิ, อาคจฺฉนฺตํ มา มํ วิชฺฌา’’ติ อุตฺตเร วิย วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเนวาติ ภูเต วตฺตมานพฺยปเทสโต วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
99.Tattha jātakapupphesūti tasmiṃ jale ruḷhesu uppalādikusumesu, niddhāraṇe bhummaṃ. Yena pupphenāti niddhāritabbaṃ. Chindatoti ettha vattamānakālavasena atthaṃ aggahetvā ‘‘chinnavato’’ti bhūtavasena attho gahetabbo. Evaṃ aggahite antimassa payogassa yāva anuparamo, thullaccayārahattā pārājikavacanassa vatthuvirodhitāya ca imasseva pacchimakusumassa kantanakāle pupphanāḷapasse tacamattepi acchinne pārājikaṃ natthīti dassetuṃ ‘‘ekanāḷa…pe… parirakkhatī’’ti ettheva anantare vuccamānanayassa viruddhattā ca imaṃ vinicchayaṃ dassetuṃ likhitassa ‘‘yasmiṃ pupphe vatthu pūrati, tasmiṃ chinnamatte pārājika’’nti (pārā. aṭṭha. 1.98) aṭṭhakathāvacanassa viruddhattā ca vattamānakālamagahetvā bhūtakālasseva gahetabbattā ‘‘kadā devadatta āgatosī’’ti pañhassa ‘‘esohamāgacchāmi, āgacchantaṃ mā maṃ vijjhā’’ti uttare viya vattamānasamīpe vattamānevāti bhūte vattamānabyapadesato vuttanti daṭṭhabbaṃ.
๑๐๐. ‘‘อุปฺปลชาติยา’’ติ อิมินา ‘‘ปทุมชาติยา’’ติ พฺยติเรกโต วุตฺตตฺตา ‘‘ปทุมชาติกานํ ปน ทเณฺฑ ฉิเนฺน อพฺภนฺตเร สุตฺตํ อจฺฉินฺนมฺปิ รกฺขตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๘) อฎฺฐกถานโย สงฺคหิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอกนาฬสฺส วา ปเสฺสติ ‘‘นาฬสฺส เอกปเสฺส’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตโตติ นาฬโตฯ
100.‘‘Uppalajātiyā’’ti iminā ‘‘padumajātiyā’’ti byatirekato vuttattā ‘‘padumajātikānaṃ pana daṇḍe chinne abbhantare suttaṃ acchinnampi rakkhatī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.98) aṭṭhakathānayo saṅgahitoti daṭṭhabbaṃ. Ekanāḷassa vā passeti ‘‘nāḷassa ekapasse’’ti vattabbe gāthābandhasukhatthaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tatoti nāḷato.
๑๐๑. ภารพทฺธกุสุเมสุ วินิจฺฉยสฺส วกฺขมานตฺตา ฉินฺทิตฺวา ฐปิเตสูติ อพทฺธกุสุมวเสน คเหตพฺพํฯ ปุเพฺพ วุตฺตนเยนาติ ตตฺรชาตกกุสุเมสุ วุตฺตวินิจฺฉยานุสาเรนฯ ‘‘เยน ปุเปฺผน ปูรติ, ตสฺมิํ ฉินฺนมเตฺต’’ติ อวตฺวา คหิตมเตฺต ปาราชิกนฺติ โยชนา เจตฺถ วิเสโสฯ
101. Bhārabaddhakusumesu vinicchayassa vakkhamānattā chinditvā ṭhapitesūti abaddhakusumavasena gahetabbaṃ. Pubbe vuttanayenāti tatrajātakakusumesu vuttavinicchayānusārena. ‘‘Yena pupphena pūrati, tasmiṃ chinnamatte’’ti avatvā gahitamatte pārājikanti yojanā cettha viseso.
๑๐๒. ภารํ กตฺวา พทฺธานิ ภารพทฺธานีติ มชฺฌปทโลปีสมาโสฯ ปุปฺผานีติ ปาทคฺฆนกานิ อุปฺปลาทิกุสุมานิฯ ฉสฺวากาเรสูติ อุทเก โอสีทาเปตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา อโธทิสาย สห จตโสฺส ทิสา, อุทฺธนฺติ อิมาสุ ฉสุ ทิสาสุ, นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ เกนจิ อากาเรนาติ นิทฺธาเรตพฺพทสฺสนํฯ ฐานาจาวนสฺส สาธกตมตฺตา กรเณเยว กรณวจนํฯ นสฺสตีติ ปาทคฺฆนกปุปฺผานํ ฐานาจาวเนน ปาราชิกมาปชฺชิตฺวา โลกิยโลกุตฺตรานํ อนวเสสคุณานํ ปติฎฺฐานภูตํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ นาเสตฺวา สยํ คุณมรเณน มียตีติ อโตฺถฯ
102. Bhāraṃ katvā baddhāni bhārabaddhānīti majjhapadalopīsamāso. Pupphānīti pādagghanakāni uppalādikusumāni. Chasvākāresūti udake osīdāpetuṃ sakkuṇeyyattā adhodisāya saha catasso disā, uddhanti imāsu chasu disāsu, niddhāraṇe bhummaṃ. Kenaci ākārenāti niddhāretabbadassanaṃ. Ṭhānācāvanassa sādhakatamattā karaṇeyeva karaṇavacanaṃ. Nassatīti pādagghanakapupphānaṃ ṭhānācāvanena pārājikamāpajjitvā lokiyalokuttarānaṃ anavasesaguṇānaṃ patiṭṭhānabhūtaṃ pātimokkhasaṃvarasīlaṃ nāsetvā sayaṃ guṇamaraṇena mīyatīti attho.
๑๐๓. ปุปฺผานํ กลาปนฺติ ปาทคฺฆนกอุปฺปลาทิกุสุมกลาปํฯ อุทกํ จาเลตฺวาติ ยถา วีจิ อุฎฺฐาติ, ตถา จาเลตฺวาฯ ปุปฺผฎฺฐานาติ ปุปฺผานํ ฐิตฎฺฐานาฯ จาเวตีติ กลาปํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปเนติฯ ‘‘ปุปฺผํ ฐานา จาเวตี’’ติ กตฺถจิ โปตฺถเกสุ ปาโฐ ทิสฺสติฯ ปุปฺผกลาปเสฺสว คหิตตฺตา ปุริโมเยว คเหตโพฺพฯ
103.Pupphānaṃ kalāpanti pādagghanakauppalādikusumakalāpaṃ. Udakaṃ cāletvāti yathā vīci uṭṭhāti, tathā cāletvā. Pupphaṭṭhānāti pupphānaṃ ṭhitaṭṭhānā. Cāvetīti kalāpaṃ kesaggamattampi apaneti. ‘‘Pupphaṃ ṭhānā cāvetī’’ti katthaci potthakesu pāṭho dissati. Pupphakalāpasseva gahitattā purimoyeva gahetabbo.
๑๐๔. ‘‘เอตฺถ คตํ คเหสฺสามี’’ติ สห ปาฐเสเสน โยชนาฯ ปริกเปฺปตีติ ‘‘เอตฺถ คตํ คเหสฺสามี’’ติ ฐานํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตเกฺกติฯ รกฺขตีติ ฐานาจาวเนปิ สติ โส ปริกโปฺป ปาราชิกาปตฺติโต ตํ ภิกฺขุํ รกฺขติฯ คตฎฺฐานาติ ปุปฺผกลาเปน คตํ สมฺปตฺตญฺจ ตํ ฐานญฺจาติ วิคฺคโหฯ ‘‘อุทฺธรโนฺต’’ติ เอเตน ‘‘ปุปฺผานํ กลาป’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ‘‘กตฎฺฐานา’’ติปิ ปาโฐ, กตา ปุปฺผานํ ฐานา อุทฺธรโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ อุทกํ จาเลตฺวา วีจิโย อุฎฺฐาเปตฺวา วีจิปฺปหาเรน อุทกปิเฎฺฐน ปริกปฺปิตฎฺฐานํ สมฺปตฺตํ ปุปฺผกลาปํ ฐิตฎฺฐานา อุทฺธรโนฺต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานา จาเวโนฺตติ อโตฺถฯ ‘‘ฐานา’’ติ อิทํ ‘‘ภโฎฺฐ’’ติ อิมินา สมฺพนฺธนียํฯ ภโฎฺฐ นาม ปวุจฺจตีติ อตฺตนา สมาทาย รกฺขิยมานา ปาติโมกฺขสํวรสีลสงฺขาตสพฺพคุณรตนงฺกุราภินิพฺพตฺตฎฺฐานา ปติโต นาม โหตีติ ปวุจฺจติฯ
104.‘‘Ettha gataṃ gahessāmī’’ti saha pāṭhasesena yojanā. Parikappetīti ‘‘ettha gataṃ gahessāmī’’ti ṭhānaṃ paricchinditvā takketi. Rakkhatīti ṭhānācāvanepi sati so parikappo pārājikāpattito taṃ bhikkhuṃ rakkhati. Gataṭṭhānāti pupphakalāpena gataṃ sampattañca taṃ ṭhānañcāti viggaho. ‘‘Uddharanto’’ti etena ‘‘pupphānaṃ kalāpa’’nti ānetvā sambandhitabbaṃ. ‘‘Kataṭṭhānā’’tipi pāṭho, katā pupphānaṃ ṭhānā uddharantoti sambandho. Udakaṃ cāletvā vīciyo uṭṭhāpetvā vīcippahārena udakapiṭṭhena parikappitaṭṭhānaṃ sampattaṃ pupphakalāpaṃ ṭhitaṭṭhānā uddharanto kesaggamattampi ṭhānā cāventoti attho. ‘‘Ṭhānā’’ti idaṃ ‘‘bhaṭṭho’’ti iminā sambandhanīyaṃ. Bhaṭṭho nāma pavuccatīti attanā samādāya rakkhiyamānā pātimokkhasaṃvarasīlasaṅkhātasabbaguṇaratanaṅkurābhinibbattaṭṭhānā patito nāma hotīti pavuccati.
๑๐๕. ชลโต อจฺจุคฺคตสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ปุปฺผสฺสา’’ติ สามตฺถิยา ลพฺภติฯ ชลปิฎฺฐิโต อจฺจุคฺคตสฺส ปุปฺผสฺส สกลชลํ ฐานํ, กทฺทมปิฎฺฐิโต ปฎฺฐาย อุทกปิฎฺฐิปริยนฺตํ ปุปฺผทเณฺฑน ผริตฺวา ฐิตํ สพฺพมุทกํ ฐานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อุปฺปาเฎตฺวาติ ปุปฺผคฺคํ อากฑฺฒิตฺวา อุปฺปีเฬตฺวาฯ ตโตติ ตสฺมา ปุปฺผฎฺฐานภูตสกลชลราสิโตฯ อุชุนฺติ อุชุํ กตฺวาฯ อุทฺธรโตติ อุปฺปาเฎนฺตสฺสฯ
105.Jalato accuggatassāti ettha ‘‘pupphassā’’ti sāmatthiyā labbhati. Jalapiṭṭhito accuggatassa pupphassa sakalajalaṃ ṭhānaṃ, kaddamapiṭṭhito paṭṭhāya udakapiṭṭhipariyantaṃ pupphadaṇḍena pharitvā ṭhitaṃ sabbamudakaṃ ṭhānanti vuttaṃ hoti. Uppāṭetvāti pupphaggaṃ ākaḍḍhitvā uppīḷetvā. Tatoti tasmā pupphaṭṭhānabhūtasakalajalarāsito. Ujunti ujuṃ katvā. Uddharatoti uppāṭentassa.
๑๐๖. นาฬเนฺตติ อุปฺปาฎิตปุปฺผนาฬสฺส มูลโกฎิยาฯ ชลโตติ อุทกปิฎฺฐิโตฯ มุตฺตมเตฺต เกสคฺคมตฺตํ ทูรํ กตฺวาติ ปาฐเสสโยชนา กาตพฺพาฯ ‘‘ชลโต’’ติ ปฐมตติยปาเทสุ ทฺวิกฺขตฺตุํ วจนํ อตฺถาวิเสเสปิ ปทาวุตฺติอลงฺกาเร อฑฺฒยมกวเสน วุตฺตตฺตา ปุนรุตฺติโทโส น โหตีติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘มุตฺตมเตฺต, อมุเตฺต’’ติ จ สมฺพนฺธิตพฺพํ, อตฺถานํ วา วิเสสโต อุภยตฺถ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมิํ นาฬเนฺตติ สมฺพโนฺธฯ
106.Nāḷanteti uppāṭitapupphanāḷassa mūlakoṭiyā. Jalatoti udakapiṭṭhito. Muttamatte kesaggamattaṃ dūraṃ katvāti pāṭhasesayojanā kātabbā. ‘‘Jalato’’ti paṭhamatatiyapādesu dvikkhattuṃ vacanaṃ atthāvisesepi padāvuttialaṅkāre aḍḍhayamakavasena vuttattā punaruttidoso na hotīti veditabbaṃ. ‘‘Muttamatte, amutte’’ti ca sambandhitabbaṃ, atthānaṃ vā visesato ubhayattha vuttanti veditabbaṃ. Tasmiṃ nāḷanteti sambandho.
๑๐๗. ตสฺส นาเมตฺวา อุปฺปาฎิตสฺสฯ สห คเจฺฉน อุปฺปาฎิตสฺสาปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ อิธ ปน สพฺพปุปฺผปณฺณนาฬานิ มูลโต ปภุติ ปฐมํ ฐิตฎฺฐานโต อปนามนวเสน ฐานาจาวนํ เวทิตพฺพํฯ เอวํ ปุปฺผาทีนิ อุปฺปาเฎนฺตสฺส ภูตคามวิโกปนาปตฺติยา ฐาเน สหปโยคทุกฺกฎํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
107.Tassa nāmetvā uppāṭitassa. Saha gacchena uppāṭitassāpi ayameva vinicchayo. Idha pana sabbapupphapaṇṇanāḷāni mūlato pabhuti paṭhamaṃ ṭhitaṭṭhānato apanāmanavasena ṭhānācāvanaṃ veditabbaṃ. Evaṃ pupphādīni uppāṭentassa bhūtagāmavikopanāpattiyā ṭhāne sahapayogadukkaṭaṃ hotīti veditabbaṃ.
๑๐๘-๙. พฬิสาทิมจฺฉคฺคหโณปกรณานํ วจนโต, ชเล ฐิตมตมจฺฉานํ วินิจฺฉยสฺส จ วกฺขมานตฺตา มเจฺฉติ ชีวมานกมจฺฉานํ คหณํฯ อุปลกฺขณวเสน วา อวุตฺตสมุจฺจยตฺถ วา-สเทฺทน วา ขิปกาทีนิ มจฺฉวโธปกรณานิ วุตฺตาเนวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ วตฺถูติ ปาโทฯ ตสฺมิํ มเจฺฉฯ อุทฺธโฎเยว อุทฺธฎมโตฺต, มโจฺฉ, ตสฺมิํฯ ชลาติ อุทกโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อปเนตฺวา อุกฺขิตฺตมเตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ
108-9. Baḷisādimacchaggahaṇopakaraṇānaṃ vacanato, jale ṭhitamatamacchānaṃ vinicchayassa ca vakkhamānattā maccheti jīvamānakamacchānaṃ gahaṇaṃ. Upalakkhaṇavasena vā avuttasamuccayattha vā-saddena vā khipakādīni macchavadhopakaraṇāni vuttānevāti daṭṭhabbaṃ. Vatthūti pādo. Tasmiṃ macche. Uddhaṭoyeva uddhaṭamatto, maccho, tasmiṃ. Jalāti udakato kesaggamattampi apanetvā ukkhittamatteti vuttaṃ hoti.
๑๑๐. ปุปฺผานํ วิย มจฺฉานมฺปิ ฐิตฎฺฐานเมว ฐานนฺติ อคฺคเหตฺวา สกลชลํ ฐานํ กตฺวา กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฐานํ สลิลชานํ หี’’ติอาทิฯ สลิเล ชาตา สลิลชา, อิติ ปกรณโต มจฺฉาเยว วุจฺจนฺติฯ อตฺถปฺปกรณสทฺทนฺตรสนฺนิธานาทีหิ สทฺทา วิเสสตฺถํ วทนฺตีติฯ หีติ ปสิทฺธิยํฯ เกวลนฺติ อวธารเณ, ชลเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ อิมินา พหิอุทกํ นิวตฺติตํ โหติฯ สกลํ ชลเมว ฐานํ ยสฺมา, ตสฺมา สลิลฎฺฐํ ชลา วิโมเจโนฺต ปาราชิโก โหตีติ เหตุเหตุมนฺตภาเวน โยชนา เวทิตพฺพาฯ อาปนฺนํ ปราเชตีติ ปาราชิกา, อาปตฺติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ ปาราชิโก, ปุคฺคโลฯ
110. Pupphānaṃ viya macchānampi ṭhitaṭṭhānameva ṭhānanti aggahetvā sakalajalaṃ ṭhānaṃ katvā kasmā vuttanti āha ‘‘ṭhānaṃ salilajānaṃ hī’’tiādi. Salile jātā salilajā, iti pakaraṇato macchāyeva vuccanti. Atthappakaraṇasaddantarasannidhānādīhi saddā visesatthaṃ vadantīti. Hīti pasiddhiyaṃ. Kevalanti avadhāraṇe, jalamevāti vuttaṃ hoti. Iminā bahiudakaṃ nivattitaṃ hoti. Sakalaṃ jalameva ṭhānaṃ yasmā, tasmā salilaṭṭhaṃ jalā vimocento pārājiko hotīti hetuhetumantabhāvena yojanā veditabbā. Āpannaṃ parājetīti pārājikā, āpatti, sā etassa atthīti pārājiko, puggalo.
๑๑๑. นีรํ อุทกํฯ วาริมฺหิ ชเล ชาโต วาริโช, อิติ ปกรณโต มโจฺฉว คยฺหติฯ เอเตเนว อากาเส อุปฺปติตมโจฺฉ , โคจรตฺถาย จ ถลมุคฺคตกุมฺมาทโย อุปลกฺขิตาติ เวทิตพฺพํฯ เตสํ คหเณ วินิจฺฉโย อากาสฎฺฐถลฎฺฐกถาย วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ ภณฺฑเคฺฆน วินิทฺทิเสติ ทุกฺกฎาทิวตฺถุโน ภณฺฑสฺส อคฺฆวเสน ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยปาราชิกาปตฺติโย วเทยฺยาติ อโตฺถฯ
111.Nīraṃ udakaṃ. Vārimhi jale jāto vārijo, iti pakaraṇato macchova gayhati. Eteneva ākāse uppatitamaccho , gocaratthāya ca thalamuggatakummādayo upalakkhitāti veditabbaṃ. Tesaṃ gahaṇe vinicchayo ākāsaṭṭhathalaṭṭhakathāya vuttanayena veditabbo. Bhaṇḍagghena viniddiseti dukkaṭādivatthuno bhaṇḍassa agghavasena dukkaṭathullaccayapārājikāpattiyo vadeyyāti attho.
๑๑๒. ตฬาเกติ สรสฺมิํ, อิมินา จ วาปิโปกฺขรณิโสพฺภาทิชลาสยา สงฺคยฺหนฺติฯ นทิยาติ นินฺนคาย, อิมินา จ กนฺทราทโย สงฺคยฺหนฺติฯ นิเนฺนติ อาวาเฎฯ มจฺฉวิสํ นามาติ เอตฺถ นาม-สโทฺท สญฺญายํฯ มจฺฉวิสนามกํ มทนผลาทิกํ ทฎฺฐพฺพํฯ คเตติ วิสปกฺขิปเก มจฺฉฆาตเก คเตฯ
112.Taḷāketi sarasmiṃ, iminā ca vāpipokkharaṇisobbhādijalāsayā saṅgayhanti. Nadiyāti ninnagāya, iminā ca kandarādayo saṅgayhanti. Ninneti āvāṭe. Macchavisaṃ nāmāti ettha nāma-saddo saññāyaṃ. Macchavisanāmakaṃ madanaphalādikaṃ daṭṭhabbaṃ. Gateti visapakkhipake macchaghātake gate.
๑๑๔. สามิเกสูติ วิสํ โยเชตฺวา คเตสุ มจฺฉสามิเกสุฯ อาหรเนฺตสูติ อาหราเปเนฺตสุฯ ภณฺฑเทยฺยนฺติ ภณฺฑญฺจ ตํ เทยฺยญฺจาติ วิคฺคโห, อตฺตนา คหิตวตฺถุํ วา ตทคฺฆนกํ วา ภณฺฑํ ทาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
114.Sāmikesūti visaṃ yojetvā gatesu macchasāmikesu. Āharantesūti āharāpentesu. Bhaṇḍadeyyanti bhaṇḍañca taṃ deyyañcāti viggaho, attanā gahitavatthuṃ vā tadagghanakaṃ vā bhaṇḍaṃ dātabbanti attho.
๑๑๕. มเจฺฉติ มตมเจฺฉฯ เสเสติ นมตมเจฺฉฯ
115.Maccheti matamacche. Seseti namatamacche.
๑๑๖. อมเตสุ คหิเตสูติ ปกรณโต ลพฺภติ, นิมิตฺตเตฺถ เจตํ ภุมฺมํฯ อนาปตฺติํ วทนฺตีติ อทินฺนาทานาปตฺติยา อนาปตฺติํ วทนฺติ, มารณปฺปตฺติยา ปาจิตฺติยํ โหเตวฯ อยญฺจ วินิจฺฉโย อรกฺขิตอโคปิเตสุ อสฺสามิกตฬากาทีสุ เวทิตโพฺพฯ
116.Amatesu gahitesūti pakaraṇato labbhati, nimittatthe cetaṃ bhummaṃ. Anāpattiṃ vadantīti adinnādānāpattiyā anāpattiṃ vadanti, māraṇappattiyā pācittiyaṃ hoteva. Ayañca vinicchayo arakkhitaagopitesu assāmikataḷākādīsu veditabbo.
อุทกฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๑๗. นาวนฺติ เอตฺถ ‘‘นาวา นาม ยาย ตรตี’’ติ (ปารา. ๙๙) วจนโต ชลตารณารหํ อนฺตมโส เอกมฺปิ วหนฺตํ รชนโทณิเวณุกลาปาทิกํ เวทิตพฺพํฯ นาวฎฺฐํ นาม ภณฺฑํ ยํ กิญฺจิ อินฺทฺริยพทฺธํ วา อนินฺทฺริยพทฺธํ วาฯ ‘‘เถเนตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ อิมินา ‘‘เถยฺยจิตฺตสฺสา’’ติ อิมมตฺถํ วิญฺญาเปติฯ ปาทุทฺธาเรติ ทุติยปริเยสนาทิอตฺถํ คจฺฉนฺตสฺส ปเท ปเทฯ โทสาติ ทุกฺกฎาปตฺติโยฯ วุตฺตาติ ‘‘นาวฎฺฐํ ภณฺฑํ อวหริสฺสามี’ติ เถยฺยจิโตฺต ทุติยํ วา ปริเยสติ คจฺฉติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๙๙) ปทภาชนิยํ ภควตา วุตฺตา, อิมินา ปุพฺพปโยคสหปโยคทุกฺกฎานิ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยํ, ฐานาจาวเน ปาราชิกญฺจ อุปลกฺขณวเสน ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
117.Nāvanti ettha ‘‘nāvā nāma yāya taratī’’ti (pārā. 99) vacanato jalatāraṇārahaṃ antamaso ekampi vahantaṃ rajanadoṇiveṇukalāpādikaṃ veditabbaṃ. Nāvaṭṭhaṃ nāma bhaṇḍaṃ yaṃ kiñci indriyabaddhaṃ vā anindriyabaddhaṃ vā. ‘‘Thenetvā gaṇhissāmī’’ti iminā ‘‘theyyacittassā’’ti imamatthaṃ viññāpeti. Pāduddhāreti dutiyapariyesanādiatthaṃ gacchantassa pade pade. Dosāti dukkaṭāpattiyo. Vuttāti ‘‘nāvaṭṭhaṃ bhaṇḍaṃ avaharissāmī’ti theyyacitto dutiyaṃ vā pariyesati gacchati vā, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 99) padabhājaniyaṃ bhagavatā vuttā, iminā pubbapayogasahapayogadukkaṭāni, phandāpane thullaccayaṃ, ṭhānācāvane pārājikañca upalakkhaṇavasena dassitanti veditabbaṃ.
๑๑๘. จณฺฑโสเตติ เวเคน คจฺฉเนฺต อุทกปฺปวาเห, ‘‘จณฺฑโสเต’’ติ อิมินา พนฺธนํ วินา สภาเวน อฎฺฐิตภาวสฺส สูจนโต ‘‘พนฺธนเมว ฐาน’’นฺติ วุตฺตฎฺฐานปริเจฺฉทสฺส การณํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยสฺมา จณฺฑโสเต พทฺธา, ตสฺมา พนฺธนเมกเมว ฐานํ มตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตสฺมินฺติ พนฺธเนฯ ธีรา วินยธราฯ
118.Caṇḍasoteti vegena gacchante udakappavāhe, ‘‘caṇḍasote’’ti iminā bandhanaṃ vinā sabhāvena aṭṭhitabhāvassa sūcanato ‘‘bandhanameva ṭhāna’’nti vuttaṭṭhānaparicchedassa kāraṇaṃ dassitanti veditabbaṃ. Yasmā caṇḍasote baddhā, tasmā bandhanamekameva ṭhānaṃ matanti vuttaṃ hoti. Tasminti bandhane. Dhīrā vinayadharā.
๑๑๙-๑๒๐. ‘‘นิจฺจเล อุทเก นาว-มพนฺธนมวฎฺฐิต’’นฺติ อิมินา ฉธา ฐานปริเจฺฉทสฺส ลพฺภมานเตฺต การณํ ทเสฺสติฯ นาวํ กฑฺฒโต ตสฺส ปาราชิกนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปุนปิ กิํ กโรโนฺตติ อาห ‘‘เอเกนเนฺตน สมฺผุฎฺฐ’’นฺติอาทิฯ ตํ นาวํ อติกฺกามยโตติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาปิ ‘‘กฑฺฒิตวโต อติกฺกมิตวโต’’ติ ภูตวเสน อโตฺถ โยเชตโพฺพฯ ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
119-120.‘‘Niccale udake nāva-mabandhanamavaṭṭhita’’nti iminā chadhā ṭhānaparicchedassa labbhamānatte kāraṇaṃ dasseti. Nāvaṃ kaḍḍhato tassa pārājikanti sambandho. Punapi kiṃ karontoti āha ‘‘ekenantena samphuṭṭha’’ntiādi. Taṃ nāvaṃ atikkāmayatoti sambandho. Etthāpi ‘‘kaḍḍhitavato atikkamitavato’’ti bhūtavasena attho yojetabbo. Yamettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayameva.
๑๒๑. เอวํ จตุปสฺสากฑฺฒเน วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อุทฺธํ, อโธ จ อุกฺขิปนโอสีทาปเนสุ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตถา’’ติอาทิฯ ตถาติ ‘‘ตสฺส ปาราชิก’’นฺติ อากฑฺฒติฯ กสฺมิํ กาเลติ อาห ‘‘อุทฺธํ เกสคฺคมตฺตมฺปี’’ติอาทิฯ อโธนาวาตลนฺติ นาวาตลสฺส อโธ อโธนาวาตลํ, ตสฺมิํ อุทฺธํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุทกมฺหา วิโมจิเตติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ เตน ผุฎฺฐํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ มุขวฎฺฎิยา วิโมจิเตติ โยชนาฯ เตนาติ อโธนาวาตเลน ผุเฎฺฐ อุทเก มุขวฎฺฎิยา กรณภูตาย เกสคฺคมตฺตมฺปิ วิโมจิเตติ คเหตพฺพํฯ
121. Evaṃ catupassākaḍḍhane vinicchayaṃ dassetvā idāni uddhaṃ, adho ca ukkhipanaosīdāpanesu vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘tathā’’tiādi. Tathāti ‘‘tassa pārājika’’nti ākaḍḍhati. Kasmiṃ kāleti āha ‘‘uddhaṃ kesaggamattampī’’tiādi. Adhonāvātalanti nāvātalassa adho adhonāvātalaṃ, tasmiṃ uddhaṃ kesaggamattampi udakamhā vimociteti iminā sambandho. Tena phuṭṭhaṃ kesaggamattampi mukhavaṭṭiyā vimociteti yojanā. Tenāti adhonāvātalena phuṭṭhe udake mukhavaṭṭiyā karaṇabhūtāya kesaggamattampi vimociteti gahetabbaṃ.
๑๒๒. ตีเร พนฺธิตฺวา ปน นิจฺจเล ชเล ฐปิตา ยา นาวา, ตสฺสา นาวาย ฐานํ พนฺธนญฺจ ฐิโตกาโส จาติ ทฺวิธา มตนฺติ โยชนาฯ
122. Tīre bandhitvā pana niccale jale ṭhapitā yā nāvā, tassā nāvāya ṭhānaṃ bandhanañca ṭhitokāso cāti dvidhā matanti yojanā.
๑๒๓. ปุพฺพํ ปฐมํ พนฺธนสฺส วิโมจเน ถุลฺลจฺจยํ โหตีติ โยชนาฯ เกนจุปาเยนาติ ‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปี’’ติอาทิกฺกเมน ยถาวุโตฺตปายฉเกฺกสุ เยน เกนจิ อุปาเยนาติ อโตฺถฯ ฐานา จาเวติ นาวํฯ
123.Pubbaṃ paṭhamaṃ bandhanassa vimocane thullaccayaṃ hotīti yojanā. Kenacupāyenāti ‘‘purato pacchato vāpī’’tiādikkamena yathāvuttopāyachakkesu yena kenaci upāyenāti attho. Ṭhānā cāveti nāvaṃ.
๑๒๔. ปฐมํ ฐานา จาเวตฺวาติ ‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วา’’ติอาทินา ยถาวุเตฺตสุ ฉสุ อากาเรสุ อญฺญตเรน อากาเรน นาวํ ฐปิตฎฺฐานโต ปฐมํ จาเวตฺวาฯ เอเสว จ นโยติ นาวาย ปฐมํ ฐิตฎฺฐานโต จาวเน ถุลฺลจฺจยํ, ปจฺฉา พนฺธนโมจเน ปาราชิกนฺติ เอเสว นโย เนตโพฺพติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘ตีเร พนฺธิตฺวา นิจฺจเล อุทเก ฐปิตนาวาย พนฺธนญฺจ ฐิโตกาโส จาติ เทฺว ฐานานิ, ตํ ปฐมํ พนฺธนา โมเจติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ฉนฺนํ อาการานํ อญฺญตเรน ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ ปฐมํ ฐานา จาเวตฺวา ปจฺฉา พนฺธนโมจเนปิ เอเสว นโย’’ติ (ปารา. ๙๙) อฎฺฐกถายํ วุตฺตวินิจฺฉโย สงฺคหิโตฯ อามสนผนฺทาปเนสุ ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยานิ เหฎฺฐา กุมฺภิยํ วุตฺตนเยเนว ญาตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา น วุตฺตานีติ เวทิตพฺพํฯ เอวมุปริปิฯ
124.Paṭhamaṃ ṭhānā cāvetvāti ‘‘purato pacchato vā’’tiādinā yathāvuttesu chasu ākāresu aññatarena ākārena nāvaṃ ṭhapitaṭṭhānato paṭhamaṃ cāvetvā. Eseva ca nayoti nāvāya paṭhamaṃ ṭhitaṭṭhānato cāvane thullaccayaṃ, pacchā bandhanamocane pārājikanti eseva nayo netabboti attho. Ettha ca ‘‘tīre bandhitvā niccale udake ṭhapitanāvāya bandhanañca ṭhitokāso cāti dve ṭhānāni, taṃ paṭhamaṃ bandhanā moceti, thullaccayaṃ. Pacchā channaṃ ākārānaṃ aññatarena ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Paṭhamaṃ ṭhānā cāvetvā pacchā bandhanamocanepi eseva nayo’’ti (pārā. 99) aṭṭhakathāyaṃ vuttavinicchayo saṅgahito. Āmasanaphandāpanesu dukkaṭathullaccayāni heṭṭhā kumbhiyaṃ vuttanayeneva ñātuṃ sakkuṇeyyattā na vuttānīti veditabbaṃ. Evamuparipi.
๑๒๕. อุสฺสาเรตฺวาติ อุทกโต ถลํ อาโรเปตฺวาฯ นิกุชฺชิตฺวาติ อโธมุขํ กตฺวาฯ ถเล ฐปิตาย นาวาย มุขวฎฺฎิยา ผุโฎฺฐกาโส เอว ฐานนฺติ โยชนาฯ หีติ วิเสโส, เตน ชลฎฺฐโต ถลฎฺฐาย นาวาย วุตฺตํ วิเสสํ โชเตติฯ
125.Ussāretvāti udakato thalaṃ āropetvā. Nikujjitvāti adhomukhaṃ katvā. Thale ṭhapitāya nāvāya mukhavaṭṭiyā phuṭṭhokāso eva ṭhānanti yojanā. Hīti viseso, tena jalaṭṭhato thalaṭṭhāya nāvāya vuttaṃ visesaṃ joteti.
๑๒๖. เอตฺถ อโธ โอสีทาปนสฺส อลพฺภมานตาย ตํ วินา อิตเรสํ ปญฺจนฺนํ อาการานํ วเสน ฐานาจาวนํ ทเสฺสตุมาห ‘‘เญโยฺย’’ติอาทิฯ ยโต กุโตจีติ ติริยํ จตสฺสนฺนํ, อุปริทิสาย จ วเสน ยํ กิญฺจิ ทิสาภิมุขํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกเมโนฺตฯ
126. Ettha adho osīdāpanassa alabbhamānatāya taṃ vinā itaresaṃ pañcannaṃ ākārānaṃ vasena ṭhānācāvanaṃ dassetumāha ‘‘ñeyyo’’tiādi. Yato kutocīti tiriyaṃ catassannaṃ, uparidisāya ca vasena yaṃ kiñci disābhimukhaṃ kesaggamattampi atikkamento.
๑๒๗. อุกฺกุชฺชิตายปีติ อุทฺธํมุขํ ฐปิตายปิฯ ฆฎิกานนฺติ ทารุขณฺฑานํฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘เญโยฺย ฐานปริเจฺฉโท’’ติอาทินา วุตฺตนยํ อติทิสติฯ โส ปน อุกฺกุชฺชิตฺวา ภูมิยํ ฐปิตนาวาย ยุชฺชติฯ ฆฎิกานํ อุปริ ฐปิตาย ปน นาคทเนฺตสุ ฐปิตกุเนฺต วุตฺตวินิจฺฉโย ยุชฺชติฯ
127.Ukkujjitāyapīti uddhaṃmukhaṃ ṭhapitāyapi. Ghaṭikānanti dārukhaṇḍānaṃ. ‘‘Tathā’’ti iminā ‘‘ñeyyo ṭhānaparicchedo’’tiādinā vuttanayaṃ atidisati. So pana ukkujjitvā bhūmiyaṃ ṭhapitanāvāya yujjati. Ghaṭikānaṃ upari ṭhapitāya pana nāgadantesu ṭhapitakunte vuttavinicchayo yujjati.
๑๒๘. ‘‘เถยฺยา’’ติ อิทํ ‘‘ปาเชนฺตสฺสา’’ติ วิเสสนํฯ ติเตฺถติ ติตฺถาสนฺนชเลฯ อริเตฺตนาติ เกนิปาเตนฯ ผิเยนาติ ปาชนผลเกนฯ ปาเชนฺตสฺสาติ เปเสนฺตสฺสฯ ‘‘ตํ ปาเชตี’’ติปิ ปาโฐ ทิสฺสติ, ตํ นาวํ โย ปาเชติ, ตสฺส ปราชโยติ อโตฺถฯ
128.‘‘Theyyā’’ti idaṃ ‘‘pājentassā’’ti visesanaṃ. Tittheti titthāsannajale. Arittenāti kenipātena. Phiyenāti pājanaphalakena. Pājentassāti pesentassa. ‘‘Taṃ pājetī’’tipi pāṭho dissati, taṃ nāvaṃ yo pājeti, tassa parājayoti attho.
๑๒๙-๓๐. ฉตฺตนฺติ อาตปวารณํฯ ปณาเมตฺวาติ ยถา วาตํ คณฺหาติ, ตถา ปณาเมตฺวาฯ อุสฺสาเปตฺวาว จีวรนฺติ จีวรํ อุทฺธํ อุจฺจาเรตฺวา วาฯ คาถาฉนฺทวเสน ‘ว’อิติ รสฺสตฺตํฯ ลงฺการสทิสนฺติ ปสาริตปฎสริกฺขกํฯ สมีรณนฺติ มาลุตํฯ น โทโส ตสฺส วิชฺชตีติ อิทํ วาตสฺส อวิชฺชมานกฺขเณ เอวํ กโรโต ปจฺฉา อาคเตน วาเตน นีตนาวาย วเสน วุตฺตํฯ วายมาเน ปน วาเต เอวํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
129-30.Chattanti ātapavāraṇaṃ. Paṇāmetvāti yathā vātaṃ gaṇhāti, tathā paṇāmetvā. Ussāpetvāva cīvaranti cīvaraṃ uddhaṃ uccāretvā vā. Gāthāchandavasena ‘va’iti rassattaṃ. Laṅkārasadisanti pasāritapaṭasarikkhakaṃ. Samīraṇanti mālutaṃ. Na doso tassa vijjatīti idaṃ vātassa avijjamānakkhaṇe evaṃ karoto pacchā āgatena vātena nītanāvāya vasena vuttaṃ. Vāyamāne pana vāte evaṃ karontassa āpattiyevāti daṭṭhabbaṃ.
๑๓๑-๒. สยเมว อุปาคตนฺติ สมฺพโนฺธฯ คามสมีเป ติตฺถํ คามติตฺถํฯ ตนฺติ นาวํฯ ฐานาติ ฉเตฺตน วา จีวเรน วา คหิตวาเตน คนฺตฺวา คามติเตฺถ ฐิตฎฺฐานาฯ อจาเลโนฺตติ ผนฺทาปนมฺปิ อกโรโนฺต, อิมินา ถุลฺลจฺจยสฺสาปิ อภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘อจาเวโนฺต’’ติปิ ปาโฐ, ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อนปเนโนฺตติ อโตฺถ, อิมินา ปาราชิกาภาวํ ทเสฺสติฯ กิณิตฺวาติ มูเลน วิกฺกิณิตฺวาฯ สยเมว จ คจฺฉนฺตินฺติ เอตฺถ จ-กาโร วตฺตพฺพนฺตรสมุจฺจเยฯ ตถา ปณามิตฉเตฺตน วา อุสฺสาปิตจีวเรน วา คหิตวาเตน อตฺตนา คจฺฉนฺติํฯ ฐานา จาเวตีติ อตฺตนา อิจฺฉิตทิสาภิมุขํ กตฺวา ปาชนวเสน คมนฎฺฐานา จาเวติฯ
131-2. Sayameva upāgatanti sambandho. Gāmasamīpe titthaṃ gāmatitthaṃ. Tanti nāvaṃ. Ṭhānāti chattena vā cīvarena vā gahitavātena gantvā gāmatitthe ṭhitaṭṭhānā. Acālentoti phandāpanampi akaronto, iminā thullaccayassāpi abhāvaṃ dasseti. ‘‘Acāvento’’tipi pāṭho, ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi anapanentoti attho, iminā pārājikābhāvaṃ dasseti. Kiṇitvāti mūlena vikkiṇitvā. Sayameva ca gacchantinti ettha ca-kāro vattabbantarasamuccaye. Tathā paṇāmitachattena vā ussāpitacīvarena vā gahitavātena attanā gacchantiṃ. Ṭhānā cāvetīti attanā icchitadisābhimukhaṃ katvā pājanavasena gamanaṭṭhānā cāveti.
นาวฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Nāvaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๓๓-๔. ยนฺติ เอเตนาติ ยานํฯ รมยตีติ รโถฯ วหติ, วุยฺหติ, วหนฺติ เอเตนาติ วา วยฺหํฯ ‘‘อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉนฺนํ, สพฺพปาลิคุณฺฐิมํ วา ฉาเทตฺวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยน กตํ สกฎํ วยฺหํ นามฯ สนฺทมานิกาติ ‘‘อุโภสุ ปเสฺสสุ สุวณฺณรชตาทิมยา โคปานสิโย ทตฺวา ครุฬปกฺขกนเยน กตา สนฺทมานิกา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยน กตยานวิเสโสฯ ฐานา จาวนโยคสฺมินฺติ ฐานา จาวนปฺปโยเคฯ
133-4. Yanti etenāti yānaṃ. Ramayatīti ratho. Vahati, vuyhati, vahanti etenāti vā vayhaṃ. ‘‘Upari maṇḍapasadisaṃ padaracchannaṃ, sabbapāliguṇṭhimaṃ vā chādetvā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.100) aṭṭhakathāyaṃ vuttanayena kataṃ sakaṭaṃ vayhaṃ nāma. Sandamānikāti ‘‘ubhosu passesu suvaṇṇarajatādimayā gopānasiyo datvā garuḷapakkhakanayena katā sandamānikā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.100) aṭṭhakathāyaṃ vuttanayena katayānaviseso. Ṭhānā cāvanayogasminti ṭhānā cāvanappayoge.
๑๓๕-๖. ทสฎฺฐานาจาวนวเสน ปาราชิกํ วทเนฺตหิ ปฐมํ ฐานเภทสฺส ญาตพฺพตฺตา ตํ ทเสฺสตฺวา อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ยานสฺส ทุกยุตฺตสฺสา’’ติอาทิฯ ทุกยุตฺตสฺสาติ ทุกํ โคยุคํ ยุตฺตสฺส ยสฺสาติ, ยุเตฺต ยสฺมินฺติ วา วิคฺคโหฯ ทส ฐานานีติ ทฺวินฺนํ โคณานํ อฎฺฐ ปาทา, เทฺว จ จกฺกานีติ เอเตสํ ทสนฺนํ ปติฎฺฐิตฎฺฐานานํ วเสน ทส ฐานานิ วเทยฺยาติ อโตฺถฯ เอเตเนว นเยน จตุยุตฺตาทิยาเน อฎฺฐารสาติ ฐานเภทสฺส นโย ทสฺสิโต โหติฯ ยานํ ปาชยโตติ สกฎาทิยานํ เปสยโตฯ ‘‘ธุเรติ ยุคาสเนฺน’’ติ อฎฺฐกถาย คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ รถีสาย ยุเคน สทฺธิํ พนฺธนฎฺฐานาสเนฺนติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ธุร’’นฺติ จ ยุคเสฺสว นามํฯ ‘‘ธุรํ ฉเฑฺฑตฺวา, ธุรํ อาโรเปตฺวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) อฎฺฐกถาวจนโต ตํสหจริยาย สมฺพนฺธนฎฺฐานมฺปิ ธุรํ นามฯ อิธ ปน คงฺคา-สโทฺท วิย คงฺคาสมีเป ธุรสมีเป ปาชกสฺส นิสชฺชารหฎฺฐาเน ธุรสฺส วตฺตมานตา ลพฺภติฯ
135-6. Dasaṭṭhānācāvanavasena pārājikaṃ vadantehi paṭhamaṃ ṭhānabhedassa ñātabbattā taṃ dassetvā āpattibhedaṃ dassetumāha ‘‘yānassa dukayuttassā’’tiādi. Dukayuttassāti dukaṃ goyugaṃ yuttassa yassāti, yutte yasminti vā viggaho. Dasa ṭhānānīti dvinnaṃ goṇānaṃ aṭṭha pādā, dve ca cakkānīti etesaṃ dasannaṃ patiṭṭhitaṭṭhānānaṃ vasena dasa ṭhānāni vadeyyāti attho. Eteneva nayena catuyuttādiyāne aṭṭhārasāti ṭhānabhedassa nayo dassito hoti. Yānaṃ pājayatoti sakaṭādiyānaṃ pesayato. ‘‘Dhureti yugāsanne’’ti aṭṭhakathāya gaṇṭhipade vuttaṃ. Rathīsāya yugena saddhiṃ bandhanaṭṭhānāsanneti vuttaṃ hoti. ‘‘Dhura’’nti ca yugasseva nāmaṃ. ‘‘Dhuraṃ chaḍḍetvā, dhuraṃ āropetvā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.100) aṭṭhakathāvacanato taṃsahacariyāya sambandhanaṭṭhānampi dhuraṃ nāma. Idha pana gaṅgā-saddo viya gaṅgāsamīpe dhurasamīpe pājakassa nisajjārahaṭṭhāne dhurassa vattamānatā labbhati.
โคณานํ ปาทุทฺธาเร ตสฺส ถุลฺลจฺจยํ วินิทฺทิเสติ โยชนาฯ อิทญฺจ โคณานํ อวิโลมกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วิโลมกาเล สมฺภวนฺตํ วิเสสํ โชเตตุํ ‘‘ถุลฺลจฺจยํ ตุ’’ อิจฺจตฺร ตุ-สเทฺทน อฎฺฐกถายํ ‘‘สเจ ปน โคณา ‘นายํ อมฺหากํ สามิโก’ติ ญตฺวา ธุรํ ฉเฑฺฑตฺวา อากฑฺฒนฺตา ติฎฺฐนฺติ วา ผนฺทนฺติ วา, รกฺขติ ตาวฯ โคเณ ปุน อุชุกํ ปฎิปาเทตฺวา ธุรํ อาโรเปตฺวา ทฬฺหํ โยเชตฺวา ปาจเนน วิชฺฌิตฺวา ปาเชนฺตสฺส วุตฺตนเยเนว เตสํ ปาทุทฺธาเรน ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตวิเสโส สงฺคหิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ จกฺกานํ หีติ เอตฺถ อธิเกน หิ-สเทฺทน ‘‘สเจปิ สกทฺทเม มเคฺค เอกํ จกฺกํ กทฺทเม ลคฺคํ โหติ, ทุติยํ จกฺกํ โคณา ปริวเตฺตนฺตา ปวเตฺตนฺติ, เอกสฺส ปน ฐิตตฺตา น ตาว อวหาโร โหติฯ โคเณ ปน ปุน อุชุกํ ปฎิปาเทตฺวา ปาเชนฺตสฺส ฐิตจเกฺก เกสคฺคมตฺตํ ผุโฎฺฐกาสํ อติกฺกเนฺต ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) อฎฺฐกถายํ วุตฺตวิเสโส ทสฺสิโต โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Goṇānaṃ pāduddhāre tassa thullaccayaṃ viniddiseti yojanā. Idañca goṇānaṃ avilomakālaṃ sandhāya vuttaṃ. Vilomakāle sambhavantaṃ visesaṃ jotetuṃ ‘‘thullaccayaṃ tu’’ iccatra tu-saddena aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sace pana goṇā ‘nāyaṃ amhākaṃ sāmiko’ti ñatvā dhuraṃ chaḍḍetvā ākaḍḍhantā tiṭṭhanti vā phandanti vā, rakkhati tāva. Goṇe puna ujukaṃ paṭipādetvā dhuraṃ āropetvā daḷhaṃ yojetvā pācanena vijjhitvā pājentassa vuttanayeneva tesaṃ pāduddhārena thullaccaya’’nti vuttaviseso saṅgahitoti daṭṭhabbo. Cakkānaṃ hīti ettha adhikena hi-saddena ‘‘sacepi sakaddame magge ekaṃ cakkaṃ kaddame laggaṃ hoti, dutiyaṃ cakkaṃ goṇā parivattentā pavattenti, ekassa pana ṭhitattā na tāva avahāro hoti. Goṇe pana puna ujukaṃ paṭipādetvā pājentassa ṭhitacakke kesaggamattaṃ phuṭṭhokāsaṃ atikkante pārājika’’nti (pārā. aṭṭha. 1.100) aṭṭhakathāyaṃ vuttaviseso dassito hotīti daṭṭhabbaṃ.
๑๓๗-๙. เอตฺตาวตา ยุตฺตยานวินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อยุตฺตยานวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อยุตฺตกสฺสา’’ติอาทิฯ ธุเรน อุปตฺถมฺภนิยํ ฐิตสฺส ตสฺส อยุตฺตกสฺสาปิ จ ยานกสฺส อุปตฺถมฺภนิจกฺกกานํ วเสน ตีเณว ฐานานิ ภวนฺตีติ โยชนาฯ ตตฺถ อยุตฺตกสฺสาติ โคเณหิ อยุตฺตกสฺสฯ ธุเรนาติ ยถาวุตฺตนเยน ธุรยุตฺตฎฺฐานสมีปเทเสน, สกฎสีเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปตฺถมฺภนิยนฺติ สกฎสีโสปตฺถมฺภนิยา อุปริ ฐิตสฺสฯ อุปตฺถมฺภยติ ธุรนฺติ อุปตฺถมฺภนีฯ สกฎสฺส ปจฺฉิมภาโคปตฺถมฺภนตฺถํ ทียมานํ ทณฺฑทฺวยํ ปจฺฉิโมปตฺถมฺภนี นาม, ปุริมภาคสฺส ทียมานสฺส อุปตฺถมฺภนี ปุริโมปตฺถมฺภนี นามาติ อยมุปตฺถมฺภนีนํ วิเสโสฯ อิธ ปุริโมปตฺถมฺภนี อธิเปฺปตาฯ ‘‘อุปตฺถมฺภนิจกฺกกานํ วเสน ตีเณว ฐานานี’’ติ อิทํ เหฎฺฐา อกปฺปกตาย อุปตฺถมฺภนิยา วเสน วุตฺตํ, กปฺปกตาย ปน วเสน ‘‘จตฺตารี’’ติ วตฺตพฺพํฯ
137-9. Ettāvatā yuttayānavinicchayaṃ dassetvā idāni ayuttayānavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘ayuttakassā’’tiādi. Dhurena upatthambhaniyaṃ ṭhitassa tassa ayuttakassāpi ca yānakassa upatthambhanicakkakānaṃ vasena tīṇeva ṭhānāni bhavantīti yojanā. Tattha ayuttakassāti goṇehi ayuttakassa. Dhurenāti yathāvuttanayena dhurayuttaṭṭhānasamīpadesena, sakaṭasīsenāti vuttaṃ hoti. Upatthambhaniyanti sakaṭasīsopatthambhaniyā upari ṭhitassa. Upatthambhayati dhuranti upatthambhanī. Sakaṭassa pacchimabhāgopatthambhanatthaṃ dīyamānaṃ daṇḍadvayaṃ pacchimopatthambhanī nāma, purimabhāgassa dīyamānassa upatthambhanī purimopatthambhanī nāmāti ayamupatthambhanīnaṃ viseso. Idha purimopatthambhanī adhippetā. ‘‘Upatthambhanicakkakānaṃ vasena tīṇeva ṭhānānī’’ti idaṃ heṭṭhā akappakatāya upatthambhaniyā vasena vuttaṃ, kappakatāya pana vasena ‘‘cattārī’’ti vattabbaṃ.
‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ฐานานิ ตีเณวา’’ติ อากฑฺฒติ, ทารุจกฺกทฺวยวเสน ตีณิ ฐานานีติ อโตฺถฯ ‘‘ทารูน’’นฺติ อิมินา พหุวจนนิเทฺทเสน ราสิกตทารูนํ ทารุกสฺส เอกสฺสาปิ ผลกสฺสาปิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ภูมิยมฺปิ ธุเรเนว, ตเถว ฐปิตสฺส จา’’ติ อิมินา ตีณิเยว ฐานานีติ อติทิสติฯ เอตฺถ ธุรจกฺกานํ ปติฎฺฐิโตกาสวเสน ตีณิ ฐานานิฯ เอตฺถ จ อุปริฎฺฐปิตสฺส จาติ จ-การํ ‘‘ภูมิยํ ฐปิตสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ โยเชตฺวา สมุจฺจยํ กาตุํ สกฺกาติฯ ตตฺถ อธิกวจเนน จ-กาเรน อฎฺฐกถายํ ‘‘ยํ ปน อยุตฺตกํ ธุเร เอกาย, ปจฺฉโต จ ทฺวีหิ อุปตฺถมฺภนีหิ อุปตฺถเมฺภตฺวา ฐปิตํ, ตสฺส ติณฺณํ อุปตฺถมฺภนีนํ, จกฺกานญฺจ วเสน ปญฺจ ฐานานิฯ สเจ ธุเร อุปตฺถมฺภนี เหฎฺฐาภาเค กปฺปกตา โหติ, ฉ ฐานานี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) วุตฺตวินิจฺฉยํ สงฺคณฺหาติฯ
‘‘Tathā’’ti iminā ‘‘ṭhānāni tīṇevā’’ti ākaḍḍhati, dārucakkadvayavasena tīṇi ṭhānānīti attho. ‘‘Dārūna’’nti iminā bahuvacananiddesena rāsikatadārūnaṃ dārukassa ekassāpi phalakassāpi gahaṇaṃ veditabbaṃ. ‘‘Bhūmiyampi dhureneva, tatheva ṭhapitassa cā’’ti iminā tīṇiyeva ṭhānānīti atidisati. Ettha dhuracakkānaṃ patiṭṭhitokāsavasena tīṇi ṭhānāni. Ettha ca upariṭṭhapitassa cāti ca-kāraṃ ‘‘bhūmiyaṃ ṭhapitassā’’ti etthāpi yojetvā samuccayaṃ kātuṃ sakkāti. Tattha adhikavacanena ca-kārena aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yaṃ pana ayuttakaṃ dhure ekāya, pacchato ca dvīhi upatthambhanīhi upatthambhetvā ṭhapitaṃ, tassa tiṇṇaṃ upatthambhanīnaṃ, cakkānañca vasena pañca ṭhānāni. Sace dhure upatthambhanī heṭṭhābhāge kappakatā hoti, cha ṭhānānī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.100) vuttavinicchayaṃ saṅgaṇhāti.
ปุรโต ปจฺฉโต วาปีติ เอตฺถ ‘‘กฑฺฒิตฺวา’’ติ ปาฐเสโสฯ อปิ-สเทฺทน ‘‘อุกฺขิปิตฺวาปี’’ติ อวุตฺตํ สมุจฺจิโนติฯ โย ปน ปุรโต กฑฺฒิตฺวา ฐานา จาเวติ, โย วา ปน ปจฺฉโต กฑฺฒิตฺวา ฐานา จาเวติ, โย วา ปน อุกฺขิปิตฺวา ฐานา จาเวตีติ โยชนาฯ ติณฺณนฺติ อิเม ตโย คหิตา, ‘‘เตส’’นฺติ สามตฺถิยา ลพฺภติ, เตสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ กทา กิํ โหตีติ อาห ‘‘ถุลฺลจฺจยํ ตุ…เป.… ปราชโย’’ติฯ ‘‘ฐานา จาเว’’ติ อิทํ ‘‘ถุลฺลจฺจย’’นฺติ อิมินาปิ สมฺพนฺธนียํฯ ตุ-สทฺทสฺส วิเสสโชตนตฺถํ อุปาตฺตตฺตา สาวเสสฎฺฐานาจาวเน ผนฺทาปนถุลฺลจฺจยํ, นิรวเสสฎฺฐานาจาวเน ปน กเต ฐานาจาวนปาราชิกา วุตฺตา โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Purato pacchato vāpīti ettha ‘‘kaḍḍhitvā’’ti pāṭhaseso. Api-saddena ‘‘ukkhipitvāpī’’ti avuttaṃ samuccinoti. Yo pana purato kaḍḍhitvā ṭhānā cāveti, yo vā pana pacchato kaḍḍhitvā ṭhānā cāveti, yo vā pana ukkhipitvā ṭhānā cāvetīti yojanā. Tiṇṇanti ime tayo gahitā, ‘‘tesa’’nti sāmatthiyā labbhati, tesaṃ tiṇṇaṃ puggalānanti vuttaṃ hoti. Kadā kiṃ hotīti āha ‘‘thullaccayaṃ tu…pe… parājayo’’ti. ‘‘Ṭhānā cāve’’ti idaṃ ‘‘thullaccaya’’nti imināpi sambandhanīyaṃ. Tu-saddassa visesajotanatthaṃ upāttattā sāvasesaṭṭhānācāvane phandāpanathullaccayaṃ, niravasesaṭṭhānācāvane pana kate ṭhānācāvanapārājikā vuttā hotīti daṭṭhabbaṃ.
๑๔๐. อกฺขานํ สีสเกหีติ อกฺขสฺส อุภยโกฎีหิฯ ‘‘ชาตฺยาขฺยายเมกสฺมิํ พหุวจนมญฺญตราย’’มิติ วจนโต เอกสฺมิํ อเตฺถ พหุวจนํ ยุชฺชติฯ ‘‘ฐิตสฺสา’’ติ เอตสฺส วิเสสนสฺส ‘‘ยานสฺสา’’ติ วิเสสิตพฺพํ สามตฺถิยา ลพฺภติฯ ‘‘ฐานานิ เทฺว’’ติ วุตฺตตฺตา ยถา สกฎธุรํ ภูมิํ น ผุสติ, เอวํ อุจฺจตเรสุ ทฺวีสุ ตุลาทิทารูสุ เทฺว อกฺขสีเส อาโรเปตฺวา ฐปิตํ ยานเมว คยฺหติฯ
140.Akkhānaṃ sīsakehīti akkhassa ubhayakoṭīhi. ‘‘Jātyākhyāyamekasmiṃ bahuvacanamaññatarāya’’miti vacanato ekasmiṃ atthe bahuvacanaṃ yujjati. ‘‘Ṭhitassā’’ti etassa visesanassa ‘‘yānassā’’ti visesitabbaṃ sāmatthiyā labbhati. ‘‘Ṭhānāni dve’’ti vuttattā yathā sakaṭadhuraṃ bhūmiṃ na phusati, evaṃ uccataresu dvīsu tulādidārūsu dve akkhasīse āropetvā ṭhapitaṃ yānameva gayhati.
๑๔๑. กฑฺฒโนฺตติ ทฺวินฺนํ อกฺขสีสานํ อาธารภูเตสุ ทารูสุ ฆํสิตฺวา อิโต จิโต จ กฑฺฒโนฺตฯ อุกฺขิปโนฺตติ อุชุํ ฐิตฎฺฐานโต อุจฺจาเรโนฺตฯ ผุโฎฺฐกาสจฺจเยติ ผุโฎฺฐกาสโต เกสคฺคมตฺตาติกฺกเมฯ อญฺญสฺสาติ ยถาวุตฺตปฺปการโต อิตรสฺสฯ ยสฺส กสฺสจิ รถาทิกสฺส ยานสฺสฯ
141.Kaḍḍhantoti dvinnaṃ akkhasīsānaṃ ādhārabhūtesu dārūsu ghaṃsitvā ito cito ca kaḍḍhanto. Ukkhipantoti ujuṃ ṭhitaṭṭhānato uccārento. Phuṭṭhokāsaccayeti phuṭṭhokāsato kesaggamattātikkame. Aññassāti yathāvuttappakārato itarassa. Yassa kassaci rathādikassa yānassa.
๑๔๒. อกฺขุทฺธีนนฺติ จตุนฺนํ อกฺขรุทฺธนกอาณีนํฯ อกฺขสฺส อุภยโกฎีสุ จกฺกาวุณนฎฺฐานโต อโนฺต ทฺวีสุ สกฎพาหาสุ อกฺขรุทฺธนตฺถาย เทฺว องฺคุลิโย วิย อาโกฎิตา จตโสฺส อาณิโย อกฺขุทฺธิ นามฯ ธุรสฺสาติ ธุรพนฺธนฎฺฐานาสนฺนสฺส รถสีสคฺคสฺสฯ ตํ ยานํฯ วา-สเทฺทน ปเสฺส วา คเหตฺวา กฑฺฒโนฺต, มเชฺฌ วา คเหตฺวา อุกฺขิเปโนฺตติ กิริยนฺตรํ วิกเปฺปติฯ คเหตฺวาติ เอตฺถ ‘‘กฑฺฒโนฺต’’ติ ปาฐเสโสฯ ฐานา จาเวตีติ อุทฺธีสุ คเหตฺวา กฑฺฒโนฺต อตฺตโน ทิสาย อุทฺธิอเนฺตน ผุฎฺฐฎฺฐานํ อิตเรน อุทฺธิปริยเนฺตน เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกาเมติฯ
142.Akkhuddhīnanti catunnaṃ akkharuddhanakaāṇīnaṃ. Akkhassa ubhayakoṭīsu cakkāvuṇanaṭṭhānato anto dvīsu sakaṭabāhāsu akkharuddhanatthāya dve aṅguliyo viya ākoṭitā catasso āṇiyo akkhuddhi nāma. Dhurassāti dhurabandhanaṭṭhānāsannassa rathasīsaggassa. Taṃ yānaṃ. Vā-saddena passe vā gahetvā kaḍḍhanto, majjhe vā gahetvā ukkhipentoti kiriyantaraṃ vikappeti. Gahetvāti ettha ‘‘kaḍḍhanto’’ti pāṭhaseso. Ṭhānā cāvetīti uddhīsu gahetvā kaḍḍhanto attano disāya uddhiantena phuṭṭhaṭṭhānaṃ itarena uddhipariyantena kesaggamattampi atikkāmeti.
‘‘อุทฺธีสุ วา’’ติ สาสงฺกวจเนน อนุทฺธิกยานสฺสาปิ วิชฺชมานตฺตํ สูจิตํ โหติฯ อฎฺฐกถายํ ‘‘อถ อุทฺธิขาณุกา น โหนฺติ, สมเมว พาหํ กตฺวา มเชฺฌ วิชฺฌิตฺวา อกฺขสีสานิ ปเวสิตานิ โหนฺติ, ตํ เหฎฺฐิมตลสฺส สมนฺตา สพฺพํ ปถวิํ ผุสิตฺวา ติฎฺฐติ, ตตฺถ จตูสุ ทิสาสุ, อุทฺธญฺจ ผุฎฺฐฎฺฐานาติกฺกมวเสน ปาราชิกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) วุตฺตวินิจฺฉยญฺจ พฺยติเรกวเสน สงฺคณฺหาติฯ
‘‘Uddhīsu vā’’ti sāsaṅkavacanena anuddhikayānassāpi vijjamānattaṃ sūcitaṃ hoti. Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘atha uddhikhāṇukā na honti, samameva bāhaṃ katvā majjhe vijjhitvā akkhasīsāni pavesitāni honti, taṃ heṭṭhimatalassa samantā sabbaṃ pathaviṃ phusitvā tiṭṭhati, tattha catūsu disāsu, uddhañca phuṭṭhaṭṭhānātikkamavasena pārājikaṃ veditabba’’nti (pārā. aṭṭha. 1.100) vuttavinicchayañca byatirekavasena saṅgaṇhāti.
๑๔๓. นาภิยาติ นาภิมุเขนฯ เอกเมว สิยา ฐานนฺติ เอกํ นาภิยา ผุฎฺฐฎฺฐานเมว ฐานํ ภวตีติ อโตฺถฯ ‘‘เอกมสฺส สิยา ฐาน’’นฺติ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, ตโต ปุริมปาโฐว สุนฺทรตโรฯ ปริเจฺฉโทปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโก, ปริเจฺฉโท ปนาติ อโตฺถฯ ปญฺจธาติ นาภิยา จตุปสฺสปริยนฺตํ, อุทฺธญฺจ ปญฺจธา, ฐานาจาวนากาโร โหตีติ อโตฺถฯ
143.Nābhiyāti nābhimukhena. Ekameva siyā ṭhānanti ekaṃ nābhiyā phuṭṭhaṭṭhānameva ṭhānaṃ bhavatīti attho. ‘‘Ekamassa siyā ṭhāna’’nti potthakesu dissati, tato purimapāṭhova sundarataro. Paricchedopīti ettha pi-saddo visesatthajotako, paricchedo panāti attho. Pañcadhāti nābhiyā catupassapariyantaṃ, uddhañca pañcadhā, ṭhānācāvanākāro hotīti attho.
๑๔๔. ฐานานิ เทฺวติ เนมิยา, นาภิยา จ ผุฎฺฐฎฺฐานวเสน เทฺว ฐานานิฯ อสฺสาติ จกฺกสฺสฯ เตสํ ทฺวินฺนํ ฐานานํฯ ภิตฺติอาทิํ อปสฺสาย ฐปิตจกฺกสฺสาปิ หิ อฎฺฐกถายํ วุโตฺต อยมฺปิ วินิจฺฉโย วุโตฺต, โยปิ อิมินา จ ปาเฐน ทสฺสิโต โหติฯ
144.Ṭhānānidveti nemiyā, nābhiyā ca phuṭṭhaṭṭhānavasena dve ṭhānāni. Assāti cakkassa. Tesaṃ dvinnaṃ ṭhānānaṃ. Bhittiādiṃ apassāya ṭhapitacakkassāpi hi aṭṭhakathāyaṃ vutto ayampi vinicchayo vutto, yopi iminā ca pāṭhena dassito hoti.
๑๔๕. อนารกฺขนฺติ สามิเกน อสํวิหิตารกฺขํฯ อโธเทตฺวาติ โคเณ อเปเสตฺวาฯ วฎฺฎติ, ปาราชิกํ น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ สามิเก อาหราเปเนฺต ปน ภณฺฑเทยฺยํ โหติฯ
145.Anārakkhanti sāmikena asaṃvihitārakkhaṃ. Adhodetvāti goṇe apesetvā. Vaṭṭati, pārājikaṃ na hotīti adhippāyo. Sāmike āharāpente pana bhaṇḍadeyyaṃ hoti.
ยานฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Yānaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๔๖. ภารฎฺฐกถาย สีสกฺขนฺธกโฎลมฺพวสาติ เอวํนามกานํ สรีราวยวานํ วเสน ภาโร จตุพฺพิโธ โหติฯ ตตฺถ สีสภาราทีสุ อสโมฺมหตฺถํ สีสาทีนํ ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพ – สีสสฺส ตาว ปุริมคเล คลวาฎโก ปิฎฺฐิคเล เกสญฺจิ เกสเนฺต อาวโฎฺฎ โหติ, คลเสฺสว อุโภสุ ปเสฺสสุ เกสญฺจิ เกสาวฎฺฎา โอรุยฺห ชายนฺติ, เย ‘‘กณฺณจูฬิกา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโธภาโค จาติ อยํ เหฎฺฐิมปริเจฺฉโท, ตโต อุปริ สีสํ, เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร สีสภาโร นามฯ
146. Bhāraṭṭhakathāya sīsakkhandhakaṭolambavasāti evaṃnāmakānaṃ sarīrāvayavānaṃ vasena bhāro catubbidho hoti. Tattha sīsabhārādīsu asammohatthaṃ sīsādīnaṃ paricchedo veditabbo – sīsassa tāva purimagale galavāṭako piṭṭhigale kesañci kesante āvaṭṭo hoti, galasseva ubhosu passesu kesañci kesāvaṭṭā oruyha jāyanti, ye ‘‘kaṇṇacūḷikā’’ti vuccanti, tesaṃ adhobhāgo cāti ayaṃ heṭṭhimaparicchedo, tato upari sīsaṃ, etthantare ṭhitabhāro sīsabhāro nāma.
อุโภสุ ปเสฺสสุ กณฺณจูฬิกาหิ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, กปฺปเรหิ ปฎฺฐาย อุปริ, ปิฎฺฐิคลาวฎฺฎโต จ คลวาฎกโต จ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, ปิฎฺฐิเวมชฺฌาวฎฺฎโต จ อุรปริเจฺฉทมเชฺฌ หทยอาวาฎโต จ ปฎฺฐาย อุปริ ขโนฺธ, เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร ขนฺธภาโร นามฯ
Ubhosu passesu kaṇṇacūḷikāhi paṭṭhāya heṭṭhā, kapparehi paṭṭhāya upari, piṭṭhigalāvaṭṭato ca galavāṭakato ca paṭṭhāya heṭṭhā, piṭṭhivemajjhāvaṭṭato ca uraparicchedamajjhe hadayaāvāṭato ca paṭṭhāya upari khandho, etthantare ṭhitabhāro khandhabhāro nāma.
ปิฎฺฐิเวมชฺฌาวฎฺฎโต , ปน หทยอาวาฎโต จ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา ยาว ปาทนขสิขา, อยํ กฎิปริเจฺฉโท, เอตฺถนฺตเร สมนฺตโต สรีเร ฐิตภาโร กฎิภาโร นามฯ
Piṭṭhivemajjhāvaṭṭato , pana hadayaāvāṭato ca paṭṭhāya heṭṭhā yāva pādanakhasikhā, ayaṃ kaṭiparicchedo, etthantare samantato sarīre ṭhitabhāro kaṭibhāro nāma.
กปฺปรโต ปฎฺฐาย ปน เหฎฺฐา ยาว หตฺถนขสิขา, อยํ โอลมฺพกปริเจฺฉโท, เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร โอลมฺพโก นามฯ
Kapparato paṭṭhāya pana heṭṭhā yāva hatthanakhasikhā, ayaṃ olambakaparicchedo, etthantare ṭhitabhāro olambako nāma.
ภรตีติ ภาโร, ภรติ เอเตน, เอตสฺมินฺติ วา ภาโร, อิติ ยถาวุตฺตสีสาทโย อวยวา วุจฺจนฺติฯ ภาเร ติฎฺฐตีติ ภารฎฺฐํฯ อิติ สีสาทีสุ ฐิตํ ภณฺฑํ วุจฺจติฯ ‘‘ภาโรเยว ภารฎฺฐ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๑) อฎฺฐกถาวจนโต ภรียตีติ ภาโร, กมฺมนิ สิเทฺธน ภาร-สเทฺทน ภณฺฑเมว วุจฺจติฯ
Bharatīti bhāro, bharati etena, etasminti vā bhāro, iti yathāvuttasīsādayo avayavā vuccanti. Bhāre tiṭṭhatīti bhāraṭṭhaṃ. Iti sīsādīsu ṭhitaṃ bhaṇḍaṃ vuccati. ‘‘Bhāroyeva bhāraṭṭha’’nti (pārā. aṭṭha. 1.101) aṭṭhakathāvacanato bharīyatīti bhāro, kammani siddhena bhāra-saddena bhaṇḍameva vuccati.
๑๔๗. สิรสฺมิํเยวาติ ยถาปริจฺฉิเนฺน สิรสิ เอวฯ สาเรตีติ อนุกฺขิปโนฺต อิโต จิโต จ สาเรติฯ ถุลฺลจฺจยํ สิยาติ ผนฺทาปนถุลฺลจฺจยํ ภเวยฺยฯ
147.Sirasmiṃyevāti yathāparicchinne sirasi eva. Sāretīti anukkhipanto ito cito ca sāreti. Thullaccayaṃ siyāti phandāpanathullaccayaṃ bhaveyya.
๑๔๘. ขนฺธนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนเมว ขนฺธํฯ โอโรปิเตติ โอหาริเตฯ สีสโตติ เอตฺถ ‘‘อุทฺธ’’นฺติ ปาฐเสโส, ยถาปริจฺฉินฺนสีสโต อุปรีติ อโตฺถฯ เกสคฺคมตฺตมฺปีติ เกสคฺคมตฺตํ ทูรํ กตฺวาฯ ปิ-สโทฺท ปเคว ตโต อธิกนฺติ ทีเปติฯ โมเจโนฺตปีติ เกสเคฺคน อผุสนฺตํ อปเนโนฺตฯ เอตฺถาปิ ปิ-สเทฺทน น เกวลํ ขนฺธํ โอโรเปนฺตเสฺสว ปาราชิกํ, อปิจ โข โมเจโนฺตปิ ปราชิโตติ เหฎฺฐา วุตฺตมเปกฺขติฯ ปสิพฺพกาทิยมกภารํ ปน สีเส จ ปิฎฺฐิยญฺจาติ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ฐิตตฺตา ทฺวีหิ ฐาเนหิ อปนยเนน ปาราชิกํ โหติ, ตญฺจ ‘‘สีสโต โมเจโนฺต’’ติ อิมินาว เอกเทสวเสน สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
148.Khandhanti yathāparicchinnameva khandhaṃ. Oropiteti ohārite. Sīsatoti ettha ‘‘uddha’’nti pāṭhaseso, yathāparicchinnasīsato uparīti attho. Kesaggamattampīti kesaggamattaṃ dūraṃ katvā. Pi-saddo pageva tato adhikanti dīpeti. Mocentopīti kesaggena aphusantaṃ apanento. Etthāpi pi-saddena na kevalaṃ khandhaṃ oropentasseva pārājikaṃ, apica kho mocentopi parājitoti heṭṭhā vuttamapekkhati. Pasibbakādiyamakabhāraṃ pana sīse ca piṭṭhiyañcāti dvīsu ṭhānesu ṭhitattā dvīhi ṭhānehi apanayanena pārājikaṃ hoti, tañca ‘‘sīsato mocento’’ti imināva ekadesavasena saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ.
๑๔๙-๕๐. เอวํ สีสภาเร วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา ตทนนฺตรํ อุเทฺทสกฺกเมสุ ขนฺธภาราทีสุ วินิจฺฉเย ทเสฺสตเพฺพปิ อวสาเน วุตฺตโอลมฺพกภาเร วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อาทฺยนฺตภารานํ วุตฺตนยานุสาเรน เสเสสุปิ วินิจฺฉยํ อติทิสิตุมาห ‘‘ภาร’’นฺติอาทิฯ สุทฺธมานโสติ ปาตราสาทิการเณน อเถยฺยจิโตฺต, หตฺถคตภารํ เถยฺยจิเตฺตน ภูมิยํ ฐปนนิสฺสชฺชนาทิํ กโรนฺตสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกนฺติ อิทเมเตน อุปลกฺขิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
149-50. Evaṃ sīsabhāre vinicchayaṃ dassetvā tadanantaraṃ uddesakkamesu khandhabhārādīsu vinicchaye dassetabbepi avasāne vuttaolambakabhāre vinicchayaṃ dassetvā ādyantabhārānaṃ vuttanayānusārena sesesupi vinicchayaṃ atidisitumāha ‘‘bhāra’’ntiādi. Suddhamānasoti pātarāsādikāraṇena atheyyacitto, hatthagatabhāraṃ theyyacittena bhūmiyaṃ ṭhapananissajjanādiṃ karontassa hatthato muttamatte pārājikanti idametena upalakkhitanti daṭṭhabbaṃ.
เอตฺถ วุตฺตนเยเนวาติ สีสภารโอลมฺพกภาเรสุ วุตฺตานุสาเรนฯ เสเสสุปิ ภาเรสูติ ขนฺธภาราทิเกสุปิฯ มติสาเรน สารมตินาฯ เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยติ ยถาปริจฺฉิเนฺนสุ ฐาเนสุ ฐิตํ ปาทคฺฆนกํ ยํ กิญฺจิ วตฺถุํ เถยฺยจิเตฺตน ‘‘คณฺหิสฺสามี’’ติ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ฐานา อจาเวตฺวา ผนฺทาเปนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, ยถาปริจฺฉินฺนฎฺฐานาติกฺกมนวเสน วา อุทฺธํอุกฺขิปนวเสน วา ฐานา จาเวนฺตสฺส ปาราชิกํ โหตีติ อยํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ อโตฺถฯ
Ettha vuttanayenevāti sīsabhāraolambakabhāresu vuttānusārena. Sesesupi bhāresūti khandhabhārādikesupi. Matisārena sāramatinā. Veditabbo vinicchayoti yathāparicchinnesu ṭhānesu ṭhitaṃ pādagghanakaṃ yaṃ kiñci vatthuṃ theyyacittena ‘‘gaṇhissāmī’’ti āmasantassa dukkaṭaṃ, ṭhānā acāvetvā phandāpentassa thullaccayaṃ, yathāparicchinnaṭṭhānātikkamanavasena vā uddhaṃukkhipanavasena vā ṭhānā cāventassa pārājikaṃ hotīti ayaṃ vinicchayo veditabboti attho.
ภารฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Bhāraṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๕๑-๓. อิทานิ อารามฎฺฐวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติอาทิฯ อารามนฺติ จมฺปกาทิปุปฺผารามญฺจ อมฺพาทิผลารามญฺจาติ ทฺวีสุ อาราเมสุ ยํ กญฺจิ อารามํฯ อารมนฺติ เอตฺถ ปุปฺผาทิกามิโนติ วิคฺคโห, ตํ อารามํ, อภิ-สทฺทโยเค อุปโยควจนํฯ อภิยุญฺชโตติ ปรายตฺตภาวํ ชานโนฺต ‘‘มม สนฺตก’’นฺติ อฎฺฎํ กตฺวา คณฺหิตุํ เถยฺยจิเตฺตน สหายาทิภาวตฺถํ ทุติยกปริเยสนาทิวเสน อภิยุญฺชนฺตสฺส ทุกฺกฎํ มุนินา วุตฺตนฺติ อิมินา สมฺพนฺธนียํ, อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา สหปโยคคณนาย ทุกฺกฎนฺติ ภควตา วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ธมฺมํ จรโนฺตติ อฎฺฎํ กโรโนฺตฯ ปรํ สามิกํ ปราเชติ เจ, สยํ สาสนโต ปราชิโตติ โยชนาฯ
151-3. Idāni ārāmaṭṭhavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘dukkaṭa’’ntiādi. Ārāmanti campakādipupphārāmañca ambādiphalārāmañcāti dvīsu ārāmesu yaṃ kañci ārāmaṃ. Āramanti ettha pupphādikāminoti viggaho, taṃ ārāmaṃ, abhi-saddayoge upayogavacanaṃ. Abhiyuñjatoti parāyattabhāvaṃ jānanto ‘‘mama santaka’’nti aṭṭaṃ katvā gaṇhituṃ theyyacittena sahāyādibhāvatthaṃ dutiyakapariyesanādivasena abhiyuñjantassa dukkaṭaṃ muninā vuttanti iminā sambandhanīyaṃ, adinnādānassa pubbapayogattā sahapayogagaṇanāya dukkaṭanti bhagavatā vuttanti attho. Dhammaṃ carantoti aṭṭaṃ karonto. Paraṃ sāmikaṃ parājeti ce, sayaṃ sāsanato parājitoti yojanā.
ตสฺสาติ ภณฺฑสามิโนฯ วิมติํ ชนยนฺตสฺสาติ ‘‘อิมินา สห อฎฺฎํ กตฺวา มม สนฺตกํ ลภิสฺสามิ วา, น วา’’ติ สํสยํ อุปฺปาเทนฺตสฺส โจรสฺสฯ โยปิ ธมฺมํ จรโนฺต สยํ ปรชฺชติ, ตสฺส จ ถุลฺลจฺจยนฺติ โยชนาฯ
Tassāti bhaṇḍasāmino. Vimatiṃ janayantassāti ‘‘iminā saha aṭṭaṃ katvā mama santakaṃ labhissāmi vā, na vā’’ti saṃsayaṃ uppādentassa corassa. Yopi dhammaṃ caranto sayaṃ parajjati, tassa ca thullaccayanti yojanā.
สามิโน ธุรนิเกฺขเปติ ‘‘อยํ ถโทฺธ กกฺขโฬ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ เม กเรยฺย, อลํ ทานิ มยฺหํ อิมินา อาราเมนา’’ติ สามิโน ธุรนิเกฺขเป สติ, อตฺตโน ‘‘น ทสฺสามี’’ติ ธุรนิเกฺขเป จาติ โยชนาฯ เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ ตสฺสาติ อภิยุญฺชนฺตสฺสฯ สเพฺพสํ กูฎสกฺขีนญฺจาติ จ-กาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ โจรสฺส อสฺสามิกภาวํ ญตฺวาปิ ตทายตฺตกรณตฺถํ ยํ กิญฺจิ วทนฺตา กูฎสกฺขิโน, เตสํ สเพฺพสมฺปิ ภิกฺขูนํ ปาราชิกํ โหตีติ อโตฺถฯ
Sāmino dhuranikkhepeti ‘‘ayaṃ thaddho kakkhaḷo jīvitabrahmacariyantarāyampi me kareyya, alaṃ dāni mayhaṃ iminā ārāmenā’’ti sāmino dhuranikkhepe sati, attano ‘‘na dassāmī’’ti dhuranikkhepe cāti yojanā. Evaṃ ubhinnaṃ dhuranikkhepe pārājikaṃ. Tassāti abhiyuñjantassa. Sabbesaṃ kūṭasakkhīnañcāti ca-kāro luttaniddiṭṭhoti veditabbo. Corassa assāmikabhāvaṃ ñatvāpi tadāyattakaraṇatthaṃ yaṃ kiñci vadantā kūṭasakkhino, tesaṃ sabbesampi bhikkhūnaṃ pārājikaṃ hotīti attho.
อารามฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Ārāmaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๕๔. วิหารฎฺฐกถายํ วิหารนฺติ อุปลกฺขณตฺตา ‘‘ปริเวณํ วา, อาวาสํ วา’’ติ จ คเหตพฺพํฯ สงฺฆิกนฺติ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนตฺตา สงฺฆสนฺตกํฯ กญฺจีติ ขุทฺทกํ, มหนฺตํ วาติ อโตฺถฯ อจฺฉินฺทิตฺวาน คณฺหิตุํ อภิยุญฺชนฺตสฺส ปาราชิกา น สิชฺฌตีติปิ ปาฐเสสโยชนาฯ เหตุํ ทเสฺสติ ‘‘สเพฺพสํ ธุรนิเกฺขปาภาวโต’’ติ, สพฺพเสฺสว จาตุทฺทิสิกสงฺฆสฺส ธุรนิเกฺขปสฺส อสมฺภวโตติ อโตฺถฯ ‘‘วิหาร’’นฺติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘สงฺฆิก’’นฺติ วิเสสเนน ทีฆภาณกาทิเภทสฺส คณสฺส, เอกปุคฺคลสฺส วา ทินฺนวิหาราทิํ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหเนฺต ธุรนิเกฺขปสมฺภวา ปาราชิกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอตฺถ วินิจฺฉโย อาราเม วิย เวทิตโพฺพฯ อิเมสุ ตตฺรฎฺฐภเณฺฑ วินิจฺฉโย ภูมฎฺฐถลฎฺฐอากาสฎฺฐเวหาสเฎฺฐสุ วุตฺตนเยน ญาตุํ สกฺกาติ น วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
154. Vihāraṭṭhakathāyaṃ vihāranti upalakkhaṇattā ‘‘pariveṇaṃ vā, āvāsaṃ vā’’ti ca gahetabbaṃ. Saṅghikanti cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissa bhikkhūnaṃ dinnattā saṅghasantakaṃ. Kañcīti khuddakaṃ, mahantaṃ vāti attho. Acchinditvāna gaṇhituṃ abhiyuñjantassa pārājikā na sijjhatītipi pāṭhasesayojanā. Hetuṃ dasseti ‘‘sabbesaṃ dhuranikkhepābhāvato’’ti, sabbasseva cātuddisikasaṅghassa dhuranikkhepassa asambhavatoti attho. ‘‘Vihāra’’nti ettakameva avatvā ‘‘saṅghika’’nti visesanena dīghabhāṇakādibhedassa gaṇassa, ekapuggalassa vā dinnavihārādiṃ acchinditvā gaṇhante dhuranikkhepasambhavā pārājikanti vuttaṃ hoti. Ettha vinicchayo ārāme viya veditabbo. Imesu tatraṭṭhabhaṇḍe vinicchayo bhūmaṭṭhathalaṭṭhaākāsaṭṭhavehāsaṭṭhesu vuttanayena ñātuṃ sakkāti na vuttoti veditabbo.
วิหารฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Vihāraṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๕๕-๖. เขตฺตเฎฺฐ สีสานีติ วลฺลิโยฯ นิทมฺปิตฺวานาติ ยถา ธญฺญมตฺตํ หตฺถคตํ โหติ, ตถา กตฺวาฯ อสิเตนาติ ทาเตฺตนฯ ลายิตฺวาติ ทายิตฺวาฯ สพฺพกิริยาปเทสุ ‘‘สาลิอาทีนํ สีสานี’’ติ สมฺพนฺธนียํฯ สาลิอาทีนํ สีสานิ นิทมฺปิตฺวา คณฺหโต ยสฺมิํ พีเช คหิเต วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ พนฺธนา โมจิเต ตสฺส ปาราชิกํ ภเวติ โยชนาฯ อสิเตน ลายิตฺวา คณฺหโต ยสฺมิํ สีเส คหิเต…เป.… ภเว, กเรน ฉินฺทิตฺวา คณฺหโต ยสฺสํ มุฎฺฐิยํ คหิตายํ…เป.… ภเวติ โยชนาฯ พีเชติ วีหาทิผเลฯ วตฺถุ ปูรตีติ ปาทคฺฆนกํ โหตีติฯ มุฎฺฐิยนฺติ สีสมุฎฺฐิยํ, พีชมุฎฺฐิยํ วาฯ พนฺธนา โมจิเตติ พนฺธนฎฺฐานโต โมจิเตฯ
155-6. Khettaṭṭhe sīsānīti valliyo. Nidampitvānāti yathā dhaññamattaṃ hatthagataṃ hoti, tathā katvā. Asitenāti dāttena. Lāyitvāti dāyitvā. Sabbakiriyāpadesu ‘‘sāliādīnaṃ sīsānī’’ti sambandhanīyaṃ. Sāliādīnaṃ sīsāni nidampitvā gaṇhato yasmiṃ bīje gahite vatthu pūrati, tasmiṃ bandhanā mocite tassa pārājikaṃ bhaveti yojanā. Asitena lāyitvā gaṇhato yasmiṃ sīse gahite…pe… bhave, karena chinditvā gaṇhato yassaṃ muṭṭhiyaṃ gahitāyaṃ…pe… bhaveti yojanā. Bījeti vīhādiphale. Vatthu pūratīti pādagghanakaṃ hotīti. Muṭṭhiyanti sīsamuṭṭhiyaṃ, bījamuṭṭhiyaṃ vā. Bandhanā mociteti bandhanaṭṭhānato mocite.
๑๕๗. ทโณฺฑ วาติ วตฺถุปูรกวีหิทโณฺฑ วาฯ อจฺฉิโนฺน รกฺขตีติ สมฺพโนฺธฯ ตโจ วาติ ตสฺส ทณฺฑสฺส เอกปเสฺส ฉลฺลิ วา อจฺฉิโนฺน รกฺขติเจฺจว สมฺพโนฺธฯ วา-คฺคหเณน อิธาวุตฺตํ อฎฺฐกถาคตํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๔) ‘‘วาโก’’ติ อิทํ สงฺคณฺหาติฯ วาโก นาม ทเณฺฑ วา ตเจ วา พาหิรํฯ อิธาปิ ตโจ วา อจฺฉิโนฺน รกฺขตีติ โยชนาฯ วีหินาฬมฺปิ วาติ คหิตธญฺญสาลิสีเสน ปติฎฺฐิตํ วีหิกุทฺรูสาทิคจฺฉานํ นาฬํ, ตจคโพฺภติ วุตฺตํ โหติฯ ทีฆนฺติ ทีฆํ เจ โหติฯ ‘‘อนิกฺขโนฺตวา’’ติ อิมินา ‘‘ทโณฺฑ’’ติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ตโต’’ติ ปาฐเสโสฯ ตโต ทีฆวีหินาฬโต สพีชวีหิสีสทโณฺฑ สพฺพโส ฉิโนฺน ฉินฺนโกฎิยา เกสคฺคมตฺตมฺปิ พหิ อนิกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ รกฺขตีติ ตํ ภิกฺขุํ ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยปาราชิกวตฺถูนํ อนุรูปาปตฺติโต ปาเลติฯ มุโตฺต เจ, น รกฺขตีติ อโตฺถฯ
157.Daṇḍo vāti vatthupūrakavīhidaṇḍo vā. Acchinno rakkhatīti sambandho. Taco vāti tassa daṇḍassa ekapasse challi vā acchinno rakkhaticceva sambandho. Vā-ggahaṇena idhāvuttaṃ aṭṭhakathāgataṃ (pārā. aṭṭha. 1.104) ‘‘vāko’’ti idaṃ saṅgaṇhāti. Vāko nāma daṇḍe vā tace vā bāhiraṃ. Idhāpi taco vā acchinno rakkhatīti yojanā. Vīhināḷampi vāti gahitadhaññasālisīsena patiṭṭhitaṃ vīhikudrūsādigacchānaṃ nāḷaṃ, tacagabbhoti vuttaṃ hoti. Dīghanti dīghaṃ ce hoti. ‘‘Anikkhantovā’’ti iminā ‘‘daṇḍo’’ti sambandho. ‘‘Tato’’ti pāṭhaseso. Tato dīghavīhināḷato sabījavīhisīsadaṇḍo sabbaso chinno chinnakoṭiyā kesaggamattampi bahi anikkhantoti attho. Rakkhatīti taṃ bhikkhuṃ dukkaṭathullaccayapārājikavatthūnaṃ anurūpāpattito pāleti. Mutto ce, na rakkhatīti attho.
วุตฺตเญฺจตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘วีหินาฬํ ทีฆมฺปิ โหติ, ยาว อโนฺตนาฬโต วีหิสีสทณฺฑโก น นิกฺขมติ, ตาว รกฺขติฯ เกสคฺคมตฺตมฺปิ นาฬโต ทณฺฑกสฺส เหฎฺฐิมตเล นิกฺขนฺตมเตฺต ภณฺฑคฺฆวเสน กาเรตโพฺพ’’ติ (ปารา. ๑.๑๐๔)ฯ ตถา อิมินาว วินิจฺฉเยน อฎฺฐกถายํ ‘‘ลายิตพฺพวตฺถุปูรกวีหิสีสมุฎฺฐิยา มูเล ฉิเนฺนปิ สีเสสุ อจฺฉินฺนวีหิสีสเคฺคหิ สทฺธิํ ชเฎตฺวา ฐิเตสุ รกฺขติ, ชฎํ วิชเฎตฺวา วิโยชิเตสุ ยถาวุตฺตปาราชิกาทิอาปตฺติโย โหนฺตี’’ติ เอวมาทิโก วินิจฺฉโย จ สูจิโตติ คเหตโพฺพฯ
Vuttañcetaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘vīhināḷaṃ dīghampi hoti, yāva antonāḷato vīhisīsadaṇḍako na nikkhamati, tāva rakkhati. Kesaggamattampi nāḷato daṇḍakassa heṭṭhimatale nikkhantamatte bhaṇḍagghavasena kāretabbo’’ti (pārā. 1.104). Tathā imināva vinicchayena aṭṭhakathāyaṃ ‘‘lāyitabbavatthupūrakavīhisīsamuṭṭhiyā mūle chinnepi sīsesu acchinnavīhisīsaggehi saddhiṃ jaṭetvā ṭhitesu rakkhati, jaṭaṃ vijaṭetvā viyojitesu yathāvuttapārājikādiāpattiyo hontī’’ti evamādiko vinicchayo ca sūcitoti gahetabbo.
๑๕๘. มทฺทิตฺวาติ วีหิสีสานิ มทฺทิตฺวาฯ ปโปฺผเฎตฺวาติ ภุสาทีนิ โอผุนิตฺวาฯ อิโต สารํ คณฺหิสฺสามีติ ปริกเปฺปตีติ โยชนาฯ อิโตติ วีหิสีสโตฯ สารํ คณฺหิสฺสามีติ สารภาคํ อาทิยิสฺสามิฯ สเจ ปริกเปฺปตีติ โยชนาฯ รกฺขตีติ วตฺถุปโหนกปฺปมาณํ ทาเตฺตน ลายิตฺวา วา หเตฺถน ฉินฺทิตฺวา วา ฐานา จาเวตฺวา คหิตมฺปิ ยาว ปริกโปฺป น นิฎฺฐาติ, ตาว อาปตฺติโต รกฺขตีติ อโตฺถฯ
158.Madditvāti vīhisīsāni madditvā. Papphoṭetvāti bhusādīni ophunitvā. Ito sāraṃ gaṇhissāmīti parikappetīti yojanā. Itoti vīhisīsato. Sāraṃ gaṇhissāmīti sārabhāgaṃ ādiyissāmi. Sace parikappetīti yojanā. Rakkhatīti vatthupahonakappamāṇaṃ dāttena lāyitvā vā hatthena chinditvā vā ṭhānā cāvetvā gahitampi yāva parikappo na niṭṭhāti, tāva āpattito rakkhatīti attho.
๑๕๙. มทฺทเนปีติ วีหิสีสมทฺทเนปิฯ อุทฺธรเณปีติ ปลาลาปนยเนปิฯ ปโปฺผฎเนปีติ ภุสาทิกจวราปนยเนปิ ฯ โทโส นตฺถีติ อคฺฆวเสน ปาราชิกาทิอาปตฺติโย น ภวนฺติ, สหปโยคทุกฺกฎํ ปน โหเตวฯ อตฺตโน…เป.… ปราชโยติ อตฺตโน ปฐมํ ปริกปฺปิตากาเรน สพฺพํ กตฺวา สารภาคํ คณฺหิตุํ อตฺตโน ภาชเน ปกฺขิตฺตมเตฺต ยถาวุตฺตปาราชิกาทโย โหนฺตีติ อโตฺถฯ
159.Maddanepīti vīhisīsamaddanepi. Uddharaṇepīti palālāpanayanepi. Papphoṭanepīti bhusādikacavarāpanayanepi . Doso natthīti agghavasena pārājikādiāpattiyo na bhavanti, sahapayogadukkaṭaṃ pana hoteva. Attano…pe… parājayoti attano paṭhamaṃ parikappitākārena sabbaṃ katvā sārabhāgaṃ gaṇhituṃ attano bhājane pakkhittamatte yathāvuttapārājikādayo hontīti attho.
๑๖๐. เอตฺตาวตา ‘‘เขตฺตฎฺฐํ นาม ภณฺฑํ เขเตฺต จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตํ โหติ ภูมฎฺฐํ ถลฎฺฐํ อากาสฎฺฐํ เวหาสฎฺฐ’’นฺติ (ปารา. ๑๐๔) วุตฺตานิ เขตฺตฎฺฐานิ จตฺตาริ ยถาวุตฺตสทิสานีติ ตานิ ปหาย ‘‘ตตฺถชาตก’’นฺติอาทิ ปาฬิยํ อาคเต ตตฺรชาเต วินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘เขตฺตํ นาม ยตฺถ ปุพฺพณฺณํ วา อปรณฺณํ วา ชายตี’’ติ (ปารา. ๑๐๔) เอวมาคเต เขเตฺตปิ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ชาน’’นฺติอาทิฯ ชานนฺติ ปรสนฺตกภาวํ ชานโนฺตฯ ขีลนฺติ อปฺปิตกฺขรํ วา อิตรํ วา ปาสาณาทิขีลํฯ สงฺกาเมตีติ ปรายตฺตภูมิํ สามิกา ยถา ปสฺสนฺติ, ตถา วา อญฺญถา วา อตฺตโน สนฺตกํ กาตุกามตาย เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานํ ยถา สสนฺตกํ โหติ, ตถา เถยฺยจิเตฺตน นิขณตีติ อโตฺถฯ
160. Ettāvatā ‘‘khettaṭṭhaṃ nāma bhaṇḍaṃ khette catūhi ṭhānehi nikkhittaṃ hoti bhūmaṭṭhaṃ thalaṭṭhaṃ ākāsaṭṭhaṃ vehāsaṭṭha’’nti (pārā. 104) vuttāni khettaṭṭhāni cattāri yathāvuttasadisānīti tāni pahāya ‘‘tatthajātaka’’ntiādi pāḷiyaṃ āgate tatrajāte vinicchayaṃ dassetvā idāni ‘‘khettaṃ nāma yattha pubbaṇṇaṃ vā aparaṇṇaṃ vā jāyatī’’ti (pārā. 104) evamāgate khettepi vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘jāna’’ntiādi. Jānanti parasantakabhāvaṃ jānanto. Khīlanti appitakkharaṃ vā itaraṃ vā pāsāṇādikhīlaṃ. Saṅkāmetīti parāyattabhūmiṃ sāmikā yathā passanti, tathā vā aññathā vā attano santakaṃ kātukāmatāya kesaggamattampi ṭhānaṃ yathā sasantakaṃ hoti, tathā theyyacittena nikhaṇatīti attho.
๑๖๑. ตํ ปาราชิกตฺตํ ตสฺส กทา โหตีติ อาห ‘‘สามิกานํ ตุ ธุรนิเกฺขปเน สตี’’ติฯ ‘‘โหตี’’ติ ปาฐเสโสฯ ตุ-สเทฺทน ‘‘อตฺตโน วา’’ติ วิเสสสฺส สงฺคหิตตฺตา สามิโน นิราลยภาวสงฺขาตธุรนิเกฺขเป จ ‘‘สามิกสฺส น ทสฺสามี’’ติ อตฺตโน ธุรนิเกฺขเป จ ตสฺส ปาราชิกตฺตํ โหตีติ อโตฺถฯ เอวมุทีริตนฺติ ‘‘เกสคฺคมตฺตมฺปี’’ติ เอวํ นิยมิตํ กถิตํฯ
161. Taṃ pārājikattaṃ tassa kadā hotīti āha ‘‘sāmikānaṃ tu dhuranikkhepane satī’’ti. ‘‘Hotī’’ti pāṭhaseso. Tu-saddena ‘‘attano vā’’ti visesassa saṅgahitattā sāmino nirālayabhāvasaṅkhātadhuranikkhepe ca ‘‘sāmikassa na dassāmī’’ti attano dhuranikkhepe ca tassa pārājikattaṃ hotīti attho. Evamudīritanti ‘‘kesaggamattampī’’ti evaṃ niyamitaṃ kathitaṃ.
๑๖๒. ยา ปนาติ ยา ภูมิ ปนฯ เตสุ ทฺวีสุ ขีเลสุฯ อาโท ถุลฺลจฺจยนฺติ ปฐเม ขีเล สงฺกามิเต โส ภิกฺขุ ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชติฯ ทุติเยติ ทุติเย ขีเล สงฺกามิเต ปราชโย โหตีติ โยชนาฯ พหูหิ ขีเลหิ คเหตพฺพฎฺฐาเน ปริยนฺตขีเลสุ ทฺวีสุ วินิจฺฉโย จ เอเตเนว วุโตฺต โหติฯ เอตฺถ ปน อเนฺต ขีลทฺวยํ วินา อวเสสขีลนิขณเน จ อิตเรสุ ตทเตฺถสุ สพฺพปโยเคสุ จ ทุกฺกฎํ โหตีติ วิเสโสฯ
162.Yā panāti yā bhūmi pana. Tesu dvīsu khīlesu. Ādo thullaccayanti paṭhame khīle saṅkāmite so bhikkhu thullaccayaṃ āpajjati. Dutiyeti dutiye khīle saṅkāmite parājayo hotīti yojanā. Bahūhi khīlehi gahetabbaṭṭhāne pariyantakhīlesu dvīsu vinicchayo ca eteneva vutto hoti. Ettha pana ante khīladvayaṃ vinā avasesakhīlanikhaṇane ca itaresu tadatthesu sabbapayogesu ca dukkaṭaṃ hotīti viseso.
๑๖๓-๔. ‘‘มเมทํ สนฺตก’’นฺติ ญาเปตุกาโมติ สมฺพโนฺธฯ ปรสนฺตกาย ภูมิยา ปรายตฺตภาวํ ญตฺวาว เถยฺยจิเตฺตน เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานํ คณฺหิตุกามตาย ‘‘เอตฺตกํ ฐานํ มม สนฺตก’’นฺติ รชฺชุยา วา ยฎฺฐิยา วา มินิตฺวา ปรสฺส ญาเปตุกาโมติ อโตฺถฯ เยหิ ทฺวีหิ ปโยเคหีติ สพฺพปจฺฉิมเกหิ รชฺชุปสารณยฎฺฐิปาตนานมญฺญตเรหิ ทฺวีหิ ปโยเคหิฯ เตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ
163-4. ‘‘Mamedaṃ santaka’’nti ñāpetukāmoti sambandho. Parasantakāya bhūmiyā parāyattabhāvaṃ ñatvāva theyyacittena kesaggamattampi ṭhānaṃ gaṇhitukāmatāya ‘‘ettakaṃ ṭhānaṃ mama santaka’’nti rajjuyā vā yaṭṭhiyā vā minitvā parassa ñāpetukāmoti attho. Yehi dvīhi payogehīti sabbapacchimakehi rajjupasāraṇayaṭṭhipātanānamaññatarehi dvīhi payogehi. Tesūti niddhāraṇe bhummaṃ.
อิธ รชฺชุํ วาปีติ วิกปฺปตฺถวา-สเทฺทน ‘‘ยฎฺฐิํ วา’’ติ โยเชตเพฺพปิ อวุตฺตสมุจฺจยตฺถํ อธิกวจนภาเวน วุตฺตปิ-สเทฺทน อิธาวุตฺตมริยาทวตีนํ วินิจฺฉยสฺส ญาปิตตฺตา ยถาวุตฺตรชฺชุยฎฺฐิวินิจฺฉเยสุ วิย ปรสนฺตกาย ภูมิยา เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหิตุกามตาย วติปาเท นิขณิตฺวา วา สาขามเตฺตน วา วติํ กโรนฺตสฺส มริยาทํ วา พนฺธนฺตสฺส ปาการํ วา จินนฺตสฺส ปํสุมตฺติกา วา วเฑฺฒนฺตสฺส ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยญฺจ ทุกฺกฎญฺจ สหปโยเค เกวลทุกฺกฎญฺจ ปจฺฉิมปโยเคสุ ทฺวีสุ ปฐมปโยเค ถุลฺลจฺจยญฺจ อวสานปโยเค ปาราชิกญฺจ โหตีติ วินิจฺฉโยปิ สงฺคหิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Idha rajjuṃ vāpīti vikappatthavā-saddena ‘‘yaṭṭhiṃ vā’’ti yojetabbepi avuttasamuccayatthaṃ adhikavacanabhāvena vuttapi-saddena idhāvuttamariyādavatīnaṃ vinicchayassa ñāpitattā yathāvuttarajjuyaṭṭhivinicchayesu viya parasantakāya bhūmiyā kesaggamattampi ṭhānaṃ theyyacittena gaṇhitukāmatāya vatipāde nikhaṇitvā vā sākhāmattena vā vatiṃ karontassa mariyādaṃ vā bandhantassa pākāraṃ vā cinantassa paṃsumattikā vā vaḍḍhentassa pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne pācittiyañca dukkaṭañca sahapayoge kevaladukkaṭañca pacchimapayogesu dvīsu paṭhamapayoge thullaccayañca avasānapayoge pārājikañca hotīti vinicchayopi saṅgahitoti daṭṭhabbaṃ.
เขตฺตฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Khettaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๖๕. วตฺถฎฺฐาทีสุ วตฺถฎฺฐสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุ นาม อารามวตฺถุ วิหารวตฺถู’’ติ (ปารา. ๑๐๕) ปทภาชเน วุตฺตตฺตา ปุปฺผาทิอาราเม กาตุํ สงฺขริตฺวา ฐปิตภูมิ จ ปุพฺพกตารามานํ วินาเส ตุจฺฉภูมิ จ วิหารํ กาตุํ อภิสงฺขตา ภูมิ จ นฎฺฐวิหารภูมิ จาติ เอวํ วิภาควติ วสติ เอตฺถ อุปโรโป วา วิหาโร วาติ ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติ อิเจฺจวํ ทุวิธํ วตฺถุญฺจ ‘‘วตฺถุฎฺฐํ นาม ภณฺฑํ วตฺถุสฺมิํ จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตํ โหติ ภูมฎฺฐํ ถลฎฺฐํ อากาสฎฺฐํ เวหาสฎฺฐ’’นฺติ (ปารา. ๑๐๕) วจนโต เอวํ จตุพฺพิธํ ภณฺฑญฺจาติ อิทํ ทฺวยํ วตฺถุ จ วตฺถุฎฺฐญฺจ วตฺถุวตฺถุฎฺฐนฺติ วตฺตเพฺพ เอกเทสสรูเปกเสสวเสน สมาเสตฺวา, อุ-การสฺส จ อการํ กตฺวา ‘‘วตฺถฎฺฐสฺสา’’ติ ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํฯ ยถาวุตฺตทุวิธวตฺถุโน, วตฺถฎฺฐสฺส จ ภณฺฑสฺสาติ อโตฺถฯ เขตฺตเฎฺฐติ เอตฺถาปิ อยเมว สมาโสติ เขเตฺต จ เขตฺตเฎฺฐ จาติ คเหตพฺพํฯ นาวฎฺฐาทิโวหาเรปิ เอเสว นโยฯ คามเฎฺฐปิ จาติ ‘‘คามฎฺฐํ นาม ภณฺฑํ คาเม จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตํ โหติ ภูมฎฺฐํ…เป.… เวหาสฎฺฐ’’นฺติ (ปารา. ๑๐๖) วุเตฺต จตุพฺพิเธ คามฎฺฐภเณฺฑปีติ อโตฺถฯ
165. Vatthaṭṭhādīsu vatthaṭṭhassāti ettha ‘‘vatthu nāma ārāmavatthu vihāravatthū’’ti (pārā. 105) padabhājane vuttattā pupphādiārāme kātuṃ saṅkharitvā ṭhapitabhūmi ca pubbakatārāmānaṃ vināse tucchabhūmi ca vihāraṃ kātuṃ abhisaṅkhatā bhūmi ca naṭṭhavihārabhūmi cāti evaṃ vibhāgavati vasati ettha uparopo vā vihāro vāti ‘‘vatthū’’ti vuccati iccevaṃ duvidhaṃ vatthuñca ‘‘vatthuṭṭhaṃ nāma bhaṇḍaṃ vatthusmiṃ catūhi ṭhānehi nikkhittaṃ hoti bhūmaṭṭhaṃ thalaṭṭhaṃ ākāsaṭṭhaṃ vehāsaṭṭha’’nti (pārā. 105) vacanato evaṃ catubbidhaṃ bhaṇḍañcāti idaṃ dvayaṃ vatthu ca vatthuṭṭhañca vatthuvatthuṭṭhanti vattabbe ekadesasarūpekasesavasena samāsetvā, u-kārassa ca akāraṃ katvā ‘‘vatthaṭṭhassā’’ti dassitanti gahetabbaṃ. Yathāvuttaduvidhavatthuno, vatthaṭṭhassa ca bhaṇḍassāti attho. Khettaṭṭheti etthāpi ayameva samāsoti khette ca khettaṭṭhe cāti gahetabbaṃ. Nāvaṭṭhādivohārepi eseva nayo. Gāmaṭṭhepi cāti ‘‘gāmaṭṭhaṃ nāma bhaṇḍaṃ gāme catūhi ṭhānehi nikkhittaṃ hoti bhūmaṭṭhaṃ…pe… vehāsaṭṭha’’nti (pārā. 106) vutte catubbidhe gāmaṭṭhabhaṇḍepīti attho.
วตฺถฎฺฐคามฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Vatthaṭṭhagāmaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๖๖. อรญฺญฎฺฐกถายํ ‘‘ติณํ วา’’ติอาทิปทานํ ‘‘ตตฺถชาตก’’นฺติ ปเทน สมฺพโนฺธฯ ตตฺถชาตกนฺติ ‘‘อรญฺญํ นาม ยํ มนุสฺสานํ ปริคฺคหิตํ โหตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗) วจนโต ตตฺถชาตํ ยํ กิญฺจิ มนุสฺสสนฺตกํ สามิกานํ อกามา อคเหตพฺพโต สารเกฺข อรเญฺญ อุปฺปนฺนนฺติ อโตฺถฯ ติณํ วาติ ปเรหิ ลายิตฺวา ฐปิตํ วา อตฺตนา ลายิตพฺพํ วา เคหจฺฉาทนารหํ ติณํ วาฯ ปณฺณํ วาติ เอวรูปเมว เคหจฺฉาทนารหํ ตาลปณฺณาทิปณฺณํ วาฯ ลตํ วาติ ตถารูปเมว เวตฺตลตาทิกํ วลฺลิํ วาฯ ยา ปน ทีฆา โหติ , มหารุเกฺข จ คเจฺฉ จ วินิวิชฺฌิตฺวา วา เวเฐตฺวา วา คตา, สา มูเล ฉินฺนาปิ อวหารํ น ชเนติ, อเคฺค ฉินฺนาปิฯ ยทา ปน อเคฺคปิ มูเลปิ ฉินฺนา โหติ, ตทา อวหารํ ชเนติฯ สเจ ปน เวเฐตฺวา ฐิตา โหติ, เวเฐตฺวา ฐิตา ปน รุกฺขโต โมจิตมตฺตา อวหารํ ชเนตีติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ สามิเกน อวิสฺสชฺชิตาลยํ ฉลฺลิวากาทิอวเสสภณฺฑญฺจ อิมินาว อุปลกฺขิตฺวา สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ กฎฺฐเมว วาติ ทารุํ วาฯ ภณฺฑเคฺฆเนว กาตโพฺพติ เอตฺถ อโนฺตภูตเหตุตฺถวเสน กาเรตโพฺพติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพ’’ติฯ อวหฎติณาทิภเณฺฑสุ อคฺฆวเสน มาสกํ วา อูนมาสกํ วา โหติ, ทุกฺกฎํฯ อติเรกมาสกํ วา อูนปญฺจมาสกํ วา โหติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา โหติ, ปาราชิกํฯ ปาราชิกํ เจ อนาปโนฺน, อามสนทุกฺกฎํ, ผนฺทาปนถุลฺลจฺจยญฺจ กาเรตโพฺพติ อโตฺถฯ คณฺหโนฺตติ อวหรโนฺตฯ
166. Araññaṭṭhakathāyaṃ ‘‘tiṇaṃ vā’’tiādipadānaṃ ‘‘tatthajātaka’’nti padena sambandho. Tatthajātakanti ‘‘araññaṃ nāma yaṃ manussānaṃ pariggahitaṃ hotī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107) vacanato tatthajātaṃ yaṃ kiñci manussasantakaṃ sāmikānaṃ akāmā agahetabbato sārakkhe araññe uppannanti attho. Tiṇaṃ vāti parehi lāyitvā ṭhapitaṃ vā attanā lāyitabbaṃ vā gehacchādanārahaṃ tiṇaṃ vā. Paṇṇaṃ vāti evarūpameva gehacchādanārahaṃ tālapaṇṇādipaṇṇaṃ vā. Lataṃ vāti tathārūpameva vettalatādikaṃ valliṃ vā. Yā pana dīghā hoti , mahārukkhe ca gacche ca vinivijjhitvā vā veṭhetvā vā gatā, sā mūle chinnāpi avahāraṃ na janeti, agge chinnāpi. Yadā pana aggepi mūlepi chinnā hoti, tadā avahāraṃ janeti. Sace pana veṭhetvā ṭhitā hoti, veṭhetvā ṭhitā pana rukkhato mocitamattā avahāraṃ janetīti ayamettha viseso. Sāmikena avissajjitālayaṃ challivākādiavasesabhaṇḍañca imināva upalakkhitvā saṅgahitanti veditabbaṃ. Kaṭṭhameva vāti dāruṃ vā. Bhaṇḍaggheneva kātabboti ettha antobhūtahetutthavasena kāretabboti attho gahetabbo. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘bhaṇḍagghena kāretabbo’’ti. Avahaṭatiṇādibhaṇḍesu agghavasena māsakaṃ vā ūnamāsakaṃ vā hoti, dukkaṭaṃ. Atirekamāsakaṃ vā ūnapañcamāsakaṃ vā hoti, thullaccayaṃ. Pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā hoti, pārājikaṃ. Pārājikaṃ ce anāpanno, āmasanadukkaṭaṃ, phandāpanathullaccayañca kāretabboti attho. Gaṇhantoti avaharanto.
๑๖๗-๗๔. อิทานิ ‘‘กฎฺฐเมว วา’’ติ วุตฺตรุกฺขทารูสุ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มหเคฺฆ’’ติอาทิฯ มหเคฺฆติ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆกํ หุตฺวา มหเคฺฆฯ นสฺสตีติ เถยฺยจิตฺตสมงฺคี หุตฺวา ฉินฺนมเตฺตปิ ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ ปิ-สโทฺท อวธารเณฯ ‘‘โกจิปี’’ติ อิมินา อทฺธคโตปิ อลฺลํ วา โหตุ ปุราณํ วา, ตเจฺฉตฺวา ฐปิตํ น คเหตพฺพเมวาติ อโตฺถฯ
167-74. Idāni ‘‘kaṭṭhameva vā’’ti vuttarukkhadārūsu vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘mahagghe’’tiādi. Mahaggheti pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghakaṃ hutvā mahagghe. Nassatīti theyyacittasamaṅgī hutvā chinnamattepi pārājikaṃ āpajjati. Pi-saddo avadhāraṇe. ‘‘Kocipī’’ti iminā addhagatopi allaṃ vā hotu purāṇaṃ vā, tacchetvā ṭhapitaṃ na gahetabbamevāti attho.
มูเลติ อุปลกฺขณมตฺตํฯ ‘‘อเคฺค จ มูเล จ ฉิโนฺน โหตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗) อฎฺฐกถาวจนโต มูลญฺจ อคฺคญฺจ ฉินฺทิตฺวาติ คเหตโพฺพฯ อทฺธคตนฺติ ชิณฺณคฬิตปติตตจํ, จิรกาลํ ฐิตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Mūleti upalakkhaṇamattaṃ. ‘‘Agge ca mūle ca chinno hotī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107) aṭṭhakathāvacanato mūlañca aggañca chinditvāti gahetabbo. Addhagatanti jiṇṇagaḷitapatitatacaṃ, cirakālaṃ ṭhitanti vuttaṃ hoti.
ลกฺขเณติ อตฺตโน สนฺตกํ ญาเปตุํ รุกฺขกฺขเนฺธ ตจํ ฉินฺทิตฺวา กตสลฺลกฺขเณฯ ฉลฺลิโยนเทฺธติ สมนฺตโต อภินวุปฺปนฺนาหิ ฉลฺลีหิ ปริโยนนฺธิตฺวา อทสฺสนํ คมิเตฯ อชฺฌาวุตฺถญฺจาติ เอตฺถ ‘‘เคห’’นฺติ ปาฐเสโสฯ เคหํ กตญฺจ อชฺฌาวุตฺถญฺจาติ โยชนาฯ เคหํ กาตุํ อรญฺญสามิกานํ มูลํ ทตฺวา รุเกฺข กิณิตฺวา ฉินฺนทารูหิ ตํ เคหํ กตญฺจ ปริภุตฺตญฺจาติ อโตฺถฯ วินสฺสนฺตญฺจาติ เอตฺถาปิ ‘‘อวสิฎฺฐํ ทารุ’’นฺติ ปาฐเสโสฯ ตํ เคหํ กตฺวา อวสิฎฺฐํ วสฺสาตปาทีหิ วิวิธา ชีริตฺวา วินสฺสมานํ, วิปนฺนทารุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ คณฺหโต น โทโส โกจีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘สามิกา นิราลยา’’ติ คณฺหโต กาจิปิ อาปตฺติ นตฺถีติ อโตฺถฯ กิํการณนฺติ เจ? อรญฺญสามิเกหิ มูลํ คเหตฺวา อเญฺญสํ ทินฺนตฺตา, เตสญฺจ นิราลยํ ฉฑฺฑิตตฺตาติ อิทเมตฺถ การณํฯ
Lakkhaṇeti attano santakaṃ ñāpetuṃ rukkhakkhandhe tacaṃ chinditvā katasallakkhaṇe. Challiyonaddheti samantato abhinavuppannāhi challīhi pariyonandhitvā adassanaṃ gamite. Ajjhāvutthañcāti ettha ‘‘geha’’nti pāṭhaseso. Gehaṃ katañca ajjhāvutthañcāti yojanā. Gehaṃ kātuṃ araññasāmikānaṃ mūlaṃ datvā rukkhe kiṇitvā chinnadārūhi taṃ gehaṃ katañca paribhuttañcāti attho. Vinassantañcāti etthāpi ‘‘avasiṭṭhaṃ dāru’’nti pāṭhaseso. Taṃ gehaṃ katvā avasiṭṭhaṃ vassātapādīhi vividhā jīritvā vinassamānaṃ, vipannadārunti vuttaṃ hoti. Gaṇhato na doso kocīti sambandho. ‘‘Sāmikā nirālayā’’ti gaṇhato kācipi āpatti natthīti attho. Kiṃkāraṇanti ce? Araññasāmikehi mūlaṃ gahetvā aññesaṃ dinnattā, tesañca nirālayaṃ chaḍḍitattāti idamettha kāraṇaṃ.
วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เคหาทีนํ อตฺถาย รุเกฺข ฉินฺทิตฺวา ยทา ตานิ กตานิ, อชฺฌาวุตฺถานิ จ โหนฺติ, ทารูนิปิ อรเญฺญ วเสฺสน จ อาตเปน จ วินสฺสนฺติ, อีทิสานิปิ ทิสฺวา ‘ฉฑฺฑิตานี’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ กสฺมา? ยสฺมา อรญฺญสามิกา เอเตสํ อนิสฺสราฯ เยหิ อรญฺญสามิกานํ เทยฺยธมฺมํ ทตฺวา ฉินฺนานิ, เต เอว อิสฺสรา, เตหิ จ ตานิ ฉฑฺฑิตานิ, นิราลยา ตตฺถ ชาตา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗)ฯ เอวมฺปิ สติ ปจฺฉา สามิเกสุ อาหราเปเนฺตสุ ภณฺฑเทยฺยํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘gehādīnaṃ atthāya rukkhe chinditvā yadā tāni katāni, ajjhāvutthāni ca honti, dārūnipi araññe vassena ca ātapena ca vinassanti, īdisānipi disvā ‘chaḍḍitānī’ti gahetuṃ vaṭṭati. Kasmā? Yasmā araññasāmikā etesaṃ anissarā. Yehi araññasāmikānaṃ deyyadhammaṃ datvā chinnāni, te eva issarā, tehi ca tāni chaḍḍitāni, nirālayā tattha jātā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107). Evampi sati pacchā sāmikesu āharāpentesu bhaṇḍadeyyaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ.
โย จาติ อรญฺญสามิกานํ เทยฺยธมฺมํ ปวิสโนฺต อทตฺวา ‘‘นิกฺขมโนฺต ทสฺสามี’’ติ รุเกฺข คาหาเปตฺวา นิกฺขมโนฺต โย จ ภิกฺขุฯ อารกฺขฎฺฐานํ ปตฺวาติ อรญฺญปาลกา ยตฺถ นิสินฺนา อรญฺญํ รกฺขนฺติ, ตํ ฐานํ ปตฺวาฯ ‘‘จิเนฺตโนฺต’’ติ กิริยนฺตรสาเปกฺขตฺตา ‘‘อติกฺกเมยฺยา’’ติ สามตฺถิยโต ลพฺภติฯ ตสฺมา จิเตฺต กมฺมฎฺฐานาทีนิ กตฺวาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ปการเตฺถน กุสลปกฺขิยา วิตกฺกา สงฺคยฺหนฺติฯ อญฺญํ จิเนฺตโนฺต วา อารกฺขนฎฺฐานํ ปตฺวาเยว อติกฺกาเมยฺยาติ โยเชตฺวา อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ ตตฺถ อญฺญํ จิเนฺตโนฺต วาติ อญฺญํ วิหิโต วา, อิมินา ยถาวุตฺตวิตกฺกานํ สงฺคโหฯ อสฺสาติ เอตฺถ ‘‘เทยฺย’’นฺติ กิตโยเค กตฺตริ สามิวจนตฺตา อเนนาติ อโตฺถฯ
Yo cāti araññasāmikānaṃ deyyadhammaṃ pavisanto adatvā ‘‘nikkhamanto dassāmī’’ti rukkhe gāhāpetvā nikkhamanto yo ca bhikkhu. Ārakkhaṭṭhānaṃ patvāti araññapālakā yattha nisinnā araññaṃ rakkhanti, taṃ ṭhānaṃ patvā. ‘‘Cintento’’ti kiriyantarasāpekkhattā ‘‘atikkameyyā’’ti sāmatthiyato labbhati. Tasmā citte kammaṭṭhānādīni katvāti ettha ādi-saddena pakāratthena kusalapakkhiyā vitakkā saṅgayhanti. Aññaṃ cintento vā ārakkhanaṭṭhānaṃ patvāyeva atikkāmeyyāti yojetvā attho vattabbo. Tattha aññaṃ cintento vāti aññaṃ vihito vā, iminā yathāvuttavitakkānaṃ saṅgaho. Assāti ettha ‘‘deyya’’nti kitayoge kattari sāmivacanattā anenāti attho.
‘‘โยจา’’ติ เอตฺถ อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน จ-สเทฺทน อรญฺญปวิสนกาเล ยถาวุตฺตนเยน มูลํ อทตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ทารูนิ คเหตฺวา คมนกาเล ‘‘อรญฺญปาลกา สเจ ยาจนฺติ, ทสฺสามี’’ติ ปริกเปฺปตฺวา คนฺตฺวา เตหิ อยาจิตตฺตา อทตฺวา คจฺฉโนฺตปิ ตเถว อาคนฺตฺวา อารกฺขเกสุ กีฬาปสุเตสุ วา นิทฺทายเนฺตสุ วา พหิ นิกฺขเนฺตสุ วา ตตฺถ ฐตฺวา อารกฺขเก ปริเยสิตฺวา อทิสฺวา คจฺฉโนฺตปิ ตเถว อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิยุตฺตอิสฺสรชเนหิ อตฺตโน หตฺถโต ทาตพฺพํ ทตฺวา วา อตฺตานํ สมฺมานํ กตฺวา วา ปาลเก สญฺญาเปตฺวา วา ปาลเก โอกาสํ ยาจิตฺวา เตหิ ทิโนฺนกาโส วา คจฺฉโนฺตปีติ เอตฺตกา วุเตฺตน สทิสตฺตา สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
‘‘Yocā’’ti ettha avuttasamuccayatthena ca-saddena araññapavisanakāle yathāvuttanayena mūlaṃ adatvā araññaṃ pavisitvā dārūni gahetvā gamanakāle ‘‘araññapālakā sace yācanti, dassāmī’’ti parikappetvā gantvā tehi ayācitattā adatvā gacchantopi tatheva āgantvā ārakkhakesu kīḷāpasutesu vā niddāyantesu vā bahi nikkhantesu vā tattha ṭhatvā ārakkhake pariyesitvā adisvā gacchantopi tatheva āgantvā tattha niyuttaissarajanehi attano hatthato dātabbaṃ datvā vā attānaṃ sammānaṃ katvā vā pālake saññāpetvā vā pālake okāsaṃ yācitvā tehi dinnokāso vā gacchantopīti ettakā vuttena sadisattā saṅgahitāti daṭṭhabbā.
วราหาติ สูกราฯ วคฺฆาติ พฺยคฺฆาฯ อจฺฉาติ อิสฺสาฯ ตรจฺฉาติ กาฬสีหาฯ อาทิ-สเทฺทน ทีปิมตฺตหตฺถิสีหาทโย วาฬมิคา สงฺคยฺหนฺติฯ เอเตเยว วราหาทโย สมาคมวเสน มรณาทิอนิฎฺฐสมีปจาริตาย อุป อนิฎฺฐสมีเป ทวนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ‘‘อุปทฺทวา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อารกฺขฎฺฐานํ อาคตกาเล ทิฎฺฐวราหาทิอุปทฺทวโตติ วุตฺตํ โหติฯ มุจฺจิตุกามตายาติ โมกฺขาธิปฺปาเยนฯ ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ปวิสนกาเล เทยฺยธมฺมํ อทตฺวา ‘‘นิกฺขมนกาเล ทสฺสามี’’ติ ปวิสิตฺวา ทารุํ คเหตฺวา อารกฺขฎฺฐานํ ปโตฺตติ ปุริมคาถาย สามตฺถิยโต ลพฺภมาโนเยวโตฺถ ทสฺสิโตฯ ตํ ฐานนฺติ ตํ อารกฺขฎฺฐานํฯ อติกฺกาเมตีติ ‘‘อิทํ ตํ ฐาน’’นฺติปิ อสลฺลกฺขณมตฺตภยุปทฺทโว หุตฺวา ปลายโนฺต อติกฺกมติ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติ โยชนาฯ
Varāhāti sūkarā. Vagghāti byagghā. Acchāti issā. Taracchāti kāḷasīhā. Ādi-saddena dīpimattahatthisīhādayo vāḷamigā saṅgayhanti. Eteyeva varāhādayo samāgamavasena maraṇādianiṭṭhasamīpacāritāya upa aniṭṭhasamīpe davanti pavattantīti ‘‘upaddavā’’ti vuccanti. Ārakkhaṭṭhānaṃ āgatakāle diṭṭhavarāhādiupaddavatoti vuttaṃ hoti. Muccitukāmatāyāti mokkhādhippāyena. ‘‘Tathevā’’ti iminā pavisanakāle deyyadhammaṃ adatvā ‘‘nikkhamanakāle dassāmī’’ti pavisitvā dāruṃ gahetvā ārakkhaṭṭhānaṃ pattoti purimagāthāya sāmatthiyato labbhamānoyevattho dassito. Taṃ ṭhānanti taṃ ārakkhaṭṭhānaṃ. Atikkāmetīti ‘‘idaṃ taṃ ṭhāna’’ntipi asallakkhaṇamattabhayupaddavo hutvā palāyanto atikkamati, bhaṇḍadeyyaṃ pana hotīti yojanā.
สุงฺกฆาตโตติ เอตฺถาปิ ปิ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพ, สุงฺกคหณฎฺฐานโตปีติ อโตฺถฯ สุงฺกสฺส รโญฺญ ทาตพฺพภาคสฺส ฆาโต มุสิตฺวา คหณมโตฺต, สุโงฺก หญฺญติ เอตฺถาติ วา สุงฺกฆาโตติ วิคฺคโหฯ สุงฺกฆาตสรูปํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ ตสฺมาติ สุงฺกฆาตโต ตสฺส ครุกตฺตา เอวฯ ตนฺติ ตํ สุงฺกฆาตฎฺฐานํฯ อโนกฺกมฺม คจฺฉโตติ อปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสฯ ทุกฺกฎํ อุทฺทิฎฺฐํ ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑๓)ฯ
Suṅkaghātatoti etthāpi pi-saddo luttaniddiṭṭhoti veditabbo, suṅkagahaṇaṭṭhānatopīti attho. Suṅkassa rañño dātabbabhāgassa ghāto musitvā gahaṇamatto, suṅko haññati etthāti vā suṅkaghātoti viggaho. Suṅkaghātasarūpaṃ parato āvi bhavissati. Tasmāti suṅkaghātato tassa garukattā eva. Tanti taṃ suṅkaghātaṭṭhānaṃ. Anokkamma gacchatoti apavisitvā gacchantassa. Dukkaṭaṃ uddiṭṭhaṃ ‘‘suṅkaṃ pariharati, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 113).
เอตนฺติ ยถาวุตฺตอารกฺขฎฺฐานํฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริหรนฺตสฺสาติ เถยฺยจิเตฺตน ปริหริตฺวา ทูรโต คจฺฉนฺตสฺสฯ อากาเสนปิ คจฺฉโต ปาราชิกมนุทฺทิฎฺฐํ สตฺถุนาติ สมฺพโนฺธฯ
Etanti yathāvuttaārakkhaṭṭhānaṃ. Theyyacittena pariharantassāti theyyacittena pariharitvā dūrato gacchantassa. Ākāsenapi gacchato pārājikamanuddiṭṭhaṃ satthunāti sambandho.
นนุ จ ‘‘อิทํ ปน เถยฺยจิเตฺตน ปริหรนฺตสฺส อากาเสน คจฺฉโตปิ ปาราชิกเมวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗) อฎฺฐกถายํ วุตฺตวจนํ วินา ปาฬิยํ ‘‘อรญฺญฎฺฐ’’นฺติ มาติกาปทสฺส วิภเงฺค ‘‘ตตฺถชาตกํ กฎฺฐํ วา ลตํ วา ติณํ วา ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๐๖) สามญฺญวจนโต สุงฺกฆาเต ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วจนํ วิย เอตฺถ อารกฺขฎฺฐานํ ปริหรนฺตสฺส วิสุํ วุตฺตปาราชิกาปตฺติวจเน อสติปิ ‘‘อฎฺฐกถาย’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สตฺถุนา’’ติ กสฺมา อาหาติ? วุจฺจเต – อฎฺฐกถาจริเยน ตเถว วุตฺตตฺตา อาหฯ กสฺมา ปน อฎฺฐกถาจริเยน ‘‘อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปสฺสาม, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทิสฺสามา’’ติ (ปารา. ๕๖๕) ปาฬิปาฐํ ชานเนฺตนปิ ปาฬิยํ อวุตฺตปาราชิกํ นิทฺทิฎฺฐนฺติ? เอตฺถ วินิจฺฉยํ ภิกฺขูหิ ปุเฎฺฐน ภควตา วุตฺตนยสฺส มหาอฎฺฐกถาย อาคตตฺตา ตเสฺสว นยสฺส สมนฺตปาสาทิกายํ นิทฺทิฎฺฐภาวํ ชานเนฺตน อิมินาปิ อาจริเยน อิธ ‘‘สตฺถุนา’’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ
Nanu ca ‘‘idaṃ pana theyyacittena pariharantassa ākāsena gacchatopi pārājikamevā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107) aṭṭhakathāyaṃ vuttavacanaṃ vinā pāḷiyaṃ ‘‘araññaṭṭha’’nti mātikāpadassa vibhaṅge ‘‘tatthajātakaṃ kaṭṭhaṃ vā lataṃ vā tiṇaṃ vā pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ theyyacitto āmasati, āpatti dukkaṭassa. Phandāpeti, āpatti thullaccayassa. Ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 106) sāmaññavacanato suṅkaghāte ‘‘suṅkaṃ pariharati, āpatti dukkaṭassā’’ti vacanaṃ viya ettha ārakkhaṭṭhānaṃ pariharantassa visuṃ vuttapārājikāpattivacane asatipi ‘‘aṭṭhakathāya’’nti avatvā ‘‘satthunā’’ti kasmā āhāti? Vuccate – aṭṭhakathācariyena tatheva vuttattā āha. Kasmā pana aṭṭhakathācariyena ‘‘apaññattaṃ na paññapessāma, paññattaṃ na samucchindissāmā’’ti (pārā. 565) pāḷipāṭhaṃ jānantenapi pāḷiyaṃ avuttapārājikaṃ niddiṭṭhanti? Ettha vinicchayaṃ bhikkhūhi puṭṭhena bhagavatā vuttanayassa mahāaṭṭhakathāya āgatattā tasseva nayassa samantapāsādikāyaṃ niddiṭṭhabhāvaṃ jānantena imināpi ācariyena idha ‘‘satthunā’’ti vuttanti gahetabbaṃ.
อถ วา ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วตฺวา อารกฺขฎฺฐานวินิจฺฉเย อวจนํ ยถาวุตฺตวิสยสฺส อทิฎฺฐภาเวน วา สิยา, อิมสฺส ตถา อนวชฺชตา วา สิยา, วุตฺตานุสาเรน สุวิเญฺญยฺยตา วา สิยาติ ตโย วิกปฺปาฯ เตสุ ปฐมวิกโปฺป สพฺพญฺญุภาวพาธนโต ทุพฺพิกปฺปมตฺตํ โหติฯ ทุติยวิกโปฺป โลกวชฺชสฺส อิมสฺส อนวชฺชภาโว นาม อนุปปโนฺนติ อนาทาตโพฺพฯ ปาริเสสโต ตติยวิกโปฺป ยุชฺชติฯ
Atha vā ‘‘suṅkaṃ pariharati, āpatti dukkaṭassā’’ti vatvā ārakkhaṭṭhānavinicchaye avacanaṃ yathāvuttavisayassa adiṭṭhabhāvena vā siyā, imassa tathā anavajjatā vā siyā, vuttānusārena suviññeyyatā vā siyāti tayo vikappā. Tesu paṭhamavikappo sabbaññubhāvabādhanato dubbikappamattaṃ hoti. Dutiyavikappo lokavajjassa imassa anavajjabhāvo nāma anupapannoti anādātabbo. Pārisesato tatiyavikappo yujjati.
ตตฺถ ‘‘วุตฺตานุสาเรนา’’ติ กิเมตฺถ วุตฺตํ นาม, ตทนุสาเรน อิมสฺสาปิ สุวิเญฺญยฺยตา กถนฺติ เจ? ปฐมนิทฺทิเฎฺฐ อรญฺญฎฺฐนิเทฺทเส สามเญฺญน ‘‘ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๐๖) อิทํ วุตฺตํ, น ปน เถยฺยจิเตฺตน อารกฺขฎฺฐานปริหรณญฺจฯ ‘‘คมนกาเล ‘มูลํ ทตฺวา คมิสฺสามี’ติ ปุพฺพปริกปฺปิตนิยาเมน อทตฺวา คจฺฉโต ปริกปฺปาวหาโรว โหตี’’ติ จ ‘‘ตํ ปน เยน เกนจิ อากาเรน ปริกปฺปิตฎฺฐานํ ปหาย คมนํ ฐานาจาวนํ นาม โหเตวาติ เตน วตฺถุนา ปาราชิกเมว โหตี’’ติ จ ‘‘ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’ติ อิมินา จ วิญฺญาตตฺถเมว โหตี’’ติ จ วิสุํ น วุตฺตํฯ สุงฺกฎฺฐานปริหรณํ ปน ฐานปริหรณสภาวตฺตา สภาวโต อีทิสํว สนฺตมฺปิ อิทํ วิย ปริกปฺปิตฎฺฐานํ น โหตีติ วกฺขมานราชสมฺมตฎฺฐานโต อญฺญํ ปริกปฺปิตฎฺฐานํ สมานมฺปิ เถยฺยจิตฺตุปฺปตฺติมเตฺตน ตํ ปริหริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เถยฺยจิเตฺตน อตฺตโน ปตฺตํ คณฺหนฺตสฺส วิย ปาราชิกาย อวตฺถุตญฺจ ทุกฺกฎเสฺสว วตฺถุภาวญฺจ วิญฺญาเปตุํ ‘‘สุงฺกํ ปริหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ ภควโต อธิปฺปายญฺญุนา อฎฺฐกถาจริเยน ‘‘ปาราชิกเมวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗) วุตฺตตฺตา เตน อฎฺฐกถายํ วุตฺตนีหารเมว ทเสฺสตุํ อยมาจริโยปิ ‘‘สตฺถุนา ปาราชิกมนุทฺทิฎฺฐ’’นฺติ อาหาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ
Tattha ‘‘vuttānusārenā’’ti kimettha vuttaṃ nāma, tadanusārena imassāpi suviññeyyatā kathanti ce? Paṭhamaniddiṭṭhe araññaṭṭhaniddese sāmaññena ‘‘ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 106) idaṃ vuttaṃ, na pana theyyacittena ārakkhaṭṭhānapariharaṇañca. ‘‘Gamanakāle ‘mūlaṃ datvā gamissāmī’ti pubbaparikappitaniyāmena adatvā gacchato parikappāvahārova hotī’’ti ca ‘‘taṃ pana yena kenaci ākārena parikappitaṭṭhānaṃ pahāya gamanaṃ ṭhānācāvanaṃ nāma hotevāti tena vatthunā pārājikameva hotī’’ti ca ‘‘ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’ti iminā ca viññātatthameva hotī’’ti ca visuṃ na vuttaṃ. Suṅkaṭṭhānapariharaṇaṃ pana ṭhānapariharaṇasabhāvattā sabhāvato īdisaṃva santampi idaṃ viya parikappitaṭṭhānaṃ na hotīti vakkhamānarājasammataṭṭhānato aññaṃ parikappitaṭṭhānaṃ samānampi theyyacittuppattimattena taṃ pariharitvā gacchantassa theyyacittena attano pattaṃ gaṇhantassa viya pārājikāya avatthutañca dukkaṭasseva vatthubhāvañca viññāpetuṃ ‘‘suṅkaṃ pariharati, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttanti bhagavato adhippāyaññunā aṭṭhakathācariyena ‘‘pārājikamevā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107) vuttattā tena aṭṭhakathāyaṃ vuttanīhārameva dassetuṃ ayamācariyopi ‘‘satthunā pārājikamanuddiṭṭha’’nti āhāti niṭṭhamettha gantabbaṃ.
ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ปริหริตฺวา เถยฺยจิเตฺตน ทูรโต วเชฺชตฺวา คจฺฉนฺตสฺสาปิ ปาราชิกปฺปโหนกตาย อจฺจนฺตภาริยํ โหติ, ตสฺมาฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ อรญฺญารกฺขฎฺฐาเนฯ ‘‘วิเสเสนา’’ติ อิทํ ‘‘อปฺปมเตฺตน โหตพฺพ’’นฺติ อิมินา เหตุภาเวน สมฺพนฺธนียํฯ สติสมฺปนฺนเจตสาติ จ ปิยสีเลนาติ จ ‘‘ภิกฺขุนา’’ติ เอตสฺส วิเสสนํฯ อสิกฺขากามสฺส ภิกฺขุโน อิมสฺส โอวาทสฺส อภาชนตาย ตํ ปริวเชฺชตุมาห ‘‘ปิยสีเลนา’’ติฯ ปิยสีลสฺสาปิ สติวิรหิตสฺส ปมตฺตฎฺฐาเน สรณาสมฺภวา อิมสฺส อภาชนตาย ตํ วเชฺชตุมาห ‘‘สติสมฺปนฺนเจตสา’’ติฯ
Tasmāti yasmā evaṃ pariharitvā theyyacittena dūrato vajjetvā gacchantassāpi pārājikappahonakatāya accantabhāriyaṃ hoti, tasmā. Etthāti imasmiṃ araññārakkhaṭṭhāne. ‘‘Visesenā’’ti idaṃ ‘‘appamattena hotabba’’nti iminā hetubhāvena sambandhanīyaṃ. Satisampannacetasāti ca piyasīlenāti ca ‘‘bhikkhunā’’ti etassa visesanaṃ. Asikkhākāmassa bhikkhuno imassa ovādassa abhājanatāya taṃ parivajjetumāha ‘‘piyasīlenā’’ti. Piyasīlassāpi sativirahitassa pamattaṭṭhāne saraṇāsambhavā imassa abhājanatāya taṃ vajjetumāha ‘‘satisampannacetasā’’ti.
อรญฺญฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Araññaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๗๕-๖. โตยทุลฺลภกาลสฺมินฺติ โตยํ ทุลฺลภํ ยสฺมิํ โส โตยทุลฺลโภ, โตยทุลฺลโภ จ โส กาโล จาติ โตยทุลฺลภกาโล, ตสฺมิํฯ อาวเชฺชตฺวา วาติ อุทกภาชนํ นาเมตฺวา วาฯ ปเวเสตฺวา วาติ อตฺตโน ภาชนํ ตสฺมิํ ปกฺขิปิตฺวา วาฯ ฉิทฺทํ กตฺวาปิ วาติ อุทกภาชเน โอมฎฺฐาทิเภทํ ฉิทฺทํ กตฺวา วา คณฺหนฺตสฺส ภณฺฑเคฺฆน วินิทฺทิเสติ วกฺขมาเนน สมฺพนฺธนียํฯ
175-6.Toyadullabhakālasminti toyaṃ dullabhaṃ yasmiṃ so toyadullabho, toyadullabho ca so kālo cāti toyadullabhakālo, tasmiṃ. Āvajjetvā vāti udakabhājanaṃ nāmetvā vā. Pavesetvā vāti attano bhājanaṃ tasmiṃ pakkhipitvā vā. Chiddaṃ katvāpi vāti udakabhājane omaṭṭhādibhedaṃ chiddaṃ katvā vā gaṇhantassa bhaṇḍagghena viniddiseti vakkhamānena sambandhanīyaṃ.
ตถาติ ยถา โตยทุลฺลภกาลสฺมิํ ภาชเน รกฺขิตโคปิตํ อุทกํ อวหรนฺตสฺส ปาราชิกํ วุตฺตํ, เตเนว นีหาเรนฯ วาปิยํ วาติ ปรสนฺตกาย สารกฺขาย วาปิยํ วาฯ ตฬาเก วาติ ตาทิเส ชาตสฺสเร วาฯ เอวํ สารกฺขานํ โปกฺขรณิอาทีนํ เอเตหิ วา อวุตฺตสมุจฺจเยน วา-สเทฺทน วา คหณํ เวทิตพฺพํฯ อตฺตโน ภาชนํ ปเวเสตฺวา คณฺหนฺตสฺสาติ อุปลกฺขณปทนฺติ ภาชนคตชเล จ อิธ จ เตลภาชเน วิย มุเขน วา วํสาทีหิ วา อากฑฺฒิตฺวา เถยฺยจิเตฺตน ปิวนฺตสฺส ยถาวตฺถุกมาปตฺติวิธานํ เวทิตพฺพํฯ
Tathāti yathā toyadullabhakālasmiṃ bhājane rakkhitagopitaṃ udakaṃ avaharantassa pārājikaṃ vuttaṃ, teneva nīhārena. Vāpiyaṃ vāti parasantakāya sārakkhāya vāpiyaṃ vā. Taḷāke vāti tādise jātassare vā. Evaṃ sārakkhānaṃ pokkharaṇiādīnaṃ etehi vā avuttasamuccayena vā-saddena vā gahaṇaṃ veditabbaṃ. Attano bhājanaṃ pavesetvā gaṇhantassāti upalakkhaṇapadanti bhājanagatajale ca idha ca telabhājane viya mukhena vā vaṃsādīhi vā ākaḍḍhitvā theyyacittena pivantassa yathāvatthukamāpattividhānaṃ veditabbaṃ.
๑๗๗. มริยาทนฺติ วาปิอาทีนํ ปาฬิวฎฺฎพนฺธํฯ ฉินฺทโตติ กุทาลาทีหิ ปํสุอาทีนิ อุทฺธริตฺวา ทฺวิธา กโรนฺตสฺสฯ วิเสสตฺถาวโชตเกน ตุ-สเทฺทน ‘‘มริยาทํ ฉินฺทิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา ตสฺส ฉินฺทนตฺถาย วีจิโย อุฎฺฐาเปตุํ อุทกํ สยํ โอตริตฺวา วา โคมหิํเส วา อเญฺญ มนุเสฺส วา กีฬเนฺต ทารเก วา โอตาเรตฺวา วา อตฺตโน ธมฺมตาย โอติเณฺณ ตาเสตฺวา วา อุทเก ฐิตํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา วา เฉทาเปตฺวา วา ปาเตตฺวา วา ปาตาเปตฺวา วา ชลํ โขเภติ, ตโต อุฎฺฐิตาหิ วีจีหิ มริยาเท ฉิเนฺนปิ เตเนว ฉิโนฺน โหติฯ เอวเมว โคมหิํสาทโย มริยาทํ อาโรหเนฺตนาปิ อเญฺญหิ อาโรหาเปเนฺตนาปิ เตสํ ขุเรหิ มริยาเท ฉิเนฺนปิ, อุทกนิทฺธมนาทิํ ปิทหิตฺวา วา ปิทหาเปตฺวา วา วาปิมริยาทาย นีจฎฺฐานํ พนฺธิตฺวา วา พนฺธาเปตฺวา วา อติเรกชลาปคมนมคฺคโต นีหริตโพฺพทกํ วาเรตฺวา วา พาหิรโต อุทกํ ปเวเสตฺวา วา ปูเรติ, โอเฆน มริยาเท ฉิเนฺนปิ เตเนว ฉินฺนํ โหตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๘ อตฺถโต สมานํ) เอวมาทิกํ อฎฺฐกถาคตวิเสสํ สงฺคณฺหาติฯ อทินฺนาทานปุพฺพโตติ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยคตฺตาฯ ภูตคาเมน สทฺธิมฺปีติ ภูตคาเมนปิ สทฺธิํฯ อปิ-สเทฺทน ปถวิขณนํ สมฺปิเณฺฑติฯ มริยาทํ ฉินฺทโนฺต ตตฺถชาตํ ติณาทิํ ฉินฺทติ, ภูตคามปาจิตฺติเยน สทฺธิํ ทุกฺกฎํฯ ชาตปถวิํ ฉินฺทติ, ปถวิขณนปาจิตฺติเยน สทฺธิํ ทุกฺกฎํ อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโยฯ
177.Mariyādanti vāpiādīnaṃ pāḷivaṭṭabandhaṃ. Chindatoti kudālādīhi paṃsuādīni uddharitvā dvidhā karontassa. Visesatthāvajotakena tu-saddena ‘‘mariyādaṃ chinditvā dubbalaṃ katvā tassa chindanatthāya vīciyo uṭṭhāpetuṃ udakaṃ sayaṃ otaritvā vā gomahiṃse vā aññe manusse vā kīḷante dārake vā otāretvā vā attano dhammatāya otiṇṇe tāsetvā vā udake ṭhitaṃ rukkhaṃ chinditvā vā chedāpetvā vā pātetvā vā pātāpetvā vā jalaṃ khobheti, tato uṭṭhitāhi vīcīhi mariyāde chinnepi teneva chinno hoti. Evameva gomahiṃsādayo mariyādaṃ ārohantenāpi aññehi ārohāpentenāpi tesaṃ khurehi mariyāde chinnepi, udakaniddhamanādiṃ pidahitvā vā pidahāpetvā vā vāpimariyādāya nīcaṭṭhānaṃ bandhitvā vā bandhāpetvā vā atirekajalāpagamanamaggato nīharitabbodakaṃ vāretvā vā bāhirato udakaṃ pavesetvā vā pūreti, oghena mariyāde chinnepi teneva chinnaṃ hotī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.108 atthato samānaṃ) evamādikaṃ aṭṭhakathāgatavisesaṃ saṅgaṇhāti. Adinnādānapubbatoti adinnādānassa pubbapayogattā. Bhūtagāmena saddhimpīti bhūtagāmenapi saddhiṃ. Api-saddena pathavikhaṇanaṃ sampiṇḍeti. Mariyādaṃ chindanto tatthajātaṃ tiṇādiṃ chindati, bhūtagāmapācittiyena saddhiṃ dukkaṭaṃ. Jātapathaviṃ chindati, pathavikhaṇanapācittiyena saddhiṃ dukkaṭaṃ āpajjatīti adhippāyo.
๑๗๘. กาตโพฺพติ เอตฺถ ‘‘ภณฺฑเคฺฆน อาปตฺติยา’’ติ ปาฐเสโสฯ อโนฺตภูตเหตฺวตฺถวเสน กาเรตโพฺพติ คเหตโพฺพฯ อโนฺต ฐตฺวา ฉินฺทโนฺต พหิอเนฺตน, พหิ ฐตฺวา ฉินฺทโนฺต อโนฺตอเนฺตน, อุภยตฺถาปิ ฐตฺวา ฉินฺทโนฺต มชฺฌโต ภณฺฑเคฺฆน อาปตฺติยา กาเรตโพฺพติ โยชนาฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – อโนฺตวาปิยํ ฐตฺวา มริยาทํ ฉินฺทิตฺวา อุทเก พหิ นิกฺขมิเต นิกฺขนฺตอุทกเคฺฆน ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยปาราชิกาสุ ยถาปนฺนาย อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ พหิ ฐตฺวา มริยาทํ ฉินฺทิตฺวา อโนฺตวาปิยํ ปวิสโนฺตทกสฺส ฐิตฎฺฐานโต จาวิตกฺขเณ นิกฺขนฺตอุทกเคฺฆน อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ กทาจิ อโนฺต กทาจิ พหิ ฐตฺวา มริยาทํ มเชฺฌ ฐเปตฺวา ฉินฺทโนฺต มเชฺฌ ฐิตฎฺฐานํ ฉินฺทิตฺวา อุทกสฺส นีหฎกฺขเณ นีหฎอุทกสฺส อเคฺฆน อาปตฺติยา กาเรตโพฺพติฯ
178.Kātabboti ettha ‘‘bhaṇḍagghena āpattiyā’’ti pāṭhaseso. Antobhūtahetvatthavasena kāretabboti gahetabbo. Anto ṭhatvā chindanto bahiantena, bahi ṭhatvā chindanto antoantena, ubhayatthāpi ṭhatvā chindanto majjhato bhaṇḍagghena āpattiyā kāretabboti yojanā. Ayaṃ panettha attho – antovāpiyaṃ ṭhatvā mariyādaṃ chinditvā udake bahi nikkhamite nikkhantaudakagghena dukkaṭathullaccayapārājikāsu yathāpannāya āpattiyā kāretabbo. Bahi ṭhatvā mariyādaṃ chinditvā antovāpiyaṃ pavisantodakassa ṭhitaṭṭhānato cāvitakkhaṇe nikkhantaudakagghena āpattiyā kāretabbo. Kadāci anto kadāci bahi ṭhatvā mariyādaṃ majjhe ṭhapetvā chindanto majjhe ṭhitaṭṭhānaṃ chinditvā udakassa nīhaṭakkhaṇe nīhaṭaudakassa agghena āpattiyā kāretabboti.
อุทกฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๗๙-๘๐. วาเรนาติ วาเรน วาเรน สามเณรา อรญฺญโต ยํ ทนฺตกฎฺฐํ สงฺฆสฺสตฺถาย อาเนตฺวา สเจ อาจริยานมฺปิ อาหรนฺติ, ยาว เต ทนฺตกฎฺฐํ ปมาเณน ฉินฺทิตฺวา สงฺฆสฺส จ อาจริยานญฺจ น นิยฺยาเทนฺติ, ตาว อรญฺญโต อาภตตฺตา ตํ สพฺพํ สงฺฆสฺส จ สกสกอาจริยานญฺจ อาภตํ ทนฺตกฎฺฐํ เตสเมว จ ทนฺตกฎฺฐหารกานํ สามเณรานํ สนฺตกํ โหตีติ อตฺถโยชนาฯ
179-80.Vārenāti vārena vārena sāmaṇerā araññato yaṃ dantakaṭṭhaṃ saṅghassatthāya ānetvā sace ācariyānampi āharanti, yāva te dantakaṭṭhaṃ pamāṇena chinditvā saṅghassa ca ācariyānañca na niyyādenti, tāva araññato ābhatattā taṃ sabbaṃ saṅghassa ca sakasakaācariyānañca ābhataṃ dantakaṭṭhaṃ tesameva ca dantakaṭṭhahārakānaṃ sāmaṇerānaṃ santakaṃ hotīti atthayojanā.
๑๘๑. ตสฺมาติ ยสฺมา เตสเมว สามเณรานํ สนฺตกํ โหติ, ตสฺมาฯ ตํ อรญฺญโต อาภตํ ทนฺตกฎฺฐญฺจ สงฺฆสฺส ครุภณฺฑญฺจ ทนฺตกฎฺฐนฺติ สมฺพโนฺธฯ สงฺฆิกาย ภูมิยํ อุปฺปนฺนํ สเงฺฆน รกฺขิตโคปิตตฺตา ครุภณฺฑภูตํ ทนฺตกฎฺฐญฺจาติ วุตฺตํ โหติฯ คณฺหนฺตสฺส จาติ อธิกจ-กาเรน อิหาวุตฺตสฺส อฎฺฐกถาคตสฺส คณปุคฺคลคิหิปริพทฺธ อารามุยฺยานสญฺชาตฉินฺนาฉินฺนรกฺขิตโคปิตทนฺตกฎฺฐสฺส สมุจฺจิตตฺตา ตญฺจ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหนฺตสฺส อวหฎทนฺตกฎฺฐสฺส อคฺฆวเสน อาปตฺติโย วตฺตพฺพาติ อยมโตฺถ ทีปิโต โหติฯ
181.Tasmāti yasmā tesameva sāmaṇerānaṃ santakaṃ hoti, tasmā. Taṃ araññato ābhataṃ dantakaṭṭhañca saṅghassa garubhaṇḍañca dantakaṭṭhanti sambandho. Saṅghikāya bhūmiyaṃ uppannaṃ saṅghena rakkhitagopitattā garubhaṇḍabhūtaṃ dantakaṭṭhañcāti vuttaṃ hoti. Gaṇhantassa cāti adhikaca-kārena ihāvuttassa aṭṭhakathāgatassa gaṇapuggalagihiparibaddha ārāmuyyānasañjātachinnāchinnarakkhitagopitadantakaṭṭhassa samuccitattā tañca theyyacittena gaṇhantassa avahaṭadantakaṭṭhassa agghavasena āpattiyo vattabbāti ayamattho dīpito hoti.
๑๘๒. เตหิ ทนฺตกฎฺฐหารเกหิ สามเณเรหิฯ นิยฺยาทิตนฺติ มหาสงฺฆสฺส ปฎิปาทิตํฯ
182.Tehi dantakaṭṭhahārakehi sāmaṇerehi. Niyyāditanti mahāsaṅghassa paṭipāditaṃ.
๑๘๓. สงฺฆิกกาลโต ปฎฺฐาย เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโตปิ อวหาราภาเว การณํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อรกฺขตฺตา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อรกฺขตฺตาติ สงฺฆิกภาเวน ลเทฺธปิ รกฺขิตโคปิตทนฺตกเฎฺฐ วิย สเงฺฆน กตารกฺขายาภาวาฯ ยถาวุฑฺฒมภาเชตพฺพโตติ สงฺฆิกตฺตสฺสาปิ สโต ยถาวุฑฺฒํ ปฎิปาฎิมนติกฺกมฺม ภาเชตพฺพผลปุปฺผาทีนํ วิย ภาเชตพฺพตาภาวโตฯ สพฺพสาธารณตฺตา จาติ สงฺฆปริยาปนฺนานํ สเพฺพสเมว สาธารณตฺตาฯ
183. Saṅghikakālato paṭṭhāya theyyacittena gaṇhatopi avahārābhāve kāraṇaṃ dassetumāha ‘‘arakkhattā’’tiādi. Tattha arakkhattāti saṅghikabhāvena laddhepi rakkhitagopitadantakaṭṭhe viya saṅghena katārakkhāyābhāvā. Yathāvuḍḍhamabhājetabbatoti saṅghikattassāpi sato yathāvuḍḍhaṃ paṭipāṭimanatikkamma bhājetabbaphalapupphādīnaṃ viya bhājetabbatābhāvato. Sabbasādhāraṇattā cāti saṅghapariyāpannānaṃ sabbesameva sādhāraṇattā.
อิทนฺติ สงฺฆสฺส นิยฺยาทิตทนฺตกฎฺฐํฯ อญฺญํ วิยาติ อญฺญํ คณปุคฺคลาทิสนฺตกํ รกฺขิตโคปิตทนฺตกฎฺฐํ วิยฯ เอวํ โจริกาย คณฺหโต อวหาราภาเว การเณน สาธิเตปิ เถยฺยจิเตฺตน สกปริกฺขารมฺปิ คณฺหโต ทุกฺกฎสฺส วุตฺตตฺตา ตถา คณฺหโนฺต ทุกฺกฎา น มุจฺจตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วตฺตํ ปน ชานิตพฺพํ – สงฺฆิกทนฺตกฎฺฐํ คณฺหเนฺตน ปธานฆราทีสุ ปวิสิตฺวา จิเรน โอสรเนฺตน พหิ วีตินาเมตพฺพทิวเส คเณตฺวา ตํปมาเณน คเหตพฺพํ, มคฺคํ คจฺฉเนฺตน เอกํ เทฺว ทนฺตกฎฺฐานิ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํ, ตเตฺถว วสเนฺตน ทิวเส ขาทิตพฺพทนฺตกฎฺฐํ คเหตพฺพนฺติฯ
Idanti saṅghassa niyyāditadantakaṭṭhaṃ. Aññaṃ viyāti aññaṃ gaṇapuggalādisantakaṃ rakkhitagopitadantakaṭṭhaṃ viya. Evaṃ corikāya gaṇhato avahārābhāve kāraṇena sādhitepi theyyacittena sakaparikkhārampi gaṇhato dukkaṭassa vuttattā tathā gaṇhanto dukkaṭā na muccatīti daṭṭhabbaṃ. Vattaṃ pana jānitabbaṃ – saṅghikadantakaṭṭhaṃ gaṇhantena padhānagharādīsu pavisitvā cirena osarantena bahi vītināmetabbadivase gaṇetvā taṃpamāṇena gahetabbaṃ, maggaṃ gacchantena ekaṃ dve dantakaṭṭhāni thavikāya pakkhipitvā gantabbaṃ, tattheva vasantena divase khāditabbadantakaṭṭhaṃ gahetabbanti.
ทนฺตกฎฺฐกถาวณฺณนาฯ
Dantakaṭṭhakathāvaṇṇanā.
๑๘๔. ‘‘อคฺคิํ วา เทตี’’ติอาทีสุ ‘‘รุเกฺข’’ติ ปกรณโต ลพฺภติ ‘‘รุโกฺข วินสฺสตี’’ติ วกฺขมานตฺตา, รุโกฺข จ ‘‘วนปฺปติ นาม โย มนุสฺสานํ ปริคฺคหิโต โหติ รุโกฺข ปริโภโค’’ติ (ปารา. ๑๑๐) ปาฬิยํ อาคตตฺตา จ อฎฺฐกถาย (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๐) จ วุตฺตนเยน อมฺพลพุชปนสาทิโก มนุสฺสานํ ปริโภคารโห มนุสฺสายโตฺต รกฺขิตโคปิโตเยว คเหตโพฺพฯ อคฺคิํ วา เทตีติ โจริกาย อคฺคิํ อาลิเมฺปติ วาฯ สเตฺถน รุเกฺข สมนฺตโต อาโกเฎตีติ วาสิผรสุอาทิสเตฺถน รุกฺขตจํ ฉินฺทโนฺต สมนฺตโต อาวาฎํ ทเสฺสติฯ มณฺฑูกกณฺฎกนามกํ วิสํ วา รุเกฺข อาโกเฎตีติ โจริกาย รุกฺขํ นาเสตุกาโม รุเกฺข มณฺฑูกกณฺฎกนามกํ วิสํ ปเวเสติฯ
184.‘‘Aggiṃvā detī’’tiādīsu ‘‘rukkhe’’ti pakaraṇato labbhati ‘‘rukkho vinassatī’’ti vakkhamānattā, rukkho ca ‘‘vanappati nāma yo manussānaṃ pariggahito hoti rukkho paribhogo’’ti (pārā. 110) pāḷiyaṃ āgatattā ca aṭṭhakathāya (pārā. aṭṭha. 1.110) ca vuttanayena ambalabujapanasādiko manussānaṃ paribhogāraho manussāyatto rakkhitagopitoyeva gahetabbo. Aggiṃ vā detīti corikāya aggiṃ ālimpeti vā. Satthena rukkhe samantato ākoṭetīti vāsipharasuādisatthena rukkhatacaṃ chindanto samantato āvāṭaṃ dasseti. Maṇḍūkakaṇṭakanāmakaṃ visaṃ vā rukkhe ākoṭetīti corikāya rukkhaṃ nāsetukāmo rukkhe maṇḍūkakaṇṭakanāmakaṃ visaṃ paveseti.
๑๘๕. เยน วา เตน วาติ ยถาวุเตฺตน วา อวุเตฺตน วา เยน เกนจิ อุปาเยนฯ รุโกฺข วินสฺสตีติ อคฺคิํ ทตฺวา ฌาปิโต ธญฺญกลาโป วิย, เตลกุมฺภี วิย จ วินาว ฐานาจาวเนน ยถาฎฺฐิตเมวนสฺสติฯ ‘‘ฑยฺหตี’’ติ อิทํ ‘‘อคฺคิํ เทตี’’ติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วินสฺสตีติ มณฺฑูกกณฺฎกาโกฎนาทิอวเสสปโยคํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘เถยฺยจิโตฺต ฉินฺทติ, ปหาเร ปหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส, เอกํ ปหารํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส, ตสฺมิํ ปหาเร อาคเต อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑๐) ฐานาจาวเนน ปาราชิกสฺส อาคตตฺตาฯ ปกาสิตนฺติ เอตฺถ ‘‘อฎฺฐกถาย’’นฺติ ลพฺภติฯ ปาฐาคตํ ปาราชิกํ ปน ปาริเสสโต จ สูจียตีติ ตพฺพาจกสฺส วา สงฺคาหกสฺส วา วจนสฺส อิหาวิชฺชมานตฺตา ตตฺถ วินิจฺฉโย ปาสํสิโกปิ อิหาวุโตฺตฯ
185.Yena vā tena vāti yathāvuttena vā avuttena vā yena kenaci upāyena. Rukkho vinassatīti aggiṃ datvā jhāpito dhaññakalāpo viya, telakumbhī viya ca vināva ṭhānācāvanena yathāṭṭhitamevanassati. ‘‘Ḍayhatī’’ti idaṃ ‘‘aggiṃ detī’’ti idaṃ sandhāya vuttaṃ. Vinassatīti maṇḍūkakaṇṭakākoṭanādiavasesapayogaṃ sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ ‘‘theyyacitto chindati, pahāre pahāre āpatti dukkaṭassa, ekaṃ pahāraṃ anāgate āpatti thullaccayassa, tasmiṃ pahāre āgate āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 110) ṭhānācāvanena pārājikassa āgatattā. Pakāsitanti ettha ‘‘aṭṭhakathāya’’nti labbhati. Pāṭhāgataṃ pārājikaṃ pana pārisesato ca sūcīyatīti tabbācakassa vā saṅgāhakassa vā vacanassa ihāvijjamānattā tattha vinicchayo pāsaṃsikopi ihāvutto.
วนปฺปติกถาวณฺณนาฯ
Vanappatikathāvaṇṇanā.
๑๘๖-๗. ‘‘หรณกํ นาม อญฺญสฺส หรณกํ ภณฺฑํฯ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑๑) วุตฺตหรณกนิเทฺทเส ‘‘ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๑๑) ปาเฐ ‘‘ฐาน’’นฺติ คหิตสีสาทิฎฺฐานปฺปเภทวเสน อฎฺฐกถาย (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๐) อาคตวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ฉินฺทิตฺวา โมเจตฺวา คณฺหโต’’ติฯ กิริยานํ สกมฺมกตฺตา ‘‘อลงฺการ’’นฺติ ปาฐเสโสฯ ฉินฺทิตฺวาติ คีเวยฺยกาทิํฯ โมเจตฺวาติ กณฺณปิฬนฺธนาทิํฯ
186-7. ‘‘Haraṇakaṃ nāma aññassa haraṇakaṃ bhaṇḍaṃ. Theyyacitto āmasati, āpatti dukkaṭassa. Phandāpeti, āpatti thullaccayassa. Ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 111) vuttaharaṇakaniddese ‘‘ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassā’’ti (pārā. 111) pāṭhe ‘‘ṭhāna’’nti gahitasīsādiṭṭhānappabhedavasena aṭṭhakathāya (pārā. aṭṭha. 1.110) āgatavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘chinditvā mocetvā gaṇhato’’ti. Kiriyānaṃ sakammakattā ‘‘alaṅkāra’’nti pāṭhaseso. Chinditvāti gīveyyakādiṃ. Mocetvāti kaṇṇapiḷandhanādiṃ.
สีสาทีหิ โมจิตมตฺตสฺมินฺติ เอตฺถาปิ วิเสสิตพฺพทสฺสนตฺถํ ‘‘อลงฺการสฺมิ’’นฺติ ตเมว ภุเมฺมกวจนนฺตวเสน คเหตพฺพํฯ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนนฺติ เอตฺถ อภิมุขํ กฑฺฒนํ อากฑฺฒนนฺติ กตฺวา อตฺตโน สมีปมาวิญฺฉนํ อากฑฺฒนํ, วิปรีตํ กฑฺฒนํ วิกฑฺฒนนฺติ กตฺวา ตพฺพิปรีตํ วิกฑฺฒนํฯ
Sīsādīhimocitamattasminti etthāpi visesitabbadassanatthaṃ ‘‘alaṅkārasmi’’nti tameva bhummekavacanantavasena gahetabbaṃ. Ākaḍḍhanavikaḍḍhananti ettha abhimukhaṃ kaḍḍhanaṃ ākaḍḍhananti katvā attano samīpamāviñchanaṃ ākaḍḍhanaṃ, viparītaṃ kaḍḍhanaṃ vikaḍḍhananti katvā tabbiparītaṃ vikaḍḍhanaṃ.
๑๘๘-๙. วลยนฺติ อวงฺกํ มฎฺฐหตฺถูปคํฯ กฎกมฺปิ วาติ อเนกวเงฺก โยเชตฺวา พุพฺพุฬาทีนิ ทเสฺสตฺวา วา อทเสฺสตฺวา วา กตํ หตฺถูปคํฯ อคฺคพาหุนฺติ กปฺปรโต ปฎฺฐาย อคฺคหตฺถํฯ อปราปรํ จาเรตีติ อิโต จิโต จ สญฺจาเรติฯ ‘‘สาเรตี’’ติ วา ปาโฐ, โสเยว อโตฺถฯ ตํ วลยํ วา กฎกํ วาฯ อากาสคตํ กโรตีติ สพฺพทิสาหิ ยถา หตฺถํ น ผุสติ, ตถา อากาสคตํ กโรติฯ นิธิวลยสฺส ปเวสิตรุกฺขมูเล สพฺพทิสาหิ อผุสนฺตํ อากาสคตกรเณ ปาราชิกํ โหติ, อิธ ‘‘รกฺขตี’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สวิญฺญาณกโต’’ติอาทิฯ อิทนฺติ วลยํ กฎกญฺจฯ
188-9.Valayanti avaṅkaṃ maṭṭhahatthūpagaṃ. Kaṭakampi vāti anekavaṅke yojetvā bubbuḷādīni dassetvā vā adassetvā vā kataṃ hatthūpagaṃ. Aggabāhunti kapparato paṭṭhāya aggahatthaṃ. Aparāparaṃ cāretīti ito cito ca sañcāreti. ‘‘Sāretī’’ti vā pāṭho, soyeva attho. Taṃ valayaṃ vā kaṭakaṃ vā. Ākāsagataṃ karotīti sabbadisāhi yathā hatthaṃ na phusati, tathā ākāsagataṃ karoti. Nidhivalayassa pavesitarukkhamūle sabbadisāhi aphusantaṃ ākāsagatakaraṇe pārājikaṃ hoti, idha ‘‘rakkhatī’’ti kasmā vuttanti āha ‘‘saviññāṇakato’’tiādi. Idanti valayaṃ kaṭakañca.
๑๙๐. ‘‘นิวตฺถํ วตฺถ’’นฺติ อิมินา จีวรมฺปิ คยฺหติฯ ปรสฺส วตฺถสามิกสฺสฯ ปโรปีติ วตฺถสามิโกปิฯ ตนฺติ โจเรน อจฺฉิชฺชมานํ อตฺตนา นิวตฺถวตฺถํฯ ลชฺชาย สหสา น มุญฺจตีติ ลชฺชาย สีฆตรํ น ปริจฺจชติฯ
190.‘‘Nivatthaṃ vattha’’nti iminā cīvarampi gayhati. Parassa vatthasāmikassa. Paropīti vatthasāmikopi. Tanti corena acchijjamānaṃ attanā nivatthavatthaṃ. Lajjāya sahasā na muñcatīti lajjāya sīghataraṃ na pariccajati.
๑๙๑. โจโรปิ อากฑฺฒติ, โส ปโรปิ อากฑฺฒตีติ โยชนาฯ โส ปโร โจรโต อโญฺญ, วตฺถสามิโกติ อโตฺถฯ ปรสฺสาติ วตฺถสามิกสฺสฯ
191. Coropi ākaḍḍhati, so paropi ākaḍḍhatīti yojanā. So paro corato añño, vatthasāmikoti attho. Parassāti vatthasāmikassa.
๑๙๒. ‘‘ฐานา จาเวยฺยา’’ติ ปาเฐ ฐาน-สเทฺทน สงฺคหิตสีสาทิฎฺฐานโต หรียเตติ หรณกนฺติ วุตฺตาลงฺการาทิภณฺฑสฺส จาวเนน ปาราชิกํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตเทว หรณกํ หารเกน สห หรนฺตสฺส หารกสฺส ฐิตฎฺฐานโต อปนยเนน ฐานาจาวนญฺจ ‘‘ฐานา จาเวยฺยา’’ติ อิมินาว สงฺคยฺหตีติ ตตฺถาปิ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สภณฺฑหารก’’นฺติอาทิฯ ภณฺฑํ หรติ เนตีติ ภณฺฑหารโก, ปุริสาทิโก, เตน สหาติ สภณฺฑหารกํ, อลงฺการวตฺถาทีนิ อาทาย คจฺฉเนฺตหิ อิตฺถิปุริสาทิปาเณหิ สเหวฯ ภณฺฑนฺติ เตหิ หริยมานตฺตา หรณกสงฺขาตวตฺถาภรณาทิภณฺฑํ ฯ เนนฺตสฺสาติ ‘‘เนโนฺต อสฺสา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ เนโนฺตติ ฐิตฎฺฐานโต จาเวตฺวา อตฺตนา อิจฺฉิตทิสาภิมุขํ ปาเปโนฺตฯ อสฺส ปฐเม ปาเท อติกฺกเนฺต ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชิตฺวาติ ปาฐเสสโยชนาฯ อสฺสาติ อิมสฺส ภณฺฑหารกสฺสฯ ปฐมปาเท อติกฺกเนฺต อตฺตนา ปฐมํ คนฺตพฺพทิสโต โจรสฺสาภิมตทิสํ คเต ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชิตฺวา ทุติเย อติกฺกเนฺต จุโต สิยาติ โยชนาฯ
192. ‘‘Ṭhānā cāveyyā’’ti pāṭhe ṭhāna-saddena saṅgahitasīsādiṭṭhānato harīyateti haraṇakanti vuttālaṅkārādibhaṇḍassa cāvanena pārājikaṃ dassetvā idāni tadeva haraṇakaṃ hārakena saha harantassa hārakassa ṭhitaṭṭhānato apanayanena ṭhānācāvanañca ‘‘ṭhānā cāveyyā’’ti imināva saṅgayhatīti tatthāpi vinicchayaṃ dassetumāha ‘‘sabhaṇḍahāraka’’ntiādi. Bhaṇḍaṃ harati netīti bhaṇḍahārako, purisādiko, tena sahāti sabhaṇḍahārakaṃ, alaṅkāravatthādīni ādāya gacchantehi itthipurisādipāṇehi saheva. Bhaṇḍanti tehi hariyamānattā haraṇakasaṅkhātavatthābharaṇādibhaṇḍaṃ . Nentassāti ‘‘nento assā’’ti padacchedo. Nentoti ṭhitaṭṭhānato cāvetvā attanā icchitadisābhimukhaṃ pāpento. Assa paṭhame pāde atikkante thullaccayaṃ āpajjitvāti pāṭhasesayojanā. Assāti imassa bhaṇḍahārakassa. Paṭhamapāde atikkante attanā paṭhamaṃ gantabbadisato corassābhimatadisaṃ gate thullaccayaṃ āpajjitvā dutiye atikkante cuto siyāti yojanā.
๑๙๓. เถยฺยเจตโน สเจ ตเชฺชตฺวา ปรสฺส หตฺถโต ภณฺฑํ ปาตาเปติ, ปรสฺส หตฺถโต ภเณฺฑ มุตฺตมเตฺต ตเชฺชตฺวา ปาตาปกสฺส ปราชโยติ โยชนาฯ ภเณฺฑ มุตฺตมเตฺตติ ภเณฺฑ หตฺถโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ มุตฺตกฺขเณฯ
193. Theyyacetano sace tajjetvā parassa hatthato bhaṇḍaṃ pātāpeti, parassa hatthato bhaṇḍe muttamatte tajjetvā pātāpakassa parājayoti yojanā. Bhaṇḍe muttamatteti bhaṇḍe hatthato kesaggamattampi muttakkhaṇe.
๑๙๔. อถาปีติ อถ วาฯ ปริกเปฺปตฺวา ปาตาเปติ วาติ เอตฺถ ‘‘ยํ มยฺหํ รุจฺจติ, ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วา ‘‘เอวรูปํ เจ โหติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ วิเสเสตฺวา วา ปริกเปฺปตฺวา ตเชฺชตฺวา ปาเตติ, ทุกฺกฎํฯ เอวํ ปาติตํ ภณฺฑํ ตสฺส โจรสฺส อามสเน ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ
194.Athāpīti atha vā. Parikappetvā pātāpeti vāti ettha ‘‘yaṃ mayhaṃ ruccati, taṃ gaṇhissāmī’’ti vā ‘‘evarūpaṃ ce hoti, gaṇhissāmī’’ti visesetvā vā parikappetvā tajjetvā pāteti, dukkaṭaṃ. Evaṃ pātitaṃ bhaṇḍaṃ tassa corassa āmasane dukkaṭaṃ vuttanti yojanā.
๑๙๕. ยถาวตฺถุนฺติ ภณฺฑสฺส อคฺฆานุรูปํ, ถุลฺลจฺจยํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ฉฑฺฑิเตปีติ ตสฺส โจรภาวํ ชานิตฺวา ภีตตสิเตน อตฺตนา นียมาเน ภเณฺฑ ฉฑฺฑิเตปิ สติฯ เตเนว ฐานาจาวนํ การาปิตนฺติ ปาราชิกนฺติ น คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘น โทโส’’ติฯ ‘‘ติฎฺฐ ติฎฺฐา’’ติ วุเตฺต ปน อุตฺตสิตฺวา ฉฑฺฑนํ ตสฺส อาณตฺติยา วินา โหตีติ ตตฺถ ตสฺส อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ตถา วทโต ปน อทินฺนาทานปุพฺพปโยคตฺตา ทุกฺกฎเมวฯ
195.Yathāvatthunti bhaṇḍassa agghānurūpaṃ, thullaccayaṃ hotīti adhippāyo. Chaḍḍitepīti tassa corabhāvaṃ jānitvā bhītatasitena attanā nīyamāne bhaṇḍe chaḍḍitepi sati. Teneva ṭhānācāvanaṃ kārāpitanti pārājikanti na gahetabbanti āha ‘‘na doso’’ti. ‘‘Tiṭṭha tiṭṭhā’’ti vutte pana uttasitvā chaḍḍanaṃ tassa āṇattiyā vinā hotīti tattha tassa anāpattīti adhippāyo. Tathā vadato pana adinnādānapubbapayogattā dukkaṭameva.
๑๙๖. ตนฺติ ตํ ฉฑฺฑิตํ ภณฺฑํฯ ตทุทฺธาเรติ ตสฺส ฉฑฺฑิตสฺส ภณฺฑสฺส อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ ปาราชิกํ กทา สิยาติ อาห ‘‘สามิเก สาลเย คเต’’ติฯ นิราลยํ ฉฑฺฑิตํ ปน คณฺหโต อสติ เถยฺยจิเตฺต น โทโสติ พฺยติเรกโต ทเสฺสติฯ
196.Tanti taṃ chaḍḍitaṃ bhaṇḍaṃ. Taduddhāreti tassa chaḍḍitassa bhaṇḍassa uddhāre pārājikaṃ. Pārājikaṃ kadā siyāti āha ‘‘sāmike sālaye gate’’ti. Nirālayaṃ chaḍḍitaṃ pana gaṇhato asati theyyacitte na dosoti byatirekato dasseti.
๑๙๗. สามิกสฺส สาลยกาเล คณฺหนฺตสฺสาปิ ปาราชิกาภาวปฺปการํ ทเสฺสตุมาห ‘‘คณฺหโต’’ติฯ ปุพฺพคาถาย ‘‘ต’’นฺติ อิธานุวตฺตเตฯ สกสญฺญายคณฺหโตติ ‘‘ติฎฺฐ ติฎฺฐา’’ติ วจนโต อุตฺตสิตฺวา สาลยํ ฉฑฺฑิตํ ตํ วตฺถุํ สกสญฺญาย คณฺหนฺตสฺสฯ คหเณติ สกสญฺญาย คหณเหตุ, สกสญฺญาย คหิตภณฺฑํ อตฺตโน คหณการณา ภิกฺขุํ อวหาราปตฺติโต รกฺขตีติ อธิปฺปาโย ฯ เตนาห ‘‘คหเณ ปน รกฺขตี’’ติฯ ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติ โยชนาฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา คหเณ รกฺขตีติ อติทิสติฯ
197. Sāmikassa sālayakāle gaṇhantassāpi pārājikābhāvappakāraṃ dassetumāha ‘‘gaṇhato’’ti. Pubbagāthāya ‘‘ta’’nti idhānuvattate. Sakasaññāyagaṇhatoti ‘‘tiṭṭha tiṭṭhā’’ti vacanato uttasitvā sālayaṃ chaḍḍitaṃ taṃ vatthuṃ sakasaññāya gaṇhantassa. Gahaṇeti sakasaññāya gahaṇahetu, sakasaññāya gahitabhaṇḍaṃ attano gahaṇakāraṇā bhikkhuṃ avahārāpattito rakkhatīti adhippāyo . Tenāha ‘‘gahaṇe pana rakkhatī’’ti. Bhaṇḍadeyyaṃ pana hotīti yojanā. ‘‘Tathā’’ti iminā gahaṇe rakkhatīti atidisati.
๑๙๘-๙. ธุรนิเกฺขปํ กตฺวาติ ‘‘มยฺหํ กิเมเตน ภเณฺฑน, ชีวิตรกฺขนเมว วรตร’’นฺติ นิราลโย หุตฺวาฯ เตนาห ‘‘ภีโต โจรา ปลายตี’’ติฯ โจราติ เอตฺถ จ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกํฯ คณฺหโตติ เอตฺถ ‘‘ต’’นฺติ ปาฐเสโส, ตถา ฉฑฺฑิตํ ตํ ภณฺฑนฺติ อโตฺถฯ อุทฺธาเร ทุกฺกฎนฺติ วตฺถุมฺหิ อนวเชฺชปิ เถยฺยจิตฺตวเสน ทุกฺกฎํ โหติ, อสติ เถยฺยจิเตฺต ทุกฺกฎมฺปิ น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อาหราเปเนฺตติ เอตฺถ ภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ, ตสฺมิํ ภณฺฑสามินิ อาหราเปเนฺต สตีติ อโตฺถฯ
198-9.Dhuranikkhepaṃ katvāti ‘‘mayhaṃ kimetena bhaṇḍena, jīvitarakkhanameva varatara’’nti nirālayo hutvā. Tenāha ‘‘bhīto corā palāyatī’’ti. Corāti ettha ca hetumhi nissakkaṃ. Gaṇhatoti ettha ‘‘ta’’nti pāṭhaseso, tathā chaḍḍitaṃ taṃ bhaṇḍanti attho. Uddhāre dukkaṭanti vatthumhi anavajjepi theyyacittavasena dukkaṭaṃ hoti, asati theyyacitte dukkaṭampi na hotīti vuttaṃ hoti. Āharāpenteti ettha bhāvalakkhaṇe bhummaṃ, tasmiṃ bhaṇḍasāmini āharāpente satīti attho.
๒๐๐. นิราลเยน ฉฑฺฑิตวตฺถุโน คหเณ ภณฺฑเทยฺยญฺจ อเทนฺตสฺส ปราชโย จ กสฺมาติ อาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิฯ อญฺญาสูติ มหาปจฺจริยาทีสุ อิตราสุ อฎฺฐกถาสุฯ
200. Nirālayena chaḍḍitavatthuno gahaṇe bhaṇḍadeyyañca adentassa parājayo ca kasmāti āha ‘‘tassā’’tiādi. Aññāsūti mahāpaccariyādīsu itarāsu aṭṭhakathāsu.
หรณกกถาวณฺณนาฯ
Haraṇakakathāvaṇṇanā.
๒๐๑. อุปนิธิกถาย ‘‘น คณฺหามี’’ติ สมฺปชานมุสาวาทํ ภาสโตติ โยชนาฯ เยน เกนจิ รหสิ ‘‘อิทํ มยฺหํ ภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา เทหี’’ติ นิยฺยาทิตํ ภณฺฑํ ปจฺฉา สามิเกน ‘‘เทหิ เม ตํ ภณฺฑ’’นฺติ วุเตฺต อจฺจนฺตมุปคนฺตุํ ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ สมฺปชานมุสาวาทํ ภาสโตติ อโตฺถฯ คณฺหามีติ อคฺคเหสิํฯ อจฺจนฺตา เหโส อตีเต วตฺตมานปฺปโยโคยํฯ ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒) อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วิสเย กสฺมา ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อทินฺนาทานปุพฺพกตฺตา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อทินฺนาทานปุพฺพกตฺตาติ อทินฺนาทานสฺส สหปโยควเสน ปุพฺพงฺคมตฺตา, น ปุพฺพปโยคตฺตาฯ น หิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎมตฺถีติฯ เตเนวาห อฎฺฐกถายํ ‘‘อทินฺนาทานสฺส ปโยคตฺตา’’ติฯ
201. Upanidhikathāya ‘‘na gaṇhāmī’’ti sampajānamusāvādaṃ bhāsatoti yojanā. Yena kenaci rahasi ‘‘idaṃ mayhaṃ bhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dehī’’ti niyyāditaṃ bhaṇḍaṃ pacchā sāmikena ‘‘dehi me taṃ bhaṇḍa’’nti vutte accantamupagantuṃ ‘‘nāhaṃ gaṇhāmī’’ti sampajānamusāvādaṃ bhāsatoti attho. Gaṇhāmīti aggahesiṃ. Accantā heso atīte vattamānappayogoyaṃ. ‘‘Sampajānamusāvāde pācittiya’’nti (pāci. 2) imassa sikkhāpadassa visaye kasmā dukkaṭaṃ vuttanti āha ‘‘adinnādānapubbakattā’’tiādi. Tattha adinnādānapubbakattāti adinnādānassa sahapayogavasena pubbaṅgamattā, na pubbapayogattā. Na hi adinnādānassa pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne dukkaṭamatthīti. Tenevāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘adinnādānassa payogattā’’ti.
๒๐๒. เอตสฺสาติ เอตสฺส สมีเปฯ กิํ นุ ทสฺสตีติ ทสฺสติ กิํ นุฯ วิมตุปฺปาเทติ เหตุมฺหิ ภุมฺมํฯ ตสฺสาติ ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก อุปนิกฺขิตฺตํ, ตสฺสฯ
202.Etassāti etassa samīpe. Kiṃ nu dassatīti dassati kiṃ nu. Vimatuppādeti hetumhi bhummaṃ. Tassāti yassa bhikkhuno santike upanikkhittaṃ, tassa.
๒๐๓. ตสฺมินฺติ ยสฺมิํ อุปนิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ ภิกฺขุมฺหิฯ ทาเน นิรุสฺสาเหติ อตฺตนิ นิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑสฺส สามิกสฺส ทานวิสเย อุสฺสาหรหิเต สติ, ‘‘น ทานิ ตํ ทสฺสามี’’ติ ธุรนิเกฺขเป กเตติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวาห ‘‘อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเป’’ติฯ ปโรติ ภณฺฑสามิโกฯ ธุรนฺติ ‘‘เยน เกนจิ อากาเรน คณฺหิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหํฯ นิกฺขิเปติ นิกฺขิเปยฺยฯ
203.Tasminti yasmiṃ upanikkhittaṃ, tasmiṃ bhikkhumhi. Dāne nirussāheti attani nikkhittassa bhaṇḍassa sāmikassa dānavisaye ussāharahite sati, ‘‘na dāni taṃ dassāmī’’ti dhuranikkhepe kateti adhippāyo. Tenevāha ‘‘ubhinnaṃ dhuranikkhepe’’ti. Paroti bhaṇḍasāmiko. Dhuranti ‘‘yena kenaci ākārena gaṇhissāmī’’ti ussāhaṃ. Nikkhipeti nikkhipeyya.
๒๐๔. จิเตฺตนาทาตุกาโมวาติ เอตฺถ ‘‘โย ตสฺสา’’ติ ปาฐเสโสฯ เจติ อปิ-สทฺทเตฺถฯ โย โจโร จิเตฺตน อทาตุกาโมว, ตสฺส โจรสฺส ‘‘ทสฺสามี’’ติ มุเขน วทโตปีติ โยชนาฯ อถ วา อทาตุกาโมติ เอตฺถ ‘‘หุตฺวา’’ติ ปาฐเสโสฯ เจติ วุตฺตโตฺถฯ เอวาติ ‘‘ปราชโย’’ติ อิมินา ยุชฺชติฯ จิเตฺตน อทาตุกาโม หุตฺวา มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทโตปิ สามิโน ธุรนิเกฺขเป สติ ปราชโย โหเตวาติ โยชนาฯ
204.Cittenādātukāmovāti ettha ‘‘yo tassā’’ti pāṭhaseso. Ceti api-saddatthe. Yo coro cittena adātukāmova, tassa corassa ‘‘dassāmī’’ti mukhena vadatopīti yojanā. Atha vā adātukāmoti ettha ‘‘hutvā’’ti pāṭhaseso. Ceti vuttattho. Evāti ‘‘parājayo’’ti iminā yujjati. Cittena adātukāmo hutvā mukhena ‘‘dassāmī’’ti vadatopi sāmino dhuranikkhepe sati parājayo hotevāti yojanā.
อุปนิธิกถาวณฺณนาฯ
Upanidhikathāvaṇṇanā.
๒๐๕. สุงฺกฆาตสฺสาติ ‘‘สุงฺกฆาตํ นาม รญฺญา ฐปิตํ โหติ ปพฺพตขเณฺฑ วา นทีติเตฺถ วา คามทฺวาเร วา’’ติ (ปารา. ๑๑๓) ปาฬิยํ อาคตสฺส ‘‘สุงฺกํ ตโต หนนฺติ…เป.… วินาเสนฺตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๓) อฎฺฐกถายํ นิรุตฺตสฺส ‘‘อิโต ปฎฺฐาย นียมาเน ภเณฺฑ เอตฺตกโต เอตฺตกํ ราชภาคํ คเหตพฺพ’’นฺติ ราชาทีหิ ตํตํปเทสสามิเกหิ นิยมิตสฺส ปพฺพตขณฺฑาทิฎฺฐานสฺสฯ พหีติ สุงฺกคหณตฺถาย ปริกปฺปิตสีมโต พหิฯ ปาเตตีติ เอตฺถ ‘‘เถยฺยจิโตฺต’’ติ ปกรณโต ลพฺภติฯ ‘‘ราชารหํ ภณฺฑ’’นฺติ ปาฐเสโสฯ ยโต กุโตจิ ภณฺฑโต ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนโก ภาโค ราชาทิเทสสามิกสฺส ทาตโพฺพ โหติ, ตาทิสํ ภณฺฑํ เถยฺยจิโตฺต ยถา พหิ ปตติ, เอวํ ขิปตีติ อโตฺถฯ ธุวํ ปตตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ต’’นฺติ ปาฐเสโส, ‘‘ภณฺฑ’’นฺติ ปกรณโต ลพฺภติฯ ยถา ขิตฺตํ ตํ ภณฺฑํ เอกเนฺตน พหิ ปตตีติฯ หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ตสฺมิํ ภเณฺฑฯ
205.Suṅkaghātassāti ‘‘suṅkaghātaṃ nāma raññā ṭhapitaṃ hoti pabbatakhaṇḍe vā nadītitthe vā gāmadvāre vā’’ti (pārā. 113) pāḷiyaṃ āgatassa ‘‘suṅkaṃ tato hananti…pe… vināsentī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.113) aṭṭhakathāyaṃ niruttassa ‘‘ito paṭṭhāya nīyamāne bhaṇḍe ettakato ettakaṃ rājabhāgaṃ gahetabba’’nti rājādīhi taṃtaṃpadesasāmikehi niyamitassa pabbatakhaṇḍādiṭṭhānassa. Bahīti suṅkagahaṇatthāya parikappitasīmato bahi. Pātetīti ettha ‘‘theyyacitto’’ti pakaraṇato labbhati. ‘‘Rājārahaṃ bhaṇḍa’’nti pāṭhaseso. Yato kutoci bhaṇḍato pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanako bhāgo rājādidesasāmikassa dātabbo hoti, tādisaṃ bhaṇḍaṃ theyyacitto yathā bahi patati, evaṃ khipatīti attho. Dhuvaṃ patatīti etthāpi ‘‘ta’’nti pāṭhaseso, ‘‘bhaṇḍa’’nti pakaraṇato labbhati. Yathā khittaṃ taṃ bhaṇḍaṃ ekantena bahi patatīti. Hatthato muttamatte tasmiṃ bhaṇḍe.
๒๐๖. ‘‘ธุวํ ปตตี’’ติ เอตฺถ พฺยติเรกํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตํ รุเกฺข’’ติอาทิฯ ตนฺติ เถยฺยาย พหิ ปาเตตุํ ขิตฺตํ ภณฺฑํ ปฎิหตํ หุตฺวาติ โยชนาฯ วาตกฺขิตฺตมฺปิ วาติ ปาโฐ คเหตโพฺพฯ ‘‘วาตกฺขิโตฺต’’ติ ลิงฺควิปลฺลาโส วา ทฎฺฐโพฺพฯ
206. ‘‘Dhuvaṃ patatī’’ti ettha byatirekaṃ dassetumāha ‘‘taṃ rukkhe’’tiādi. Tanti theyyāya bahi pātetuṃ khittaṃ bhaṇḍaṃ paṭihataṃ hutvāti yojanā. Vātakkhittampi vāti pāṭho gahetabbo. ‘‘Vātakkhitto’’ti liṅgavipallāso vā daṭṭhabbo.
๒๐๗. ปจฺฉาติ ปติตฎฺฐาเน โถกํ จิรายิตฺวา, อิมินา โถกมฺปิ จิรายิตมเตฺต ปโยคสาธิยํ การิยํ สิทฺธเมวาติ ปาราชิกสฺส การณํ สมฺปนฺนเมวาติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ปาราชิกํ สิยา’’ติฯ
207.Pacchāti patitaṭṭhāne thokaṃ cirāyitvā, iminā thokampi cirāyitamatte payogasādhiyaṃ kāriyaṃ siddhamevāti pārājikassa kāraṇaṃ sampannamevāti dasseti. Tenāha ‘‘pārājikaṃ siyā’’ti.
๒๐๘. ‘‘ฐตฺวา’’ติอาทินา ปติตฎฺฐาเน อจิรายิตฺวา คเตปิ ตสฺมิํ พหิ ปติตฎฺฐานโต อิตรตฺราปิ จิรายิเตน พหิ ปาตนปฺปโยเคน สาธิยํ การิยํ สิทฺธเมวาติ ปาราชิกการณสฺส สิทฺธตํ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘ปราชโย’’ติฯ ‘‘อติฎฺฐมาน’’นฺติอาทินา ยตฺถ กตฺถจิ อจิรายเนน ปโยคสฺส นิรตฺถกตํ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘รกฺขตี’’ติฯ
208.‘‘Ṭhatvā’’tiādinā patitaṭṭhāne acirāyitvā gatepi tasmiṃ bahi patitaṭṭhānato itaratrāpi cirāyitena bahi pātanappayogena sādhiyaṃ kāriyaṃ siddhamevāti pārājikakāraṇassa siddhataṃ dasseti. Tenevāha ‘‘parājayo’’ti. ‘‘Atiṭṭhamāna’’ntiādinā yattha katthaci acirāyanena payogassa niratthakataṃ dasseti. Tenevāha ‘‘rakkhatī’’ti.
๒๐๙. ตนฺติ อฎฺฐกถาวจนํฯ
209.Tanti aṭṭhakathāvacanaṃ.
๒๑๐. สยํ วา วเฎฺฎตีติ อโนฺต ฐิโต สยํ วา หเตฺถน วา ปาเทน วา ยฎฺฐิยา วา พหิสีมาย นินฺนฎฺฐานํ ปริวเฎฺฎติฯ อฎฺฐตฺวาติ ปวฎฺฎิตมเตฺต อโนฺต กตฺถจิปิ อฎฺฐตฺวาฯ วฎฺฎมานนฺติ ปวฎฺฎนฺตํฯ คตนฺติ พหิสีมํ เกสคฺคมตฺตฎฺฐานมฺปิ อโนฺตสีมมติกฺกมมตฺตํฯ
210.Sayaṃ vā vaṭṭetīti anto ṭhito sayaṃ vā hatthena vā pādena vā yaṭṭhiyā vā bahisīmāya ninnaṭṭhānaṃ parivaṭṭeti. Aṭṭhatvāti pavaṭṭitamatte anto katthacipi aṭṭhatvā. Vaṭṭamānanti pavaṭṭantaṃ. Gatanti bahisīmaṃ kesaggamattaṭṭhānampi antosīmamatikkamamattaṃ.
๒๑๑. ตํ ภณฺฑํ สเจ อโนฺต ฐตฺวา ฐตฺวา พหิ คจฺฉตีติ โยชนาฯ ยทิ อโนฺตสีมาย ฐตฺวา ฐตฺวา พหิสีมํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ รกฺขตีติ อโนฺตสีมาย ปฐมคตินิวตฺตเนเนว เอตสฺส ภิกฺขุโน ปโยคเวคสฺส นิวตฺตตฺตา, ตโต อุปริ นิวตฺตนารหการณสฺส อลทฺธภาเวน อตฺตนา จ คตตฺตา ตถา พหิสีมปฺปตฺตํ ตํ ภณฺฑํ ตํมูลกปโยชกํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา รกฺขตีติ อธิปฺปาโยฯ สุทฺธจิเตฺตน ฐปิเตติ ‘‘เอวํ ฐปิเต วฎฺฎิตฺวา คมิสฺสตี’’ติ เถยฺยจิเตฺตน วินา ‘‘เกวลํ ฐเปสฺสามี’’ติ จิเตฺตน พหิสีมาภิมุขํ นินฺนฎฺฐานํ โอตาเรตฺวา ฐปิเตฯ สยํ วฎฺฎตีติ ภณฺฑํ สยเมว นินฺนฎฺฐานํ นินฺนํ หุตฺวา พหิสีมํ เจ ปวฎฺฎนฺตํ คจฺฉติฯ วฎฺฎตีติ อาปตฺติยา อกรณโต วฎฺฎติฯ
211. Taṃ bhaṇḍaṃ sace anto ṭhatvā ṭhatvā bahi gacchatīti yojanā. Yadi antosīmāya ṭhatvā ṭhatvā bahisīmaṃ gacchatīti attho. Rakkhatīti antosīmāya paṭhamagatinivattaneneva etassa bhikkhuno payogavegassa nivattattā, tato upari nivattanārahakāraṇassa aladdhabhāvena attanā ca gatattā tathā bahisīmappattaṃ taṃ bhaṇḍaṃ taṃmūlakapayojakaṃ bhikkhuṃ āpattiyā rakkhatīti adhippāyo. Suddhacittena ṭhapiteti ‘‘evaṃ ṭhapite vaṭṭitvā gamissatī’’ti theyyacittena vinā ‘‘kevalaṃ ṭhapessāmī’’ti cittena bahisīmābhimukhaṃ ninnaṭṭhānaṃ otāretvā ṭhapite. Sayaṃ vaṭṭatīti bhaṇḍaṃ sayameva ninnaṭṭhānaṃ ninnaṃ hutvā bahisīmaṃ ce pavaṭṭantaṃ gacchati. Vaṭṭatīti āpattiyā akaraṇato vaṭṭati.
๒๑๒. คจฺฉเนฺตติ โจรสฺส ปโยคํ วินา อตฺตนาว คจฺฉเนฺตฯ ตนฺติ ราชเทยฺยปญฺจมาสกอติเรกปญฺจมาสกมตฺตํ สุงฺกวนฺตํ ภณฺฑํฯ นีหเฎปิ นาวหาโรติ โยชนาฯ เกวลํ เถยฺยจิตฺตสฺส อาปตฺติยา อนงฺคภาวโต, ยานาทิปโยชกกายวจีปโยคสฺส อภาวโต, ภณฺฑฎฺฐปิตยานาทิโน อตฺตนาว พหิสีมปฺปตฺตตฺตา, เตเนว ภณฺฑสฺสาปิ คตตฺตา จ ภิกฺขุโน อวหาโร นตฺถีติ อโตฺถฯ
212.Gacchanteti corassa payogaṃ vinā attanāva gacchante. Tanti rājadeyyapañcamāsakaatirekapañcamāsakamattaṃ suṅkavantaṃ bhaṇḍaṃ. Nīhaṭepi nāvahāroti yojanā. Kevalaṃ theyyacittassa āpattiyā anaṅgabhāvato, yānādipayojakakāyavacīpayogassa abhāvato, bhaṇḍaṭṭhapitayānādino attanāva bahisīmappattattā, teneva bhaṇḍassāpi gatattā ca bhikkhuno avahāro natthīti attho.
๒๑๓. ปโยเคน วินาติ โจรสฺส สกปโยคมนฺตเรนฯ อวหาโร น วิชฺชตีติ เอตฺถ ยุตฺติ วุตฺตนยาวฯ
213.Payogena vināti corassa sakapayogamantarena. Avahāro na vijjatīti ettha yutti vuttanayāva.
๒๑๔. มณินฺติ ปาทารหํ สุงฺกทาตพฺพมณิรตนํ, เอเตเนว อุปลกฺขณปทตฺตา ยํกิญฺจิ ภณฺฑํ สงฺคหิตเมวฯ ปาราชิกํ สิยาติ ยานสฺส อตฺตนา ปาชิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ สีมาติกฺกมเนติ สุงฺกคฺคหณสฺส นิยมิตฎฺฐานาติกฺกมเนฯ
214.Maṇinti pādārahaṃ suṅkadātabbamaṇiratanaṃ, eteneva upalakkhaṇapadattā yaṃkiñci bhaṇḍaṃ saṅgahitameva. Pārājikaṃ siyāti yānassa attanā pājitattāti adhippāyo. Sīmātikkamaneti suṅkaggahaṇassa niyamitaṭṭhānātikkamane.
๒๑๕. มตนฺติ ‘‘เอตฺตกภณฺฑโต เอตฺตกํ คเหตพฺพ’’นฺติ ราชูหิ อนุมตํฯ เสโส กถามโคฺคติ ‘‘สุงฺกฎฺฐานํ ปตฺวา สุงฺกิเกสุ นิทฺทายมาเนสุ, กีฬเนฺตสุ, พหิคเตสุ วา ปริเยสิตฺวา อทิสฺวา คจฺฉโต น โทโส, ภณฺฑเทยฺยํ โหตี’’ติ เอวมาทิโก วินิจฺฉยกถามโคฺคฯ อรญฺญฎฺฐกถาสโมติ ‘‘โย จารกฺขฎฺฐานํ ปตฺวา’’ติอาทินา (วิ. วิ. ๑๗๐) ยถาวุตฺตอรญฺญฎฺฐกถาย สทิโส,
215.Matanti ‘‘ettakabhaṇḍato ettakaṃ gahetabba’’nti rājūhi anumataṃ. Seso kathāmaggoti ‘‘suṅkaṭṭhānaṃ patvā suṅkikesu niddāyamānesu, kīḷantesu, bahigatesu vā pariyesitvā adisvā gacchato na doso, bhaṇḍadeyyaṃ hotī’’ti evamādiko vinicchayakathāmaggo. Araññaṭṭhakathāsamoti ‘‘yo cārakkhaṭṭhānaṃ patvā’’tiādinā (vi. vi. 170) yathāvuttaaraññaṭṭhakathāya sadiso,
‘‘กมฺมฎฺฐานํ จิเตฺต กตฺวา;
‘‘Kammaṭṭhānaṃ citte katvā;
จิเนฺตโนฺต อญฺญวิหิโต;
Cintento aññavihito;
สุงฺกฎฺฐานํ ปตฺวา คเจฺฉ;
Suṅkaṭṭhānaṃ patvā gacche;
ภณฺฑเทยฺยํ โหเตวสฺสา’’ติฯ –
Bhaṇḍadeyyaṃ hotevassā’’ti. –
อาทินา นเยน วุจฺจมานสทิโสเยวฯ เตเนว คตตฺถตาย อิทานิ น วิจารียตีติ อธิปฺปาโยฯ
Ādinā nayena vuccamānasadisoyeva. Teneva gatatthatāya idāni na vicārīyatīti adhippāyo.
สุงฺกฆาตกถาวณฺณนาฯ
Suṅkaghātakathāvaṇṇanā.
๒๑๖. ‘‘ปาโณ นาม มนุสฺสปาโณ วุจฺจตี’’ติ (ปารา. ๑๑๔) ปาฬิโต จ ‘‘ตมฺปิ ภุชิสฺสํ หรนฺตสฺส อวหาโร นตฺถี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๔) อฎฺฐกถาวจนโต จ ปรทาสมนุโสฺสเยว อธิเปฺปโตติ ตเมว ทเสฺสตุมาห ‘‘อโนฺตชาต’’นฺติอาทิฯ เคหทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ทาสสฺส ชาโต อโนฺตชาโต นาม, ตํ วาฯ ธเนน กีโต ธนกฺกีโต, ตํ วาฯ ทินฺนํ วา ปน เกนจีติ มาตุลอยฺยกาทีสุ เยน เกนจิ ทาสํ กตฺวา ทินฺนํ วาฯ ทาสนฺติ ปเจฺจกํ สมฺพนฺธนียํฯ กรมรานีตํ วา ทาสนฺติ ปรวิสยํ วิลุมฺปิตฺวา อาเนตฺวา ทาสภาวาย คหิตสงฺขาตํ กรมรานีตทาสํ วาฯ หรนฺตสฺส ปราชโยติ เอตฺถ ‘‘โจริกาย หริสฺสามี’’ติ อามสเน ทุกฺกฎํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชิตฺวา ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกามยโต ปาราชิกํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ
216. ‘‘Pāṇo nāma manussapāṇo vuccatī’’ti (pārā. 114) pāḷito ca ‘‘tampi bhujissaṃ harantassa avahāro natthī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.114) aṭṭhakathāvacanato ca paradāsamanussoyeva adhippetoti tameva dassetumāha ‘‘antojāta’’ntiādi. Gehadāsiyā kucchimhi dāsassa jāto antojāto nāma, taṃ vā. Dhanena kīto dhanakkīto, taṃ vā. Dinnaṃ vā pana kenacīti mātulaayyakādīsu yena kenaci dāsaṃ katvā dinnaṃ vā. Dāsanti paccekaṃ sambandhanīyaṃ. Karamarānītaṃ vā dāsanti paravisayaṃ vilumpitvā ānetvā dāsabhāvāya gahitasaṅkhātaṃ karamarānītadāsaṃ vā. Harantassa parājayoti ettha ‘‘corikāya harissāmī’’ti āmasane dukkaṭaṃ, phandāpane thullaccayaṃ āpajjitvā ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi atikkāmayato pārājikaṃ hotīti adhippāyo.
๒๑๗. ภุชิสฺสํ วาติ ยสฺส กสฺสจิ มนุสฺสสฺส อทาสภูตํฯ มานุสนฺติ มนุสฺสชาติกํ สตฺตํฯ อาฐปิตนฺติ อุปนิกฺขิตฺตํฯ
217.Bhujissaṃ vāti yassa kassaci manussassa adāsabhūtaṃ. Mānusanti manussajātikaṃ sattaṃ. Āṭhapitanti upanikkhittaṃ.
๒๑๘. ตนฺติ อโนฺตชาตาทีสุ ทาเสสุ ยํ กญฺจิ ทาสํฯ ปลายิตุกาโมวาติ ปลาเปตุกาโม นีหริตุกาโมฯ อถ วา ตํ ทาสํ ภุเชหิ อุกฺขิปิตฺวา อยํ ปลายิตุกาโมติปิ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ภุเชหีติ อุโภหิ หเตฺถหิฯ ตํ ฐิตฎฺฐานโตติ ตสฺส ฐิตฎฺฐานํ ตํฐิตฎฺฐานํ, ตโต ตํฐิตฎฺฐานโต, โจเรน อตฺตนา ฐิตฎฺฐานโตติ อโตฺถ น คเหตโพฺพติ ทเสฺสตุเมวํ วุตฺตํฯ กิญฺจิ สงฺกาเมตีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ตโต อญฺญํ ฐานํ ปาเปติฯ ภุเชหิ วาติ เอตฺถ วา-สโทฺท วกฺขมานปการนฺตราเปโกฺข, ‘‘สงฺกาเมติ วา’’ติ โยเชตพฺพํฯ
218.Tanti antojātādīsu dāsesu yaṃ kañci dāsaṃ. Palāyitukāmovāti palāpetukāmo nīharitukāmo. Atha vā taṃ dāsaṃ bhujehi ukkhipitvā ayaṃ palāyitukāmotipi attho gahetabbo. Bhujehīti ubhohi hatthehi. Taṃ ṭhitaṭṭhānatoti tassa ṭhitaṭṭhānaṃ taṃṭhitaṭṭhānaṃ, tato taṃṭhitaṭṭhānato, corena attanā ṭhitaṭṭhānatoti attho na gahetabboti dassetumevaṃ vuttaṃ. Kiñci saṅkāmetīti kesaggamattampi tato aññaṃ ṭhānaṃ pāpeti. Bhujehi vāti ettha vā-saddo vakkhamānapakārantarāpekkho, ‘‘saṅkāmeti vā’’ti yojetabbaṃ.
๒๑๙. ตเชฺชตฺวาติ ภยกเรน วจเนน เลเสน, อิงฺคิเตน วา ตาเสตฺวา เนนฺตสฺส ตสฺสาติ สมฺพโนฺธฯ ปทวารโตติ ปทวาเรน ยุตฺตา ถุลฺลจฺจยาทโย อาปตฺติโย โหนฺตีติ โยชนาฯ ปฐมปทวารยุตฺตา ถุลฺลจฺจยาปตฺติ, ทุติยปทวารยุตฺตา ปาราชิกาปตฺติ โหตีติ อโตฺถฯ
219.Tajjetvāti bhayakarena vacanena lesena, iṅgitena vā tāsetvā nentassa tassāti sambandho. Padavāratoti padavārena yuttā thullaccayādayo āpattiyo hontīti yojanā. Paṭhamapadavārayuttā thullaccayāpatti, dutiyapadavārayuttā pārājikāpatti hotīti attho.
๒๒๐. หตฺถาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน เกสวตฺถาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตนฺติ ทาสํฯ กฑฺฒโตปีติ อากฑฺฒโตปิฯ ปราชโยติ ‘‘ปทวารโต’’ติ อนุวตฺตมานตฺตา ปฐมปทวาเร ถุลฺลจฺจยํ, ทุติยปทวาเร อติกฺกเนฺต ปาราชิกนฺติ อโตฺถฯ อยํ นโยติ ‘‘ปทวารโต ยุตฺตา ถุลฺลจฺจยาทโย อาปตฺติโย โหนฺตี’’ติ วุตฺตนโยฯ
220.Hatthādīsūti ādi-saddena kesavatthādiṃ saṅgaṇhāti. Tanti dāsaṃ. Kaḍḍhatopīti ākaḍḍhatopi. Parājayoti ‘‘padavārato’’ti anuvattamānattā paṭhamapadavāre thullaccayaṃ, dutiyapadavāre atikkante pārājikanti attho. Ayaṃ nayoti ‘‘padavārato yuttā thullaccayādayo āpattiyo hontī’’ti vuttanayo.
๒๒๑. เวคสาวาติ เวเคเนว, โจรสฺส วจเนน กาตพฺพวิเสสรหิเตน พลวคมนเวเคนาติ วุตฺตํ โหติฯ อิมินา อนาปตฺติภาวสฺส การณํ ทเสฺสติฯ
221.Vegasāvāti vegeneva, corassa vacanena kātabbavisesarahitena balavagamanavegenāti vuttaṃ hoti. Iminā anāpattibhāvassa kāraṇaṃ dasseti.
๒๒๒. สณิกนฺติ มนฺทคติยาฯ วทตีติ ‘‘คจฺฉ, ยาหิ, ปลายา’’ติอาทิกํ วจนํ กเถติฯ โสปิ จาติ โย มนฺทคติยา คจฺฉโนฺต เอวํ วุโตฺต, โสปิ จฯ
222.Saṇikanti mandagatiyā. Vadatīti ‘‘gaccha, yāhi, palāyā’’tiādikaṃ vacanaṃ katheti. Sopi cāti yo mandagatiyā gacchanto evaṃ vutto, sopi ca.
๒๒๓. ปลายิตฺวาติ สามิกํ ปหาย คนฺตฺวาฯ อญฺญนฺติ สามิกายตฺตฎฺฐานโต อญฺญํ ฐานํฯ สาปณํ วีถิสนฺนิเวสยุตฺตํ นิคมมฺปิ วาฯ ตโตติ ปลายิตฺวา ปวิฎฺฐคามาทิโตฯ ตนฺติ ปลายิตฺวา ปวิฎฺฐํ ตํ ทาสํฯ
223.Palāyitvāti sāmikaṃ pahāya gantvā. Aññanti sāmikāyattaṭṭhānato aññaṃ ṭhānaṃ. Sāpaṇaṃ vīthisannivesayuttaṃ nigamampi vā. Tatoti palāyitvā paviṭṭhagāmādito. Tanti palāyitvā paviṭṭhaṃ taṃ dāsaṃ.
ปาณกถาวณฺณนาฯ
Pāṇakathāvaṇṇanā.
๒๒๔. เถยฺยาติ เถยฺยจิเตฺตนฯ สปฺปกรณฺฑนฺติ สปฺปสยนเปฬํฯ ยถาวตฺถุนฺติ ถุลฺลจฺจยมาหฯ ฐานโตติ สปฺปเปฬาย ฐิตฎฺฐานโตฯ จาวเนติ เกสคฺคมตฺตาติกฺกเมฯ
224.Theyyāti theyyacittena. Sappakaraṇḍanti sappasayanapeḷaṃ. Yathāvatthunti thullaccayamāha. Ṭhānatoti sappapeḷāya ṭhitaṭṭhānato. Cāvaneti kesaggamattātikkame.
๒๒๕. กรณฺฑนฺติ สปฺปเปฬํฯ อุคฺฆาเฎตฺวาติ วิวริตฺวาฯ กรณฺฑตลโตติ อโนฺตเปฬาย ตลโตฯ นงฺคุเฎฺฐติ นงฺคุฎฺฐปริยเนฺตฯ
225.Karaṇḍanti sappapeḷaṃ. Ugghāṭetvāti vivaritvā. Karaṇḍatalatoti antopeḷāya talato. Naṅguṭṭheti naṅguṭṭhapariyante.
๒๒๖. ฆํสิตฺวาติ เปฬาปเสฺส ผุสาเปตฺวาฯ สปฺปกรณฺฑสฺส มุขวฎฺฎิโตติ กรณฺฑปุฎมุขวฎฺฎิโตฯ ตสฺส นงฺคุเฎฺฐ มุตฺตมเตฺตติ โยชนาฯ
226.Ghaṃsitvāti peḷāpasse phusāpetvā. Sappakaraṇḍassa mukhavaṭṭitoti karaṇḍapuṭamukhavaṭṭito. Tassa naṅguṭṭhe muttamatteti yojanā.
๒๒๗. นามโตติ นาเมน, นามํ วตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ ปโกฺกสนฺตสฺสาติ อวฺหายนฺตสฺสฯ ตสฺสาติ ปโกฺกสกสฺสฯ
227.Nāmatoti nāmena, nāmaṃ vatvāti vuttaṃ hoti. Pakkosantassāti avhāyantassa. Tassāti pakkosakassa.
๒๒๘. ตถาติ กรณฺฑํ วิวริตฺวาฯ มณฺฑูกมูสิกานํ รวํ กตฺวา นาเมน ปโกฺกสนฺตสฺสาติ โยชนาฯ วา-สเทฺทน ลาชาวิกิรณอจฺฉรปหาราทิกํ สงฺคณฺหาติฯ
228.Tathāti karaṇḍaṃ vivaritvā. Maṇḍūkamūsikānaṃ ravaṃ katvā nāmena pakkosantassāti yojanā. Vā-saddena lājāvikiraṇaaccharapahārādikaṃ saṅgaṇhāti.
๒๒๙. มุขนฺติ สปฺปกรณฺฑสฺส มุขํฯ เอวเมว จ กโรนฺตสฺสาติ มณฺฑูกสญฺญํ, มูสิกสญฺญํ กตฺวา วา ลาชา วิกิริตฺวา วา อจฺฉรํ ปหริตฺวา วา นามํ วตฺวา ปโกฺกสนฺตสฺสฯ เยน เกนจีติ วุตฺตนีหารโต เยน วา เตน วาฯ
229.Mukhanti sappakaraṇḍassa mukhaṃ. Evameva ca karontassāti maṇḍūkasaññaṃ, mūsikasaññaṃ katvā vā lājā vikiritvā vā accharaṃ paharitvā vā nāmaṃ vatvā pakkosantassa. Yena kenacīti vuttanīhārato yena vā tena vā.
๒๓๐. น ปโกฺกสติ เจติ ยถาวุตฺตนเยน โยเชตฺวา นามํ วตฺวา น ปโกฺกสติฯ ตสฺสาติ กรณฺฑมุขวิวรกสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
230.Na pakkosati ceti yathāvuttanayena yojetvā nāmaṃ vatvā na pakkosati. Tassāti karaṇḍamukhavivarakassa bhikkhussa.
อปทกถาวณฺณนาฯ
Apadakathāvaṇṇanā.
๒๓๑. หตฺถินฺติ หตฺถิมฺหิ, ภุมฺมเตฺถ เอว อุปโยควจนํฯ
231.Hatthinti hatthimhi, bhummatthe eva upayogavacanaṃ.
๒๓๒. สาลายนฺติ หตฺถิสาลายํฯ วสติ เอตฺถาติ วตฺถุ, ราชาคารํ, ตสฺส อโนฺต อโนฺตวตฺถุ, อโนฺตราชเคหนฺติ อโตฺถฯ องฺคเณติ อโนฺตราชงฺคเณฯ ปิ-สโทฺท ‘‘อโนฺตนคเร’’ติ อวุตฺตมฺปิ สมฺปิเณฺฑติฯ วตฺถุ จาติ จ-สเทฺทน องฺคณํ สมุจฺจิโนติฯ สกลํ องฺคณํ ฐานนฺติ หตฺถิโน วิจรณโยคฺคํ องฺคณฎฺฐานํ สนฺธายาห, สกลสาลาติ คเหตพฺพํฯ
232.Sālāyanti hatthisālāyaṃ. Vasati etthāti vatthu, rājāgāraṃ, tassa anto antovatthu, antorājagehanti attho. Aṅgaṇeti antorājaṅgaṇe. Pi-saddo ‘‘antonagare’’ti avuttampi sampiṇḍeti. Vatthu cāti ca-saddena aṅgaṇaṃ samuccinoti. Sakalaṃ aṅgaṇaṃ ṭhānanti hatthino vicaraṇayoggaṃ aṅgaṇaṭṭhānaṃ sandhāyāha, sakalasālāti gahetabbaṃ.
๒๓๓. อพทฺธสฺสาติ ยถาวุตฺตสาลาราชวตฺถงฺคณาเปกฺขาย วุตฺตํฯ อพทฺธสฺส หิ หตฺถิโน สกลสาลาทโย ฐานํ, ตทติกฺกเม ฐานาจาวนํ โหตีติ อโตฺถฯ หีติ อวธารเณ วาฯ ‘‘พทฺธสฺส หี’’ติ โยชนาย วิเสสโตฺถว ทฎฺฐโพฺพ, พทฺธสฺส ปนาติ วุตฺตํ โหติฯ พทฺธสฺส ปนาติ สาลาทีสุ สนฺนิหิตสฺส ปนฯ ฐิตฎฺฐานญฺจาติ สาลาทีสุ ฐิตฎฺฐานญฺจ, จตูหิ ปาเทหิ อกฺกนฺตฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ พนฺธนญฺจาติ คีวาย วา ปจฺฉา ปาททฺวยพนฺธนวลเย วา อุภยตฺถ วา พนฺธนฎฺฐานญฺจฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ฐิตฎฺฐานญฺจ พนฺธนญฺจ ฐานนฺติ ฉ วา ปญฺจ วา ฐานานิ ลพฺภนฺติ, ตสฺมาฯ เตสํ ฐานานํฯ การเยติ เอตฺถ ‘‘อาปตฺติ’’นฺติ สามตฺถิยา ลพฺภตีติฯ หรโตติ หตฺถิสาลาทิโต โจริกาย หรนฺตสฺส ฯ การเยติ อามสเน ทุกฺกฎํ, ฐานเภทคณนาย ยาว ปจฺฉิมฎฺฐานา ปุริเมสุ ถุลฺลจฺจยานิ, อนฺติมฎฺฐานา เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาวเน ปาราชิกํ กาเรยฺยาติ อโตฺถฯ
233.Abaddhassāti yathāvuttasālārājavatthaṅgaṇāpekkhāya vuttaṃ. Abaddhassa hi hatthino sakalasālādayo ṭhānaṃ, tadatikkame ṭhānācāvanaṃ hotīti attho. Hīti avadhāraṇe vā. ‘‘Baddhassa hī’’ti yojanāya visesatthova daṭṭhabbo, baddhassa panāti vuttaṃ hoti. Baddhassa panāti sālādīsu sannihitassa pana. Ṭhitaṭṭhānañcāti sālādīsu ṭhitaṭṭhānañca, catūhi pādehi akkantaṭṭhānanti vuttaṃ hoti. Bandhanañcāti gīvāya vā pacchā pādadvayabandhanavalaye vā ubhayattha vā bandhanaṭṭhānañca. Tasmāti yasmā ṭhitaṭṭhānañca bandhanañca ṭhānanti cha vā pañca vā ṭhānāni labbhanti, tasmā. Tesaṃ ṭhānānaṃ. Kārayeti ettha ‘‘āpatti’’nti sāmatthiyā labbhatīti. Haratoti hatthisālādito corikāya harantassa . Kārayeti āmasane dukkaṭaṃ, ṭhānabhedagaṇanāya yāva pacchimaṭṭhānā purimesu thullaccayāni, antimaṭṭhānā kesaggamattampi cāvane pārājikaṃ kāreyyāti attho.
๒๓๔. ฐิตฎฺฐานนฺติ จตูหิ ปาเทหิ อกฺกนฺตฎฺฐานํ, อิทญฺจ อพทฺธหตฺถิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ พทฺธสฺส วินิจฺฉโย สาลาทีสุ พทฺธสฺส วุตฺตวินิจฺฉยสทิโสติ คตตฺถตาย น วุโตฺตฯ
234.Ṭhitaṭṭhānanti catūhi pādehi akkantaṭṭhānaṃ, idañca abaddhahatthiṃ sandhāya vuttaṃ. Baddhassa vinicchayo sālādīsu baddhassa vuttavinicchayasadisoti gatatthatāya na vutto.
๒๓๕. เอกํ ฐานนฺติ สยิตฎฺฐานมตฺตํฯ ตสฺมินฺติ คเชฯ ตสฺสาติ ภิกฺขุสฺสฯ ตุรงฺคมหิสาทีสุ ทฺวิปเท จ พหุปฺปเท จฯ
235.Ekaṃ ṭhānanti sayitaṭṭhānamattaṃ. Tasminti gaje. Tassāti bhikkhussa. Turaṅgamahisādīsu dvipade ca bahuppade ca.
๒๓๖. เอเสว นโย เญโยฺย, วตฺตพฺพํ กิญฺจิปิ นตฺถีติ โยชนาฯ ตตฺถ ตุรงฺคา อสฺสาฯ มหิสา ลุลายาฯ อาทิ-สเทฺทน โคคทฺรภโอฎฺฐาทิจตุปฺปทานํ สงฺคโหฯ นตฺถิ กิญฺจิปิ วตฺตพฺพนฺติ อสฺสสาลาราชาคารงฺคณพหินคราทีสุ อพนฺธิตสยนอสฺสาทีนํ ฐานเภโท ยถาวุตฺตสทิสตฺตา น วุโตฺตฯ
236. Eseva nayo ñeyyo, vattabbaṃ kiñcipi natthīti yojanā. Tattha turaṅgā assā. Mahisā lulāyā. Ādi-saddena gogadrabhaoṭṭhādicatuppadānaṃ saṅgaho. Natthi kiñcipi vattabbanti assasālārājāgāraṅgaṇabahinagarādīsu abandhitasayanaassādīnaṃ ṭhānabhedo yathāvuttasadisattā na vutto.
พนฺธิตฺวา ฐปิตอสฺสสฺส ปน สเจ โส จตูสุ ปาเทสุ พโทฺธ โหติ, พนฺธนานํ, ขุรานญฺจ คณนาย อฎฺฐ ฐานานิ, สเจ มุเข จ พโทฺธ โหติ, นว ฐานานิ, มุเขเยว พโทฺธ, ปญฺจ ฐานานีติ ฐานเภโท จ ตเถว สสมิคสูกราทิจตุปฺปเทสุ พนฺธิตฺวา ฐปิเตสุ พทฺธพทฺธฎฺฐาเนหิ สห จตูหิ ปาเทหิ อกฺกนฺตฎฺฐานวเสน ลพฺภมาโน ฐานเภโท จ โคมหิเสสุ พเทฺธสุ เอวเมว ลพฺภมาโน ฐานเภโท จ วชาทีสุ ปเทเสสุ ปเวสิเตสุ ทฺวาเรสุ รุกฺขสูจิโย อปเนตฺวา วา อนปเนตฺวา วา นามํ วตฺวา วา อวตฺวา วา ปโกฺกสนฺตสฺส, สาขาภงฺคติณาทีนิ ทเสฺสตฺวา ปโกฺกสิตฺวา วา อปโกฺกสิตฺวา วา ปโลเภนฺตสฺส ตาเสตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส สปฺปกรณฺฑเก สปฺปสฺส วุตฺตนเยน ลพฺภมาโน วิเสโส จ เนตโพฺพฯ อิห สพฺพตฺถ ฐานเภเทสุ พหุเกสุปิ อุปนฺตฎฺฐาเนสุ ถุลฺลจฺจยํ, อนฺตฎฺฐาเน ปาราชิกํ วุตฺตสทิสนฺติ อิมสฺส สพฺพสฺส วินิจฺฉยสฺส ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินาว คตตฺตา, อาหฎโต อวิญฺญายมานสฺส กสฺสจิ วิเสสสฺสาภาวา จ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ กิญฺจิปิ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ
Bandhitvā ṭhapitaassassa pana sace so catūsu pādesu baddho hoti, bandhanānaṃ, khurānañca gaṇanāya aṭṭha ṭhānāni, sace mukhe ca baddho hoti, nava ṭhānāni, mukheyeva baddho, pañca ṭhānānīti ṭhānabhedo ca tatheva sasamigasūkarādicatuppadesu bandhitvā ṭhapitesu baddhabaddhaṭṭhānehi saha catūhi pādehi akkantaṭṭhānavasena labbhamāno ṭhānabhedo ca gomahisesu baddhesu evameva labbhamāno ṭhānabhedo ca vajādīsu padesesu pavesitesu dvāresu rukkhasūciyo apanetvā vā anapanetvā vā nāmaṃ vatvā vā avatvā vā pakkosantassa, sākhābhaṅgatiṇādīni dassetvā pakkositvā vā apakkositvā vā palobhentassa tāsetvā nikkhamantassa sappakaraṇḍake sappassa vuttanayena labbhamāno viseso ca netabbo. Iha sabbattha ṭhānabhedesu bahukesupi upantaṭṭhānesu thullaccayaṃ, antaṭṭhāne pārājikaṃ vuttasadisanti imassa sabbassa vinicchayassa ‘‘eseva nayo’’ti imināva gatattā, āhaṭato aviññāyamānassa kassaci visesassābhāvā ca vuttaṃ ‘‘natthi kiñcipi vattabba’’nti.
ทฺวิปเทปีติ ‘‘ทฺวิปทํ นาม มนุสฺสา ปกฺขชาตา’’ติ (ปารา. ๑๑๕) ปาฬิยํ วุตฺตา มนุสฺสา จ มยูราทิโลมปกฺขา จ วคฺคุลิอาทิจมฺมปกฺขา จ ภมราทิอฎฺฐิปกฺขา จาติ เอวมาทิเก สเตฺต จฯ พหุปฺปเทติ ‘‘พหุปฺปทํ นาม วิจฺฉิกา สตปที อุจฺจาลิงฺคปาณกา’’ติ (ปารา. ๑๑๗) ปาฬิยํ วุตฺตพหุปฺปทสเตฺต จาติ อโตฺถฯ
Dvipadepīti ‘‘dvipadaṃ nāma manussā pakkhajātā’’ti (pārā. 115) pāḷiyaṃ vuttā manussā ca mayūrādilomapakkhā ca vagguliādicammapakkhā ca bhamarādiaṭṭhipakkhā cāti evamādike satte ca. Bahuppadeti ‘‘bahuppadaṃ nāma vicchikā satapadī uccāliṅgapāṇakā’’ti (pārā. 117) pāḷiyaṃ vuttabahuppadasatte cāti attho.
เอตฺตาวตา ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสปิทหนตฺถํ ปทภาชเน วุตฺตภูมฎฺฐาทิติํสวินิจฺฉยมาติกากถาสุ ปญฺจวีสติ มาติกากถา ทเสฺสตฺวา อวสิฎฺฐาสุ ปญฺจมาติกากถาสุ สํวิทาวหาโร, สเงฺกตกมฺมํ, นิมิตฺตกมฺมนฺติ มาติกตฺตยกถา ปฐมเมว อทินฺนาทานวินิจฺฉยสมฺภารภูตานํ ปญฺจวีสติยา อวหารานํ ทสฺสนฎฺฐาเน ฐตฺวา –
Ettāvatā pāpabhikkhūnaṃ lesokāsapidahanatthaṃ padabhājane vuttabhūmaṭṭhāditiṃsavinicchayamātikākathāsu pañcavīsati mātikākathā dassetvā avasiṭṭhāsu pañcamātikākathāsu saṃvidāvahāro, saṅketakammaṃ, nimittakammanti mātikattayakathā paṭhamameva adinnādānavinicchayasambhārabhūtānaṃ pañcavīsatiyā avahārānaṃ dassanaṭṭhāne ṭhatvā –
‘‘ปุพฺพสหปโยโค จ, สํวิทาหรณมฺปิ จ;
‘‘Pubbasahapayogo ca, saṃvidāharaṇampi ca;
สเงฺกตกมฺมํ เนมิตฺตํ, ปุพฺพโยคาทิปญฺจก’’นฺติฯ (วิ. วิ. ๔๒) –
Saṅketakammaṃ nemittaṃ, pubbayogādipañcaka’’nti. (vi. vi. 42) –
อิมินา สงฺคหิตาติ ตํ ปหาย อวเสเส โอจรโก, โอณิรกฺขโกติ กถาทฺวเย โอจรณกกถาย อาณตฺติกปฺปโยคตฺตา, ตญฺจ โอณิรกฺขเกน กริยมานํ ฐานาจาวนํ สาหตฺถิเกน วา อาณตฺติเกน วา ปโยเคน โหตีติ ตสฺสาปิ ‘‘สาหตฺถาณตฺติโก เจวา’’ติ สาหตฺถิกปญฺจเก ปฐมเมว สงฺคหิตตฺตา จ ถลฎฺฐเวหาสฎฺฐกถาทีสุ สงฺคหิตตฺตา จ ตญฺจ ทฺวยํ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Iminā saṅgahitāti taṃ pahāya avasese ocarako, oṇirakkhakoti kathādvaye ocaraṇakakathāya āṇattikappayogattā, tañca oṇirakkhakena kariyamānaṃ ṭhānācāvanaṃ sāhatthikena vā āṇattikena vā payogena hotīti tassāpi ‘‘sāhatthāṇattiko cevā’’ti sāhatthikapañcake paṭhamameva saṅgahitattā ca thalaṭṭhavehāsaṭṭhakathādīsu saṅgahitattā ca tañca dvayaṃ na vuttanti veditabbaṃ.
ตตฺถ ‘‘โอจรโก นาม ภณฺฑํ โอจริตฺวา อาจิกฺขตี’’ติ (ปารา. ๑๑๘) ปาฬิยํ วุโตฺต โจราปนปุริโส ‘‘โอจรโก’’ติ เวทิตโพฺพฯ โอจรตีติ โอจรโก, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อโนฺต อนุปวิสตีติ วุตฺตํ โหตีติฯ ‘‘โอณิรโกฺข นาม อาหฎํ ภณฺฑํ โคเปโนฺต’’ติ (ปารา. ๑๑๘) ปาฬิยํ วุโตฺต มุหุตฺตํ อตฺตนิ ฐปิตสฺส ปรภณฺฑสฺส รกฺขโก ‘‘โอณิรโกฺข’’ติ เวทิตโพฺพฯ โอณิตํ รกฺขตีติ โอณิรโกฺข, โย ปเรน อตฺตโน วสนฎฺฐาเน อาภตํ ภณฺฑํ ‘‘อิทํ ตาว ภเนฺต มุหุตฺตํ โอโลเกถ, ยาวาหํ อิทํ นาม กิจฺจํ กตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ วุโตฺต รกฺขติ, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ
Tattha ‘‘ocarako nāma bhaṇḍaṃ ocaritvā ācikkhatī’’ti (pārā. 118) pāḷiyaṃ vutto corāpanapuriso ‘‘ocarako’’ti veditabbo. Ocaratīti ocarako, tattha tattha gantvā anto anupavisatīti vuttaṃ hotīti. ‘‘Oṇirakkho nāma āhaṭaṃ bhaṇḍaṃ gopento’’ti (pārā. 118) pāḷiyaṃ vutto muhuttaṃ attani ṭhapitassa parabhaṇḍassa rakkhako ‘‘oṇirakkho’’ti veditabbo. Oṇitaṃ rakkhatīti oṇirakkho, yo parena attano vasanaṭṭhāne ābhataṃ bhaṇḍaṃ ‘‘idaṃ tāva bhante muhuttaṃ oloketha, yāvāhaṃ idaṃ nāma kiccaṃ katvā āgacchāmī’’ti vutto rakkhati, tassetaṃ adhivacanaṃ.
ทฺวิจตุพหุปฺปทกถาวณฺณนาฯ
Dvicatubahuppadakathāvaṇṇanā.
๒๓๗. ‘‘ปญฺจหิ อากาเรหิ อทินฺนํ อาทิยนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๑๒๒) นเยน ปาฬิยํ อาคตานิ ปญฺจงฺคานิ สงฺคเหตุมาห ‘‘ปเรส’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘ปเรสํ สนฺตกํ ธน’’นฺติ อิมินา ปรมนุสฺสสนฺตกตา, ‘‘ปเรสนฺติ วิชานิตฺวา’’ติ อิมินา ปรายตฺตภาวสฺส ชานนํ, ‘‘ครุก’’นฺติ อิมินา ปาทํ วา อติเรกปาทํ วา อคฺฆนกตา, ‘‘เถยฺยจิเตฺตนา’’ติ อิมินา เถยฺยจิตฺตตา, ‘‘ฐานา จาเวตี’’ติ อิมินา ปญฺจวีสติยา อวหารานํ อญฺญตรสฺส สมงฺคิตาติ เอวเมตฺถ ปญฺจงฺคสงฺคโห เวทิตโพฺพฯ
237. ‘‘Pañcahi ākārehi adinnaṃ ādiyantassa āpatti pārājikassā’’tiādinā (pārā. 122) nayena pāḷiyaṃ āgatāni pañcaṅgāni saṅgahetumāha ‘‘paresa’’ntiādi. Tattha ‘‘paresaṃ santakaṃ dhana’’nti iminā paramanussasantakatā, ‘‘paresanti vijānitvā’’ti iminā parāyattabhāvassa jānanaṃ, ‘‘garuka’’nti iminā pādaṃ vā atirekapādaṃ vā agghanakatā, ‘‘theyyacittenā’’ti iminā theyyacittatā, ‘‘ṭhānā cāvetī’’ti iminā pañcavīsatiyā avahārānaṃ aññatarassa samaṅgitāti evamettha pañcaṅgasaṅgaho veditabbo.
๒๓๘. เอตฺตาวตา ติํสมาติกากถาวินิจฺฉยํ สงฺคเหตฺวา อิทานิ ‘‘อนาปตฺติ สสญฺญิสฺส วิสฺสาสคฺคาเห ตาวกาลิเก เปตปริคฺคเห ติรจฺฉานคตปริคฺคเห ปํสุกูลสญฺญิสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๑๓๑) นเยน ปาฬิยํ อาคตํ อนาปตฺติวารํ สงฺคเหตุมาห ‘‘อนาปตฺตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สสญฺญิสฺสาติ ปรสนฺตกมฺปิ ‘‘สสนฺตก’’นฺติ สุทฺธสญฺญาย คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํฯ เอวํ คหิตํ สามิเกหิ ทิสฺวา ยาจิเต อเทนฺตสฺส อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ปาราชิกํฯ
238. Ettāvatā tiṃsamātikākathāvinicchayaṃ saṅgahetvā idāni ‘‘anāpatti sasaññissa vissāsaggāhe tāvakālike petapariggahe tiracchānagatapariggahe paṃsukūlasaññissā’’tiādinā (pārā. 131) nayena pāḷiyaṃ āgataṃ anāpattivāraṃ saṅgahetumāha ‘‘anāpattī’’tiādi. Tattha sasaññissāti parasantakampi ‘‘sasantaka’’nti suddhasaññāya gaṇhantassa anāpattīti sabbattha yojetabbaṃ. Evaṃ gahitaṃ sāmikehi disvā yācite adentassa ubhinnaṃ dhuranikkhepena pārājikaṃ.
ติรจฺฉานปริคฺคเหติ ติรจฺฉาเนหิ ปริคฺคหิตวตฺถุมฺหิฯ สเจปิ หิ นาคครุฬมาณวกมาณวิกาปิ มนุสฺสเวเสน อาปณํ ปสาเรตฺวา นิสินฺนา โหนฺติ, ภิกฺขุ จ เถยฺยจิเตฺตน เตสํ สนฺตกํ คณฺหาติ, อนาปตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ สีหพฺยคฺฆทีปิปภุตีหิ วาฬมิเคหิ คหิตโคจรํ ปฐมํ โมจาเปนฺตสฺส ตํ มุญฺจิตฺวา อตฺตโนปิ หิํสนโต โถกํ ขายิเต วาเรนฺตสฺส โทโส นตฺถิฯ เสนาทีสุ ติรจฺฉาเนสุ เยน เกนจิ คหิตํ โคจรํ โมจาเปตุํ วฎฺฎติฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เสนาทโยปิ อามิสํ คเหตฺวา คจฺฉเนฺต ปาตาเปตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๓๑)ฯ เอวเมว ธมฺมนิเทฑฺฑุภาทีหิ คหิตมณฺฑูกาทโย ชีวิตรกฺขนตฺถาย โมจาเปตุํ วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ
Tiracchānapariggaheti tiracchānehi pariggahitavatthumhi. Sacepi hi nāgagaruḷamāṇavakamāṇavikāpi manussavesena āpaṇaṃ pasāretvā nisinnā honti, bhikkhu ca theyyacittena tesaṃ santakaṃ gaṇhāti, anāpattīti vuttaṃ hoti. Sīhabyagghadīpipabhutīhi vāḷamigehi gahitagocaraṃ paṭhamaṃ mocāpentassa taṃ muñcitvā attanopi hiṃsanato thokaṃ khāyite vārentassa doso natthi. Senādīsu tiracchānesu yena kenaci gahitaṃ gocaraṃ mocāpetuṃ vaṭṭati. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘senādayopi āmisaṃ gahetvā gacchante pātāpetvā gaṇhituṃ vaṭṭatī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.131). Evameva dhammanideḍḍubhādīhi gahitamaṇḍūkādayo jīvitarakkhanatthāya mocāpetuṃ vaṭṭatīti veditabbaṃ.
ตาวกาลิกคฺคาเหติ ‘‘ปฎิกริสฺสามี’’ติ ตาวกาลิกํ คณฺหนฺตสฺส เอวํ คหิตํ สเจ ภณฺฑสามิโก ปุคฺคโล วา คโณ วา ‘‘ตุเมฺหว คณฺหถา’’ติ อนุชาเนยฺย, วฎฺฎติฯ นานุชาเนยฺย, น คเณฺหยฺย, ทาตพฺพํฯ อเทนฺตสฺส อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ปาราชิกํฯ ‘‘สงฺฆสนฺตกํ ปน ปฎิทาตุเมว วฎฺฎตี’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ
Tāvakālikaggāheti ‘‘paṭikarissāmī’’ti tāvakālikaṃ gaṇhantassa evaṃ gahitaṃ sace bhaṇḍasāmiko puggalo vā gaṇo vā ‘‘tumheva gaṇhathā’’ti anujāneyya, vaṭṭati. Nānujāneyya, na gaṇheyya, dātabbaṃ. Adentassa ubhinnaṃ dhuranikkhepena pārājikaṃ. ‘‘Saṅghasantakaṃ pana paṭidātumeva vaṭṭatī’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.
วิสฺสาสคฺคาเหติ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ, สนฺทิโฎฺฐ จ โหติ, สมฺภโตฺต จ, อาลปิโต จ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน โหตี’’ติ (มหาว. ๓๕๖) ปาฬิยํ อาคตํ ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาเสน คณฺหนฺตสฺส คหเณ วินิจฺฉโย ยถาวุตฺตสุตฺตวณฺณนายํ เวทิตโพฺพฯ ยถาห สมนฺตปาสาทิกายํ –
Vissāsaggāheti ‘‘anujānāmi bhikkhave pañcahaṅgehi samannāgatassa vissāsaṃ gahetuṃ, sandiṭṭho ca hoti, sambhatto ca, ālapito ca, jīvati ca, gahite ca attamano hotī’’ti (mahāva. 356) pāḷiyaṃ āgataṃ pañcahaṅgehi samannāgatassa santakaṃ vissāsena gaṇhantassa gahaṇe vinicchayo yathāvuttasuttavaṇṇanāyaṃ veditabbo. Yathāha samantapāsādikāyaṃ –
ตตฺถ สนฺทิโฎฺฐติ ทิฎฺฐมตฺตกมิโตฺตฯ สมฺภโตฺตติ ทฬฺหมิโตฺตฯ อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเณฺหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุโตฺตฯ ชีวตีติ อนุฎฺฐานเสยฺยาย สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทํ น ปาปุณาติฯ คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฎฺฐจิโตฺต โหติ, เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานเนฺตน คเหตุํ วฎฺฎติฯ อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปญฺจงฺคานิ วุตฺตานิ, วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหเงฺคหิ รุหติ – สนฺทิโฎฺฐ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, สมฺภโตฺต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติฯ
Tattha sandiṭṭhoti diṭṭhamattakamitto. Sambhattoti daḷhamitto. Ālapitoti ‘‘mama santakaṃ yaṃ icchasi, taṃ gaṇheyyāsi, āpucchitvā gahaṇe kāraṇaṃ natthī’’ti vutto. Jīvatīti anuṭṭhānaseyyāya sayitopi yāva jīvitindriyupacchedaṃ na pāpuṇāti. Gahite ca attamanoti gahite tuṭṭhacitto hoti, evarūpassa santakaṃ ‘‘gahite me attamano bhavissatī’’ti jānantena gahetuṃ vaṭṭati. Anavasesapariyādānavasena cetāni pañcaṅgāni vuttāni, vissāsaggāho pana tīhaṅgehi ruhati – sandiṭṭho, jīvati, gahite attamano, sambhatto, jīvati, gahite attamano, ālapito, jīvati, gahite attamanoti.
โย ปน ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคฺคาเหน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํฯ ททมาเนน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฎฺฐา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํฯ อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตเสฺสว ทาตพฺพํฯ โย ปน ปฐมํเยว ‘‘สุฎฺฐุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหเนฺตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โยปิ อทาตุกาโมว, จิเตฺตน ปน อธิวาเสติ, น กิญฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิตํ วา ปริภุตฺตํ วา’’ติ วุเตฺต ‘‘คหิตํ วา โหตุ ปริภุตฺตํ วา, มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ฐปิตํ, ตํ ปากติกํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทติ, อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภตีติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๓๑)ฯ
Yo pana jīvati, na ca gahite attamano hoti, tassa santakaṃ vissāsaggāhena gahitampi puna dātabbaṃ. Dadamānena ca matakadhanaṃ tāva ye tassa dhane issarā gahaṭṭhā vā pabbajitā vā, tesaṃ dātabbaṃ. Anattamanassa santakaṃ tasseva dātabbaṃ. Yo pana paṭhamaṃyeva ‘‘suṭṭhu kataṃ tayā mama santakaṃ gaṇhantenā’’ti vacībhedena vā cittuppādamattena vā anumoditvā pacchā kenaci kāraṇena kupito paccāharāpetuṃ na labhati. Yopi adātukāmova, cittena pana adhivāseti, na kiñci vadati, sopi puna paccāharāpetuṃ na labhati. Yo pana ‘‘mayā tumhākaṃ santakaṃ gahitaṃ vā paribhuttaṃ vā’’ti vutte ‘‘gahitaṃ vā hotu paribhuttaṃ vā, mayā pana taṃ kenacideva karaṇīyena ṭhapitaṃ, taṃ pākatikaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vadati, ayaṃ paccāharāpetuṃ labhatīti (pārā. aṭṭha. 1.131).
เปตปริคฺคเหติ เปตฺติวิสยุปฺปนฺนา จ มริตฺวา ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว นิพฺพตฺตา จ จาตุมหาราชิกาทโย เทวา จ อิมสฺมิํ อเตฺถ เปตา นาม, เตสํ สนฺตกํ คณฺหนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ สเจปิ หิ สโกฺก เทวราชา อาปณํ ปสาเรตฺวา นิสิโนฺน โหติ, ทิพฺพจกฺขุโก จ ภิกฺขุ ตํ ญตฺวา สตสหสฺสคฺฆนกมฺปิ วตฺถํ ตสฺส วิรวนฺตเสฺสว อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เทวปูชตฺถํ รุกฺขาทีสุ มฎฺฐวตฺถาทีนิ คณฺหโต นิโทฺทสตาย กิเมว วตฺตพฺพํฯ ปํสุกูลสญฺญาย คณฺหโตปิ อนาปตฺติฯ ตถา คหิตมฺปิ สเจ สสฺสามิกํ โหติ, สามิเก อาหราเปเนฺต ทาตพฺพนฺติ อุปลกฺขณโต เวทิตพฺพํฯ
Petapariggaheti pettivisayuppannā ca maritvā tasmiṃyeva attabhāve nibbattā ca cātumahārājikādayo devā ca imasmiṃ atthe petā nāma, tesaṃ santakaṃ gaṇhantassa ca anāpattīti attho. Sacepi hi sakko devarājā āpaṇaṃ pasāretvā nisinno hoti, dibbacakkhuko ca bhikkhu taṃ ñatvā satasahassagghanakampi vatthaṃ tassa viravantasseva acchinditvā gaṇhituṃ vaṭṭati. Devapūjatthaṃ rukkhādīsu maṭṭhavatthādīni gaṇhato niddosatāya kimeva vattabbaṃ. Paṃsukūlasaññāya gaṇhatopi anāpatti. Tathā gahitampi sace sassāmikaṃ hoti, sāmike āharāpente dātabbanti upalakkhaṇato veditabbaṃ.
๒๓๙. เอตฺถาติ ทุติยปาราชิกวินิจฺฉเยฯ จ-สเทฺทน อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน อวเสสสิกฺขาปทวินิจฺฉเย สงฺคณฺหาติฯ วตฺตโพฺพติ มาติกฎฺฐกถาทีสุ วิย อวสาเน กเถตโพฺพฯ ปาฬิมุตฺตวินิจฺฉโยติ สมุฎฺฐานาทิโก ตํตํสิกฺขาปทปาฬิยํ อนาคโต อุปาลิเตฺถราทีหิ ฐปิโต วินิจฺฉโยฯ
239.Etthāti dutiyapārājikavinicchaye. Ca-saddena avuttasamuccayatthena avasesasikkhāpadavinicchaye saṅgaṇhāti. Vattabboti mātikaṭṭhakathādīsu viya avasāne kathetabbo. Pāḷimuttavinicchayoti samuṭṭhānādiko taṃtaṃsikkhāpadapāḷiyaṃ anāgato upālittherādīhi ṭhapito vinicchayo.
๒๔๐. ปราชิตาเนกมเลนาติ อปริเมยฺยกปฺปโกฎิสตสหโสฺสปจิตปารมิตาสมฺภูเตน สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐาเนน อาสวกฺขยญาเณน สห วาสนาย สมุเจฺฉทปฺปหาเนน ปราชิตา ราคาทโย อเนกกิเลสมลา เยน โส ปราชิตาเนกมโล, เตน ปราชิตาเนกมเลน ฯ ชิเนน ยํ ทุติยํ ปาราชิกํ วุตฺตํ, อสฺส ทุติยปาราชิกสฺส จ อโตฺถ มยา สมาเสน วุโตฺตฯ อเสเสน อติวิตฺถารนเยน วตฺตุํ ตสฺส อตฺถํ กเถตุํ โก หิ สมโตฺถติ โยชนาฯ เอตฺถ จ-สโทฺท ปฐมปาราชิกสมุจฺจยโตฺถฯ หิ-สโทฺท อวธารเณ, เตน อเสเสน ตทตฺถํ วตฺตุํ สมโตฺถ นเตฺถว อญฺญตฺร ตถาคตาติ ทีเปติฯ
240.Parājitānekamalenāti aparimeyyakappakoṭisatasahassopacitapāramitāsambhūtena sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānena āsavakkhayañāṇena saha vāsanāya samucchedappahānena parājitā rāgādayo anekakilesamalā yena so parājitānekamalo, tena parājitānekamalena . Jinena yaṃ dutiyaṃ pārājikaṃ vuttaṃ, assa dutiyapārājikassa ca attho mayā samāsena vutto. Asesena ativitthāranayena vattuṃ tassa atthaṃ kathetuṃ ko hi samatthoti yojanā. Ettha ca-saddo paṭhamapārājikasamuccayattho. Hi-saddo avadhāraṇe, tena asesena tadatthaṃ vattuṃ samattho nattheva aññatra tathāgatāti dīpeti.
อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา
Iti vinayatthasārasandīpaniyā
วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย
Vinayavinicchayavaṇṇanāya
ทุติยปาราชิกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyapārājikakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.