Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. ทุติยปาราชิกํ
2. Dutiyapārājikaṃ
ทุติยํ อทุติเยน, ยํ ชิเนน ปกาสิตํ;
Dutiyaṃ adutiyena, yaṃ jinena pakāsitaṃ;
ปาราชิกํ ตสฺส ทานิ, ปโตฺต สํวณฺณนากฺกโมฯ
Pārājikaṃ tassa dāni, patto saṃvaṇṇanākkamo.
ยสฺมา ตสฺมา สุวิเญฺญยฺยํ, ยํ ปุเพฺพ จ ปกาสิตํ;
Yasmā tasmā suviññeyyaṃ, yaṃ pubbe ca pakāsitaṃ;
ตํ สพฺพํ วชฺชยิตฺวาน, โหติ สํวณฺณนา อยํฯ
Taṃ sabbaṃ vajjayitvāna, hoti saṃvaṇṇanā ayaṃ.
ธนิยวตฺถุวณฺณนา
Dhaniyavatthuvaṇṇanā
๘๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตติ ตตฺถ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร, ตญฺหิ มนฺธาตุ-มหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติฯ อเญฺญเปตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติฯ กิํ เตหิ! นามเมตํ ตสฺส นครสฺสฯ ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติฯ เสสกาเล สุญฺญํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฺตวนํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ เอวํ โคจรคามํ ทเสฺสตฺวา นิวาสนฎฺฐานมาห – คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตติฯ โส จ คิชฺฌา ตสฺส กูเฎสุ วสิํสุ, คิชฺฌสทิสานิ วา ตสฺส กูฎานิ; ตสฺมา คิชฺฌกูโฎติ วุจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ
84.Tena samayena buddho bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbateti tattha rājagaheti evaṃnāmake nagare, tañhi mandhātu-mahāgovindādīhi pariggahitattā ‘‘rājagaha’’nti vuccati. Aññepettha pakāre vaṇṇayanti. Kiṃ tehi! Nāmametaṃ tassa nagarassa. Taṃ panetaṃ buddhakāle ca cakkavattikāle ca nagaraṃ hoti. Sesakāle suññaṃ hoti yakkhapariggahitaṃ, tesaṃ vasantavanaṃ hutvā tiṭṭhati. Evaṃ gocaragāmaṃ dassetvā nivāsanaṭṭhānamāha – gijjhakūṭe pabbateti. So ca gijjhā tassa kūṭesu vasiṃsu, gijjhasadisāni vā tassa kūṭāni; tasmā gijjhakūṭoti vuccatīti veditabbo.
สมฺพหุลาติ วินยปริยาเยน ตโย ชนา สมฺพหุลาติ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ สโงฺฆฯ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตโย ตโย เอว, ตโต ปฎฺฐาย สมฺพหุลาฯ อิธ ปน เต สุตฺตนฺตปริยาเยน สมฺพหุลาติ เวทิตพฺพาฯ สนฺทิฎฺฐาติ นาติวิสฺสาสิกา น ทฬฺหมิตฺตา; ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฎฺฐตฺตา หิ เต สนฺทิฎฺฐาติ วุจฺจนฺติฯ สมฺภตฺตาติ อติวิสฺสาสิกา ทฬฺหมิตฺตา; เต หิ สุฎฺฐุ ภตฺตา ภชมานา เอกสโมฺภคปริโภคาติ กตฺวา ‘‘สมฺภตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิสิคิลิปเสฺสติ อิสิคิลิ นาม ปพฺพโต, ตสฺส ปเสฺสฯ ปุเพฺพ กิร ปญฺจสตมตฺตา ปเจฺจกพุทฺธา กาสิโกสลาทีสุ ชนปเทสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ตสฺมิํ ปพฺพเต สนฺนิปติตฺวา สมาปตฺติยา วีตินาเมนฺติฯ มนุสฺสา เต ปวิสเนฺตว ปสฺสนฺติ น นิกฺขมเนฺตฯ ตโต อาหํสุ – ‘‘อยํ ปพฺพโต อิเม อิสโย คิลตี’’ติฯ ตทุปาทาย ตสฺส ‘‘อิสิคิลิ’’เตฺวว สมญฺญา อุทปาทิ, ตสฺส ปเสฺส ปพฺพตปาเทฯ
Sambahulāti vinayapariyāyena tayo janā sambahulāti vuccanti, tato paraṃ saṅgho. Suttantapariyāyena tayo tayo eva, tato paṭṭhāya sambahulā. Idha pana te suttantapariyāyena sambahulāti veditabbā. Sandiṭṭhāti nātivissāsikā na daḷhamittā; tattha tattha saṅgamma diṭṭhattā hi te sandiṭṭhāti vuccanti. Sambhattāti ativissāsikā daḷhamittā; te hi suṭṭhu bhattā bhajamānā ekasambhogaparibhogāti katvā ‘‘sambhattā’’ti vuccanti. Isigilipasseti isigili nāma pabbato, tassa passe. Pubbe kira pañcasatamattā paccekabuddhā kāsikosalādīsu janapadesu piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ tasmiṃ pabbate sannipatitvā samāpattiyā vītināmenti. Manussā te pavisanteva passanti na nikkhamante. Tato āhaṃsu – ‘‘ayaṃ pabbato ime isayo gilatī’’ti. Tadupādāya tassa ‘‘isigili’’tveva samaññā udapādi, tassa passe pabbatapāde.
ติณกุฎิโย กริตฺวาติ ติณจฺฉทนา สทฺวารพนฺธา กุฎิโย กตฺวาฯ วสฺสํ อุปคจฺฉเนฺตน หิ นาลกปฎิปทํ ปฎิปเนฺนนาปิ ปญฺจนฺนํ ฉทนานํ อญฺญตเรน ฉเนฺนเยว สทฺวารพเนฺธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํฯ โย อุปคเจฺฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๔)ฯ ตสฺมา วสฺสกาเล สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํฯ หตฺถกมฺมํ อลภเนฺตน สามมฺปิ กาตพฺพํฯ น เตฺวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํฯ อยมนุธมฺมตาฯ ตสฺมา เต ภิกฺขู ติณกุฎิโย กริตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานาทีนิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กติกวตฺตานิ จ ขนฺธกวตฺตานิ จ อธิฎฺฐาย ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขมานา วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ
Tiṇakuṭiyo karitvāti tiṇacchadanā sadvārabandhā kuṭiyo katvā. Vassaṃ upagacchantena hi nālakapaṭipadaṃ paṭipannenāpi pañcannaṃ chadanānaṃ aññatarena channeyeva sadvārabandhe senāsane upagantabbaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘na, bhikkhave, asenāsanikena vassaṃ upagantabbaṃ. Yo upagaccheyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 204). Tasmā vassakāle sace senāsanaṃ labhati, iccetaṃ kusalaṃ; no ce labhati, hatthakammaṃ pariyesitvāpi kātabbaṃ. Hatthakammaṃ alabhantena sāmampi kātabbaṃ. Na tveva asenāsanikena vassaṃ upagantabbaṃ. Ayamanudhammatā. Tasmā te bhikkhū tiṇakuṭiyo karitvā rattiṭṭhānadivāṭṭhānādīni paricchinditvā katikavattāni ca khandhakavattāni ca adhiṭṭhāya tīsu sikkhāsu sikkhamānā vassaṃ upagacchiṃsu.
อายสฺมาปิ ธนิโยติ น เกวลํ เต เถราว อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อาทิกมฺมิโก อายสฺมา ธนิโยปิฯ กุมฺภการปุโตฺตติ กุมฺภการสฺส ปุโตฺต; ตสฺส หิ นามํ ธนิโย, ปิตา กุมฺภกาโร, เตน วุตฺตํ – ‘‘ธนิโย กุมฺภการปุโตฺต’’ติฯ วสฺสํ อุปคจฺฉีติ เตหิ เถเรหิ สทฺธิํ เอกฎฺฐาเนเยว ติณกุฎิกํ กริตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉิฯ วสฺสํวุตฺถาติ ปุริมิกาย อุปคตา มหาปวารณาย ปวาริตา ปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ‘‘วุตฺถวสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เอวํ วสฺสํวุตฺถา หุตฺวาฯ
Āyasmāpi dhaniyoti na kevalaṃ te therāva imassa sikkhāpadassa ādikammiko āyasmā dhaniyopi. Kumbhakāraputtoti kumbhakārassa putto; tassa hi nāmaṃ dhaniyo, pitā kumbhakāro, tena vuttaṃ – ‘‘dhaniyo kumbhakāraputto’’ti. Vassaṃ upagacchīti tehi therehi saddhiṃ ekaṭṭhāneyeva tiṇakuṭikaṃ karitvā vassaṃ upagacchi. Vassaṃvutthāti purimikāya upagatā mahāpavāraṇāya pavāritā pāṭipadadivasato paṭṭhāya ‘‘vutthavassā’’ti vuccanti. Evaṃ vassaṃvutthā hutvā.
ติณกุฎิโย ภินฺทิตฺวาติ น ทณฺฑมุคฺคราทีหิ จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวา, วตฺตสีเสน ปน ติณญฺจ ทารุวลฺลิ-อาทีนิ จ โอโรเปตฺวาติ อโตฺถฯ เยน หิ วิหารปจฺจเนฺต กุฎิ กตา โหติ, เตน สเจ อาวาสิกา ภิกฺขู โหนฺติ, เต อาปุจฺฉิตพฺพาฯ ‘‘สเจ อิมํ กุฎิํ ปฎิชคฺคิตฺวา โกจิ วสิตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ เยน อรเญฺญ วา กตา โหติ , ปฎิชคฺคนกํ วา น ลภติ, เตน ‘‘อเญฺญสมฺปิ ปริโภคํ ภวิสฺสตี’’ติ ปฎิสาเมตฺวา คนฺตพฺพํฯ เต ปน ภิกฺขู อรเญฺญ กุฎิโย กตฺวา ปฎิชคฺคนกํ อลภนฺตา ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ ปฎิสาเมตฺวา สโงฺคเปตฺวาติ อโตฺถฯ ยถา จ ฐปิตํ ตํ อุปจิกาหิ น ขชฺชติ , อโนวสฺสกญฺจ โหติ, ตถา ฐเปตฺวา ‘‘อิทํ ฐานํ อาคนฺตฺวา วสิตุกามานํ สพฺรหฺมจารีนํ อุปการาย ภวิสฺสตี’’ติ คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวาฯ
Tiṇakuṭiyo bhinditvāti na daṇḍamuggarādīhi cuṇṇavicuṇṇaṃ katvā, vattasīsena pana tiṇañca dāruvalli-ādīni ca oropetvāti attho. Yena hi vihārapaccante kuṭi katā hoti, tena sace āvāsikā bhikkhū honti, te āpucchitabbā. ‘‘Sace imaṃ kuṭiṃ paṭijaggitvā koci vasituṃ ussahati, tassa dethā’’ti vatvā pakkamitabbaṃ. Yena araññe vā katā hoti , paṭijagganakaṃ vā na labhati, tena ‘‘aññesampi paribhogaṃ bhavissatī’’ti paṭisāmetvā gantabbaṃ. Te pana bhikkhū araññe kuṭiyo katvā paṭijagganakaṃ alabhantā tiṇañca kaṭṭhañca paṭisāmetvā saṅgopetvāti attho. Yathā ca ṭhapitaṃ taṃ upacikāhi na khajjati , anovassakañca hoti, tathā ṭhapetvā ‘‘idaṃ ṭhānaṃ āgantvā vasitukāmānaṃ sabrahmacārīnaṃ upakārāya bhavissatī’’ti gamiyavattaṃ pūretvā.
ชนปทจาริกํ ปกฺกมิํสูติ อตฺตโน อตฺตโน จิตฺตานุกูลํ ชนปทํ อคมํสุฯ อายสฺมา ปน ธนิโย กุมฺภการปุโตฺต ตเตฺถว วสฺสํ วสีติอาทิ อุตฺตานตฺถเมวฯ ยาวตติยกนฺติ ยาวตติยวารํฯ อนวโยติ อนุอวโย, สนฺธิวเสน อุการโลโปฯ อนุ อนุ อวโย, ยํ ยํ กุมฺภกาเรหิ กตฺตพฺพํ นาม อตฺถิ, สพฺพตฺถ อนูโน ปริปุณฺณสิโปฺปติ อโตฺถฯ สเกติ อตฺตโน สนฺตเกฯ อาจริยเกติ อาจริยกเมฺมฯ กุมฺภการกเมฺมติ กุมฺภการานํ กเมฺม; กุมฺภกาเรหิ กตฺตพฺพกเมฺมติ อโตฺถฯ เอเตน สกํ อาจริยกํ สรูปโต ทสฺสิตํ โหติฯ ปริโยทาตสิโปฺปติ ปริสุทฺธสิโปฺปฯ อนวยเตฺตปิ สติ อเญฺญหิ อสทิสสิโปฺปติ วุตฺตํ โหติฯ
Janapadacārikaṃ pakkamiṃsūti attano attano cittānukūlaṃ janapadaṃ agamaṃsu. Āyasmā pana dhaniyo kumbhakāraputto tattheva vassaṃ vasītiādi uttānatthameva. Yāvatatiyakanti yāvatatiyavāraṃ. Anavayoti anuavayo, sandhivasena ukāralopo. Anu anu avayo, yaṃ yaṃ kumbhakārehi kattabbaṃ nāma atthi, sabbattha anūno paripuṇṇasippoti attho. Saketi attano santake. Ācariyaketi ācariyakamme. Kumbhakārakammeti kumbhakārānaṃ kamme; kumbhakārehi kattabbakammeti attho. Etena sakaṃ ācariyakaṃ sarūpato dassitaṃ hoti. Pariyodātasippoti parisuddhasippo. Anavayattepi sati aññehi asadisasippoti vuttaṃ hoti.
สพฺพมตฺติกามยนฺติ ปิฎฺฐสงฺฆาฎกกวาฎสูจิฆฎิกวาตปานกวาฎมตฺตํ ฐเปตฺวา อวเสสํ ภิตฺติฉทนิฎฺฐกถมฺภาทิเภทํ สพฺพํ เคหสมฺภารํ มตฺติกามยเมว กตฺวาติ อโตฺถฯ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ โคมยญฺจ สงฺกฑฺฒิตฺวา ตํ กุฎิกํ ปจีติ ตํ สพฺพมตฺติกามยํ กตฺวา ปาณิกาย ฆํสิตฺวา สุกฺขาเปตฺวา เตลตมฺพมตฺติกาย ปริมชฺชิตฺวา อโนฺต จ พหิ จ ติณาทีหิ ปูเรตฺวา ยถา ปกฺกา สุปกฺกา โหติ, เอวํ ปจิฯ เอวํ ปกฺกา จ ปน สา อโหสิ กุฎิกา ฯ อภิรูปาติ สุรูปาฯ ปาสาทิกาติ ปสาทชนิกาฯ โลหิติกาติ โลหิตวณฺณาฯ กิงฺกณิกสโทฺทติ กิงฺกณิกชาลสฺส สโทฺทฯ ยถา กิร นานารตเนหิ กตสฺส กิงฺกณิกชาลสฺส สโทฺท โหติ, เอวํ ตสฺสา กุฎิกาย วาตปานนฺตริกาทีหิ ปวิเฎฺฐน วาเตน สมาหตาย สโทฺท อโหสิฯ เอเตนสฺสา อโนฺต จ พหิ จ สุปกฺกภาโว ทสฺสิโต โหติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘กิงฺกณิกา’’ติ กํสภาชนํ, ตสฺมา ยถา อภิหตสฺส กํสภาชนสฺส สโทฺท, เอวมสฺสา วาตปฺปหตาย สโทฺท อโหสี’’ติ วุตฺตํฯ
Sabbamattikāmayanti piṭṭhasaṅghāṭakakavāṭasūcighaṭikavātapānakavāṭamattaṃ ṭhapetvā avasesaṃ bhittichadaniṭṭhakathambhādibhedaṃ sabbaṃ gehasambhāraṃ mattikāmayameva katvāti attho. Tiṇañca kaṭṭhañca gomayañca saṅkaḍḍhitvā taṃ kuṭikaṃ pacīti taṃ sabbamattikāmayaṃ katvā pāṇikāya ghaṃsitvā sukkhāpetvā telatambamattikāya parimajjitvā anto ca bahi ca tiṇādīhi pūretvā yathā pakkā supakkā hoti, evaṃ paci. Evaṃ pakkā ca pana sā ahosi kuṭikā . Abhirūpāti surūpā. Pāsādikāti pasādajanikā. Lohitikāti lohitavaṇṇā. Kiṅkaṇikasaddoti kiṅkaṇikajālassa saddo. Yathā kira nānāratanehi katassa kiṅkaṇikajālassa saddo hoti, evaṃ tassā kuṭikāya vātapānantarikādīhi paviṭṭhena vātena samāhatāya saddo ahosi. Etenassā anto ca bahi ca supakkabhāvo dassito hoti. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘kiṅkaṇikā’’ti kaṃsabhājanaṃ, tasmā yathā abhihatassa kaṃsabhājanassa saddo, evamassā vātappahatāya saddo ahosī’’ti vuttaṃ.
๘๕. กิํ เอตํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ชานโนฺตว ภควา กถาสมุฎฺฐาปนตฺถํ ปุจฺฉิฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุนฺติ สพฺพมตฺติกามยาย กุฎิกาย กรณภาวํ อาทิโต ปฎฺฐาย ภควโต อาโรเจสุํฯ กถญฺหิ นาม โส, ภิกฺขเว…เป.… กุฎิกํ กริสฺสตีติ อิทํ อตีตเตฺถ อนาคตวจนํ; อกาสีติ วุตฺตํ โหติฯ ตสฺส ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํฯ น หิ นาม, ภิกฺขเว, ตสฺส โมฆปุริสสฺส ปาเณสุ อนุทฺทยา อนุกมฺปา อวิเหสา ภวิสฺสตีติ เอตฺถ อนุทฺทยาติ อนุรกฺขณา; เอเตน เมตฺตาปุพฺพภาคํ ทเสฺสติฯ อนุกมฺปาติ ปรทุเกฺขน จิตฺตกมฺปนาฯ อวิเหสาติ อวิหิํสนา; เอเตหิ กรุณาปุพฺพภาคํ ทเสฺสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภิกฺขเว , ตสฺส โมฆปุริสสฺส ปถวีขณนจิกฺขลฺลมทฺทนอคฺคิทาเนสุ พหู ขุทฺทานุขุทฺทเก ปาเณ พฺยาพาเธนฺตสฺส วินาเสนฺตสฺส เตสุ ปาเณสุ เมตฺตากรุณานํ ปุพฺพภาคมตฺตาปิ อนุทฺทยา อนุกมฺปา อวิเหสา น หิ นาม ภวิสฺสติ อปฺปมตฺตกาปิ นาม น ภวิสฺสตี’’ติฯ มา ปจฺฉิมา ชนตา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชีติ ปจฺฉิโม ชนสมูโห ปาเณสุ ปาตพฺยภาวํ มา อาปชฺชิฯ ‘‘พุทฺธกาเลปิ ภิกฺขูหิ เอวํ กตํ, อีทิเสสุ ฐาเนสุ ปาณาติปาตํ กโรนฺตานํ นตฺถิ โทโส’’ติ มญฺญิตฺวา อิมสฺส ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชมานา ปจฺฉิมา ชนตา มา ปาเณสุ ปาตเพฺย ฆํสิตเพฺพ เอวํ มญฺญีติ วุตฺตํ โหติฯ
85.Kiṃ etaṃ, bhikkhaveti ettha jānantova bhagavā kathāsamuṭṭhāpanatthaṃ pucchi. Bhagavato etamatthaṃ ārocesunti sabbamattikāmayāya kuṭikāya karaṇabhāvaṃ ādito paṭṭhāya bhagavato ārocesuṃ. Kathañhi nāma so, bhikkhave…pe… kuṭikaṃ karissatīti idaṃ atītatthe anāgatavacanaṃ; akāsīti vuttaṃ hoti. Tassa lakkhaṇaṃ saddasatthato pariyesitabbaṃ. Na hi nāma, bhikkhave, tassa moghapurisassa pāṇesu anuddayā anukampā avihesā bhavissatīti ettha anuddayāti anurakkhaṇā; etena mettāpubbabhāgaṃ dasseti. Anukampāti paradukkhena cittakampanā. Avihesāti avihiṃsanā; etehi karuṇāpubbabhāgaṃ dasseti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘bhikkhave , tassa moghapurisassa pathavīkhaṇanacikkhallamaddanaaggidānesu bahū khuddānukhuddake pāṇe byābādhentassa vināsentassa tesu pāṇesu mettākaruṇānaṃ pubbabhāgamattāpi anuddayā anukampā avihesā na hi nāma bhavissati appamattakāpi nāma na bhavissatī’’ti. Mā pacchimā janatā pāṇesu pātabyataṃ āpajjīti pacchimo janasamūho pāṇesu pātabyabhāvaṃ mā āpajji. ‘‘Buddhakālepi bhikkhūhi evaṃ kataṃ, īdisesu ṭhānesu pāṇātipātaṃ karontānaṃ natthi doso’’ti maññitvā imassa diṭṭhānugatiṃ āpajjamānā pacchimā janatā mā pāṇesu pātabye ghaṃsitabbe evaṃ maññīti vuttaṃ hoti.
เอวํ ธนิยํ ครหิตฺวา น จ, ภิกฺขเว, สพฺพมตฺติกามยา กุฎิกา กาตพฺพาติ อายติํ ตาทิสาย กุฎิกาย กรณํ ปฎิกฺขิปิ; ปฎิกฺขิปิตฺวา จ ‘‘โย กเรยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ สพฺพมตฺติกามยกุฎิกากรเณ อาปตฺติํ ฐเปสิฯ ตสฺมา โยปิ ปถวีขณนาทินา ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อนาปชฺชโนฺต ตาทิสํ กุฎิกํ กโรติ, โสปิ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ ปถวีขณนาทีหิ ปน ปาเณสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชโนฺต ยํ ยํ วตฺถุํ วีติกฺกมติ, ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ ธนิยเตฺถรสฺส อาทิกมฺมิกตฺตา อนาปตฺติฯ เสสานํ สิกฺขาปทํ อติกฺกมิตฺวา กโรนฺตานมฺปิ กตํ ลภิตฺวา ตตฺถ วสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎเมวฯ ทพฺพสมฺภารมิสฺสกา ปน ยถา วา ตถา วา มิสฺสา โหตุ, วฎฺฎติฯ สุทฺธมตฺติกามยาว น วฎฺฎติฯ สาปิ อิฎฺฐกาหิ คิญฺชกาวสถสเงฺขเปน กตา วฎฺฎติฯ เอวํ ภเนฺตติ โข…เป.… ตํ กุฎิํ ภินฺทิํสูติ ภควโต วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา กเฎฺฐหิ จ ปาสาเณหิ จ ตํ กุฎิกํ วิกิรนฺตา ภินฺทิํสุฯ
Evaṃ dhaniyaṃ garahitvā na ca, bhikkhave, sabbamattikāmayā kuṭikā kātabbāti āyatiṃ tādisāya kuṭikāya karaṇaṃ paṭikkhipi; paṭikkhipitvā ca ‘‘yo kareyya āpatti dukkaṭassā’’ti sabbamattikāmayakuṭikākaraṇe āpattiṃ ṭhapesi. Tasmā yopi pathavīkhaṇanādinā pāṇesu pātabyataṃ anāpajjanto tādisaṃ kuṭikaṃ karoti, sopi dukkaṭaṃ āpajjati. Pathavīkhaṇanādīhi pana pāṇesu pātabyataṃ āpajjanto yaṃ yaṃ vatthuṃ vītikkamati, tattha tattha vuttameva āpattiṃ āpajjati. Dhaniyattherassa ādikammikattā anāpatti. Sesānaṃ sikkhāpadaṃ atikkamitvā karontānampi kataṃ labhitvā tattha vasantānampi dukkaṭameva. Dabbasambhāramissakā pana yathā vā tathā vā missā hotu, vaṭṭati. Suddhamattikāmayāva na vaṭṭati. Sāpi iṭṭhakāhi giñjakāvasathasaṅkhepena katā vaṭṭati. Evaṃ bhanteti kho…pe… taṃ kuṭiṃ bhindiṃsūti bhagavato vacanaṃ sampaṭicchitvā kaṭṭhehi ca pāsāṇehi ca taṃ kuṭikaṃ vikirantā bhindiṃsu.
อถ โข อายสฺมา ธนิโยติอาทิมฺหิ อยํ สเงฺขปโตฺถ – ธนิโย เอกปเสฺส ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน เตน สเทฺทน อาคนฺตฺวา เต ภิกฺขู ‘‘กิสฺส เม ตุเมฺห, อาวุโส, กุฎิํ ภินฺทถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภควา เภทาเปตี’’ติ สุตฺวา สุพฺพจตาย สมฺปฎิจฺฉิฯ
Atha kho āyasmā dhaniyotiādimhi ayaṃ saṅkhepattho – dhaniyo ekapasse divāvihāraṃ nisinno tena saddena āgantvā te bhikkhū ‘‘kissa me tumhe, āvuso, kuṭiṃ bhindathā’’ti pucchitvā ‘‘bhagavā bhedāpetī’’ti sutvā subbacatāya sampaṭicchi.
กสฺมา ปน ภควา อิมินา อติมหเนฺตน อุสฺสาเหน อตฺตโน วสนตฺถํ กตํ กุฎิกํ เภทาเปสิ, นนุ เอตเสฺสตฺถ วยกมฺมมฺปิ อตฺถีติ? กิญฺจาปิ อตฺถิ, อถ โข นํ ภควา อกปฺปิยาติ ภินฺทาเปสิ, ติตฺถิยธโชติ ภินฺทาเปสิฯ อยเมตฺถ วินิจฺฉโยฯ อฎฺฐกถายํ ปน อญฺญานิปิ การณานิ วุตฺตานิ – สตฺตานุทฺทยาย, ปตฺตจีวรคุตฺตตฺถาย, เสนาสนพาหุลฺลปอเสธนายาติอาทีนิฯ ตสฺมา อิทานิปิ โย ภิกฺขุ พหุสฺสุโต วินยญฺญู อญฺญํ ภิกฺขุํ อกปฺปิยํ ปริกฺขารํ คเหตฺวา วิจรนฺตํ ทิสฺวา ตํ ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา อนุปวโชฺช , โส เนว โจเทตโพฺพ น สาเรตโพฺพ; น ตํ ลพฺภา วตฺตุํ ‘‘มม ปริกฺขาโร ตยา นาสิโต, ตํ เม เทหี’’ติฯ
Kasmā pana bhagavā iminā atimahantena ussāhena attano vasanatthaṃ kataṃ kuṭikaṃ bhedāpesi, nanu etassettha vayakammampi atthīti? Kiñcāpi atthi, atha kho naṃ bhagavā akappiyāti bhindāpesi, titthiyadhajoti bhindāpesi. Ayamettha vinicchayo. Aṭṭhakathāyaṃ pana aññānipi kāraṇāni vuttāni – sattānuddayāya, pattacīvaraguttatthāya, senāsanabāhullapaasedhanāyātiādīni. Tasmā idānipi yo bhikkhu bahussuto vinayaññū aññaṃ bhikkhuṃ akappiyaṃ parikkhāraṃ gahetvā vicarantaṃ disvā taṃ chindāpeyya vā bhindāpeyya vā anupavajjo , so neva codetabbo na sāretabbo; na taṃ labbhā vattuṃ ‘‘mama parikkhāro tayā nāsito, taṃ me dehī’’ti.
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย
Pāḷimuttakavinicchayo
ตตฺรายํ ปาฬิมุตฺตโก กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย – เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อโนฺต วา พหิ วา ปญฺจวเณฺณน สุเตฺตน สิพฺพนฺตา วณฺณมฎฺฐํ กโรนฺติ, ตํ น วฎฺฎติฯ เอกวเณฺณน ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุเตฺตน อโนฺต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปญฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ ตญฺจ โข ถิรกรณตฺถํ, น วณฺณมฎฺฐตฺถายฯ ฉตฺตปณฺณเกสุ มกรทนฺตกํ วา อฑฺฒจนฺทกํ วา ฉินฺทิตุํ น วฎฺฎติฯ ฉตฺตทเณฺฑ เคหถเมฺภสุ วิย ฆฎโก วา วาฬรูปกํ วา น วฎฺฎติฯ สเจปิ สพฺพตฺถ อารเคฺคน เลขา ทินฺนา โหติ, สาปิ น วฎฺฎติฯ ฆฎกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ภินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพํฯ เลขาปิ ฆํสิตฺวา วา อปเนตพฺพา, สุตฺตเกน วา ทโณฺฑ เวเฐตโพฺพฯ ทณฺฑพุเนฺท ปน อหิจฺฉตฺตกสณฺฐานํ วฎฺฎติฯ วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาเหตฺวา ทเณฺฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมิํ พนฺธนฎฺฐาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ ฐเปนฺติ, สา วฎฺฎติฯ
Tatrāyaṃ pāḷimuttako kappiyākappiyaparikkhāravinicchayo – keci tālapaṇṇacchattaṃ anto vā bahi vā pañcavaṇṇena suttena sibbantā vaṇṇamaṭṭhaṃ karonti, taṃ na vaṭṭati. Ekavaṇṇena pana nīlena vā pītakena vā yena kenaci suttena anto vā bahi vā sibbituṃ chattadaṇḍaggāhakaṃ salākapañjaraṃ vā vinandhituṃ vaṭṭati. Tañca kho thirakaraṇatthaṃ, na vaṇṇamaṭṭhatthāya. Chattapaṇṇakesu makaradantakaṃ vā aḍḍhacandakaṃ vā chindituṃ na vaṭṭati. Chattadaṇḍe gehathambhesu viya ghaṭako vā vāḷarūpakaṃ vā na vaṭṭati. Sacepi sabbattha āraggena lekhā dinnā hoti, sāpi na vaṭṭati. Ghaṭakampi vāḷarūpampi bhinditvā dhāretabbaṃ. Lekhāpi ghaṃsitvā vā apanetabbā, suttakena vā daṇḍo veṭhetabbo. Daṇḍabunde pana ahicchattakasaṇṭhānaṃ vaṭṭati. Vātappahārena acalanatthaṃ chattamaṇḍalikaṃ rajjukehi gāhetvā daṇḍe bandhanti, tasmiṃ bandhanaṭṭhāne valayamiva ukkiritvā lekhaṃ ṭhapenti, sā vaṭṭati.
จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทีสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฎฺฎํ ฐเปนฺติ, อญฺญมฺปิ ยํกิญฺจิ สูจิกมฺมวิการํ กโรนฺติ, ปฎฺฎมุเข วา ปริยเนฺต วา เวณิํ วา สงฺขลิกํ วา, เอวมาทิ สพฺพํ น วฎฺฎติ, ปกติสูจิกมฺมเมว วฎฺฎติฯ คณฺฐิกปฎฺฎกญฺจ ปาสกปฎฺฎญฺจ อฎฺฐโกณมฺปิ โสฬสโกณมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺถ อคฺฆิยคยมุคฺคราทีนิ ทเสฺสนฺติ, กกฺกฎกฺขีนิ อุกฺกิรนฺติ, สพฺพํ น วฎฺฎติ, จตุโกณเมว วฎฺฎติฯ โกณสุตฺตปิฬกา จ จีวเร รเตฺต ทุวิเญฺญยฺยรูปา วฎฺฎนฺติฯ กญฺชิกปิฎฺฐขลิอาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ จีวรกมฺมกาเล ปน หตฺถมลสูจิมลาทีนํ โธวนตฺถํ กิลิฎฺฐกาเล จ โธวนตฺถํ วฎฺฎติฯ คนฺธํ วา ลาขํ วา เตลํ วา รชเน ปกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ
Cīvaramaṇḍanatthāya nānāsuttakehi satapadīsadisaṃ sibbantā āgantukapaṭṭaṃ ṭhapenti, aññampi yaṃkiñci sūcikammavikāraṃ karonti, paṭṭamukhe vā pariyante vā veṇiṃ vā saṅkhalikaṃ vā, evamādi sabbaṃ na vaṭṭati, pakatisūcikammameva vaṭṭati. Gaṇṭhikapaṭṭakañca pāsakapaṭṭañca aṭṭhakoṇampi soḷasakoṇampi karonti, tattha agghiyagayamuggarādīni dassenti, kakkaṭakkhīni ukkiranti, sabbaṃ na vaṭṭati, catukoṇameva vaṭṭati. Koṇasuttapiḷakā ca cīvare ratte duviññeyyarūpā vaṭṭanti. Kañjikapiṭṭhakhaliādīsu cīvaraṃ pakkhipituṃ na vaṭṭati. Cīvarakammakāle pana hatthamalasūcimalādīnaṃ dhovanatthaṃ kiliṭṭhakāle ca dhovanatthaṃ vaṭṭati. Gandhaṃ vā lākhaṃ vā telaṃ vā rajane pakkhipituṃ na vaṭṭati.
จีวรํ รชิตฺวา สเงฺขน วา มณินา วา เยน เกนจิ น ฆเฎฺฎตพฺพํฯ ภูมิยํ ชาณุกานิ นิหนฺตฺวา หเตฺถหิ คเหตฺวา โทณิยมฺปิ น ฆํสิตพฺพํฯ โทณิยํ วา ผลเก วา ฐเปตฺวา อเนฺต คาหาเปตฺวา หเตฺถหิ ปหริตุํ ปน วฎฺฎติ; ตมฺปิ มุฎฺฐินา น กาตพฺพํฯ โปราณกเตฺถรา ปน โทณิยมฺปิ น ฐเปสุํฯ เอโก คเหตฺวา ติฎฺฐติ; อปโร หเตฺถ กตฺวา หเตฺถน ปหรติฯ จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น วฎฺฎติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํฯ ยํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) เอวํ อนุญฺญาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถายฯ คณฺฐิเกปิ โสภากรณตฺถํ เลขา วา ปิฬกา วา น วฎฺฎติ, นาเสตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ
Cīvaraṃ rajitvā saṅkhena vā maṇinā vā yena kenaci na ghaṭṭetabbaṃ. Bhūmiyaṃ jāṇukāni nihantvā hatthehi gahetvā doṇiyampi na ghaṃsitabbaṃ. Doṇiyaṃ vā phalake vā ṭhapetvā ante gāhāpetvā hatthehi paharituṃ pana vaṭṭati; tampi muṭṭhinā na kātabbaṃ. Porāṇakattherā pana doṇiyampi na ṭhapesuṃ. Eko gahetvā tiṭṭhati; aparo hatthe katvā hatthena paharati. Cīvarassa kaṇṇasuttakaṃ na vaṭṭati, rajitakāle chinditabbaṃ. Yaṃ pana ‘‘anujānāmi, bhikkhave, kaṇṇasuttaka’’nti (mahāva. 344) evaṃ anuññātaṃ, taṃ anuvāte pāsakaṃ katvā bandhitabbaṃ rajanakāle lagganatthāya. Gaṇṭhikepi sobhākaraṇatthaṃ lekhā vā piḷakā vā na vaṭṭati, nāsetvā paribhuñjitabbaṃ.
ปเตฺต วา ถาลเก วา อารเคฺคน เลขํ กโรนฺติ, อโนฺต วา พหิ วา น วฎฺฎติฯ ปตฺตํ ภมํ อาโรเปตฺวา มชฺชิตฺวา ปจนฺติ – ‘‘มณิวณฺณํ กริสฺสามา’’ติ, น วฎฺฎติ; เตลวโณฺณ ปน วฎฺฎติฯ ปตฺตมณฺฑเล ภิตฺติกมฺมํ น วฎฺฎติ, มกรทนฺตกํ ปน วฎฺฎติฯ
Patte vā thālake vā āraggena lekhaṃ karonti, anto vā bahi vā na vaṭṭati. Pattaṃ bhamaṃ āropetvā majjitvā pacanti – ‘‘maṇivaṇṇaṃ karissāmā’’ti, na vaṭṭati; telavaṇṇo pana vaṭṭati. Pattamaṇḍale bhittikammaṃ na vaṭṭati, makaradantakaṃ pana vaṭṭati.
ธมกรณฉตฺตกสฺส อุปริ วา เหฎฺฐา วา ธมกรณกุจฺฉิยํ วา เลขา น วฎฺฎติ, ฉตฺตมุขวฎฺฎิยํ ปนสฺส เลขา วฎฺฎติฯ
Dhamakaraṇachattakassa upari vā heṭṭhā vā dhamakaraṇakucchiyaṃ vā lekhā na vaṭṭati, chattamukhavaṭṭiyaṃ panassa lekhā vaṭṭati.
กายพนฺธนสฺส โสภนตฺถํ ตหิํ ตหิํ ทิคุณํ สุตฺตํ โกเฎฺฎนฺติ, กกฺกฎจฺฉีนิ อุฎฺฐเปนฺติ, น วฎฺฎติฯ อุโภสุ ปน อเนฺตสุ ทสามุขสฺส ถิรภาวาย ทิคุณํ โกเฎฺฎตุํ วฎฺฎติฯ ทสามุเข ปน ฆฎกํ วา มกรมุขํ วา เทฑฺฑุภสีสํ วา ยํกิญฺจิ วิการรูปํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ตตฺถ ตตฺถ อจฺฉีนิ ทเสฺสตฺวา มาลากมฺมลตากมฺมาทีนิ วา กตฺวา โกฎฺฎิตกายพนฺธนมฺปิ น วฎฺฎติฯ อุชุกเมว ปน มจฺฉกณฺฎกํ วา ขชฺชุริปตฺตกํ วา มฎฺฐปฎฺฎิกํ วา กตฺวา โกฎฺฎิตุํ วฎฺฎติฯ กายพนฺธนสฺส ทสา เอกา วฎฺฎติ, เทฺว ตีณิ จตฺตาริปิ วฎฺฎนฺติ; ตโต ปรํ น วฎฺฎนฺติฯ รชฺชุกกายพนฺธนํ เอกเมว วฎฺฎติฯ ปามงฺคสณฺฐานํ ปน เอกมฺปิ น วฎฺฎติฯ ทสา ปน ปามงฺคสณฺฐานาปิ วฎฺฎติฯ พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฎฺฎติฯ
Kāyabandhanassa sobhanatthaṃ tahiṃ tahiṃ diguṇaṃ suttaṃ koṭṭenti, kakkaṭacchīni uṭṭhapenti, na vaṭṭati. Ubhosu pana antesu dasāmukhassa thirabhāvāya diguṇaṃ koṭṭetuṃ vaṭṭati. Dasāmukhe pana ghaṭakaṃ vā makaramukhaṃ vā deḍḍubhasīsaṃ vā yaṃkiñci vikārarūpaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Tattha tattha acchīni dassetvā mālākammalatākammādīni vā katvā koṭṭitakāyabandhanampi na vaṭṭati. Ujukameva pana macchakaṇṭakaṃ vā khajjuripattakaṃ vā maṭṭhapaṭṭikaṃ vā katvā koṭṭituṃ vaṭṭati. Kāyabandhanassa dasā ekā vaṭṭati, dve tīṇi cattāripi vaṭṭanti; tato paraṃ na vaṭṭanti. Rajjukakāyabandhanaṃ ekameva vaṭṭati. Pāmaṅgasaṇṭhānaṃ pana ekampi na vaṭṭati. Dasā pana pāmaṅgasaṇṭhānāpi vaṭṭati. Bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ bahurajjukanti na vattabbaṃ, taṃ vaṭṭati.
กายพนฺธนวิเธ อฎฺฐมงฺคลาทิกํ ยํกิญฺจิ วิการรูปํ น วฎฺฎติ, ปริเจฺฉทเลขามตฺตํ วฎฺฎติฯ วิธกสฺส อุโภสุ อเนฺตสุ ถิรกรณตฺถาย ฆฎกํ กโรนฺติ, อยมฺปิ วฎฺฎติฯ
Kāyabandhanavidhe aṭṭhamaṅgalādikaṃ yaṃkiñci vikārarūpaṃ na vaṭṭati, paricchedalekhāmattaṃ vaṭṭati. Vidhakassa ubhosu antesu thirakaraṇatthāya ghaṭakaṃ karonti, ayampi vaṭṭati.
อญฺชนิยํ อิตฺถิปุริสจตุปฺปทสกุณรูปํ วา มาลากมฺม-ลตากมฺมมกรทนฺตก-โคมุตฺตกอฑฺฒจนฺทกาทิเภทํ วา วิการรูปํ น วฎฺฎติฯ ฆํสิตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา ยถา วา น ปญฺญายติ, ตถา สุเตฺตน เวเฐตฺวา วฬเญฺชตพฺพาฯ อุชุกเมว ปน จตุรํสา วา อฎฺฐํสา วา โสฬสํสา วา อญฺชนี วฎฺฎติฯ เหฎฺฐโต ปิสฺสา เทฺว วา ติโสฺส วา วฎฺฎเลขาโย วฎฺฎนฺติฯ คีวายมฺปิสฺสา ปิธานกพนฺธนตฺถํ เอกา วฎฺฎเลขา วฎฺฎติฯ
Añjaniyaṃ itthipurisacatuppadasakuṇarūpaṃ vā mālākamma-latākammamakaradantaka-gomuttakaaḍḍhacandakādibhedaṃ vā vikārarūpaṃ na vaṭṭati. Ghaṃsitvā vā chinditvā vā yathā vā na paññāyati, tathā suttena veṭhetvā vaḷañjetabbā. Ujukameva pana caturaṃsā vā aṭṭhaṃsā vā soḷasaṃsā vā añjanī vaṭṭati. Heṭṭhato pissā dve vā tisso vā vaṭṭalekhāyo vaṭṭanti. Gīvāyampissā pidhānakabandhanatthaṃ ekā vaṭṭalekhā vaṭṭati.
อญฺชนิสลากายปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติฯ อญฺชนิตฺถวิกายมฺปิ ยํกิญฺจิ นานาวเณฺณน สุเตฺตน วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติฯ เอเสว นโย กุญฺจิกาโกสเกปิฯ กุญฺจิกาย วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติ, ตถา สิปาฎิกายํฯ เอกวณฺณสุเตฺตน ปเนตฺถ เยน เกนจิ สิพฺพิตุํ วฎฺฎติฯ
Añjanisalākāyapi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati. Añjanitthavikāyampi yaṃkiñci nānāvaṇṇena suttena vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati. Eseva nayo kuñcikākosakepi. Kuñcikāya vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati, tathā sipāṭikāyaṃ. Ekavaṇṇasuttena panettha yena kenaci sibbituṃ vaṭṭati.
อารกณฺฎเกปิ วฎฺฎมณิกํ วา อญฺญํ วา วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติฯ คีวายํ ปน ปริเจฺฉทเลขา วฎฺฎติฯ ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปิฬกํ วา ยํกิญฺจิ อุฎฺฐเปตุํ น วฎฺฎติฯ ทณฺฑเก ปน ปริเจฺฉทเลขา วฎฺฎติฯ นขเจฺฉทนํ วลิตกํเยว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฎฺฎติฯ อุตฺตรารณิยํ วา อธรารณิยํ วา อรณิธนุเก วา อุปริเปลฺลนทณฺฑเก วา มาลากมฺมาทิกํ ยํกิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, เปลฺลนทณฺฑกสฺส ปน เวมเชฺฌ มณฺฑลํ โหติ, ตตฺถ ปริเจฺฉทเลขามตฺตํ วฎฺฎติฯ สูจิสณฺฑาสํ กโรนฺติ, เยน สูจิํ ฑํสาเปตฺวา ฆํสนฺติ, ตตฺถ มกรมุขาทิกํ ยํกิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, สูจิฑํสนตฺถํ ปน มุขมตฺตํ โหติ, ตํ วฎฺฎติฯ
Ārakaṇṭakepi vaṭṭamaṇikaṃ vā aññaṃ vā vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati. Gīvāyaṃ pana paricchedalekhā vaṭṭati. Pipphalikepi maṇikaṃ vā piḷakaṃ vā yaṃkiñci uṭṭhapetuṃ na vaṭṭati. Daṇḍake pana paricchedalekhā vaṭṭati. Nakhacchedanaṃ valitakaṃyeva karonti, tasmā taṃ vaṭṭati. Uttarāraṇiyaṃ vā adharāraṇiyaṃ vā araṇidhanuke vā uparipellanadaṇḍake vā mālākammādikaṃ yaṃkiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, pellanadaṇḍakassa pana vemajjhe maṇḍalaṃ hoti, tattha paricchedalekhāmattaṃ vaṭṭati. Sūcisaṇḍāsaṃ karonti, yena sūciṃ ḍaṃsāpetvā ghaṃsanti, tattha makaramukhādikaṃ yaṃkiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, sūciḍaṃsanatthaṃ pana mukhamattaṃ hoti, taṃ vaṭṭati.
ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนวาสิยมฺปิ ยํกิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, อุชุกเมว กปฺปิยโลเหน อุโภสุ วา ปเสฺสสุ จตุรํสํ วา อฎฺฐํสํ วา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ กตฺตรทเณฺฑปิ ยํกิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, เหฎฺฐา เอกา วา เทฺว วา วฎฺฎเลขา อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺตญฺจ วฎฺฎติฯ
Dantakaṭṭhacchedanavāsiyampi yaṃkiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, ujukameva kappiyalohena ubhosu vā passesu caturaṃsaṃ vā aṭṭhaṃsaṃ vā bandhituṃ vaṭṭati. Kattaradaṇḍepi yaṃkiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, heṭṭhā ekā vā dve vā vaṭṭalekhā upari ahicchattakamakuḷamattañca vaṭṭati.
เตลภาชเนสุ วิสาเณ วา นาฬิยํ วา อลาพุเก วา อามณฺฑสารเก วา ฐเปตฺวา อิตฺถิรูปํ ปุริสรูปญฺจ อวเสสํ สพฺพมฺปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ
Telabhājanesu visāṇe vā nāḷiyaṃ vā alābuke vā āmaṇḍasārake vā ṭhapetvā itthirūpaṃ purisarūpañca avasesaṃ sabbampi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati.
มญฺจปีเฐ ภิสิพิโมฺพหเน ภูมตฺถรเณ ปาทปุญฺฉเน จงฺกมนภิสิยา สมฺมุญฺชนิยํ กจวรฉฑฺฑนเก รชนโทณิกาย ปานียอุฬุเงฺก ปานียฆเฎ ปาทกถลิกาย ผลกปีฐเก วลยาธารเก ทณฺฑาธารเกปตฺตปิธาเน ตาลวเณฺฎ วีชเนติ – เอเตสุ สพฺพํ มาลากมฺมาทิวณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ เสนาสเน ปน ทฺวารกวาฎวาตปานกวาฎาทีสุ สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ
Mañcapīṭhe bhisibimbohane bhūmattharaṇe pādapuñchane caṅkamanabhisiyā sammuñjaniyaṃ kacavarachaḍḍanake rajanadoṇikāya pānīyauḷuṅke pānīyaghaṭe pādakathalikāya phalakapīṭhake valayādhārake daṇḍādhārakepattapidhāne tālavaṇṭe vījaneti – etesu sabbaṃ mālākammādivaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati. Senāsane pana dvārakavāṭavātapānakavāṭādīsu sabbaratanamayampi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati.
เสนาสเน กิญฺจิ ปฎิเสเธตพฺพํ นตฺถิ, อญฺญตฺร วิรุทฺธเสนาสนาฯ วิรุทฺธเสนาสนํ นาม อเญฺญสํ สีมาย ราชวลฺลเภหิ กตเสนาสนํ วุจฺจติ, ตสฺมา เย ตาทิสํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เต วตฺตพฺพา – ‘‘มา อมฺหากํ สีมาย เสนาสนํ กโรถา’’ติฯ อนาทิยิตฺวา กโรนฺติเยว, ปุนปิ วตฺตพฺพา – ‘‘มา เอวํ อกตฺถ, มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถ, มา สามคฺคิํ ภินฺทิตฺถ, ตุมฺหากํ เสนาสนํ กตมฺปิ กตฎฺฐาเน น ฐสฺสตี’’ติฯ สเจ พลกฺกาเรน กโรนฺติเยว, ยทา เตสํ ลชฺชิปริสา อุสฺสนฺนา โหติ, สกฺกา จ โหติ ลทฺธุํ ธมฺมิโก วินิจฺฉโย, ตทา เตสํ เปเสตพฺพํ – ‘‘ตุมฺหากํ อาวาสํ หรถา’’ติฯ สเจ ยาว ตติยํ เปสิเต หรนฺติ, สาธุ; โน เจ หรนฺติ, ฐเปตฺวา โพธิญฺจ เจติยญฺจ อวเสสเสนาสนานิ ภินฺทิตพฺพานิ, โน จ โข อปริโภคํ กโรเนฺตหิ, ปฎิปาฎิยา ปน ฉทน-โคปานสี-อิฎฺฐกาทีนิ อปเนตฺวา เตสํ เปเสตพฺพํ – ‘‘ตุมฺหากํ ทพฺพสมฺภาเร หรถา’’ติฯ สเจ หรนฺติ, สาธุ; โน เจ หรนฺติ, อถ เตสุ ทพฺพสมฺภาเรสุ หิมวสฺสวาตาตปาทีหิ ปูติภูเตสุ วา โจเรหิ วา หเฎสุ อคฺคินา วา ทเฑฺฒสุ สีมสามิกา ภิกฺขู อนุปวชฺชา, น ลพฺภา โจเทตุํ ‘‘ตุเมฺหหิ อมฺหากํ ทพฺพสมฺภารา นาสิตา’’ติ วา ‘‘ตุมฺหากํ คีวา’’ติ วาฯ ยํ ปน สีมสามิเกหิ ภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหตีติฯ
Senāsane kiñci paṭisedhetabbaṃ natthi, aññatra viruddhasenāsanā. Viruddhasenāsanaṃ nāma aññesaṃ sīmāya rājavallabhehi katasenāsanaṃ vuccati, tasmā ye tādisaṃ senāsanaṃ karonti, te vattabbā – ‘‘mā amhākaṃ sīmāya senāsanaṃ karothā’’ti. Anādiyitvā karontiyeva, punapi vattabbā – ‘‘mā evaṃ akattha, mā amhākaṃ uposathapavāraṇānaṃ antarāyamakattha, mā sāmaggiṃ bhindittha, tumhākaṃ senāsanaṃ katampi kataṭṭhāne na ṭhassatī’’ti. Sace balakkārena karontiyeva, yadā tesaṃ lajjiparisā ussannā hoti, sakkā ca hoti laddhuṃ dhammiko vinicchayo, tadā tesaṃ pesetabbaṃ – ‘‘tumhākaṃ āvāsaṃ harathā’’ti. Sace yāva tatiyaṃ pesite haranti, sādhu; no ce haranti, ṭhapetvā bodhiñca cetiyañca avasesasenāsanāni bhinditabbāni, no ca kho aparibhogaṃ karontehi, paṭipāṭiyā pana chadana-gopānasī-iṭṭhakādīni apanetvā tesaṃ pesetabbaṃ – ‘‘tumhākaṃ dabbasambhāre harathā’’ti. Sace haranti, sādhu; no ce haranti, atha tesu dabbasambhāresu himavassavātātapādīhi pūtibhūtesu vā corehi vā haṭesu agginā vā daḍḍhesu sīmasāmikā bhikkhū anupavajjā, na labbhā codetuṃ ‘‘tumhehi amhākaṃ dabbasambhārā nāsitā’’ti vā ‘‘tumhākaṃ gīvā’’ti vā. Yaṃ pana sīmasāmikehi bhikkhūhi kataṃ, taṃ sukatameva hotīti.
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย นิฎฺฐิโตฯ
Pāḷimuttakavinicchayo niṭṭhito.
๘๖. เอวํ ภินฺนาย ปน กุฎิกาย ธนิยสฺส ปริวิตกฺกญฺจ ปุน กุฎิกรณตฺถาย อุสฺสาหญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ โข อายสฺมโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทารุคเห คณโกติ รโญฺญ ทารุภณฺฑาคาเร ทารุโคปโกฯ เทวคหทารูนีติ เทเวน คหิตทารูนิฯ ราชปฎิคฺคหิตภูตานิ ทารูนีติ อโตฺถฯ นครปฎิสงฺขาริกานีติ นครสฺส ปฎิสงฺขารูปกรณานิฯ อาปทตฺถาย นิกฺขิตฺตานีติ อคฺคิทาเหน วา ปุราณภาเวน วา ปฎิราชูปรุนฺธนาทินา วา โคปุรฎฺฎาลกราชเนฺตปุรหตฺถิสาลาทีนํ วิปตฺติ อาปทาติ วุจฺจติฯ ตทตฺถํ นิกฺขิตฺตานีติ วุตฺตํ โหติฯ ขณฺฑาขณฺฑิกํ เฉทาเปตฺวาติ อตฺตโน กุฎิยา ปมาณํ สลฺลเกฺขตฺวา กิญฺจิ อเคฺค กิญฺจิ มเชฺฌ กิญฺจิ มูเล ขณฺฑาขณฺฑํ กโรโนฺต เฉทาเปสิฯ
86. Evaṃ bhinnāya pana kuṭikāya dhaniyassa parivitakkañca puna kuṭikaraṇatthāya ussāhañca dassetuṃ ‘‘atha kho āyasmato’’tiādi vuttaṃ. Tattha dārugahe gaṇakoti rañño dārubhaṇḍāgāre dārugopako. Devagahadārūnīti devena gahitadārūni. Rājapaṭiggahitabhūtāni dārūnīti attho. Nagarapaṭisaṅkhārikānīti nagarassa paṭisaṅkhārūpakaraṇāni. Āpadatthāya nikkhittānīti aggidāhena vā purāṇabhāvena vā paṭirājūparundhanādinā vā gopuraṭṭālakarājantepurahatthisālādīnaṃ vipatti āpadāti vuccati. Tadatthaṃ nikkhittānīti vuttaṃ hoti. Khaṇḍākhaṇḍikaṃ chedāpetvāti attano kuṭiyā pamāṇaṃ sallakkhetvā kiñci agge kiñci majjhe kiñci mūle khaṇḍākhaṇḍaṃ karonto chedāpesi.
๘๗. วสฺสกาโรติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํฯ มคธมหามโตฺตติ มคธรเฎฺฐ มหามโตฺต, มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคโต, มคธรโญฺญ วา มหามโตฺต; มหาอมโจฺจติ วุตฺตํ โหติฯ อนุสญฺญายมาโนติ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโนฯ ภเณติ อิสฺสรานํ นีจฎฺฐานิกปุริสาลปนํฯ พนฺธํ อาณาเปสีติ พฺราหฺมโณ ปกติยาปิ ตสฺมิํ อิสฺสาปกโตวฯ โส รโญฺญ ‘‘อาณาเปหี’’ติ วจนํ สุตฺวา ยสฺมา ‘‘ปโกฺกสาเปหี’’ติ รโญฺญ น วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘นํ หเตฺถสุ จ ปาเทสุ จ พนฺธํ กตฺวา อาณาเปสฺสามี’’ติ พนฺธํ อาณาเปสิฯ อทฺทส โข อายสฺมา ธนิโยติ กถํ อทฺทส? โส กิร อตฺตนา เลเสน ทารูนํ หฎภาวํ ญตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ เอส ทารูนํ การณา ราชกุลโต วธํ วา พนฺธํ วา ปาปุณิสฺสติ, ตทา นํ อหเมว โมเจสฺสามี’’ติ นิจฺจกาลํ ตสฺส ปวตฺติํ สุณโนฺตเยว วิจรติฯ ตสฺมา ตขณเญฺญว คนฺตฺวา อทฺทสฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทส โข อายสฺมา ธนิโย’’ติฯ ทารูนํ กิจฺจาติ ทารูนํ การณาฯ ปุราหํ หญฺญามีติ อหํ ปุรา หญฺญามิ; ยาว อหํ น หญฺญามิ, ตาว ตฺวํ เอยฺยาสีติ อโตฺถฯ
87.Vassakāroti tassa brāhmaṇassa nāmaṃ. Magadhamahāmattoti magadharaṭṭhe mahāmatto, mahatiyā issariyamattāya samannāgato, magadharañño vā mahāmatto; mahāamaccoti vuttaṃ hoti. Anusaññāyamānoti tattha tattha gantvā paccavekkhamāno. Bhaṇeti issarānaṃ nīcaṭṭhānikapurisālapanaṃ. Bandhaṃ āṇāpesīti brāhmaṇo pakatiyāpi tasmiṃ issāpakatova. So rañño ‘‘āṇāpehī’’ti vacanaṃ sutvā yasmā ‘‘pakkosāpehī’’ti rañño na vuttaṃ, tasmā ‘‘naṃ hatthesu ca pādesu ca bandhaṃ katvā āṇāpessāmī’’ti bandhaṃ āṇāpesi. Addasa kho āyasmā dhaniyoti kathaṃ addasa? So kira attanā lesena dārūnaṃ haṭabhāvaṃ ñatvā ‘‘nissaṃsayaṃ esa dārūnaṃ kāraṇā rājakulato vadhaṃ vā bandhaṃ vā pāpuṇissati, tadā naṃ ahameva mocessāmī’’ti niccakālaṃ tassa pavattiṃ suṇantoyeva vicarati. Tasmā takhaṇaññeva gantvā addasa. Tena vuttaṃ – ‘‘addasa kho āyasmā dhaniyo’’ti. Dārūnaṃ kiccāti dārūnaṃ kāraṇā. Purāhaṃ haññāmīti ahaṃ purā haññāmi; yāva ahaṃ na haññāmi, tāva tvaṃ eyyāsīti attho.
๘๘. อิงฺฆ, ภเนฺต, สราเปหีติ เอตฺถ อิงฺฆาติ โจทนเตฺถ นิปาโตฯ ปฐมาภิสิโตฺตติ อภิสิโตฺต หุตฺวา ปฐมํฯ เอวรูปิํ วาจํ ภาสิตาติ ‘‘ทินฺนเญฺญว สมณพฺราหฺมณานํ ติณกโฎฺฐทกํ ปริภุญฺชนฺตู’’ติ อิมํ เอวรูปิํ วาจํ อภิสิโตฺต หุตฺวา ปฐมเมว ยํ ตฺวํ อภาสิ, ตํ สยเมว ภาสิตฺวา อิทานิ สรสิ, น สรสีติ วุตฺตํ โหติฯ ราชาโน กิร อภิสิตฺตมตฺตาเยว ธมฺมเภริํ จราเปนฺติ – ‘‘ทินฺนเญฺญว สมณพฺราหฺมณานํ ติณกโฎฺฐทกํ ปริภุญฺชนฺตู’’ติ ตํ สนฺธาย เอส วทติฯ เตสํ มยา สนฺธาย ภาสิตนฺติ เตสํ อปฺปมตฺตเกปิ กุกฺกุจฺจายนฺตานํ สมิตพาหิตปาปานํ สมณพฺราหฺมณานํ ติณกโฎฺฐทกหรณํ สนฺธาย มยา เอตํ ภาสิตํ; น ตุมฺหาทิสานนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตญฺจ โข อรเญฺญ อปริคฺคหิตนฺติ ตญฺจ ติณกโฎฺฐทกํ ยํ อรเญฺญ อปริคฺคหิตํ โหติ; เอตํ สนฺธาย มยา ภาสิตนฺติ ทีเปติฯ
88.Iṅgha, bhante, sarāpehīti ettha iṅghāti codanatthe nipāto. Paṭhamābhisittoti abhisitto hutvā paṭhamaṃ. Evarūpiṃ vācaṃ bhāsitāti ‘‘dinnaññeva samaṇabrāhmaṇānaṃ tiṇakaṭṭhodakaṃ paribhuñjantū’’ti imaṃ evarūpiṃ vācaṃ abhisitto hutvā paṭhamameva yaṃ tvaṃ abhāsi, taṃ sayameva bhāsitvā idāni sarasi, na sarasīti vuttaṃ hoti. Rājāno kira abhisittamattāyeva dhammabheriṃ carāpenti – ‘‘dinnaññeva samaṇabrāhmaṇānaṃ tiṇakaṭṭhodakaṃ paribhuñjantū’’ti taṃ sandhāya esa vadati. Tesaṃ mayā sandhāya bhāsitanti tesaṃ appamattakepi kukkuccāyantānaṃ samitabāhitapāpānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ tiṇakaṭṭhodakaharaṇaṃ sandhāya mayā etaṃ bhāsitaṃ; na tumhādisānanti adhippāyo. Tañca kho araññe apariggahitanti tañca tiṇakaṭṭhodakaṃ yaṃ araññe apariggahitaṃ hoti; etaṃ sandhāya mayā bhāsitanti dīpeti.
โลเมน ตฺวํ มุโตฺตสีติ เอตฺถ โลมมิว โลมํ, กิํ ปน ตํ? ปพฺพชฺชาลิงฺคํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถา นาม ธุตฺตา ‘‘มํสํ ขาทิสฺสามา’’ติ มหคฺฆโลมํ เอฬกํ คเณฺหยฺยุํฯ ตเมนํ อโญฺญ วิญฺญุปุริโส ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส เอฬกสฺส มํสํ กหาปณมตฺตํ อคฺฆติฯ โลมานิ ปน โลมวาเร โลมวาเร อเนเก กหาปเณ อคฺฆนฺตี’’ติ เทฺว อโลมเก เอฬเก ทตฺวา คเณฺหยฺยฯ เอวํ โส เอฬโก วิญฺญุปุริสมาคมฺม โลเมน มุเจฺจยฺยฯ เอวเมว ตฺวํ อิมสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา วธพนฺธนารโหฯ ยสฺมา ปน อรหทฺธโช สพฺภิ อวชฺฌรูโป, ตฺวญฺจ สาสเน ปพฺพชิตตฺตา ยํ ปพฺพชฺชาลิงฺคภูตํ อรหทฺธชํ ธาเรสิฯ ตสฺมา ตฺวํ อิมินา ปพฺพชฺชาลิงฺคโลเมน เอฬโก วิย วิญฺญุปุริสมาคมฺม มุโตฺตสีติฯ
Lomena tvaṃ muttosīti ettha lomamiva lomaṃ, kiṃ pana taṃ? Pabbajjāliṅgaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathā nāma dhuttā ‘‘maṃsaṃ khādissāmā’’ti mahagghalomaṃ eḷakaṃ gaṇheyyuṃ. Tamenaṃ añño viññupuriso disvā ‘‘imassa eḷakassa maṃsaṃ kahāpaṇamattaṃ agghati. Lomāni pana lomavāre lomavāre aneke kahāpaṇe agghantī’’ti dve alomake eḷake datvā gaṇheyya. Evaṃ so eḷako viññupurisamāgamma lomena mucceyya. Evameva tvaṃ imassa kammassa katattā vadhabandhanāraho. Yasmā pana arahaddhajo sabbhi avajjharūpo, tvañca sāsane pabbajitattā yaṃ pabbajjāliṅgabhūtaṃ arahaddhajaṃ dhāresi. Tasmā tvaṃ iminā pabbajjāliṅgalomena eḷako viya viññupurisamāgamma muttosīti.
มนุสฺสา อุชฺฌายนฺตีติ รโญฺญ ปริสติ ภาสมานสฺส สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ สุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ, อวชฺฌายนฺติ, อวชานนฺตา ตํ ฌายนฺติ โอโลเกนฺติ ลามกโต วา จิเนฺตนฺตีติ อโตฺถฯ ขิยฺยนฺตีติ ตสฺส อวณฺณํ กเถนฺติ ปกาเสนฺติฯ วิปาเจนฺตีติ วิตฺถาริกํ กโรนฺติ, สพฺพตฺถ ปตฺถรนฺติ; อยญฺจ อโตฺถ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติอาทีนิ จิเนฺตนฺตา อุชฺฌายนฺติฯ ‘‘นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญ’’นฺติอาทีนิ ภณนฺตา ขิยฺยนฺติฯ ‘‘อปคตา อิเม สามญฺญา’’ติอาทีนิ ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถาเรนฺตา วิปาเจนฺตีติฯ เอเตน นเยน อิเมสํ ปทานํ อิโต ปรมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ อาคตปทานุรูเปน โยชนา เวทิตพฺพาฯ พฺรหฺมจาริโนติ เสฎฺฐจาริโนฯ สามญฺญนฺติ สมณภาโวฯ พฺรหฺมญฺญนฺติ เสฎฺฐภาโวฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Manussā ujjhāyantīti rañño parisati bhāsamānassa sammukhā ca parammukhā ca sutvā tattha tattha manussā ujjhāyanti, avajjhāyanti, avajānantā taṃ jhāyanti olokenti lāmakato vā cintentīti attho. Khiyyantīti tassa avaṇṇaṃ kathenti pakāsenti. Vipācentīti vitthārikaṃ karonti, sabbattha pattharanti; ayañca attho saddasatthānusārena veditabbo. Ayaṃ panettha yojanā – ‘‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā’’tiādīni cintentā ujjhāyanti. ‘‘Natthi imesaṃ sāmañña’’ntiādīni bhaṇantā khiyyanti. ‘‘Apagatā ime sāmaññā’’tiādīni tattha tattha vitthārentā vipācentīti. Etena nayena imesaṃ padānaṃ ito parampi tattha tattha āgatapadānurūpena yojanā veditabbā. Brahmacārinoti seṭṭhacārino. Sāmaññanti samaṇabhāvo. Brahmaññanti seṭṭhabhāvo. Sesaṃ uttānatthameva.
รโญฺญ ทารูนีติอาทิมฺหิ ‘‘อทินฺนํ อาทิยิสฺสตี’’ติ อยํ อุชฺฌายนโตฺถฯ ยํ ปเนตํ อทินฺนํ อาทิยิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘รโญฺญ ทารูนี’’ติ วุตฺตํฯ อิติ วจนเภเท อสมฺมุยฺหเนฺตหิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปุราณโวหาริโก มหามโตฺตติ ภิกฺขุภาวโต ปุราเณ คิหิกาเล วินิจฺฉยโวหาเร นิยุตฺตตฺตา ‘‘โวหาริโก’’ติ สงฺขํ คโต มหาอมโจฺจฯ
Rañño dārūnītiādimhi ‘‘adinnaṃ ādiyissatī’’ti ayaṃ ujjhāyanattho. Yaṃ panetaṃ adinnaṃ ādiyi, taṃ dassetuṃ ‘‘rañño dārūnī’’ti vuttaṃ. Iti vacanabhede asammuyhantehi attho veditabbo. Purāṇavohāriko mahāmattoti bhikkhubhāvato purāṇe gihikāle vinicchayavohāre niyuttattā ‘‘vohāriko’’ti saṅkhaṃ gato mahāamacco.
อถ โข ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจาติ ภควา สามํเยว โลกโวหารมฺปิ ชานาติ, อตีตพุทฺธานํ ปญฺญตฺติมฺปิ ชานาติ – ‘‘ปุเพฺพปิ พุทฺธา เอตฺตเกน ปาราชิกํ ปญฺญเปนฺติ, เอตฺตเกน ถุลฺลจฺจยํ, เอตฺตเกน ทุกฺกฎ’’นฺติฯ เอวํ สเนฺตปิ สเจ อเญฺญหิ โลกโวหารวิญฺญูหิ สทฺธิํ อสํสนฺทิตฺวา ปาทมเตฺตน ปาราชิกํ ปญฺญเปยฺย, เตนสฺส สิยุํ วตฺตาโร ‘‘สีลสํวโร นาม เอกภิกฺขุสฺสปิ อปฺปเมโยฺย อสเงฺขฺยโยฺย มหาปถวี-สมุทฺท-อากาสานิ วิย อติวิตฺถิโณฺณ, กถญฺหิ นาม ภควา ปาทมตฺตเกน นาเสสี’’ติ! ตโต ตถาคตสฺส ญาณพลํ อชานนฺตา สิกฺขาปทํ โกเปยฺยุํ, ปญฺญตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ ยถาฐาเน น ติเฎฺฐยฺยฯ โลกโวหารวิญฺญูหิ ปน สทฺธิํ สํสนฺทิตฺวา ปญฺญเตฺต โส อุปวาโท น โหติฯ อญฺญทตฺถุ เอวํ วตฺตาโร โหนฺติ – ‘‘อิเมหิ นาม อคาริกาปิ ปาทมเตฺตน โจรํ หนนฺติปิ พนฺธนฺติปิ ปพฺพาเชนฺติปิฯ กสฺมา ภควา ปพฺพชิตํ น นาเสสฺสติ; เยน ปรสนฺตกํ ติณสลากมตฺตมฺปิ น คเหตพฺพ’’นฺติ! ตถาคตสฺส จ ญาณพลํ ชานิสฺสนฺติฯ ปญฺญตฺตมฺปิ จ สิกฺขาปทํ อกุปฺปํ ภวิสฺสติ, ยถาฐาเน ฐสฺสติฯ ตสฺมา โลกโวหารวิญฺญูหิ สทฺธิํ สํสนฺทิตฺวา ปญฺญเปตุกาโม สพฺพาวนฺตํ ปริสํ อนุวิโลเกโนฺต อถ โข ภควา อวิทูเร นิสินฺนํ ทิสฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘กิตฺตเกน โข ภิกฺขุ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โจรํ คเหตฺวา หนติ วา พนฺธติ วา ปพฺพาเชติ วา’’ติฯ
Atha kho bhagavā taṃ bhikkhuṃ etadavocāti bhagavā sāmaṃyeva lokavohārampi jānāti, atītabuddhānaṃ paññattimpi jānāti – ‘‘pubbepi buddhā ettakena pārājikaṃ paññapenti, ettakena thullaccayaṃ, ettakena dukkaṭa’’nti. Evaṃ santepi sace aññehi lokavohāraviññūhi saddhiṃ asaṃsanditvā pādamattena pārājikaṃ paññapeyya, tenassa siyuṃ vattāro ‘‘sīlasaṃvaro nāma ekabhikkhussapi appameyyo asaṅkhyeyyo mahāpathavī-samudda-ākāsāni viya ativitthiṇṇo, kathañhi nāma bhagavā pādamattakena nāsesī’’ti! Tato tathāgatassa ñāṇabalaṃ ajānantā sikkhāpadaṃ kopeyyuṃ, paññattampi sikkhāpadaṃ yathāṭhāne na tiṭṭheyya. Lokavohāraviññūhi pana saddhiṃ saṃsanditvā paññatte so upavādo na hoti. Aññadatthu evaṃ vattāro honti – ‘‘imehi nāma agārikāpi pādamattena coraṃ hanantipi bandhantipi pabbājentipi. Kasmā bhagavā pabbajitaṃ na nāsessati; yena parasantakaṃ tiṇasalākamattampi na gahetabba’’nti! Tathāgatassa ca ñāṇabalaṃ jānissanti. Paññattampi ca sikkhāpadaṃ akuppaṃ bhavissati, yathāṭhāne ṭhassati. Tasmā lokavohāraviññūhi saddhiṃ saṃsanditvā paññapetukāmo sabbāvantaṃ parisaṃ anuvilokento atha kho bhagavā avidūre nisinnaṃ disvā taṃ bhikkhuṃ etadavoca ‘‘kittakena kho bhikkhu rājā māgadho seniyo bimbisāro coraṃ gahetvā hanati vā bandhati vā pabbājeti vā’’ti.
ตตฺถ มาคโธติ มคธานํ อิสฺสโรฯ เสนิโยติ เสนาย สมฺปโนฺนฯ พิมฺพิสาโรติ ตสฺส นามํฯ ปพฺพาเชติ วาติ รฎฺฐโต นิกฺขาเมติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ ปญฺจมาสโก ปาโทติ ตทา ราชคเห วีสติมาสโก กหาปโณ โหติ, ตสฺมา ปญฺจมาสโก ปาโทฯ เอเตน ลกฺขเณน สพฺพชนปเทสุ กหาปณสฺส จตุโตฺถ ภาโค ‘‘ปาโท’’ติ เวทิตโพฺพฯ โส จ โข โปราณสฺส นีลกหาปณสฺส วเสน, น อิตเรสํ รุทฺรทามกาทีนํฯ เตน หิ ปาเทน อตีตพุทฺธาปิ ปาราชิกํ ปญฺญเปสุํ, อนาคตาปิ ปญฺญเปสฺสนฺติฯ สพฺพพุทฺธานญฺหิ ปาราชิกวตฺถุมฺหิ วา ปาราชิเก วา นานตฺตํ นตฺถิฯ อิมาเนว จตฺตาริ ปาราชิกวตฺถูนิ ฯ อิมาเนว จตฺตาริ ปาราชิกานิฯ อิโต อูนํ วา อติเรกํ วา นตฺถิฯ ตสฺมา ภควาปิ ธนิยํ วิครหิตฺวา ปาเทเนว ทุติยปาราชิกํ ปญฺญเปโนฺต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาต’’นฺติอาทิมาหฯ
Tattha māgadhoti magadhānaṃ issaro. Seniyoti senāya sampanno. Bimbisāroti tassa nāmaṃ. Pabbājeti vāti raṭṭhato nikkhāmeti. Sesamettha uttānatthameva. Pañcamāsako pādoti tadā rājagahe vīsatimāsako kahāpaṇo hoti, tasmā pañcamāsako pādo. Etena lakkhaṇena sabbajanapadesu kahāpaṇassa catuttho bhāgo ‘‘pādo’’ti veditabbo. So ca kho porāṇassa nīlakahāpaṇassa vasena, na itaresaṃ rudradāmakādīnaṃ. Tena hi pādena atītabuddhāpi pārājikaṃ paññapesuṃ, anāgatāpi paññapessanti. Sabbabuddhānañhi pārājikavatthumhi vā pārājike vā nānattaṃ natthi. Imāneva cattāri pārājikavatthūni . Imāneva cattāri pārājikāni. Ito ūnaṃ vā atirekaṃ vā natthi. Tasmā bhagavāpi dhaniyaṃ vigarahitvā pādeneva dutiyapārājikaṃ paññapento ‘‘yo pana bhikkhu adinnaṃ theyyasaṅkhāta’’ntiādimāha.
เอวํ มูลเจฺฉชฺชวเสน ทฬฺหํ กตฺวา ทุติยปาราชิเก ปญฺญเตฺต อปรมฺปิ อนุปญฺญตฺตตฺถาย รชกภณฺฑิกวตฺถุ อุทปาทิ, ตสฺสุปฺปตฺติทีปนตฺถเมตํ วุตฺตํ – ‘‘เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหตี’’ติฯ ตสฺสโตฺถ จ อนุปญฺญตฺติสมฺพโนฺธ จ ปฐมปาราชิกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยถา จ อิธ, เอวํ อิโต ปเรสุ สพฺพสิกฺขาปเทสุฯ ยํ ยํ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ตํ ตํ สพฺพํ วเชฺชตฺวา อุปรูปริ อปุพฺพเมว วณฺณยิสฺสามฯ ยทิ หิ ยํ ยํ วุตฺตนยํ, ตํ ตํ ปุนปิ วณฺณยิสฺสาม, กทา วณฺณนาย อนฺตํ คมิสฺสาม! ตสฺมา ยํ ยํ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ตํ ตํ สพฺพํ สาธุกํ อุปสลฺลเกฺขตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อโตฺถ จ โยชนา จ เวทิตพฺพาฯ อปุพฺพํ ปน ยํกิญฺจิ อนุตฺตานตฺถํ, ตํ สพฺพํ มยเมว วณฺณยิสฺสามฯ
Evaṃ mūlacchejjavasena daḷhaṃ katvā dutiyapārājike paññatte aparampi anupaññattatthāya rajakabhaṇḍikavatthu udapādi, tassuppattidīpanatthametaṃ vuttaṃ – ‘‘evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hotī’’ti. Tassattho ca anupaññattisambandho ca paṭhamapārājikavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbo. Yathā ca idha, evaṃ ito paresu sabbasikkhāpadesu. Yaṃ yaṃ pubbe vuttaṃ, taṃ taṃ sabbaṃ vajjetvā uparūpari apubbameva vaṇṇayissāma. Yadi hi yaṃ yaṃ vuttanayaṃ, taṃ taṃ punapi vaṇṇayissāma, kadā vaṇṇanāya antaṃ gamissāma! Tasmā yaṃ yaṃ pubbe vuttaṃ, taṃ taṃ sabbaṃ sādhukaṃ upasallakkhetvā tattha tattha attho ca yojanā ca veditabbā. Apubbaṃ pana yaṃkiñci anuttānatthaṃ, taṃ sabbaṃ mayameva vaṇṇayissāma.
ธนิยวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhaniyavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
๙๐. รชกตฺถรณํ คนฺตฺวาติ รชกติตฺถํ คนฺตฺวา; ตญฺหิ ยสฺมา ตตฺถ รชกา วตฺถานิ อตฺถรนฺติ, ตสฺมา รชกตฺถรณนฺติ วุจฺจติฯ รชกภณฺฑิกนฺติ รชกานํ ภณฺฑิกํ; รชกา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสนฺตา พหูนิ วตฺถานิ เอเกกํ ภณฺฑิกํ พนฺธนฺติฯ ตโต เอกํ ภณฺฑิกํ เตสํ ปมาเทน อปสฺสนฺตานํ อวหริตฺวา เถเนตฺวาติ อโตฺถฯ
90.Rajakattharaṇaṃ gantvāti rajakatitthaṃ gantvā; tañhi yasmā tattha rajakā vatthāni attharanti, tasmā rajakattharaṇanti vuccati. Rajakabhaṇḍikanti rajakānaṃ bhaṇḍikaṃ; rajakā sāyanhasamaye nagaraṃ pavisantā bahūni vatthāni ekekaṃ bhaṇḍikaṃ bandhanti. Tato ekaṃ bhaṇḍikaṃ tesaṃ pamādena apassantānaṃ avaharitvā thenetvāti attho.
ปทภาชนียวณฺณนา
Padabhājanīyavaṇṇanā
๙๒. คาโม นามาติ เอวมาทิ ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส คามสฺส จ อรญฺญสฺส จ ปเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมิํ คาเม เอกา เอว กุฎิ, เอกํ เคหํ เสยฺยถาปิ มลยชนปเท; อยํ เอกกุฎิโก คาโม นามฯ เอเตน นเยน อปเรปิ เวทิตพฺพาฯ อมนุโสฺส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต; ยโต วา มนุสฺสา เกนจิ การเณน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตาฯ ปริกฺขิโตฺต นาม อิฎฺฐกปาการํ อาทิํ กตฺวา อนฺตมโส กณฺฎกสาขาหิปิ ปริกฺขิโตฺตฯ โคนิสาทินิวิโฎฺฐ นาม วีถิสนฺนิเวสาทิวเสน อนิวิสิตฺวา ยถา คาโว ตตฺถ ตตฺถ เทฺว ตโย นิสีทนฺติ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ เทฺว ตีณิ ฆรานิ กตฺวา นิวิโฎฺฐฯ สโตฺถติ ชงฺฆสตฺถสกฎสตฺถาทีสุ โย โกจิฯ อิมสฺมิญฺจ สิกฺขาปเท นิคโมปิ นครมฺปิ คามคฺคหเณเนว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
92.Gāmonāmāti evamādi ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti ettha vuttassa gāmassa ca araññassa ca pabhedadassanatthaṃ vuttaṃ. Tattha yasmiṃ gāme ekā eva kuṭi, ekaṃ gehaṃ seyyathāpi malayajanapade; ayaṃ ekakuṭiko gāmo nāma. Etena nayena aparepi veditabbā. Amanussonāma yo sabbaso vā manussānaṃ abhāvena yakkhapariggahabhūto; yato vā manussā kenaci kāraṇena punapi āgantukāmā eva apakkantā. Parikkhittonāma iṭṭhakapākāraṃ ādiṃ katvā antamaso kaṇṭakasākhāhipi parikkhitto. Gonisādiniviṭṭhonāma vīthisannivesādivasena anivisitvā yathā gāvo tattha tattha dve tayo nisīdanti, evaṃ tattha tattha dve tīṇi gharāni katvā niviṭṭho. Satthoti jaṅghasatthasakaṭasatthādīsu yo koci. Imasmiñca sikkhāpade nigamopi nagarampi gāmaggahaṇeneva gahitanti veditabbaṃ.
คามูปจาโรติอาทิ อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อินฺทขีเล ฐิตสฺสาติ ยสฺส คามสฺส อนุราธปุรเสฺสว เทฺว อินฺทขีลา, ตสฺส อพฺภนฺตริเม อินฺทขีเล ฐิตสฺส; ตสฺส หิ พาหิโร อินฺทขีโล อาภิธมฺมิกนเยน อรญฺญสเงฺขปํ คจฺฉติฯ ยสฺส ปน เอโก, ตสฺส คามทฺวารพาหานํ เวมเชฺฌ ฐิตสฺสฯ ยตฺราปิ หิ อินฺทขีโล นตฺถิ, ตตฺร คามทฺวารพาหานํ เวมชฺฌเมว ‘‘อินฺทขีโล’’ติ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘คามทฺวารพาหานํ เวมเชฺฌ ฐิตสฺสา’’ติฯ มชฺฌิมสฺสาติ ถามมชฺฌิมสฺส, โน ปมาณมชฺฌิมสฺส, เนว อปฺปถามสฺส, น มหาถามสฺส; มชฺฌิมถามสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ เลฑฺฑุปาโตติ ยถา มาตุคาโม กาเก อุฑฺฑาเปโนฺต อุชุกเมว หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปติ, ยถา จ อุทกุเกฺขเป อุทกํ ขิปนฺติ, เอวํ อขิปิตฺวา ยถา ตรุณมนุสฺสา อตฺตโน พลํ ทเสฺสนฺตา พาหํ ปสาเรตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปตนฎฺฐานํฯ ปติโต ปน ลุฐิตฺวา ยตฺถ คจฺฉติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ
Gāmūpacārotiādi araññaparicchedadassanatthaṃ vuttaṃ. Indakhīle ṭhitassāti yassa gāmassa anurādhapurasseva dve indakhīlā, tassa abbhantarime indakhīle ṭhitassa; tassa hi bāhiro indakhīlo ābhidhammikanayena araññasaṅkhepaṃ gacchati. Yassa pana eko, tassa gāmadvārabāhānaṃ vemajjhe ṭhitassa. Yatrāpi hi indakhīlo natthi, tatra gāmadvārabāhānaṃ vemajjhameva ‘‘indakhīlo’’ti vuccati. Tena vuttaṃ – ‘‘gāmadvārabāhānaṃ vemajjhe ṭhitassā’’ti. Majjhimassāti thāmamajjhimassa, no pamāṇamajjhimassa, neva appathāmassa, na mahāthāmassa; majjhimathāmassāti vuttaṃ hoti. Leḍḍupātoti yathā mātugāmo kāke uḍḍāpento ujukameva hatthaṃ ukkhipitvā leḍḍuṃ khipati, yathā ca udakukkhepe udakaṃ khipanti, evaṃ akhipitvā yathā taruṇamanussā attano balaṃ dassentā bāhaṃ pasāretvā leḍḍuṃ khipanti, evaṃ khittassa leḍḍussa patanaṭṭhānaṃ. Patito pana luṭhitvā yattha gacchati, taṃ na gahetabbaṃ.
อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโตติ เอตฺถ ปน นิพฺพโกสสฺส อุทกปาตฎฺฐาเน ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สุปฺปปาโต วา มุสลปาโต วา ฆรูปจาโร นามฯ ตสฺมิํ ฆรูปจาเร ฐิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ มหาปจฺจริยมฺปิ ตาทิสเมวฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ฆรํ นาม, ฆรูปจาโร นาม, คาโม นาม, คามูปจาโร นามา’’ติ มาติกํ ฐเปตฺวา นิพฺพโกสสฺส อุทกปาตฎฺฐานพฺภนฺตรํ ฆรํ นามฯ ยํ ปน ทฺวาเร ฐิโต มาตุคาโม ภาชนโธวนอุทกํ ฉเฑฺฑติ, ตสฺส ปตนฎฺฐานญฺจ มาตุคาเมเนว อโนฺตเคเห ฐิเตน ปกติยา พหิ ขิตฺตสฺส สุปฺปสฺส วา สมฺมุญฺชนิยา วา ปตนฎฺฐานญฺจ, ฆรสฺส ปุรโต ทฺวีสุ โกเณสุ สมฺพนฺธิตฺวา มเชฺฌ รุกฺขสูจิทฺวารํ ฐเปตฺวา โครูปานํ ปเวสนนิวารณตฺถํ กตปริเกฺขโป จ อยํ สโพฺพปิ ฆรูปจาโร นามฯ ตสฺมิํ ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ คาโม นามฯ ตโต อญฺญสฺส เลฑฺฑุปาตสฺส อพฺภนฺตรํ คามูปจาโร นามาติ วุตฺตํฯ อิทเมตฺถ ปมาณํฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ โย โย อฎฺฐกถาวาโท วา เถรวาโท วา ปจฺฉา วุจฺจติ โส ปมาณโต ทฎฺฐโพฺพฯ
Aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupātoti ettha pana nibbakosassa udakapātaṭṭhāne ṭhitassa majjhimassa purisassa suppapāto vā musalapāto vā gharūpacāro nāma. Tasmiṃ gharūpacāre ṭhitassa leḍḍupāto gāmūpacāroti kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Mahāpaccariyampi tādisameva. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘gharaṃ nāma, gharūpacāro nāma, gāmo nāma, gāmūpacāro nāmā’’ti mātikaṃ ṭhapetvā nibbakosassa udakapātaṭṭhānabbhantaraṃ gharaṃ nāma. Yaṃ pana dvāre ṭhito mātugāmo bhājanadhovanaudakaṃ chaḍḍeti, tassa patanaṭṭhānañca mātugāmeneva antogehe ṭhitena pakatiyā bahi khittassa suppassa vā sammuñjaniyā vā patanaṭṭhānañca, gharassa purato dvīsu koṇesu sambandhitvā majjhe rukkhasūcidvāraṃ ṭhapetvā gorūpānaṃ pavesananivāraṇatthaṃ kataparikkhepo ca ayaṃ sabbopi gharūpacāro nāma. Tasmiṃ gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupātabbhantaraṃ gāmo nāma. Tato aññassa leḍḍupātassa abbhantaraṃ gāmūpacāro nāmāti vuttaṃ. Idamettha pamāṇaṃ. Yathā cettha, evaṃ sabbattha yo yo aṭṭhakathāvādo vā theravādo vā pacchā vuccati so pamāṇato daṭṭhabbo.
ยเญฺจตํ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา วิรุทฺธมิว ทิสฺสติฯ ปาฬิยญฺหิ – ‘‘ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ตํ เลฑฺฑุปาตํ คามสเงฺขปํ กตฺวา ตโต ปรํ คามูปจาโร วุโตฺตติ? วุจฺจเต – สจฺจเมว ปาฬิยํ วุตฺตํ , อธิปฺปาโย ปเนตฺถ เวทิตโพฺพฯ โส จ อฎฺฐกถาจริยานเมว วิทิโตฯ ตสฺมา ยถา ‘‘ฆรูปจาเร ฐิตสฺสา’’ติ เอตฺถ ฆรูปจารลกฺขณํ ปาฬิยํ อวุตฺตมฺปิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตวเสน คหิตํฯ เอวํ เสสมฺปิ คเหตพฺพํฯ
Yañcetaṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, taṃ pāḷiyā viruddhamiva dissati. Pāḷiyañhi – ‘‘gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti ettakameva vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana taṃ leḍḍupātaṃ gāmasaṅkhepaṃ katvā tato paraṃ gāmūpacāro vuttoti? Vuccate – saccameva pāḷiyaṃ vuttaṃ , adhippāyo panettha veditabbo. So ca aṭṭhakathācariyānameva vidito. Tasmā yathā ‘‘gharūpacāre ṭhitassā’’ti ettha gharūpacāralakkhaṇaṃ pāḷiyaṃ avuttampi aṭṭhakathāyaṃ vuttavasena gahitaṃ. Evaṃ sesampi gahetabbaṃ.
ตตฺรายํ นโย – อิธ คาโม นาม ทุวิโธ โหติ – ปริกฺขิโตฺต จ อปริกฺขิโตฺต จฯ ตตฺร ปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขโปเยว ปริเจฺฉโทฯ ตสฺมา ตสฺส วิสุํ ปริเจฺฉทํ อวตฺวา ‘‘คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํฯ อปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส คามปริเจฺฉโท วตฺตโพฺพฯ ตสฺมา ตสฺส คามปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํฯ คามปริเจฺฉเท จ ทสฺสิเต คามูปจารลกฺขณํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ญาตุนฺติ ปุน ‘‘ตตฺถ ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ น วุตฺตํฯ โย ปน ฆรูปจาเร ฐิตสฺส เลฑฺฑุปาตํเยว ‘‘คามูปจาโร’’ติ วทติ, ตสฺส ฆรูปจาโร คาโมติ อาปชฺชติฯ ตโต ฆรํ, ฆรูปจาโร, คาโม , คามูปจาโรติ เอส วิภาโค สงฺกรียติฯ อสงฺกรโต เจตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสุฯ ตสฺมา ปาฬิญฺจ อฎฺฐกถญฺจ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนเวตฺถ คาโม จ คามูปจาโร จ เวทิตโพฺพฯ โยปิ จ คาโม ปุเพฺพ มหา หุตฺวา ปจฺฉา กุเลสุ นเฎฺฐสุ อปฺปโก โหติ, โส ฆรูปจารโต เลฑฺฑุปาเตเนว ปริจฺฉินฺทิตโพฺพฯ ปุริมปริเจฺฉโท ปนสฺส ปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปริกฺขิตฺตสฺสาปิ อปฺปมาณเมวาติฯ
Tatrāyaṃ nayo – idha gāmo nāma duvidho hoti – parikkhitto ca aparikkhitto ca. Tatra parikkhittassa parikkhepoyeva paricchedo. Tasmā tassa visuṃ paricchedaṃ avatvā ‘‘gāmūpacāro nāma parikkhittassa gāmassa indakhīle ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti pāḷiyaṃ vuttaṃ. Aparikkhittassa pana gāmassa gāmaparicchedo vattabbo. Tasmā tassa gāmaparicchedadassanatthaṃ ‘‘aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti vuttaṃ. Gāmaparicchede ca dassite gāmūpacāralakkhaṇaṃ pubbe vuttanayeneva sakkā ñātunti puna ‘‘tattha ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti na vuttaṃ. Yo pana gharūpacāre ṭhitassa leḍḍupātaṃyeva ‘‘gāmūpacāro’’ti vadati, tassa gharūpacāro gāmoti āpajjati. Tato gharaṃ, gharūpacāro, gāmo , gāmūpacāroti esa vibhāgo saṅkarīyati. Asaṅkarato cettha vinicchayo veditabbo vikāle gāmappavesanādīsu. Tasmā pāḷiñca aṭṭhakathañca saṃsanditvā vuttanayenevettha gāmo ca gāmūpacāro ca veditabbo. Yopi ca gāmo pubbe mahā hutvā pacchā kulesu naṭṭhesu appako hoti, so gharūpacārato leḍḍupāteneva paricchinditabbo. Purimaparicchedo panassa parikkhittassāpi aparikkhittassāpi appamāṇamevāti.
อรญฺญํ นาม ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจาติ อิมํ ยถาวุตฺตลกฺขณํ คามญฺจ คามูปจารญฺจ ฐเปตฺวา อิมสฺมิํ อทินฺนาทานสิกฺขาปเท อวเสสํ ‘‘อรญฺญํ’’ นามาติ เวทิตพฺพํฯ อภิธเมฺม ปน ‘‘อรญฺญนฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํฯ อารญฺญกสิกฺขาปเท ‘‘อารญฺญกํ นาม เสนาสนํ ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) วุตฺตํฯ ตํ อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย อาโรปิเตน อาจริยธนุนา ปญฺจธนุสตปฺปมาณนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ ภควตา ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ วิภชเนฺตน ‘‘ฆรํ, ฆรูปจาโร, คาโม, คามูปจาโร อรญฺญ’’นฺติ ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสนิเสธนตฺถํ ปญฺจ โกฎฺฐาสา ทสฺสิตาฯ ตสฺมา ฆเร วา ฆรูปจาเร วา คาเม วา คามูปจาเร วา อรเญฺญ วา ปาทคฺฆนกโต ปฎฺฐาย สสฺสามิกํ ภณฺฑํ อวหรนฺตสฺส ปาราชิกเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
Araññaṃ nāma ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcāti imaṃ yathāvuttalakkhaṇaṃ gāmañca gāmūpacārañca ṭhapetvā imasmiṃ adinnādānasikkhāpade avasesaṃ ‘‘araññaṃ’’ nāmāti veditabbaṃ. Abhidhamme pana ‘‘araññanti nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti (vibha. 529) vuttaṃ. Āraññakasikkhāpade ‘‘āraññakaṃ nāma senāsanaṃ pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti (pārā. 654) vuttaṃ. Taṃ indakhīlato paṭṭhāya āropitena ācariyadhanunā pañcadhanusatappamāṇanti veditabbaṃ. Evaṃ bhagavatā ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti etassa atthaṃ vibhajantena ‘‘gharaṃ, gharūpacāro, gāmo, gāmūpacāro arañña’’nti pāpabhikkhūnaṃ lesokāsanisedhanatthaṃ pañca koṭṭhāsā dassitā. Tasmā ghare vā gharūpacāre vā gāme vā gāmūpacāre vā araññe vā pādagghanakato paṭṭhāya sassāmikaṃ bhaṇḍaṃ avaharantassa pārājikamevāti veditabbaṃ.
อิทานิ ‘‘อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยา’’ติอาทีนํ อตฺถทสฺสนตฺถํ ‘‘อทินฺนํ นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ทนฺตโปนสิกฺขาปเท อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อปฺปฎิคฺคหิตกํ กปฺปิยํ อโชฺฌหรณียํ วุจฺจติฯ อิธ ปน ยํกิญฺจิ ปรปริคฺคหิตํ สสฺสามิกํ ภณฺฑํ, ตเทตํ เตหิ สามิเกหิ กาเยน วา วาจาย วา น ทินฺนนฺติ อทินฺนํฯ อตฺตโน หตฺถโต วา ยถาฐิตฎฺฐานโต วา น นิสฺสฎฺฐนฺติ อนิสฺสฎฺฐํฯ ยถาฐาเน ฐิตมฺปิ อนเปกฺขตาย น ปริจฺจตฺตนฺติ อปริจฺจตฺตํฯ อารกฺขสํวิธาเนน รกฺขิตตฺตา รกฺขิตํฯ มญฺชูสาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา โคปิตตฺตา โคปิตํฯ ‘‘มม อิท’’นฺติ ตณฺหามมเตฺตน มมายิตตฺตา มมายิตํฯ ตาหิ อปริจฺจาครกฺขณโคปนาหิ เตหิ ภณฺฑสามิเกหิ ปเรหิ ปริคฺคหิตนฺติ ปรปริคฺคหิตํฯ เอตํ อทินฺนํ นามฯ
Idāni ‘‘adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyeyyā’’tiādīnaṃ atthadassanatthaṃ ‘‘adinnaṃ nāmā’’tiādimāha. Tattha adinnanti dantaponasikkhāpade attano santakampi appaṭiggahitakaṃ kappiyaṃ ajjhoharaṇīyaṃ vuccati. Idha pana yaṃkiñci parapariggahitaṃ sassāmikaṃ bhaṇḍaṃ, tadetaṃ tehi sāmikehi kāyena vā vācāya vā na dinnanti adinnaṃ. Attano hatthato vā yathāṭhitaṭṭhānato vā na nissaṭṭhanti anissaṭṭhaṃ. Yathāṭhāne ṭhitampi anapekkhatāya na pariccattanti apariccattaṃ. Ārakkhasaṃvidhānena rakkhitattā rakkhitaṃ. Mañjūsādīsu pakkhipitvā gopitattā gopitaṃ. ‘‘Mama ida’’nti taṇhāmamattena mamāyitattā mamāyitaṃ. Tāhi apariccāgarakkhaṇagopanāhi tehi bhaṇḍasāmikehi parehi pariggahitanti parapariggahitaṃ. Etaṃ adinnaṃ nāma.
เถยฺยสงฺขาตนฺติ เอตฺถ เถโนติ โจโร, เถนสฺส ภาโว เถยฺยํ; อวหรณจิตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ ‘‘สงฺขา, สงฺขาต’’นฺติ อตฺถโต เอกํ; โกฎฺฐาสเสฺสตํ อธิวจนํ, ‘‘สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๘๐) วิยฯ เถยฺยญฺจ ตํ สงฺขาตญฺจาติ เถยฺยสงฺขาตํ, เถยฺยจิตฺตสงฺขาโต เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ กรณเตฺถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ, ตสฺมา เถยฺยสงฺขาเตนาติ อตฺถโต ทฎฺฐพฺพํฯ โย จ เถยฺยสงฺขาเตน อาทิยติ, โส ยสฺมา เถยฺยจิโตฺต โหติ, ตสฺมา พฺยญฺชนํ อนาทิยิตฺวา อตฺถเมว ทเสฺสตุํ เถยฺยจิโตฺต อวหรณจิโตฺตติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Theyyasaṅkhātanti ettha thenoti coro, thenassa bhāvo theyyaṃ; avaharaṇacittassetaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Saṅkhā, saṅkhāta’’nti atthato ekaṃ; koṭṭhāsassetaṃ adhivacanaṃ, ‘‘saññānidānā hi papañcasaṅkhā’’tiādīsu (su. ni. 880) viya. Theyyañca taṃ saṅkhātañcāti theyyasaṅkhātaṃ, theyyacittasaṅkhāto eko cittakoṭṭhāsoti attho. Karaṇatthe cetaṃ paccattavacanaṃ, tasmā theyyasaṅkhātenāti atthato daṭṭhabbaṃ. Yo ca theyyasaṅkhātena ādiyati, so yasmā theyyacitto hoti, tasmā byañjanaṃ anādiyitvā atthameva dassetuṃ theyyacitto avaharaṇacittoti evamassa padabhājanaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อาทิเยยฺย , หเรยฺย, อวหเรยฺย, อิริยาปถํ วิโกเปยฺย, ฐานา จาเวยฺย, สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยาติ เอตฺถ ปน ปฐมปทํ อภิโยควเสน วุตฺตํ, ทุติยปทํ อเญฺญสํ ภณฺฑํ หรนฺตสฺส คจฺฉโต วเสน, ตติยปทํ อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน, จตุตฺถํ สวิญฺญาณกวเสน, ปญฺจมํ ถเล นิกฺขิตฺตาทิวเสน, ฉฎฺฐํ ปริกปฺปวเสน วา สุงฺกฆาตวเสน วา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ โยชนา ปเนตฺถ เอกภณฺฑวเสนปิ นานาภณฺฑวเสนปิ โหติฯ เอกภณฺฑวเสน จ สวิญฺญาณเกเนว ลพฺภติ, นานาภณฺฑวเสน สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกมิสฺสเกนฯ
Ādiyeyya, hareyya, avahareyya, iriyāpathaṃ vikopeyya, ṭhānā cāveyya, saṅketaṃ vītināmeyyāti ettha pana paṭhamapadaṃ abhiyogavasena vuttaṃ, dutiyapadaṃ aññesaṃ bhaṇḍaṃ harantassa gacchato vasena, tatiyapadaṃ upanikkhittabhaṇḍavasena, catutthaṃ saviññāṇakavasena, pañcamaṃ thale nikkhittādivasena, chaṭṭhaṃ parikappavasena vā suṅkaghātavasena vā vuttanti veditabbaṃ. Yojanā panettha ekabhaṇḍavasenapi nānābhaṇḍavasenapi hoti. Ekabhaṇḍavasena ca saviññāṇakeneva labbhati, nānābhaṇḍavasena saviññāṇakāviññāṇakamissakena.
ตตฺถ นานาภณฺฑวเสน ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ – อาทิเยยฺยาติ อารามํ อภิยุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ สามิกสฺส วิมติํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ สามิโก ‘‘น มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ
Tattha nānābhaṇḍavasena tāva evaṃ veditabbaṃ – ādiyeyyāti ārāmaṃ abhiyuñjati, āpatti dukkaṭassa. Sāmikassa vimatiṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Sāmiko ‘‘na mayhaṃ bhavissatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, āpatti pārājikassa.
หเรยฺยาติ อญฺญสฺส ภณฺฑํ หรโนฺต สีเส ภารํ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ขนฺธํ โอโรเปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ
Hareyyāti aññassa bhaṇḍaṃ haranto sīse bhāraṃ theyyacitto āmasati, āpatti dukkaṭassa. Phandāpeti, āpatti thullaccayassa. Khandhaṃ oropeti, āpatti pārājikassa.
อวหเรยฺยาติ อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ วุจฺจมาโน ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ ภณติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ สามิกสฺส วิมติํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ สามิโก ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส ฯ
Avahareyyāti upanikkhittaṃ bhaṇḍaṃ ‘‘dehi me bhaṇḍa’’nti vuccamāno ‘‘nāhaṃ gaṇhāmī’’ti bhaṇati, āpatti dukkaṭassa. Sāmikassa vimatiṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Sāmiko ‘‘na mayhaṃ dassatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, āpatti pārājikassa .
อิริยาปถํ วิโกเปยฺยาติ ‘‘สหภณฺฑหารกํ เนสฺสามี’’ติ ปฐมํ ปาทํ สงฺกาเมติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ทุติยํ ปาทํ สงฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ
Iriyāpathaṃvikopeyyāti ‘‘sahabhaṇḍahārakaṃ nessāmī’’ti paṭhamaṃ pādaṃ saṅkāmeti, āpatti thullaccayassa. Dutiyaṃ pādaṃ saṅkāmeti, āpatti pārājikassa.
ฐานา จาเวยฺยาติ ถลฎฺฐํ ภณฺฑํ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ
Ṭhānā cāveyyāti thalaṭṭhaṃ bhaṇḍaṃ theyyacitto āmasati, āpatti dukkaṭassa. Phandāpeti, āpatti thullaccayassa. Ṭhānā cāveti, āpatti pārājikassa.
สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยาติ ปริกปฺปิตฎฺฐานํ ปฐมํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ อถ วา ปฐมํ ปาทํ สุงฺกฆาตํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ – อยเมตฺถ นานาภณฺฑวเสน โยชนาฯ
Saṅketaṃ vītināmeyyāti parikappitaṭṭhānaṃ paṭhamaṃ pādaṃ atikkāmeti, āpatti thullaccayassa. Dutiyaṃ pādaṃ atikkāmeti, āpatti pārājikassa. Atha vā paṭhamaṃ pādaṃ suṅkaghātaṃ atikkāmeti, āpatti thullaccayassa. Dutiyaṃ pādaṃ atikkāmeti, āpatti pārājikassāti – ayamettha nānābhaṇḍavasena yojanā.
เอกภณฺฑวเสน ปน สสฺสามิกํ ทาสํ วา ติรจฺฉานํ วา ยถาวุเตฺตน อภิโยคาทินา นเยน อาทิยติ วา หรติ วา อวหรติ วา อิริยาปถํ วา วิโกเปติ, ฐานา วา จาเวติ, ปริเจฺฉทํ วา อติกฺกาเมติ – อยเมตฺถ เอกภณฺฑวเสน โยชนาฯ
Ekabhaṇḍavasena pana sassāmikaṃ dāsaṃ vā tiracchānaṃ vā yathāvuttena abhiyogādinā nayena ādiyati vā harati vā avaharati vā iriyāpathaṃ vā vikopeti, ṭhānā vā cāveti, paricchedaṃ vā atikkāmeti – ayamettha ekabhaṇḍavasena yojanā.
ปญฺจวีสติอวหารกถา
Pañcavīsatiavahārakathā
อปิจ อิมานิ ฉ ปทานิ วเณฺณเนฺตน ปญฺจ ปญฺจเก สโมธาเนตฺวา ปญฺจวีสติ อวหารา ทเสฺสตพฺพาฯ เอวํ วณฺณยตา หิ อิทํ อทินฺนาทานปาราชิกํ สุวณฺณิตํ โหติฯ อิมสฺมิญฺจ ฐาเน สพฺพอฎฺฐกถา อากุลา ลุฬิตา ทุวิเญฺญยฺยวินิจฺฉยาฯ ตถา หิ สพฺพอฎฺฐกถาสุ ยานิ ตานิ ปาฬิยํ ‘‘ปญฺจหากาเรหิ อทินฺนํ อาทิยนฺตสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, ปรปริคฺคหิตญฺจ โหตี’’ติอาทินา นเยน อวหารงฺคานิ วุตฺตานิ, ตานิปิ คเหตฺวา กตฺถจิ เอกํ ปญฺจกํ ทสฺสิตํ, กตฺถจิ ‘‘ฉหากาเรหี’’ติ อาคเตหิ สทฺธิํ เทฺว ปญฺจกานิ ทสฺสิตานิฯ เอตานิ จ ปญฺจกานิ น โหนฺติฯ ยตฺถ หิ เอเกเกน ปเทน อวหาโร สิชฺฌติ, ตํ ปญฺจกํ นาม วุจฺจติฯ เอตฺถ ปน สเพฺพหิปิ ปเทหิ เอโกเยว อวหาโรฯ ยานิ จ ตตฺถ ลพฺภมานานิเยว ปญฺจกานิ ทสฺสิตานิ, เตสมฺปิ น สเพฺพสํ อโตฺถ ปกาสิโตฯ เอวมิมสฺมิํ ฐาเน สพฺพอฎฺฐกถา อากุลา ลุฬิตา ทุวิเญฺญยฺยวินิจฺฉยาฯ ตสฺมา ปญฺจ ปญฺจเกสโมธาเนตฺวา ทสฺสิยมานา อิเม ปญฺจวีสติ อวหารา สาธุกํ สลฺลเกฺขตพฺพาฯ
Apica imāni cha padāni vaṇṇentena pañca pañcake samodhānetvā pañcavīsati avahārā dassetabbā. Evaṃ vaṇṇayatā hi idaṃ adinnādānapārājikaṃ suvaṇṇitaṃ hoti. Imasmiñca ṭhāne sabbaaṭṭhakathā ākulā luḷitā duviññeyyavinicchayā. Tathā hi sabbaaṭṭhakathāsu yāni tāni pāḷiyaṃ ‘‘pañcahākārehi adinnaṃ ādiyantassa āpatti pārājikassa, parapariggahitañca hotī’’tiādinā nayena avahāraṅgāni vuttāni, tānipi gahetvā katthaci ekaṃ pañcakaṃ dassitaṃ, katthaci ‘‘chahākārehī’’ti āgatehi saddhiṃ dve pañcakāni dassitāni. Etāni ca pañcakāni na honti. Yattha hi ekekena padena avahāro sijjhati, taṃ pañcakaṃ nāma vuccati. Ettha pana sabbehipi padehi ekoyeva avahāro. Yāni ca tattha labbhamānāniyeva pañcakāni dassitāni, tesampi na sabbesaṃ attho pakāsito. Evamimasmiṃ ṭhāne sabbaaṭṭhakathā ākulā luḷitā duviññeyyavinicchayā. Tasmā pañca pañcakesamodhānetvā dassiyamānā ime pañcavīsati avahārā sādhukaṃ sallakkhetabbā.
ปญฺจ ปญฺจกานิ นาม – นานาภณฺฑปญฺจกํ, เอกภณฺฑปญฺจกํ, สาหตฺถิกปญฺจกํ, ปุพฺพปโยคปญฺจกํ , เถยฺยาวหารปญฺจกนฺติฯ ตตฺถ นานาภณฺฑปญฺจกญฺจ เอกภณฺฑปญฺจกญฺจ ‘‘อาทิเยยฺย, หเรยฺย, อวหเรยฺย, อิริยาปถํ วิโกเปยฺย, ฐานา จาเวยฺยา’’ติ อิเมสํ ปทานํ วเสน ลพฺภนฺติฯ ตานิ ปุเพฺพ โยเชตฺวา ทสฺสิตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ ยํ ปเนตํ ‘‘สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยา’’ติ ฉฎฺฐํ ปทํ, ตํ ปริกปฺปาวหารสฺส จ นิสฺสคฺคิยาวหารสฺส จ สาธารณํฯ ตสฺมา ตํ ตติยปญฺจเมสุ ปญฺจเกสุ ลพฺภมานปทวเสน โยเชตพฺพํฯ วุตฺตํ นานาภณฺฑปญฺจกญฺจ เอกภณฺฑปญฺจกญฺจฯ
Pañca pañcakāni nāma – nānābhaṇḍapañcakaṃ, ekabhaṇḍapañcakaṃ, sāhatthikapañcakaṃ, pubbapayogapañcakaṃ , theyyāvahārapañcakanti. Tattha nānābhaṇḍapañcakañca ekabhaṇḍapañcakañca ‘‘ādiyeyya, hareyya, avahareyya, iriyāpathaṃ vikopeyya, ṭhānā cāveyyā’’ti imesaṃ padānaṃ vasena labbhanti. Tāni pubbe yojetvā dassitanayeneva veditabbāni. Yaṃ panetaṃ ‘‘saṅketaṃ vītināmeyyā’’ti chaṭṭhaṃ padaṃ, taṃ parikappāvahārassa ca nissaggiyāvahārassa ca sādhāraṇaṃ. Tasmā taṃ tatiyapañcamesu pañcakesu labbhamānapadavasena yojetabbaṃ. Vuttaṃ nānābhaṇḍapañcakañca ekabhaṇḍapañcakañca.
กตมํ สาหตฺถิกปญฺจกํ? ปญฺจ อวหารา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, อตฺถสาธโก, ธุรนิเกฺขโปติฯ ตตฺถ สาหตฺถิโก นาม ปรสฺส ภณฺฑํ สหตฺถา อวหรติฯ อาณตฺติโก นาม ‘‘อสุกสฺส ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อญฺญํ อาณาเปติฯ นิสฺสคฺคิโย นาม อโนฺตสุงฺกฆาเต ฐิโต พหิสุงฺกฆาตํ ปาเตติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ, อิมินา จ สทฺธิํ ‘‘สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยา’’ติ อิทํ ปทโยชนํ ลภติฯ อตฺถสาธโก นาม ‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ ยทา สโกฺกสิ, ตทา อวหรา’’ติ อาณาเปติฯ ตตฺถ สเจ ปโร อนนฺตรายิโก หุตฺวา ตํ อวหรติ, อาณาปโก อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิโก โหติ, อวหารโก ปน อวหฎกาเลฯ อยํ อตฺถสาธโกฯ ธุรนิเกฺขโป ปน อุปนิกฺขิตฺตภณฺฑวเสน เวทิตโพฺพฯ อิทํ สาหตฺถิกปญฺจกํฯ
Katamaṃ sāhatthikapañcakaṃ? Pañca avahārā – sāhatthiko, āṇattiko, nissaggiyo, atthasādhako, dhuranikkhepoti. Tattha sāhatthiko nāma parassa bhaṇḍaṃ sahatthā avaharati. Āṇattiko nāma ‘‘asukassa bhaṇḍaṃ avaharā’’ti aññaṃ āṇāpeti. Nissaggiyo nāma antosuṅkaghāte ṭhito bahisuṅkaghātaṃ pāteti, āpatti pārājikassāti, iminā ca saddhiṃ ‘‘saṅketaṃ vītināmeyyā’’ti idaṃ padayojanaṃ labhati. Atthasādhako nāma ‘‘asukaṃ nāma bhaṇḍaṃ yadā sakkosi, tadā avaharā’’ti āṇāpeti. Tattha sace paro anantarāyiko hutvā taṃ avaharati, āṇāpako āṇattikkhaṇeyeva pārājiko hoti, avahārako pana avahaṭakāle. Ayaṃ atthasādhako. Dhuranikkhepo pana upanikkhittabhaṇḍavasena veditabbo. Idaṃ sāhatthikapañcakaṃ.
กตมํ ปุพฺพปโยคปญฺจกํ? อปเรปิ ปญฺจ อวหารา – ปุพฺพปโยโค, สหปโยโค, สํวิทาวหาโร, สเงฺกตกมฺมํ, นิมิตฺตกมฺมนฺติฯ ตตฺถ อาณตฺติวเสน ปุพฺพปโยโค เวทิตโพฺพฯ ฐานา จาวนวเสน สหปโยโคฯ อิตเร ปน ตโย ปาฬิยํ (ปารา. ๑๑๘-๑๒๐) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพาติฯ อิทํ ปุพฺพปโยคปญฺจกํฯ
Katamaṃ pubbapayogapañcakaṃ? Aparepi pañca avahārā – pubbapayogo, sahapayogo, saṃvidāvahāro, saṅketakammaṃ, nimittakammanti. Tattha āṇattivasena pubbapayogo veditabbo. Ṭhānā cāvanavasena sahapayogo. Itare pana tayo pāḷiyaṃ (pārā. 118-120) āgatanayeneva veditabbāti. Idaṃ pubbapayogapañcakaṃ.
กตมํ เถยฺยาวหารปญฺจกํ? อปเรปิ ปญฺจ อวหารา – เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร , ปฎิจฺฉนฺนาวหาโร, กุสาวหาโรติฯ เต ปญฺจปิ ‘‘อญฺญตโร ภิกฺขุ สงฺฆสฺส จีวเร ภาชิยมาเน เถยฺยจิโตฺต กุสํ สงฺกาเมตฺวา จีวรํ อคฺคเหสี’’ติ (ปารา. ๑๓๘) เอตสฺมิํ กุสสงฺกามนวตฺถุสฺมิํ วณฺณยิสฺสามฯ อิทํ เถยฺยาวหารปญฺจกํฯ เอวมิมานิ ปญฺจ ปญฺจกานิ สโมธาเนตฺวา อิเม ปญฺจวีสติ อวหารา เวทิตพฺพาฯ
Katamaṃ theyyāvahārapañcakaṃ? Aparepi pañca avahārā – theyyāvahāro, pasayhāvahāro, parikappāvahāro , paṭicchannāvahāro, kusāvahāroti. Te pañcapi ‘‘aññataro bhikkhu saṅghassa cīvare bhājiyamāne theyyacitto kusaṃ saṅkāmetvā cīvaraṃ aggahesī’’ti (pārā. 138) etasmiṃ kusasaṅkāmanavatthusmiṃ vaṇṇayissāma. Idaṃ theyyāvahārapañcakaṃ. Evamimāni pañca pañcakāni samodhānetvā ime pañcavīsati avahārā veditabbā.
อิเมสุ จ ปน ปญฺจสุ ปญฺจเกสุ กุสเลน วินยธเรน โอติณฺณํ วตฺถุํ สหสา อวินิจฺฉินิตฺวาว ปญฺจ ฐานานิ โอโลเกตพฺพานิฯ ยานิ สนฺธาย โปราณา อาหุ –
Imesu ca pana pañcasu pañcakesu kusalena vinayadharena otiṇṇaṃ vatthuṃ sahasā avinicchinitvāva pañca ṭhānāni oloketabbāni. Yāni sandhāya porāṇā āhu –
‘‘วตฺถุํ กาลญฺจ เทสญฺจ, อคฺฆํ ปริโภคปญฺจมํ;
‘‘Vatthuṃ kālañca desañca, agghaṃ paribhogapañcamaṃ;
ตุลยิตฺวา ปญฺจ ฐานานิ, ธาเรยฺยตฺถํ วิจกฺขโณ’’ติฯ
Tulayitvā pañca ṭhānāni, dhāreyyatthaṃ vicakkhaṇo’’ti.
ตตฺถ วตฺถุนฺติ ภณฺฑํ; อวหารเกน หิ ‘‘มยา อิทํ นาม อวหฎ’’นฺติ วุเตฺตปิ อาปตฺติํ อนาโรเปตฺวาว ตํ ภณฺฑํ สสฺสามิกํ วา อสฺสามิกํ วาติ อุปปริกฺขิตพฺพํฯ สสฺสามิเกปิ สามิกานํ สาลยภาโว วา นิราลยภาโว วา อุปปริกฺขิตโพฺพฯ สเจ เตสํ สาลยกาเล อวหฎํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา อาปตฺติ กาตพฺพาฯ สเจ นิราลยกาเล , น ปาราชิเกน กาเรตโพฺพฯ ภณฺฑสามิเกสุ ปน ภณฺฑํ อาหราเปเนฺตสุ ภณฺฑํ ทาตพฺพํฯ อยเมตฺถ สามีจิฯ
Tattha vatthunti bhaṇḍaṃ; avahārakena hi ‘‘mayā idaṃ nāma avahaṭa’’nti vuttepi āpattiṃ anāropetvāva taṃ bhaṇḍaṃ sassāmikaṃ vā assāmikaṃ vāti upaparikkhitabbaṃ. Sassāmikepi sāmikānaṃ sālayabhāvo vā nirālayabhāvo vā upaparikkhitabbo. Sace tesaṃ sālayakāle avahaṭaṃ, bhaṇḍaṃ agghāpetvā āpatti kātabbā. Sace nirālayakāle , na pārājikena kāretabbo. Bhaṇḍasāmikesu pana bhaṇḍaṃ āharāpentesu bhaṇḍaṃ dātabbaṃ. Ayamettha sāmīci.
อิมสฺส ปนตฺถสฺส ทีปนตฺถมิทํ วตฺถุ – ภาติยราชกาเล กิร มหาเจติยปูชาย ทกฺขิณทิสโต เอโก ภิกฺขุ สตฺตหตฺถํ ปณฺฑุกาสาวํ อํเส กริตฺวา เจติยงฺคณํ ปาวิสิ; ตงฺขณเมว จ ราชาปิ เจติยวนฺทนตฺถํ อาคโตฯ ตตฺถ อุสฺสารณาย วตฺตมานาย มหาชนสมฺมโทฺท อโหสิฯ อถ โส ภิกฺขุ ชนสมฺมทฺทปีฬิโต อํสโต ปตนฺตํ กาสาวํ อทิสฺวาว นิกฺขโนฺต; นิกฺขมิตฺวา จ กาสาวํ อปสฺสโนฺต ‘‘โก อีทิเส ชนสมฺมเทฺท กาสาวํ ลจฺฉติ, น ทานิ ตํ มยฺห’’นฺติ ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา คโตฯ อถโญฺญ ภิกฺขุ ปจฺฉา อาคจฺฉโนฺต ตํ กาสาวํ ทิสฺวา เถยฺยจิเตฺตน คเหตฺวา ปุน วิปฺปฎิสารี หุตฺวา ‘‘อสฺสมโณ ทานิมฺหิ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺนปิ ‘‘วินยธเร ปุจฺฉิตฺวา ญสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ
Imassa panatthassa dīpanatthamidaṃ vatthu – bhātiyarājakāle kira mahācetiyapūjāya dakkhiṇadisato eko bhikkhu sattahatthaṃ paṇḍukāsāvaṃ aṃse karitvā cetiyaṅgaṇaṃ pāvisi; taṅkhaṇameva ca rājāpi cetiyavandanatthaṃ āgato. Tattha ussāraṇāya vattamānāya mahājanasammaddo ahosi. Atha so bhikkhu janasammaddapīḷito aṃsato patantaṃ kāsāvaṃ adisvāva nikkhanto; nikkhamitvā ca kāsāvaṃ apassanto ‘‘ko īdise janasammadde kāsāvaṃ lacchati, na dāni taṃ mayha’’nti dhuranikkhepaṃ katvā gato. Athañño bhikkhu pacchā āgacchanto taṃ kāsāvaṃ disvā theyyacittena gahetvā puna vippaṭisārī hutvā ‘‘assamaṇo dānimhi, vibbhamissāmī’’ti citte uppannepi ‘‘vinayadhare pucchitvā ñassāmī’’ti cintesi.
เตน จ สมเยน จูฬสุมนเตฺถโร นาม สพฺพปริยตฺติธโร วินยาจริยปาโมโกฺข มหาวิหาเร ปฎิวสติฯ โส ภิกฺขุ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา อตฺตโน กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิฯ เถโร เตน ภเฎฺฐ ชนกาเย ปจฺฉา อาคนฺตฺวา คหิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อตฺถิ ทานิ เอตฺถ โอกาโส’’ติ จิเนฺตตฺวา อาห – ‘‘สเจ กาสาวสามิกํ ภิกฺขุํ อาเนยฺยาสิ, สกฺกา ภเวยฺย ตว ปติฎฺฐา กาตุ’’นฺติฯ ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, ตํ ทกฺขิสฺสามี’’ติ? ‘‘ตหิํ ตหิํ คนฺตฺวา โอโลเกหี’’ติฯ โส ปญฺจปิ มหาวิหาเร โอโลเกตฺวา เนว อทฺทกฺขิฯ ตโต นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘กตราย ทิสาย พหู ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘ทกฺขิณทิสาย, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ กาสาวํ ทีฆโต จ ติริยญฺจ มินิตฺวา ฐเปหิฯ ฐเปตฺวา ทกฺขิณทิสาย วิหารปฎิปาฎิยา วิจินิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อาเนหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อาเนสิฯ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ตเวทํ กาสาว’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กุหิํ เต ปาติต’’นฺติ? โส สพฺพํ อาจิกฺขิฯ เถโร ปน เตน กตํ ธุรนิเกฺขปํ สุตฺวา อิตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตยา อิทํ กุหิํ ทิสฺวา คหิต’’นฺติ? โสปิ สพฺพํ อาโรเจสิฯ ตโต นํ เถโร อาห – ‘‘สเจ เต สุทฺธจิเตฺตน คหิตํ อภวิสฺส, อนาปตฺติเยว เต อสฺสฯ เถยฺยจิเตฺตน ปน คหิตตฺตา ทุกฺกฎํ อาปโนฺนสิฯ ตํ เทเสตฺวา อนาปตฺติโก โหหิฯ อิทญฺจ กาสาวํ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา เอตเสฺสว ภิกฺขุโน เทหี’’ติฯ โส ภิกฺขุ อมเตเนว อภิสิโตฺต ปรมสฺสาสปฺปโตฺต อโหสีติฯ เอวํ วตฺถุ โอโลเกตพฺพํฯ
Tena ca samayena cūḷasumanatthero nāma sabbapariyattidharo vinayācariyapāmokkho mahāvihāre paṭivasati. So bhikkhu theraṃ upasaṅkamitvā vanditvā okāsaṃ kāretvā attano kukkuccaṃ pucchi. Thero tena bhaṭṭhe janakāye pacchā āgantvā gahitabhāvaṃ ñatvā ‘‘atthi dāni ettha okāso’’ti cintetvā āha – ‘‘sace kāsāvasāmikaṃ bhikkhuṃ āneyyāsi, sakkā bhaveyya tava patiṭṭhā kātu’’nti. ‘‘Kathāhaṃ, bhante, taṃ dakkhissāmī’’ti? ‘‘Tahiṃ tahiṃ gantvā olokehī’’ti. So pañcapi mahāvihāre oloketvā neva addakkhi. Tato naṃ thero pucchi – ‘‘katarāya disāya bahū bhikkhū āgacchantī’’ti? ‘‘Dakkhiṇadisāya, bhante’’ti. ‘‘Tena hi kāsāvaṃ dīghato ca tiriyañca minitvā ṭhapehi. Ṭhapetvā dakkhiṇadisāya vihārapaṭipāṭiyā vicinitvā taṃ bhikkhuṃ ānehī’’ti. So tathā katvā taṃ bhikkhuṃ disvā therassa santikaṃ ānesi. Thero pucchi – ‘‘tavedaṃ kāsāva’’nti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Kuhiṃ te pātita’’nti? So sabbaṃ ācikkhi. Thero pana tena kataṃ dhuranikkhepaṃ sutvā itaraṃ pucchi – ‘‘tayā idaṃ kuhiṃ disvā gahita’’nti? Sopi sabbaṃ ārocesi. Tato naṃ thero āha – ‘‘sace te suddhacittena gahitaṃ abhavissa, anāpattiyeva te assa. Theyyacittena pana gahitattā dukkaṭaṃ āpannosi. Taṃ desetvā anāpattiko hohi. Idañca kāsāvaṃ attano santakaṃ katvā etasseva bhikkhuno dehī’’ti. So bhikkhu amateneva abhisitto paramassāsappatto ahosīti. Evaṃ vatthu oloketabbaṃ.
กาโลติ อวหารกาโลฯ ตเทว หิ ภณฺฑํ กทาจิ สมคฺฆํ โหติ, กทาจิ มหคฺฆํฯ ตสฺมา ตํ ภณฺฑํ ยสฺมิํ กาเล อวหฎํ, ตสฺมิํเยว กาเล โย ตสฺส อโคฺฆ โหติ, เตน อเคฺฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพาฯ เอวํ กาโล โอโลเกตโพฺพฯ
Kāloti avahārakālo. Tadeva hi bhaṇḍaṃ kadāci samagghaṃ hoti, kadāci mahagghaṃ. Tasmā taṃ bhaṇḍaṃ yasmiṃ kāle avahaṭaṃ, tasmiṃyeva kāle yo tassa aggho hoti, tena agghena āpatti kāretabbā. Evaṃ kālo oloketabbo.
เทโสติ อวหารเทโสฯ ตญฺหิ ภณฺฑํ ยสฺมิํ เทเส อวหฎํ, ตสฺมิํเยว เทเส โย ตสฺส อโคฺฆ โหติ, เตน อเคฺฆน อาปตฺติ กาเรตพฺพาฯ ภณฺฑุฎฺฐานเทเส หิ ภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, อญฺญตฺถ มหคฺฆํฯ
Desoti avahāradeso. Tañhi bhaṇḍaṃ yasmiṃ dese avahaṭaṃ, tasmiṃyeva dese yo tassa aggho hoti, tena agghena āpatti kāretabbā. Bhaṇḍuṭṭhānadese hi bhaṇḍaṃ samagghaṃ hoti, aññattha mahagghaṃ.
อิมสฺสาปิ จ อตฺถสฺส ทีปนตฺถมิทํ วตฺถุ – อนฺตรสมุเทฺท กิร เอโก ภิกฺขุ สุสณฺฐานํ นาฬิเกรํ ลภิตฺวา ภมํ อาโรเปตฺวา สงฺขถาลกสทิสํ มโนรมํ ปานียถาลกํ กตฺวา ตเตฺถว ฐเปตฺวา เจติยคิริํ อคมาสิฯ อถโญฺญ ภิกฺขุ อนฺตรสมุทฺทํ คนฺตฺวา ตสฺมิํ วิหาเร ปฎิวสโนฺต ตํ ถาลกํ ทิสฺวา เถยฺยจิเตฺตน คเหตฺวา เจติยคิริเมว อาคโตฯ ตสฺส ตตฺถ ยาคุํ ปิวนฺตสฺส ตํ ถาลกํ ทิสฺวา ถาลกสามิโก ภิกฺขุ อาห – ‘‘กุโต เต อิทํ ลทฺธ’’นฺติ? ‘‘อนฺตรสมุทฺทโต เม อานีต’’นฺติฯ โส ตํ ‘‘เนตํ ตว สนฺตกํ, เถยฺยาย เต คหิต’’นฺติ สงฺฆมชฺฌํ อากฑฺฒิฯ ตตฺถ จ วินิจฺฉยํ อลภิตฺวา มหาวิหารํ อคมิํสุฯ ตตฺถ เภริํ ปหราเปตฺวา มหาเจติยสมีเป สนฺนิปาตํ กตฺวา วินิจฺฉยํ อารภิํสุฯ วินยธรเตฺถรา อวหารํ สญฺญาเปสุํฯ
Imassāpi ca atthassa dīpanatthamidaṃ vatthu – antarasamudde kira eko bhikkhu susaṇṭhānaṃ nāḷikeraṃ labhitvā bhamaṃ āropetvā saṅkhathālakasadisaṃ manoramaṃ pānīyathālakaṃ katvā tattheva ṭhapetvā cetiyagiriṃ agamāsi. Athañño bhikkhu antarasamuddaṃ gantvā tasmiṃ vihāre paṭivasanto taṃ thālakaṃ disvā theyyacittena gahetvā cetiyagirimeva āgato. Tassa tattha yāguṃ pivantassa taṃ thālakaṃ disvā thālakasāmiko bhikkhu āha – ‘‘kuto te idaṃ laddha’’nti? ‘‘Antarasamuddato me ānīta’’nti. So taṃ ‘‘netaṃ tava santakaṃ, theyyāya te gahita’’nti saṅghamajjhaṃ ākaḍḍhi. Tattha ca vinicchayaṃ alabhitvā mahāvihāraṃ agamiṃsu. Tattha bheriṃ paharāpetvā mahācetiyasamīpe sannipātaṃ katvā vinicchayaṃ ārabhiṃsu. Vinayadharattherā avahāraṃ saññāpesuṃ.
ตสฺมิญฺจ สนฺนิปาเต อาภิธมฺมิกโคทตฺตเตฺถโร นาม วินยกุสโล โหติฯ โส เอวมาห – ‘‘อิมินา อิทํ ถาลกํ กุหิํ อวหฎ’’นฺติ? ‘‘อนฺตรสมุเทฺท อวหฎ’’นฺติฯ ‘‘ตตฺริทํ กิํ อคฺฆตี’’ติ? ‘‘น กิญฺจิ อคฺฆติฯ ตตฺร หิ นาฬิเกรํ ภินฺทิตฺวา มิญฺชํ ขาทิตฺวา กปาลํ ฉเฑฺฑนฺติ, ทารุอตฺถํ ปน ผรตี’’ติฯ ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน เอตฺถ หตฺถกมฺมํ กิํ อคฺฆตี’’ติ? ‘‘มาสกํ วา อูนมาสกํ วา’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน กตฺถจิ สมฺมาสมฺพุเทฺธน มาสเกน วา อูนมาสเกน วา ปาราชิกํ ปญฺญตฺต’’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต ‘‘สาธุ! สาธุ! สุกถิตํ สุวินิจฺฉิต’’นฺติ เอกสาธุกาโร อโหสิฯ เตน จ สมเยน ภาติยราชาปิ เจติยวนฺทนตฺถํ นครโต นิกฺขมโนฺต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิํ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปฎิปาฎิยา สุตฺวา นคเร เภริํ จราเปสิ – ‘‘มยิ สเนฺต ภิกฺขูนมฺปิ ภิกฺขูนีนมฺปิ คิหีนมฺปิ อธิกรณํ อาภิธมฺมิกโคทตฺตเตฺถเรน วินิจฺฉิตํ สุวินิจฺฉิตํ, ตสฺส วินิจฺฉเย อติฎฺฐมานํ ราชาณาย ฐเปมี’’ติฯ เอวํ เทโส โอโลเกตโพฺพฯ
Tasmiñca sannipāte ābhidhammikagodattatthero nāma vinayakusalo hoti. So evamāha – ‘‘iminā idaṃ thālakaṃ kuhiṃ avahaṭa’’nti? ‘‘Antarasamudde avahaṭa’’nti. ‘‘Tatridaṃ kiṃ agghatī’’ti? ‘‘Na kiñci agghati. Tatra hi nāḷikeraṃ bhinditvā miñjaṃ khāditvā kapālaṃ chaḍḍenti, dāruatthaṃ pana pharatī’’ti. ‘‘Imassa bhikkhuno ettha hatthakammaṃ kiṃ agghatī’’ti? ‘‘Māsakaṃ vā ūnamāsakaṃ vā’’ti. ‘‘Atthi pana katthaci sammāsambuddhena māsakena vā ūnamāsakena vā pārājikaṃ paññatta’’nti. Evaṃ vutte ‘‘sādhu! Sādhu! Sukathitaṃ suvinicchita’’nti ekasādhukāro ahosi. Tena ca samayena bhātiyarājāpi cetiyavandanatthaṃ nagarato nikkhamanto taṃ saddaṃ sutvā ‘‘kiṃ ida’’nti pucchitvā sabbaṃ paṭipāṭiyā sutvā nagare bheriṃ carāpesi – ‘‘mayi sante bhikkhūnampi bhikkhūnīnampi gihīnampi adhikaraṇaṃ ābhidhammikagodattattherena vinicchitaṃ suvinicchitaṃ, tassa vinicchaye atiṭṭhamānaṃ rājāṇāya ṭhapemī’’ti. Evaṃ deso oloketabbo.
อโคฺฆติ ภณฺฑโคฺฆฯ นวภณฺฑสฺส หิ โย อโคฺฆ โหติ, โส ปจฺฉา ปริหายติ; ยถา นวโธโต ปโตฺต อฎฺฐ วา ทส วา อคฺฆติ, โส ปจฺฉา ภิโนฺน วา ฉิโทฺท วา อาณิคณฺฐิกาหโต วา อปฺปโคฺฆ โหติ ตสฺมา น สพฺพทา ภณฺฑํ ปกติอเคฺฆเนว กาตพฺพนฺติฯ เอวํ อโคฺฆ โอโลเกตโพฺพฯ
Agghoti bhaṇḍaggho. Navabhaṇḍassa hi yo aggho hoti, so pacchā parihāyati; yathā navadhoto patto aṭṭha vā dasa vā agghati, so pacchā bhinno vā chiddo vā āṇigaṇṭhikāhato vā appaggho hoti tasmā na sabbadā bhaṇḍaṃ pakatiaggheneva kātabbanti. Evaṃ aggho oloketabbo.
ปริโภโคติ ภณฺฑปริโภโคฯ ปริโภเคนาปิ หิ วาสิอาทิภณฺฑสฺส อโคฺฆ ปริหายติฯ ตสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิตพฺพํ, สเจ โกจิ กสฺสจิ ปาทคฺฆนกํ วาสิํ หรติ, ตตฺร วาสิสามิโก ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘‘ตยา อยํ วาสิ กิตฺตเกน กีตา’’ติ? ‘‘ปาเทน, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ ปน เต กิณิตฺวาว ฐปิตา, อุทาหุ ตํ วฬเญฺชสี’’ติ? สเจ วทติ ‘‘เอกทิวสํ เม ทนฺตกฎฺฐํ วา รชนฉลฺลิํ วา ปตฺตปจนกทารุํ วา ฉินฺนํ, ฆํสิตฺวา วา นิสิตา’’ติฯ อถสฺสา โปราโณ อโคฺฆ ภโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ ยถา จ วาสิยา เอวํ อญฺชนิยา วา อญฺชนิสลากาย วา กุญฺจิกาย วา ปลาเลน วา ถุเสหิ วา อิฎฺฐกจุเณฺณน วา เอกวารํ ฆํสิตฺวา โธวนมเตฺตนาปิ อโคฺฆ ภสฺสติฯ ติปุมณฺฑลสฺส มกรทนฺตเจฺฉทเนนาปิ ปริมชฺชิตมเตฺตนาปิ, อุทกสาฎิกาย สกิํ นิวาสนปารุปเนนาปิ ปริโภคสีเสน อํเส วา สีเส วา ฐปนมเตฺตนาปิ, ตณฺฑุลาทีนํ ปโปฺผฎเนนาปิ ตโต เอกํ วา เทฺว วา อปนยเนนาปิ, อนฺตมโส เอกํ ปาสาณสกฺขรํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมเตฺตนาปิ, สปฺปิเตลาทีนํ ภาชนนฺตรปอวตฺตเนนาปิ, อนฺตมโส ตโต มกฺขิกํ วา กิปิลฺลิกํ วา อุทฺธริตฺวา ฉฑฺฑิตมเตฺตนาปิ, คุฬปิณฺฑกสฺส มธุรภาวชานนตฺถํ นเขน วิชฺฌิตฺวา อณุมตฺตํ คหิตมเตฺตนาปิ อโคฺฆ ภสฺสติฯ ตสฺมา ยํกิญฺจิ ปาทคฺฆนกํ วุตฺตนเยเนว สามิเกหิ ปริโภเคน อูนํ กตํ โหติ, น ตํ อวหโฎ ภิกฺขุ ปาราชิเกน กาตโพฺพฯ เอวํ ปริโภโค โอโลเกตโพฺพฯ เอวํ อิมานิ ตุลยิตฺวา ปญฺจ ฐานานิ ธาเรยฺยตฺถํ วิจกฺขโณ, อาปตฺติํ วา อนาปตฺติํ วา ครุกํ วา ลหุกํ วา อาปตฺติํ ยถาฐาเน ฐเปยฺยาติฯ
Paribhogoti bhaṇḍaparibhogo. Paribhogenāpi hi vāsiādibhaṇḍassa aggho parihāyati. Tasmā evaṃ upaparikkhitabbaṃ, sace koci kassaci pādagghanakaṃ vāsiṃ harati, tatra vāsisāmiko pucchitabbo – ‘‘tayā ayaṃ vāsi kittakena kītā’’ti? ‘‘Pādena, bhante’’ti. ‘‘Kiṃ pana te kiṇitvāva ṭhapitā, udāhu taṃ vaḷañjesī’’ti? Sace vadati ‘‘ekadivasaṃ me dantakaṭṭhaṃ vā rajanachalliṃ vā pattapacanakadāruṃ vā chinnaṃ, ghaṃsitvā vā nisitā’’ti. Athassā porāṇo aggho bhaṭṭhoti veditabbo. Yathā ca vāsiyā evaṃ añjaniyā vā añjanisalākāya vā kuñcikāya vā palālena vā thusehi vā iṭṭhakacuṇṇena vā ekavāraṃ ghaṃsitvā dhovanamattenāpi aggho bhassati. Tipumaṇḍalassa makaradantacchedanenāpi parimajjitamattenāpi, udakasāṭikāya sakiṃ nivāsanapārupanenāpi paribhogasīsena aṃse vā sīse vā ṭhapanamattenāpi, taṇḍulādīnaṃ papphoṭanenāpi tato ekaṃ vā dve vā apanayanenāpi, antamaso ekaṃ pāsāṇasakkharaṃ uddharitvā chaḍḍitamattenāpi, sappitelādīnaṃ bhājanantarapaavattanenāpi, antamaso tato makkhikaṃ vā kipillikaṃ vā uddharitvā chaḍḍitamattenāpi, guḷapiṇḍakassa madhurabhāvajānanatthaṃ nakhena vijjhitvā aṇumattaṃ gahitamattenāpi aggho bhassati. Tasmā yaṃkiñci pādagghanakaṃ vuttanayeneva sāmikehi paribhogena ūnaṃ kataṃ hoti, na taṃ avahaṭo bhikkhu pārājikena kātabbo. Evaṃ paribhogo oloketabbo. Evaṃ imāni tulayitvā pañca ṭhānāni dhāreyyatthaṃ vicakkhaṇo, āpattiṃ vā anāpattiṃ vā garukaṃ vā lahukaṃ vā āpattiṃ yathāṭhāne ṭhapeyyāti.
นิฎฺฐิโต ‘‘อาทิเยยฺย…เป.… สเงฺกตํ วีตินาเมยฺยา’’ติฯ
Niṭṭhito ‘‘ādiyeyya…pe… saṅketaṃ vītināmeyyā’’ti.
อิเมสํ ปทานํ วินิจฺฉโยฯ
Imesaṃ padānaṃ vinicchayo.
อิทานิ ยทิทํ ‘‘ยถารูเป อทินฺนาทาเน’’ติอาทีนิ วิภชเนฺตน ‘‘ยถารูปํ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถารูปนฺติ ยถาชาติกํฯ ตํ ปน ยสฺมา ปาทโต ปฎฺฐาย โหติ, ตสฺมา ‘‘ปาทํ วา ปาทารหํ วา อติเรกปาทํ วา’’ติ อาหฯ ตตฺถ ปาเทน กหาปณสฺส จตุตฺถภาคํ อกปฺปิยภณฺฑเมว ทเสฺสติฯ ปาทารเหน ปาทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํฯ อติเรกปาเทน อุภยมฺปิฯ เอตฺตาวตา สพฺพากาเรน ทุติยปาราชิกปฺปโหนกวตฺถุ ทสฺสิตํ โหติฯ
Idāni yadidaṃ ‘‘yathārūpe adinnādāne’’tiādīni vibhajantena ‘‘yathārūpaṃ nāmā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathārūpanti yathājātikaṃ. Taṃ pana yasmā pādato paṭṭhāya hoti, tasmā ‘‘pādaṃ vā pādārahaṃ vā atirekapādaṃ vā’’ti āha. Tattha pādena kahāpaṇassa catutthabhāgaṃ akappiyabhaṇḍameva dasseti. Pādārahena pādagghanakaṃ kappiyabhaṇḍaṃ. Atirekapādena ubhayampi. Ettāvatā sabbākārena dutiyapārājikappahonakavatthu dassitaṃ hoti.
ปถพฺยา ราชาติ สกลปถวิยา ราชา ทีปจกฺกวตฺตี อโสกสทิโส, โย วา ปนโญฺญปิ เอกทีเป ราชา, สีหฬราชสทิโสฯ ปเทสราชาติ เอกทีปสฺส ปเทสิสฺสโร, พิมฺพิสาร-ปเสนทิ-อาทโย วิยฯ มณฺฑลิกา นาม เย ทีปปเทเสปิ เอกเมกํ มณฺฑลํ ภุญฺชนฺติฯ อนฺตรโภคิกา นาม ทฺวินฺนํ ราชูนํ อนฺตรา กติปยคามสามิกาฯ อกฺขทสฺสาติ ธมฺมวินิจฺฉนกา, เต ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา อปราธานุรูปํ โจรานํ หตฺถปาทเจฺฉชฺชาทิํ อนุสาสนฺติฯ เย ปน ฐานนฺตรปฺปตฺตา อมจฺจา วา ราชกุมารา วา กตาปราธา โหนฺติ, เต รโญฺญ อาโรเจนฺติ, ครุกํ ฐานํ สยํ น วินิจฺฉินนฺติฯ มหามตฺตาติ ฐานนฺตรปฺปตฺตา มหาอมจฺจา; เตปิ ตตฺถ ตตฺถ คาเม วา นิคเม วา นิสีทิตฺวา ราชกิจฺจํ กโรนฺติฯ เย วา ปนาติ อเญฺญปิ เย ราชกุลนิสฺสิตา วา สกิสฺสริยนิสฺสิตา วา หุตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, สเพฺพปิ เต อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘ราชาโน’’ติ ทเสฺสติฯ
Pathabyā rājāti sakalapathaviyā rājā dīpacakkavattī asokasadiso, yo vā panaññopi ekadīpe rājā, sīhaḷarājasadiso. Padesarājāti ekadīpassa padesissaro, bimbisāra-pasenadi-ādayo viya. Maṇḍalikā nāma ye dīpapadesepi ekamekaṃ maṇḍalaṃ bhuñjanti. Antarabhogikā nāma dvinnaṃ rājūnaṃ antarā katipayagāmasāmikā. Akkhadassāti dhammavinicchanakā, te dhammasabhāyaṃ nisīditvā aparādhānurūpaṃ corānaṃ hatthapādacchejjādiṃ anusāsanti. Ye pana ṭhānantarappattā amaccā vā rājakumārā vā katāparādhā honti, te rañño ārocenti, garukaṃ ṭhānaṃ sayaṃ na vinicchinanti. Mahāmattāti ṭhānantarappattā mahāamaccā; tepi tattha tattha gāme vā nigame vā nisīditvā rājakiccaṃ karonti. Ye vā panāti aññepi ye rājakulanissitā vā sakissariyanissitā vā hutvā chejjabhejjaṃ anusāsanti, sabbepi te imasmiṃ atthe ‘‘rājāno’’ti dasseti.
หเนยฺยุนฺติ โปเถยฺยุเญฺจว ฉิเนฺทยฺยุญฺจฯ ปพฺพาเชยฺยุนฺติ นีหเรยฺยุํฯ โจโรสีติ เอวมาทีนิ จ วตฺวา ปริภาเสยฺยุํ; เตเนวาห – ‘‘ปริภาโส เอโส’’ติฯ ปุริมํ อุปาทายาติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิตฺวา ปาราชิกํ อาปตฺติํ อาปนฺนํ ปุคฺคลํ อุปาทายฯ เสสํ ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานปทตฺถตฺตา จ ปากฎเมวาติฯ
Haneyyunti potheyyuñceva chindeyyuñca. Pabbājeyyunti nīhareyyuṃ. Corosīti evamādīni ca vatvā paribhāseyyuṃ; tenevāha – ‘‘paribhāso eso’’ti. Purimaṃ upādāyāti methunaṃ dhammaṃ paṭisevitvā pārājikaṃ āpattiṃ āpannaṃ puggalaṃ upādāya. Sesaṃ pubbe vuttanayattā uttānapadatthattā ca pākaṭamevāti.
๙๓. เอวํ อุทฺทิฎฺฐสิกฺขาปทํ ปทานุกฺกเมน วิภชิตฺวา อิทานิ ยํ ตํ อาทิเยยฺยาติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ สเงฺขปโต อาทานํ ทเสฺสตฺวา สเงฺขปโตเอว ‘‘ปาทํ วา ปาทารหํ วา อติเรกปาทํ วา’’ติ อาทาตพฺพภณฺฑํ ทสฺสิตํ, ตํ ยตฺถ ยตฺถ ฐิตํ, ยถา ยถา อาทานํ คจฺฉติ, อนาคเต ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสนิรุนฺธนตฺถํ ตถา ตถา วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ภูมฎฺฐํ ถลฎฺฐ’’นฺติอาทินา นเยน มาติกํ ฐเปตฺวา ‘‘ภูมฎฺฐํ นาม ภณฺฑํ ภูมิยํ นิกฺขิตฺตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน ตสฺส วิภงฺคํ อาหฯ
93. Evaṃ uddiṭṭhasikkhāpadaṃ padānukkamena vibhajitvā idāni yaṃ taṃ ādiyeyyātiādīhi chahi padehi saṅkhepato ādānaṃ dassetvā saṅkhepatoeva ‘‘pādaṃ vā pādārahaṃ vā atirekapādaṃ vā’’ti ādātabbabhaṇḍaṃ dassitaṃ, taṃ yattha yattha ṭhitaṃ, yathā yathā ādānaṃ gacchati, anāgate pāpabhikkhūnaṃ lesokāsanirundhanatthaṃ tathā tathā vitthārato dassetuṃ ‘‘bhūmaṭṭhaṃ thalaṭṭha’’ntiādinā nayena mātikaṃ ṭhapetvā ‘‘bhūmaṭṭhaṃ nāma bhaṇḍaṃ bhūmiyaṃ nikkhittaṃ hotī’’tiādinā nayena tassa vibhaṅgaṃ āha.
ปญฺจวีสติอวหารกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcavīsatiavahārakathā niṭṭhitā.
ภูมฎฺฐกถา
Bhūmaṭṭhakathā
๙๔. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนาย สทฺธิํ วินิจฺฉยกถาฯ นิขาตนฺติ ภูมิยํ ขณิตฺวา ฐปิตํฯ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ ปํสุอิฎฺฐกาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนํฯ ภูมฎฺฐํ ภณฺฑํ…เป.… คจฺฉติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ ตํ เอวํ นิขณิตฺวา วา ปฎิจฺฉาเทตฺวา วา ฐปิตตฺตา ภูมิยํ ฐิตํ ภณฺฑํ โย ภิกฺขุ เกนจิเทว อุปาเยน ญตฺวา ‘‘อาหริสฺสามี’’ติ เถยฺยจิโตฺต หุตฺวา รตฺติภาเค อุฎฺฐาย คจฺฉติ, โส ภณฺฑฎฺฐานํ อปฺปตฺวาปิ สพฺพกายวจีวิกาเรสุ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ กถํ? โส หิ ตสฺส อาหรณตฺถาย อุฎฺฐหโนฺต ยํ ยํ องฺคปจฺจงฺคํ ผนฺทาเปติ, สพฺพตฺถ ทุกฺกฎเมวฯ นิวาสนปารุปนํ สณฺฐเปติ, หตฺถวาเร หตฺถวาเร ทุกฺกฎํฯ ‘‘มหนฺตํ นิธานํ น สกฺกา เอเกน อาหริตุํ, ทุติยํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ กสฺสจิ สหายสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ทฺวารํ วิวรติ, ปทวาเร จ หตฺถวาเร จ ทุกฺกฎํฯ ทฺวารปิทหเน ปน อญฺญสฺมิํ วา คมนสฺส อนุปกาเร อนาปตฺติฯ ตสฺส นิปโนฺนกาสํ คนฺตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามา’’ติ ปโกฺกสติ, ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วทติ, วาจาย วาจาย ทุกฺกฎํฯ โส ตสฺส วจเนน อุฎฺฐหติ, ตสฺสาปิ ทุกฺกฎํฯ อุฎฺฐหิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม นิวาสนปารุปนํ สณฺฐเปติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ตสฺส สมีปํ คจฺฉติ, หตฺถวารปทวาเรสุ สพฺพตฺถ ทุกฺกฎํฯ โส ตํ ปุจฺฉติ ‘‘อสุโก จ อสุโก จ กุหิํ, อสุกญฺจ อสุกญฺจ ปโกฺกสาหี’’ติ, วาจาย วาจาย ทุกฺกฎํฯ สเพฺพ สมาคเต ทิสฺวา ‘‘มยา อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน เอวรูโป นิธิ อุปลโทฺธ, คจฺฉาม ตํ คเหตฺวา ปุญฺญานิ จ กริสฺสาม, สุขญฺจ ชีวิสฺสามา’’ติ วทติ, วาจาย วาจาย ทุกฺกฎเมวฯ
94. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanāya saddhiṃ vinicchayakathā. Nikhātanti bhūmiyaṃ khaṇitvā ṭhapitaṃ. Paṭicchannanti paṃsuiṭṭhakādīhi paṭicchannaṃ. Bhūmaṭṭhaṃ bhaṇḍaṃ…pe… gacchati vā, āpatti dukkaṭassāti taṃ evaṃ nikhaṇitvā vā paṭicchādetvā vā ṭhapitattā bhūmiyaṃ ṭhitaṃ bhaṇḍaṃ yo bhikkhu kenacideva upāyena ñatvā ‘‘āharissāmī’’ti theyyacitto hutvā rattibhāge uṭṭhāya gacchati, so bhaṇḍaṭṭhānaṃ appatvāpi sabbakāyavacīvikāresu dukkaṭaṃ āpajjati. Kathaṃ? So hi tassa āharaṇatthāya uṭṭhahanto yaṃ yaṃ aṅgapaccaṅgaṃ phandāpeti, sabbattha dukkaṭameva. Nivāsanapārupanaṃ saṇṭhapeti, hatthavāre hatthavāre dukkaṭaṃ. ‘‘Mahantaṃ nidhānaṃ na sakkā ekena āharituṃ, dutiyaṃ pariyesissāmī’’ti kassaci sahāyassa santikaṃ gantukāmo dvāraṃ vivarati, padavāre ca hatthavāre ca dukkaṭaṃ. Dvārapidahane pana aññasmiṃ vā gamanassa anupakāre anāpatti. Tassa nipannokāsaṃ gantvā ‘‘itthannāmā’’ti pakkosati, tamatthaṃ ārocetvā ‘‘ehi gacchāmā’’ti vadati, vācāya vācāya dukkaṭaṃ. So tassa vacanena uṭṭhahati, tassāpi dukkaṭaṃ. Uṭṭhahitvā tassa santikaṃ gantukāmo nivāsanapārupanaṃ saṇṭhapeti, dvāraṃ vivaritvā tassa samīpaṃ gacchati, hatthavārapadavāresu sabbattha dukkaṭaṃ. So taṃ pucchati ‘‘asuko ca asuko ca kuhiṃ, asukañca asukañca pakkosāhī’’ti, vācāya vācāya dukkaṭaṃ. Sabbe samāgate disvā ‘‘mayā asukasmiṃ nāma ṭhāne evarūpo nidhi upaladdho, gacchāma taṃ gahetvā puññāni ca karissāma, sukhañca jīvissāmā’’ti vadati, vācāya vācāya dukkaṭameva.
เอวํ ลทฺธสหาโย กุทาลํ ปริเยสติฯ สเจ ปนสฺส อตฺตโน กุทาโล อตฺถิ, ‘‘ตํ อาหริสฺสามี’’ติ คจฺฉโนฺต จ คณฺหโนฺต จ อาหรโนฺต จ สพฺพตฺถ หตฺถวารปทวาเรสุ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ ฯ สเจ นตฺถิ, อญฺญํ ภิกฺขุํ วา คหฎฺฐํ วา คนฺตฺวา ยาจติ, ยาจโนฺต จ สเจ ‘‘กุทาลํ เม เทหิ, กุทาเลน เม อโตฺถ , กิญฺจิ กาตพฺพมตฺถิ, ตํ กตฺวา ปจฺจาหริสฺสามี’’ติ มุสา อภณโนฺต ยาจติ, วาจาย วาจาย ทุกฺกฎํฯ สเจ ‘‘มาติกา โสเธตพฺพา อตฺถิ, วิหาเร ภูมิกมฺมํ กาตพฺพํ อตฺถี’’ติ มุสาปิ ภณติ, ยํ ยํ วจนํ มุสา, ตตฺถ ตตฺถ ปาจิตฺติยํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน สเจฺจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฎเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ น หิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎํ นาม อตฺถิฯ สเจ ปน กุทาลสฺส ทโณฺฑ นตฺถิ, ‘‘ทณฺฑํ กริสฺสามี’’ติ วาสิํ วา ผรสุํ วา นิเสติ, ตทตฺถาย คจฺฉติ, คนฺตฺวา สุกฺขกฎฺฐํ ฉินฺทติ ตจฺฉติ อาโกเฎติ, สพฺพตฺถ หตฺถวารปทวาเรสุ ทุกฺกฎํฯ อลฺลรุกฺขํ ฉินฺทติ, ปาจิตฺติยํฯ ตโต ปรํ สพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎํฯ สเงฺขปฎฺฐกถายํ ปน มหาปจฺจริยญฺจ ตตฺถ ชาตกกฎฺฐลตาเฉทนตฺถํ วาสิผรสุํ ปริเยสนฺตานมฺปิ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ สเจ ปน เตสํ เอวํ โหติ ‘‘วาสิผรสุกุทาเล ยาจนฺตา อาสงฺกิตา ภวิสฺสาม, โลหํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กโรมา’’ติฯ ตโต อรญฺญํ คนฺตฺวา โลหพีชตฺถํ ปถวิํ ขณนฺติ, อกปฺปิยปถวิํ ขณนฺตานํ ทุกฺกเฎหิ สทฺธิํ ปาจิตฺติยานีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎา น มุจฺจติฯ กปฺปิยปถวิํ ขณนฺตานํ ทุกฺกฎานิเยวฯ พีชํ ปน คเหตฺวา ตโต ปรํ สพฺพกิริยาสุ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ
Evaṃ laddhasahāyo kudālaṃ pariyesati. Sace panassa attano kudālo atthi, ‘‘taṃ āharissāmī’’ti gacchanto ca gaṇhanto ca āharanto ca sabbattha hatthavārapadavāresu dukkaṭaṃ āpajjati . Sace natthi, aññaṃ bhikkhuṃ vā gahaṭṭhaṃ vā gantvā yācati, yācanto ca sace ‘‘kudālaṃ me dehi, kudālena me attho , kiñci kātabbamatthi, taṃ katvā paccāharissāmī’’ti musā abhaṇanto yācati, vācāya vācāya dukkaṭaṃ. Sace ‘‘mātikā sodhetabbā atthi, vihāre bhūmikammaṃ kātabbaṃ atthī’’ti musāpi bhaṇati, yaṃ yaṃ vacanaṃ musā, tattha tattha pācittiyaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana saccepi alikepi dukkaṭameva vuttaṃ, taṃ pamādalikhitanti veditabbaṃ. Na hi adinnādānassa pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne dukkaṭaṃ nāma atthi. Sace pana kudālassa daṇḍo natthi, ‘‘daṇḍaṃ karissāmī’’ti vāsiṃ vā pharasuṃ vā niseti, tadatthāya gacchati, gantvā sukkhakaṭṭhaṃ chindati tacchati ākoṭeti, sabbattha hatthavārapadavāresu dukkaṭaṃ. Allarukkhaṃ chindati, pācittiyaṃ. Tato paraṃ sabbapayogesu dukkaṭaṃ. Saṅkhepaṭṭhakathāyaṃ pana mahāpaccariyañca tattha jātakakaṭṭhalatāchedanatthaṃ vāsipharasuṃ pariyesantānampi dukkaṭaṃ vuttaṃ. Sace pana tesaṃ evaṃ hoti ‘‘vāsipharasukudāle yācantā āsaṅkitā bhavissāma, lohaṃ samuṭṭhāpetvā karomā’’ti. Tato araññaṃ gantvā lohabījatthaṃ pathaviṃ khaṇanti, akappiyapathaviṃ khaṇantānaṃ dukkaṭehi saddhiṃ pācittiyānīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Yathā ca idha, evaṃ sabbattha pācittiyaṭṭhāne dukkaṭā na muccati. Kappiyapathaviṃ khaṇantānaṃ dukkaṭāniyeva. Bījaṃ pana gahetvā tato paraṃ sabbakiriyāsu payoge payoge dukkaṭaṃ.
ปิฎกปริเยสเนปิ หตฺถวารปทวาเรสุ วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฎํฯ มุสาวาเท ปาจิตฺติยํฯ ปิฎกํ กาตุกามตาย วลฺลิเจฺฉทเน ปาจิตฺติยนฺติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ คจฺฉติ วา อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอวํ ปริยิฎฺฐสหายกุทาลปิฎโก นิธิฎฺฐานํ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน คจฺฉโนฺต ‘‘อิมํ นิธิํ ลทฺธา พุทฺธปูชํ วา ธมฺมปูชํ วา สงฺฆภตฺตํ วา กริสฺสามี’’ติ กุสลํ อุปฺปาเทติ, กุสลจิเตฺตน คมเน อนาปตฺติฯ กสฺมา? ‘‘เถยฺยจิโตฺต ทุติยํ วา…เป.… คจฺฉติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ อเถยฺยจิตฺตสฺส อนาปตฺติฯ มคฺคโต โอกฺกมฺม นิธานฎฺฐานํ คมนตฺถาย มคฺคํ กโรโนฺต ภูตคามํ ฉินฺทติ, ปาจิตฺติยํฯ สุกฺขกฎฺฐํ ฉินฺทติ, ทุกฺกฎํฯ
Piṭakapariyesanepi hatthavārapadavāresu vuttanayeneva dukkaṭaṃ. Musāvāde pācittiyaṃ. Piṭakaṃ kātukāmatāya vallicchedane pācittiyanti sabbaṃ purimanayeneva veditabbaṃ. Gacchati vā āpatti dukkaṭassāti evaṃ pariyiṭṭhasahāyakudālapiṭako nidhiṭṭhānaṃ gacchati, padavāre padavāre dukkaṭaṃ. Sace pana gacchanto ‘‘imaṃ nidhiṃ laddhā buddhapūjaṃ vā dhammapūjaṃ vā saṅghabhattaṃ vā karissāmī’’ti kusalaṃ uppādeti, kusalacittena gamane anāpatti. Kasmā? ‘‘Theyyacitto dutiyaṃ vā…pe… gacchati vā, āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā. Yathā ca idha, evaṃ sabbattha atheyyacittassa anāpatti. Maggato okkamma nidhānaṭṭhānaṃ gamanatthāya maggaṃ karonto bhūtagāmaṃ chindati, pācittiyaṃ. Sukkhakaṭṭhaṃ chindati, dukkaṭaṃ.
ตตฺถชาตกนฺติ จิรนิหิตาย กุมฺภิยา อุปริ ชาตกํฯ กฎฺฐํ วา ลตํ วาติ น เกวลํ กฎฺฐลตเมว, ยํกิญฺจิ อลฺลํ วา สุกฺขํ วา ติณรุกฺขลตาทิํ ฉินฺทนฺตสฺส สหปโยคตฺตา ทุกฺกฎเมว โหติฯ
Tatthajātakanti ciranihitāya kumbhiyā upari jātakaṃ. Kaṭṭhaṃ vā lataṃ vāti na kevalaṃ kaṭṭhalatameva, yaṃkiñci allaṃ vā sukkhaṃ vā tiṇarukkhalatādiṃ chindantassa sahapayogattā dukkaṭameva hoti.
อฎฺฐวิธํ เหตํ ทุกฺกฎํ นาม อิมสฺมิํ ฐาเน สโมธาเนตฺวา เถเรหิ ทสฺสิตํ – ปุพฺพปโยคทุกฺกฎํ , สหปโยคทุกฺกฎํ, อนามาสทุกฺกฎํ, ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํ, วินยทุกฺกฎํ, ญาตทุกฺกฎํ, ญตฺติทุกฺกฎํ, ปฎิสฺสวทุกฺกฎนฺติฯ ตตฺถ ‘‘เถยฺยจิโตฺต ทุติยํ วา กุทาลํ วา ปิฎกํ วา ปริเยสติ คจฺฉติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ อิทํ ปุพฺพปโยคทุกฺกฎํ นามฯ เอตฺถ หิ ทุกฺกฎฎฺฐาเน ทุกฺกฎํ, ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยเมว โหติฯ ‘‘ตตฺถชาตกํ กฎฺฐํ วา ลตํ วา ฉินฺทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ อิทํ สหปโยคทุกฺกฎํ นามฯ เอตฺถ ปน ปาจิตฺติยวตฺถุ จ ทุกฺกฎวตฺถุ จ ทุกฺกฎฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติฯ กสฺมา? อวหารสฺส สหปโยคตฺตาติฯ ยํ ปน ทสวิธํ รตนํ, สตฺตวิธํ ธญฺญํ, สพฺพญฺจ อาวุธภณฺฑาทิํ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํ, อิทํ อนามาสทุกฺกฎํ นามฯ ยํ กทลินาฬิเกราทีนํ ตตฺถชาตกผลานิ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํ, อิทํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํ นามฯ ยํ ปน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส ปเตฺต รเช ปติเต ปตฺตํ อปฺปฎิคฺคเหตฺวา อโธวิตฺวา วา ตตฺถ ภิกฺขํ คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํ, อิทํ วินยทุกฺกฎํ นามฯ ‘‘สุตฺวา น วทนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๙) อิทํ ญาตทุกฺกฎํ นามฯ ยํ เอกาทสสุ สมนุภาสนาสุ ‘‘ญตฺติยา ทุกฺกฎ’’นฺติ (ปารา. ๔๑๔) วุตฺตํ, อิทํ ญตฺติทุกฺกฎํ นามฯ ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปุริมิกา จ น ปญฺญายติ, ปฎิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๗) อิทํ ปฎิสฺสวทุกฺกฎํ นามฯ อิทํ ปน สหปโยคทุกฺกฎํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยํกิญฺจิ อลฺลํ วา สุกฺขํ วา ติณรุกฺขลตาทิํ ฉินฺทนฺตสฺส สหปโยคตฺตา ทุกฺกฎเมว โหตี’’ติฯ
Aṭṭhavidhaṃ hetaṃ dukkaṭaṃ nāma imasmiṃ ṭhāne samodhānetvā therehi dassitaṃ – pubbapayogadukkaṭaṃ , sahapayogadukkaṭaṃ, anāmāsadukkaṭaṃ, durupaciṇṇadukkaṭaṃ, vinayadukkaṭaṃ, ñātadukkaṭaṃ, ñattidukkaṭaṃ, paṭissavadukkaṭanti. Tattha ‘‘theyyacitto dutiyaṃ vā kudālaṃ vā piṭakaṃ vā pariyesati gacchati vā, āpatti dukkaṭassā’’ti idaṃ pubbapayogadukkaṭaṃ nāma. Ettha hi dukkaṭaṭṭhāne dukkaṭaṃ, pācittiyaṭṭhāne pācittiyameva hoti. ‘‘Tatthajātakaṃ kaṭṭhaṃ vā lataṃ vā chindati, āpatti dukkaṭassā’’ti idaṃ sahapayogadukkaṭaṃ nāma. Ettha pana pācittiyavatthu ca dukkaṭavatthu ca dukkaṭaṭṭhāneyeva tiṭṭhati. Kasmā? Avahārassa sahapayogattāti. Yaṃ pana dasavidhaṃ ratanaṃ, sattavidhaṃ dhaññaṃ, sabbañca āvudhabhaṇḍādiṃ āmasantassa dukkaṭaṃ vuttaṃ, idaṃ anāmāsadukkaṭaṃ nāma. Yaṃ kadalināḷikerādīnaṃ tatthajātakaphalāni āmasantassa dukkaṭaṃ vuttaṃ, idaṃ durupaciṇṇadukkaṭaṃ nāma. Yaṃ pana piṇḍāya carantassa patte raje patite pattaṃ appaṭiggahetvā adhovitvā vā tattha bhikkhaṃ gaṇhantassa dukkaṭaṃ vuttaṃ, idaṃ vinayadukkaṭaṃ nāma. ‘‘Sutvā na vadanti, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 419) idaṃ ñātadukkaṭaṃ nāma. Yaṃ ekādasasu samanubhāsanāsu ‘‘ñattiyā dukkaṭa’’nti (pārā. 414) vuttaṃ, idaṃ ñattidukkaṭaṃ nāma. ‘‘Tassa, bhikkhave, bhikkhuno purimikā ca na paññāyati, paṭissave ca āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 207) idaṃ paṭissavadukkaṭaṃ nāma. Idaṃ pana sahapayogadukkaṭaṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘yaṃkiñci allaṃ vā sukkhaṃ vā tiṇarukkhalatādiṃ chindantassa sahapayogattā dukkaṭameva hotī’’ti.
สเจ ปนสฺส ตตฺถชาตเก ติณรุกฺขลตาทิมฺหิ ฉิเนฺนปิ ลชฺชิธโมฺม โอกฺกมติ, สํวโร อุปฺปชฺชติ, เฉทนปจฺจยา ทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ อถ ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา สอุสฺสาโหว ปํสุํ ขณติ, เฉทนทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ขณนทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาติฯ อกปฺปิยปถวิํ ขณโนฺตปิ หิ อิธ สหปโยคตฺตา ทุกฺกฎเมว อาปชฺชติฯ สเจ ปนสฺส สพฺพทิสาสุ ขณิตฺวา กุมฺภิมูลํ ปตฺตสฺสาปิ ลชฺชิธโมฺม โอกฺกมติ, ขณนปจฺจยา ทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ
Sace panassa tatthajātake tiṇarukkhalatādimhi chinnepi lajjidhammo okkamati, saṃvaro uppajjati, chedanapaccayā dukkaṭaṃ desetvā muccati. Atha dhuranikkhepaṃ akatvā saussāhova paṃsuṃ khaṇati, chedanadukkaṭaṃ paṭippassambhati, khaṇanadukkaṭe patiṭṭhāti. Akappiyapathaviṃ khaṇantopi hi idha sahapayogattā dukkaṭameva āpajjati. Sace panassa sabbadisāsu khaṇitvā kumbhimūlaṃ pattassāpi lajjidhammo okkamati, khaṇanapaccayā dukkaṭaṃ desetvā muccati.
พฺยูหติ วาติ อถ ปน สอุสฺสาโหว ปํสุํ วิยูหติ, เอกปเสฺส ราสิํ กโรติ, ขณนทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, วิยูหนทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาติฯ ตญฺจ ปํสุํ ตตฺถ ตตฺถ ปุญฺชํ กโรโนฺต ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ สเจ ปน ราสิํ กตฺวาปิ ธุรนิเกฺขปํ กโรติ, ลชฺชิธมฺมํ อาปชฺชติ , วิยูหนทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ อุทฺธรติ วาติ อถ ปน สอุสฺสาโหว ปํสุํ อุทฺธริตฺวา พหิ ปาเตติ, วิยูหนทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, อุทฺธรณทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาติฯ ปํสุํ ปน กุทาเลน วา หเตฺถหิ วา ปจฺฉิยา วา ตหิํ ตหิํ ปาเตโนฺต ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ สเจ ปน สพฺพํ ปํสุํ นีหริตฺวา กุมฺภิํ ถลฎฺฐํ กตฺวาปิ ลชฺชิธมฺมํ อาปชฺชติ, อุทฺธรณทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ อถ ปน สอุสฺสาโหว กุมฺภิํ อามสติ, อุทฺธรณทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, อามสนทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาติฯ อามสิตฺวาปิ จ ลชฺชิธมฺมํ อาปชฺชโนฺต อามสนทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ อถ สอุสฺสาโหว กุมฺภิํ ผนฺทาเปติ, อามสนทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ‘‘ผนฺทาเปติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ วุตฺตถุลฺลจฺจเย ปติฎฺฐาติฯ
Byūhati vāti atha pana saussāhova paṃsuṃ viyūhati, ekapasse rāsiṃ karoti, khaṇanadukkaṭaṃ paṭippassambhati, viyūhanadukkaṭe patiṭṭhāti. Tañca paṃsuṃ tattha tattha puñjaṃ karonto payoge payoge dukkaṭaṃ āpajjati. Sace pana rāsiṃ katvāpi dhuranikkhepaṃ karoti, lajjidhammaṃ āpajjati , viyūhanadukkaṭaṃ desetvā muccati. Uddharati vāti atha pana saussāhova paṃsuṃ uddharitvā bahi pāteti, viyūhanadukkaṭaṃ paṭippassambhati, uddharaṇadukkaṭe patiṭṭhāti. Paṃsuṃ pana kudālena vā hatthehi vā pacchiyā vā tahiṃ tahiṃ pātento payoge payoge dukkaṭaṃ āpajjati. Sace pana sabbaṃ paṃsuṃ nīharitvā kumbhiṃ thalaṭṭhaṃ katvāpi lajjidhammaṃ āpajjati, uddharaṇadukkaṭaṃ desetvā muccati. Atha pana saussāhova kumbhiṃ āmasati, uddharaṇadukkaṭaṃ paṭippassambhati, āmasanadukkaṭe patiṭṭhāti. Āmasitvāpi ca lajjidhammaṃ āpajjanto āmasanadukkaṭaṃ desetvā muccati. Atha saussāhova kumbhiṃ phandāpeti, āmasanadukkaṭaṃ paṭippassambhati, ‘‘phandāpeti, āpatti thullaccayassā’’ti vuttathullaccaye patiṭṭhāti.
ตตฺรายํ ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยานํ ทฺวินฺนมฺปิ วจนโตฺถ – ปฐมํ ตาเวตฺถ ทุฎฺฐุ กตํ สตฺถารา วุตฺตกิจฺจํ วิราเธตฺวา กตนฺติ ทุกฺกฎํฯ อถ วา ทุฎฺฐํ กตํ, วิรูปา สา กิริยา ภิกฺขุกิริยานํ มเชฺฌ น โสภตีติ เอวมฺปิ ทุกฺกฎํฯ วุตฺตเญฺจตํ –
Tatrāyaṃ dukkaṭathullaccayānaṃ dvinnampi vacanattho – paṭhamaṃ tāvettha duṭṭhu kataṃ satthārā vuttakiccaṃ virādhetvā katanti dukkaṭaṃ. Atha vā duṭṭhaṃ kataṃ, virūpā sā kiriyā bhikkhukiriyānaṃ majjhe na sobhatīti evampi dukkaṭaṃ. Vuttañcetaṃ –
‘‘ทุกฺกฎํ อิติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สุโณหิ ยถาตถํ;
‘‘Dukkaṭaṃ iti yaṃ vuttaṃ, taṃ suṇohi yathātathaṃ;
อปรทฺธํ วิรทฺธญฺจ, ขลิตํ ยญฺจ ทุกฺกฎํฯ
Aparaddhaṃ viraddhañca, khalitaṃ yañca dukkaṭaṃ.
‘‘ยํ มนุโสฺส กเร ปาปํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห;
‘‘Yaṃ manusso kare pāpaṃ, āvi vā yadi vā raho;
ทุกฺกฎนฺติ ปเวเทนฺติ, เตเนตํ อิติ วุจฺจตี’’ติฯ (ปริ. ๓๓๙);
Dukkaṭanti pavedenti, tenetaṃ iti vuccatī’’ti. (pari. 339);
อิตรํ ปน ถูลตฺตา, อจฺจยตฺตา จ ถุลฺลจฺจยํฯ ‘‘สมฺปราเย จ ทุคฺคติ’’ (สํ. นิ. ๑.๔๙), ‘‘ยํ โหติ กฎุกปฺผล’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๖; เนตฺติ. ๙๑) วิย เจตฺถ สํโยคภาโว เวทิตโพฺพฯ เอกสฺส สนฺติเก เทเสตเพฺพสุ หิ อจฺจเยสุ เตน สโม ถูโล อจฺจโย นตฺถิฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ถูลตฺตา อจฺจยตฺตา จ ถุลฺลจฺจย’’นฺติฯ วุตฺตเญฺจตํ –
Itaraṃ pana thūlattā, accayattā ca thullaccayaṃ. ‘‘Samparāye ca duggati’’ (saṃ. ni. 1.49), ‘‘yaṃ hoti kaṭukapphala’’ntiādīsu (dha. pa. 66; netti. 91) viya cettha saṃyogabhāvo veditabbo. Ekassa santike desetabbesu hi accayesu tena samo thūlo accayo natthi. Tasmā vuttaṃ ‘‘thūlattā accayattā ca thullaccaya’’nti. Vuttañcetaṃ –
‘‘ถุลฺลจฺจยนฺติ ยํ วุตฺตํ, ตํ สุโณหิ ยถาตถํ;
‘‘Thullaccayanti yaṃ vuttaṃ, taṃ suṇohi yathātathaṃ;
เอกสฺส มูเล โย เทเสติ, โย จ ตํ ปฎิคฺคณฺหติ;
Ekassa mūle yo deseti, yo ca taṃ paṭiggaṇhati;
อจฺจโย เตน สโม นตฺถิ, เตเนตํ อิติ วุจฺจตี’’ติฯ (ปริ. ๓๓๙);
Accayo tena samo natthi, tenetaṃ iti vuccatī’’ti. (pari. 339);
ผนฺทาเปนฺตสฺส จ ปโยเค ปโยเค ถุลฺลจฺจยํฯ ผนฺทาเปตฺวาปิ จ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกโนฺต ถุลฺลจฺจยํ เทเสตฺวา มุจฺจติฯ สหปโยคโต ปฎฺฐาเยว เจตฺถ ปุริมา ปุริมา อาปตฺติ ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สหปโยคํ ปน อกตฺวา ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกเนฺตน ยา ปุพฺพปโยเค ทุกฺกฎปาจิตฺติยา อาปนฺนา, สพฺพา ตา เทเสตพฺพาฯ สหปโยเค จ ตตฺถชาตกเจฺฉทเน พหุกานิปิ ทุกฺกฎานิ ปํสุขณนํ ปตฺวา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ เอกํ ขณนทุกฺกฎเมว โหติฯ ขณเน พหุกานิปิ วิยูหนํ, วิยูหเน พหุกานิปิ อุทฺธรณํ, อุทฺธรเณ พหุกานิปิ อามสนํ, อามสเน พหุกานิปิ ผนฺทาปนํ ปตฺวา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ ปํสุขณนาทีสุ จ ลชฺชิธเมฺม อุปฺปเนฺน พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตุ, เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตีติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ปุริมาปตฺติปฎิปฺปสฺสทฺธิ จ นาเมสา ‘‘ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตี’’ติ (ปารา. ๔๑๔) เอวํ อนุสาวนาสุเตฺตสุเยว อาคตาฯ อิธ ปน ทุติยปาราชิเก อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณน คเหตพฺพาติฯ
Phandāpentassa ca payoge payoge thullaccayaṃ. Phandāpetvāpi ca lajjidhammaṃ okkanto thullaccayaṃ desetvā muccati. Sahapayogato paṭṭhāyeva cettha purimā purimā āpatti paṭippassambhati. Sahapayogaṃ pana akatvā lajjidhammaṃ okkantena yā pubbapayoge dukkaṭapācittiyā āpannā, sabbā tā desetabbā. Sahapayoge ca tatthajātakacchedane bahukānipi dukkaṭāni paṃsukhaṇanaṃ patvā paṭippassambhanti. Ekaṃ khaṇanadukkaṭameva hoti. Khaṇane bahukānipi viyūhanaṃ, viyūhane bahukānipi uddharaṇaṃ, uddharaṇe bahukānipi āmasanaṃ, āmasane bahukānipi phandāpanaṃ patvā paṭippassambhanti. Paṃsukhaṇanādīsu ca lajjidhamme uppanne bahukāpi āpattiyo hontu, ekameva desetvā muccatīti kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Purimāpattipaṭippassaddhi ca nāmesā ‘‘ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayā paṭippassambhantī’’ti (pārā. 414) evaṃ anusāvanāsuttesuyeva āgatā. Idha pana dutiyapārājike aṭṭhakathācariyappamāṇena gahetabbāti.
ฐานา จาเวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ โย ปน ผนฺทาเปตฺวาปิ ลชฺชิธมฺมํ อโนกฺกมิตฺวาว ตํ กุมฺภิํ ฐานโต อนฺตมโส เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเวติ, ปาราชิกเมว อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ ฐานา จาวนเญฺจตฺถ ฉหิ อากาเรหิ เวทิตพฺพํฯ กถํ? กุมฺภิํ มุขวฎฺฎิยํ คเหตฺวา อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒโนฺต อิมินา อเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ปาริมเนฺตน อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ตเถว คเหตฺวา ปรโต เปเลฺลโนฺต ปาริมเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อิมินา อเนฺตน อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ วามโต วา ทกฺขิณโต วา อปนาเมโนฺต วามเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ทกฺขิณเนฺตน อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ทกฺขิณเนฺตน วา ผุโฎฺฐกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ วามเนฺตน อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ อุทฺธํ อุกฺขิปโนฺต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ภูมิโต โมเจติ, ปาราชิกํฯ ขณิตฺวา เหฎฺฐโต โอสีเทโนฺต พุเนฺทน ผุโฎฺฐกาสํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ มุขวฎฺฎิยา อติกฺกาเมติ, ปาราชิกนฺติ เอวํ เอกฎฺฐาเน ฐิตาย กุมฺภิยาฯ ยทิ ปน กุมฺภิมุขวฎฺฎิยา ปาสํ กตฺวา โลหขาณุํ วา ขทิรสาราทิขาณุํ วา ปถวิยํ อาโกเฎตฺวา ตตฺถ สงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา ฐเปนฺติ, เอกิสฺสา ทิสาย เอกาย สงฺขลิกาย พทฺธาย เทฺว ฐานานิ ลพฺภนฺติ, ทฺวีสุ ตีสุ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ สงฺขลิกาหิ พทฺธาย ปญฺจ ฐานานิ ลพฺภนฺติฯ
Ṭhānācāveti, āpatti pārājikassāti yo pana phandāpetvāpi lajjidhammaṃ anokkamitvāva taṃ kumbhiṃ ṭhānato antamaso kesaggamattampi cāveti, pārājikameva āpajjatīti attho. Ṭhānā cāvanañcettha chahi ākārehi veditabbaṃ. Kathaṃ? Kumbhiṃ mukhavaṭṭiyaṃ gahetvā attano abhimukhaṃ ākaḍḍhanto iminā antena phuṭṭhokāsaṃ kesaggamattampi pārimantena atikkāmeti, pārājikaṃ. Tatheva gahetvā parato pellento pārimantena phuṭṭhokāsaṃ kesaggamattampi iminā antena atikkāmeti, pārājikaṃ. Vāmato vā dakkhiṇato vā apanāmento vāmantena phuṭṭhokāsaṃ kesaggamattampi dakkhiṇantena atikkāmeti, pārājikaṃ. Dakkhiṇantena vā phuṭṭhokāsaṃ kesaggamattampi vāmantena atikkāmeti, pārājikaṃ. Uddhaṃ ukkhipanto kesaggamattampi bhūmito moceti, pārājikaṃ. Khaṇitvā heṭṭhato osīdento bundena phuṭṭhokāsaṃ kesaggamattampi mukhavaṭṭiyā atikkāmeti, pārājikanti evaṃ ekaṭṭhāne ṭhitāya kumbhiyā. Yadi pana kumbhimukhavaṭṭiyā pāsaṃ katvā lohakhāṇuṃ vā khadirasārādikhāṇuṃ vā pathaviyaṃ ākoṭetvā tattha saṅkhalikāya bandhitvā ṭhapenti, ekissā disāya ekāya saṅkhalikāya baddhāya dve ṭhānāni labbhanti, dvīsu tīsu catūsu disāsu catūhi saṅkhalikāhi baddhāya pañca ṭhānāni labbhanti.
ตตฺถ เอกขาณุเก พทฺธกุมฺภิยา ปฐมํ ขาณุกํ วา อุทฺธรติ, สงฺขลิกํ วา ฉินฺทติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ตโต กุมฺภิํ ยถาวุตฺตนเยน เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ อถ ปฐมํ กุมฺภิํ อุทฺธรติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ตโต ขาณุกํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานา จาเวติ, สงฺขลิกํ วา ฉินฺทติ, ปาราชิกํฯ เอเตน อุปาเยน ทฺวีสุ ตีสุ จตูสุ ขาณุเกสุ พทฺธกุมฺภิยาปิ ปจฺฉิเม ฐานาจาวเน ปาราชิกํฯ เสเสสุ ถุลฺลจฺจยํ เวทิตพฺพํฯ
Tattha ekakhāṇuke baddhakumbhiyā paṭhamaṃ khāṇukaṃ vā uddharati, saṅkhalikaṃ vā chindati, thullaccayaṃ. Tato kumbhiṃ yathāvuttanayena kesaggamattampi ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Atha paṭhamaṃ kumbhiṃ uddharati, thullaccayaṃ. Tato khāṇukaṃ kesaggamattampi ṭhānā cāveti, saṅkhalikaṃ vā chindati, pārājikaṃ. Etena upāyena dvīsu tīsu catūsu khāṇukesu baddhakumbhiyāpi pacchime ṭhānācāvane pārājikaṃ. Sesesu thullaccayaṃ veditabbaṃ.
สเจ ขาณุ นตฺถิ, สงฺขลิกาย อเคฺค วลยํ กตฺวา ตตฺถชาตเก มูเล ปเวสิตํ โหติ, ปฐมํ กุมฺภิํ อุทฺธริตฺวา ปจฺฉา มูลํ เฉตฺวา วลยํ นีหรติ, ปาราชิกํฯ อถ มูลํ อเจฺฉตฺวา วลยํ อิโต จิโต จ สาเรติ, รกฺขติฯ สเจ ปน มูลโต อนีหริตฺวาปิ หเตฺถน คเหตฺวา อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิกํฯ อยเมตฺถ วิเสโสฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Sace khāṇu natthi, saṅkhalikāya agge valayaṃ katvā tatthajātake mūle pavesitaṃ hoti, paṭhamaṃ kumbhiṃ uddharitvā pacchā mūlaṃ chetvā valayaṃ nīharati, pārājikaṃ. Atha mūlaṃ acchetvā valayaṃ ito cito ca sāreti, rakkhati. Sace pana mūlato anīharitvāpi hatthena gahetvā ākāsagataṃ karoti, pārājikaṃ. Ayamettha viseso. Sesaṃ vuttanayameva.
เกจิ ปน นิมิตฺตตฺถาย กุมฺภิมตฺถเก นิโคฺรธรุกฺขาทีนิ โรเปนฺติ, มูลานิ กุมฺภิํ วินนฺธิตฺวา ฐิตานิ โหนฺติ, ‘‘มูลานิ ฉินฺทิตฺวา กุมฺภิํ คเหสฺสามี’’ติ ฉินฺทนฺตสฺส ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ฉินฺทิตฺวา โอกาสํ กตฺวา กุมฺภิํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ มูลานิ ฉินฺทโตว ลุฐิตฺวา กุมฺภี นินฺนฎฺฐานํ คตา, รกฺขติ ตาวฯ คตฎฺฐานโต อุทฺธรติ, ปาราชิกํฯ สเจ ฉิเนฺนสุ มูเลสุ เอกมูลมเตฺตน กุมฺภี ติฎฺฐติ, โส จ ตํ ‘‘อิมสฺมิํ มูเล ฉิเนฺน ปติสฺสตี’’ติ ฉินฺทติ, ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ สเจ ปน เอกมูเลเนว ปาเส พทฺธสูกโร วิย ฐิตา โหติ, อญฺญํ กิญฺจิ ลคฺคนกํ นตฺถิ, ตสฺมิมฺปิ มูเล ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ สเจ กุมฺภิมตฺถเก มหาปาสาโณ ฐปิโต โหติ, ตํ ทเณฺฑน อุกฺขิปิตฺวา อปเนตุกาโม กุมฺภิมตฺถเก ชาตรุกฺขํ ฉินฺทติ, ทุกฺกฎํฯ ตสฺสา สมีเป ชาตกํ เฉตฺวา อาหรติ, อตตฺถชาตกตฺตา ตํ ฉินฺทโต ปาจิตฺติยํฯ
Keci pana nimittatthāya kumbhimatthake nigrodharukkhādīni ropenti, mūlāni kumbhiṃ vinandhitvā ṭhitāni honti, ‘‘mūlāni chinditvā kumbhiṃ gahessāmī’’ti chindantassa payoge payoge dukkaṭaṃ. Chinditvā okāsaṃ katvā kumbhiṃ kesaggamattampi ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Mūlāni chindatova luṭhitvā kumbhī ninnaṭṭhānaṃ gatā, rakkhati tāva. Gataṭṭhānato uddharati, pārājikaṃ. Sace chinnesu mūlesu ekamūlamattena kumbhī tiṭṭhati, so ca taṃ ‘‘imasmiṃ mūle chinne patissatī’’ti chindati, chinnamatte pārājikaṃ. Sace pana ekamūleneva pāse baddhasūkaro viya ṭhitā hoti, aññaṃ kiñci lagganakaṃ natthi, tasmimpi mūle chinnamatte pārājikaṃ. Sace kumbhimatthake mahāpāsāṇo ṭhapito hoti, taṃ daṇḍena ukkhipitvā apanetukāmo kumbhimatthake jātarukkhaṃ chindati, dukkaṭaṃ. Tassā samīpe jātakaṃ chetvā āharati, atatthajātakattā taṃ chindato pācittiyaṃ.
อตฺตโน ภาชนนฺติ สเจ ปน กุมฺภิํ อุทฺธริตุํ อสโกฺกโนฺต กุมฺภิคตภณฺฑคฺคหณตฺถํ อตฺตโน ภาชนํ ปเวเสตฺวา อโนฺตกุมฺภิยํ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปริเจฺฉโท เจตฺถ ปาราชิกนิยมนตฺถํ วุโตฺตฯ เถยฺยจิเตฺตน ปน อูนปญฺจมาสกมฺปิ อามสโนฺต ทุกฺกฎํ อาปชฺชติเยวฯ
Attano bhājananti sace pana kumbhiṃ uddharituṃ asakkonto kumbhigatabhaṇḍaggahaṇatthaṃ attano bhājanaṃ pavesetvā antokumbhiyaṃ pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ theyyacitto āmasati, āpatti dukkaṭassa. Paricchedo cettha pārājikaniyamanatthaṃ vutto. Theyyacittena pana ūnapañcamāsakampi āmasanto dukkaṭaṃ āpajjatiyeva.
ผนฺทาเปตีติ เอตฺถ ยาว เอกาพทฺธํ กตฺวา อตฺตโน ภาชนํ ปเวเสติ, ตาว ผนฺทาเปตีติ วุจฺจติฯ อปิ จ อิโต จิโต จ อปพฺยูหโนฺตปิ ผนฺทาเปติเยว, โส ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชติฯ ยทา ปน เอกาพทฺธภาโว ฉิโนฺน, กุมฺภิคตํ กุมฺภิยเมว, ภาชนคตมฺปิ ภาชเนเยว โหติ, ตทา อตฺตโน ภาชนคตํ นาม โหติฯ เอวํ กตฺวา กุมฺภิโต อนีหเตปิ จ ภาชเน ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ
Phandāpetīti ettha yāva ekābaddhaṃ katvā attano bhājanaṃ paveseti, tāva phandāpetīti vuccati. Api ca ito cito ca apabyūhantopi phandāpetiyeva, so thullaccayaṃ āpajjati. Yadā pana ekābaddhabhāvo chinno, kumbhigataṃ kumbhiyameva, bhājanagatampi bhājaneyeva hoti, tadā attano bhājanagataṃ nāma hoti. Evaṃ katvā kumbhito anīhatepi ca bhājane pārājikaṃ āpajjati.
มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตีติ เอตฺถ ยถา องฺคุลนฺตเรหิ นิกฺขนฺตกหาปณา กุมฺภิคเต กหาปเณ น สมฺผุสนฺติ, เอวํ มุฎฺฐิํ กโรโนฺต มุฎฺฐิํ ฉินฺทติ นาม; โสปิ ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ
Muṭṭhiṃ vā chindatīti ettha yathā aṅgulantarehi nikkhantakahāpaṇā kumbhigate kahāpaṇe na samphusanti, evaṃ muṭṭhiṃ karonto muṭṭhiṃ chindati nāma; sopi pārājikaṃ āpajjati.
สุตฺตารูฬฺหนฺติ สุเตฺต อารูฬฺหํ; สุเตฺตน อาวุตสฺสาปิ สุตฺตมยสฺสาปิ เอตํ อธิวจนํ ฯ ปามงฺคาทีนิหิ โสวณฺณมยานิปิ โหนฺติ รูปิยมยานิปิ สุตฺตมยานิปิ, มุตฺตาวลิอาทโยปิ เอเตฺถว สงฺคหํ คตาฯ เวฐนนฺติ สีสเวฐนปโฎ วุจฺจติฯ เอเตสุ ยํกิญฺจิ เถยฺยจิโตฺต อามสติ, ทุกฺกฎํฯ ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปามงฺคาทีนิ โกฎิยํ คเหตฺวา อากาสฎฺฐํ อกโรโนฺต อุจฺจาเรติ, ถุลฺลจฺจยํฯ
Suttārūḷhanti sutte ārūḷhaṃ; suttena āvutassāpi suttamayassāpi etaṃ adhivacanaṃ . Pāmaṅgādīnihi sovaṇṇamayānipi honti rūpiyamayānipi suttamayānipi, muttāvaliādayopi ettheva saṅgahaṃ gatā. Veṭhananti sīsaveṭhanapaṭo vuccati. Etesu yaṃkiñci theyyacitto āmasati, dukkaṭaṃ. Phandāpeti, thullaccayaṃ. Pāmaṅgādīni koṭiyaṃ gahetvā ākāsaṭṭhaṃ akaronto uccāreti, thullaccayaṃ.
ฆํสโนฺต นีหรตีติ เอตฺถ ปน ปริปุณฺณาย กุมฺภิยา อุปริ สมติตฺติกํ กุมฺภิํ กตฺวา ฐปิตํ วา เอกํ โกฎิํ พุเนฺท เอกํ โกฎิํ มุขวฎฺฎิยํ กตฺวา ฐปิตํ วา ฆํสนฺตสฺส นีหรโต ถุลฺลจฺจยํฯ กุมฺภิมุขา โมเจนฺตสฺส ปาราชิกํฯ ยํ ปน อุปฑฺฒกุมฺภิยํ วา ริตฺตกุมฺภิยํ วา ฐปิตํ, ตสฺส อตฺตโน ผุโฎฺฐกาโสว ฐานํ, น สกลา กุมฺภี, ตสฺมา ตํ ฆํสนฺตสฺสาปิ นีหรโต ปติฎฺฐิโตกาสโต เกสคฺคมเตฺต มุเตฺต ปาราชิกเมวฯ กุมฺภิยา ปน ปริปุณฺณาย วา อูนาย วา อุชุกเมว อุทฺธรนฺตสฺส เหฎฺฐิมโกฎิยา ปติฎฺฐิโตกาสา มุตฺตมเตฺตว ปาราชิกํฯ อโนฺตกุมฺภิยํ ฐปิตํ ยํกิญฺจิ ปาราชิกปฺปโหนกํ ภณฺฑํ สกลกุมฺภิยํ จาเรนฺตสฺส, ปามงฺคาทิญฺจ ฆํสิตฺวา นีหรนฺตสฺส ยาว มุขวฎฺฎิํ นาติกฺกมติ, ตาว ถุลฺลจฺจยเมวฯ ตสฺส หิ สพฺพาปิ กุมฺภี ฐานนฺติ สเงฺขปมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ฐปิตฎฺฐานเมว ฐานํ, น สกลา กุมฺภีฯ ตสฺมา ยถาฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ โมเจนฺตสฺส ปาราชิกเมวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปมาณํฯ อิตรํ ปน อากาสคตํ อกโรนฺตสฺส จีวรวํเส ฐปิตจีวรเวฐนกนเยน วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํฯ วินยวินิจฺฉเย หิ อาคเต ครุเก ฐาตพฺพํ, เอสา วินยธมฺมตาฯ อปิจ ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตี’’ติ วจนโต เปตํ เวทิตพฺพํฯ ยถา อโนฺตกุมฺภิยํ ฐิตสฺส น สพฺพา กุมฺภี ฐานนฺติฯ
Ghaṃsanto nīharatīti ettha pana paripuṇṇāya kumbhiyā upari samatittikaṃ kumbhiṃ katvā ṭhapitaṃ vā ekaṃ koṭiṃ bunde ekaṃ koṭiṃ mukhavaṭṭiyaṃ katvā ṭhapitaṃ vā ghaṃsantassa nīharato thullaccayaṃ. Kumbhimukhā mocentassa pārājikaṃ. Yaṃ pana upaḍḍhakumbhiyaṃ vā rittakumbhiyaṃ vā ṭhapitaṃ, tassa attano phuṭṭhokāsova ṭhānaṃ, na sakalā kumbhī, tasmā taṃ ghaṃsantassāpi nīharato patiṭṭhitokāsato kesaggamatte mutte pārājikameva. Kumbhiyā pana paripuṇṇāya vā ūnāya vā ujukameva uddharantassa heṭṭhimakoṭiyā patiṭṭhitokāsā muttamatteva pārājikaṃ. Antokumbhiyaṃ ṭhapitaṃ yaṃkiñci pārājikappahonakaṃ bhaṇḍaṃ sakalakumbhiyaṃ cārentassa, pāmaṅgādiñca ghaṃsitvā nīharantassa yāva mukhavaṭṭiṃ nātikkamati, tāva thullaccayameva. Tassa hi sabbāpi kumbhī ṭhānanti saṅkhepamahāpaccariyādīsu vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘ṭhapitaṭṭhānameva ṭhānaṃ, na sakalā kumbhī. Tasmā yathāṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi mocentassa pārājikamevā’’ti vuttaṃ, taṃ pamāṇaṃ. Itaraṃ pana ākāsagataṃ akarontassa cīvaravaṃse ṭhapitacīvaraveṭhanakanayena vuttaṃ, taṃ na gahetabbaṃ. Vinayavinicchaye hi āgate garuke ṭhātabbaṃ, esā vinayadhammatā. Apica ‘‘attano bhājanagataṃ vā karoti, muṭṭhiṃ vā chindatī’’ti vacanato petaṃ veditabbaṃ. Yathā antokumbhiyaṃ ṭhitassa na sabbā kumbhī ṭhānanti.
สปฺปิอาทีสุ ยํกิญฺจิ ปิวโต เอกปโยเคน ปีตมเตฺต ปาราชิกนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ มหาปจฺจริยาทีสุ ปน อยํ วิภาโค ทสฺสิโต – ‘‘มุขํ อนปเนตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺส ปิวโต สเจ ปรคลคตํ ปาทํ น อคฺฆติ, มุขคเตน สทฺธิํ อคฺฆติ, รกฺขติ ตาวฯ กเณฺฐน ปน ปริจฺฉินฺนกาเลเยว ปาราชิกํ โหติฯ สเจปิ โอเฎฺฐหิ ปริจฺฉินฺทโนฺต โอเฎฺฐ ปิทหติ, ปาราชิกเมวฯ อุปฺปลทณฺฑเวฬุนาฬินฬนาฬิอาทีหิ ปิวนฺตสฺสาปิ สเจ ปรคลคตเมว ปาทํ อคฺฆติ, ปาราชิกํฯ สเจ สห มุขคเตน อคฺฆติ, น ตาว ปาราชิกํ โหติฯ อุปฺปลทณฺฑาทิคเตน สทฺธิํ เอกาพทฺธภาวํ โกเปตฺวา โอเฎฺฐหิ ปริจฺฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ สเจ อุปฺปลทณฺฑาทิคเตน สทฺธิํ อคฺฆติ, อุปฺปลทณฺฑาทีนํ พุเนฺท องฺคุลิยาปิ ปิหิตมเตฺต ปาราชิกํฯ ปาทคฺฆนเก ปรคลํ อปฺปวิเฎฺฐ อุปฺปลทณฺฑาทีสุ จ มุเข จ อติเรกปาทารหมฺปิ เอกาพทฺธํ หุตฺวา ติฎฺฐติ, รกฺขติเยวา’’ติฯ ตํ สพฺพมฺปิ ยสฺมา ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ , มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตี’’ติ อิมํ นยํ ภชติ, ตสฺมา สุทสฺสิตเมวฯ เอส ตาว เอกาพเทฺธ นโยฯ
Sappiādīsu yaṃkiñci pivato ekapayogena pītamatte pārājikanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Mahāpaccariyādīsu pana ayaṃ vibhāgo dassito – ‘‘mukhaṃ anapanetvā ākaḍḍhantassa pivato sace paragalagataṃ pādaṃ na agghati, mukhagatena saddhiṃ agghati, rakkhati tāva. Kaṇṭhena pana paricchinnakāleyeva pārājikaṃ hoti. Sacepi oṭṭhehi paricchindanto oṭṭhe pidahati, pārājikameva. Uppaladaṇḍaveḷunāḷinaḷanāḷiādīhi pivantassāpi sace paragalagatameva pādaṃ agghati, pārājikaṃ. Sace saha mukhagatena agghati, na tāva pārājikaṃ hoti. Uppaladaṇḍādigatena saddhiṃ ekābaddhabhāvaṃ kopetvā oṭṭhehi paricchinnamatte pārājikaṃ. Sace uppaladaṇḍādigatena saddhiṃ agghati, uppaladaṇḍādīnaṃ bunde aṅguliyāpi pihitamatte pārājikaṃ. Pādagghanake paragalaṃ appaviṭṭhe uppaladaṇḍādīsu ca mukhe ca atirekapādārahampi ekābaddhaṃ hutvā tiṭṭhati, rakkhatiyevā’’ti. Taṃ sabbampi yasmā ‘‘attano bhājanagataṃ vā karoti , muṭṭhiṃ vā chindatī’’ti imaṃ nayaṃ bhajati, tasmā sudassitameva. Esa tāva ekābaddhe nayo.
สเจ ปน หเตฺถน วา ปเตฺตน วา ถาลกาทินา วา เกนจิ ภาชเนน คเหตฺวา ปิวติ, ยมฺหิ ปโยเค ปาทคฺฆนกํ ปูเรติ, ตมฺหิ คเต ปาราชิกํฯ อถ มหคฺฆํ โหติ, สิปฺปิกายปิ เอกปโยเคเนว ปาทคฺฆนกํ คเหตุํ สกฺกา โหติ, เอกุทฺธาเรเยว ปาราชิกํฯ ภาชนํ ปน นิมุชฺชาเปตฺวา คณฺหนฺตสฺส ยาว เอกาพทฺธํ โหติ, ตาว รกฺขติฯ มุขวฎฺฎิปริเจฺฉเทน วา อุทฺธาเรน วา ปาราชิกํฯ ยทา ปน สปฺปิํ วา เตลํ วา อจฺฉํ เตลสทิสเมว มธุผาณิตํ วา กุมฺภิํ อาวิเญฺฉตฺวา อตฺตโน ภาชเน ปเวเสติ, ตทา เตสํ อจฺฉตาย เอกาพทฺธตา นตฺถีติ ปาทคฺฆนเก มุขวฎฺฎิโต คฬิตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Sace pana hatthena vā pattena vā thālakādinā vā kenaci bhājanena gahetvā pivati, yamhi payoge pādagghanakaṃ pūreti, tamhi gate pārājikaṃ. Atha mahagghaṃ hoti, sippikāyapi ekapayogeneva pādagghanakaṃ gahetuṃ sakkā hoti, ekuddhāreyeva pārājikaṃ. Bhājanaṃ pana nimujjāpetvā gaṇhantassa yāva ekābaddhaṃ hoti, tāva rakkhati. Mukhavaṭṭiparicchedena vā uddhārena vā pārājikaṃ. Yadā pana sappiṃ vā telaṃ vā acchaṃ telasadisameva madhuphāṇitaṃ vā kumbhiṃ āviñchetvā attano bhājane paveseti, tadā tesaṃ acchatāya ekābaddhatā natthīti pādagghanake mukhavaṭṭito gaḷitamatte pārājikaṃ.
ปจิตฺวา ฐปิตํ ปน มธุผาณิตํ สิเลโส วิย จิกฺกนํ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนโยคฺคํ โหติ, อุปฺปเนฺน กุกฺกุเจฺจ เอกาพทฺธเมว หุตฺวา ปฎินีหริตุํ สโกฺกติ, เอตํ มุขวฎฺฎิยา นิกฺขมิตฺวา ภาชเน ปวิฎฺฐมฺปิ พาหิเรน สทฺธิํ เอกาพทฺธตฺตา รกฺขติ, มุขวฎฺฎิโต ฉินฺนมเตฺต ปน ปาราชิกํฯ โยปิ เถยฺยจิเตฺตน ปรสฺส กุมฺภิยา ปาทคฺฆนกํ สปฺปิํ วา เตลํ วา อวสฺสปิวนกํ ยํกิญฺจิ ทุกูลสาฎกํ วา จมฺมขณฺฑาทีนํ วา อญฺญตรํ ปกฺขิปติ, หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Pacitvā ṭhapitaṃ pana madhuphāṇitaṃ sileso viya cikkanaṃ ākaḍḍhanavikaḍḍhanayoggaṃ hoti, uppanne kukkucce ekābaddhameva hutvā paṭinīharituṃ sakkoti, etaṃ mukhavaṭṭiyā nikkhamitvā bhājane paviṭṭhampi bāhirena saddhiṃ ekābaddhattā rakkhati, mukhavaṭṭito chinnamatte pana pārājikaṃ. Yopi theyyacittena parassa kumbhiyā pādagghanakaṃ sappiṃ vā telaṃ vā avassapivanakaṃ yaṃkiñci dukūlasāṭakaṃ vā cammakhaṇḍādīnaṃ vā aññataraṃ pakkhipati, hatthato muttamatte pārājikaṃ.
ริตฺตกุมฺภิยา ‘‘อิทานิ เตลํ อากิริสฺสนฺตี’’ติ ญตฺวา ยํกิญฺจิ ภณฺฑํ เถยฺยจิโตฺต ปกฺขิปติ, ตํ เจ ตตฺถ เตเล อากิเณฺณ ปญฺจมาสกอคฺฆนกํ ปิวติ, ปีตมเตฺต ปาราชิกนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ตํ ปน ตเตฺถว สุกฺขตฬาเก สุกฺขมาติกาย อุชุกรณวินิจฺฉเยน วิรุชฺฌติ, อวหารลกฺขณเญฺจตฺถ น ปญฺญายติ, ตสฺมา น คเหตพฺพํฯ มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ตสฺส อุทฺธาเร ปาราชิกํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํฯ
Rittakumbhiyā ‘‘idāni telaṃ ākirissantī’’ti ñatvā yaṃkiñci bhaṇḍaṃ theyyacitto pakkhipati, taṃ ce tattha tele ākiṇṇe pañcamāsakaagghanakaṃ pivati, pītamatte pārājikanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Taṃ pana tattheva sukkhataḷāke sukkhamātikāya ujukaraṇavinicchayena virujjhati, avahāralakkhaṇañcettha na paññāyati, tasmā na gahetabbaṃ. Mahāpaccariyādīsu pana tassa uddhāre pārājikaṃ vuttaṃ, taṃ yuttaṃ.
ปรสฺส ริตฺตกุมฺภิยา สโงฺคปนตฺถาย ภณฺฑํ ฐเปตฺวา ตตฺถ เตเล อากิเณฺณ ‘‘สเจ อยํ ชานิสฺสติ, มํ ปลิพุชฺฌิสฺสตี’’ติ ภีโต ปาทคฺฆนกํ เตลํ ปีตํ ภณฺฑํ เถยฺยจิเตฺตน อุทฺธรติ, ปาราชิกํฯ สุทฺธจิเตฺตน อุทฺธรติ, ปเร อาหราเปเนฺต ภณฺฑเทยฺยํฯ ภณฺฑเทยฺยํ นาม ยํ ปรสฺส นฎฺฐํ, ตสฺส มูลํ วา ตเทว วา ภณฺฑํ ทาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ โน เจ เทติ, สามิกสฺส ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ สเจ ปรสฺส กุมฺภิยา อโญฺญ สปฺปิํ วา เตลํ วา อากิรติ, ตตฺร จายํ เถยฺยจิเตฺตน เตลปิวนกํ ภณฺฑํ ปกฺขิปติ, วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํฯ อตฺตโน ริตฺตกุมฺภิยา ปรสฺส สปฺปิํ วา เตลํ วา อากิรณภาวํ ญตฺวา เถยฺยจิเตฺตน ภณฺฑํ นิกฺขิปติ, ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ สุทฺธจิโตฺต นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา เถยฺยจิเตฺตน อุทฺธรติ, ปาราชิกเมวฯ สุทฺธจิโตฺตว อุทฺธรติ, เนว อวหาโร, น คีวา; มหาปจฺจริยํ ปน อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตํฯ ‘‘‘กิสฺส มม กุมฺภิยํ เตลํ อากิรสี’ติ กุปิโต อตฺตโน ภณฺฑํ อุทฺธริตฺวา ฉเฑฺฑติ, โน ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ เถยฺยจิเตฺตน มุขวฎฺฎิยํ คเหตฺวา กุมฺภิํ อาวิญฺฉติ เตลํ คเฬตุกาโม, ปาทคฺฆนเก คฬิเต ปาราชิกํฯ เถยฺยจิเตฺตเนว ชชฺชรํ กโรติ ‘‘สวิตฺวา คมิสฺสตี’’ติ ปาทคฺฆนเก สวิตฺวา คเต ปาราชิกํฯ เถยฺยจิเตฺตเนว ฉิทฺทํ กโรติ โอมฎฺฐํ วา อุมฺมฎฺฐํ วา เวมฎฺฐํ วา, อิทํ ปน สโมฺมหฎฺฐานํ; ตสฺมา สุฎฺฐุ สเลฺลเกฺขตพฺพํฯ อยเญฺหตฺถ วินิจฺฉโย – โอมฎฺฐํ นาม อโธมุขฉิทฺทํ; อุมฺมฎฺฐํ นาม อุทฺธํมุขฉิทฺทํ; เวมฎฺฐํ นาม อุฬุงฺกเสฺสว อุชุคตฉิทฺทํฯ ตตฺร โอมฎฺฐสฺส พหิ ปฎฺฐาย กตสฺส อพฺภนฺตรนฺตโต ปาทคฺฆนเก เตเล คฬิเต พหิ อนิกฺขเนฺตปิ ปาราชิกํฯ กสฺมา? ยสฺมา ตโต คฬิตมตฺตเมว พหิคตํ นาม โหติ, น กุมฺภิคตสงฺขฺยํ ลภติฯ อโนฺต ปฎฺฐาย กตสฺส พาหิรนฺตโต ปาทคฺฆนเก คฬิเต ปาราชิกํฯ อุมฺมฎฺฐสฺส ยถา ตถา วา กตสฺส พาหิรนฺตโต ปาทคฺฆนเก คฬิเต ปาราชิกํฯ ตญฺหิ ยาว พาหิรนฺตโต น คฬติ, ตาว กุมฺภิคตเมว โหติฯ ‘‘เวมฎฺฐสฺส จ กปาลมชฺฌโต คฬิตวเสน กาเรตโพฺพ’’ติ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํฯ ตํ ปน อโนฺต จ พหิ จ ปฎฺฐาย มเชฺฌ ฐเปตฺวา กตฉิเทฺท ตฬากสฺส จ มริยาทเภเทน สเมติฯ อโนฺต ปฎฺฐาย กเต ปน พาหิรเนฺตน, พหิ ปฎฺฐาย กเต อพฺภนฺตรเนฺตน กาเรตโพฺพติ อิทเมตฺถ ยุตฺตํฯ โย ปน ‘‘วฎฺฎิตฺวา คจฺฉิสฺสตี’’ติ เถยฺยจิเตฺตน กุมฺภิยา อาธารกํ วา อุปตฺถมฺภนเลฑฺฑุเก วา อปเนติ, วฎฺฎิตฺวา คตาย ปาราชิกํฯ เตลากิรณภาวํ ปน ญตฺวา ริตฺตกุมฺภิยา ชชฺชรภาเว วา ฉิเทฺทสุ วา กเตสุ ปจฺฉา นิกฺขนฺตเตลปฺปมาเณน ภณฺฑเทยฺยํ โหติฯ อฎฺฐกถาสอุ ปน กตฺถจิ ปาราชิกนฺติปิ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํฯ
Parassa rittakumbhiyā saṅgopanatthāya bhaṇḍaṃ ṭhapetvā tattha tele ākiṇṇe ‘‘sace ayaṃ jānissati, maṃ palibujjhissatī’’ti bhīto pādagghanakaṃ telaṃ pītaṃ bhaṇḍaṃ theyyacittena uddharati, pārājikaṃ. Suddhacittena uddharati, pare āharāpente bhaṇḍadeyyaṃ. Bhaṇḍadeyyaṃ nāma yaṃ parassa naṭṭhaṃ, tassa mūlaṃ vā tadeva vā bhaṇḍaṃ dātabbanti attho. No ce deti, sāmikassa dhuranikkhepe pārājikaṃ. Sace parassa kumbhiyā añño sappiṃ vā telaṃ vā ākirati, tatra cāyaṃ theyyacittena telapivanakaṃ bhaṇḍaṃ pakkhipati, vuttanayeneva pārājikaṃ. Attano rittakumbhiyā parassa sappiṃ vā telaṃ vā ākiraṇabhāvaṃ ñatvā theyyacittena bhaṇḍaṃ nikkhipati, pubbe vuttanayeneva uddhāre pārājikaṃ. Suddhacitto nikkhipitvā pacchā theyyacittena uddharati, pārājikameva. Suddhacittova uddharati, neva avahāro, na gīvā; mahāpaccariyaṃ pana anāpattimattameva vuttaṃ. ‘‘‘Kissa mama kumbhiyaṃ telaṃ ākirasī’ti kupito attano bhaṇḍaṃ uddharitvā chaḍḍeti, no bhaṇḍadeyya’’nti kurundiyaṃ vuttaṃ. Theyyacittena mukhavaṭṭiyaṃ gahetvā kumbhiṃ āviñchati telaṃ gaḷetukāmo, pādagghanake gaḷite pārājikaṃ. Theyyacitteneva jajjaraṃ karoti ‘‘savitvā gamissatī’’ti pādagghanake savitvā gate pārājikaṃ. Theyyacitteneva chiddaṃ karoti omaṭṭhaṃ vā ummaṭṭhaṃ vā vemaṭṭhaṃ vā, idaṃ pana sammohaṭṭhānaṃ; tasmā suṭṭhu sallekkhetabbaṃ. Ayañhettha vinicchayo – omaṭṭhaṃ nāma adhomukhachiddaṃ; ummaṭṭhaṃ nāma uddhaṃmukhachiddaṃ; vemaṭṭhaṃ nāma uḷuṅkasseva ujugatachiddaṃ. Tatra omaṭṭhassa bahi paṭṭhāya katassa abbhantarantato pādagghanake tele gaḷite bahi anikkhantepi pārājikaṃ. Kasmā? Yasmā tato gaḷitamattameva bahigataṃ nāma hoti, na kumbhigatasaṅkhyaṃ labhati. Anto paṭṭhāya katassa bāhirantato pādagghanake gaḷite pārājikaṃ. Ummaṭṭhassa yathā tathā vā katassa bāhirantato pādagghanake gaḷite pārājikaṃ. Tañhi yāva bāhirantato na gaḷati, tāva kumbhigatameva hoti. ‘‘Vemaṭṭhassa ca kapālamajjhato gaḷitavasena kāretabbo’’ti aṭṭhakathāsu vuttaṃ. Taṃ pana anto ca bahi ca paṭṭhāya majjhe ṭhapetvā katachidde taḷākassa ca mariyādabhedena sameti. Anto paṭṭhāya kate pana bāhirantena, bahi paṭṭhāya kate abbhantarantena kāretabboti idamettha yuttaṃ. Yo pana ‘‘vaṭṭitvā gacchissatī’’ti theyyacittena kumbhiyā ādhārakaṃ vā upatthambhanaleḍḍuke vā apaneti, vaṭṭitvā gatāya pārājikaṃ. Telākiraṇabhāvaṃ pana ñatvā rittakumbhiyā jajjarabhāve vā chiddesu vā katesu pacchā nikkhantatelappamāṇena bhaṇḍadeyyaṃ hoti. Aṭṭhakathāsau pana katthaci pārājikantipi likhitaṃ, taṃ pamādalikhitaṃ.
ปริปุณฺณาย กุมฺภิยา อุปริ กถลํ วา ปาสาณํ วา ‘‘ปติตฺวา ภินฺทิสฺสติ, ตโต เตลํ ปคฺฆริสฺสตี’’ติ เถยฺยจิเตฺตน ทุพฺพนฺธํ วา กโรติ, ทุฎฺฐปิตํ วา ฐเปติ, อวสฺสปตนกํ ตถา กโรนฺตสฺส กตมเตฺต ปาราชิกํฯ ริตฺตกุมฺภิยา อุปริ กโรติ, ตํ ปจฺฉา ปุณฺณกาเล ปติตฺวา ภินฺทติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ อีทิเสสุ หิ ฐาเนสุ ภณฺฑสฺส นตฺถิกาเล กตปโยคตฺตา อาทิโตว ปาราชิกํ น โหติฯ ภณฺฑวินาสทฺวารสฺส ปน กตตฺตา ภณฺฑเทยฺยํ โหติฯ อาหราเปเนฺตสุ อททโต สามิกานํ ธุรนิเกฺขเปน ปาราชิกํฯ
Paripuṇṇāya kumbhiyā upari kathalaṃ vā pāsāṇaṃ vā ‘‘patitvā bhindissati, tato telaṃ paggharissatī’’ti theyyacittena dubbandhaṃ vā karoti, duṭṭhapitaṃ vā ṭhapeti, avassapatanakaṃ tathā karontassa katamatte pārājikaṃ. Rittakumbhiyā upari karoti, taṃ pacchā puṇṇakāle patitvā bhindati, bhaṇḍadeyyaṃ. Īdisesu hi ṭhānesu bhaṇḍassa natthikāle katapayogattā āditova pārājikaṃ na hoti. Bhaṇḍavināsadvārassa pana katattā bhaṇḍadeyyaṃ hoti. Āharāpentesu adadato sāmikānaṃ dhuranikkhepena pārājikaṃ.
เถยฺยจิเตฺตน มาติกํ อุชุกํ กโรติ ‘‘วฎฺฎิตฺวา วา คมิสฺสติ, เวลํ วา อุตฺตราเปสฺสตี’’ติ ; วฎฺฎิตฺวา วา คจฺฉตุ, เวลํ วา อุตฺตรตุ, อุชุกรณกาเล ปาราชิกํฯ อีทิสา หิ ปโยคา ปุพฺพปโยคาวหาเร สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ สุกฺขมาติกาย อุชุกตาย ปจฺฉา อุทเก อาคเต วฎฺฎิตฺวา วา คจฺฉตุ, เวลํ วา อุตฺตรตุ, ภณฺฑเทยฺยํฯ กสฺมา? ฐานา จาวนปโยคสฺส อภาวาฯ ตสฺส ลกฺขณํ นาวเฎฺฐ อาวิ ภวิสฺสติฯ
Theyyacittena mātikaṃ ujukaṃ karoti ‘‘vaṭṭitvā vā gamissati, velaṃ vā uttarāpessatī’’ti ; vaṭṭitvā vā gacchatu, velaṃ vā uttaratu, ujukaraṇakāle pārājikaṃ. Īdisā hi payogā pubbapayogāvahāre saṅgahaṃ gacchanti. Sukkhamātikāya ujukatāya pacchā udake āgate vaṭṭitvā vā gacchatu, velaṃ vā uttaratu, bhaṇḍadeyyaṃ. Kasmā? Ṭhānā cāvanapayogassa abhāvā. Tassa lakkhaṇaṃ nāvaṭṭhe āvi bhavissati.
ตเตฺถว ภินฺทติ วาติอาทีสุ อฎฺฐกถายํ ตาว วุตฺตํ – ‘‘ภินฺทติ วาติ มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทติฯ ฉเฑฺฑติ วาติ อุทกํ วา วาลิกํ วา อากิริตฺวา อุตฺตราเปติฯ ฌาเปติ วาติ ทารูนิ อาหริตฺวา ฌาเปติฯ อปริโภคํ วา กโรตีติ อขาทิตพฺพํ วา อปาตพฺพํ วา กโรติ; อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา วิสํ วา อุจฺฉิฎฺฐํ วา กุณปํ วา ปาเตสิ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎํ, พุทฺธวิสโย นาเมโสฯ กิญฺจาปิ ทุกฺกฎํ, อาหราเปเนฺต ปน ภณฺฑเทยฺย’’นฺติฯ ตตฺถ ปุริมทฺวยํ น สเมติฯ ตญฺหิ กุมฺภิชชฺชรกรเณน จ มาติกาอุชุกรเณน จ สทฺธิํ เอกลกฺขณํฯ ปจฺฉิมํ ปน ทฺวยํ ฐานา อจาเวเนฺตนาปิ สกฺกา กาตุํฯ ตสฺมา เอตฺถ เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺติ – ‘‘อฎฺฐกถายํ กิร ‘ฐานา จาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎ’นฺติ อิทํ ปจฺฉิมทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ฐานา จาวนํ อกโรโนฺตเยว หิ เถยฺยจิเตฺตน วา วินาเสตุกามตาย วา ฌาเปยฺยปิ, อปริโภคมฺปิ กเรยฺยฯ ปุริมทฺวเย ปน วุตฺตนเยน ภินฺทนฺตสฺส วา ฉเฑฺฑนฺตสฺส วา ฐานา จาวนํ อตฺถิ, ตสฺมา ตถา กโรนฺตสฺส วินาเสตุกามตาย ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิก’’นฺติฯ ปาฬิยํ ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อยุตฺตนฺติ เจ? น; อญฺญถา คเหตพฺพตฺถโตฯ ปาฬิยญฺหิ เถยฺยจิตฺตปเกฺข ‘‘ภินฺทติ วาติ อุทเกน สมฺภินฺทติ, ฉเฑฺฑติ วาติ ตตฺถ วมติ วา ปสฺสาวํ วา ฉเฑฺฑตี’’ติ เอวเมเก วทนฺติฯ
Tattheva bhindati vātiādīsu aṭṭhakathāyaṃ tāva vuttaṃ – ‘‘bhindati vāti muggarena pothetvā bhindati. Chaḍḍeti vāti udakaṃ vā vālikaṃ vā ākiritvā uttarāpeti. Jhāpeti vāti dārūni āharitvā jhāpeti. Aparibhogaṃ vā karotīti akhāditabbaṃ vā apātabbaṃ vā karoti; uccāraṃ vā passāvaṃ vā visaṃ vā ucchiṭṭhaṃ vā kuṇapaṃ vā pātesi, āpatti dukkaṭassāti ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭaṃ, buddhavisayo nāmeso. Kiñcāpi dukkaṭaṃ, āharāpente pana bhaṇḍadeyya’’nti. Tattha purimadvayaṃ na sameti. Tañhi kumbhijajjarakaraṇena ca mātikāujukaraṇena ca saddhiṃ ekalakkhaṇaṃ. Pacchimaṃ pana dvayaṃ ṭhānā acāventenāpi sakkā kātuṃ. Tasmā ettha evaṃ vinicchayaṃ vadanti – ‘‘aṭṭhakathāyaṃ kira ‘ṭhānā cāvanassa natthitāya dukkaṭa’nti idaṃ pacchimadvayaṃ sandhāya vuttaṃ. Ṭhānā cāvanaṃ akarontoyeva hi theyyacittena vā vināsetukāmatāya vā jhāpeyyapi, aparibhogampi kareyya. Purimadvaye pana vuttanayena bhindantassa vā chaḍḍentassa vā ṭhānā cāvanaṃ atthi, tasmā tathā karontassa vināsetukāmatāya bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājika’’nti. Pāḷiyaṃ ‘‘dukkaṭa’’nti vuttattā ayuttanti ce? Na; aññathā gahetabbatthato. Pāḷiyañhi theyyacittapakkhe ‘‘bhindati vāti udakena sambhindati, chaḍḍeti vāti tattha vamati vā passāvaṃ vā chaḍḍetī’’ti evameke vadanti.
อยํ ปเนตฺถ สาโร – วินีตวตฺถุมฺหิ ติณชฺฌาปโก วิย ฐานา อจาเวตุกาโมว เกวลํ ภินฺทติ, ภินฺนตฺตา ปน เตลาทีนิ นิกฺขมนฺติ, ยํ วา ปเนตฺถ ปตฺถินฺนํ, ตํ เอกาพทฺธเมว ติฎฺฐติฯ อฉเฑฺฑตุกาโมเยว จ เกวลํ ตตฺถ อุทกวาลิกาทีนิ อากิรติ, อากิณฺณตฺตา ปน เตลํ ฉฑฺฑียติฯ ตสฺมา โวหารวเสน ‘‘ภินฺทติ วา ฉเฑฺฑติ วา’’ติ วุจฺจตีติฯ เอวเมเตสํ ปทานํ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ นาเสตุกามตาปเกฺข ปน อิตรถาปิ ยุชฺชติฯ เอวญฺหิ กถิยมาเน ปาฬิ จ อฎฺฐกถา จ ปุพฺพาปเรน สํสนฺทิตฺวา กถิตา โหนฺติฯ เอตฺตาวตาปิ จ สโนฺตสํ อกตฺวา อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติฯ
Ayaṃ panettha sāro – vinītavatthumhi tiṇajjhāpako viya ṭhānā acāvetukāmova kevalaṃ bhindati, bhinnattā pana telādīni nikkhamanti, yaṃ vā panettha patthinnaṃ, taṃ ekābaddhameva tiṭṭhati. Achaḍḍetukāmoyeva ca kevalaṃ tattha udakavālikādīni ākirati, ākiṇṇattā pana telaṃ chaḍḍīyati. Tasmā vohāravasena ‘‘bhindati vā chaḍḍeti vā’’ti vuccatīti. Evametesaṃ padānaṃ attho gahetabbo. Nāsetukāmatāpakkhe pana itarathāpi yujjati. Evañhi kathiyamāne pāḷi ca aṭṭhakathā ca pubbāparena saṃsanditvā kathitā honti. Ettāvatāpi ca santosaṃ akatvā ācariye payirupāsitvā vinicchayo veditabboti.
ภูมฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Bhūmaṭṭhakathā niṭṭhitā.
ถลฎฺฐกถา
Thalaṭṭhakathā
๙๕. ถลเฎฺฐ ถเล นิกฺขิตฺตนฺติ ภูมิตเล วา ปาสาณตลปพฺพตตลาทีสุ วา ยตฺถ กตฺถจิ ปฎิจฺฉเนฺน วา อปฺปฎิจฺฉเนฺน วา ฐปิตํ ถลฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตํ สเจ ราสิกตํ โหติ, อโนฺตกุมฺภิยํ ภาชนคตกรณมุฎฺฐิเจฺฉทนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํฯ สเจ เอกาพทฺธํ สิเลสนิยฺยาสาทิ ปกฺกมธุผาณิตวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํฯ สเจ ครุกํ โหติ ภารพทฺธํ โลหปิณฺฑิ-คุฬปิณฺฑิ-เตลมธุฆฎาทิ วา, กุมฺภิยํ ฐานาจาวนวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํฯ สงฺขลิกพทฺธสฺส จ ฐานเภโท สลฺลเกฺขตโพฺพฯ ปตฺถริตฺวา ฐปิตํ ปน ปาวารตฺถรณสาฎกาทิํ อุชุกํ คเหตฺวา อากฑฺฒติ, ปาริมเนฺต โอริมเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ เอวํ สพฺพทิสาสุ สลฺลเกฺขตพฺพํฯ เวเฐตฺวา อุทฺธรติ, เกสคฺคมตฺตํ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
95. Thalaṭṭhe thale nikkhittanti bhūmitale vā pāsāṇatalapabbatatalādīsu vā yattha katthaci paṭicchanne vā appaṭicchanne vā ṭhapitaṃ thalaṭṭhanti veditabbaṃ. Taṃ sace rāsikataṃ hoti, antokumbhiyaṃ bhājanagatakaraṇamuṭṭhicchedanavinicchayena vinicchinitabbaṃ. Sace ekābaddhaṃ silesaniyyāsādi pakkamadhuphāṇitavinicchayena vinicchinitabbaṃ. Sace garukaṃ hoti bhārabaddhaṃ lohapiṇḍi-guḷapiṇḍi-telamadhughaṭādi vā, kumbhiyaṃ ṭhānācāvanavinicchayena vinicchinitabbaṃ. Saṅkhalikabaddhassa ca ṭhānabhedo sallakkhetabbo. Pattharitvā ṭhapitaṃ pana pāvārattharaṇasāṭakādiṃ ujukaṃ gahetvā ākaḍḍhati, pārimante orimantena phuṭṭhokāsaṃ atikkante pārājikaṃ. Evaṃ sabbadisāsu sallakkhetabbaṃ. Veṭhetvā uddharati, kesaggamattaṃ ākāsagataṃ karontassa pārājikaṃ. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ถลฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Thalaṭṭhakathā niṭṭhitā.
อากาสฎฺฐกถา
Ākāsaṭṭhakathā
๙๖. อากาสเฎฺฐ โมรสฺส ฉหิ อากาเรหิ ฐานปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพ – ปุรโต มุขตุณฺฑเกน, ปจฺฉโต กลาปเคฺคน, อุภยปเสฺสสุ ปกฺขปริยเนฺตหิ, อโธ ปาทนขสิขาย, อุทฺธํ สิขเคฺคนาติฯ ภิกฺขุ ‘‘สสฺสามิกํ อากาสฎฺฐํ โมรํ คเหสฺสามี’’ติ ปุรโต วา ติฎฺฐติ, หตฺถํ วา ปสาเรติ, โมโร อากาเสเยว ปเกฺข จาเรติ, วาตํ คาหาเปตฺวา คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ติฎฺฐติฯ ตสฺส ภิกฺขุโน ทุกฺกฎํฯ ตํ อผเนฺทโนฺต หเตฺถน อามสติ, ทุกฺกฎเมวฯ ฐานา อจาเวโนฺต ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํฯ หเตฺถน ปน คเหตฺวา วา อคฺคเหตฺวา วา มุขตุณฺฑเกน ผุโฎฺฐกาสํ กลาปคฺคํ, กลาปเคฺคน วา ผุโฎฺฐกาสํ มุขตุณฺฑกํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ตถา วามปกฺขปริยเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ ทกฺขิณปกฺขปริยนฺตํ, ทกฺขิณปกฺขปริยเนฺตน วา ผุโฎฺฐกาสํ วามปกฺขปริยนฺตํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ตถา ปาทนขสิขาย ผุโฎฺฐกาสํ สิขคฺคํ, สิขเคฺคน วา ผุโฎฺฐกาสํ ปาทนขสิขํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ
96. Ākāsaṭṭhe morassa chahi ākārehi ṭhānaparicchedo veditabbo – purato mukhatuṇḍakena, pacchato kalāpaggena, ubhayapassesu pakkhapariyantehi, adho pādanakhasikhāya, uddhaṃ sikhaggenāti. Bhikkhu ‘‘sassāmikaṃ ākāsaṭṭhaṃ moraṃ gahessāmī’’ti purato vā tiṭṭhati, hatthaṃ vā pasāreti, moro ākāseyeva pakkhe cāreti, vātaṃ gāhāpetvā gamanaṃ upacchinditvā tiṭṭhati. Tassa bhikkhuno dukkaṭaṃ. Taṃ aphandento hatthena āmasati, dukkaṭameva. Ṭhānā acāvento phandāpeti, thullaccayaṃ. Hatthena pana gahetvā vā aggahetvā vā mukhatuṇḍakena phuṭṭhokāsaṃ kalāpaggaṃ, kalāpaggena vā phuṭṭhokāsaṃ mukhatuṇḍakaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Tathā vāmapakkhapariyantena phuṭṭhokāsaṃ dakkhiṇapakkhapariyantaṃ, dakkhiṇapakkhapariyantena vā phuṭṭhokāsaṃ vāmapakkhapariyantaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Tathā pādanakhasikhāya phuṭṭhokāsaṃ sikhaggaṃ, sikhaggena vā phuṭṭhokāsaṃ pādanakhasikhaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ.
อากาเสน คจฺฉโนฺต โมโร สีสาทีสุ ยสฺมิํ อเงฺค นิลียติ, ตํ ตสฺส ฐานํฯ ตสฺมา ตํ หเตฺถ นิลีนํ อิโต จิโต จ กโรโนฺตปิ ผนฺทาเปติเยว, ยทิ ปน อิตเรน หเตฺถน คเหตฺวา ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํ ฯ อิตรํ หตฺถํ อุปเนติ, โมโร สยเมว อุเฑฺฑตฺวา ตตฺถ นิลียติ, อนาปตฺติ ฯ อเงฺค นิลีนภาวํ ญตฺวา เถยฺยจิเตฺตน เอกํ ปทวารํ คจฺฉติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ทุติเย ปาราชิกํฯ
Ākāsena gacchanto moro sīsādīsu yasmiṃ aṅge nilīyati, taṃ tassa ṭhānaṃ. Tasmā taṃ hatthe nilīnaṃ ito cito ca karontopi phandāpetiyeva, yadi pana itarena hatthena gahetvā ṭhānā cāveti, pārājikaṃ . Itaraṃ hatthaṃ upaneti, moro sayameva uḍḍetvā tattha nilīyati, anāpatti . Aṅge nilīnabhāvaṃ ñatvā theyyacittena ekaṃ padavāraṃ gacchati, thullaccayaṃ. Dutiye pārājikaṃ.
ภูมิยํ ฐิตโมโร ทฺวินฺนํ วา ปาทานํ กลาปสฺส จ วเสน ตีณิ ฐานานิ ลภติฯ ตํ อุกฺขิปนฺตสฺส ยาว เอกมฺปิ ฐานํ ปถวิํ ผุสติ, ตาว ถุลฺลจฺจยํฯ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ปถวิยา โมจิตมเตฺต ปาราชิกํฯ ปญฺชเร ฐิตํ สห ปญฺชเรน อุทฺธรติ, ปาราชิกํฯ ยทิ ปน ปาทํ น อคฺฆติ, สพฺพตฺถ อคฺฆวเสน กาตพฺพํฯ อโนฺตวตฺถุมฺหิ จรนฺตํ โมรํ เถยฺยจิเตฺตน ปทสา พหิวตฺถุํ นีหรโนฺต ทฺวารปริเจฺฉทํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ วเช ฐิตพลีพทฺทสฺส หิ วโช วิย อโนฺตวตฺถุ ตสฺส ฐานํฯ หเตฺถน ปน คเหตฺวา อโนฺตวตฺถุสฺมิมฺปิ อากาสคตํ กโรนฺตสฺส ปาราชิกเมวฯ อโนฺตคาเม จรนฺตมฺปิ คามปริเกฺขปํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ปาราชิกํ ฯ สยเมว นิกฺขมิตฺวา คามูปจาเร วา วตฺถูปจาเร วา จรนฺตํ ปน เถยฺยจิโตฺต กเฎฺฐน วา กถลาย วา อุตฺราเสตฺวา อฎวิมุขํ กโรติ, โมโร อุเฑฺฑตฺวา อโนฺตคาเม วา อโนฺตวตฺถุมฺหิ วา ฉทนปิเฎฺฐ วา นิลียติ, รกฺขติฯ สเจ ปน อฎวิมุเข อุเฑฺฑติ วา คจฺฉติ วา ‘‘อฎวิํ ปเวเสตฺวา คเหสฺสามี’’ติ ปริกเปฺป อสติ ปถวิโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุฑฺฑิตมเตฺต วา ทุติยปทวาเร วา ปาราชิกํฯ กสฺมา? ยสฺมา คามโต นิกฺขนฺตสฺส ฐิตฎฺฐานเมว ฐานํ โหติฯ กปิญฺชราทีสุปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ
Bhūmiyaṃ ṭhitamoro dvinnaṃ vā pādānaṃ kalāpassa ca vasena tīṇi ṭhānāni labhati. Taṃ ukkhipantassa yāva ekampi ṭhānaṃ pathaviṃ phusati, tāva thullaccayaṃ. Kesaggamattampi pathaviyā mocitamatte pārājikaṃ. Pañjare ṭhitaṃ saha pañjarena uddharati, pārājikaṃ. Yadi pana pādaṃ na agghati, sabbattha agghavasena kātabbaṃ. Antovatthumhi carantaṃ moraṃ theyyacittena padasā bahivatthuṃ nīharanto dvāraparicchedaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Vaje ṭhitabalībaddassa hi vajo viya antovatthu tassa ṭhānaṃ. Hatthena pana gahetvā antovatthusmimpi ākāsagataṃ karontassa pārājikameva. Antogāme carantampi gāmaparikkhepaṃ atikkāmentassa pārājikaṃ . Sayameva nikkhamitvā gāmūpacāre vā vatthūpacāre vā carantaṃ pana theyyacitto kaṭṭhena vā kathalāya vā utrāsetvā aṭavimukhaṃ karoti, moro uḍḍetvā antogāme vā antovatthumhi vā chadanapiṭṭhe vā nilīyati, rakkhati. Sace pana aṭavimukhe uḍḍeti vā gacchati vā ‘‘aṭaviṃ pavesetvā gahessāmī’’ti parikappe asati pathavito kesaggamattampi uḍḍitamatte vā dutiyapadavāre vā pārājikaṃ. Kasmā? Yasmā gāmato nikkhantassa ṭhitaṭṭhānameva ṭhānaṃ hoti. Kapiñjarādīsupi ayameva vinicchayo.
สาฎกํ วาติ วาตเวคุกฺขิตฺตํ ปถวิตเล ปตฺถริตฺวา ฐปิตมิว อากาเสน คจฺฉนฺตํ ขลิพทฺธํ สาฎกํ อภิมุขาคตํ หเตฺถน เอกสฺมิํ อเนฺต คณฺหาติ, อิโต จิโต จ ฐานํ อวิโกเปโนฺตเยว คมนุปเจฺฉเท ทุกฺกฎํฯ ฐานาจาวนํ อกโรโนฺต จาเลติ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยํฯ ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ ฐานปริเจฺฉโท จสฺส โมรเสฺสว ฉหิ อากาเรหิ เวทิตโพฺพฯ
Sāṭakaṃ vāti vātavegukkhittaṃ pathavitale pattharitvā ṭhapitamiva ākāsena gacchantaṃ khalibaddhaṃ sāṭakaṃ abhimukhāgataṃ hatthena ekasmiṃ ante gaṇhāti, ito cito ca ṭhānaṃ avikopentoyeva gamanupacchede dukkaṭaṃ. Ṭhānācāvanaṃ akaronto cāleti, phandāpane thullaccayaṃ. Ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Ṭhānaparicchedo cassa morasseva chahi ākārehi veditabbo.
อพทฺธสาฎโก ปน เอกสฺมิํ อเนฺต คหิตมเตฺตว ทุติเยนเนฺตน ปติตฺวา ภูมิยํ ปติฎฺฐาติ, ตสฺส เทฺว ฐานานิ โหนฺติ – หโตฺถ เจว ภูมิ จฯ ตํ ยถาคหิตเมว ปฐมํ คหิโตกาสปฺปเทสโต จาเลติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ภูมิโต ทุติยหเตฺถน วา ปาเทน วา อุกฺขิปติ, ปาราชิกํฯ ปฐมํ วา ภูมิโต อุทฺธรติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา คหิโตกาสปฺปเทสโต จาเวติ, ปาราชิกํฯ คหณํ วา อมุญฺจโนฺต อุชุกเมว หตฺถํ โอนาเมตฺวา ภูมิคตํ กตฺวา เตเนว หเตฺถน อุกฺขิปติ, ปาราชิกํฯ เวฐเนปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ
Abaddhasāṭako pana ekasmiṃ ante gahitamatteva dutiyenantena patitvā bhūmiyaṃ patiṭṭhāti, tassa dve ṭhānāni honti – hattho ceva bhūmi ca. Taṃ yathāgahitameva paṭhamaṃ gahitokāsappadesato cāleti, thullaccayaṃ. Pacchā bhūmito dutiyahatthena vā pādena vā ukkhipati, pārājikaṃ. Paṭhamaṃ vā bhūmito uddharati, thullaccayaṃ. Pacchā gahitokāsappadesato cāveti, pārājikaṃ. Gahaṇaṃ vā amuñcanto ujukameva hatthaṃ onāmetvā bhūmigataṃ katvā teneva hatthena ukkhipati, pārājikaṃ. Veṭhanepi ayameva vinicchayo.
หิรญฺญํ วา สุวณฺณํ วา ฉิชฺชมานนฺติ มนุสฺสานํ อลงฺกโรนฺตานํ คีเวยฺยกาทิปิฬนฺธนํ วา สุวณฺณสลากํ ฉินฺทนฺตานํ สุวณฺณการานํ สุวณฺณขณฺฑํ วา ฉิชฺชมานํ ปตติ, ตเญฺจ ภิกฺขุ อากาเสน อาคจฺฉนฺตํ เถยฺยจิโตฺต หเตฺถน คณฺหาติ, คหณเมว ฐานํฯ คหิตปฺปเทสโต หตฺถํ อปเนติ, ปาราชิกํฯ จีวเร ปติตํ หเตฺถน อุกฺขิปติ, ปาราชิกํฯ อนุทฺธริตฺวาว ยาติ, ทุติเย ปทวาเร ปาราชิกํฯ ปเตฺต ปติเตปิ เอเสว นโยฯ สีเส วา มุเข วา ปาเท วา ปติฎฺฐิตํ หเตฺถน คณฺหาติ, ปาราชิกํฯ อคฺคเหตฺวาว ยาติ, ทุติเย ปทวาเร ปาราชิกํฯ ยตฺถ กตฺถจิ ปตติ, ตสฺส ปติโตกาโสว ฐานํ, น สพฺพํ องฺคปจฺจงฺคํ ปตฺตจีวรํ วาติฯ
Hiraññaṃvā suvaṇṇaṃ vā chijjamānanti manussānaṃ alaṅkarontānaṃ gīveyyakādipiḷandhanaṃ vā suvaṇṇasalākaṃ chindantānaṃ suvaṇṇakārānaṃ suvaṇṇakhaṇḍaṃ vā chijjamānaṃ patati, tañce bhikkhu ākāsena āgacchantaṃ theyyacitto hatthena gaṇhāti, gahaṇameva ṭhānaṃ. Gahitappadesato hatthaṃ apaneti, pārājikaṃ. Cīvare patitaṃ hatthena ukkhipati, pārājikaṃ. Anuddharitvāva yāti, dutiye padavāre pārājikaṃ. Patte patitepi eseva nayo. Sīse vā mukhe vā pāde vā patiṭṭhitaṃ hatthena gaṇhāti, pārājikaṃ. Aggahetvāva yāti, dutiye padavāre pārājikaṃ. Yattha katthaci patati, tassa patitokāsova ṭhānaṃ, na sabbaṃ aṅgapaccaṅgaṃ pattacīvaraṃ vāti.
อากาสฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Ākāsaṭṭhakathā niṭṭhitā.
เวหาสฎฺฐกถา
Vehāsaṭṭhakathā
๙๗. เวหาสเฎฺฐ มญฺจปีฐาทีสุ ฐปิตํ ภณฺฑํ อามาสํ วา โหตุ อนามาสํ วา, เถยฺยจิเตฺตน อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ มญฺจปีเฐสุ ฐปิตภเณฺฑสุ ปเนตฺถ ถลเฎฺฐ วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – สเจ ขลิยา พทฺธสาฎโก มเญฺจ วา ปีเฐ วา ปตฺถโฎ มเชฺฌน มญฺจตลํ น ผุสติ, มญฺจปาเทว ผุสติ, เตสํ วเสน ฐานํ เวทิตพฺพํฯ ปาทานํ อุปริ ผุโฎฺฐกาสเมว หิ อติกฺกมิตมเตฺตน ตตฺถ ปาราชิกํ โหติฯ สห มญฺจปีเฐหิ หรนฺตสฺส ปน มญฺจปีฐปาทานํ ปติฎฺฐิโตกาสวเสน ฐานํ เวทิตพฺพํฯ
97. Vehāsaṭṭhe mañcapīṭhādīsu ṭhapitaṃ bhaṇḍaṃ āmāsaṃ vā hotu anāmāsaṃ vā, theyyacittena āmasantassa dukkaṭaṃ. Mañcapīṭhesu ṭhapitabhaṇḍesu panettha thalaṭṭhe vuttanayena vinicchayo veditabbo. Ayaṃ pana viseso – sace khaliyā baddhasāṭako mañce vā pīṭhe vā patthaṭo majjhena mañcatalaṃ na phusati, mañcapādeva phusati, tesaṃ vasena ṭhānaṃ veditabbaṃ. Pādānaṃ upari phuṭṭhokāsameva hi atikkamitamattena tattha pārājikaṃ hoti. Saha mañcapīṭhehi harantassa pana mañcapīṭhapādānaṃ patiṭṭhitokāsavasena ṭhānaṃ veditabbaṃ.
จีวรวํเส วาติ จีวรฐปนตฺถาย พนฺธิตฺวา ฐปิเต วํเส วา กฎฺฐทณฺฑเก วาฯ ตตฺถ สํหริตฺวา ปารโต อนฺตํ โอรโต โภคํ กตฺวา ฐปิตจีวรสฺส ปติฎฺฐิโตกาเสน ผุโฎฺฐกาโสว ฐานํ, น สโพฺพ จีวรวํโสฯ ตสฺมา เถยฺยจิเตฺตน ตํ โภเค คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺส ปารโต วํเส ปติฎฺฐิโตกาสํ โอรโต จีวเรน วํสสฺส ผุฎฺฐปฺปเทสํ อติกฺกาเมนฺตสฺส เอกทฺวงฺคุลมตฺตากฑฺฒเนเนว ปาราชิกํฯ อเนฺต คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ ตเตฺถว ปน จีวรวํเส วามโต วา ทกฺขิณโต วา สาเรนฺตสฺส วามเนฺตน ทกฺขิณนฺตฎฺฐานํ ทกฺขิณเนฺตน วา วามนฺตฎฺฐานํ อติกฺกนฺตมเตฺต ทสทฺวาทสงฺคุลมตฺตสารเณเนว ปาราชิกํฯ อุทฺธํ อุกฺขิปนฺตสฺส เกสคฺคมตฺตุกฺขิปเนน ปาราชิกํฯ จีวรวํสํ ผุสนฺตํ วา อผุสนฺตํ วา รชฺชุเกน พนฺธิตฺวา ฐปิตจีวรํ โมเจนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, มุเตฺต ปาราชิกํฯ มุตฺตมตฺตเมว หิ ตํ ‘‘ฐานา จุต’’นฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ วํเส เวเฐตฺวา ฐปิตํ นิเพฺพเฐนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, นิเพฺพฐิตมเตฺต ปาราชิกํฯ วลยํ กตฺวา ฐปิเต วลยํ ฉินฺทติ วา โมเจติ วา เอกํ วา วํสโกฎิํ โมเจตฺวา นีหรติ, ถุลฺลจฺจยํ ฯ ฉินฺนมเตฺต มุตฺตมเตฺต นีหฎมเตฺต จ ปาราชิกํฯ ตถา อกตฺวาว จีวรวํเส อิโต จิโต จ สาเรติ, รกฺขติ ตาวฯ วลยสฺส หิ สโพฺพปิ จีวรวํโส ฐานํฯ กสฺมา? ตตฺถ สํสรณธมฺมตายฯ ยทา ปน นํ หเตฺถน คเหตฺวา อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิกํฯ ปสาเรตฺวา ฐปิตสฺส ปติฎฺฐิโตกาเสน ผุโฎฺฐกาโสว ฐานํฯ ตตฺถ สํหริตฺวา ฐปิเต วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ยํ ปน เอเกนเนฺตน ภูมิํ ผุสิตฺวา ฐิตํ โหติ, ตสฺส จีวรวํเส จ ภูมิยญฺจ ปติฎฺฐิโตกาสวเสน เทฺว ฐานานิฯ ตตฺถ ภูมิยํ เอเกนเนฺตน ปติฎฺฐิเต อพทฺธสาฎเก วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ จีวรรชฺชุยาปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ
Cīvaravaṃse vāti cīvaraṭhapanatthāya bandhitvā ṭhapite vaṃse vā kaṭṭhadaṇḍake vā. Tattha saṃharitvā pārato antaṃ orato bhogaṃ katvā ṭhapitacīvarassa patiṭṭhitokāsena phuṭṭhokāsova ṭhānaṃ, na sabbo cīvaravaṃso. Tasmā theyyacittena taṃ bhoge gahetvā ākaḍḍhantassa pārato vaṃse patiṭṭhitokāsaṃ orato cīvarena vaṃsassa phuṭṭhappadesaṃ atikkāmentassa ekadvaṅgulamattākaḍḍhaneneva pārājikaṃ. Ante gahetvā ākaḍḍhantassāpi eseva nayo. Tattheva pana cīvaravaṃse vāmato vā dakkhiṇato vā sārentassa vāmantena dakkhiṇantaṭṭhānaṃ dakkhiṇantena vā vāmantaṭṭhānaṃ atikkantamatte dasadvādasaṅgulamattasāraṇeneva pārājikaṃ. Uddhaṃ ukkhipantassa kesaggamattukkhipanena pārājikaṃ. Cīvaravaṃsaṃ phusantaṃ vā aphusantaṃ vā rajjukena bandhitvā ṭhapitacīvaraṃ mocentassa thullaccayaṃ, mutte pārājikaṃ. Muttamattameva hi taṃ ‘‘ṭhānā cuta’’nti saṅkhyaṃ gacchati. Vaṃse veṭhetvā ṭhapitaṃ nibbeṭhentassa thullaccayaṃ, nibbeṭhitamatte pārājikaṃ. Valayaṃ katvā ṭhapite valayaṃ chindati vā moceti vā ekaṃ vā vaṃsakoṭiṃ mocetvā nīharati, thullaccayaṃ . Chinnamatte muttamatte nīhaṭamatte ca pārājikaṃ. Tathā akatvāva cīvaravaṃse ito cito ca sāreti, rakkhati tāva. Valayassa hi sabbopi cīvaravaṃso ṭhānaṃ. Kasmā? Tattha saṃsaraṇadhammatāya. Yadā pana naṃ hatthena gahetvā ākāsagataṃ karoti, pārājikaṃ. Pasāretvā ṭhapitassa patiṭṭhitokāsena phuṭṭhokāsova ṭhānaṃ. Tattha saṃharitvā ṭhapite vuttanayena vinicchayo veditabbo. Yaṃ pana ekenantena bhūmiṃ phusitvā ṭhitaṃ hoti, tassa cīvaravaṃse ca bhūmiyañca patiṭṭhitokāsavasena dve ṭhānāni. Tattha bhūmiyaṃ ekenantena patiṭṭhite abaddhasāṭake vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Cīvararajjuyāpi ayameva vinicchayo.
องฺกุสเก ลเคฺคตฺวา ฐปิตภณฺฑํ ปน เภสชฺชฆโฎ วา เภสชฺชตฺถวิกา วา สเจ ภิตฺติํ วา ภูมิํ วา อผุสิตฺวา ฐปิตํ ลคฺคนกํ ฆํสนฺตสฺส นีหรโต องฺกุสโกฎิโต นิกฺขนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ลคฺคนกํ พทฺธํ โหติ, พุเนฺทน อุกฺขิปิตฺวา อากาสคตํ กโรนฺตสฺส องฺกุสโกฎิโต อนิกฺขเนฺตปิ ปาราชิกํฯ ภิตฺตินิสฺสิตํ โหติ, ปฐมํ องฺกุสโกฎิโต นีหรติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ภิตฺติํ โมเจติ, ปาราชิกํฯ ปฐมํ ภิตฺติํ โมเจตฺวา ปจฺฉา องฺกุสโต นีหรนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ภาริยํ ภณฺฑํ นีหริตุํ อสโกฺกโนฺต สยํ ภิตฺตินิสฺสิตํ กตฺวา องฺกุสโต นีหรติ, ปุน ภิตฺติํ อโมเจตฺวาปิ องฺกุสโต นีหฎมเตฺตเยว ปาราชิกํฯ อตฺตนา กตฎฺฐานญฺหิ ฐานํ น โหติฯ ภูมิํ ผุสิตฺวา ฐิตสฺส ปน เทฺว เอว ฐานานิฯ ตตฺถ วุโตฺตเยว วินิจฺฉโย ฯ ยํ ปน สิกฺกาย ปกฺขิปิตฺวา ลคฺคิตํ โหติ, ตํ สิกฺกาโต นีหรนฺตสฺสาปิ สห สิกฺกาย องฺกุสโต นีหรนฺตสฺสาปิ ปาราชิกํฯ ภิตฺติภูมิสนฺนิสฺสิตวเสน เจตฺถ ฐานเภโทปิ เวทิตโพฺพฯ
Aṅkusake laggetvā ṭhapitabhaṇḍaṃ pana bhesajjaghaṭo vā bhesajjatthavikā vā sace bhittiṃ vā bhūmiṃ vā aphusitvā ṭhapitaṃ lagganakaṃ ghaṃsantassa nīharato aṅkusakoṭito nikkhantamatte pārājikaṃ. Lagganakaṃ baddhaṃ hoti, bundena ukkhipitvā ākāsagataṃ karontassa aṅkusakoṭito anikkhantepi pārājikaṃ. Bhittinissitaṃ hoti, paṭhamaṃ aṅkusakoṭito nīharati, thullaccayaṃ. Pacchā bhittiṃ moceti, pārājikaṃ. Paṭhamaṃ bhittiṃ mocetvā pacchā aṅkusato nīharantassāpi eseva nayo. Sace pana bhāriyaṃ bhaṇḍaṃ nīharituṃ asakkonto sayaṃ bhittinissitaṃ katvā aṅkusato nīharati, puna bhittiṃ amocetvāpi aṅkusato nīhaṭamatteyeva pārājikaṃ. Attanā kataṭṭhānañhi ṭhānaṃ na hoti. Bhūmiṃ phusitvā ṭhitassa pana dve eva ṭhānāni. Tattha vuttoyeva vinicchayo . Yaṃ pana sikkāya pakkhipitvā laggitaṃ hoti, taṃ sikkāto nīharantassāpi saha sikkāya aṅkusato nīharantassāpi pārājikaṃ. Bhittibhūmisannissitavasena cettha ṭhānabhedopi veditabbo.
ภิตฺติขีโลติ อุชุกํ กตฺวา ภิตฺติยํ อาโกฎิโต วา ตตฺถชาตโก เอว วา; นาคทโนฺต ปน วโงฺก อาโกฎิโต เอวฯ เตสุ ลเคฺคตฺวา ฐปิตํ องฺกุสเก วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉินิตพฺพํฯ ทฺวีสุ ตีสุ ปน ปฎิปาฎิยา ฐิเตสุ อาโรเปตฺวา ฐปิตํ กุนฺตํ วา ภินฺทิวาลํ วา อเคฺค วา พุเนฺท วา คเหตฺวา อากฑฺฒติ, เอกเมกสฺส ผุโฎฺฐกาสมเตฺต อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ ผุโฎฺฐกาสมตฺตเมว หิ เตสํ ฐานํ โหติ, น สเพฺพ ขีลา วา นาคทนฺตา วาฯ ภิตฺติอภิมุโข ฐตฺวา มเชฺฌ คเหตฺวา อากฑฺฒติ, โอริมเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ ปาริมเนฺตน อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ปรโต เปเลฺลนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ หเตฺถน คเหตฺวา อุชุกํ อุกฺขิปโนฺต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิกํฯ ภิตฺติํ นิสฺสาย ฐปิตํ ภิตฺติํ ฆํสโนฺต อากฑฺฒติ, อเคฺคน ผุโฎฺฐกาสํ พุนฺทํ, พุเนฺทน วา ผุโฎฺฐกาสํ อคฺคํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ปาราชิกํ ฯ ภิตฺติอภิมุโข ฐตฺวา อากฑฺฒโนฺต เอเกนเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ อปรนฺตํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ อุชุกํ อุกฺขิปโนฺต เกสคฺคมตฺตํ อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิกํฯ
Bhittikhīloti ujukaṃ katvā bhittiyaṃ ākoṭito vā tatthajātako eva vā; nāgadanto pana vaṅko ākoṭito eva. Tesu laggetvā ṭhapitaṃ aṅkusake vuttanayeneva vinicchinitabbaṃ. Dvīsu tīsu pana paṭipāṭiyā ṭhitesu āropetvā ṭhapitaṃ kuntaṃ vā bhindivālaṃ vā agge vā bunde vā gahetvā ākaḍḍhati, ekamekassa phuṭṭhokāsamatte atikkante pārājikaṃ. Phuṭṭhokāsamattameva hi tesaṃ ṭhānaṃ hoti, na sabbe khīlā vā nāgadantā vā. Bhittiabhimukho ṭhatvā majjhe gahetvā ākaḍḍhati, orimantena phuṭṭhokāsaṃ pārimantena atikkantamatte pārājikaṃ. Parato pellentassāpi eseva nayo. Hatthena gahetvā ujukaṃ ukkhipanto kesaggamattampi ākāsagataṃ karoti, pārājikaṃ. Bhittiṃ nissāya ṭhapitaṃ bhittiṃ ghaṃsanto ākaḍḍhati, aggena phuṭṭhokāsaṃ bundaṃ, bundena vā phuṭṭhokāsaṃ aggaṃ atikkāmentassa pārājikaṃ . Bhittiabhimukho ṭhatvā ākaḍḍhanto ekenantena phuṭṭhokāsaṃ aparantaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Ujukaṃ ukkhipanto kesaggamattaṃ ākāsagataṃ karoti, pārājikaṃ.
รุเกฺข วา ลคฺคิตนฺติ ตาลรุกฺขาทีสุ อาโรเปตฺวา ลคฺคิเต องฺกุสกาทีสุ วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ตตฺถชาตกํ ปน ตาลปิณฺฑิํ จาเลนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ยสฺมิํ ผเล ปาราชิกวตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ พนฺธนา มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ปิณฺฑิํ ฉินฺทติ, ปาราชิกํฯ อเคฺคน ปณฺณนฺตรํ อาโรเปตฺวา ฐปิตา เทฺว ฐานานิ ลภติ – ฐปิตฎฺฐานญฺจ วณฺฎฎฺฐานญฺจ; ตตฺถ วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ โย ปน ‘‘ฉินฺนมตฺตา ปตมานา สทฺทํ กเรยฺยา’’ติ ภเยน สยํ อเคฺคน ปณฺณนฺตรํ อาโรเปตฺวา ฉินฺทติ, ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํ ฯ อตฺตนา กตฎฺฐานญฺหิ ฐานํ น โหติฯ เอเตน อุปาเยน สพฺพรุกฺขานํ ปุปฺผผเลสุ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Rukkhe vā laggitanti tālarukkhādīsu āropetvā laggite aṅkusakādīsu vuttanayena vinicchayo veditabbo. Tatthajātakaṃ pana tālapiṇḍiṃ cālentassa thullaccayaṃ. Yasmiṃ phale pārājikavatthu pūrati, tasmiṃ bandhanā muttamatte pārājikaṃ. Piṇḍiṃ chindati, pārājikaṃ. Aggena paṇṇantaraṃ āropetvā ṭhapitā dve ṭhānāni labhati – ṭhapitaṭṭhānañca vaṇṭaṭṭhānañca; tattha vuttanayena vinicchayo veditabbo. Yo pana ‘‘chinnamattā patamānā saddaṃ kareyyā’’ti bhayena sayaṃ aggena paṇṇantaraṃ āropetvā chindati, chinnamatte pārājikaṃ . Attanā kataṭṭhānañhi ṭhānaṃ na hoti. Etena upāyena sabbarukkhānaṃ pupphaphalesu vinicchayo veditabbo.
ปตฺตาธารเกปีติ เอตฺถ รุกฺขาธารโก วา โหตุ วลยาธารโก วา ทณฺฑาธารโก วา ยํกิญฺจิ ปตฺตฎฺฐปนกํ ปจฺฉิกาปิ โหตุ ปตฺตาธารโก เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตตฺถ ฐปิตปตฺตสฺส ปเตฺตน ผุโฎฺฐกาโส เอว ฐานํฯ ตตฺถ รุกฺขาธารเก ปญฺจหากาเรหิ ฐานปริเจฺฉโท โหติฯ ตตฺถ ฐิตํ ปตฺตํ มุขวฎฺฎิยํ คเหตฺวา จตูสุ ทิสาสุ ยโต กุโตจิ กฑฺฒโนฺต เอเกนเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ อปรนฺตํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ อุทฺธํ เกสคฺคมตฺตํ อุกฺขิปโต ปาราชิกํฯ สหาธารเกน หรนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยติฯ
Pattādhārakepīti ettha rukkhādhārako vā hotu valayādhārako vā daṇḍādhārako vā yaṃkiñci pattaṭṭhapanakaṃ pacchikāpi hotu pattādhārako tveva saṅkhyaṃ gacchati. Tattha ṭhapitapattassa pattena phuṭṭhokāso eva ṭhānaṃ. Tattha rukkhādhārake pañcahākārehi ṭhānaparicchedo hoti. Tattha ṭhitaṃ pattaṃ mukhavaṭṭiyaṃ gahetvā catūsu disāsu yato kutoci kaḍḍhanto ekenantena phuṭṭhokāsaṃ aparantaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Uddhaṃ kesaggamattaṃ ukkhipato pārājikaṃ. Sahādhārakena harantassāpi eseva nayoti.
เวหาสฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Vehāsaṭṭhakathā niṭṭhitā.
อุทกฎฺฐกถา
Udakaṭṭhakathā
๙๘. อุทกเฎฺฐ – อุทเก นิกฺขิตฺตํ โหตีติ ราชภยาทิภีเตหิ อุทเกน อวินสฺสนธเมฺมสุ ตมฺพโลหภาชนาทีสุ สุปฺปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา โปกฺขรณีอาทีสุ อสนฺทนเก อุทเก นิกฺขิตฺตํฯ ตสฺส ปติฎฺฐิโตกาโสเยว ฐานํ, น สพฺพํ อุทกํฯ คจฺฉติ วา อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ อคมฺภีเร อุทเก ปทสา คจฺฉนฺตสฺส ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํฯ คมฺภีเร หเตฺถหิ วา ปาเทหิ วา ปโยคํ กโรนฺตสฺส หตฺถวาเรหิ วา ปทวาเรหิ วา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ เอเสว นโย กุมฺภิคหณตฺถํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชเนสุฯ สเจ ปน อนฺตรา กิญฺจิ อุทกสปฺปํ วา วาฬมจฺฉํ วา ทิสฺวา ภีโต ปลายติ, อนาปตฺติฯ อามสนาทีสุ ภูมิคตาย กุมฺภิยา วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ ฯ อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ภูมิํ ขณิตฺวา กฑฺฒติ, อิธ กทฺทเม โอสาเรติฯ เอวํ ฉหากาเรหิ ฐานปริเจฺฉโท โหติฯ
98. Udakaṭṭhe – udake nikkhittaṃ hotīti rājabhayādibhītehi udakena avinassanadhammesu tambalohabhājanādīsu suppaṭicchannaṃ katvā pokkharaṇīādīsu asandanake udake nikkhittaṃ. Tassa patiṭṭhitokāsoyeva ṭhānaṃ, na sabbaṃ udakaṃ. Gacchati vā āpatti dukkaṭassāti agambhīre udake padasā gacchantassa padavāre padavāre dukkaṭaṃ. Gambhīre hatthehi vā pādehi vā payogaṃ karontassa hatthavārehi vā padavārehi vā payoge payoge dukkaṭaṃ. Eseva nayo kumbhigahaṇatthaṃ nimujjanummujjanesu. Sace pana antarā kiñci udakasappaṃ vā vāḷamacchaṃ vā disvā bhīto palāyati, anāpatti. Āmasanādīsu bhūmigatāya kumbhiyā vuttanayeneva vinicchayo veditabbo . Ayaṃ pana viseso – tattha bhūmiṃ khaṇitvā kaḍḍhati, idha kaddame osāreti. Evaṃ chahākārehi ṭhānaparicchedo hoti.
อุปฺปลาทีสุ ยสฺมิํ ปุเปฺผ วตฺถุํ ปูเรติ, ตสฺมิํ ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ อุปฺปลชาติกานเญฺจตฺถ ยาว เอกสฺมิมฺปิ ปเสฺส วาโก น ฉิชฺชติ, ตาว รกฺขติฯ ปทุมชาติกานํ ปน ทเณฺฑ ฉิเนฺน อพฺภนฺตเร สุตฺตํ อจฺฉินฺนมฺปิ น รกฺขติฯ สามิเกหิ ฉินฺทิตฺวา ฐปิตานิ อุปฺปลาทีนิ โหนฺติ, ยํ วตฺถุํ ปูเรติ, ตสฺมิํ อุทฺธเฎ ปาราชิกํฯ หตฺถกพทฺธานิ โหนฺติ, ยสฺมิํ หตฺถเก วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ อุทฺธเฎ ปาราชิกํฯ ภารพทฺธานิ โหนฺติ, ตํ ภารํ ฉนฺนํ อาการานํ เยน เกนจิ อากาเรน ฐานา จาเวนฺตสฺส ภูมฎฺฐกุมฺภิยํ วุตฺตนเยน ปาราชิกํฯ ทีฆนาฬานิ อุปฺปลาทีนิ โหนฺติ, ปุเปฺผสุ วา นาเฬสุ วา เวณิํ กตฺวา อุทกปิเฎฺฐ รชฺชุเกสุ ติณานิ สนฺถริตฺวา ฐเปนฺติ วา พนฺธนฺติ วา, เตสํ ทีฆโต ปุปฺผเคฺคน จ นาฬเนฺตน จ ติริยํ ปริยเนฺตหิ เหฎฺฐา ปติฎฺฐิโตกาเสน อุทฺธํ อุปริ ฐิตสฺส ปิฎฺฐิยาติ ฉหากาเรหิ ฐานา จาวนปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ
Uppalādīsu yasmiṃ pupphe vatthuṃ pūreti, tasmiṃ chinnamatte pārājikaṃ. Uppalajātikānañcettha yāva ekasmimpi passe vāko na chijjati, tāva rakkhati. Padumajātikānaṃ pana daṇḍe chinne abbhantare suttaṃ acchinnampi na rakkhati. Sāmikehi chinditvā ṭhapitāni uppalādīni honti, yaṃ vatthuṃ pūreti, tasmiṃ uddhaṭe pārājikaṃ. Hatthakabaddhāni honti, yasmiṃ hatthake vatthu pūrati, tasmiṃ uddhaṭe pārājikaṃ. Bhārabaddhāni honti, taṃ bhāraṃ channaṃ ākārānaṃ yena kenaci ākārena ṭhānā cāventassa bhūmaṭṭhakumbhiyaṃ vuttanayena pārājikaṃ. Dīghanāḷāni uppalādīni honti, pupphesu vā nāḷesu vā veṇiṃ katvā udakapiṭṭhe rajjukesu tiṇāni santharitvā ṭhapenti vā bandhanti vā, tesaṃ dīghato pupphaggena ca nāḷantena ca tiriyaṃ pariyantehi heṭṭhā patiṭṭhitokāsena uddhaṃ upari ṭhitassa piṭṭhiyāti chahākārehi ṭhānā cāvanaparicchedo veditabbo.
โยปิ อุทกปิฎฺฐิยํ ฐปิตปุปฺผกลาปํ อุทกํ จาเลตฺวา วีจิํ อุฎฺฐาเปตฺวา เกสคฺคมตฺตมฺปิ ยถาฐิตฎฺฐานโต จาเวติ, ปาราชิกํฯ อถ ปน ปริกเปฺปติ ‘‘เอตฺถ คตํ คเหสฺสามี’’ติ, รกฺขติ ตาว; คตฎฺฐาเน ปน อุทฺธรโต ปาราชิกํฯ อุทกโต อจฺจุคฺคตสฺส ปุปฺผสฺส สกลมุทกํ ฐานํ, ตํ อุปฺปาเฎตฺวา อุชุกํ อุทฺธรนฺตสฺส นาฬเนฺต เกสคฺคมตฺตํ อุทกโต อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ ปุเปฺผ คเหตฺวา อปนาเมตฺวา อากฑฺฒโนฺต อุปฺปาเฎติ, น อุทกํ ฐานํ, อุปฺปาฎิตมเตฺต ปาราชิกํฯ กลาปพทฺธานิ ปุปฺผานิ อุทกฎฺฐาเน วา รุเกฺข วา คเจฺฉ วา พนฺธิตฺวา ฐเปนฺติ, พนฺธนํ อโมเจตฺวา อิโต จิโต จ กโรนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, พนฺธเน มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ปฐมํ พนฺธนํ โมเจตฺวา ปจฺฉา หรติ, เอตฺถ ฉหากาเรหิ ฐานปริเจฺฉโทติ อิทํ อุภยํ มหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตํฯ ปทุมินิยํ ปุปฺผานิ สห ปทุมินิํยา คณฺหิตุกามสฺส ปุปฺผนาเฬหิ จ ปตฺตนาเฬหิ จ ผุฎฺฐอุทกวเสน อุทฺธเญฺจว ติริยญฺจ ฐานปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ ตํ ปนสฺส ปทุมินิํ อนุปฺปาเฎตฺวา ปุปฺผานิ วา ปตฺตานิ วา อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ อุปฺปาฎิตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Yopi udakapiṭṭhiyaṃ ṭhapitapupphakalāpaṃ udakaṃ cāletvā vīciṃ uṭṭhāpetvā kesaggamattampi yathāṭhitaṭṭhānato cāveti, pārājikaṃ. Atha pana parikappeti ‘‘ettha gataṃ gahessāmī’’ti, rakkhati tāva; gataṭṭhāne pana uddharato pārājikaṃ. Udakato accuggatassa pupphassa sakalamudakaṃ ṭhānaṃ, taṃ uppāṭetvā ujukaṃ uddharantassa nāḷante kesaggamattaṃ udakato atikkante pārājikaṃ. Pupphe gahetvā apanāmetvā ākaḍḍhanto uppāṭeti, na udakaṃ ṭhānaṃ, uppāṭitamatte pārājikaṃ. Kalāpabaddhāni pupphāni udakaṭṭhāne vā rukkhe vā gacche vā bandhitvā ṭhapenti, bandhanaṃ amocetvā ito cito ca karontassa thullaccayaṃ, bandhane muttamatte pārājikaṃ. Paṭhamaṃ bandhanaṃ mocetvā pacchā harati, ettha chahākārehi ṭhānaparicchedoti idaṃ ubhayaṃ mahāpaccariyādīsu vuttaṃ. Paduminiyaṃ pupphāni saha paduminiṃyā gaṇhitukāmassa pupphanāḷehi ca pattanāḷehi ca phuṭṭhaudakavasena uddhañceva tiriyañca ṭhānaparicchedo veditabbo. Taṃ panassa paduminiṃ anuppāṭetvā pupphāni vā pattāni vā attano abhimukhaṃ ākaḍḍhantassa thullaccayaṃ. Uppāṭitamatte pārājikaṃ.
ปุปฺผปตฺตนาเฬ ฐานโต อจาเวตฺวาปิ ปฐมํ ปทุมินิํ อุปฺปาเฎนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ปุปฺผปตฺตนาเฬสุ ฐานา จาวิเตสุ ปาราชิกํฯ อุปฺปาฎิตาย ปทุมินิยา ปุปฺผํ คณฺหโนฺต ปน ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ พหิ ฐปิเต ราสิกตกลาปพทฺธภารพทฺธปุเปฺผปิ เอเสว นโยฯ ภิสํ วา มุฬาลํ วา เยน วตฺถุ ปูรติ, ตํ อุปฺปาเฎนฺตสฺส ปาราชิกํฯ กทฺทเม ผุโฎฺฐกาสวเสน เจตฺถ ฐานํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํฯ ตานิ อุปฺปาเฎนฺตสฺส สุขุมมฺปิ มูลํ อจฺฉินฺนํ โหติ, รกฺขติ ตาวฯ ภิสปเพฺพ ชาตํ ปตฺตํ วา ปุปฺผํ วา โหติ, ตมฺปิ รกฺขตีติ มหาอฎฺฐกถายเมว วุตฺตํฯ ภิสคณฺฐิมฺหิ ปน กณฺฎโก โหติ โยพฺพนปฺปตฺตานํ มุขปิฬกา วิย, อยํ อทีฆตฺตา น รกฺขติฯ เสสํ อุปฺปลาทีสุ วุตฺตนยเมวฯ
Pupphapattanāḷe ṭhānato acāvetvāpi paṭhamaṃ paduminiṃ uppāṭentassa thullaccayaṃ. Pacchā pupphapattanāḷesu ṭhānā cāvitesu pārājikaṃ. Uppāṭitāya paduminiyā pupphaṃ gaṇhanto pana bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo. Bahi ṭhapite rāsikatakalāpabaddhabhārabaddhapupphepi eseva nayo. Bhisaṃ vā muḷālaṃ vā yena vatthu pūrati, taṃ uppāṭentassa pārājikaṃ. Kaddame phuṭṭhokāsavasena cettha ṭhānaṃ paricchinditabbaṃ. Tāni uppāṭentassa sukhumampi mūlaṃ acchinnaṃ hoti, rakkhati tāva. Bhisapabbe jātaṃ pattaṃ vā pupphaṃ vā hoti, tampi rakkhatīti mahāaṭṭhakathāyameva vuttaṃ. Bhisagaṇṭhimhi pana kaṇṭako hoti yobbanappattānaṃ mukhapiḷakā viya, ayaṃ adīghattā na rakkhati. Sesaṃ uppalādīsu vuttanayameva.
มจฺฉกจฺฉปานํ สสฺสามิกานํ วาปิอาทีสุ สกลมุทกํ ฐานํฯ ตสฺมา โย ปฎิชคฺคนฎฺฐาเน สสฺสามิกํ มจฺฉํ พฬิเสน วา ชาเลน วา กุมเนน วา หเตฺถน วา คณฺหาติ, ตสฺส เยน มเจฺฉน วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุทกโต อุทฺธฎมเตฺต ปาราชิกํฯ โกจิ มโจฺฉ คยฺหมาโน อิโต จิโต จ ธาวติ, อากาสํ วา อุปฺปตติ, ตีเร วา ปตติ, อากาเส วา ฐิตํ ตีเร วา ปติตํ คณฺหโตปิ ปาราชิกเมวฯ กจฺฉปมฺปิ พหิ โคจรตฺถํ คตํ คณฺหโต เอเสว นโยฯ อุทกฎฺฐํ ปน อุทกา โมจยโต ปาราชิกํฯ
Macchakacchapānaṃ sassāmikānaṃ vāpiādīsu sakalamudakaṃ ṭhānaṃ. Tasmā yo paṭijagganaṭṭhāne sassāmikaṃ macchaṃ baḷisena vā jālena vā kumanena vā hatthena vā gaṇhāti, tassa yena macchena vatthu pūrati, tasmiṃ kesaggamattampi udakato uddhaṭamatte pārājikaṃ. Koci maccho gayhamāno ito cito ca dhāvati, ākāsaṃ vā uppatati, tīre vā patati, ākāse vā ṭhitaṃ tīre vā patitaṃ gaṇhatopi pārājikameva. Kacchapampi bahi gocaratthaṃ gataṃ gaṇhato eseva nayo. Udakaṭṭhaṃ pana udakā mocayato pārājikaṃ.
เตสุ เตสุ ปน ชนปเทสุ สพฺพสาธารณสฺส มหาตฬากสฺส นิทฺธมนตุมฺพํ นิสฺสาย สพฺพสาธารณเมว กุนฺนทีสทิสํ อุทกวาหกํ ขณนฺติฯ ตโต ขุทฺทกมาติกาโย นีหริตฺวา มาติกาโกฎิยํ อตฺตโน อตฺตโน วฬญฺชนตฺถาย อาวาเฎ ขณนฺติฯ เตสํ ปน ยทา อุทเกน อโตฺถ โหติ, ตทา อาวาเฎ ขุทฺทกมาติกาโย อุทกวาหกญฺจ โสเธตฺวา นิทฺธมนตุมฺพํ อุคฺฆาเฎนฺติฯ ตโต อุทเกน สทฺธิํ มจฺฉา นิกฺขมิตฺวา อนุปุเพฺพน อาวาเฎ ปตฺวา วสนฺติฯ ตตฺถ ตฬาเก จ อุทกวาหเกสุ จ มเจฺฉ คณฺหเนฺต น วาเรนฺติฯ ขุทฺทกาสุ ปน อตฺตโน อตฺตโน มาติกาสุ อุทกอาวาเฎสุ จ ปวิฎฺฐมเจฺฉ คณฺหิตุํ น เทนฺติ, วาเรนฺติ; ตตฺถ โย ตฬาเก วา นิทฺธมนตุเมฺพ วา อุทกวาหเก วา มเจฺฉ คณฺหาติ, อวหาเรน โส น กาเรตโพฺพฯ ขุทฺทกมาติกาสุ ปน อาวาเฎสุ วา ปวิฎฺฐํ คณฺหโนฺต คหิตสฺส อคฺฆวเสน กาเรตโพฺพฯ สเจ ตโต คยฺหมาโน มโจฺฉ อากาเส วา อุปฺปตติ, ตีเร วา ปตติ, ตํ อากาสฎฺฐํ วา ตีรฎฺฐํ วา อุทกวินิมุตฺตํ คณฺหโต อวหาโร นตฺถิฯ กสฺมา? ยสฺมา อตฺตโน ปริคฺคหฎฺฐาเน ฐิตเสฺสว เต สามิกาฯ เอวรูปา หิ ตตฺถ กติกาฯ กจฺฉเปปิ เอเสว นโยฯ
Tesu tesu pana janapadesu sabbasādhāraṇassa mahātaḷākassa niddhamanatumbaṃ nissāya sabbasādhāraṇameva kunnadīsadisaṃ udakavāhakaṃ khaṇanti. Tato khuddakamātikāyo nīharitvā mātikākoṭiyaṃ attano attano vaḷañjanatthāya āvāṭe khaṇanti. Tesaṃ pana yadā udakena attho hoti, tadā āvāṭe khuddakamātikāyo udakavāhakañca sodhetvā niddhamanatumbaṃ ugghāṭenti. Tato udakena saddhiṃ macchā nikkhamitvā anupubbena āvāṭe patvā vasanti. Tattha taḷāke ca udakavāhakesu ca macche gaṇhante na vārenti. Khuddakāsu pana attano attano mātikāsu udakaāvāṭesu ca paviṭṭhamacche gaṇhituṃ na denti, vārenti; tattha yo taḷāke vā niddhamanatumbe vā udakavāhake vā macche gaṇhāti, avahārena so na kāretabbo. Khuddakamātikāsu pana āvāṭesu vā paviṭṭhaṃ gaṇhanto gahitassa agghavasena kāretabbo. Sace tato gayhamāno maccho ākāse vā uppatati, tīre vā patati, taṃ ākāsaṭṭhaṃ vā tīraṭṭhaṃ vā udakavinimuttaṃ gaṇhato avahāro natthi. Kasmā? Yasmā attano pariggahaṭṭhāne ṭhitasseva te sāmikā. Evarūpā hi tattha katikā. Kacchapepi eseva nayo.
สเจ ปน มโจฺฉ คยฺหมาโน อาวาฎโต ขุทฺทกมาติกํ อารุหติ, ตตฺถ นํ คณฺหโตปิ อวหาโรเยวฯ ขุทฺทกมาติกาโต ปน อุทกวาหกํ, ตโต จ ตฬากํ อารูฬฺหํ คณฺหโต อวหาโร นตฺถิฯ โย อาวาฎโต ภตฺตสิเตฺถหิ ปโลเภตฺวา มาติกํ อาโรเปตฺวา คณฺหาติ, อวหาโรวฯ ตโต ปน ปโลเภตฺวา อุทกวาหกํ อาโรเปตฺวา คณฺหนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิฯ เกจิ ปน กุโตจิเทว สพฺพสาธารณฎฺฐานโต มเจฺฉ อาเนตฺวา ปจฺฉิมวตฺถุภาเค อุทกาวาเฎ ขิปิตฺวา โปเสตฺวา ทิวเส ทิวเส เทฺว ตีณิ อุตฺตริภงฺคตฺถาย มาเรนฺติฯ เอวรูปํ มจฺฉํ อุทเก วา อากาเส วา ตีเร วา ยตฺถ กตฺถจิ ฐิตํ คณฺหโต อวหาโร เอวฯ กจฺฉเปปิ เอเสว นโยฯ
Sace pana maccho gayhamāno āvāṭato khuddakamātikaṃ āruhati, tattha naṃ gaṇhatopi avahāroyeva. Khuddakamātikāto pana udakavāhakaṃ, tato ca taḷākaṃ ārūḷhaṃ gaṇhato avahāro natthi. Yo āvāṭato bhattasitthehi palobhetvā mātikaṃ āropetvā gaṇhāti, avahārova. Tato pana palobhetvā udakavāhakaṃ āropetvā gaṇhantassa avahāro natthi. Keci pana kutocideva sabbasādhāraṇaṭṭhānato macche ānetvā pacchimavatthubhāge udakāvāṭe khipitvā posetvā divase divase dve tīṇi uttaribhaṅgatthāya mārenti. Evarūpaṃ macchaṃ udake vā ākāse vā tīre vā yattha katthaci ṭhitaṃ gaṇhato avahāro eva. Kacchapepi eseva nayo.
นิทาฆกาเล ปน นทิยา โสเต ปจฺฉิเนฺน กตฺถจิ นินฺนฎฺฐาเน อุทกํ ติฎฺฐติ, ตตฺถ มนุสฺสา มจฺฉานํ วินาสาย มทนผลวสาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺติ, มจฺฉา ตานิ ขาทนฺตา มริตฺวา อุตฺตานา อุทเก ปฺลวนฺตา ติฎฺฐนฺติฯ โย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ยาว สามิกา นาคจฺฉนฺติ, ตาวิเม มเจฺฉ คณฺหิสฺสามี’’ติ คณฺหาติ, อคฺฆวเสน กาเรตโพฺพฯ ปํสุกูลสญฺญาย คณฺหโต อวหาโร นตฺถิ, อาหราเปเนฺต ปน ภณฺฑเทยฺยํฯ มจฺฉวิสํ ปกฺขิปิตฺวา คตมนุสฺสา ภาชนานิ อาหริตฺวา ปูเรตฺวา คจฺฉนฺติ, ยาว ‘‘ปุนปิ อาคจฺฉิสฺสามา’’ติ สาลยา โหนฺติ, ตาว เต สสฺสามิกมจฺฉาวฯ ยทา ปน เต ‘‘อลํ อมฺหาก’’นฺติ นิราลยา ปกฺกมนฺติ, ตโต ปฎฺฐาย เถยฺยจิเตฺตน คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ปํสุกูลสญฺญิสฺส อนาปตฺติฯ ยถา จ มจฺฉกจฺฉเปสุ, เอวํ สพฺพายปิ โอทกชาติยา วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติฯ
Nidāghakāle pana nadiyā sote pacchinne katthaci ninnaṭṭhāne udakaṃ tiṭṭhati, tattha manussā macchānaṃ vināsāya madanaphalavasādīni pakkhipitvā gacchanti, macchā tāni khādantā maritvā uttānā udake plavantā tiṭṭhanti. Yo tattha gantvā ‘‘yāva sāmikā nāgacchanti, tāvime macche gaṇhissāmī’’ti gaṇhāti, agghavasena kāretabbo. Paṃsukūlasaññāya gaṇhato avahāro natthi, āharāpente pana bhaṇḍadeyyaṃ. Macchavisaṃ pakkhipitvā gatamanussā bhājanāni āharitvā pūretvā gacchanti, yāva ‘‘punapi āgacchissāmā’’ti sālayā honti, tāva te sassāmikamacchāva. Yadā pana te ‘‘alaṃ amhāka’’nti nirālayā pakkamanti, tato paṭṭhāya theyyacittena gaṇhantassa dukkaṭaṃ. Paṃsukūlasaññissa anāpatti. Yathā ca macchakacchapesu, evaṃ sabbāyapi odakajātiyā vinicchayo veditabboti.
อุทกฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Udakaṭṭhakathā niṭṭhitā.
นาวฎฺฐกถา
Nāvaṭṭhakathā
๙๙. นาวเฎฺฐ – ปฐมํ ตาว นาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นาวา นาม ยาย ตรตี’’ติ อาหฯ ตสฺมา อิธ อนฺตมโส รชนโทณิกาปิ เวณุกลาปโกปิ ‘‘นาวา’’เตฺวว เวทิตโพฺพฯ สีมาสมฺมนฺนเน ปน ธุวนาวา อโนฺต ขณิตฺวา วา ผลเกหิ พนฺธิตฺวา วา กตา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ติณฺณํ วาหนิกา เอว วฎฺฎติฯ อิธ ปน เอกสฺสปิ วาหนิกา ‘‘นาวา’’ เตฺวว วุจฺจติฯ นาวาย นิกฺขิตฺตนฺติ ยํกิญฺจิ อินฺทฺริยพทฺธํ วา อนินฺทฺริยพทฺธํ วา; ตสฺส อวหารลกฺขณํ ถลเฎฺฐ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ นาวํ อวหริสฺสามีติอาทิมฺหิ จ ทุติยปริเยสนคมนอามสนผนฺทาปนานิ วุตฺตนยาเนวฯ พนฺธนํ โมเจตีติ เอตฺถ ปน ยา พนฺธเน มุตฺตมเตฺต ฐานา น จวติ, ตสฺสา พนฺธนํ ยาว น มุตฺตํ โหติ, ตาว ทุกฺกฎํฯ มุเตฺต ปน ถุลฺลจฺจยมฺปิ ปาราชิกมฺปิ โหติ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อยํ ตาว ปาฬิวณฺณนาฯ
99. Nāvaṭṭhe – paṭhamaṃ tāva nāvaṃ dassento ‘‘nāvā nāma yāya taratī’’ti āha. Tasmā idha antamaso rajanadoṇikāpi veṇukalāpakopi ‘‘nāvā’’tveva veditabbo. Sīmāsammannane pana dhuvanāvā anto khaṇitvā vā phalakehi bandhitvā vā katā sabbantimena paricchedena tiṇṇaṃ vāhanikā eva vaṭṭati. Idha pana ekassapi vāhanikā ‘‘nāvā’’ tveva vuccati. Nāvāya nikkhittanti yaṃkiñci indriyabaddhaṃ vā anindriyabaddhaṃ vā; tassa avahāralakkhaṇaṃ thalaṭṭhe vuttanayeneva veditabbaṃ. Nāvaṃ avaharissāmītiādimhi ca dutiyapariyesanagamanaāmasanaphandāpanāni vuttanayāneva. Bandhanaṃ mocetīti ettha pana yā bandhane muttamatte ṭhānā na cavati, tassā bandhanaṃ yāva na muttaṃ hoti, tāva dukkaṭaṃ. Mutte pana thullaccayampi pārājikampi hoti, taṃ parato āvi bhavissati. Sesaṃ vuttanayameva. Ayaṃ tāva pāḷivaṇṇanā.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย – จณฺฑโสเต พนฺธิตฺวา ฐปิตนาวาย เอกํ ฐานํ พนฺธนเมว , ตสฺมิํ มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ตตฺถ ยุตฺติ ปุเพฺพ วุตฺตา เอวฯ วิปฺปนฎฺฐา นาวา ปน ยํ ยํ อุทกปฺปเทสํ ผริตฺวา ฐิตา โหติ, สฺวาสฺสา ฐานํฯ ตสฺมา ตํ อุทฺธํ วา อุจฺจาเรนฺตสฺส, อโธ วา โอปิลาเปนฺตสฺส, จตูสุ วา ทิสาสุ ผุโฎฺฐกาสํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ นิจฺจเล อุทเก อพนฺธนํ อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิตนาวํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา วามทกฺขิณปสฺสโต วา กฑฺฒนฺตสฺส เอเกนเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ อปเรน อุทเก ปติฎฺฐิตเนฺตน อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ อุทฺธํ เกสคฺคมตฺตํ อุทกโต โมจิเต อโธ นาวาตเลน ผุโฎฺฐกาสํ มุขวฎฺฎิํ อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ตีเร พนฺธิตฺวา นิจฺจเล อุทเก ฐปิตนาวาย พนฺธนญฺจ ฐิโตกาโส จาติ เทฺว ฐานานิฯ ตํ ปฐมํ พนฺธนา โมเจติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ฉนฺนํ อาการานํ อญฺญตเรน ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ ปฐมํ ฐานา จาเวตฺวา ปจฺฉา พนฺธนโมจเนปิ เอเสว นโยฯ ถเล อุสฺสาเทตฺวา อุกฺกุชฺชิตฺวา ฐปิตนาวาย ผุโฎฺฐกาโสว ฐานํฯ ตสฺสา ปญฺจหากาเรหิ ฐานปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ
Ayaṃ panettha pāḷimuttakavinicchayo – caṇḍasote bandhitvā ṭhapitanāvāya ekaṃ ṭhānaṃ bandhanameva , tasmiṃ muttamatte pārājikaṃ. Tattha yutti pubbe vuttā eva. Vippanaṭṭhā nāvā pana yaṃ yaṃ udakappadesaṃ pharitvā ṭhitā hoti, svāssā ṭhānaṃ. Tasmā taṃ uddhaṃ vā uccārentassa, adho vā opilāpentassa, catūsu vā disāsu phuṭṭhokāsaṃ atikkāmentassa atikkantamatte pārājikaṃ. Niccale udake abandhanaṃ attano dhammatāya ṭhitanāvaṃ purato vā pacchato vā vāmadakkhiṇapassato vā kaḍḍhantassa ekenantena phuṭṭhokāsaṃ aparena udake patiṭṭhitantena atikkantamatte pārājikaṃ. Uddhaṃ kesaggamattaṃ udakato mocite adho nāvātalena phuṭṭhokāsaṃ mukhavaṭṭiṃ atikkantamatte pārājikaṃ. Tīre bandhitvā niccale udake ṭhapitanāvāya bandhanañca ṭhitokāso cāti dve ṭhānāni. Taṃ paṭhamaṃ bandhanā moceti, thullaccayaṃ. Pacchā channaṃ ākārānaṃ aññatarena ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Paṭhamaṃ ṭhānā cāvetvā pacchā bandhanamocanepi eseva nayo. Thale ussādetvā ukkujjitvā ṭhapitanāvāya phuṭṭhokāsova ṭhānaṃ. Tassā pañcahākārehi ṭhānaparicchedo veditabbo.
นิกฺกุชฺชิตฺวา ฐปิตนาวาย ปน มุขวฎฺฎิยา ผุโฎฺฐกาโสว ฐานํ, ตสฺสาปิ ปญฺจหากาเรหิ ฐานปริเจฺฉทํ ญตฺวา ยโต กุโตจิ ผุโฎฺฐกาสํ อุทฺธญฺจ เกสคฺคมตฺตํ อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ ถเล ปน อุสฺสาเทตฺวา ทฺวินฺนํ ทารุฆฎิกานํ อุปริ ฐปิตนาวาย ทารุฆฎิกานํ ผุโฎฺฐกาโสเยว ฐานํ, ตสฺมา ตตฺถ มญฺจปาทมตฺถเกสุเยว ปตฺถฎพทฺธสาฎเก นาคทเนฺตสุ ฐปิตภินฺทิวาเล จ วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Nikkujjitvā ṭhapitanāvāya pana mukhavaṭṭiyā phuṭṭhokāsova ṭhānaṃ, tassāpi pañcahākārehi ṭhānaparicchedaṃ ñatvā yato kutoci phuṭṭhokāsaṃ uddhañca kesaggamattaṃ atikkantamatte pārājikaṃ veditabbaṃ. Thale pana ussādetvā dvinnaṃ dārughaṭikānaṃ upari ṭhapitanāvāya dārughaṭikānaṃ phuṭṭhokāsoyeva ṭhānaṃ, tasmā tattha mañcapādamatthakesuyeva patthaṭabaddhasāṭake nāgadantesu ṭhapitabhindivāle ca vuttanayena vinicchayo veditabbo.
โยตฺตพทฺธาย ปน นาวาย สฎฺฐิสตฺตติพฺยามปฺปมาณํ โยตฺตํ อโมเจตฺวาว อากฑฺฒิตฺวา
Yottabaddhāya pana nāvāya saṭṭhisattatibyāmappamāṇaṃ yottaṃ amocetvāva ākaḍḍhitvā
ปถวิลคฺคํ กตฺวา สห โยเตฺตน ถเล ฐปิตาย นาวาย น ผุโฎฺฐกาสมตฺตเมว ฐานํฯ อถ โข โยตฺตโกฎิโต ปฎฺฐาย ยาว นาวาย ปถวิยํ ปติฎฺฐิโตกาสสฺส ปจฺฉิมโนฺต ตาว ทีฆโต, ติริยํ ปน นาวาย จ โยตฺตสฺส จ ปถวิยํ ปติฎฺฐิตปริยนฺตปฺปมาณํ ฐานนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตํ ทีฆโต วา ติริยโต วา กฑฺฒนฺตสฺส เอเกนเนฺตน ผุโฎฺฐกาสํ อปเรน ปถวิยํ ปติฎฺฐิตเนฺตน อติกฺกนฺตมเตฺต, อุทฺธํ เกสคฺคมตฺตํ สห โยเตฺตน ปถวิโต โมจิเต ปาราชิกํฯ โย ปน ติเตฺถ ฐิตนาวํ อารุหิตฺวา เถยฺยจิโตฺต อริเตฺตน วา ผิเยน วา ปาเชติ, ปาราชิกํฯ สเจ ปน ฉตฺตํ วา ปณาเมตฺวา จีวรํ วา ปาเทหิ อกฺกมิตฺวา หเตฺถหิ อุกฺขิปิตฺวา ลงฺการสทิสํ กตฺวา วาตํ คณฺหาเปติ, พลวา จ วาโต อาคมฺม นาวํ หรติ, วาเตเนว สา หฎา โหติ; ปุคฺคลสฺส นตฺถิ อวหาโรฯ ปโยโค อตฺถิ, โส ปน ฐานา จาวนปโยโค น โหติฯ ยทิ ปน ตํ นาวํ เอวํ คจฺฉนฺติํ ปกติคมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อญฺญํ ทิสาภาคํ เนติ, ปาราชิกํฯ สยเมว ยํกิญฺจิ คามติตฺถํ สมฺปตฺตํ ฐานา อจาเวโนฺตว วิกฺกิณิตฺวา คจฺฉติ, เนว อตฺถิ อวหาโรฯ ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหตีติฯ
Pathavilaggaṃ katvā saha yottena thale ṭhapitāya nāvāya na phuṭṭhokāsamattameva ṭhānaṃ. Atha kho yottakoṭito paṭṭhāya yāva nāvāya pathaviyaṃ patiṭṭhitokāsassa pacchimanto tāva dīghato, tiriyaṃ pana nāvāya ca yottassa ca pathaviyaṃ patiṭṭhitapariyantappamāṇaṃ ṭhānanti veditabbaṃ. Taṃ dīghato vā tiriyato vā kaḍḍhantassa ekenantena phuṭṭhokāsaṃ aparena pathaviyaṃ patiṭṭhitantena atikkantamatte, uddhaṃ kesaggamattaṃ saha yottena pathavito mocite pārājikaṃ. Yo pana titthe ṭhitanāvaṃ āruhitvā theyyacitto arittena vā phiyena vā pājeti, pārājikaṃ. Sace pana chattaṃ vā paṇāmetvā cīvaraṃ vā pādehi akkamitvā hatthehi ukkhipitvā laṅkārasadisaṃ katvā vātaṃ gaṇhāpeti, balavā ca vāto āgamma nāvaṃ harati, vāteneva sā haṭā hoti; puggalassa natthi avahāro. Payogo atthi, so pana ṭhānā cāvanapayogo na hoti. Yadi pana taṃ nāvaṃ evaṃ gacchantiṃ pakatigamanaṃ upacchinditvā aññaṃ disābhāgaṃ neti, pārājikaṃ. Sayameva yaṃkiñci gāmatitthaṃ sampattaṃ ṭhānā acāventova vikkiṇitvā gacchati, neva atthi avahāro. Bhaṇḍadeyyaṃ pana hotīti.
นาวฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Nāvaṭṭhakathā niṭṭhitā.
ยานฎฺฐกถา
Yānaṭṭhakathā
๑๐๐. ยานเฎฺฐ – ยานํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘ยานํ นาม วยฺห’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉนฺนํ สพฺพปลิคุณฺฐิมํ วา ฉาเทตฺวา กตํ วยฺหํฯ อุโภสุ ปเสฺสสุ สุวณฺณรชตาทิมยา โคปานสิโย ทตฺวา ครุฬปกฺขกนเยน กตา สนฺทมานิกาฯ รโถ จ สกฎญฺจ ปากฎเมวฯ เตสุ ยตฺถ กตฺถจิ สวิญฺญาณกํ วา อวิญฺญาณกํ วา ราสิอาทิวเสน ฐปิตํ ภณฺฑํ เถยฺยจิเตฺตน ฐานา จาเวนฺตสฺส นาวเฎฺฐ จ ถลเฎฺฐ จ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ
100. Yānaṭṭhe – yānaṃ tāva dassento ‘‘yānaṃ nāma vayha’’ntiādimāha. Tattha upari maṇḍapasadisaṃ padaracchannaṃ sabbapaliguṇṭhimaṃ vā chādetvā kataṃ vayhaṃ. Ubhosu passesu suvaṇṇarajatādimayā gopānasiyo datvā garuḷapakkhakanayena katā sandamānikā. Ratho ca sakaṭañca pākaṭameva. Tesu yattha katthaci saviññāṇakaṃ vā aviññāṇakaṃ vā rāsiādivasena ṭhapitaṃ bhaṇḍaṃ theyyacittena ṭhānā cāventassa nāvaṭṭhe ca thalaṭṭhe ca vuttanayeneva pārājikaṃ veditabbaṃ.
อยํ ปน วิเสโส – ยานฎฺฐํ ตณฺฑุลาทิภณฺฑํ ปิฎเกน คณฺหโต ปิฎเก อนุกฺขิเตฺตปิ ปิฎกํ อปหริตฺวา ตณฺฑุลาทีนํ เอกาพทฺธภาเว วิโกปิเต ปาราชิกํฯ ถลฎฺฐาทีสุปิ อยํ นโย ลพฺภติฯ ยานํ อวหริสฺสามีติอาทิมฺหิ ทุติยปริเยสนาทีนิ วุตฺตนยาเนวฯ ฐานา จาเวตีติ เอตฺถ ปน ทุกยุตฺตสฺส ยานสฺส ทฺวินฺนํ โคณานํ อฎฺฐ ปาทา, เทฺว จ จกฺกานีติ ทส ฐานานิฯ ตํ เถยฺยจิตฺตสฺส ธุเร นิสีทิตฺวา ปาชยโต โคณานํ ปาทุทฺธาเร ถุลฺลจฺจยํฯ จกฺกานํ ปน ปถวิยํ ปติฎฺฐิตปฺปเทสโต เกสคฺคมเตฺต อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ สเจ ปน โคณา ‘‘นายํ อมฺหากํ สามิโก’’ติ ญตฺวา ธุรํ ฉเฑฺฑตฺวา อากฑฺฒนฺตา ติฎฺฐนฺติ วา ผนฺทนฺติ วา, รกฺขติ ตาวฯ โคเณ ปุน อุชุกํ ปฎิปาเทตฺวา ธุรํ อาโรเปตฺวา ทฬฺหํ โยเชตฺวา ปาจเนน วิชฺฌิตฺวา ปาเชนฺตสฺส วุตฺตนเยเนว เตสํ ปาทุทฺธาเร ถุลฺลจฺจยํฯ จกฺกาติกฺกเม ปาราชิกํฯ
Ayaṃ pana viseso – yānaṭṭhaṃ taṇḍulādibhaṇḍaṃ piṭakena gaṇhato piṭake anukkhittepi piṭakaṃ apaharitvā taṇḍulādīnaṃ ekābaddhabhāve vikopite pārājikaṃ. Thalaṭṭhādīsupi ayaṃ nayo labbhati. Yānaṃ avaharissāmītiādimhi dutiyapariyesanādīni vuttanayāneva. Ṭhānā cāvetīti ettha pana dukayuttassa yānassa dvinnaṃ goṇānaṃ aṭṭha pādā, dve ca cakkānīti dasa ṭhānāni. Taṃ theyyacittassa dhure nisīditvā pājayato goṇānaṃ pāduddhāre thullaccayaṃ. Cakkānaṃ pana pathaviyaṃ patiṭṭhitappadesato kesaggamatte atikkante pārājikaṃ. Sace pana goṇā ‘‘nāyaṃ amhākaṃ sāmiko’’ti ñatvā dhuraṃ chaḍḍetvā ākaḍḍhantā tiṭṭhanti vā phandanti vā, rakkhati tāva. Goṇe puna ujukaṃ paṭipādetvā dhuraṃ āropetvā daḷhaṃ yojetvā pācanena vijjhitvā pājentassa vuttanayeneva tesaṃ pāduddhāre thullaccayaṃ. Cakkātikkame pārājikaṃ.
สเจปิ สกทฺทเม มเคฺค เอกํ จกฺกํ กทฺทเม ลคฺคํ โหติ, ทุติยํ จกฺกํ โคณา ปริวเตฺตนฺตา ปวเตฺตนฺติ, เอกสฺส ฐิตตฺตา น ตาว อวหาโร โหติ ฯ โคเณ ปน ปุน อุชุกํ ปฎิปาเทตฺวา ปาเชนฺตสฺส ฐิตจเกฺก เกสคฺคมตฺตํ ผุโฎฺฐกาสํ อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ จตุยุตฺตกสฺส ปน อฎฺฐารส ฐานานิ, อฎฺฐยุตฺตกสฺส จตุตฺติํสาติ – เอเตนุปาเยน ยุตฺตยานสฺส ฐานเภโท เวทิตโพฺพฯ
Sacepi sakaddame magge ekaṃ cakkaṃ kaddame laggaṃ hoti, dutiyaṃ cakkaṃ goṇā parivattentā pavattenti, ekassa ṭhitattā na tāva avahāro hoti . Goṇe pana puna ujukaṃ paṭipādetvā pājentassa ṭhitacakke kesaggamattaṃ phuṭṭhokāsaṃ atikkante pārājikaṃ. Catuyuttakassa pana aṭṭhārasa ṭhānāni, aṭṭhayuttakassa catuttiṃsāti – etenupāyena yuttayānassa ṭhānabhedo veditabbo.
ยํ ปน อยุตฺตกํ ธุเร เอกาย ปจฺฉโต จ ทฺวีหิ อุปตฺถมฺภินีหิ อุปตฺถเมฺภตฺวา ฐปิตํ, ตสฺส ติณฺณํ อุปตฺถมฺภินีนํ จกฺกานญฺจ วเสน ปญฺจ ฐานานิฯ สเจ ธุเร อุปตฺถมฺภินี เหฎฺฐาภาเค กปฺปกตา โหติ, ฉ ฐานานิฯ ปจฺฉโต ปน อนุปตฺถเมฺภตฺวา ธุเร อุปตฺถมฺภิตเสฺสว อุปตฺถมฺภินีวเสน ตีณิ วา จตฺตาริ วา ฐานานิฯ ธุเรน ผลกสฺส วา ทารุกสฺส วา อุปริ ฐปิตสฺส ตีณิ ฐานานิฯ ตถา ปถวิยํ ฐปิตสฺสฯ ตํ ธุรํกฑฺฒิตฺวา วา อุกฺขิปิตฺวา วา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ฐานา จาเวนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ จกฺกานํ ปติฎฺฐิตฎฺฐาเน เกสคฺคมตฺตํ อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ จกฺกานิ อปเนตฺวา ทฺวีหิ อกฺขสีเสหิ ทารูนํ อุปริ ฐปิตสฺส เทฺว ฐานานิฯ ตํ กฑฺฒโนฺต วา อุกฺขิปโนฺต วา ผุโฎฺฐกาสํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ภูมิยํ ฐปิตสฺส ธุเรน จ จตูหิ จ อกฺขุทฺธีหิ ปติฎฺฐิตวเสน ปญฺจ ฐานานิฯ ตํ ธุเร คเหตฺวา กฑฺฒโต อุทฺธีนํ ปจฺฉิมเนฺตหิ ปุริมเนฺต อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ อุทฺธีสุ คเหตฺวา กฑฺฒโต อุทฺธีนํ ปุริมเนฺตหิ ปจฺฉิมเนฺต อติกฺกเนฺต ปาราชิกํฯ ปเสฺส คเหตฺวา กฑฺฒโต อุทฺธีนํเยว ติริยํ ปติฎฺฐิตฎฺฐานสฺส อติกฺกเมน ปาราชิกํฯ มเชฺฌ คเหตฺวา อุกฺขิปโต เกสคฺคมตฺตํ ปถวิโต มุเตฺต ปาราชิกํฯ อถ อุทฺธิขาณุกา น โหนฺติ, สมเมว พาหํ กตฺวา มเชฺฌ วิชฺฌิตฺวา อกฺขสีสานิ ปเวสิตานิ โหนฺติ, ตํ เหฎฺฐิมตลสฺส สมนฺตา สพฺพํ ปถวิํ ผุสิตฺวา ติฎฺฐติฯ ตตฺถ จตูสุ ทิสาสุ อุทฺธญฺจ ผุฎฺฐฎฺฐานาติกฺกมวเสน ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ ภูมิยํ นาภิยา ฐปิตจกฺกสฺส เอกเมว ฐานํ, ตสฺส ปญฺจหากาเรหิ ปริเจฺฉโทฯ เนมิปเสฺสน จ นาภิยา จ ผุสิตฺวา ฐิตสฺส เทฺว ฐานานิฯ เนมิยา อุฎฺฐิตภาคํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา ภูมิยํ ผุสาเปตฺวา อเรสุ วา เนมิยา วา คเหตฺวา อุกฺขิปนฺตสฺส อตฺตนา กตฎฺฐานํ ฐานํ น โหติ, ตสฺมา ตสฺมิํ ฐิเตปิ อวเสสฎฺฐาเน อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Yaṃ pana ayuttakaṃ dhure ekāya pacchato ca dvīhi upatthambhinīhi upatthambhetvā ṭhapitaṃ, tassa tiṇṇaṃ upatthambhinīnaṃ cakkānañca vasena pañca ṭhānāni. Sace dhure upatthambhinī heṭṭhābhāge kappakatā hoti, cha ṭhānāni. Pacchato pana anupatthambhetvā dhure upatthambhitasseva upatthambhinīvasena tīṇi vā cattāri vā ṭhānāni. Dhurena phalakassa vā dārukassa vā upari ṭhapitassa tīṇi ṭhānāni. Tathā pathaviyaṃ ṭhapitassa. Taṃ dhuraṃkaḍḍhitvā vā ukkhipitvā vā purato ca pacchato ca ṭhānā cāventassa thullaccayaṃ. Cakkānaṃ patiṭṭhitaṭṭhāne kesaggamattaṃ atikkante pārājikaṃ. Cakkāni apanetvā dvīhi akkhasīsehi dārūnaṃ upari ṭhapitassa dve ṭhānāni. Taṃ kaḍḍhanto vā ukkhipanto vā phuṭṭhokāsaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Bhūmiyaṃ ṭhapitassa dhurena ca catūhi ca akkhuddhīhi patiṭṭhitavasena pañca ṭhānāni. Taṃ dhure gahetvā kaḍḍhato uddhīnaṃ pacchimantehi purimante atikkante pārājikaṃ. Uddhīsu gahetvā kaḍḍhato uddhīnaṃ purimantehi pacchimante atikkante pārājikaṃ. Passe gahetvā kaḍḍhato uddhīnaṃyeva tiriyaṃ patiṭṭhitaṭṭhānassa atikkamena pārājikaṃ. Majjhe gahetvā ukkhipato kesaggamattaṃ pathavito mutte pārājikaṃ. Atha uddhikhāṇukā na honti, samameva bāhaṃ katvā majjhe vijjhitvā akkhasīsāni pavesitāni honti, taṃ heṭṭhimatalassa samantā sabbaṃ pathaviṃ phusitvā tiṭṭhati. Tattha catūsu disāsu uddhañca phuṭṭhaṭṭhānātikkamavasena pārājikaṃ veditabbaṃ. Bhūmiyaṃ nābhiyā ṭhapitacakkassa ekameva ṭhānaṃ, tassa pañcahākārehi paricchedo. Nemipassena ca nābhiyā ca phusitvā ṭhitassa dve ṭhānāni. Nemiyā uṭṭhitabhāgaṃ pādena akkamitvā bhūmiyaṃ phusāpetvā aresu vā nemiyā vā gahetvā ukkhipantassa attanā kataṭṭhānaṃ ṭhānaṃ na hoti, tasmā tasmiṃ ṭhitepi avasesaṭṭhāne atikkantamatte pārājikaṃ.
ภิตฺติํ นิสฺสาย ฐปิตจกฺกสฺสาปิ เทฺว ฐานานิฯ ตตฺถ ปฐมํ ภิตฺติโต โมเจนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ปจฺฉา ปถวิโต เกสคฺคมตฺตุทฺธาเร ปาราชิกํฯ ปฐมํ ภูมิโต โมเจนฺตสฺส ปน สเจ ภิตฺติยํ ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ น กุปฺปติ, เอเสว นโยฯ อถ อเรสุ คเหตฺวา เหฎฺฐา กฑฺฒนฺตสฺส ภิตฺติํ ผุสิตฺวา ฐิโตกาสสฺส อุปริโม อโนฺต เหฎฺฐิมํ อติกฺกมติ, ปาราชิกํฯ มคฺคปฺปฎิปเนฺน ยาเน ยานสามิโก เกนจิเทว กรณีเยน โอโรหิตฺวา มคฺคา โอกฺกโนฺต โหติ, อถโญฺญ ภิกฺขุ ปฎิปถํ อาคจฺฉโนฺต อารกฺขสุญฺญํ ปสฺสิตฺวา, ‘‘ยานํ อวหริสฺสามี’’ติ อาโรหติ, ตสฺส ปโยคํ วินาเยว โคณา คเหตฺวา ปกฺกนฺตา, อวหาโร นตฺถิฯ เสสํ นาวายํ วุตฺตสทิสนฺติฯ
Bhittiṃ nissāya ṭhapitacakkassāpi dve ṭhānāni. Tattha paṭhamaṃ bhittito mocentassa thullaccayaṃ. Pacchā pathavito kesaggamattuddhāre pārājikaṃ. Paṭhamaṃ bhūmito mocentassa pana sace bhittiyaṃ patiṭṭhitaṭṭhānaṃ na kuppati, eseva nayo. Atha aresu gahetvā heṭṭhā kaḍḍhantassa bhittiṃ phusitvā ṭhitokāsassa uparimo anto heṭṭhimaṃ atikkamati, pārājikaṃ. Maggappaṭipanne yāne yānasāmiko kenacideva karaṇīyena orohitvā maggā okkanto hoti, athañño bhikkhu paṭipathaṃ āgacchanto ārakkhasuññaṃ passitvā, ‘‘yānaṃ avaharissāmī’’ti ārohati, tassa payogaṃ vināyeva goṇā gahetvā pakkantā, avahāro natthi. Sesaṃ nāvāyaṃ vuttasadisanti.
ยานฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Yānaṭṭhakathā niṭṭhitā.
ภารฎฺฐกถา
Bhāraṭṭhakathā
๑๐๑. อิโต ปรํ ภาโรเยว ภารฎฺฐํฯ โส สีสภาราทิวเสน จตุธา ทสฺสิโตฯ ตตฺถ สีสภาราทีสุ อสโมฺมหตฺถํ สีสาทีนํ ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สีสสฺส ตาว ปุริมคเล คลวาฎโก, ปิฎฺฐิคเล เกสญฺจิ เกสเนฺต อาวโฎฺฎ โหติ, คลเสฺสว อุโภสุ ปเสฺสสุ เกสญฺจิ เกสา โอรุยฺห ชายนฺติ, เย กณฺณจูฬิกาติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโธภาโค จาติ อยํ เหฎฺฐิมปริเจฺฉโท, ตโต อุปริ สีสํฯ เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร สีสภาโร นามฯ
101. Ito paraṃ bhāroyeva bhāraṭṭhaṃ. So sīsabhārādivasena catudhā dassito. Tattha sīsabhārādīsu asammohatthaṃ sīsādīnaṃ paricchedo veditabbo. Tattha sīsassa tāva purimagale galavāṭako, piṭṭhigale kesañci kesante āvaṭṭo hoti, galasseva ubhosu passesu kesañci kesā oruyha jāyanti, ye kaṇṇacūḷikāti vuccanti, tesaṃ adhobhāgo cāti ayaṃ heṭṭhimaparicchedo, tato upari sīsaṃ. Etthantare ṭhitabhāro sīsabhāro nāma.
อุโภสุ ปเสฺสสุ กณฺณจูฬิกาหิ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, กปฺปเรหิ ปฎฺฐาย อุปริ, ปิฎฺฐิคลาวตฺตโต จ คลวาฎกโต จ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, ปิฎฺฐิเวมชฺฌาวตฺตโต จ อุรปริเจฺฉทมเชฺฌ หทยอาวาฎโต จ ปฎฺฐาย อุปริ ขโนฺธฯ เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร ขนฺธภาโร นามฯ
Ubhosu passesu kaṇṇacūḷikāhi paṭṭhāya heṭṭhā, kapparehi paṭṭhāya upari, piṭṭhigalāvattato ca galavāṭakato ca paṭṭhāya heṭṭhā, piṭṭhivemajjhāvattato ca uraparicchedamajjhe hadayaāvāṭato ca paṭṭhāya upari khandho. Etthantare ṭhitabhāro khandhabhāro nāma.
ปิฎฺฐิเวมชฺฌาวตฺตโต ปน หทยอาวาฎโต จ ปฎฺฐาย เหฎฺฐา ยาว ปาทนขสิขา, อยํ กฎิปริเจฺฉโทฯ เอตฺถนฺตเร สมนฺตโต สรีเร ฐิตภาโร กฎิภาโร นามฯ
Piṭṭhivemajjhāvattato pana hadayaāvāṭato ca paṭṭhāya heṭṭhā yāva pādanakhasikhā, ayaṃ kaṭiparicchedo. Etthantare samantato sarīre ṭhitabhāro kaṭibhāro nāma.
กปฺปรโต ปฎฺฐาย ปน เหฎฺฐา ยาว หตฺถนขสิขา, อยํ โอลมฺพกปริเจฺฉโทฯ เอตฺถนฺตเร ฐิตภาโร โอลมฺพโก นามฯ
Kapparato paṭṭhāya pana heṭṭhā yāva hatthanakhasikhā, ayaṃ olambakaparicchedo. Etthantare ṭhitabhāro olambako nāma.
อิทานิ สีเส ภารนฺติอาทีสุ อยํ อปุพฺพวินิจฺฉโย – โย ภิกฺขุ ‘‘อิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ยาหี’’ติ สามิเกหิ อนาณโตฺต สยเมว ‘‘มยฺหํ อิทํ นาม เทถ, อหํ โว ภณฺฑํ วหามี’’ติ เตสํ ภณฺฑํ สีเสน อาทาย คจฺฉโนฺต เถยฺยจิเตฺตน ตํ ภณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฎํฯ ยถาวุตฺตสีสปริเจฺฉทํ อนติกฺกาเมโนฺตว อิโต จิโต จ ฆํสโนฺต สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปิ, ถุลฺลจฺจยํฯ ขนฺธํ โอโรปิตมเตฺต กิญฺจาปิ สามิกานํ ‘‘วหตู’’ติ จิตฺตํ อตฺถิ, เตหิ ปน อนาณตฺตตฺตา ปาราชิกํฯ ขนฺธํ ปน อโนโรเปตฺวาปิ สีสโต เกสคฺคมตฺตํ โมเจนฺตสฺส ปาราชิกํฯ ยมกภารสฺส ปน เอโก ภาโร สีเส ปติฎฺฐาติ, เอโก ปิฎฺฐิยํ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ ฐานานํ วเสน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน สุทฺธสีสภาราทีนํเยว วเสน เทสนา อารทฺธาฯ โย จายํ สีสภาเร วุโตฺต, ขนฺธภาราทีสุปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ
Idāni sīse bhārantiādīsu ayaṃ apubbavinicchayo – yo bhikkhu ‘‘idaṃ gahetvā ettha yāhī’’ti sāmikehi anāṇatto sayameva ‘‘mayhaṃ idaṃ nāma detha, ahaṃ vo bhaṇḍaṃ vahāmī’’ti tesaṃ bhaṇḍaṃ sīsena ādāya gacchanto theyyacittena taṃ bhaṇḍaṃ āmasati, dukkaṭaṃ. Yathāvuttasīsaparicchedaṃ anatikkāmentova ito cito ca ghaṃsanto sāretipi paccāsāretipi, thullaccayaṃ. Khandhaṃ oropitamatte kiñcāpi sāmikānaṃ ‘‘vahatū’’ti cittaṃ atthi, tehi pana anāṇattattā pārājikaṃ. Khandhaṃ pana anoropetvāpi sīsato kesaggamattaṃ mocentassa pārājikaṃ. Yamakabhārassa pana eko bhāro sīse patiṭṭhāti, eko piṭṭhiyaṃ, tattha dvinnaṃ ṭhānānaṃ vasena vinicchayo veditabbo. Ayaṃ pana suddhasīsabhārādīnaṃyeva vasena desanā āraddhā. Yo cāyaṃ sīsabhāre vutto, khandhabhārādīsupi ayameva vinicchayo.
หเตฺถ ภารนฺติ เอตฺถ ปน หเตฺถน คหิตตฺตา โอลมฺพโก ‘‘หเตฺถ ภาโร’’ติ วุโตฺตฯ
Hatthebhāranti ettha pana hatthena gahitattā olambako ‘‘hatthe bhāro’’ti vutto.
โส ปฐมํเยว ภูมิโต วา คหิโต โหตุ, สุทฺธจิเตฺตน สีสาทีหิ วา, ‘‘หเตฺถ ภาโร’’ เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ ฯ ตํ เถยฺยจิเตฺตน ตาทิสํ คหนฎฺฐานํ ทิสฺวา ภูมิยํ วา คจฺฉาทีสุ วา นิกฺขิปนฺตสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ภูมิโต คณฺหาตีติ เอตฺถ ปน เตสํ ภารานํ ยํกิญฺจิ ปาตราสาทิการณา สุทฺธจิเตฺตน ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปุน เถยฺยจิเตฺตน เกสคฺคมตฺตํ อุทฺธรนฺตสฺส ปาราชิกนฺติฯ
So paṭhamaṃyeva bhūmito vā gahito hotu, suddhacittena sīsādīhi vā, ‘‘hatthe bhāro’’ tveva saṅkhyaṃ gacchati . Taṃ theyyacittena tādisaṃ gahanaṭṭhānaṃ disvā bhūmiyaṃ vā gacchādīsu vā nikkhipantassa hatthato muttamatte pārājikaṃ. Bhūmito gaṇhātīti ettha pana tesaṃ bhārānaṃ yaṃkiñci pātarāsādikāraṇā suddhacittena bhūmiyaṃ nikkhipitvā puna theyyacittena kesaggamattaṃ uddharantassa pārājikanti.
ภารฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Bhāraṭṭhakathā niṭṭhitā.
อารามฎฺฐกถา
Ārāmaṭṭhakathā
๑๐๒. อารามเฎฺฐปิ – อารามํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘อาราโม นาม ปุปฺผาราโม ผลาราโม’’ติ อาหฯ เตสุ วสฺสิกาทีนํ ปุปฺผนโก ปุปฺผาราโมฯ อมฺพผลาทีนํ ผลนโก ผลาราโมฯ อาราเม จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตสฺส วินิจฺฉโย ภูมฎฺฐาทีสุ วุตฺตนโย เอวฯ
102. Ārāmaṭṭhepi – ārāmaṃ tāva dassento ‘‘ārāmo nāma pupphārāmo phalārāmo’’ti āha. Tesu vassikādīnaṃ pupphanako pupphārāmo. Ambaphalādīnaṃ phalanako phalārāmo. Ārāme catūhi ṭhānehi nikkhittassa vinicchayo bhūmaṭṭhādīsu vuttanayo eva.
ตตฺถชาตเก ปน มูลนฺติ อุสีรหิริเวราทิกํ ยํกิญฺจิ มูลํ, ตํ อุปฺปาเฎตฺวา วา อุปฺปาฎิตํ วา คณฺหนฺตสฺส เยน มูเลน วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ คหิเต ปาราชิกํฯ กโนฺทปิ มูเลเนว สงฺคหิโตฯ อุปฺปาเฎนฺตสฺส เจตฺถ อปฺปมตฺตเกปิ อจฺฉิเนฺน ถุลฺลจฺจยเมวฯ ตตฺถ วินิจฺฉโย ภิเส วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ตจนฺติ เภสชฺชตฺถาย วา รชนตฺถาย วา อุปโยคคมนูปคํ ยํกิญฺจิ รุกฺขตฺตจํ; ตํ อุปฺปาเฎตฺวา วา อุปฺปาฎิตํ วา คณฺหนฺตสฺส มูเล วุตฺตนเยน ปาราชิกํฯ ปุปฺผนฺติ วสฺสิกมลฺลิกาทิกํ ยํกิญฺจิ ปุปฺผํ, ตํ โอจินิตฺวา วา โอจินิตํ วา คณฺหนฺตสฺส อุปฺปลปทุเมสุ วุตฺตนเยน ปาราชิกํฯ ปุปฺผานมฺปิ หิ วณฺฎํ วา พนฺธนํ วา อจฺฉินฺนํ รกฺขติฯ วณฺฎพฺภนฺตเร ปน เกสญฺจิ สูจิกา โหติ, สา น รกฺขติฯ ผลนฺติ อมฺพผลตาลผลาทิกํ ยํกิญฺจิ, ตํ รุกฺขโต คณฺหนฺตสฺส วินิจฺฉโย รุเกฺข ลคฺคิตกถายํ วุโตฺตฯ อปเนตฺวา ฐปิตํ ภูมฎฺฐาทิสงฺคหิตเมวฯ
Tatthajātake pana mūlanti usīrahiriverādikaṃ yaṃkiñci mūlaṃ, taṃ uppāṭetvā vā uppāṭitaṃ vā gaṇhantassa yena mūlena vatthu pūrati, tasmiṃ gahite pārājikaṃ. Kandopi mūleneva saṅgahito. Uppāṭentassa cettha appamattakepi acchinne thullaccayameva. Tattha vinicchayo bhise vuttanayeneva veditabbo. Tacanti bhesajjatthāya vā rajanatthāya vā upayogagamanūpagaṃ yaṃkiñci rukkhattacaṃ; taṃ uppāṭetvā vā uppāṭitaṃ vā gaṇhantassa mūle vuttanayena pārājikaṃ. Pupphanti vassikamallikādikaṃ yaṃkiñci pupphaṃ, taṃ ocinitvā vā ocinitaṃ vā gaṇhantassa uppalapadumesu vuttanayena pārājikaṃ. Pupphānampi hi vaṇṭaṃ vā bandhanaṃ vā acchinnaṃ rakkhati. Vaṇṭabbhantare pana kesañci sūcikā hoti, sā na rakkhati. Phalanti ambaphalatālaphalādikaṃ yaṃkiñci, taṃ rukkhato gaṇhantassa vinicchayo rukkhe laggitakathāyaṃ vutto. Apanetvā ṭhapitaṃ bhūmaṭṭhādisaṅgahitameva.
อารามํ อภิยุญฺชตีติ ปรสนฺตกํ ‘‘มม สนฺตโก อย’’นฺติ มุสา ภณิตฺวา อภิยุญฺชติ, อทินฺนาทานสฺส ปโยคตฺตา ทุกฺกฎํฯ สามิกสฺส วิมติํ อุปฺปาเทตีติ วินิจฺฉยกุสลตาย พลวนิสฺสิตาทิภาเวน วา อารามสามิกสฺส สํสยํ ชเนติฯ กถํ? ตญฺหิ ตถา วินิจฺฉยปฺปสุตํ ทิสฺวา สามิโก จิเนฺตติ – ‘‘สกฺขิสฺสามิ นุ โข อหํ อิมํ อารามํ อตฺตโน กาตุํ, น สกฺขิสฺสามิ นุ โข’’ติฯ เอวํ ตสฺส วิมติ อุปฺปชฺชมานา เตน อุปฺปาทิตา โหติ, ตสฺมา ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชติฯ
Ārāmaṃ abhiyuñjatīti parasantakaṃ ‘‘mama santako aya’’nti musā bhaṇitvā abhiyuñjati, adinnādānassa payogattā dukkaṭaṃ. Sāmikassa vimatiṃuppādetīti vinicchayakusalatāya balavanissitādibhāvena vā ārāmasāmikassa saṃsayaṃ janeti. Kathaṃ? Tañhi tathā vinicchayappasutaṃ disvā sāmiko cinteti – ‘‘sakkhissāmi nu kho ahaṃ imaṃ ārāmaṃ attano kātuṃ, na sakkhissāmi nu kho’’ti. Evaṃ tassa vimati uppajjamānā tena uppāditā hoti, tasmā thullaccayaṃ āpajjati.
ธุรํ นิกฺขิปตีติ ยทา ปน สามิโก ‘‘อยํ ถโทฺธ กกฺขโฬ ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ เม กเรยฺย, อลํ ทานิ มยฺหํ อิมินา อาราเมนา’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, อภิยุญฺชโก ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ สเจ สยมฺปิ กตธุรนิเกฺขโป โหติ, อถ จ ปน สามิเกน ธุเร นิกฺขิเตฺตปิ อภิยุญฺชโก ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวาว ‘‘อิมํ สุฎฺฐุ ปีเฬตฺวา มม อาณาปวตฺติํ ทเสฺสตฺวา กิงฺการปฺปฎิสฺสาวิภาเว นํ ฐเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ทาตพฺพภาเว สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขติ ตาวฯ อถาปิ อภิยุญฺชโก ‘‘อจฺฉินฺทิตฺวา น ทานิ นํ อิมสฺส ทสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, สามิโก ปน น ธุรํ นิกฺขิปติ, ปกฺขํ ปริเยสติ, กาลํ อาคเมติ, ‘‘ลชฺชิปริสํ ตาว ลภามิ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ปุน คหเณเยว สอุสฺสาโห โหติ, รกฺขติเยวฯ ยทา ปน โสปิ ‘‘น ทสฺสามี’’ติ, สามิโกปิ ‘‘น ลจฺฉามี’’ติ – เอวํ อุโภปิ ธุรํ นิกฺขิปนฺติ, ตทา อภิยุญฺชกสฺส ปาราชิกํฯ อถ ปน อภิยุญฺชิตฺวา วินิจฺฉยํ กุรุมาโน อนิฎฺฐิเต วินิจฺฉเย สามิเกนปิ ธุรนิเกฺขเป อกเต อตฺตโน อสฺสามิกภาวํ ชานโนฺตเยว ตโต กิญฺจิ ปุปฺผํ วา ผลํ วา คณฺหาติ, ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ
Dhuraṃnikkhipatīti yadā pana sāmiko ‘‘ayaṃ thaddho kakkhaḷo jīvitabrahmacariyantarāyampi me kareyya, alaṃ dāni mayhaṃ iminā ārāmenā’’ti dhuraṃ nikkhipati, abhiyuñjako pārājikaṃ āpajjati. Sace sayampi katadhuranikkhepo hoti, atha ca pana sāmikena dhure nikkhittepi abhiyuñjako dhuraṃ anikkhipitvāva ‘‘imaṃ suṭṭhu pīḷetvā mama āṇāpavattiṃ dassetvā kiṅkārappaṭissāvibhāve naṃ ṭhapetvā dassāmī’’ti dātabbabhāve saussāho hoti, rakkhati tāva. Athāpi abhiyuñjako ‘‘acchinditvā na dāni naṃ imassa dassāmī’’ti dhuraṃ nikkhipati, sāmiko pana na dhuraṃ nikkhipati, pakkhaṃ pariyesati, kālaṃ āgameti, ‘‘lajjiparisaṃ tāva labhāmi, pacchā jānissāmī’’ti puna gahaṇeyeva saussāho hoti, rakkhatiyeva. Yadā pana sopi ‘‘na dassāmī’’ti, sāmikopi ‘‘na lacchāmī’’ti – evaṃ ubhopi dhuraṃ nikkhipanti, tadā abhiyuñjakassa pārājikaṃ. Atha pana abhiyuñjitvā vinicchayaṃ kurumāno aniṭṭhite vinicchaye sāmikenapi dhuranikkhepe akate attano assāmikabhāvaṃ jānantoyeva tato kiñci pupphaṃ vā phalaṃ vā gaṇhāti, bhaṇḍagghena kāretabbo.
ธมฺมํ จรโนฺตติ ภิกฺขุสเงฺฆ วา ราชกุเล วา วินิจฺฉยํ กโรโนฺตฯ สามิกํ ปราเชตีติ วินิจฺฉยิกานํ อุโกฺกจํ ทตฺวา กูฎสกฺขิํ โอตาเรตฺวา อารามสามิกํ ชินาตีติ อโตฺถฯ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสาติ น เกวลํ ตเสฺสว, สญฺจิจฺจ ตสฺส อตฺถสาธเน ปวตฺตานํ กูฎวินิจฺฉยิกานมฺปิ กูฎสกฺขีนมฺปิ สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ เอตฺถ จ สามิกสฺส ธุรนิเกฺขปวเสเนว ปราชโย เวทิตโพฺพฯ อนิกฺขิตฺตธุโร หิ อปราชิโตว โหติฯ ธมฺมํ จรโนฺต ปรชฺชตีติ สเจปิ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน วินิจฺฉยสฺส ปวตฺตตฺตา สยํ ปราชยํ ปาปุณาติ; เอวมฺปิ มุสาวาเทน สามิกานํ ปีฬากรณปจฺจยา ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชตีติฯ
Dhammaṃ carantoti bhikkhusaṅghe vā rājakule vā vinicchayaṃ karonto. Sāmikaṃ parājetīti vinicchayikānaṃ ukkocaṃ datvā kūṭasakkhiṃ otāretvā ārāmasāmikaṃ jinātīti attho. Āpatti pārājikassāti na kevalaṃ tasseva, sañcicca tassa atthasādhane pavattānaṃ kūṭavinicchayikānampi kūṭasakkhīnampi sabbesaṃ pārājikaṃ. Ettha ca sāmikassa dhuranikkhepavaseneva parājayo veditabbo. Anikkhittadhuro hi aparājitova hoti. Dhammaṃ caranto parajjatīti sacepi dhammena vinayena satthusāsanena vinicchayassa pavattattā sayaṃ parājayaṃ pāpuṇāti; evampi musāvādena sāmikānaṃ pīḷākaraṇapaccayā thullaccayaṃ āpajjatīti.
อารามฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Ārāmaṭṭhakathā niṭṭhitā.
วิหารฎฺฐกถา
Vihāraṭṭhakathā
๑๐๓. วิหารเฎฺฐปิ – จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตํ วุตฺตนยเมวฯ อภิโยเคปิ เจตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ภิกฺขูนํ ทินฺนํ วิหารํ วา ปริเวณํ วา อาวาสํ วา มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกมฺปิ อภิยุญฺชโต อภิโยโค น รุหติฯ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตุมฺปิ น สโกฺกติฯ กสฺมา? สเพฺพสํ ธุรนิเกฺขปาภาวโตฯ น เหตฺถ สเพฺพ จาตุทฺทิสา ภิกฺขู ธุรนิเกฺขปํ กโรนฺตีติ ฯ ทีฆภาณกาทิเภทสฺส ปน คณสฺส เอกปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อภิยุญฺชิตฺวา คณฺหโนฺต สโกฺกติ เต ธุรํ นิกฺขิปาเปตุํฯ ตสฺมา ตตฺถ อาราเม วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติฯ
103. Vihāraṭṭhepi – catūhi ṭhānehi nikkhittaṃ vuttanayameva. Abhiyogepi cettha cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissa bhikkhūnaṃ dinnaṃ vihāraṃ vā pariveṇaṃ vā āvāsaṃ vā mahantampi khuddakampi abhiyuñjato abhiyogo na ruhati. Acchinditvā gaṇhitumpi na sakkoti. Kasmā? Sabbesaṃ dhuranikkhepābhāvato. Na hettha sabbe cātuddisā bhikkhū dhuranikkhepaṃ karontīti . Dīghabhāṇakādibhedassa pana gaṇassa ekapuggalassa vā santakaṃ abhiyuñjitvā gaṇhanto sakkoti te dhuraṃ nikkhipāpetuṃ. Tasmā tattha ārāme vuttanayena vinicchayo veditabboti.
วิหารฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Vihāraṭṭhakathā niṭṭhitā.
เขตฺตฎฺฐกถา
Khettaṭṭhakathā
๑๐๔. เขตฺตเฎฺฐปิ – เขตฺตํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘เขตฺตํ นาม ยตฺถ ปุพฺพณฺณํ วา อปรณฺณํ วา ชายตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ ปุพฺพณฺณนฺติ สาลิอาทีนิ สตฺต ธญฺญานิ; อปรณฺณนฺติ มุคฺคมาสาทีนิ; อุจฺฉุเขตฺตาทิกมฺปิ เอเตฺถว สงฺคหิตํฯ อิธาปิ จตูหิ ฐาเนหิ นิกฺขิตฺตํ วุตฺตนยเมวฯ ตตฺถชาตเก ปน สาลิสีสาทีนิ นิรุมฺภิตฺวา วา เอกเมกํ หเตฺถเนว ฉินฺทิตฺวา วา อสิเตน ลายิตฺวา วา พหูนิ เอกโต อุปฺปาเฎตฺวา วา คณฺหนฺตสฺส ยสฺมิํ พีเช วา สีเส วา มุฎฺฐิยํ วา มุคฺคมาสาทิผเล วา วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ พนฺธนา โมจิตมเตฺต ปาราชิกํฯ อจฺฉิชฺชมาโน ปน ทณฺฑโก วา วาโก วา ตโจ วา อปฺปมตฺตโกปิ รกฺขติฯ
104. Khettaṭṭhepi – khettaṃ tāva dassento ‘‘khettaṃ nāma yattha pubbaṇṇaṃ vā aparaṇṇaṃ vā jāyatī’’ti āha. Tattha pubbaṇṇanti sāliādīni satta dhaññāni; aparaṇṇanti muggamāsādīni; ucchukhettādikampi ettheva saṅgahitaṃ. Idhāpi catūhi ṭhānehi nikkhittaṃ vuttanayameva. Tatthajātake pana sālisīsādīni nirumbhitvā vā ekamekaṃ hattheneva chinditvā vā asitena lāyitvā vā bahūni ekato uppāṭetvā vā gaṇhantassa yasmiṃ bīje vā sīse vā muṭṭhiyaṃ vā muggamāsādiphale vā vatthu pūrati, tasmiṃ bandhanā mocitamatte pārājikaṃ. Acchijjamāno pana daṇḍako vā vāko vā taco vā appamattakopi rakkhati.
วีหินาฬํ ทีฆมฺปิ โหติ, ยาว อโนฺตนาฬโต วีหิสีสทณฺฑโก น นิกฺขมติ, ตาว รกฺขติฯ เกสคฺคมตฺตมฺปิ นาฬโต ทณฺฑกสฺส เหฎฺฐิมตเล นิกฺขเนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ อสิเตน ลายิตฺวา คณฺหโต ปน มุฎฺฐิคเตสุ เหฎฺฐา ฉิเนฺนสุปิ สเจ สีสานิ ชฎิตานิ, รกฺขนฺติ ตาวฯ วิชเฎตฺวา ปน เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุกฺขิปโต สเจ วตฺถุ ปูรติ, ปาราชิกํฯ สามิเกหิ ปน ลายิตฺวา ฐปิตํ สภุสํ วา อภุสํ วา กตฺวา คณฺหโต เยน วตฺถุ ปูรติ, ตสฺมิํ คหิเต ปาราชิกํฯ สเจ ปริกเปฺปติ ‘‘อิทํ มทฺทิตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา สารเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ รกฺขติ ตาวฯ มทฺทนปโปฺผฎเนสุ ฐานา จาเวนฺตสฺสาปิ ปาราชิกํ นตฺถิ, ปจฺฉา ภาชนคเต กตมเตฺต ปาราชิกํฯ อภิโยโค ปเนตฺถ วุตฺตนโย เอวฯ
Vīhināḷaṃ dīghampi hoti, yāva antonāḷato vīhisīsadaṇḍako na nikkhamati, tāva rakkhati. Kesaggamattampi nāḷato daṇḍakassa heṭṭhimatale nikkhante bhaṇḍagghena kāretabbo. Asitena lāyitvā gaṇhato pana muṭṭhigatesu heṭṭhā chinnesupi sace sīsāni jaṭitāni, rakkhanti tāva. Vijaṭetvā pana kesaggamattampi ukkhipato sace vatthu pūrati, pārājikaṃ. Sāmikehi pana lāyitvā ṭhapitaṃ sabhusaṃ vā abhusaṃ vā katvā gaṇhato yena vatthu pūrati, tasmiṃ gahite pārājikaṃ. Sace parikappeti ‘‘idaṃ madditvā papphoṭetvā sārameva gaṇhissāmī’’ti rakkhati tāva. Maddanapapphoṭanesu ṭhānā cāventassāpi pārājikaṃ natthi, pacchā bhājanagate katamatte pārājikaṃ. Abhiyogo panettha vuttanayo eva.
ขีลสงฺกมนาทีสุ ปถวี นาม อนคฺฆาฯ ตสฺมา สเจ เอเกเนว ขีเลน อิโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ปถวิปฺปเทสํ สามิกานํ ปสฺสนฺตานํ วา อปสฺสนฺตานํ วา อตฺตโน สนฺตกํ กโรติ, ตสฺมิํ ขีเล นามํ ฉินฺทิตฺวา วา อจฺฉินฺทิตฺวา วา สงฺกามิตมเตฺต ตสฺส จ, เย จสฺส เอกจฺฉนฺทา, สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ สเจ ปน ทฺวีหิ ขีเลหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปฐเม ขีเล ถุลฺลจฺจยํ; ทุติเย ปาราชิกํฯ สเจ ตีหิ คเหตพฺพํ โหติ, ปฐเม ทุกฺกฎํ, ทุติเย ถุลฺลจฺจยํ, ตติเย ปาราชิกํฯ เอวํ พหุเกสุปิ อวสาเน เทฺว ฐเปตฺวา ปุริเมหิ ทุกฺกฎํ, อวสาเน ทฺวินฺนํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรน ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ ตญฺจ โข สามิกานํ ธุรนิเกฺขเปนฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ
Khīlasaṅkamanādīsu pathavī nāma anagghā. Tasmā sace ekeneva khīlena ito kesaggamattampi pathavippadesaṃ sāmikānaṃ passantānaṃ vā apassantānaṃ vā attano santakaṃ karoti, tasmiṃ khīle nāmaṃ chinditvā vā acchinditvā vā saṅkāmitamatte tassa ca, ye cassa ekacchandā, sabbesaṃ pārājikaṃ. Sace pana dvīhi khīlehi gahetabbaṃ hoti, paṭhame khīle thullaccayaṃ; dutiye pārājikaṃ. Sace tīhi gahetabbaṃ hoti, paṭhame dukkaṭaṃ, dutiye thullaccayaṃ, tatiye pārājikaṃ. Evaṃ bahukesupi avasāne dve ṭhapetvā purimehi dukkaṭaṃ, avasāne dvinnaṃ ekena thullaccayaṃ, itarena pārājikaṃ veditabbaṃ. Tañca kho sāmikānaṃ dhuranikkhepena. Evaṃ sabbattha.
รชฺชุํ วาติ ‘‘มม สนฺตกํ อิท’’นฺติ ญาเปตุกาโม รชฺชุํ วา ปสาเรติ, ยฎฺฐิํ วา ปาเตติ, ทุกฺกฎํฯ ‘‘อิทานิ ทฺวีหิ ปโยเคหิ อตฺตโน สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ เตสํ ปฐเม ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเย ปาราชิกํฯ
Rajjuṃ vāti ‘‘mama santakaṃ ida’’nti ñāpetukāmo rajjuṃ vā pasāreti, yaṭṭhiṃ vā pāteti, dukkaṭaṃ. ‘‘Idāni dvīhi payogehi attano santakaṃ karissāmī’’ti tesaṃ paṭhame thullaccayaṃ, dutiye pārājikaṃ.
วติํ วาติ ปรสฺส เขตฺตํ ปริเกฺขปวเสน อตฺตโน กาตุกาโม ทารูนิ นิขณติ, ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ เอกสฺมิํ อนาคเต ถุลฺลจฺจยํ, ตสฺมิํ อาคเต ปาราชิกํฯ สเจ ตตฺตเกน อสโกฺกโนฺต สาขาปริวาเรเนว อตฺตโน กาตุํ สโกฺกติ, สาขาปาตเนปิ เอเสว นโยฯ เอวํ เยน เยน ปริกฺขิปิตฺวา อตฺตโน กาตุํ สโกฺกติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฐมปโยเคหิ ทุกฺกฎํฯ อวสาเน ทฺวินฺนํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรน ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ
Vatiṃ vāti parassa khettaṃ parikkhepavasena attano kātukāmo dārūni nikhaṇati, payoge payoge dukkaṭaṃ. Ekasmiṃ anāgate thullaccayaṃ, tasmiṃ āgate pārājikaṃ. Sace tattakena asakkonto sākhāparivāreneva attano kātuṃ sakkoti, sākhāpātanepi eseva nayo. Evaṃ yena yena parikkhipitvā attano kātuṃ sakkoti, tattha tattha paṭhamapayogehi dukkaṭaṃ. Avasāne dvinnaṃ ekena thullaccayaṃ, itarena pārājikaṃ veditabbaṃ.
มริยาทํ วาติ ปรสฺส เขตฺตํ ‘‘มม อิท’’นฺติ ญาเปตุกาโม อตฺตโน เขตฺตมริยาทํ
Mariyādaṃ vāti parassa khettaṃ ‘‘mama ida’’nti ñāpetukāmo attano khettamariyādaṃ
เกทารปาฬิํ ยถา ปรสฺส เขตฺตํ อติกฺกมติ, เอวํ สงฺกาเมติ, ปํสุมตฺติกาทีหิ วา วเฑฺฒตฺวา วิตฺถตํ กโรติ, อกตํ วา ปน ปติฎฺฐาเปติ, ปุริมปโยเคหิ ทุกฺกฎํฯ ทฺวินฺนํ ปจฺฉิมานํ เอเกน ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรน ปาราชิกนฺติฯ
Kedārapāḷiṃ yathā parassa khettaṃ atikkamati, evaṃ saṅkāmeti, paṃsumattikādīhi vā vaḍḍhetvā vitthataṃ karoti, akataṃ vā pana patiṭṭhāpeti, purimapayogehi dukkaṭaṃ. Dvinnaṃ pacchimānaṃ ekena thullaccayaṃ, itarena pārājikanti.
เขตฺตฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Khettaṭṭhakathā niṭṭhitā.
วตฺถุฎฺฐกถา
Vatthuṭṭhakathā
๑๐๕. วตฺถุเฎฺฐปิ – วตฺถุํ ตาว ทเสฺสโนฺต วตฺถุ นาม ‘‘อารามวตฺถุ วิหารวตฺถู’’ติ อาหฯ ตตฺถ พีชํ วา อุปโรปเก วา อโรเปตฺวาว เกวลํ ภูมิํ โสเธตฺวา ติณฺณํ ปาการานํ เยน เกนจิ ปริกฺขิปิตฺวา วา อปริกฺขิปิตฺวา วา ปุปฺผารามาทีนํ อตฺถาย ฐปิโต ภูมิภาโค อารามวตฺถุ นามฯ เอเตเนว นเยน เอกวิหารปริเวณอาวาสานํ อตฺถาย ฐปิโต ภูมิภาโค วิหารวตฺถุ นามฯ โยปิ ปุเพฺพ อาราโม จ วิหาโร จ หุตฺวา ปจฺฉา วินสฺสิตฺวา ภูมิมโตฺต ฐิโต, อารามวิหารกิจฺจํ น กโรติ, โสปิ อารามวิหารวตฺถุสงฺคเหเนว สงฺคหิโตฯ วินิจฺฉโย ปเนตฺถ เขตฺตเฎฺฐ วุตฺตสทิโสเยวาติฯ
105. Vatthuṭṭhepi – vatthuṃ tāva dassento vatthu nāma ‘‘ārāmavatthu vihāravatthū’’ti āha. Tattha bījaṃ vā uparopake vā aropetvāva kevalaṃ bhūmiṃ sodhetvā tiṇṇaṃ pākārānaṃ yena kenaci parikkhipitvā vā aparikkhipitvā vā pupphārāmādīnaṃ atthāya ṭhapito bhūmibhāgo ārāmavatthu nāma. Eteneva nayena ekavihārapariveṇaāvāsānaṃ atthāya ṭhapito bhūmibhāgo vihāravatthu nāma. Yopi pubbe ārāmo ca vihāro ca hutvā pacchā vinassitvā bhūmimatto ṭhito, ārāmavihārakiccaṃ na karoti, sopi ārāmavihāravatthusaṅgaheneva saṅgahito. Vinicchayo panettha khettaṭṭhe vuttasadisoyevāti.
วตฺถุฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Vatthuṭṭhakathā niṭṭhitā.
๑๐๖. คามเฎฺฐ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ วุตฺตเมวฯ
106. Gāmaṭṭhe yaṃ vattabbaṃ taṃ vuttameva.
อรญฺญฎฺฐกถา
Araññaṭṭhakathā
๑๐๗. อรญฺญเฎฺฐ – อรญฺญํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘อรญฺญํ นาม ยํ มนุสฺสานํ ปริคฺคหิตํ โหติ, ตํ อรญฺญ’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ ยสฺมา อรญฺญํ นาม มนุสฺสานํ ปริคฺคหิตมฺปิ อตฺถิ, อปริคฺคหิตมฺปิ; อิธ ปน ยํ ปริคฺคหิตํ สารกฺขํ, ยโต น วินา มูเลน กฎฺฐลตาทีนิ คเหตุํ ลพฺภนฺติ, ตํ อธิเปฺปตํฯ ตสฺมา ‘‘ยํ มนุสฺสานํ ปริคฺคหิตํ โหตี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อรญฺญ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตน อิมมตฺถํ ทเสฺสติ – ‘‘น ปริคฺคหิตภาโว อรญฺญสฺส ลกฺขณํฯ ยํ ปน อตฺตโน อรญฺญลกฺขเณน อรญฺญํ มนุสฺสานญฺจ ปริคฺคหิตํ, ตํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อรญฺญ’’นฺติฯ ตตฺถ วินิจฺฉโย อารามฎฺฐาทีสุ วุตฺตสทิโสฯ
107. Araññaṭṭhe – araññaṃ tāva dassento ‘‘araññaṃ nāma yaṃ manussānaṃ pariggahitaṃ hoti, taṃ arañña’’nti āha. Tattha yasmā araññaṃ nāma manussānaṃ pariggahitampi atthi, apariggahitampi; idha pana yaṃ pariggahitaṃ sārakkhaṃ, yato na vinā mūlena kaṭṭhalatādīni gahetuṃ labbhanti, taṃ adhippetaṃ. Tasmā ‘‘yaṃ manussānaṃ pariggahitaṃ hotī’’ti vatvā puna ‘‘arañña’’nti vuttaṃ. Tena imamatthaṃ dasseti – ‘‘na pariggahitabhāvo araññassa lakkhaṇaṃ. Yaṃ pana attano araññalakkhaṇena araññaṃ manussānañca pariggahitaṃ, taṃ imasmiṃ atthe arañña’’nti. Tattha vinicchayo ārāmaṭṭhādīsu vuttasadiso.
ตตฺถชาตเกสุ ปเนตฺถ เอกสฺมิมฺปิ มหคฺฆรุเกฺข ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ ลตํ วาติ เอตฺถ จ เวโตฺตปิ ลตาปิ ลตา เอว; ตตฺถ โย เวโตฺต วา ลตา วา ทีฆา โหติ, มหารุเกฺข จ คเจฺฉ จ วินิวิชฺฌิตฺวา วา เวเฐตฺวา วา คตา, สา มูเล ฉินฺนาปิ อวหารํ น ชเนติ อเคฺค ฉินฺนาปิ, ยทา ปน อเคฺคปิ มูเลปิ ฉินฺนา โหติ, ตทา อวหารํ ชเนติฯ สเจ ปน เวเฐตฺวา ฐิตา โหติ, เวเฐตฺวา ฐิตา ปน รุกฺขโต โมจิตมตฺตา อวหารํ ชเนติฯ
Tatthajātakesu panettha ekasmimpi mahaggharukkhe chinnamatte pārājikaṃ. Lataṃ vāti ettha ca vettopi latāpi latā eva; tattha yo vetto vā latā vā dīghā hoti, mahārukkhe ca gacche ca vinivijjhitvā vā veṭhetvā vā gatā, sā mūle chinnāpi avahāraṃ na janeti agge chinnāpi, yadā pana aggepi mūlepi chinnā hoti, tadā avahāraṃ janeti. Sace pana veṭhetvā ṭhitā hoti, veṭhetvā ṭhitā pana rukkhato mocitamattā avahāraṃ janeti.
ติณํ วาติ เอตฺถ ติณํ วา โหตุ ปณฺณํ วา, สพฺพํ ติณคฺคหเณเนว คหิตํ; ตํ เคหจฺฉทนาทีนมตฺถาย ปเรหิ ฉินฺนํ วา อตฺตนา ฉินฺทิตฺวา วา คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ น เกวลญฺจ ติณปณฺณเมว, อญฺญมฺปิ ยํกิญฺจิ วากฉลฺลิ อาทิ, ยตฺถ สามิกา สาลยา, ตํ คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ ตเจฺฉตฺวา ฐปิโต อทฺธคโตปิ รุโกฺข น คเหตโพฺพฯ โย ปน อเคฺค จ มูเล จ ฉิโนฺน โหติ, สาขาปิสฺส ปูติกา ชาตา, ฉลฺลิโยปิ คฬิตา, ‘‘อยํ สามิเกหิ ฉฑฺฑิโต’’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ ลกฺขณจฺฉินฺนสฺสาปิ ยทา ลกฺขณํ ฉลฺลิยา ปริโยนทฺธํ โหติ, ตทา คเหตุํ วฎฺฎติฯ เคหาทีนํ อตฺถาย รุเกฺข ฉินฺทิตฺวา ยทา ตานิ กตานิ อชฺฌาวุตฺถานิ จ โหนฺติ, ทารูนิปิ อรเญฺญ วเสฺสน จ อาตเปน จ วินสฺสนฺติ, อีทิสานิปิ ทิสฺวา ‘‘ฉฑฺฑิตานี’’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ กสฺมา? ยสฺมา อรญฺญสามิกา เอเตสํ อนิสฺสราฯ เยหิ อรญฺญสามิกานํ เทยฺยธมฺมํ ทตฺวา ฉินฺนานิ, เต เอว อิสฺสรา, เตหิ จ ตานิ ฉฑฺฑิตานิ, นิราลยา ตตฺถ ชาตาติฯ
Tiṇaṃvāti ettha tiṇaṃ vā hotu paṇṇaṃ vā, sabbaṃ tiṇaggahaṇeneva gahitaṃ; taṃ gehacchadanādīnamatthāya parehi chinnaṃ vā attanā chinditvā vā gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Na kevalañca tiṇapaṇṇameva, aññampi yaṃkiñci vākachalli ādi, yattha sāmikā sālayā, taṃ gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Tacchetvā ṭhapito addhagatopi rukkho na gahetabbo. Yo pana agge ca mūle ca chinno hoti, sākhāpissa pūtikā jātā, challiyopi gaḷitā, ‘‘ayaṃ sāmikehi chaḍḍito’’ti gahetuṃ vaṭṭati. Lakkhaṇacchinnassāpi yadā lakkhaṇaṃ challiyā pariyonaddhaṃ hoti, tadā gahetuṃ vaṭṭati. Gehādīnaṃ atthāya rukkhe chinditvā yadā tāni katāni ajjhāvutthāni ca honti, dārūnipi araññe vassena ca ātapena ca vinassanti, īdisānipi disvā ‘‘chaḍḍitānī’’ti gahetuṃ vaṭṭati. Kasmā? Yasmā araññasāmikā etesaṃ anissarā. Yehi araññasāmikānaṃ deyyadhammaṃ datvā chinnāni, te eva issarā, tehi ca tāni chaḍḍitāni, nirālayā tattha jātāti.
โยปิ ภิกฺขุ ปฐมํเยว อรญฺญปาลานํ เทยฺยธมฺมํ ทตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ยถารุจิเต รุเกฺข คาหาเปติ, ตสฺส เตสํ อารกฺขฎฺฐานํ อคนฺตฺวาปิ ยถารุจิเตน มเคฺคน คนฺตุํ วฎฺฎติฯ อถาปิ ปวิสโนฺต อทตฺวา ‘‘นิกฺขมโนฺต ทสฺสามี’’ติ รุเกฺข คาหาเปตฺวา นิกฺขมโนฺต เตสํ ทาตพฺพํ ทตฺวา คจฺฉติ, วฎฺฎติ เอวฯ อถาปิ อาโภคํ กตฺวา คจฺฉติ ‘‘เทหี’’ติ วุเตฺต ‘‘ทสฺสามี’’ติ, ‘‘เทหี’’ติ วุเตฺต ทาตพฺพเมวฯ สเจ โกจิ อตฺตโน ธนํ ทตฺวา ‘‘ภิกฺขุสฺส คนฺตุํ เทถา’’ติ วทติ, ลทฺธกปฺปเมว, คนฺตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน โกจิ อิสฺสรชาติโก ธนํ อทตฺวาว ‘‘ภิกฺขูนํ ภาคํ มา คณฺหถา’’ติ วาเรติ, อรญฺญปาลา จ ‘‘มยํ ภิกฺขูนํ ตาปสานญฺจ ภาคํ อคณฺหนฺตา กุโต ลจฺฉาม, เทถ, ภเนฺต’’ติ วทนฺติ, ทาตพฺพเมวฯ
Yopi bhikkhu paṭhamaṃyeva araññapālānaṃ deyyadhammaṃ datvā araññaṃ pavisitvā yathārucite rukkhe gāhāpeti, tassa tesaṃ ārakkhaṭṭhānaṃ agantvāpi yathārucitena maggena gantuṃ vaṭṭati. Athāpi pavisanto adatvā ‘‘nikkhamanto dassāmī’’ti rukkhe gāhāpetvā nikkhamanto tesaṃ dātabbaṃ datvā gacchati, vaṭṭati eva. Athāpi ābhogaṃ katvā gacchati ‘‘dehī’’ti vutte ‘‘dassāmī’’ti, ‘‘dehī’’ti vutte dātabbameva. Sace koci attano dhanaṃ datvā ‘‘bhikkhussa gantuṃ dethā’’ti vadati, laddhakappameva, gantuṃ vaṭṭati. Sace pana koci issarajātiko dhanaṃ adatvāva ‘‘bhikkhūnaṃ bhāgaṃ mā gaṇhathā’’ti vāreti, araññapālā ca ‘‘mayaṃ bhikkhūnaṃ tāpasānañca bhāgaṃ agaṇhantā kuto lacchāma, detha, bhante’’ti vadanti, dātabbameva.
โย ปน อรญฺญปาเลสุ นิทฺทายเนฺตสุ วา กีฬาปสุเตสุ วา กตฺถจิ ปกฺกเนฺตสุ วา อาคนฺตฺวา ‘‘กุหิํ อรญฺญปาลา’’ติ ปโกฺกสิตฺวาปิ อทิสฺวา คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ โยปิ อารกฺขฎฺฐานํ ปตฺวา กมฺมฎฺฐานาทีนิ มนสิกโรโนฺต วา อญฺญวิหิโต วา อสฺสติยา อติกฺกมติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ ยสฺสาปิ ตํ ฐานํ ปตฺตสฺส โจโร วา หตฺถี วา วาฬมิโค วา มหาเมโฆ วา วุฎฺฐหติ, โส จ ตมฺหา อุปทฺทวา มุจฺจิตุกมฺยตาย สหสา ตํ ฐานํ อติกฺกมติ, รกฺขติ ตาว, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ อิทํ ปน อรเญฺญ อารกฺขฎฺฐานํ นาม สุงฺกฆาตโตปิ ครุกตรํฯ สุงฺกฆาตสฺส หิ ปริเจฺฉทํ อโนกฺกมิตฺวา ทูรโตว ปริหรโนฺต ทุกฺกฎเมว อาปชฺชติฯ อิทํ ปน เถยฺยจิเตฺตน ปริหรนฺตสฺส อากาเสน คจฺฉโตปิ ปาราชิกเมวฯ ตสฺมา เอตฺถ อปฺปมเตฺตน ภวิตพฺพนฺติฯ
Yo pana araññapālesu niddāyantesu vā kīḷāpasutesu vā katthaci pakkantesu vā āgantvā ‘‘kuhiṃ araññapālā’’ti pakkositvāpi adisvā gacchati, bhaṇḍadeyyaṃ. Yopi ārakkhaṭṭhānaṃ patvā kammaṭṭhānādīni manasikaronto vā aññavihito vā assatiyā atikkamati, bhaṇḍadeyyameva. Yassāpi taṃ ṭhānaṃ pattassa coro vā hatthī vā vāḷamigo vā mahāmegho vā vuṭṭhahati, so ca tamhā upaddavā muccitukamyatāya sahasā taṃ ṭhānaṃ atikkamati, rakkhati tāva, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Idaṃ pana araññe ārakkhaṭṭhānaṃ nāma suṅkaghātatopi garukataraṃ. Suṅkaghātassa hi paricchedaṃ anokkamitvā dūratova pariharanto dukkaṭameva āpajjati. Idaṃ pana theyyacittena pariharantassa ākāsena gacchatopi pārājikameva. Tasmā ettha appamattena bhavitabbanti.
อรญฺญฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ
Araññaṭṭhakathā niṭṭhitā.
อุทกกถา
Udakakathā
๑๐๘. อุทเก ปน – ภาชนคตนฺติ อุทกทุลฺลภกาเล อุทกมณิกาทีสุ ภาชเนสุ สโงฺคเปตฺวา ฐปิตํ; ตํ ยสฺมิํ ภาชเน ฐปิตํ โหติ, ตํ ภาชนํ อาวิญฺฉิตฺวา วา ฉิทฺทํ กตฺวา วา ตตฺถ โปกฺขรณีตฬาเกสุ จ อตฺตโน ภาชนํ ปเวเสตฺวา คณฺหนฺตสฺส สปฺปิเตเลสุ วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
108. Udake pana – bhājanagatanti udakadullabhakāle udakamaṇikādīsu bhājanesu saṅgopetvā ṭhapitaṃ; taṃ yasmiṃ bhājane ṭhapitaṃ hoti, taṃ bhājanaṃ āviñchitvā vā chiddaṃ katvā vā tattha pokkharaṇītaḷākesu ca attano bhājanaṃ pavesetvā gaṇhantassa sappitelesu vuttanayena vinicchayo veditabbo.
มริยาทเจฺฉทเน ปน ตตฺถ ชาตกภูตคาเมน สทฺธิมฺปิ มริยาทํ ฉินฺทนฺตสฺส อทินฺนาทานปโยคตฺตา ทุกฺกฎํฯ ตญฺจ ปน ปหาเร ปหาเร โหติฯ อโนฺตฐตฺวา พหิมุโข ฉินฺทโนฺต พหิ อเนฺตน กาเรตโพฺพฯ พหิ ฐตฺวา อโนฺตมุโข ฉินฺทโนฺต อโนฺตอเนฺตน กาเรตโพฺพฯ อโนฺต จ พหิ จ ฉินฺทิตฺวา มเชฺฌ ฐเปตฺวา ตํ ฉินฺทโนฺต มเชฺฌน กาเรตโพฺพฯ มริยาทํ ทุพฺพลํ กตฺวา คาโว ปโกฺกสติ, คามทารเกหิ วา ปโกฺกสาเปติ, ตา อาคนฺตฺวา ขุเรหิ มริยาทํ ฉินฺทนฺติ, เตเนว ฉินฺนา โหติฯ มริยาทํ ทุพฺพลํ กตฺวา คาโว อุทเก ปเวเสติ, คามทารเกหิ วา ปเวสาเปติ, ตาหิ อุฎฺฐาปิตวีจิโย มริยาทํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติฯ คามทารเก วา ‘‘อุทเก กีฬถา’’ติ วทติ, กีฬเนฺต วา อุตฺราเสติ, เตหิ อุฎฺฐาปิตวีจิโยปิ มริยาทํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติฯ อโนฺตอุทเก ชาตรุกฺขํ ฉินฺทติ, อเญฺญน วา ฉินฺทาเปติ, เตนปิ ปตเนฺตน อุฎฺฐาปิตวีจิโย มริยาทํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติ, เตเนว ฉินฺนา โหติฯ มริยาทํ ทุพฺพลํ กตฺวา ตฬากรกฺขณตฺถาย ตฬากโต นิพฺพหนอุทกํ วา นิทฺธมนตุมฺพํ วา ปิทหติ, อญฺญโต คจฺฉนฺตํ วา อุทกํ ยถา เอตฺถ ปวิสติ, เอวํ ปาฬิํ วา พนฺธติ, มาติกํ วา อุชุกํ กโรติ, ตสฺส อุปริภาเค ฐิตํ อตฺตโน ตฬากํ วา ภินฺทติ, อุสฺสนฺนํ อุทกํ มริยาทํ คเหตฺวา คจฺฉติ, เตเนว ฉินฺนา โหติฯ สพฺพตฺถ นิกฺขนฺตอุทกคฺฆานุรูเปน อวหาเรน กาเรตโพฺพฯ
Mariyādacchedane pana tattha jātakabhūtagāmena saddhimpi mariyādaṃ chindantassa adinnādānapayogattā dukkaṭaṃ. Tañca pana pahāre pahāre hoti. Antoṭhatvā bahimukho chindanto bahi antena kāretabbo. Bahi ṭhatvā antomukho chindanto antoantena kāretabbo. Anto ca bahi ca chinditvā majjhe ṭhapetvā taṃ chindanto majjhena kāretabbo. Mariyādaṃ dubbalaṃ katvā gāvo pakkosati, gāmadārakehi vā pakkosāpeti, tā āgantvā khurehi mariyādaṃ chindanti, teneva chinnā hoti. Mariyādaṃ dubbalaṃ katvā gāvo udake paveseti, gāmadārakehi vā pavesāpeti, tāhi uṭṭhāpitavīciyo mariyādaṃ bhinditvā gacchanti. Gāmadārake vā ‘‘udake kīḷathā’’ti vadati, kīḷante vā utrāseti, tehi uṭṭhāpitavīciyopi mariyādaṃ chinditvā gacchanti. Antoudake jātarukkhaṃ chindati, aññena vā chindāpeti, tenapi patantena uṭṭhāpitavīciyo mariyādaṃ chinditvā gacchanti, teneva chinnā hoti. Mariyādaṃ dubbalaṃ katvā taḷākarakkhaṇatthāya taḷākato nibbahanaudakaṃ vā niddhamanatumbaṃ vā pidahati, aññato gacchantaṃ vā udakaṃ yathā ettha pavisati, evaṃ pāḷiṃ vā bandhati, mātikaṃ vā ujukaṃ karoti, tassa uparibhāge ṭhitaṃ attano taḷākaṃ vā bhindati, ussannaṃ udakaṃ mariyādaṃ gahetvā gacchati, teneva chinnā hoti. Sabbattha nikkhantaudakagghānurūpena avahārena kāretabbo.
นิทฺธมนปนาฬิํ อุคฺฆาเฎตฺวา นีหรนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน เตน มริยาทาย ทุพฺพลาย กตาย อตฺตโน ธมฺมตาย อาคนฺตฺวา วา อนาณเตฺตหิ คามทารเกหิ อาโรปิตา วา คาวิโย ขุเรหิ มริยาทํ ภินฺทนฺติ, อตฺตโนเยว ธมฺมตาย อนาณเตฺตหิ วา คามทารเกหิ อุทเก ปเวสิตา วีจิโย อุฎฺฐาเปนฺติ, คามทารกา วา สยเมว ปวิสิตฺวา กีฬนฺตา อุฎฺฐาเปนฺติ อโนฺตอุทเก วา รุโกฺข อเญฺญน ฉิชฺชมาโน ปติตฺวา อุฎฺฐาเปติ, อุฎฺฐาปิตา วีจิโย มริยาทํ ฉินฺทนฺติ, สเจปิ มริยาทํ ทุพฺพลํ กตฺวา สุกฺขตฬากสฺส อุทกนิพฺพหนฎฺฐานํ วา อุทกนิทฺธมนตุมฺพํ วา ปิทหติ, อญฺญโต คมนมเคฺค วา ปาฬิํ พนฺธติ, สุกฺขมาติกํ วา อุชุกํ กโรติ, ปจฺฉา เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ อาคนฺตฺวา มริยาทํ ภินฺทติ, สพฺพตฺถ ภณฺฑเทยฺยํฯ
Niddhamanapanāḷiṃ ugghāṭetvā nīharantassāpi eseva nayo. Sace pana tena mariyādāya dubbalāya katāya attano dhammatāya āgantvā vā anāṇattehi gāmadārakehi āropitā vā gāviyo khurehi mariyādaṃ bhindanti, attanoyeva dhammatāya anāṇattehi vā gāmadārakehi udake pavesitā vīciyo uṭṭhāpenti, gāmadārakā vā sayameva pavisitvā kīḷantā uṭṭhāpenti antoudake vā rukkho aññena chijjamāno patitvā uṭṭhāpeti, uṭṭhāpitā vīciyo mariyādaṃ chindanti, sacepi mariyādaṃ dubbalaṃ katvā sukkhataḷākassa udakanibbahanaṭṭhānaṃ vā udakaniddhamanatumbaṃ vā pidahati, aññato gamanamagge vā pāḷiṃ bandhati, sukkhamātikaṃ vā ujukaṃ karoti, pacchā deve vuṭṭhe udakaṃ āgantvā mariyādaṃ bhindati, sabbattha bhaṇḍadeyyaṃ.
โย ปน นิทาเฆ สุกฺขวาปิยา มริยาทํ ยาว ตลํ ปาเปตฺวา ฉินฺทติ, ปจฺฉา เทเว วุเฎฺฐ อาคตาคตํ อุทกํ ปลายติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ ยตฺตกํ ตปฺปจฺจยา สสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ปาทมตฺตคฺฆนกมฺปิ อเทโนฺต สามิกานํ ธุรนิเกฺขเปน อสฺสมโณ โหติฯ
Yo pana nidāghe sukkhavāpiyā mariyādaṃ yāva talaṃ pāpetvā chindati, pacchā deve vuṭṭhe āgatāgataṃ udakaṃ palāyati, bhaṇḍadeyyaṃ. Yattakaṃ tappaccayā sassaṃ uppajjati, tato pādamattagghanakampi adento sāmikānaṃ dhuranikkhepena assamaṇo hoti.
ยํ ปน สพฺพสาธารณํ ตฬากํ โหติ; ตฬาเก อุทกสฺส สเพฺพปิ มนุสฺสา อิสฺสราฯ เหฎฺฐโต ปนสฺส สสฺสานิ กโรนฺติ, สสฺสปาลนตฺถํ ตฬากโต มหามาติกา นิกฺขมิตฺวา เขตฺตมเชฺฌน ยาติ, สาปิ สทา สนฺทนกาเล สพฺพสาธารณาฯ ตโต ปน ขุทฺทกมาติกา นีหริตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เกทาเรสุ อุทกํ ปเวเสนฺติฯ ตํ อเญฺญสํ คเหตุํ น เทนฺติฯ นิทาฆสมเยว อุทเก มนฺทีภูเต วาเรน อุทกํ เทนฺติ, โย อุทกวาเร สมฺปเตฺต น ลภติ, ตสฺส สสฺสานิ มิลายนฺติ; ตสฺมา อเญฺญสํ วาเร อโญฺญ คเหตุํ น ลภติฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปเรสํ ขุทฺทกมาติกาโต วา เกทารโต วา อุทกํ เถยฺยจิเตฺตน อตฺตโน วา ปรสฺส วา มาติกํ วา เกทารํ วา ปเวเสติ, อฎวิมุขํ วา วาเหติ, อวหาโร วสฺส โหติฯ
Yaṃ pana sabbasādhāraṇaṃ taḷākaṃ hoti; taḷāke udakassa sabbepi manussā issarā. Heṭṭhato panassa sassāni karonti, sassapālanatthaṃ taḷākato mahāmātikā nikkhamitvā khettamajjhena yāti, sāpi sadā sandanakāle sabbasādhāraṇā. Tato pana khuddakamātikā nīharitvā attano attano kedāresu udakaṃ pavesenti. Taṃ aññesaṃ gahetuṃ na denti. Nidāghasamayeva udake mandībhūte vārena udakaṃ denti, yo udakavāre sampatte na labhati, tassa sassāni milāyanti; tasmā aññesaṃ vāre añño gahetuṃ na labhati. Tattha yo bhikkhu paresaṃ khuddakamātikāto vā kedārato vā udakaṃ theyyacittena attano vā parassa vā mātikaṃ vā kedāraṃ vā paveseti, aṭavimukhaṃ vā vāheti, avahāro vassa hoti.
โยปิ ‘‘จิเรน เม อุทกวาโร ภวิสฺสติ, อิทญฺจ สสฺสํ มิลายตี’’ติ ปเรสํ เกทาเร
Yopi ‘‘cirena me udakavāro bhavissati, idañca sassaṃ milāyatī’’ti paresaṃ kedāre
ปวิสนฺตสฺส อุทกสฺส ปวิสนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อตฺตโน เกทารํ ปเวเสติ, อวหาโร เอวฯ สเจ ปน ตฬากโต อนิคฺคเต ปเรสํ มาติกามุขํ อสมฺปเตฺตว อุทเก สุกฺขมาติกํเยว ยถา อาคจฺฉนฺตํ อุทกํ อเญฺญสํ เกทาเร อปฺปวิสิตฺวา อตฺตโนเยว เกทารํ ปวิสติ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ พนฺธติฯ อนิกฺขเนฺต พทฺธา สุพทฺธา, นิกฺขเนฺต พทฺธา, ภณฺฑเทยฺยํฯ ตฬากํ คนฺตฺวา สยเมว นิทฺธมนปนาฬิํ อุคฺฆาเฎตฺวา อตฺตโน เกทารํ ปเวเสนฺตสฺสาปิ นตฺถิ อวหาโรฯ กสฺมา? ตฬากํ นิสฺสาย เขตฺตสฺส กตตฺตาฯ กุรุนฺทิยาทีสุ ปน ‘‘อวหาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตํ ‘‘วตฺถุํ กาลญฺจ เทสญฺจา’’ติ อิมินา ลกฺขเณน น สเมติฯ ตสฺมา มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตเมว ยุตฺตนฺติฯ
Pavisantassa udakassa pavisanamaggaṃ pidahitvā attano kedāraṃ paveseti, avahāro eva. Sace pana taḷākato aniggate paresaṃ mātikāmukhaṃ asampatteva udake sukkhamātikaṃyeva yathā āgacchantaṃ udakaṃ aññesaṃ kedāre appavisitvā attanoyeva kedāraṃ pavisati, evaṃ tattha tattha bandhati. Anikkhante baddhā subaddhā, nikkhante baddhā, bhaṇḍadeyyaṃ. Taḷākaṃ gantvā sayameva niddhamanapanāḷiṃ ugghāṭetvā attano kedāraṃ pavesentassāpi natthi avahāro. Kasmā? Taḷākaṃ nissāya khettassa katattā. Kurundiyādīsu pana ‘‘avahāro’’ti vuttaṃ. Taṃ ‘‘vatthuṃ kālañca desañcā’’ti iminā lakkhaṇena na sameti. Tasmā mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttameva yuttanti.
อุทกกถา นิฎฺฐิตาฯ
Udakakathā niṭṭhitā.
ทนฺตโปนกถา
Dantaponakathā
๑๐๙. ทนฺตโปณํ อารามฎฺฐกวินิจฺฉเยน วินิจฺฉินิตพฺพํฯ อยํ ปน วิเสโส – โย สงฺฆสฺส เวตนภโต หุตฺวา เทวสิกํ วา ปกฺขมาสวาเรน วา ทนฺตกฎฺฐํ อาหรติ, โส ตํ อาหริตฺวา ฉินฺทิตฺวาปิ ยาว ภิกฺขุสงฺฆํ น สมฺปฎิจฺฉาเปติ, ตาว ตเสฺสว โหติฯ ตสฺมา ตํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ ตตฺถชาตกํ ปน ครุภณฺฑํ, ตมฺปิ ภิกฺขุสเงฺฆน รกฺขิตโคปิตํ คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ เอเสว นโย คณปุคฺคลคิหิมนุสฺสสนฺตเกปิ ฉินฺนเก อจฺฉินฺนเก จฯ เตสํ อารามุยฺยานภูมีสุ ชาตํ สามเณรา วาเรน ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทนฺตกฎฺฐํ อาหรนฺตา อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ อาหรนฺติ, ตํ ยาว ฉินฺทิตฺวา สงฺฆํ น ปฎิจฺฉาเปนฺติ, ตาว สพฺพํ เตสํเยว โหติฯ ตสฺมา ตมฺปิ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ ยทา ปน เต ฉินฺทิตฺวา สงฺฆสฺส ปฎิจฺฉาเปตฺวา ทนฺตกฎฺฐมาฬเก นิกฺขิปนฺติ, ‘‘ยถาสุขํ ภิกฺขุสโงฺฆ ปริภุญฺชตู’’ติ; ตโต ปฎฺฐาย อวหาโร นตฺถิ, วตฺตํ ปน ชานิตพฺพํฯ โย หิ เทวสิกํ สงฺฆมเชฺฌ โอสรติ, เตน ทิวเส ทิวเส เอกเมว ทนฺตกฎฺฐํ คเหตพฺพํฯ โย ปน เทวสิกํ น โอสรติ, ปธานฆเร วสิตฺวา ธมฺมสวเน วา อุโปสถเคฺค วา ทิสฺสติ, เตน ปมาณํ สลฺลเกฺขตฺวา จตฺตาริ ปญฺจทนฺตกฎฺฐานิ อตฺตโน วสนฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ขาทิตพฺพานิฯ เตสุ ขีเณสุ สเจ ปุนปิ ทนฺตกฎฺฐมาฬเก พหูนิ โหนฺติเยว, ปุนปิ อาหริตฺวา ขาทิตพฺพานิฯ ยทิ ปน ปมาณํ อสลฺลเกฺขตฺวา อาหรติ, เตสุ อกฺขีเณสุเยว มาฬเก ขียนฺติ, ตโต เกจิ เถรา ‘‘เยหิ คหิตานิ, เต ปฎิอาหรนฺตู’’ติ วเทยฺยุํ, เกจิ ‘‘ขาทนฺตุ, ปุน สามเณรา อาหริสฺสนฺตี’’ติ, ตสฺมา วิวาทปริหรณตฺถํ ปมาณํ สลฺลเกฺขตพฺพํฯ คหเณ ปน โทโส นตฺถิฯ มคฺคํ คจฺฉเนฺตนาปิ เอกํ วา เทฺว วา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพนฺติฯ
109. Dantapoṇaṃ ārāmaṭṭhakavinicchayena vinicchinitabbaṃ. Ayaṃ pana viseso – yo saṅghassa vetanabhato hutvā devasikaṃ vā pakkhamāsavārena vā dantakaṭṭhaṃ āharati, so taṃ āharitvā chinditvāpi yāva bhikkhusaṅghaṃ na sampaṭicchāpeti, tāva tasseva hoti. Tasmā taṃ theyyacittena gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Tatthajātakaṃ pana garubhaṇḍaṃ, tampi bhikkhusaṅghena rakkhitagopitaṃ gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Eseva nayo gaṇapuggalagihimanussasantakepi chinnake acchinnake ca. Tesaṃ ārāmuyyānabhūmīsu jātaṃ sāmaṇerā vārena bhikkhusaṅghassa dantakaṭṭhaṃ āharantā ācariyupajjhāyānampi āharanti, taṃ yāva chinditvā saṅghaṃ na paṭicchāpenti, tāva sabbaṃ tesaṃyeva hoti. Tasmā tampi theyyacittena gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Yadā pana te chinditvā saṅghassa paṭicchāpetvā dantakaṭṭhamāḷake nikkhipanti, ‘‘yathāsukhaṃ bhikkhusaṅgho paribhuñjatū’’ti; tato paṭṭhāya avahāro natthi, vattaṃ pana jānitabbaṃ. Yo hi devasikaṃ saṅghamajjhe osarati, tena divase divase ekameva dantakaṭṭhaṃ gahetabbaṃ. Yo pana devasikaṃ na osarati, padhānaghare vasitvā dhammasavane vā uposathagge vā dissati, tena pamāṇaṃ sallakkhetvā cattāri pañcadantakaṭṭhāni attano vasanaṭṭhāne ṭhapetvā khāditabbāni. Tesu khīṇesu sace punapi dantakaṭṭhamāḷake bahūni hontiyeva, punapi āharitvā khāditabbāni. Yadi pana pamāṇaṃ asallakkhetvā āharati, tesu akkhīṇesuyeva māḷake khīyanti, tato keci therā ‘‘yehi gahitāni, te paṭiāharantū’’ti vadeyyuṃ, keci ‘‘khādantu, puna sāmaṇerā āharissantī’’ti, tasmā vivādapariharaṇatthaṃ pamāṇaṃ sallakkhetabbaṃ. Gahaṇe pana doso natthi. Maggaṃ gacchantenāpi ekaṃ vā dve vā thavikāya pakkhipitvā gantabbanti.
ทนฺตโปนกถา นิฎฺฐิตาฯ
Dantaponakathā niṭṭhitā.
วนปฺปติกถา
Vanappatikathā
๑๑๐. วนสฺส ปตีติ วนปฺปติ; วนเชฎฺฐกรุกฺขเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิธ ปน สโพฺพปิ มนุเสฺสหิ ปริคฺคหิตรุโกฺข อธิเปฺปโต อมฺพลพุชปนสาทิโกฯ ยตฺถ วา ปน มริจวลฺลิอาทีนิ อาโรเปนฺติ, โส ฉิชฺชมาโน สเจ เอกายปิ ฉลฺลิยา วา วาเกน วา สกลิกาย วา เผคฺคุนา วา สมฺพโทฺธว หุตฺวา ภูมิยํ ปตติ, รกฺขติ ตาวฯ
110. Vanassa patīti vanappati; vanajeṭṭhakarukkhassetaṃ adhivacanaṃ. Idha pana sabbopi manussehi pariggahitarukkho adhippeto ambalabujapanasādiko. Yattha vā pana maricavalliādīni āropenti, so chijjamāno sace ekāyapi challiyā vā vākena vā sakalikāya vā pheggunā vā sambaddhova hutvā bhūmiyaṃ patati, rakkhati tāva.
โย ปน ฉิโนฺนปิ วลฺลีหิ วา สามนฺตรุกฺขสาขาหิ วา สมฺพโทฺธ สนฺธาริตตฺตา อุชุกเมว ติฎฺฐติ, ปตโนฺต วา ภูมิํ น ปาปุณาติ, นตฺถิ ตตฺถ ปริหาโร, อวหาโร เอว โหติฯ โยปิ กกเจน ฉิโนฺน อจฺฉิโนฺน วิย หุตฺวา ตเถว ติฎฺฐติ, ตสฺมิมฺปิ เอเสว นโยฯ
Yo pana chinnopi vallīhi vā sāmantarukkhasākhāhi vā sambaddho sandhāritattā ujukameva tiṭṭhati, patanto vā bhūmiṃ na pāpuṇāti, natthi tattha parihāro, avahāro eva hoti. Yopi kakacena chinno acchinno viya hutvā tatheva tiṭṭhati, tasmimpi eseva nayo.
โย ปน รุกฺขํ ทุพฺพลํ กตฺวา ปจฺฉา จาเลตฺวา ปาเตติ, อเญฺญน วา จาลาเปติ; อญฺญํ วาสฺส สนฺติเก รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา อโชฺฌตฺถรติ, ปเรน วา อโชฺฌตฺถราเปติ; มกฺกเฎ วา ปริปาเตตฺวา ตตฺถ อาโรเปติ, อเญฺญน วา อาโรปาเปติ; วคฺคุลิโย วา ตตฺถ อาโรเปติ, ปเรน วา อาโรปาเปติ; ตา ตํ รุกฺขํ ปาเตนฺติ, ตเสฺสว อวหาโรฯ
Yo pana rukkhaṃ dubbalaṃ katvā pacchā cāletvā pāteti, aññena vā cālāpeti; aññaṃ vāssa santike rukkhaṃ chinditvā ajjhottharati, parena vā ajjhottharāpeti; makkaṭe vā paripātetvā tattha āropeti, aññena vā āropāpeti; vagguliyo vā tattha āropeti, parena vā āropāpeti; tā taṃ rukkhaṃ pātenti, tasseva avahāro.
สเจ ปน เตน รุเกฺข ทุพฺพเล กเต อโญฺญ อนาณโตฺต เอว ตํ จาเลตฺวา ปาเตติ,
Sace pana tena rukkhe dubbale kate añño anāṇatto eva taṃ cāletvā pāteti,
รุเกฺขน วา อโชฺฌตฺถรติ, อตฺตโน ธมฺมตาย มกฺกฎา วา วคฺคุลิโย วา อาโรหนฺติ, ปโร วา อนาณโตฺต อาโรเปติ, สยํ วา เอส วาตมุขํ โสเธติ, พลววาโต อาคนฺตฺวา รุกฺขํ ปาเตติ; สพฺพตฺถ ภณฺฑเทยฺยํฯ วาตมุขโสธนํ ปเนตฺถ อสมฺปเตฺต วาเต สุกฺขมาติกาย อุชุกรณาทีหิ สเมติ, โน อญฺญถาฯ รุกฺขํ อาวิชฺฌิตฺวา สเตฺถน วา อาโกเฎติ, อคฺคิํ วา เทติ, มณฺฑุกกณฺฎกํ วา วิสํ วา อาโกเฎติ, เยน โส มรติ, สพฺพตฺถ ภณฺฑเทยฺยเมวาติฯ
Rukkhena vā ajjhottharati, attano dhammatāya makkaṭā vā vagguliyo vā ārohanti, paro vā anāṇatto āropeti, sayaṃ vā esa vātamukhaṃ sodheti, balavavāto āgantvā rukkhaṃ pāteti; sabbattha bhaṇḍadeyyaṃ. Vātamukhasodhanaṃ panettha asampatte vāte sukkhamātikāya ujukaraṇādīhi sameti, no aññathā. Rukkhaṃ āvijjhitvā satthena vā ākoṭeti, aggiṃ vā deti, maṇḍukakaṇṭakaṃ vā visaṃ vā ākoṭeti, yena so marati, sabbattha bhaṇḍadeyyamevāti.
วนปฺปติกถา นิฎฺฐิตาฯ
Vanappatikathā niṭṭhitā.
หรณกกถา
Haraṇakakathā
๑๑๑. หรณเก – อญฺญสฺส หรณกํ ภณฺฑํ เถยฺยจิโตฺต อามสตีติ ปรํ สีสภาราทีหิ ภณฺฑํ อาทาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ หริสฺสามี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา อามสติ, เอตฺตาวตา อสฺส ทุกฺกฎํฯ ผนฺทาเปตีติ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนํ กโรติ, สามิโก น มุญฺจติ, เตนสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ฐานา จาเวตีติ อากฑฺฒิตฺวา สามิกสฺส หตฺถโต โมเจติ, เตนสฺส ปาราชิกํฯ สเจ ปน ตํ ภณฺฑสามิโก อุฎฺฐหิตฺวา โปเถตฺวา ปุน ตํ ภณฺฑํ โมจาเปตฺวา คเณฺหยฺย, ภิกฺขุ ปฐมคฺคหเณเนว ปาราชิโกฯ สีสโต วา กณฺณโต วา คีวโต วา หตฺถโต วา อลงฺการํ ฉินฺทิตฺวา วา โมเจตฺวา วา คณฺหนฺตสฺส สีสาทีหิ โมจิตมเตฺต ปาราชิกํฯ หเตฺถ ปน วลยํ วา กฎกํ วา อนีหริตฺวา อคฺคพาหํ ฆํสโนฺตว อปราปรํ วา สาเรติ, อากาสคตํ วา กโรติ, รกฺขติ ตาวฯ รุกฺขมูลจีวรวํเสสุ วลยมิว น ปาราชิกํ ชเนติฯ กสฺมา? สวิญฺญาณกตฺตาฯ สวิญฺญาณกโกฎฺฐาสคตญฺหิ ยาว ตโต น นีหฎํ, ตาว ตเตฺถว โหติฯ เอเสว นโย องฺคุลิมุทฺทิกปาทกฎกกฎูปคปิฬนฺธเนสุฯ
111. Haraṇake – aññassa haraṇakaṃ bhaṇḍaṃ theyyacitto āmasatīti paraṃ sīsabhārādīhi bhaṇḍaṃ ādāya gacchantaṃ disvā ‘‘etaṃ harissāmī’’ti vegena gantvā āmasati, ettāvatā assa dukkaṭaṃ. Phandāpetīti ākaḍḍhanavikaḍḍhanaṃ karoti, sāmiko na muñcati, tenassa thullaccayaṃ. Ṭhānā cāvetīti ākaḍḍhitvā sāmikassa hatthato moceti, tenassa pārājikaṃ. Sace pana taṃ bhaṇḍasāmiko uṭṭhahitvā pothetvā puna taṃ bhaṇḍaṃ mocāpetvā gaṇheyya, bhikkhu paṭhamaggahaṇeneva pārājiko. Sīsato vā kaṇṇato vā gīvato vā hatthato vā alaṅkāraṃ chinditvā vā mocetvā vā gaṇhantassa sīsādīhi mocitamatte pārājikaṃ. Hatthe pana valayaṃ vā kaṭakaṃ vā anīharitvā aggabāhaṃ ghaṃsantova aparāparaṃ vā sāreti, ākāsagataṃ vā karoti, rakkhati tāva. Rukkhamūlacīvaravaṃsesu valayamiva na pārājikaṃ janeti. Kasmā? Saviññāṇakattā. Saviññāṇakakoṭṭhāsagatañhi yāva tato na nīhaṭaṃ, tāva tattheva hoti. Eseva nayo aṅgulimuddikapādakaṭakakaṭūpagapiḷandhanesu.
โย ปน ปรสฺส นิวตฺถสาฎกํ อจฺฉินฺทติ, ปโร จ สลชฺชิตาย สหสา น มุญฺจติ, เอเกนเนฺตน โจโร กฑฺฒติ, เอเกนเนฺตน ปโร, รกฺขติ ตาวฯ ปรสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ อถาปิ ตํ กฑฺฒนฺตสฺส ฉิชฺชิตฺวา เอกเทโส หตฺถคโต โหติ, โส จ ปาทํ อคฺฆติ ปาราชิกเมวฯ สหภณฺฑหารกนฺติ ‘‘สภณฺฑหารกํ ภณฺฑํ เนสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อิโต ยาหี’’ติ ภณฺฑหารกํ ตเชฺชติ, โส ภีโต โจเรน อธิเปฺปตทิสาภิมุโข หุตฺวา เอกํ ปาทํ สงฺกาเมติ, โจรสฺส ถุลฺลจฺจยํ; ทุติเย ปาราชิกํฯ ปาตาเปตีติ อถาปิ โจโร ภณฺฑหารกสฺส หเตฺถ อาวุธํ ทิสฺวา สาสโงฺก หุตฺวา ปาตาเปตฺวา คเหตุกาโม เอกมนฺตํ ปฎิกฺกมฺม สนฺตเชฺชตฺวา ปาตาเปติ, ปรสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Yo pana parassa nivatthasāṭakaṃ acchindati, paro ca salajjitāya sahasā na muñcati, ekenantena coro kaḍḍhati, ekenantena paro, rakkhati tāva. Parassa hatthato muttamatte pārājikaṃ. Athāpi taṃ kaḍḍhantassa chijjitvā ekadeso hatthagato hoti, so ca pādaṃ agghati pārājikameva. Sahabhaṇḍahārakanti ‘‘sabhaṇḍahārakaṃ bhaṇḍaṃ nessāmī’’ti cintetvā ‘‘ito yāhī’’ti bhaṇḍahārakaṃ tajjeti, so bhīto corena adhippetadisābhimukho hutvā ekaṃ pādaṃ saṅkāmeti, corassa thullaccayaṃ; dutiye pārājikaṃ. Pātāpetīti athāpi coro bhaṇḍahārakassa hatthe āvudhaṃ disvā sāsaṅko hutvā pātāpetvā gahetukāmo ekamantaṃ paṭikkamma santajjetvā pātāpeti, parassa hatthato muttamatte pārājikaṃ.
ปาตาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติอาทิ ปน ปริกปฺปวเสน วุตฺตํฯ โย หิ ภณฺฑํ ปาตาเปตฺวา ‘‘ยํ มม รุจฺจติ, ตํ คเหสฺสามี’’ติ ปริกเปฺปตฺวา ปาตาเปติ, ตสฺส ปาตาปเน จ อามสเน จ ทุกฺกฎํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยํฯ ปาทคฺฆนกสฺส ฐานา จาวเน ปาราชิกํฯ ตํ ปจฺฉา ปฎิปาติยมานสฺส มุญฺจโตปิ นตฺถิเยว สมณภาโวฯ โยปิ ภณฺฑหารกํ อติกฺกมนฺตํ ทิสฺวา อนุพนฺธโนฺต ‘‘ติฎฺฐ, ติฎฺฐ, ภณฺฑํ ปาเตหี’’ติ วตฺวา ปาตาเปติ, ตสฺสาปิ เตน หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Pātāpeti, āpatti dukkaṭassātiādi pana parikappavasena vuttaṃ. Yo hi bhaṇḍaṃ pātāpetvā ‘‘yaṃ mama ruccati, taṃ gahessāmī’’ti parikappetvā pātāpeti, tassa pātāpane ca āmasane ca dukkaṭaṃ, phandāpane thullaccayaṃ. Pādagghanakassa ṭhānā cāvane pārājikaṃ. Taṃ pacchā paṭipātiyamānassa muñcatopi natthiyeva samaṇabhāvo. Yopi bhaṇḍahārakaṃ atikkamantaṃ disvā anubandhanto ‘‘tiṭṭha, tiṭṭha, bhaṇḍaṃ pātehī’’ti vatvā pātāpeti, tassāpi tena hatthato muttamatte pārājikaṃ.
โย ปน ‘‘ติฎฺฐ ติฎฺฐา’’ติ วทติ, ‘‘ปาเตหี’’ติ น วทติ; อิตโร จ ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘สเจ เอส มํ ปาปุเณยฺย, ฆาเตยฺยาปิ ม’’ นฺติ สาลโยว หุตฺวา ตํ ภณฺฑํ คหนฎฺฐาเน ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ปุน นิวตฺติตฺวา คเหสฺสามี’’ติ ปกฺกมติ, ปาตนปจฺจยา ปาราชิกํ นตฺถิฯ อาคนฺตฺวา ปน เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโต อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ อถ ปนสฺส เอวํ โหติ – ‘‘มยา ปาตาเปเนฺตเนว อิทํ มม สนฺตกํ กต’’นฺติ ตโต นํ สกสญฺญาย คณฺหาติ; คหเณ รกฺขติ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ ‘‘เทหี’’ติ วุเตฺต อเทนฺตสฺส สามิกานํ ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ ‘‘โส อิมํ ฉเฑฺฑตฺวา คโต, อนชฺฌาวุตฺถกํ ทานิ อิท’’นฺติ ปํสุกูลสญฺญาย คณฺหโตปิ เอเสว นโยฯ อถ ปน สามิโก ‘‘ติฎฺฐ ติฎฺฐา’’ติ วุตฺตมเตฺตเนว โอโลเกโนฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘น ทานิ อิทํ มยฺห’’นฺติ ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา นิราลโย ฉเฑฺฑตฺวา ปลายติ, ตํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโต อุทฺธาเร ทุกฺกฎํฯ อาหราเปเนฺต ทาตพฺพํ, อเทนฺตสฺส ปาราชิกํฯ กสฺมา? ตสฺส ปโยเคน ฉฑฺฑิตตฺตาติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ อเญฺญสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถิฯ ปุริมนเยเนว สกสญฺญาย วา ปํสุกูลสญฺญาย วา คณฺหเนฺตปิ อยเมว วินิจฺฉโยติฯ
Yo pana ‘‘tiṭṭha tiṭṭhā’’ti vadati, ‘‘pātehī’’ti na vadati; itaro ca taṃ oloketvā ‘‘sace esa maṃ pāpuṇeyya, ghāteyyāpi ma’’ nti sālayova hutvā taṃ bhaṇḍaṃ gahanaṭṭhāne pakkhipitvā ‘‘puna nivattitvā gahessāmī’’ti pakkamati, pātanapaccayā pārājikaṃ natthi. Āgantvā pana theyyacittena gaṇhato uddhāre pārājikaṃ. Atha panassa evaṃ hoti – ‘‘mayā pātāpenteneva idaṃ mama santakaṃ kata’’nti tato naṃ sakasaññāya gaṇhāti; gahaṇe rakkhati, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. ‘‘Dehī’’ti vutte adentassa sāmikānaṃ dhuranikkhepe pārājikaṃ. ‘‘So imaṃ chaḍḍetvā gato, anajjhāvutthakaṃ dāni ida’’nti paṃsukūlasaññāya gaṇhatopi eseva nayo. Atha pana sāmiko ‘‘tiṭṭha tiṭṭhā’’ti vuttamatteneva olokento taṃ disvā ‘‘na dāni idaṃ mayha’’nti dhuranikkhepaṃ katvā nirālayo chaḍḍetvā palāyati, taṃ theyyacittena gaṇhato uddhāre dukkaṭaṃ. Āharāpente dātabbaṃ, adentassa pārājikaṃ. Kasmā? Tassa payogena chaḍḍitattāti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Aññesu pana vicāraṇā eva natthi. Purimanayeneva sakasaññāya vā paṃsukūlasaññāya vā gaṇhantepi ayameva vinicchayoti.
หรณกกถา นิฎฺฐิตาฯ
Haraṇakakathā niṭṭhitā.
อุปนิธิกถา
Upanidhikathā
๑๑๒. อุปนิธิมฺหิ – นาหํ คณฺหามีติ สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปโยคตฺตา ทุกฺกฎํฯ ‘‘กิํ ตุเมฺห ภณถ? เนวิทํ มยฺหํ อนุรูปํ, น ตุมฺหาก’’นฺติอาทีนิ วทนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ ‘‘รโห มยา เอตสฺส หเตฺถ ฐปิตํ, น อโญฺญ โกจิ ชานาติ, ‘ทสฺสติ นุ โข เม โน’’’ติ สามิโก วิมติํ อุปฺปาเทติ, ภิกฺขุสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ตสฺส ผรุสาทิภาวํ ทิสฺวา สามิโก ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, ตตฺร สจายํ ภิกฺขุ ‘‘กิลเมตฺวา นํ ทสฺสามี’’ติ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาวฯ สเจปิ โส ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสฺสามิโก ปน คหเณ สอุสฺสาโห , รกฺขเตวฯ ยทิ ปน โส ทาเน นิรุสฺสาโห ภณฺฑสามิโกปิ ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํ ฯ ยทิปิ มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทติ, จิเตฺตน ปน อทาตุกาโม, เอวมฺปิ สามิกสฺส ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ ตํ ปน อุปนิธิ นาม สโงฺคปนตฺถาย อตฺตโน หเตฺถ ปเรหิ ฐปิตภณฺฑํ, อคุตฺตเทสโต ฐานา จาเวตฺวา คุตฺตฎฺฐาเน ฐปนตฺถาย หรโต อนาปตฺติฯ เถยฺยจิเตฺตนปิ ฐานา จาเวนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิฯ กสฺมา? อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตตฺตา, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโตปิ เอเสว นโยฯ ตาวกาลิกคฺคหเณปิ ตเถวฯ ธมฺมํ จรโนฺตติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ อยํ ตาว ปาฬิวณฺณนาฯ
112. Upanidhimhi – nāhaṃ gaṇhāmīti sampajānamusāvādepi adinnādānassa payogattā dukkaṭaṃ. ‘‘Kiṃ tumhe bhaṇatha? Nevidaṃ mayhaṃ anurūpaṃ, na tumhāka’’ntiādīni vadantassāpi dukkaṭameva. ‘‘Raho mayā etassa hatthe ṭhapitaṃ, na añño koci jānāti, ‘dassati nu kho me no’’’ti sāmiko vimatiṃ uppādeti, bhikkhussa thullaccayaṃ. Tassa pharusādibhāvaṃ disvā sāmiko ‘‘na mayhaṃ dassatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, tatra sacāyaṃ bhikkhu ‘‘kilametvā naṃ dassāmī’’ti dāne saussāho, rakkhati tāva. Sacepi so dāne nirussāho, bhaṇḍassāmiko pana gahaṇe saussāho , rakkhateva. Yadi pana so dāne nirussāho bhaṇḍasāmikopi ‘‘na mayhaṃ dassatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, evaṃ ubhinnaṃ dhuranikkhepena bhikkhuno pārājikaṃ . Yadipi mukhena ‘‘dassāmī’’ti vadati, cittena pana adātukāmo, evampi sāmikassa dhuranikkhepe pārājikaṃ. Taṃ pana upanidhi nāma saṅgopanatthāya attano hatthe parehi ṭhapitabhaṇḍaṃ, aguttadesato ṭhānā cāvetvā guttaṭṭhāne ṭhapanatthāya harato anāpatti. Theyyacittenapi ṭhānā cāventassa avahāro natthi. Kasmā? Attano hatthe nikkhittattā, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Theyyacittena paribhuñjatopi eseva nayo. Tāvakālikaggahaṇepi tatheva. Dhammaṃ carantotiādi vuttanayameva. Ayaṃ tāva pāḷivaṇṇanā.
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย ปเนตฺถ ปตฺตจตุกฺกาทิวเสน เอวํ วุโตฺต – เอโก กิร ภิกฺขุ ปรสฺส มหเคฺฆ ปเตฺต โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ หริตุกาโม ฐปิตฎฺฐานมสฺส สุฎฺฐุ สลฺลเกฺขตฺวา อตฺตโนปิ ปตฺตํ ตเสฺสว สนฺติเก ฐเปสิฯ โส ปจฺจูสสมเย อาคนฺตฺวา ธมฺมํ วาจาเปตฺวา นิทฺทายมานํ มหาเถรมาห – ‘‘วนฺทามิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภเนฺต, อาคนฺตุกภิกฺขุ, กาลเสฺสวมฺหิ คนฺตุกาโม, อสุกสฺมิญฺจ เม ฐาเน อีทิเสน นาม อํสพทฺธเกน อีทิสาย ปตฺตตฺถวิกาย ปโตฺต ฐปิโตฯ สาธาหํ, ภเนฺต, ตํ ลเภยฺย’’นฺติ เถโร ปวิสิตฺวา ตํ คณฺหิฯ อุทฺธาเรเยว โจรสฺส ปาราชิกํฯ สเจ อาคนฺตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ อเวลาย อาคโต’’ติ วุโตฺต ภีโต ปลายติ, ปาราชิกํ ปตฺวาว ปลายติฯ เถรสฺส ปน สุทฺธจิตฺตตฺตา อนาปตฺติฯ เถโร ‘‘ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อญฺญํ คณฺหิ, เอเสว นโยฯ อยํ ปน อญฺญํ ตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชติ, มนุสฺสวิคฺคเห อาณตฺตสทิสวตฺถุสฺมิํ วิยฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘ปทวาเรน กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, ตํ อตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชติฯ
Pāḷimuttakavinicchayo panettha pattacatukkādivasena evaṃ vutto – eko kira bhikkhu parassa mahagghe patte lobhaṃ uppādetvā taṃ haritukāmo ṭhapitaṭṭhānamassa suṭṭhu sallakkhetvā attanopi pattaṃ tasseva santike ṭhapesi. So paccūsasamaye āgantvā dhammaṃ vācāpetvā niddāyamānaṃ mahātheramāha – ‘‘vandāmi, bhante’’ti. ‘‘Ko eso’’ti? ‘‘Ahaṃ, bhante, āgantukabhikkhu, kālassevamhi gantukāmo, asukasmiñca me ṭhāne īdisena nāma aṃsabaddhakena īdisāya pattatthavikāya patto ṭhapito. Sādhāhaṃ, bhante, taṃ labheyya’’nti thero pavisitvā taṃ gaṇhi. Uddhāreyeva corassa pārājikaṃ. Sace āgantvā ‘‘kosi tvaṃ avelāya āgato’’ti vutto bhīto palāyati, pārājikaṃ patvāva palāyati. Therassa pana suddhacittattā anāpatti. Thero ‘‘taṃ gaṇhissāmī’’ti aññaṃ gaṇhi, eseva nayo. Ayaṃ pana aññaṃ tādisameva gaṇhante yujjati, manussaviggahe āṇattasadisavatthusmiṃ viya. Kurundiyaṃ pana ‘‘padavārena kāretabbo’’ti vuttaṃ, taṃ atādisameva gaṇhante yujjati.
ตํ มญฺญมาโน อตฺตโน ปตฺตํ คณฺหิตฺวา อทาสิ, โจรสฺส สามิเกน ทินฺนตฺตา ปาราชิกํ นตฺถิ, อสุทฺธจิเตฺตน ปน คหิตตฺตา ทุกฺกฎํฯ ตํ มญฺญมาโน โจรเสฺสว ปตฺตํ คณฺหิตฺวา อทาสิ, อิธาปิ โจรสฺส อตฺตโน สนฺตกตฺตา ปาราชิกํ นตฺถิ, อสุทฺธจิเตฺตน ปน คหิตตฺตา ทุกฺกฎเมวฯ สพฺพตฺถ เถรสฺส อนาปตฺติฯ
Taṃ maññamāno attano pattaṃ gaṇhitvā adāsi, corassa sāmikena dinnattā pārājikaṃ natthi, asuddhacittena pana gahitattā dukkaṭaṃ. Taṃ maññamāno corasseva pattaṃ gaṇhitvā adāsi, idhāpi corassa attano santakattā pārājikaṃ natthi, asuddhacittena pana gahitattā dukkaṭameva. Sabbattha therassa anāpatti.
อปโร ‘‘ปตฺตํ โจเรสฺสามี’’ติ ตเถว นิทฺทายมานํ เถรํ วนฺทิฯ ‘‘โก อย’’นฺติ จ วุเตฺต ‘อหํ, ภเนฺต, คิลานภิกฺขุ, เอกํ ตาว เม ปตฺตํ เทถ, คามทฺวารํ คนฺตฺวา เภสชฺชํ อาหริสฺสามี’’ติฯ เถโร ‘‘อิธ คิลาโน นตฺถิ, โจโร อยํ ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘อิมํ หรตู’’ติ อตฺตโน เวริภิกฺขุสฺส ปตฺตํ นีหริตฺวา อทาสิ, ทฺวินฺนมฺปิ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํฯ ‘‘เวริภิกฺขุสฺส ปโตฺต’’ติ สญฺญาย อญฺญสฺส ปตฺตํ อุทฺธรเนฺตปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ‘‘เวริสฺสาย’’นฺติ สญฺญาย โจรเสฺสว ปตฺตํ อุทฺธริตฺวา เทติ, วุตฺตนเยเนว เถรสฺส ปาราชิกํ, โจรสฺส ทุกฺกฎํฯ อถ ‘‘เวริสฺสาย’’นฺติ มญฺญมาโน อตฺตโน ปตฺตํ เทติ, วุตฺตนเยเนว อุภินฺนมฺปิ ทุกฺกฎํฯ
Aparo ‘‘pattaṃ coressāmī’’ti tatheva niddāyamānaṃ theraṃ vandi. ‘‘Ko aya’’nti ca vutte ‘ahaṃ, bhante, gilānabhikkhu, ekaṃ tāva me pattaṃ detha, gāmadvāraṃ gantvā bhesajjaṃ āharissāmī’’ti. Thero ‘‘idha gilāno natthi, coro ayaṃ bhavissatī’’ti sallakkhetvā ‘‘imaṃ haratū’’ti attano veribhikkhussa pattaṃ nīharitvā adāsi, dvinnampi uddhāreyeva pārājikaṃ. ‘‘Veribhikkhussa patto’’ti saññāya aññassa pattaṃ uddharantepi eseva nayo. Sace pana ‘‘verissāya’’nti saññāya corasseva pattaṃ uddharitvā deti, vuttanayeneva therassa pārājikaṃ, corassa dukkaṭaṃ. Atha ‘‘verissāya’’nti maññamāno attano pattaṃ deti, vuttanayeneva ubhinnampi dukkaṭaṃ.
เอโก มหาเถโร อุปฎฺฐากํ ทหรภิกฺขุํ ‘‘ปตฺตจีวรํ คณฺห, อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ อาหฯ ทหโร คเหตฺวา เถรสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉโนฺต เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สเจ สีเส ภารํ ขเนฺธ กโรติ, ปาราชิกํ นตฺถิฯ กสฺมา? อาณตฺติยา คหิตตฺตาฯ สเจ ปน มคฺคโต โอกฺกมฺม อฎวิํ ปวิสติ, ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ อถ นิวตฺติตฺวา วิหาราภิมุโข ปลายิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา คจฺฉติ, อุปจาราติกฺกเม ปาราชิกํฯ อถาปิ มหาเถรสฺส นิวาสนปริวตฺตนฎฺฐานโต คามาภิมุโข ปลายติ, คามูปจาราติกฺกเม ปาราชิกํฯ ยทิ ปน อุโภปิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุญฺชิตฺวา วา คเหตฺวา วา นิกฺขมนฺติ, เถโร จ ปุนปิ ตํ วทติ – ‘‘ปตฺตจีวรํ คณฺห, วิหารํ คมิสฺสามา’’ติฯ ตตฺร เจ โส ปุริมนเยเนว เถยฺยจิเตฺตน สีเส ภารํ ขเนฺธ กโรติ, รกฺขติ ตาวฯ อฎวิํ ปวิสติ, ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ นิวตฺติตฺวา คามาภิมุโข เอว ปลายติ, คามูปจาราติกฺกเม ปาราชิกํฯ ปุรโต วิหาราภิมุโข ปลายิตฺวา วิหาเร อฎฺฐตฺวา อนิสีทิตฺวา อวูปสเนฺตเนว เถยฺยจิเตฺตน คจฺฉติ, อุปจาราติกฺกเม ปาราชิกํฯ โย ปน อนาณโตฺต คณฺหาติ, ตสฺส สีเส ภารํ ขเนฺธ กรณาทีสุปิ ปาราชิกํฯ เสสํ ปุริมสทิสเมวฯ
Eko mahāthero upaṭṭhākaṃ daharabhikkhuṃ ‘‘pattacīvaraṃ gaṇha, asukaṃ nāma gāmaṃ gantvā piṇḍāya carissāmā’’ti āha. Daharo gahetvā therassa pacchato pacchato gacchanto theyyacittaṃ uppādetvā sace sīse bhāraṃ khandhe karoti, pārājikaṃ natthi. Kasmā? Āṇattiyā gahitattā. Sace pana maggato okkamma aṭaviṃ pavisati, padavārena kāretabbo. Atha nivattitvā vihārābhimukho palāyitvā vihāraṃ pavisitvā gacchati, upacārātikkame pārājikaṃ. Athāpi mahātherassa nivāsanaparivattanaṭṭhānato gāmābhimukho palāyati, gāmūpacārātikkame pārājikaṃ. Yadi pana ubhopi piṇḍāya caritvā bhuñjitvā vā gahetvā vā nikkhamanti, thero ca punapi taṃ vadati – ‘‘pattacīvaraṃ gaṇha, vihāraṃ gamissāmā’’ti. Tatra ce so purimanayeneva theyyacittena sīse bhāraṃ khandhe karoti, rakkhati tāva. Aṭaviṃ pavisati, padavārena kāretabbo. Nivattitvā gāmābhimukho eva palāyati, gāmūpacārātikkame pārājikaṃ. Purato vihārābhimukho palāyitvā vihāre aṭṭhatvā anisīditvā avūpasanteneva theyyacittena gacchati, upacārātikkame pārājikaṃ. Yo pana anāṇatto gaṇhāti, tassa sīse bhāraṃ khandhe karaṇādīsupi pārājikaṃ. Sesaṃ purimasadisameva.
โย ปน ‘‘อสุกํ นาม วิหารํ คนฺตฺวา จีวรํ โธวิตฺวา รชิตฺวา วา เอหี’’ติ วุโตฺต ‘‘สาธู’’ติ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตสฺสปิ อนฺตรามเคฺค เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สีเส ภารํ ขเนฺธ กรณาทีสุ ปาราชิกํ นตฺถิฯ มคฺคา โอกฺกมเน ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ ตํ วิหารํ คนฺตฺวา ตเตฺถว วสโนฺต เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปติ, โจรา วา ตสฺส ตํ หรนฺติ, อวหาโร นตฺถิ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ ตโต นิกฺขมิตฺวา อาคจฺฉโตปิ เอเสว นโยฯ
Yo pana ‘‘asukaṃ nāma vihāraṃ gantvā cīvaraṃ dhovitvā rajitvā vā ehī’’ti vutto ‘‘sādhū’’ti gahetvā gacchati, tassapi antarāmagge theyyacittaṃ uppādetvā sīse bhāraṃ khandhe karaṇādīsu pārājikaṃ natthi. Maggā okkamane padavārena kāretabbo. Taṃ vihāraṃ gantvā tattheva vasanto theyyacittena paribhuñjanto jīrāpeti, corā vā tassa taṃ haranti, avahāro natthi, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Tato nikkhamitvā āgacchatopi eseva nayo.
โย ปน อนาณโตฺต เถเรน นิมิเตฺต วา กเต สยเมว วา กิลิฎฺฐํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เทถ, ภเนฺต, จีวรํ; อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา รชิตฺวา อาหริสฺสามี’’ติ คเหตฺวา คจฺฉติ; ตสฺส อนฺตรามเคฺค เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สีเส ภารํ ขเนฺธ กรณาทีสุ ปาราชิกํฯ กสฺมา? อนาณตฺติยา คหิตตฺตาฯ มคฺคา โอกฺกมโตปิ ปฎินิวตฺติตฺวา ตเมว วิหารํ อาคนฺตฺวา วิหารสีมํ อติกฺกมโตปิ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํฯ ตตฺถ คนฺตฺวา รชิตฺวา ปจฺจาคจฺฉโตปิ เถยฺยจิเตฺต อุปฺปเนฺน เอเสว นโยฯ สเจ ปน ยตฺถ คโต, ตตฺถ วา อนฺตรามเคฺค วิหาเร วา ตเมว วิหารํ ปจฺจาคนฺตฺวา ตสฺส เอกปเสฺส วา อุปจารสีมํ อนติกฺกมิตฺวา วสโนฺต เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปติ, โจรา วา ตสฺส ตํ หรนฺติ, ยถา วา ตถา วา นสฺสติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ อุปจารสีมํ อติกฺกมโต ปน ปาราชิกํฯ
Yo pana anāṇatto therena nimitte vā kate sayameva vā kiliṭṭhaṃ sallakkhetvā ‘‘detha, bhante, cīvaraṃ; asukaṃ nāma gāmaṃ gantvā rajitvā āharissāmī’’ti gahetvā gacchati; tassa antarāmagge theyyacittaṃ uppādetvā sīse bhāraṃ khandhe karaṇādīsu pārājikaṃ. Kasmā? Anāṇattiyā gahitattā. Maggā okkamatopi paṭinivattitvā tameva vihāraṃ āgantvā vihārasīmaṃ atikkamatopi vuttanayeneva pārājikaṃ. Tattha gantvā rajitvā paccāgacchatopi theyyacitte uppanne eseva nayo. Sace pana yattha gato, tattha vā antarāmagge vihāre vā tameva vihāraṃ paccāgantvā tassa ekapasse vā upacārasīmaṃ anatikkamitvā vasanto theyyacittena paribhuñjanto jīrāpeti, corā vā tassa taṃ haranti, yathā vā tathā vā nassati, bhaṇḍadeyyaṃ. Upacārasīmaṃ atikkamato pana pārājikaṃ.
โย ปน เถเรน นิมิเตฺต กยิรมาเน ‘‘เทถ, ภเนฺต, อหํ รชิตฺวา อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา, ภเนฺต, รชามี’’ติ ปุจฺฉติฯ เถโร จ นํ ‘‘ยตฺถ อิจฺฉสิ, ตตฺถ คนฺตฺวา รชาหี’’ติ วทติ, อยํ ‘‘วิสฺสฎฺฐทูโต’’ นามฯ เถยฺยจิเตฺตน ปลายโนฺตปิ น อวหาเรน กาเรตโพฺพฯ เถยฺยจิเตฺตน ปน ปลายโตปิ ปริโภเคน วา อญฺญถา วา นาสยโตปิ ภณฺฑเทยฺยเมว โหติฯ ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส หเตฺถ กิญฺจิ ปริกฺขารํ ปหิณติ – ‘‘อสุกวิหาเร อสุกภิกฺขุสฺส เทหี’’ติ, ตสฺส เถยฺยจิเตฺต อุปฺปเนฺน สพฺพฎฺฐาเนสุ ‘‘อสุกํ นาม วิหารํ คนฺตฺวา จีวรํ โธวิตฺวา รชิตฺวา วา เอหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตสทิโส วินิจฺฉโยฯ
Yo pana therena nimitte kayiramāne ‘‘detha, bhante, ahaṃ rajitvā āharissāmī’’ti vatvā ‘‘kattha gantvā, bhante, rajāmī’’ti pucchati. Thero ca naṃ ‘‘yattha icchasi, tattha gantvā rajāhī’’ti vadati, ayaṃ ‘‘vissaṭṭhadūto’’ nāma. Theyyacittena palāyantopi na avahārena kāretabbo. Theyyacittena pana palāyatopi paribhogena vā aññathā vā nāsayatopi bhaṇḍadeyyameva hoti. Bhikkhu bhikkhussa hatthe kiñci parikkhāraṃ pahiṇati – ‘‘asukavihāre asukabhikkhussa dehī’’ti, tassa theyyacitte uppanne sabbaṭṭhānesu ‘‘asukaṃ nāma vihāraṃ gantvā cīvaraṃ dhovitvā rajitvā vā ehī’’ti ettha vuttasadiso vinicchayo.
อปโร ภิกฺขุํ ปหิณิตุกาโม นิมิตฺตํ กโรติ – ‘‘โก นุ โข คเหตฺวา คมิสฺสตี’’ติ, ตตฺร เจ เอโก – ‘‘เทถ, ภเนฺต, อหํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส เถยฺยจิเตฺต อุปฺปเนฺน สพฺพฎฺฐาเนสุ ‘‘เทถ, ภเนฺต, จีวรํ, อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา รชิตฺวา อาหริสฺสามี’’ติ เอตฺถ วุตฺตสทิโส วินิจฺฉโยฯ เถเรน จีวรตฺถาย วตฺถํ ลภิตฺวา อุปฎฺฐากกุเล ฐปิตํ โหติฯ อถสฺส อเนฺตวาสิโก วตฺถํ หริตุกาโม ตตฺร คนฺตฺวา ‘‘ตํ กิร วตฺถํ เทถา’’ติ เถเรน เปสิโต วิย วทติ; ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา อุปาสเกน ฐปิตํ อุปาสิกา วา, อุปาสิกาย ฐปิตํ อุปาสโก วา อโญฺญ วา, โกจิ นีหริตฺวา เทติ, อุทฺธาเรเยวสฺส ปาราชิกํฯ สเจ ปน เถรสฺส อุปฎฺฐาเกหิ ‘‘อิมํ เถรสฺส ทสฺสามา’’ติ อตฺตโน วตฺถํ ฐปิตํ โหติฯ อถสฺส อเนฺตวาสิโก ตํ หริตุกาโม ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เถรสฺส กิร วตฺถํ ทาตุกามตฺถ, ตํ เทถา’’ติ วทติฯ เต จสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘มยํ, ภเนฺต, โภเชตฺวา ทสฺสามาติ ฐปยิมฺห, หนฺท คณฺหาหี’’ติ เทนฺติฯ สามิเกหิ ทินฺนตฺตา ปาราชิกํ นตฺถิ, อสุทฺธจิเตฺตน ปน คหิตตฺตา ทุกฺกฎํ, ภณฺฑเทยฺยญฺจ โหติฯ
Aparo bhikkhuṃ pahiṇitukāmo nimittaṃ karoti – ‘‘ko nu kho gahetvā gamissatī’’ti, tatra ce eko – ‘‘detha, bhante, ahaṃ gahetvā gamissāmī’’ti gahetvā gacchati, tassa theyyacitte uppanne sabbaṭṭhānesu ‘‘detha, bhante, cīvaraṃ, asukaṃ nāma gāmaṃ gantvā rajitvā āharissāmī’’ti ettha vuttasadiso vinicchayo. Therena cīvaratthāya vatthaṃ labhitvā upaṭṭhākakule ṭhapitaṃ hoti. Athassa antevāsiko vatthaṃ haritukāmo tatra gantvā ‘‘taṃ kira vatthaṃ dethā’’ti therena pesito viya vadati; tassa vacanaṃ saddahitvā upāsakena ṭhapitaṃ upāsikā vā, upāsikāya ṭhapitaṃ upāsako vā añño vā, koci nīharitvā deti, uddhāreyevassa pārājikaṃ. Sace pana therassa upaṭṭhākehi ‘‘imaṃ therassa dassāmā’’ti attano vatthaṃ ṭhapitaṃ hoti. Athassa antevāsiko taṃ haritukāmo tattha gantvā ‘‘therassa kira vatthaṃ dātukāmattha, taṃ dethā’’ti vadati. Te cassa saddahitvā ‘‘mayaṃ, bhante, bhojetvā dassāmāti ṭhapayimha, handa gaṇhāhī’’ti denti. Sāmikehi dinnattā pārājikaṃ natthi, asuddhacittena pana gahitattā dukkaṭaṃ, bhaṇḍadeyyañca hoti.
ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส วตฺวา คามํ คจฺฉติ, ‘‘อิตฺถนฺนาโม มม วสฺสาวาสิกํ ทสฺสติ, ตํ คเหตฺวา ฐเปยฺยาสี’’ติฯ ‘‘สาธู’’ติ โส ภิกฺขุ เตน ทินฺนํ มหคฺฆสาฎกํ อตฺตนา ลเทฺธน อปฺปคฺฆสาฎเกน สทฺธิํ ฐเปตฺวา เตน อาคเตน อตฺตโน มหคฺฆสาฎกสฺส ลทฺธภาวํ ญตฺวา วา อญตฺวา วา ‘‘เทหิ เม วสฺสาวาสิก’’นฺติ วุโตฺต ‘‘ตว ถูลสาฎโก ลโทฺธ, มยฺหํ ปน สาฎโก มหโคฺฆ, เทฺวปิ อสุกสฺมิํ นาม โอกาเส ฐปิตา, ปวิสิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วทติฯ เตน ปวิสิตฺวา ถูลสาฎเก คหิเต อิตรสฺส อิตรํ คณฺหโต อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ อถาปิ ตสฺส สาฎเก อตฺตโน นามํ อตฺตโน จ สาฎเก ตสฺส นามํ ลิขิตฺวา ‘‘คจฺฉ นามํ วาเจตฺวา คณฺหาหี’’ติ วทติ, ตตฺราปิ เอเสว นโยฯ โย ปน อตฺตนา จ เตน จ ลทฺธสาฎเก เอกโต ฐเปตฺวา ตํ เอวํ วทติ – ‘‘ตยา จ มยา จ ลทฺธสาฎกา เทฺวปิ อโนฺตคเพฺภ ฐปิตา, คจฺฉ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วิจินิตฺวา คณฺหาหี’’ติฯ โส จ ลชฺชาย อาวาสิเกน ลทฺธํ ถูลสาฎกเมว คเณฺหยฺย, ตตฺราวาสิกสฺส วิจินิตฺวา คหิตาวเสสํ อิตรํ คณฺหโต อนาปตฺติฯ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ อาวาสิกานํ จีวรกมฺมํ กโรนฺตานํ สมีเป ปตฺตจีวรํ ฐเปตฺวา ‘‘เอเต สโงฺคเปสฺสนฺตี’’ติ มญฺญมาโน นฺหายิตุํ วา อญฺญตฺร วา คจฺฉติฯ สเจ นํ อาวาสิกา สโงฺคเปนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ, นเฎฺฐ คีวา น โหติฯ สเจปิ โส ‘‘อิทํ, ภเนฺต, ฐเปถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติ, อิตเร จ สกิจฺจปฺปสุตตฺตา น ชานนฺติ, เอเสว นโยฯ อถาปิ เต ‘‘อิทํ, ภเนฺต, ฐเปถา’’ติ วุตฺตา ‘‘มยํ พฺยาวฎา’’ติ ปฎิกฺขิปนฺติ, อิตโร จ ‘‘อวสฺสํ ฐเปสฺสนฺตี’’ติ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ, เอเสว นโยฯ สเจ ปน เตน ยาจิตา วา อยาจิตา วา ‘‘มยํ ฐเปสฺสาม, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ วทนฺติ; ตํ สโงฺคปิตพฺพํฯ โน เจ สโงฺคเปนฺติ, นเฎฺฐ คีวาฯ กสฺมา? สมฺปฎิจฺฉิตตฺตาฯ
Bhikkhu bhikkhussa vatvā gāmaṃ gacchati, ‘‘itthannāmo mama vassāvāsikaṃ dassati, taṃ gahetvā ṭhapeyyāsī’’ti. ‘‘Sādhū’’ti so bhikkhu tena dinnaṃ mahagghasāṭakaṃ attanā laddhena appagghasāṭakena saddhiṃ ṭhapetvā tena āgatena attano mahagghasāṭakassa laddhabhāvaṃ ñatvā vā añatvā vā ‘‘dehi me vassāvāsika’’nti vutto ‘‘tava thūlasāṭako laddho, mayhaṃ pana sāṭako mahaggho, dvepi asukasmiṃ nāma okāse ṭhapitā, pavisitvā gaṇhāhī’’ti vadati. Tena pavisitvā thūlasāṭake gahite itarassa itaraṃ gaṇhato uddhāre pārājikaṃ. Athāpi tassa sāṭake attano nāmaṃ attano ca sāṭake tassa nāmaṃ likhitvā ‘‘gaccha nāmaṃ vācetvā gaṇhāhī’’ti vadati, tatrāpi eseva nayo. Yo pana attanā ca tena ca laddhasāṭake ekato ṭhapetvā taṃ evaṃ vadati – ‘‘tayā ca mayā ca laddhasāṭakā dvepi antogabbhe ṭhapitā, gaccha yaṃ icchasi, taṃ vicinitvā gaṇhāhī’’ti. So ca lajjāya āvāsikena laddhaṃ thūlasāṭakameva gaṇheyya, tatrāvāsikassa vicinitvā gahitāvasesaṃ itaraṃ gaṇhato anāpatti. Āgantuko bhikkhu āvāsikānaṃ cīvarakammaṃ karontānaṃ samīpe pattacīvaraṃ ṭhapetvā ‘‘ete saṅgopessantī’’ti maññamāno nhāyituṃ vā aññatra vā gacchati. Sace naṃ āvāsikā saṅgopenti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce, naṭṭhe gīvā na hoti. Sacepi so ‘‘idaṃ, bhante, ṭhapethā’’ti vatvā gacchati, itare ca sakiccappasutattā na jānanti, eseva nayo. Athāpi te ‘‘idaṃ, bhante, ṭhapethā’’ti vuttā ‘‘mayaṃ byāvaṭā’’ti paṭikkhipanti, itaro ca ‘‘avassaṃ ṭhapessantī’’ti anādiyitvā gacchati, eseva nayo. Sace pana tena yācitā vā ayācitā vā ‘‘mayaṃ ṭhapessāma, tvaṃ gacchā’’ti vadanti; taṃ saṅgopitabbaṃ. No ce saṅgopenti, naṭṭhe gīvā. Kasmā? Sampaṭicchitattā.
โย ภิกฺขุ ภณฺฑาคาริโก หุตฺวา ปจฺจูสสมเย เอว ภิกฺขูนํ ปตฺตจีวรานิ เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรเปตฺวา ทฺวารํ อปิทหิตฺวา เตสมฺปิ อนาโรเจตฺวาว ทูเร ภิกฺขาจารํ คจฺฉติ; ตานิ เจ โจรา หรนฺติ, ตเสฺสว คีวาฯ โย ปน ภิกฺขูหิ ‘‘โอโรเปถ, ภเนฺต, ปตฺตจีวรานิ; กาโล สลากคฺคหณสฺสา’’ติ วุโตฺต ‘‘สมาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, สมาคตมฺหา’’ติ วุเตฺต ปตฺตจีวรานิ นีหริตฺวา นิกฺขิปิตฺวา ภณฺฑาคารทฺวารํ พนฺธิตฺวา ‘‘ตุเมฺห ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวา เหฎฺฐาปาสาททฺวารํ ปฎิชคฺคิตฺวา คเจฺฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติฯ ตตฺร เจโก อลสชาติโก ภิกฺขุ ภิกฺขูสุ คเตสุ ปจฺฉา อกฺขีนิ ปุญฺฉโนฺต อุฎฺฐหิตฺวา อุทกฎฺฐานํ มุขโธวนตฺถํ คจฺฉติ, ตํ ขณํ ทิสฺวา โจรา ตสฺส ปตฺตจีวรํ หรนฺติ, สุหฎํฯ ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติฯ
Yo bhikkhu bhaṇḍāgāriko hutvā paccūsasamaye eva bhikkhūnaṃ pattacīvarāni heṭṭhāpāsādaṃ oropetvā dvāraṃ apidahitvā tesampi anārocetvāva dūre bhikkhācāraṃ gacchati; tāni ce corā haranti, tasseva gīvā. Yo pana bhikkhūhi ‘‘oropetha, bhante, pattacīvarāni; kālo salākaggahaṇassā’’ti vutto ‘‘samāgatatthā’’ti pucchitvā ‘‘āma, samāgatamhā’’ti vutte pattacīvarāni nīharitvā nikkhipitvā bhaṇḍāgāradvāraṃ bandhitvā ‘‘tumhe pattacīvarāni gahetvā heṭṭhāpāsādadvāraṃ paṭijaggitvā gaccheyyāthā’’ti vatvā gacchati. Tatra ceko alasajātiko bhikkhu bhikkhūsu gatesu pacchā akkhīni puñchanto uṭṭhahitvā udakaṭṭhānaṃ mukhadhovanatthaṃ gacchati, taṃ khaṇaṃ disvā corā tassa pattacīvaraṃ haranti, suhaṭaṃ. Bhaṇḍāgārikassa gīvā na hoti.
สเจปิ โกจิ ภณฺฑาคาริกสฺส อนาโรเจตฺวาว ภณฺฑาคาเร อตฺตโน ปริกฺขารํ ฐเปติ, ตสฺมิมฺปิ นเฎฺฐ ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติฯ สเจ ปน ภณฺฑาคาริโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อฎฺฐาเน ฐปิต’’นฺติ คเหตฺวา ฐเปติ, นเฎฺฐ ตสฺส คีวาฯ สเจปิ ฐปิตภิกฺขุนา ‘‘มยา, ภเนฺต, อีทิโส นาม ปริกฺขาโร ฐปิโต, อุปธาเรยฺยาถา’’ติ วุโตฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉติ, ทุนฺนิกฺขิตฺตํ วา มญฺญมาโน อญฺญสฺมิํ ฐาเน ฐเปติ, ตเสฺสว คีวาฯ ‘‘นาหํ ชานามี’’ติ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปน นตฺถิ คีวาฯ โยปิ ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว ฐเปติ, ภณฺฑาคาริกญฺจ น สมฺปฎิจฺฉาเปติ , นฎฺฐํ สุนฎฺฐเมวฯ สเจ ตํ ภณฺฑาคาริโก อญฺญตฺร ฐเปติ, นเฎฺฐ คีวาฯ สเจ ภณฺฑาคารํ สุคุตฺตํ, สโพฺพ สงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จ ปริกฺขาโร ตเตฺถว ฐปียติ, ภณฺฑาคาริโก จ พาโล อพฺยโตฺต ทฺวารํ วิวริตฺวา ธมฺมกถํ วา โสตุํ, อญฺญํ วา กิญฺจิ กาตุํ กตฺถจิ คจฺฉติ, ตํ ขณํ ทิสฺวา ยตฺตกํ โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตสฺส คีวาฯ ภณฺฑาคารโต นิกฺขมิตฺวา พหิ จงฺกมนฺตสฺส วา ทฺวารํ วิวริตฺวา สรีรํ อุตุํ คาหาเปนฺตสฺส วา ตเตฺถว สมณธมฺมานุโยเคน นิสินฺนสฺส วา ตเตฺถว นิสีทิตฺวา เกนจิ กเมฺมน พฺยาวฎสฺส วา อุจฺจารปสฺสาวปีฬิตสฺสาปิ ตโต ตเตฺถว อุปจาเร วิชฺชมาเน พหิ คจฺฉโต วา อเญฺญน วา เกนจิ อากาเรน ปมตฺตสฺส สโต ทฺวารํ วิวริตฺวา วา วิวฎเมว ปวิสิตฺวา วา สนฺธิํ ฉินฺทิตฺวา วา ยตฺตกํ ตสฺส ปมาทปจฺจยา โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตเสฺสว คีวาฯ อุณฺหสมเย ปน วาตปานํ วิวริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ อุจฺจารปีฬิตสฺส ปน ตสฺมิํ อุปจาเร อสติ อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตสฺส คิลานปเกฺข ฐิตตฺตา อวิสโย; ตสฺมา คีวา น โหติฯ
Sacepi koci bhaṇḍāgārikassa anārocetvāva bhaṇḍāgāre attano parikkhāraṃ ṭhapeti, tasmimpi naṭṭhe bhaṇḍāgārikassa gīvā na hoti. Sace pana bhaṇḍāgāriko taṃ disvā ‘‘aṭṭhāne ṭhapita’’nti gahetvā ṭhapeti, naṭṭhe tassa gīvā. Sacepi ṭhapitabhikkhunā ‘‘mayā, bhante, īdiso nāma parikkhāro ṭhapito, upadhāreyyāthā’’ti vutto ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchati, dunnikkhittaṃ vā maññamāno aññasmiṃ ṭhāne ṭhapeti, tasseva gīvā. ‘‘Nāhaṃ jānāmī’’ti paṭikkhipantassa pana natthi gīvā. Yopi tassa passantasseva ṭhapeti, bhaṇḍāgārikañca na sampaṭicchāpeti , naṭṭhaṃ sunaṭṭhameva. Sace taṃ bhaṇḍāgāriko aññatra ṭhapeti, naṭṭhe gīvā. Sace bhaṇḍāgāraṃ suguttaṃ, sabbo saṅghassa ca cetiyassa ca parikkhāro tattheva ṭhapīyati, bhaṇḍāgāriko ca bālo abyatto dvāraṃ vivaritvā dhammakathaṃ vā sotuṃ, aññaṃ vā kiñci kātuṃ katthaci gacchati, taṃ khaṇaṃ disvā yattakaṃ corā haranti, sabbaṃ tassa gīvā. Bhaṇḍāgārato nikkhamitvā bahi caṅkamantassa vā dvāraṃ vivaritvā sarīraṃ utuṃ gāhāpentassa vā tattheva samaṇadhammānuyogena nisinnassa vā tattheva nisīditvā kenaci kammena byāvaṭassa vā uccārapassāvapīḷitassāpi tato tattheva upacāre vijjamāne bahi gacchato vā aññena vā kenaci ākārena pamattassa sato dvāraṃ vivaritvā vā vivaṭameva pavisitvā vā sandhiṃ chinditvā vā yattakaṃ tassa pamādapaccayā corā haranti, sabbaṃ tasseva gīvā. Uṇhasamaye pana vātapānaṃ vivaritvā nipajjituṃ vaṭṭatīti vadanti. Uccārapīḷitassa pana tasmiṃ upacāre asati aññattha gacchantassa gilānapakkhe ṭhitattā avisayo; tasmā gīvā na hoti.
โย ปน อโนฺต อุณฺหปีฬิโต ทฺวารํ สุคุตฺตํ กตฺวา พหิ นิกฺขมติ, โจรา จ นํ คเหตฺวา ‘‘ทฺวารํ วิวรา’’ติ วทนฺติ, ยาว ตติยํ น วิวริตพฺพํฯ ยทิ ปน เต โจรา ‘‘สเจ น วิวรสิ, ตญฺจ มาเรสฺสาม, ทฺวารญฺจ ภินฺทิตฺวา ปริกฺขารํ หริสฺสามา’’ติ ผรสุอาทีนิ อุกฺขิปนฺติฯ ‘‘มยิ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินเฎฺฐ คุโณ นตฺถี’’ติ วิวริตุํ วฎฺฎติฯ อิธาปิ อวิสยตฺตา คีวา นตฺถีติ วทนฺติฯ สเจ โกจิ อาคนฺตุโก กุญฺจิกํ วา เทติ, ทฺวารํ วา วิวรติ, ยตฺตกํ โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตสฺส คีวาฯ สเงฺฆน ภณฺฑาคารคุตฺตตฺถาย สูจิยนฺตกญฺจ กุญฺจิกมุทฺทิกา จ โยเชตฺวา ทินฺนา โหติ, ภณฺฑาคาริโก ฆฎิกมตฺตํ ทตฺวา นิปชฺชติ, โจรา วิวริตฺวา ปริกฺขารํ หรนฺติ, ตเสฺสว คีวาฯ สูจิยนฺตกญฺจ กุญฺจิกมุทฺทิกญฺจ โยเชตฺวา นิปนฺนํ ปเนตํ สเจ โจรา อาคนฺตฺวา ‘‘วิวรา’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ปุริมนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ เอวํ คุตฺตํ กตฺวา นิปเนฺน ปน สเจ ภิตฺติํ วา ฉทนํ วา ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน วา ปวิสิตฺวา หรนฺติ, น ตสฺส คีวาฯ สเจ ภณฺฑาคาเร อเญฺญปิ เถรา วสนฺติ, วิวเฎ ทฺวาเร อตฺตโน อตฺตโน ปริกฺขารํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, ภณฺฑาคาริโก เตสุ คเตสุ ทฺวารํ น ชคฺคติ, สเจ ตตฺถ กิญฺจิ อวหรียติ, ภณฺฑาคาริกสฺส อิสฺสรตาย ภณฺฑาคาริกเสฺสว คีวาฯ เถเรหิ ปน สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ อยํ ตตฺถ สามีจิฯ
Yo pana anto uṇhapīḷito dvāraṃ suguttaṃ katvā bahi nikkhamati, corā ca naṃ gahetvā ‘‘dvāraṃ vivarā’’ti vadanti, yāva tatiyaṃ na vivaritabbaṃ. Yadi pana te corā ‘‘sace na vivarasi, tañca māressāma, dvārañca bhinditvā parikkhāraṃ harissāmā’’ti pharasuādīni ukkhipanti. ‘‘Mayi ca mate saṅghassa ca senāsane vinaṭṭhe guṇo natthī’’ti vivarituṃ vaṭṭati. Idhāpi avisayattā gīvā natthīti vadanti. Sace koci āgantuko kuñcikaṃ vā deti, dvāraṃ vā vivarati, yattakaṃ corā haranti, sabbaṃ tassa gīvā. Saṅghena bhaṇḍāgāraguttatthāya sūciyantakañca kuñcikamuddikā ca yojetvā dinnā hoti, bhaṇḍāgāriko ghaṭikamattaṃ datvā nipajjati, corā vivaritvā parikkhāraṃ haranti, tasseva gīvā. Sūciyantakañca kuñcikamuddikañca yojetvā nipannaṃ panetaṃ sace corā āgantvā ‘‘vivarā’’ti vadanti, tattha purimanayeneva paṭipajjitabbaṃ. Evaṃ guttaṃ katvā nipanne pana sace bhittiṃ vā chadanaṃ vā bhinditvā umaṅgena vā pavisitvā haranti, na tassa gīvā. Sace bhaṇḍāgāre aññepi therā vasanti, vivaṭe dvāre attano attano parikkhāraṃ gahetvā gacchanti, bhaṇḍāgāriko tesu gatesu dvāraṃ na jaggati, sace tattha kiñci avaharīyati, bhaṇḍāgārikassa issaratāya bhaṇḍāgārikasseva gīvā. Therehi pana sahāyehi bhavitabbaṃ. Ayaṃ tattha sāmīci.
ยทิ ภณฺฑาคาริโก ‘‘ตุเมฺห พหิ ฐตฺวาว ตุมฺหากํ ปริกฺขารํ คณฺหถ, มา ปวิสิตฺถา’’ติ วทติ, เตสญฺจ เอโก โลลมหาเถโร สามเณเรหิ เจว อุปฎฺฐาเกหิ จ สทฺธิํ ภณฺฑาคารํ ปวิสิตฺวา นิสีทติ เจว นิปชฺชติ จ, ยตฺตกํ ภณฺฑํ นสฺสติ, สพฺพํ ตสฺส คีวาฯ ภณฺฑาคาริเกน ปน อวเสสเตฺถเรหิ จ สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ อถ ภณฺฑาคาริโกว โลลสามเณเร จ อุปฎฺฐาเก จ คเหตฺวา ภณฺฑาคาเร นิสีทติ เจว นิปชฺชติ จ, ยํ ตตฺถ นสฺสติ, สพฺพํ ตเสฺสว คีวาฯ ตสฺมา ภณฺฑาคาริเกเนว ตตฺถ วสิตพฺพํฯ อวเสเสหิ อเปฺปว รุกฺขมูเล วสิตพฺพํ, น จ ภณฺฑาคาเรติฯ
Yadi bhaṇḍāgāriko ‘‘tumhe bahi ṭhatvāva tumhākaṃ parikkhāraṃ gaṇhatha, mā pavisitthā’’ti vadati, tesañca eko lolamahāthero sāmaṇerehi ceva upaṭṭhākehi ca saddhiṃ bhaṇḍāgāraṃ pavisitvā nisīdati ceva nipajjati ca, yattakaṃ bhaṇḍaṃ nassati, sabbaṃ tassa gīvā. Bhaṇḍāgārikena pana avasesattherehi ca sahāyehi bhavitabbaṃ. Atha bhaṇḍāgārikova lolasāmaṇere ca upaṭṭhāke ca gahetvā bhaṇḍāgāre nisīdati ceva nipajjati ca, yaṃ tattha nassati, sabbaṃ tasseva gīvā. Tasmā bhaṇḍāgārikeneva tattha vasitabbaṃ. Avasesehi appeva rukkhamūle vasitabbaṃ, na ca bhaṇḍāgāreti.
เย ปน อตฺตโน อตฺตโน สภาคภิกฺขูนํ วสนคเพฺภสุ ปริกฺขารํ ฐเปนฺติ, ปริกฺขาเร นเฎฺฐ เยหิ ฐปิโต, เตสํเยว คีวาฯ อิตเรหิ ปน สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ ยทิ ปน สโงฺฆ ภณฺฑาคาริกสฺส วิหาเรเยว ยาคุภตฺตํ ทาเปติ, โส จ ภิกฺขาจารตฺถาย คามํ คจฺฉติ, นฎฺฐํ ตเสฺสว คีวาฯ ภิกฺขาจารํ ปวิสเนฺตหิ อติเรกจีวรรกฺขณตฺถาย ฐปิตวิหารวาริกสฺสาปิ ยาคุภตฺตํ วา นิวาปํ วา ลภมานเสฺสว ภิกฺขาจารํ คจฺฉโต ยํ ตตฺถ นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ น เกวลญฺจ เอตฺตกเมว, ภณฺฑาคาริกสฺส วิย ยํ ตสฺส ปมาทปฺปจฺจยา นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ
Ye pana attano attano sabhāgabhikkhūnaṃ vasanagabbhesu parikkhāraṃ ṭhapenti, parikkhāre naṭṭhe yehi ṭhapito, tesaṃyeva gīvā. Itarehi pana sahāyehi bhavitabbaṃ. Yadi pana saṅgho bhaṇḍāgārikassa vihāreyeva yāgubhattaṃ dāpeti, so ca bhikkhācāratthāya gāmaṃ gacchati, naṭṭhaṃ tasseva gīvā. Bhikkhācāraṃ pavisantehi atirekacīvararakkhaṇatthāya ṭhapitavihāravārikassāpi yāgubhattaṃ vā nivāpaṃ vā labhamānasseva bhikkhācāraṃ gacchato yaṃ tattha nassati, sabbaṃ gīvā. Na kevalañca ettakameva, bhaṇḍāgārikassa viya yaṃ tassa pamādappaccayā nassati, sabbaṃ gīvā.
สเจ วิหาโร มหา โหติ, อญฺญํ ปเทสํ รกฺขิตุํ คจฺฉนฺตสฺส อญฺญสฺมิํ ปเทเส นิกฺขิตฺตํ หรนฺติ, อวิสยตฺตา คีวา น โหติฯ อีทิเส ปน วิหาเร เวมเชฺฌ สเพฺพสํ โอสรณฎฺฐาเน ปริกฺขาเร ฐเปตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ วิหารวาริกา วา เทฺว ตโย ฐเปตพฺพาฯ สเจ เตสํ อปฺปมตฺตานํ อิโต จิโต จ รกฺขตํเยว กิญฺจิ นสฺสติ, คีวา น โหติฯ วิหารวาริเก พนฺธิตฺวา หริตภณฺฑมฺปิ โจรานํ ปฎิปถํ คเตสุ อเญฺญน มเคฺคน หริตภณฺฑมฺปิ น เตสํ คีวาฯ สเจ วิหารวาริกานํ วิหาเร ทาตพฺพํ ยาคุภตฺตํ วา นิวาโป วา น โหติ, เตหิ ปตฺตพฺพลาภโต อติเรกา เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากา, เตสํ ปโหนกภตฺตสลากา จ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ นิพทฺธํ กตฺวา ปน น ฐเปตพฺพา, มนุสฺสา หิ วิปฺปฎิสาริโน โหนฺติ, ‘‘วิหารวาริกาเยว อมฺหากํ ภตฺตํ ภุญฺชนฺตี’’ติฯ ตสฺมา ปริวเตฺตตฺวา ฐเปตพฺพาฯ สเจ เตสํ สภาคา สลากภตฺตานิ อาหริตฺวา เทนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ เทนฺติ, วารํ คาหาเปตฺวา นีหราเปตพฺพานิฯ สเจ วิหารวาริโก เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากา, จตฺตาริ ปญฺจ สลากภตฺตานิ จ ลภมาโนว ภิกฺขาจารํ คจฺฉติ, ภณฺฑาคาริกสฺส วิย สพฺพํ นฎฺฐํ คีวา โหติฯ สเจ สงฺฆสฺส วิหารปาลานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ วา นิวาโป วา นตฺถิ, ภิกฺขู วิหารวารํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นิสฺสิตเก ชเคฺคนฺติ, สมฺปตฺตวารํ อคฺคเหตุํ น ลภนฺติ, ยถา อเญฺญ ภิกฺขู กโรนฺติ, ตเถว กาตพฺพํฯ ภิกฺขูหิ ปน อสหายกสฺส วา อตฺตทุติยสฺส วา ยสฺส สภาโค ภิกฺขุ ภตฺตํ อาเนตฺวา ทาตา นตฺถิ, เอวรูปสฺส วาโร น ปาเปตโพฺพฯ
Sace vihāro mahā hoti, aññaṃ padesaṃ rakkhituṃ gacchantassa aññasmiṃ padese nikkhittaṃ haranti, avisayattā gīvā na hoti. Īdise pana vihāre vemajjhe sabbesaṃ osaraṇaṭṭhāne parikkhāre ṭhapetvā nisīditabbaṃ. Vihāravārikā vā dve tayo ṭhapetabbā. Sace tesaṃ appamattānaṃ ito cito ca rakkhataṃyeva kiñci nassati, gīvā na hoti. Vihāravārike bandhitvā haritabhaṇḍampi corānaṃ paṭipathaṃ gatesu aññena maggena haritabhaṇḍampi na tesaṃ gīvā. Sace vihāravārikānaṃ vihāre dātabbaṃ yāgubhattaṃ vā nivāpo vā na hoti, tehi pattabbalābhato atirekā dve tisso yāgusalākā, tesaṃ pahonakabhattasalākā ca ṭhapetuṃ vaṭṭati. Nibaddhaṃ katvā pana na ṭhapetabbā, manussā hi vippaṭisārino honti, ‘‘vihāravārikāyeva amhākaṃ bhattaṃ bhuñjantī’’ti. Tasmā parivattetvā ṭhapetabbā. Sace tesaṃ sabhāgā salākabhattāni āharitvā denti, iccetaṃ kusalaṃ; no ce denti, vāraṃ gāhāpetvā nīharāpetabbāni. Sace vihāravāriko dve tisso yāgusalākā, cattāri pañca salākabhattāni ca labhamānova bhikkhācāraṃ gacchati, bhaṇḍāgārikassa viya sabbaṃ naṭṭhaṃ gīvā hoti. Sace saṅghassa vihārapālānaṃ dātabbaṃ bhattaṃ vā nivāpo vā natthi, bhikkhū vihāravāraṃ gahetvā attano attano nissitake jaggenti, sampattavāraṃ aggahetuṃ na labhanti, yathā aññe bhikkhū karonti, tatheva kātabbaṃ. Bhikkhūhi pana asahāyakassa vā attadutiyassa vā yassa sabhāgo bhikkhu bhattaṃ ānetvā dātā natthi, evarūpassa vāro na pāpetabbo.
ยมฺปิ ปากวตฺตตฺถาย วิหาเร ฐเปนฺติ, ตํ คเหตฺวา อุปชีวเนฺตน ฐาตพฺพํฯ โย ตํ น อุปชีวติ , โส วารํ น คาหาเปตโพฺพฯ ผลาผลตฺถายปิ วิหาเร ภิกฺขุํ ฐเปนฺติ, ชคฺคิตฺวา โคเปตฺวา ผลวาเรน ภาเชตฺวา ขาทนฺติฯ โย ตานิ ขาทติ, เตน ฐาตพฺพํฯ อนุปชีวโนฺต น คาหาเปตโพฺพฯ เสนาสนมญฺจปีฐปจฺจตฺถรณรกฺขณตฺถายปิ ฐเปนฺติ, อาวาเส วสเนฺตน ฐาตพฺพํฯ อโพฺภกาสิโก ปน รุกฺขมูลิโก วา น คาหาเปตโพฺพฯ
Yampi pākavattatthāya vihāre ṭhapenti, taṃ gahetvā upajīvantena ṭhātabbaṃ. Yo taṃ na upajīvati , so vāraṃ na gāhāpetabbo. Phalāphalatthāyapi vihāre bhikkhuṃ ṭhapenti, jaggitvā gopetvā phalavārena bhājetvā khādanti. Yo tāni khādati, tena ṭhātabbaṃ. Anupajīvanto na gāhāpetabbo. Senāsanamañcapīṭhapaccattharaṇarakkhaṇatthāyapi ṭhapenti, āvāse vasantena ṭhātabbaṃ. Abbhokāsiko pana rukkhamūliko vā na gāhāpetabbo.
เอโก นวโก โหติ, พหุสฺสุโต ปน พหูนํ ธมฺมํ วาเจติ, ปริปุจฺฉํ เทติ, ปาฬิํ วเณฺณติ, ธมฺมกถํ กเถติ, สงฺฆสฺส ภารํ นิตฺถรติ, อยํ ลาภํ ปริภุญฺชโนฺตปิ อาวาเส วสโนฺตปิ วารํ น คาเหตโพฺพฯ ‘‘ปุริสวิเสโส นาม ญาตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ
Eko navako hoti, bahussuto pana bahūnaṃ dhammaṃ vāceti, paripucchaṃ deti, pāḷiṃ vaṇṇeti, dhammakathaṃ katheti, saṅghassa bhāraṃ nittharati, ayaṃ lābhaṃ paribhuñjantopi āvāse vasantopi vāraṃ na gāhetabbo. ‘‘Purisaviseso nāma ñātabbo’’ti vadanti.
อุโปสถาคารปฎิมาฆรชคฺคกสฺส ปน ทิคุณํ ยาคุภตฺตํ เทวสิกํ ตณฺฑุลนาฬิ สํวจฺฉเร ติจีวรํ, ทสวีสคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑญฺจ ทาตพฺพํฯ สเจ ปน ตสฺส ตํ ลภมานเสฺสว ปมาเทน ตตฺถ กิญฺจิ นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ พนฺธิตฺวา พลกฺกาเรน อจฺฉินฺนํ ปน น คีวาฯ ตตฺถ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา สนฺตเกน เจติยสฺส สนฺตกํ รกฺขาเปตุํ วฎฺฎติฯ เจติยสฺส สนฺตเกน สงฺฆสฺส สนฺตกํ รกฺขาเปตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน เจติยสฺส สนฺตเกน สทฺธิํ สงฺฆสฺส สนฺตกํ ฐปิตํ โหติ, ตํ เจติยสนฺตเก รกฺขาปิเต รกฺขิตเมว โหตีติ เอวํ วฎฺฎติฯ ปกฺขวาเรน อุโปสถาคาราทีนิ รกฺขโตปิ ปมาทวเสน นฎฺฐํ คีวาเยวาติฯ
Uposathāgārapaṭimāgharajaggakassa pana diguṇaṃ yāgubhattaṃ devasikaṃ taṇḍulanāḷi saṃvacchare ticīvaraṃ, dasavīsagghanakaṃ kappiyabhaṇḍañca dātabbaṃ. Sace pana tassa taṃ labhamānasseva pamādena tattha kiñci nassati, sabbaṃ gīvā. Bandhitvā balakkārena acchinnaṃ pana na gīvā. Tattha cetiyassa vā saṅghassa vā santakena cetiyassa santakaṃ rakkhāpetuṃ vaṭṭati. Cetiyassa santakena saṅghassa santakaṃ rakkhāpetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ pana cetiyassa santakena saddhiṃ saṅghassa santakaṃ ṭhapitaṃ hoti, taṃ cetiyasantake rakkhāpite rakkhitameva hotīti evaṃ vaṭṭati. Pakkhavārena uposathāgārādīni rakkhatopi pamādavasena naṭṭhaṃ gīvāyevāti.
อุปนิธิกถา นิฎฺฐิตาฯ
Upanidhikathā niṭṭhitā.
สุงฺกฆาตกถา
Suṅkaghātakathā
๑๑๓. สุงฺกํ ตโต หนนฺตีติ สุงฺกฆาตํ; สุงฺกฎฺฐานเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตญฺหิ ยสฺมา ตโต สุงฺการหํ ภณฺฑํ สุงฺกํ อทตฺวา นีหรนฺตา รโญฺญ สุงฺกํ หนนฺติ วินาเสนฺติ, ตสฺมา สุงฺกฆาตนฺติ วุตฺตํฯ ตตฺร ปวิสิตฺวาติ ตตฺร ปพฺพตขณฺฑาทีสุ รญฺญา ปริเจฺฉทํ กตฺวา ฐปิเต สุงฺกฎฺฐาเน ปวิสิตฺวาฯ ราชคฺคํ ภณฺฑนฺติ ราชารหํ ภณฺฑํ; ยโต รโญฺญ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ สุงฺกํ ทาตพฺพํ โหติ, ตํ ภณฺฑนฺติ อโตฺถฯ ราชกนฺติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ เถยฺยจิโตฺตติ ‘‘อิโต รโญฺญ สุงฺกํ น ทสฺสามี’’ติ เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ภณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฎํฯ ฐปิตฎฺฐานโต คเหตฺวา ถวิกาย วา ปกฺขิปติ, ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน วา อูรุนา สทฺธิํ พนฺธติ, ถุลฺลจฺจยํฯ สุงฺกฎฺฐาเนน ปริจฺฉินฺนตฺตา ฐานาจาวนํ น โหติฯ สุงฺกฎฺฐานปริเจฺฉทํ ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ
113. Suṅkaṃ tato hanantīti suṅkaghātaṃ; suṅkaṭṭhānassetaṃ adhivacanaṃ. Tañhi yasmā tato suṅkārahaṃ bhaṇḍaṃ suṅkaṃ adatvā nīharantā rañño suṅkaṃ hananti vināsenti, tasmā suṅkaghātanti vuttaṃ. Tatra pavisitvāti tatra pabbatakhaṇḍādīsu raññā paricchedaṃ katvā ṭhapite suṅkaṭṭhāne pavisitvā. Rājaggaṃ bhaṇḍanti rājārahaṃ bhaṇḍaṃ; yato rañño pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ suṅkaṃ dātabbaṃ hoti, taṃ bhaṇḍanti attho. Rājakantipi pāṭho, ayamevattho. Theyyacittoti ‘‘ito rañño suṅkaṃ na dassāmī’’ti theyyacittaṃ uppādetvā taṃ bhaṇḍaṃ āmasati, dukkaṭaṃ. Ṭhapitaṭṭhānato gahetvā thavikāya vā pakkhipati, paṭicchannaṭṭhāne vā ūrunā saddhiṃ bandhati, thullaccayaṃ. Suṅkaṭṭhānena paricchinnattā ṭhānācāvanaṃ na hoti. Suṅkaṭṭhānaparicchedaṃ dutiyaṃ pādaṃ atikkāmeti, pārājikaṃ.
พหิสุงฺกฆาตํ ปาเตตีติ ราชปุริสานํ อญฺญวิหิตภาวํ ปสฺสิตฺวา อโนฺต ฐิโตว พหิ ปตนตฺถาย ขิปติฯ ตเญฺจ อวสฺสํ ปตนกํ, หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ ตเญฺจ รุเกฺข วา ขาณุมฺหิ วา ปฎิหตํ พลววาตเวคุกฺขิตฺตํ วา หุตฺวา ปุน อโนฺตเยว ปตติ, รกฺขติฯ ปุน คณฺหิตฺวา ขิปติ, ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํฯ ภูมิยํ ปติตฺวา วฎฺฎนฺตํ ปุน อโนฺต ปวิสติ, ปาราชิกเมวฯ กุรุนฺทีสเงฺขปฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘สเจ พหิ ปติตํ ฐตฺวา วฎฺฎนฺตํ ปวิสติ, ปาราชิกํฯ สเจ อติฎฺฐมานํเยว วฎฺฎิตฺวา ปวิสติ รกฺขตี’’ติ วุตฺตํฯ
Bahisuṅkaghātaṃ pātetīti rājapurisānaṃ aññavihitabhāvaṃ passitvā anto ṭhitova bahi patanatthāya khipati. Tañce avassaṃ patanakaṃ, hatthato muttamatte pārājikaṃ. Tañce rukkhe vā khāṇumhi vā paṭihataṃ balavavātavegukkhittaṃ vā hutvā puna antoyeva patati, rakkhati. Puna gaṇhitvā khipati, pubbe vuttanayeneva pārājikaṃ. Bhūmiyaṃ patitvā vaṭṭantaṃ puna anto pavisati, pārājikameva. Kurundīsaṅkhepaṭṭhakathāsu pana ‘‘sace bahi patitaṃ ṭhatvā vaṭṭantaṃ pavisati, pārājikaṃ. Sace atiṭṭhamānaṃyeva vaṭṭitvā pavisati rakkhatī’’ti vuttaṃ.
อโนฺต ฐตฺวา หเตฺถน วา ปาเทน วา ยฎฺฐิยา วา วเฎฺฎติ, อเญฺญน วา วฎฺฎาเปติ, สเจ อฎฺฐตฺวา วฎฺฎมานํ คตํ, ปาราชิกํฯ อโนฺต ฐตฺวา พหิ คจฺฉนฺตํ รกฺขติ, ‘‘วฎฺฎิตฺวา คมิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อโญฺญ นํ วเฎฺฎสฺสตี’’ติ วา อโนฺต ฐปิตํ ปจฺฉา สยํ วา วฎฺฎมานํ อเญฺญน วา วฎฺฎิตํ พหิ คจฺฉติ, รกฺขติเยวฯ สุทฺธจิเตฺตน ฐปิเต ปน ตถา คจฺฉเนฺต วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เทฺว ปุฎเก เอกาพเทฺธ กตฺวา สุงฺกฎฺฐานสีมนฺตเร ฐเปติ, กิญฺจาปิ พหิปุฎเก สุงฺกํ ปาทํ อคฺฆติ, เตน สทฺธิํ เอกาพทฺธตาย ปน อโนฺต ปุฎโก รกฺขติฯ สเจ ปน ปริวเตฺตตฺวา อพฺภนฺตริมํ พหิ ฐเปติ, ปาราชิกํฯ กาเชปิ เอกพทฺธํ กตฺวา ฐปิเต เอเสว นโยฯ สเจ ปน อพนฺธิตฺวา กาชโกฎิยํ ฐปิตมตฺตเมว โหติ, ปาราชิกํฯ
Anto ṭhatvā hatthena vā pādena vā yaṭṭhiyā vā vaṭṭeti, aññena vā vaṭṭāpeti, sace aṭṭhatvā vaṭṭamānaṃ gataṃ, pārājikaṃ. Anto ṭhatvā bahi gacchantaṃ rakkhati, ‘‘vaṭṭitvā gamissatī’’ti vā ‘‘añño naṃ vaṭṭessatī’’ti vā anto ṭhapitaṃ pacchā sayaṃ vā vaṭṭamānaṃ aññena vā vaṭṭitaṃ bahi gacchati, rakkhatiyeva. Suddhacittena ṭhapite pana tathā gacchante vattabbameva natthi. Dve puṭake ekābaddhe katvā suṅkaṭṭhānasīmantare ṭhapeti, kiñcāpi bahipuṭake suṅkaṃ pādaṃ agghati, tena saddhiṃ ekābaddhatāya pana anto puṭako rakkhati. Sace pana parivattetvā abbhantarimaṃ bahi ṭhapeti, pārājikaṃ. Kājepi ekabaddhaṃ katvā ṭhapite eseva nayo. Sace pana abandhitvā kājakoṭiyaṃ ṭhapitamattameva hoti, pārājikaṃ.
คจฺฉเนฺต ยาเน วา อสฺสปิฎฺฐิอาทีสุ วา ฐเปติ ‘‘พหิ นีหริสฺสตี’’ติ นีหเฎปิ อวหาโร นตฺถิ, ภณฺฑเทยฺยมฺปิ น โหติฯ กสฺมา? ‘‘อตฺร ปวิฎฺฐสฺส สุงฺกํ คณฺหนฺตู’’ติ วุตฺตตฺตา อิทญฺจ สุงฺกฎฺฐานสฺส พหิ ฐิตํ, น จ เตน นีตํ, ตสฺมา เนว ภณฺฑเทยฺยํ น ปาราชิกํฯ
Gacchante yāne vā assapiṭṭhiādīsu vā ṭhapeti ‘‘bahi nīharissatī’’ti nīhaṭepi avahāro natthi, bhaṇḍadeyyampi na hoti. Kasmā? ‘‘Atra paviṭṭhassa suṅkaṃ gaṇhantū’’ti vuttattā idañca suṅkaṭṭhānassa bahi ṭhitaṃ, na ca tena nītaṃ, tasmā neva bhaṇḍadeyyaṃ na pārājikaṃ.
ฐิตยานาทีสุ ฐปิเต วินา ตสฺส ปโยคํ คเตสุ เถยฺยจิเตฺตปิ สติ เนวตฺถิ อวหาโรฯ ยทิ ปน ฐเปตฺวา ยานาทีนิ ปาเชโนฺต อติกฺกาเมติ , หตฺถิสุตฺตาทีสุ วา กตปริจยตฺตา ปุรโต ฐตฺวา ‘‘เอหิ, เร’’ติ ปโกฺกสติ, สีมาติกฺกเม ปาราชิกํฯ เอฬกโลมสิกฺขาปเท อิมสฺมิํ ฐาเน อญฺญํ หราเปติ, อนาปตฺติ, อิธ ปาราชิกํฯ ตตฺร อญฺญสฺส ยาเน วา ภเณฺฑ วา อชานนฺตสฺส ปกฺขิปิตฺวา ติโยชนํ อติกฺกาเมติ, นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺตีติ ปาจิตฺติยํฯ อิธ อนาปตฺติฯ
Ṭhitayānādīsu ṭhapite vinā tassa payogaṃ gatesu theyyacittepi sati nevatthi avahāro. Yadi pana ṭhapetvā yānādīni pājento atikkāmeti , hatthisuttādīsu vā kataparicayattā purato ṭhatvā ‘‘ehi, re’’ti pakkosati, sīmātikkame pārājikaṃ. Eḷakalomasikkhāpade imasmiṃ ṭhāne aññaṃ harāpeti, anāpatti, idha pārājikaṃ. Tatra aññassa yāne vā bhaṇḍe vā ajānantassa pakkhipitvā tiyojanaṃ atikkāmeti, nissaggiyāni hontīti pācittiyaṃ. Idha anāpatti.
สุงฺกฎฺฐาเน สุงฺกํ ทตฺวาว คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เอโก อาโภคํ กตฺวา คจฺฉติ ‘‘สเจ ‘สุงฺกํ เทหี’ติ วกฺขนฺติ, ทสฺสามิ; โน เจ วกฺขนฺติ, คมิสฺสามี’’ติฯ ตํ ทิสฺวา เอโก สุงฺกิโก ‘‘เอโส ภิกฺขุ คจฺฉติ, คณฺหถ นํ สุงฺก’’นฺติ วทติ, อปโร ‘‘กุโต ปพฺพชิตสฺส สุงฺกํ, คจฺฉตู’’ติ วทติ, ลทฺธกปฺปํ โหติ, คนฺตพฺพํฯ ‘‘ภิกฺขูนํ สุงฺกํ อทตฺวา คนฺตุํ น วฎฺฎติ, คณฺห อุปาสกา’’ติ วุเตฺต ปน ‘‘ภิกฺขุสฺส สุงฺกํ คณฺหเนฺตหิ ปตฺตจีวรํ คเหตพฺพํ ภวิสฺสติ, กิํ เตน, คจฺฉตู’’ติ วุเตฺตปิ ลทฺธกปฺปเมวฯ สเจปิ สุงฺกิกา นิทฺทายนฺติ วา, ชูตํ วา กีฬนฺติ, ยตฺถ กตฺถจิ วา คตา, อยญฺจ ‘‘กุหิํ สุงฺกิกา’’ติ ปโกฺกสิตฺวาปิ น ปสฺสติ, ลทฺธกปฺปเมวฯ สเจปิ สุงฺกฎฺฐานํ ปตฺวา อญฺญวิหิโต, กิญฺจิ จิเนฺตโนฺต วา สชฺฌายโนฺต วา มนสิการํ อนุยุญฺชโนฺต วา โจรหตฺถิสีหพฺยคฺฆาทีหิ สหสา วุฎฺฐาย สมนุพโทฺธ วา, มหาเมฆํ อุฎฺฐิตํ ทิสฺวา ปุรโต สาลํ ปวิสิตุกาโม วา หุตฺวา ตํ ฐานํ อติกฺกมติ, ลทฺธกปฺปเมวฯ
Suṅkaṭṭhāne suṅkaṃ datvāva gantuṃ vaṭṭati. Eko ābhogaṃ katvā gacchati ‘‘sace ‘suṅkaṃ dehī’ti vakkhanti, dassāmi; no ce vakkhanti, gamissāmī’’ti. Taṃ disvā eko suṅkiko ‘‘eso bhikkhu gacchati, gaṇhatha naṃ suṅka’’nti vadati, aparo ‘‘kuto pabbajitassa suṅkaṃ, gacchatū’’ti vadati, laddhakappaṃ hoti, gantabbaṃ. ‘‘Bhikkhūnaṃ suṅkaṃ adatvā gantuṃ na vaṭṭati, gaṇha upāsakā’’ti vutte pana ‘‘bhikkhussa suṅkaṃ gaṇhantehi pattacīvaraṃ gahetabbaṃ bhavissati, kiṃ tena, gacchatū’’ti vuttepi laddhakappameva. Sacepi suṅkikā niddāyanti vā, jūtaṃ vā kīḷanti, yattha katthaci vā gatā, ayañca ‘‘kuhiṃ suṅkikā’’ti pakkositvāpi na passati, laddhakappameva. Sacepi suṅkaṭṭhānaṃ patvā aññavihito, kiñci cintento vā sajjhāyanto vā manasikāraṃ anuyuñjanto vā corahatthisīhabyagghādīhi sahasā vuṭṭhāya samanubaddho vā, mahāmeghaṃ uṭṭhitaṃ disvā purato sālaṃ pavisitukāmo vā hutvā taṃ ṭhānaṃ atikkamati, laddhakappameva.
สุงฺกํ ปริหรตีติ เอตฺถ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา กิญฺจาปิ ปริหรติ, อวหาโรเยวาติ
Suṅkaṃpariharatīti ettha upacāraṃ okkamitvā kiñcāpi pariharati, avahāroyevāti
กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํปน ‘‘‘ปริหรนฺตํ ราชปุริสา วิเหเฐนฺตี’ติ เกวลํ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ปริหรโต ทุกฺกฎํ, อโนกฺกมิตฺวา ปริหรโต อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อิทํ ปาฬิยา สเมติฯ เอตฺถ ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหิ อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตโพฺพติฯ
Kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃpana ‘‘‘pariharantaṃ rājapurisā viheṭhentī’ti kevalaṃ ādīnavaṃ dassetvā upacāraṃ okkamitvā pariharato dukkaṭaṃ, anokkamitvā pariharato anāpattī’’ti vuttaṃ. Idaṃ pāḷiyā sameti. Ettha dvīhi leḍḍupātehi upacāro paricchinditabboti.
สุงฺกฆาตกถา นิฎฺฐิตาฯ
Suṅkaghātakathā niṭṭhitā.
ปาณกถา
Pāṇakathā
๑๑๔. อิโต ปรสฺมิํ เอกํเสน อวหารปฺปโหนกปาณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘มนุสฺสปาโณ’’ติ อาหฯ ตมฺปิ ภุชิสฺสํ หรนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิฯ โยปิ ภุชิโสฺส มาตรา วา ปิตรา วา อาฐปิโต โหติ, อตฺตนา วา อตฺตโน อุปริ กตฺวา ปญฺญาสํ วา สฎฺฐิํ วา อคฺคเหสิ, ตมฺปิ หรนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิ; ธนํ ปน คตฎฺฐาเน วฑฺฒติฯ อโนฺตชาตก-ธนกฺกีต-กรมรานีตปฺปเภทํ ปน ทาสํเยว หรนฺตสฺส อวหาโร โหติฯ ตเมว หิ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘ปาโณ นาม มนุสฺสปาโณ วุจฺจตี’’ติฯ เอตฺถ จ เคหทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ทาสสฺส ชาโต อโนฺตชาตโก, ธเนน กีโต ธนกฺกีโต, ปรเทสโต ปหริตฺวา อาเนตฺวา ทาสพฺยํ อุปคมิโต กรมรานีโตติ เวทิตโพฺพฯ เอวรูปํ ปาณํ ‘‘หริสฺสามี’’ติ อามสติ, ทุกฺกฎํฯ หเตฺถ วา ปาเท วา คเหตฺวา อุกฺขิปโนฺต ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํฯ อุกฺขิปิตฺวา ปลายิตุกาโม เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐิตฎฺฐานโต อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ เกเสสุ วา หเตฺถสุ วา คเหตฺวา กฑฺฒติ, ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ
114. Ito parasmiṃ ekaṃsena avahārappahonakapāṇaṃ dassento ‘‘manussapāṇo’’ti āha. Tampi bhujissaṃ harantassa avahāro natthi. Yopi bhujisso mātarā vā pitarā vā āṭhapito hoti, attanā vā attano upari katvā paññāsaṃ vā saṭṭhiṃ vā aggahesi, tampi harantassa avahāro natthi; dhanaṃ pana gataṭṭhāne vaḍḍhati. Antojātaka-dhanakkīta-karamarānītappabhedaṃ pana dāsaṃyeva harantassa avahāro hoti. Tameva hi sandhāya idaṃ vuttaṃ – ‘‘pāṇo nāma manussapāṇo vuccatī’’ti. Ettha ca gehadāsiyā kucchimhi dāsassa jāto antojātako, dhanena kīto dhanakkīto, paradesato paharitvā ānetvā dāsabyaṃ upagamito karamarānītoti veditabbo. Evarūpaṃ pāṇaṃ ‘‘harissāmī’’ti āmasati, dukkaṭaṃ. Hatthe vā pāde vā gahetvā ukkhipanto phandāpeti, thullaccayaṃ. Ukkhipitvā palāyitukāmo kesaggamattampi ṭhitaṭṭhānato atikkāmeti, pārājikaṃ. Kesesu vā hatthesu vā gahetvā kaḍḍhati, padavārena kāretabbo.
ปทสา เนสฺสามีติ ตเชฺชโนฺต วา ปหรโนฺต วา ‘‘อิโต คจฺฉาหี’’ติ วทติ, เตน วุตฺตทิสาภาคํ คจฺฉนฺตสฺส ทุติยปทวาเรน ปาราชิกํฯ เยปิ เตน สทฺธิํ เอกจฺฉนฺทา โหนฺติ, สเพฺพสํ เอกกฺขเณ ปาราชิกํฯ ภิกฺขุ ทาสํ ทิสฺวา สุขทุกฺขํ ปุจฺฉิตฺวา วา อปุจฺฉิตฺวา วา ‘‘คจฺฉ, ปลายิตฺวา สุขํ ชีวา’’ติ วทติ, โส เจ ปลายติ, ทุติยปทวาเร ปาราชิกํฯ ตํ อตฺตโน สมีปํ อาคตํ อโญฺญ ‘‘ปลายา’’ติ วทติ, สเจ ภิกฺขุสตํ ปฎิปาฎิยา อตฺตโน สมีปมาคตํ วทติ, สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ โย ปน เวคสา ปลายนฺตํเยว ‘‘ปลาย, ยาว ตํ สามิกา น คณฺหนฺตี’’ติ ภณติ, อนาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ สเจ ปน สณิกํ คจฺฉนฺตํ ภณติ, โส จ ตสฺส วจเนน สีฆํ คจฺฉติ, ปาราชิกํฯ ปลายิตฺวา อญฺญํ คามํ วา เทสํ วา คตํ ทิสฺวา ตโตปิ ปลาเปนฺตสฺส ปาราชิกเมวฯ
Padasānessāmīti tajjento vā paharanto vā ‘‘ito gacchāhī’’ti vadati, tena vuttadisābhāgaṃ gacchantassa dutiyapadavārena pārājikaṃ. Yepi tena saddhiṃ ekacchandā honti, sabbesaṃ ekakkhaṇe pārājikaṃ. Bhikkhu dāsaṃ disvā sukhadukkhaṃ pucchitvā vā apucchitvā vā ‘‘gaccha, palāyitvā sukhaṃ jīvā’’ti vadati, so ce palāyati, dutiyapadavāre pārājikaṃ. Taṃ attano samīpaṃ āgataṃ añño ‘‘palāyā’’ti vadati, sace bhikkhusataṃ paṭipāṭiyā attano samīpamāgataṃ vadati, sabbesaṃ pārājikaṃ. Yo pana vegasā palāyantaṃyeva ‘‘palāya, yāva taṃ sāmikā na gaṇhantī’’ti bhaṇati, anāpatti pārājikassa. Sace pana saṇikaṃ gacchantaṃ bhaṇati, so ca tassa vacanena sīghaṃ gacchati, pārājikaṃ. Palāyitvā aññaṃ gāmaṃ vā desaṃ vā gataṃ disvā tatopi palāpentassa pārājikameva.
อทินฺนาทานํ นาม ปริยาเยน มุจฺจติฯ โย หิ เอวํ วทติ – ‘‘ตฺวํ อิธ กิํ กโรสิ,
Adinnādānaṃ nāma pariyāyena muccati. Yo hi evaṃ vadati – ‘‘tvaṃ idha kiṃ karosi,
กิํ เต ปลายิตุํ น วฎฺฎตีติ วา, กิํ กตฺถจิ คนฺตฺวา สุขํ ชีวิตุํ น วฎฺฎตีติ วา, ทาสทาสิโย ปลายิตฺวา อมุกํ นาม ปเทสํ คนฺตฺวา สุขํ ชีวนฺตี’’ติ วา, โส จ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ปลายติ, อวหาโร นตฺถิฯ โยปิ ‘‘มยํ อมุกํ นาม ปเทสํ คจฺฉาม, ตตฺราคตา สุขํ ชีวนฺติ, อเมฺหหิ จ สทฺธิํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺคปิ ปาเถยฺยาทีหิ กิลมโถ นตฺถี’’ติ วตฺวา สุขํ อตฺตนา สทฺธิํ อาคจฺฉนฺตํ คเหตฺวา คจฺฉติ มคฺคคมนวเสน, น เถยฺยจิเตฺตน; เนวตฺถิ อวหาโรฯ อนฺตรามเคฺค จ โจเรสุ อุฎฺฐิเตสุ ‘‘อเร! โจรา อุฎฺฐิตา, เวเคน ปลาย, เอหิ ยาหี’’ติ วทนฺตสฺสาปิ โจรนฺตราย โมจนตฺถาย วุตฺตตฺตา อวหารํ น วทนฺตีติฯ
Kiṃ te palāyituṃ na vaṭṭatīti vā, kiṃ katthaci gantvā sukhaṃ jīvituṃ na vaṭṭatīti vā, dāsadāsiyo palāyitvā amukaṃ nāma padesaṃ gantvā sukhaṃ jīvantī’’ti vā, so ca tassa vacanaṃ sutvā palāyati, avahāro natthi. Yopi ‘‘mayaṃ amukaṃ nāma padesaṃ gacchāma, tatrāgatā sukhaṃ jīvanti, amhehi ca saddhiṃ gacchantānaṃ antarāmaggepi pātheyyādīhi kilamatho natthī’’ti vatvā sukhaṃ attanā saddhiṃ āgacchantaṃ gahetvā gacchati maggagamanavasena, na theyyacittena; nevatthi avahāro. Antarāmagge ca coresu uṭṭhitesu ‘‘are! Corā uṭṭhitā, vegena palāya, ehi yāhī’’ti vadantassāpi corantarāya mocanatthāya vuttattā avahāraṃ na vadantīti.
ปาณกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pāṇakathā niṭṭhitā.
อปทกถา
Apadakathā
อปเทสุ อหิ นาม สสฺสามิโก อหิตุณฺฑิกาทีหิ คหิตสโปฺป; ยํ กีฬาเปนฺตา
Apadesu ahi nāma sassāmiko ahituṇḍikādīhi gahitasappo; yaṃ kīḷāpentā
อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ กหาปณมฺปิ ลภนฺติ, มุญฺจนฺตาปิ หิรญฺญํ วา สุวณฺณํ วา คเหตฺวาว มุญฺจนฺติฯ เต กสฺสจิ ภิกฺขุโน นิสิโนฺนกาสํ คนฺตฺวา สปฺปกรณฺฑํ ฐเปตฺวา นิทฺทายนฺติ วา, กตฺถจิ วา คจฺฉนฺติ, ตตฺร เจ โส ภิกฺขุ เถยฺยจิเตฺตน ตํ กรณฺฑํ อามสติ, ทุกฺกฎํฯ ผนฺทาเปติ, ถุลฺลจฺจยํฯ ฐานา จาเวติ, ปาราชิกํฯ สเจ ปน กรณฺฑกํ อุคฺฆาเฎตฺวา สปฺปํ คีวาย คณฺหาติ, ทุกฺกฎํฯ อุทฺธรติ, ถุลฺลจฺจยํฯ อุชุกํ กตฺวา อุทฺธรนฺตสฺส กรณฺฑตลโต สปฺปสฺส นงฺคุเฎฺฐ เกสคฺคมเตฺต มุเตฺต ปาราชิกํฯ ฆํสิตฺวา กฑฺฒนฺตสฺส นงฺคุเฎฺฐ มุขวฎฺฎิโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํ ฯ กรณฺฑมุขํ อีสกํ วิวริตฺวา ปหารํ วา ทตฺวา ‘‘เอหิ, เร’’ติ นาเมน ปโกฺกสิตฺวา นิกฺขาเมติ, ปาราชิกํ ฯ ตเถว วิวริตฺวา มณฺฑูกสทฺทํ วา มูสิกสทฺทํ วา ลาชาวิกิรณํ วา กตฺวา นาเมน ปโกฺกสติ, อจฺฉรํ วา ปหรติ, เอวํ นิกฺขเนฺตปิ ปาราชิกํฯ มุขํ อวิวริตฺวาปิ เอวํ กเต ฉาโต สโปฺป สีเสน กรณฺฑปุฎํ อาหจฺจ โอกาสํ กตฺวา ปลายติ, ปาราชิกเมวฯ สเจ ปน มุเข วิวริเต สยเมว สโปฺป นิกฺขมิตฺวา ปลายติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ อถาปิ มุขํ วิวริตฺวา วา อวิวริตฺวา วา เกวลํ มณฺฑูกมูสิกสทฺทํ ลาชาวิกิรณเมว จ กโรติ, น นามํ คเหตฺวา ปโกฺกสติ, น อจฺฉรํ วา ปหรติ, สโปฺป จ ฉาตตฺตา ‘‘มณฺฑูกาทีนิ ขาทิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปลายติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ มโจฺฉ เกวลํ อิธ อปทคฺคหเณน อาคโตฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อุทกเฎฺฐ วุตฺตเมวาติฯ
Aḍḍhampi pādampi kahāpaṇampi labhanti, muñcantāpi hiraññaṃ vā suvaṇṇaṃ vā gahetvāva muñcanti. Te kassaci bhikkhuno nisinnokāsaṃ gantvā sappakaraṇḍaṃ ṭhapetvā niddāyanti vā, katthaci vā gacchanti, tatra ce so bhikkhu theyyacittena taṃ karaṇḍaṃ āmasati, dukkaṭaṃ. Phandāpeti, thullaccayaṃ. Ṭhānā cāveti, pārājikaṃ. Sace pana karaṇḍakaṃ ugghāṭetvā sappaṃ gīvāya gaṇhāti, dukkaṭaṃ. Uddharati, thullaccayaṃ. Ujukaṃ katvā uddharantassa karaṇḍatalato sappassa naṅguṭṭhe kesaggamatte mutte pārājikaṃ. Ghaṃsitvā kaḍḍhantassa naṅguṭṭhe mukhavaṭṭito muttamatte pārājikaṃ . Karaṇḍamukhaṃ īsakaṃ vivaritvā pahāraṃ vā datvā ‘‘ehi, re’’ti nāmena pakkositvā nikkhāmeti, pārājikaṃ . Tatheva vivaritvā maṇḍūkasaddaṃ vā mūsikasaddaṃ vā lājāvikiraṇaṃ vā katvā nāmena pakkosati, accharaṃ vā paharati, evaṃ nikkhantepi pārājikaṃ. Mukhaṃ avivaritvāpi evaṃ kate chāto sappo sīsena karaṇḍapuṭaṃ āhacca okāsaṃ katvā palāyati, pārājikameva. Sace pana mukhe vivarite sayameva sappo nikkhamitvā palāyati, bhaṇḍadeyyaṃ. Athāpi mukhaṃ vivaritvā vā avivaritvā vā kevalaṃ maṇḍūkamūsikasaddaṃ lājāvikiraṇameva ca karoti, na nāmaṃ gahetvā pakkosati, na accharaṃ vā paharati, sappo ca chātattā ‘‘maṇḍūkādīni khādissāmī’’ti nikkhamitvā palāyati, bhaṇḍadeyyameva. Maccho kevalaṃ idha apadaggahaṇena āgato. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ udakaṭṭhe vuttamevāti.
อปทกถา นิฎฺฐิตาฯ
Apadakathā niṭṭhitā.
ทฺวิปทกถา
Dvipadakathā
๑๑๕. ทฺวิปเทสุ – เย อวหริตุํ สกฺกา, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘มนุสฺสา ปกฺขชาตา’’ติ อาหฯ เทวตา ปน อวหริตุํ น สกฺกาฯ ปกฺขา ชาตา เอเตสนฺติ ปกฺขชาตาฯ เต โลมปกฺขา จมฺมปกฺขา อฎฺฐิปกฺขาติ ติวิธาฯ ตตฺถ โมรกุกฺกุฎาทโย โลมปกฺขา, วคฺคุลิอาทโย จมฺมปกฺขา, ภมราทโย อฎฺฐิปกฺขาติ เวทิตพฺพาฯ เต สเพฺพปิ มนุสฺสา จ ปกฺขชาตา จ เกวลํ อิธ ทฺวิปทคฺคหเณน อาคตาฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อากาสเฎฺฐ จ ปาเณ จ วุตฺตนยเมวาติฯ
115. Dvipadesu – ye avaharituṃ sakkā, te dassento ‘‘manussā pakkhajātā’’ti āha. Devatā pana avaharituṃ na sakkā. Pakkhā jātā etesanti pakkhajātā. Te lomapakkhā cammapakkhā aṭṭhipakkhāti tividhā. Tattha morakukkuṭādayo lomapakkhā, vagguliādayo cammapakkhā, bhamarādayo aṭṭhipakkhāti veditabbā. Te sabbepi manussā ca pakkhajātā ca kevalaṃ idha dvipadaggahaṇena āgatā. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ ākāsaṭṭhe ca pāṇe ca vuttanayamevāti.
ทฺวิปทกถา นิฎฺฐิตาฯ
Dvipadakathā niṭṭhitā.
จตุปฺปทกถา
Catuppadakathā
๑๑๖. จตุปฺปเทสุ – ปสุกาติ ปาฬิยํ อาคตาวเสสา สพฺพา จตุปฺปทชาตีติ เวทิตพฺพาฯ หตฺถิอาทโย ปากฎาเยวฯ ตตฺถ เถยฺยจิเตฺตน หตฺถิํ อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ผนฺทาเปนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ โย ปน มหาพโล พลมเทน ตรุณํ ภิงฺกจฺฉาปํ นาภิมูเล สีเสน อุจฺจาเรตฺวา คณฺหโนฺต จตฺตาโร ปาเท, โสณฺฑํ จ ภูมิโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ โมเจติ, ปาราชิกํฯ หตฺถี ปน โกจิ หตฺถิสาลายํ พนฺธิตฺวา ฐปิโต โหติ, โกจิ อพโทฺธว ติฎฺฐติ, โกจิ อโนฺตวตฺถุมฺหิ ติฎฺฐติ, โกจิ ราชงฺคเณ ติฎฺฐติ, ตตฺถ หตฺถิสาลายํ คีวาย พนฺธิตฺวา ฐปิตสฺส คีวาพนฺธนญฺจ จตฺตาโร จ ปาทาติ ปญฺจ ฐานานิ โหนฺติฯ คีวาย จ เอกสฺมิญฺจ ปาเท อยสงฺขลิกาย พทฺธสฺส ฉ ฐานานิฯ คีวาย จ ทฺวีสุ จ ปาเทสุ พทฺธสฺส สตฺต ฐานานิฯ เตสํ วเสน ผนฺทาปนฐานาจาวนานิ เวทิตพฺพานิฯ อพทฺธสฺส สกลา หตฺถิสาลา ฐานํฯ ตโต อติกฺกมเน, ปาราชิกํฯ อโนฺตวตฺถุมฺหิ ฐิตสฺส สกลํ อโนฺตวตฺถุเมว ฐานํฯ ตสฺส วตฺถุทฺวาราติกฺกมเน ปาราชิกํฯ ราชงฺคเณ ฐิตสฺส สกลนครํ ฐานํฯ ตสฺส นครทฺวาราติกฺกมเน ปาราชิกํฯ พหินคเร ฐิตสฺส ฐิตฎฺฐานเมว ฐานํฯ ตํ หรโนฺต ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ นิปนฺนสฺส เอกเมว ฐานํฯ ตํ เถยฺยจิเตฺตน อุฎฺฐาเปนฺตสฺส อุฎฺฐิตมเตฺต ปาราชิกํฯ อเสฺสปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ สเจ ปน โส จตูสุ ปาเทสุ พโทฺธ โหติ, อฎฺฐ ฐานานิ เวทิตพฺพานิฯ เอส นโย โอเฎฺฐปิฯ
116. Catuppadesu – pasukāti pāḷiyaṃ āgatāvasesā sabbā catuppadajātīti veditabbā. Hatthiādayo pākaṭāyeva. Tattha theyyacittena hatthiṃ āmasantassa dukkaṭaṃ, phandāpentassa thullaccayaṃ. Yo pana mahābalo balamadena taruṇaṃ bhiṅkacchāpaṃ nābhimūle sīsena uccāretvā gaṇhanto cattāro pāde, soṇḍaṃ ca bhūmito kesaggamattampi moceti, pārājikaṃ. Hatthī pana koci hatthisālāyaṃ bandhitvā ṭhapito hoti, koci abaddhova tiṭṭhati, koci antovatthumhi tiṭṭhati, koci rājaṅgaṇe tiṭṭhati, tattha hatthisālāyaṃ gīvāya bandhitvā ṭhapitassa gīvābandhanañca cattāro ca pādāti pañca ṭhānāni honti. Gīvāya ca ekasmiñca pāde ayasaṅkhalikāya baddhassa cha ṭhānāni. Gīvāya ca dvīsu ca pādesu baddhassa satta ṭhānāni. Tesaṃ vasena phandāpanaṭhānācāvanāni veditabbāni. Abaddhassa sakalā hatthisālā ṭhānaṃ. Tato atikkamane, pārājikaṃ. Antovatthumhi ṭhitassa sakalaṃ antovatthumeva ṭhānaṃ. Tassa vatthudvārātikkamane pārājikaṃ. Rājaṅgaṇe ṭhitassa sakalanagaraṃ ṭhānaṃ. Tassa nagaradvārātikkamane pārājikaṃ. Bahinagare ṭhitassa ṭhitaṭṭhānameva ṭhānaṃ. Taṃ haranto padavārena kāretabbo. Nipannassa ekameva ṭhānaṃ. Taṃ theyyacittena uṭṭhāpentassa uṭṭhitamatte pārājikaṃ. Assepi ayameva vinicchayo. Sace pana so catūsu pādesu baddho hoti, aṭṭha ṭhānāni veditabbāni. Esa nayo oṭṭhepi.
โคโณปิ โกจิ เคเห พนฺธิตฺวา ฐปิโต โหติฯ โกจิ อพโทฺธว ติฎฺฐติ, โกจิ ปน วเช พนฺธิตฺวา ฐปิโต โหติ, โกจิ อพโทฺธว ติฎฺฐติฯ ตตฺถ เคเห พนฺธิตฺวา ฐปิตสฺส จตฺตาโร ปาทา, พนฺธนญฺจาติ ปญฺจ ฐานานิ; อพทฺธสฺส สกลํ เคหํฯ วเชปิ พทฺธสฺส ปญฺจ ฐานานิฯ อพทฺธสฺส สกโล วโชฯ ตํ วชทฺวารํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ วชํ ภินฺทิตฺวา หรโนฺต ขณฺฑทฺวารํ อติกฺกาเมติ, ปาราชิกํฯ ทฺวารํ วา วิวริตฺวา วชํ วา ภินฺทิตฺวา พหิ ฐิโต นาเมน ปโกฺกสิตฺวา นิกฺขาเมติ, ปาราชิกํฯ สาขาภงฺคํ ทเสฺสตฺวา ปโกฺกสนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ ทฺวารํ อวิวริตฺวา วชํ อภินฺทิตฺวา สาขาภงฺคํ จาเลตฺวา ปโกฺกสติ, โคโณ ฉาตตาย วชํ ลเงฺฆตฺวา นิกฺขมติ, ปาราชิกเมวฯ สเจ ปน ทฺวาเร วิวริเต วเช วา ภิเนฺน สยเมว นิกฺขมติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ ทฺวารํ วิวริตฺวา วา อวิวริตฺวา วา วชมฺปิ ภินฺทิตฺวา วา อภินฺทิตฺวา วา เกวลํ สาขาภงฺคํ จาเลติ, น ปโกฺกสติ, โคโณ ฉาตตาย ปทสา วา ลเงฺฆตฺวา วา นิกฺขมติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ เอโก มเชฺฌ คาเม พโทฺธ ฐิโต, เอโก นิปโนฺนฯ ฐิตโคณสฺส ปญฺจ ฐานานิ โหนฺติ, นิปนฺนสฺส เทฺว ฐานานิ; เตสํ วเสน ผนฺทาปนฐานาจาวนานิ เวทิตพฺพานิฯ
Goṇopi koci gehe bandhitvā ṭhapito hoti. Koci abaddhova tiṭṭhati, koci pana vaje bandhitvā ṭhapito hoti, koci abaddhova tiṭṭhati. Tattha gehe bandhitvā ṭhapitassa cattāro pādā, bandhanañcāti pañca ṭhānāni; abaddhassa sakalaṃ gehaṃ. Vajepi baddhassa pañca ṭhānāni. Abaddhassa sakalo vajo. Taṃ vajadvāraṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Vajaṃ bhinditvā haranto khaṇḍadvāraṃ atikkāmeti, pārājikaṃ. Dvāraṃ vā vivaritvā vajaṃ vā bhinditvā bahi ṭhito nāmena pakkositvā nikkhāmeti, pārājikaṃ. Sākhābhaṅgaṃ dassetvā pakkosantassāpi eseva nayo. Dvāraṃ avivaritvā vajaṃ abhinditvā sākhābhaṅgaṃ cāletvā pakkosati, goṇo chātatāya vajaṃ laṅghetvā nikkhamati, pārājikameva. Sace pana dvāre vivarite vaje vā bhinne sayameva nikkhamati, bhaṇḍadeyyaṃ. Dvāraṃ vivaritvā vā avivaritvā vā vajampi bhinditvā vā abhinditvā vā kevalaṃ sākhābhaṅgaṃ cāleti, na pakkosati, goṇo chātatāya padasā vā laṅghetvā vā nikkhamati, bhaṇḍadeyyameva. Eko majjhe gāme baddho ṭhito, eko nipanno. Ṭhitagoṇassa pañca ṭhānāni honti, nipannassa dve ṭhānāni; tesaṃ vasena phandāpanaṭhānācāvanāni veditabbāni.
โย ปน นิปนฺนํ อนุฎฺฐาเปตฺวา ตเตฺถว ฆาเตติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ สุปริกฺขิเตฺต ปน ทฺวารยุเตฺต คาเม ฐิตโคณสฺส สกลคาโม ฐานํฯ อปริกฺขิเตฺต ฐิตสฺส วา จรนฺตสฺส วา ปาเทหิ อกฺกนฺตฎฺฐานเมว ฐานํ คทฺรภปสุกาสุปิ อยเมว วินิจฺฉโยติฯ
Yo pana nipannaṃ anuṭṭhāpetvā tattheva ghāteti, bhaṇḍadeyyaṃ. Suparikkhitte pana dvārayutte gāme ṭhitagoṇassa sakalagāmo ṭhānaṃ. Aparikkhitte ṭhitassa vā carantassa vā pādehi akkantaṭṭhānameva ṭhānaṃ gadrabhapasukāsupi ayameva vinicchayoti.
จตุปฺปทกถา นิฎฺฐิตาฯ
Catuppadakathā niṭṭhitā.
พหุปฺปทกถา
Bahuppadakathā
๑๑๗. พหุปฺปเทสุ – สเจ เอกาย สตปทิยา วตฺถุ ปูรติ, ตํ ปทสา เนนฺตสฺส นวนวุติ ถุลฺลจฺจยานิ, เอกํ ปาราชิกํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
117. Bahuppadesu – sace ekāya satapadiyā vatthu pūrati, taṃ padasā nentassa navanavuti thullaccayāni, ekaṃ pārājikaṃ. Sesaṃ vuttanayamevāti.
พหุปฺปทกถา นิฎฺฐิตาฯ
Bahuppadakathā niṭṭhitā.
โอจรกกถา
Ocarakakathā
๑๑๘. โอจรตีติ โอจรโก, ตตฺถ ตตฺถ อโนฺต อนุปวิสตีติ วุตฺตํ โหติฯ โอจริตฺวาติ สลฺลเกฺขตฺวา, อุปธาเรตฺวาติ อโตฺถฯ อาจิกฺขตีติ ปรกุเลสุ วา วิหาราทีสุ วา ทุฎฺฐปิตํ อสํวิหิตารกฺขํ ภณฺฑํ อญฺญสฺส โจรกมฺมํ กาตุํ ปฎิพลสฺส อาโรเจติฯ อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสาติ อวสฺสํ หาริเย ภเณฺฑ โอจรกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อิตรสฺส ฐานาจาวเนติ เอวํ อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ โย ปน ‘‘ปุริโส เคเห นตฺถิ, ภณฺฑํ อสุกสฺมิํ นาม ปเทเส ฐปิตํ อสํวิหิตารกฺขํ, ทฺวารํ อสํวุตํ, คตมเตฺตเนว สกฺกา หริตุํ, นตฺถิ นาม โกจิ ปุริสการูปชีวี, โย ตํ คนฺตฺวา หเรยฺยา’’ติอาทินา นเยน ปริยายกถํ กโรติ, ตญฺจ สุตฺวา อโญฺญ ‘‘อหํ ทานิ หริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา หรติ, ตสฺส ฐานาจาวเน ปาราชิกํ, อิตรสฺส ปน อนาปตฺติฯ ปริยาเยน หิ อทินฺนาทานโต มุจฺจตีติฯ
118. Ocaratīti ocarako, tattha tattha anto anupavisatīti vuttaṃ hoti. Ocaritvāti sallakkhetvā, upadhāretvāti attho. Ācikkhatīti parakulesu vā vihārādīsu vā duṭṭhapitaṃ asaṃvihitārakkhaṃ bhaṇḍaṃ aññassa corakammaṃ kātuṃ paṭibalassa āroceti. Āpatti ubhinnaṃ pārājikassāti avassaṃ hāriye bhaṇḍe ocarakassa āṇattikkhaṇe itarassa ṭhānācāvaneti evaṃ āpatti ubhinnaṃ pārājikassa. Yo pana ‘‘puriso gehe natthi, bhaṇḍaṃ asukasmiṃ nāma padese ṭhapitaṃ asaṃvihitārakkhaṃ, dvāraṃ asaṃvutaṃ, gatamatteneva sakkā harituṃ, natthi nāma koci purisakārūpajīvī, yo taṃ gantvā hareyyā’’tiādinā nayena pariyāyakathaṃ karoti, tañca sutvā añño ‘‘ahaṃ dāni harissāmī’’ti gantvā harati, tassa ṭhānācāvane pārājikaṃ, itarassa pana anāpatti. Pariyāyena hi adinnādānato muccatīti.
โอจรกกถา นิฎฺฐิตาฯ
Ocarakakathā niṭṭhitā.
โอณิรกฺขกถา
Oṇirakkhakathā
โอณิํ รกฺขตีติ โอณิรโกฺขฯ โย ปเรน อตฺตโน วสนฎฺฐาเน อาภตํ ภณฺฑํ ‘‘อิทํ
Oṇiṃ rakkhatīti oṇirakkho. Yo parena attano vasanaṭṭhāne ābhataṃ bhaṇḍaṃ ‘‘idaṃ
ตาว, ภเนฺต, มุหุตฺตํ โอโลเกถ, ยาว อหํ อิทํ นาม กิจฺจํ กตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ วุโตฺต รกฺขติ, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ เตเนวาห – ‘‘โอณิรโกฺข นาม อาหฎํ ภณฺฑํ โคเปโนฺต’’ติฯ ตตฺถ โอณิรโกฺข เยภุเยฺยน พนฺธิตฺวา ลเคฺคตฺวา ฐปิตภณฺฑํ อโมเจตฺวาว เหฎฺฐา ปสิพฺพกํ วา ปุฎกํ วา ฉินฺทิตฺวา กิญฺจิมตฺตํ คเหตฺวา สิพฺพนาทิํ ปุน ปากติกํ กโรติ, ‘‘เอวํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อามสนาทีนิ กโรนฺตสฺส อนุรุปา อาปตฺติโย เวทิตพฺพาติฯ
Tāva, bhante, muhuttaṃ oloketha, yāva ahaṃ idaṃ nāma kiccaṃ katvā āgacchāmī’’ti vutto rakkhati, tassetaṃ adhivacanaṃ. Tenevāha – ‘‘oṇirakkho nāma āhaṭaṃ bhaṇḍaṃ gopento’’ti. Tattha oṇirakkho yebhuyyena bandhitvā laggetvā ṭhapitabhaṇḍaṃ amocetvāva heṭṭhā pasibbakaṃ vā puṭakaṃ vā chinditvā kiñcimattaṃ gahetvā sibbanādiṃ puna pākatikaṃ karoti, ‘‘evaṃ gaṇhissāmī’’ti āmasanādīni karontassa anurupā āpattiyo veditabbāti.
โอณิรกฺขกถา นิฎฺฐิตาฯ
Oṇirakkhakathā niṭṭhitā.
สํวิทาวหารกถา
Saṃvidāvahārakathā
สํวิธาย อวหาโร สํวิทาวหาโร; อญฺญมญฺญสญฺญตฺติยา กตาวหาโรติ วุตฺตํ โหติฯ สํวิทหิตฺวาติ เอกจฺฉนฺทตาย เอกชฺฌาสยตาย สมฺมนฺตยิตฺวาติ อโตฺถฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – สมฺพหุลา ภิกฺขู ‘‘อสุกํ นาม เคหํ คนฺตฺวา, ฉทนํ วา ภินฺทิตฺวา, สนฺธิํ วา ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑํ หริสฺสามา’’ติ สํวิทหิตฺวา คจฺฉนฺติฯ เตสุ เอโก ภณฺฑํ อวหรติฯ ตสฺสุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ ปริวาเรปิ เจตํ วุตฺตํ –
Saṃvidhāya avahāro saṃvidāvahāro; aññamaññasaññattiyā katāvahāroti vuttaṃ hoti. Saṃvidahitvāti ekacchandatāya ekajjhāsayatāya sammantayitvāti attho. Tatrāyaṃ vinicchayo – sambahulā bhikkhū ‘‘asukaṃ nāma gehaṃ gantvā, chadanaṃ vā bhinditvā, sandhiṃ vā chinditvā bhaṇḍaṃ harissāmā’’ti saṃvidahitvā gacchanti. Tesu eko bhaṇḍaṃ avaharati. Tassuddhāre sabbesaṃ pārājikaṃ. Parivārepi cetaṃ vuttaṃ –
‘‘จตุโร ชนา สํวิธาย, ครุภณฺฑํ อวาหรุํ;
‘‘Caturo janā saṃvidhāya, garubhaṇḍaṃ avāharuṃ;
ตโย ปาราชิกา, เอโก น ปาราชิโก;
Tayo pārājikā, eko na pārājiko;
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙);
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479);
ตสฺสายํ อโตฺถ – จตฺตาโร ชนา อาจริยเนฺตวาสิกา ฉมาสกํ ครุภณฺฑํ อาหริตุกามา ชาตาฯ ตตฺถ อาจริโย ‘‘ตฺวํ เอกํ มาสกํ หร, ตฺวํ เอกํ, ตฺวํ เอกํ, อหํ ตโย หริสฺสามี’’ติ อาหฯ อเนฺตวาสิเกสุ ปน ปฐโม ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, ตโย หรถ, ตฺวํ เอกํ หร, ตฺวํ เอกํ, อหํ เอกํ หริสฺสามี’’ติ อาหฯ อิตเรปิ เทฺว เอวเมว อาหํสุฯ ตตฺถ อเนฺตวาสิเกสุ เอกเมกสฺส เอเกโก มาสโก สาหตฺถิโก โหติ, เตน เนสํ ทุกฺกฎาปตฺติโย; ปญฺจ อาณตฺติกา, เตหิ ติณฺณมฺปิ ปาราชิกํฯ อาจริยสฺส ปน ตโย สาหตฺถิกา, เตหิสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ตโย อาณตฺติกา, เตหิปิ ถุลฺลจฺจยเมวฯ อิมสฺมิญฺหิ อทินฺนาทานสิกฺขาปเท สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส, อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺส องฺคํ น โหติฯ สาหตฺถิกํ ปน สาหตฺถิเกเนว กาเรตพฺพํ, อาณตฺติกํ อาณตฺติเกเนวฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘จตุโร ชนา สํวิธาย…เป.… ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ
Tassāyaṃ attho – cattāro janā ācariyantevāsikā chamāsakaṃ garubhaṇḍaṃ āharitukāmā jātā. Tattha ācariyo ‘‘tvaṃ ekaṃ māsakaṃ hara, tvaṃ ekaṃ, tvaṃ ekaṃ, ahaṃ tayo harissāmī’’ti āha. Antevāsikesu pana paṭhamo ‘‘tumhe, bhante, tayo haratha, tvaṃ ekaṃ hara, tvaṃ ekaṃ, ahaṃ ekaṃ harissāmī’’ti āha. Itarepi dve evameva āhaṃsu. Tattha antevāsikesu ekamekassa ekeko māsako sāhatthiko hoti, tena nesaṃ dukkaṭāpattiyo; pañca āṇattikā, tehi tiṇṇampi pārājikaṃ. Ācariyassa pana tayo sāhatthikā, tehissa thullaccayaṃ. Tayo āṇattikā, tehipi thullaccayameva. Imasmiñhi adinnādānasikkhāpade sāhatthikaṃ vā āṇattikassa, āṇattikaṃ vā sāhatthikassa aṅgaṃ na hoti. Sāhatthikaṃ pana sāhatthikeneva kāretabbaṃ, āṇattikaṃ āṇattikeneva. Tena vuttaṃ – ‘‘caturo janā saṃvidhāya…pe… pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti.
อปิจ สํวิทาวหาเร อสโมฺมหตฺถํ ‘‘เอกภณฺฑํ เอกฎฺฐานํ, เอกภณฺฑํ นานาฐานํ; นานาภณฺฑํ เอกฎฺฐานํ, นานาภณฺฑํ นานาฐาน’’นฺติ อิทมฺปิ จตุกฺกํ อตฺถโต สลฺลเกฺขตพฺพํฯ ตตฺถ เอกภณฺฑํ เอกฎฺฐานนฺติ เอกกุลสฺส อาปณผลเก ปญฺจมาสกํ ภณฺฑํ ทุฎฺฐปิตํ ทิสฺวา สมฺพหุลา ภิกฺขู เอกํ อาณาเปนฺติ ‘‘คเจฺฉตํ อาหรา’’ติ, ตสฺสุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ เอกภณฺฑํ นานาฐานนฺติ เอกกุลสฺส ปญฺจสุ อาปณผลเกสุ เอเกกมาสกํ ทุฎฺฐปิตํ ทิสฺวา สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺติ ‘‘คเจฺฉเต อาหรา’’ติ, ปญฺจมสฺส มาสกสฺส อุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ นานาภณฺฑํ เอกฎฺฐานนฺติ พหูนํ สนฺตกํ ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ ภณฺฑํ เอกสฺมิํ ฐาเน ทุฎฺฐปิตํ ทิสฺวา สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺติ ‘‘คเจฺฉตํ อาหรา’’ติ, ตสฺสุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกํฯ นานาภณฺฑํ นานาฐานนฺติ ปญฺจนฺนํ กุลานํ ปญฺจสุ อาปณผลเกสุ เอเกกมาสกํ ทุฎฺฐปิตํ ทิสฺวา สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺติ ‘‘คเจฺฉเต อาหรา’’ติ, ปญฺจมสฺส มาสกสฺส อุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกนฺติฯ
Apica saṃvidāvahāre asammohatthaṃ ‘‘ekabhaṇḍaṃ ekaṭṭhānaṃ, ekabhaṇḍaṃ nānāṭhānaṃ; nānābhaṇḍaṃ ekaṭṭhānaṃ, nānābhaṇḍaṃ nānāṭhāna’’nti idampi catukkaṃ atthato sallakkhetabbaṃ. Tattha ekabhaṇḍaṃ ekaṭṭhānanti ekakulassa āpaṇaphalake pañcamāsakaṃ bhaṇḍaṃ duṭṭhapitaṃ disvā sambahulā bhikkhū ekaṃ āṇāpenti ‘‘gacchetaṃ āharā’’ti, tassuddhāre sabbesaṃ pārājikaṃ. Ekabhaṇḍaṃ nānāṭhānanti ekakulassa pañcasu āpaṇaphalakesu ekekamāsakaṃ duṭṭhapitaṃ disvā sambahulā ekaṃ āṇāpenti ‘‘gacchete āharā’’ti, pañcamassa māsakassa uddhāre sabbesaṃ pārājikaṃ. Nānābhaṇḍaṃ ekaṭṭhānanti bahūnaṃ santakaṃ pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ bhaṇḍaṃ ekasmiṃ ṭhāne duṭṭhapitaṃ disvā sambahulā ekaṃ āṇāpenti ‘‘gacchetaṃ āharā’’ti, tassuddhāre sabbesaṃ pārājikaṃ. Nānābhaṇḍaṃ nānāṭhānanti pañcannaṃ kulānaṃ pañcasu āpaṇaphalakesu ekekamāsakaṃ duṭṭhapitaṃ disvā sambahulā ekaṃ āṇāpenti ‘‘gacchete āharā’’ti, pañcamassa māsakassa uddhāre sabbesaṃ pārājikanti.
สํวิทาวหารกถา นิฎฺฐิตาฯ
Saṃvidāvahārakathā niṭṭhitā.
สเงฺกตกมฺมกถา
Saṅketakammakathā
๑๑๙. สเงฺกตกมฺมนฺติ สญฺชานนกมฺมํ; กาลปริเจฺฉทวเสน สญฺญาณกรณนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุเตฺต อชฺช วา ปุเรภตฺตํ อวหรตุ, เสฺว วา, อนาคเต วา สํวจฺฉเร, นตฺถิ วิสเงฺกโต; อุภินฺนมฺปิ โอจรเก วุตฺตนเยเนว ปาราชิกํฯ สเจ ปน ‘‘อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุเตฺต เสฺว ปุเรภตฺตํ อวหรติ, ‘‘อชฺชา’’ติ นิยามิตํ ตํ สเงฺกตํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา อวหฎํ โหติฯ สเจ ‘‘เสฺว ปุเรภตฺตํ อวหรา’’ติ วุเตฺต อชฺช ปุเรภตฺตํ อวหรติ , ‘‘เสฺว’’ติ นิยามิตํ ตํ สเงฺกตํ อปฺปตฺวา ปุเร อวหฎํ โหติ; เอวํ อวหรนฺตสฺส อวหารกเสฺสว ปาราชิกํ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติฯ ‘‘เสฺว ปุเรภตฺต’’นฺติ วุเตฺต ตทเหว วา เสฺว ปจฺฉาภตฺตํ วา หรโนฺตปิ ตํ สเงฺกตํ ปุเร จ ปจฺฉา จ หรตีติ เวทิตโพฺพฯ เอส นโย ปจฺฉาภตฺตรตฺตินฺทิเวสุปิฯ ปุริมยาม-มชฺฌิมยาม-ปจฺฉิมยาม-กาฬชุณฺห-มาส-อุตุ-สํวจฺฉราทิวเสนาปิ เจตฺถ สเงฺกตวิสเงฺกตตา เวทิตพฺพาฯ ‘‘ปุเรภตฺตํ หรา’’ติ วุเตฺต ‘‘ปุเรภตฺตเมว หริสฺสามี’’ติ วายมนฺตสฺส ปจฺฉาภตฺตํ โหติ; เอตฺถ กถนฺติ? มหาสุมเตฺถโร ตาว อาห – ‘‘ปุเรภตฺตปโยโคว เอโส, ตสฺมา มูลโฎฺฐ น มุจฺจตี’’ติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘กาลปริเจฺฉทํ อติกฺกนฺตตฺตา วิสเงฺกตํ, ตสฺมา มูลโฎฺฐ มุจฺจตี’’ติฯ
119.Saṅketakammanti sañjānanakammaṃ; kālaparicchedavasena saññāṇakaraṇanti attho. Ettha ca ‘‘purebhattaṃ avaharā’’ti vutte ajja vā purebhattaṃ avaharatu, sve vā, anāgate vā saṃvacchare, natthi visaṅketo; ubhinnampi ocarake vuttanayeneva pārājikaṃ. Sace pana ‘‘ajja purebhattaṃ avaharā’’ti vutte sve purebhattaṃ avaharati, ‘‘ajjā’’ti niyāmitaṃ taṃ saṅketaṃ atikkamma pacchā avahaṭaṃ hoti. Sace ‘‘sve purebhattaṃ avaharā’’ti vutte ajja purebhattaṃ avaharati , ‘‘sve’’ti niyāmitaṃ taṃ saṅketaṃ appatvā pure avahaṭaṃ hoti; evaṃ avaharantassa avahārakasseva pārājikaṃ, mūlaṭṭhassa anāpatti. ‘‘Sve purebhatta’’nti vutte tadaheva vā sve pacchābhattaṃ vā harantopi taṃ saṅketaṃ pure ca pacchā ca haratīti veditabbo. Esa nayo pacchābhattarattindivesupi. Purimayāma-majjhimayāma-pacchimayāma-kāḷajuṇha-māsa-utu-saṃvaccharādivasenāpi cettha saṅketavisaṅketatā veditabbā. ‘‘Purebhattaṃ harā’’ti vutte ‘‘purebhattameva harissāmī’’ti vāyamantassa pacchābhattaṃ hoti; ettha kathanti? Mahāsumatthero tāva āha – ‘‘purebhattapayogova eso, tasmā mūlaṭṭho na muccatī’’ti. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘kālaparicchedaṃ atikkantattā visaṅketaṃ, tasmā mūlaṭṭho muccatī’’ti.
สเงฺกตกมฺมกถา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅketakammakathā niṭṭhitā.
นิมิตฺตกมฺมกถา
Nimittakammakathā
๑๒๐. นิมิตฺตกมฺมนฺติ สญฺญุปฺปาทนตฺถํ กสฺสจิ นิมิตฺตสฺส กรณํ, ตํ ‘‘อกฺขิํ วา นิขณิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ติธา วุตฺตํฯ อญฺญมฺปิ ปเนตฺถ หตฺถลงฺฆน-ปาณิปฺปหารองฺคุลิโผฎน-คีวุนฺนามน-อุกฺกาสนาทิอเนกปฺปการํ สงฺคเหตพฺพํฯ เสสเมตฺถ สเงฺกตกเมฺม วุตฺตนยเมวาติฯ
120.Nimittakammanti saññuppādanatthaṃ kassaci nimittassa karaṇaṃ, taṃ ‘‘akkhiṃ vā nikhaṇissāmī’’tiādinā nayena tidhā vuttaṃ. Aññampi panettha hatthalaṅghana-pāṇippahāraaṅguliphoṭana-gīvunnāmana-ukkāsanādianekappakāraṃ saṅgahetabbaṃ. Sesamettha saṅketakamme vuttanayamevāti.
นิมิตฺตกมฺมกถา นิฎฺฐิตาฯ
Nimittakammakathā niṭṭhitā.
อาณตฺติกถา
Āṇattikathā
๑๒๑. อิทานิ เอเตเสฺวว สเงฺกตกมฺมนิมิตฺตกเมฺมสุ อสโมฺมหตฺถํ ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โส ตํ มญฺญมาโน ตนฺติ โส อวหารโก ยํ อาณาปเกน นิมิตฺตสญฺญํ กตฺวา วุตฺตํ, ตํ เอตนฺติ มญฺญมาโน ตเมว อวหรติ, อุภินฺนํ ปาราชิกํฯ โส ตํ มญฺญมาโน อญฺญนฺติ ยํ อวหราติ วุตฺตํ, ตํ เอตนฺติ มญฺญมาโน อญฺญํ ตสฺมิํเยว ฐาเน ฐปิตํ อวหรติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติฯ อญฺญํ มญฺญมาโน ตนฺติ อาณาปเกน นิมิตฺตสญฺญํ กตฺวา วุตฺตภณฺฑํ อปฺปคฺฆํ, อิทํ อญฺญํ ตเสฺสว สมีเป ฐปิตํ สารภณฺฑนฺติ เอวํ อญฺญํ มญฺญมาโน ตเมว อวหรติ, อุภินฺนมฺปิ ปาราชิกํฯ อญฺญํ มญฺญมาโน อญฺญนฺติ ปุริมนเยเนว อิทํ อญฺญํ ตเสฺสว สมีเป ฐปิตํ สารภณฺฑนฺติ มญฺญติ, ตเญฺจ อญฺญเมว โหติ, ตเสฺสว ปาราชิกํฯ
121. Idāni etesveva saṅketakammanimittakammesu asammohatthaṃ ‘‘bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpetī’’tiādimāha. Tattha so taṃ maññamāno tanti so avahārako yaṃ āṇāpakena nimittasaññaṃ katvā vuttaṃ, taṃ etanti maññamāno tameva avaharati, ubhinnaṃ pārājikaṃ. So taṃ maññamāno aññanti yaṃ avaharāti vuttaṃ, taṃ etanti maññamāno aññaṃ tasmiṃyeva ṭhāne ṭhapitaṃ avaharati, mūlaṭṭhassa anāpatti. Aññaṃ maññamāno tanti āṇāpakena nimittasaññaṃ katvā vuttabhaṇḍaṃ appagghaṃ, idaṃ aññaṃ tasseva samīpe ṭhapitaṃ sārabhaṇḍanti evaṃ aññaṃ maññamāno tameva avaharati, ubhinnampi pārājikaṃ. Aññaṃ maññamāno aññanti purimanayeneva idaṃ aññaṃ tasseva samīpe ṭhapitaṃ sārabhaṇḍanti maññati, tañce aññameva hoti, tasseva pārājikaṃ.
อิตฺถนฺนามสฺส ปาวทาติอาทีสุ เอโก อาจริโย ตโย พุทฺธรกฺขิต-ธมฺมรกฺขิต-สงฺฆรกฺขิตนามกา อเนฺตวาสิกา ทฎฺฐพฺพาฯ ตตฺถ ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปตีติ อาจริโย กิญฺจิ ภณฺฑํ กตฺถจิ สลฺลเกฺขตฺวา ตสฺส หรณตฺถาย พุทฺธรกฺขิตํ อาณาเปติฯ อิตฺถนฺนามสฺส ปาวทาติ คจฺฉ ตฺวํ, พุทฺธรกฺขิต, เอตมตฺถํ ธมฺมรกฺขิตสฺส ปาวทฯ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส ปาวทตูติ ธมฺมรกฺขิโตปิ สงฺฆรกฺขิตสฺส ปาวทตุฯ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรตูติ เอวํ ตยา อาณเตฺตน ธมฺมรกฺขิเตน อาณโตฺต สงฺฆรกฺขิโต อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรตุ, โส หิ อเมฺหสุ วีรชาติโก ปฎิพโล อิมสฺมิํ กเมฺมติฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอวํ อาณาเปนฺตสฺส อาจริยสฺส ตาว ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน สา อาณตฺติ ยถาธิปฺปายํ คจฺฉติ, ยํ ปรโต ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ, อาณตฺติกฺขเณ ตเทว โหติฯ อถ ตํ ภณฺฑํ อวสฺสํ หาริยํ โหติ, ยํ ปรโต ‘‘สเพฺพสํ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตโต อิมสฺส ตงฺขเณเยว ปาราชิกํ โหตีติ อยํ ยุตฺติ สพฺพตฺถ เวทิตพฺพาฯ
Itthannāmassa pāvadātiādīsu eko ācariyo tayo buddharakkhita-dhammarakkhita-saṅgharakkhitanāmakā antevāsikā daṭṭhabbā. Tattha bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpetīti ācariyo kiñci bhaṇḍaṃ katthaci sallakkhetvā tassa haraṇatthāya buddharakkhitaṃ āṇāpeti. Itthannāmassa pāvadāti gaccha tvaṃ, buddharakkhita, etamatthaṃ dhammarakkhitassa pāvada. Itthannāmo itthannāmassa pāvadatūti dhammarakkhitopi saṅgharakkhitassa pāvadatu. Itthannāmo itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharatūti evaṃ tayā āṇattena dhammarakkhitena āṇatto saṅgharakkhito itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharatu, so hi amhesu vīrajātiko paṭibalo imasmiṃ kammeti. Āpatti dukkaṭassāti evaṃ āṇāpentassa ācariyassa tāva dukkaṭaṃ. Sace pana sā āṇatti yathādhippāyaṃ gacchati, yaṃ parato thullaccayaṃ vuttaṃ, āṇattikkhaṇe tadeva hoti. Atha taṃ bhaṇḍaṃ avassaṃ hāriyaṃ hoti, yaṃ parato ‘‘sabbesaṃ āpatti pārājikassā’’ti vuttaṃ, tato imassa taṅkhaṇeyeva pārājikaṃ hotīti ayaṃ yutti sabbattha veditabbā.
โส อิตรสฺส อาโรเจตีติ พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตสฺส, ธมฺมรกฺขิโต จ สงฺฆรกฺขิตสฺส ‘‘อมฺหากํ อาจริโย เอวํ วทติ – ‘อิตฺถนฺนามํ กิร ภณฺฑํ อวหร, ตฺวํ กิร อเมฺหสุ จ วีรปุริโส’’’ติ อาโรเจติ, เอวํ เตสมฺปิ ทุกฺกฎํฯ อวหารโก ปฎิคฺคณฺหาตีติ ‘‘สาธุ หริสฺสามี’’ติ สงฺฆรกฺขิโต สมฺปฎิจฺฉติฯ มูลฎฺฐสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสาติ สงฺฆรกฺขิเตน ปฎิคฺคหิตมเตฺต อาจริยสฺส ถุลฺลจฺจยํ, มหาชโน หิ เตน ปาเป นิโยชิโตติฯ โส ตํ ภณฺฑนฺติ โส เจ สงฺฆรกฺขิโต ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, สเพฺพสํ จตุนฺนมฺปิ ชนานํ ปาราชิกํฯ น เกวลญฺจ จตุนฺนํ, เอเตน อุปาเยน วิสเงฺกตํ อกตฺวา ปรมฺปราย อาณาเปนฺตํ สมณสตํ สมณสหสฺสํ วา โหตุ, สเพฺพสํ ปาราชิกเมวฯ
So itarassa ārocetīti buddharakkhito dhammarakkhitassa, dhammarakkhito ca saṅgharakkhitassa ‘‘amhākaṃ ācariyo evaṃ vadati – ‘itthannāmaṃ kira bhaṇḍaṃ avahara, tvaṃ kira amhesu ca vīrapuriso’’’ti āroceti, evaṃ tesampi dukkaṭaṃ. Avahārako paṭiggaṇhātīti ‘‘sādhu harissāmī’’ti saṅgharakkhito sampaṭicchati. Mūlaṭṭhassa āpatti thullaccayassāti saṅgharakkhitena paṭiggahitamatte ācariyassa thullaccayaṃ, mahājano hi tena pāpe niyojitoti. So taṃ bhaṇḍanti so ce saṅgharakkhito taṃ bhaṇḍaṃ avaharati, sabbesaṃ catunnampi janānaṃ pārājikaṃ. Na kevalañca catunnaṃ, etena upāyena visaṅketaṃ akatvā paramparāya āṇāpentaṃ samaṇasataṃ samaṇasahassaṃ vā hotu, sabbesaṃ pārājikameva.
ทุติยวาเร – โส อญฺญํ อาณาเปตีติ โส อาจริเยน อาณโตฺต พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตํ อทิสฺวา วา อวตฺตุกาโม วา หุตฺวา สงฺฆรกฺขิตเมว อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย เอวมาห – ‘อิตฺถนฺนามํ กิร ภณฺฑํ อวหรา’’’ติ อาณาเปติฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ อาณตฺติยา ตาว พุทฺธรกฺขิตสฺส ทุกฺกฎํฯ ปฎิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ สงฺฆรกฺขิเตน สมฺปฎิจฺฉิเต มูลฎฺฐเสฺสว ทุกฺกฎนฺติ เวทิตพฺพํฯ สเจ ปน โส ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, อาณาปกสฺส จ พุทฺธรกฺขิตสฺส, อวหารกสฺส จ สงฺฆรกฺขิตสฺสาติ อุภินฺนมฺปิ ปาราชิกํฯ มูลฎฺฐสฺส ปน อาจริยสฺส วิสเงฺกตตฺตา ปาราชิเกน อนาปตฺติฯ ธมฺมรกฺขิตสฺส อชานนตาย สเพฺพน สพฺพํ อนาปตฺติฯ พุทฺธรกฺขิโต ปน ทฺวินฺนํ โสตฺถิภาวํ กตฺวา อตฺตนา นโฎฺฐฯ
Dutiyavāre – so aññaṃ āṇāpetīti so ācariyena āṇatto buddharakkhito dhammarakkhitaṃ adisvā vā avattukāmo vā hutvā saṅgharakkhitameva upasaṅkamitvā ‘‘amhākaṃ ācariyo evamāha – ‘itthannāmaṃ kira bhaṇḍaṃ avaharā’’’ti āṇāpeti. Āpatti dukkaṭassāti āṇattiyā tāva buddharakkhitassa dukkaṭaṃ. Paṭiggaṇhāti, āpatti dukkaṭassāti saṅgharakkhitena sampaṭicchite mūlaṭṭhasseva dukkaṭanti veditabbaṃ. Sace pana so taṃ bhaṇḍaṃ avaharati, āṇāpakassa ca buddharakkhitassa, avahārakassa ca saṅgharakkhitassāti ubhinnampi pārājikaṃ. Mūlaṭṭhassa pana ācariyassa visaṅketattā pārājikena anāpatti. Dhammarakkhitassa ajānanatāya sabbena sabbaṃ anāpatti. Buddharakkhito pana dvinnaṃ sotthibhāvaṃ katvā attanā naṭṭho.
อิโต ปเรสุ จตูสุ อาณตฺติวาเรสุ ปฐเม ตาว โส คนฺตฺวา ปุน ปจฺจาคจฺฉตีติ ภณฺฑฎฺฐานํ คนฺตฺวา อโนฺต จ พหิ จ อารกฺขํ ทิสฺวา อวหริตุํ อสโกฺกโนฺต อาคจฺฉติฯ ยทา สโกฺกสิ, ตทาติ กิํ อเชฺชว อวหฎํ โหติ? คจฺฉ ยทา สโกฺกสิ ตทา นํ อวหราติฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอวํ ปุน อาณตฺติยาปิ ทุกฺกฎเมว โหติฯ สเจ ปน ตํ ภณฺฑํ อวสฺสํ หาริยํ โหติ, อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา, ตสฺมา อยํ อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิโกฯ สเจปิ อวหารโก สฎฺฐิวสฺสาติกฺกเมน ตํ ภณฺฑํ อวหรติ, อาณาปโก จ อนฺตราเยว กาลํ วา กโรติ, หีนาย วา อาวตฺตติ; อสฺสมโณว หุตฺวา กาลํ วา กริสฺสติ, หีนาย วา อาวตฺติสฺสติ, อวหารกสฺส ปน อวหารกฺขเณเยว ปาราชิกํฯ
Ito paresu catūsu āṇattivāresu paṭhame tāva so gantvā puna paccāgacchatīti bhaṇḍaṭṭhānaṃ gantvā anto ca bahi ca ārakkhaṃ disvā avaharituṃ asakkonto āgacchati. Yadā sakkosi, tadāti kiṃ ajjeva avahaṭaṃ hoti? Gaccha yadā sakkosi tadā naṃ avaharāti. Āpatti dukkaṭassāti evaṃ puna āṇattiyāpi dukkaṭameva hoti. Sace pana taṃ bhaṇḍaṃ avassaṃ hāriyaṃ hoti, atthasādhakacetanā nāma maggānantaraphalasadisā, tasmā ayaṃ āṇattikkhaṇeyeva pārājiko. Sacepi avahārako saṭṭhivassātikkamena taṃ bhaṇḍaṃ avaharati, āṇāpako ca antarāyeva kālaṃ vā karoti, hīnāya vā āvattati; assamaṇova hutvā kālaṃ vā karissati, hīnāya vā āvattissati, avahārakassa pana avahārakkhaṇeyeva pārājikaṃ.
ทุติยวาเร – ยสฺมา ตํ สณิกํ วา ภณโนฺต ตสฺส วา พธิรตาย ‘‘มา อวหรี’’ติ
Dutiyavāre – yasmā taṃ saṇikaṃ vā bhaṇanto tassa vā badhiratāya ‘‘mā avaharī’’ti
เอตํ วจนํ น สาเวติ, ตสฺมา มูลโฎฺฐ น มุโตฺตฯ ตติยวาเร – ปน สาวิตตฺตา มุโตฺตฯ จตุตฺถวาเร – เตน จ สาวิตตฺตา, อิตเรน จ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา โอรตตฺตา อุโภปิ มุตฺตาติฯ
Etaṃ vacanaṃ na sāveti, tasmā mūlaṭṭho na mutto. Tatiyavāre – pana sāvitattā mutto. Catutthavāre – tena ca sāvitattā, itarena ca ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā oratattā ubhopi muttāti.
อาณตฺติกถา นิฎฺฐิตาฯ
Āṇattikathā niṭṭhitā.
อาปตฺติเภทํ
Āpattibhedaṃ
๑๒๒. อิทานิ ตตฺถ ตตฺถ ฐานา จาวนวเสน วุตฺตสฺส อทินฺนาทานสฺส องฺคํ วตฺถุเภเทน จ อาปตฺติเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจหิ อากาเรหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปญฺจหิ อากาเรหีติ ปญฺจหิ การเณหิ; ปญฺจหิ อเงฺคหีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – อทินฺนํ อาทิยนฺตสฺส ‘‘ปรปริคฺคหิตญฺจ โหตี’’ติอาทินา นเยน วุเตฺตหิ ปญฺจหากาเรหิ ปาราชิกํ โหติ, น ตโต อูเนหีติฯ ตตฺริเม ปญฺจ อาการา – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา , ปริกฺขารสฺส ครุกภาโว, เถยฺยจิตฺตํ, ฐานาจาวนนฺติฯ อิโต ปเรหิ ปน ทฺวีหิ วาเรหิ ลหุเก ปริกฺขาเร วตฺถุเภเทน ถุลฺลจฺจยญฺจ ทุกฺกฎญฺจ ทสฺสิตํฯ
122. Idāni tattha tattha ṭhānā cāvanavasena vuttassa adinnādānassa aṅgaṃ vatthubhedena ca āpattibhedaṃ dassento ‘‘pañcahi ākārehī’’tiādimāha. Tattha pañcahi ākārehīti pañcahi kāraṇehi; pañcahi aṅgehīti vuttaṃ hoti. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – adinnaṃ ādiyantassa ‘‘parapariggahitañca hotī’’tiādinā nayena vuttehi pañcahākārehi pārājikaṃ hoti, na tato ūnehīti. Tatrime pañca ākārā – parapariggahitaṃ, parapariggahitasaññitā , parikkhārassa garukabhāvo, theyyacittaṃ, ṭhānācāvananti. Ito parehi pana dvīhi vārehi lahuke parikkhāre vatthubhedena thullaccayañca dukkaṭañca dassitaṃ.
๑๒๕. ‘‘ฉหากาเรหี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตวารตฺตเย ปน น สกสญฺญิตา, น วิสฺสาสคฺคาหิตา, น ตาวกาลิกตา, ปริกฺขารสฺส ครุกภาโว, เถยฺยจิตฺตํ, ฐานาจาวนนฺติ เอวํ ฉ อาการา เวทิตพฺพาฯ วตฺถุเภเทน ปเนตฺถาปิ ปฐมวาเร ปาราชิกํฯ ทุติยตติเยสุ ถุลฺลจฺจยทุกฺกฎานิ วุตฺตานิฯ ตโต ปเรสุ ปน ตีสุ วาเรสุ วิชฺชมาเนปิ วตฺถุเภเท วตฺถุสฺส ปเรหิ อปริคฺคหิตตฺตา ทุกฺกฎเมว วุตฺตํฯ ตตฺร ยเทตํ ‘‘น จ ปรปริคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อนชฺฌาวุตฺถกํ วา โหตุ ฉฑฺฑิตํ ฉินฺนมูลกํ อสฺสามิกวตฺถุ, อตฺตโน สนฺตกํ วา, อุภยมฺปิ ‘‘น จ ปรปริคฺคหิต’’เนฺตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ยสฺมา ปเนตฺถ ปรปริคฺคหิตสญฺญา จ อตฺถิ, เถยฺยจิเตฺตน จ คหิตํ, ตสฺมา อนาปตฺติ น วุตฺตาติฯ
125.‘‘Chahākārehī’’tiādinā nayena vuttavārattaye pana na sakasaññitā, na vissāsaggāhitā, na tāvakālikatā, parikkhārassa garukabhāvo, theyyacittaṃ, ṭhānācāvananti evaṃ cha ākārā veditabbā. Vatthubhedena panetthāpi paṭhamavāre pārājikaṃ. Dutiyatatiyesu thullaccayadukkaṭāni vuttāni. Tato paresu pana tīsu vāresu vijjamānepi vatthubhede vatthussa parehi apariggahitattā dukkaṭameva vuttaṃ. Tatra yadetaṃ ‘‘na ca parapariggahita’’nti vuttaṃ, taṃ anajjhāvutthakaṃ vā hotu chaḍḍitaṃ chinnamūlakaṃ assāmikavatthu, attano santakaṃ vā, ubhayampi ‘‘na ca parapariggahita’’ntveva saṅkhyaṃ gacchati. Yasmā panettha parapariggahitasaññā ca atthi, theyyacittena ca gahitaṃ, tasmā anāpatti na vuttāti.
อาปตฺติเภทํ นิฎฺฐิตํฯ
Āpattibhedaṃ niṭṭhitaṃ.
อนาปตฺติเภทํ
Anāpattibhedaṃ
๑๓๑. เอวํ วตฺถุวเสน จ จิตฺตวเสน จ อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อนาปตฺติเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนาปตฺติ สสญฺญิสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สสญฺญิสฺสาติ สกสญฺญิสฺส, ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ อิทํ ภณฺฑ’’นฺติ เอวํ สสญฺญิสฺส ปรภณฺฑมฺปิ คณฺหโต คหเณ อนาปตฺติ, คหิตํ ปน ปุน ทาตพฺพํฯ สเจ สามิเกหิ ‘‘เทหี’’ติ วุโตฺต น เทติ, เตสํ ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ
131. Evaṃ vatthuvasena ca cittavasena ca āpattibhedaṃ dassetvā idāni anāpattibhedaṃ dassento ‘‘anāpatti sasaññissā’’tiādimāha. Tattha sasaññissāti sakasaññissa, ‘‘mayhaṃ santakaṃ idaṃ bhaṇḍa’’nti evaṃ sasaññissa parabhaṇḍampi gaṇhato gahaṇe anāpatti, gahitaṃ pana puna dātabbaṃ. Sace sāmikehi ‘‘dehī’’ti vutto na deti, tesaṃ dhuranikkhepe pārājikaṃ.
วิสฺสาสคฺคาเหติ วิสฺสาสคฺคหเณปิ อนาปตฺติฯ วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ ปน อิมินา สุเตฺตน ชานิตพฺพํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํ – สนฺทิโฎฺฐ จ โหติ, สมฺภโตฺต จ, อาลปิโต จ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน’’ติ (มหาว. ๓๕๖)ฯ ตตฺถ สนฺทิโฎฺฐติ ทิฎฺฐมตฺตกมิโตฺต, สมฺภโตฺตติ ทฬฺหมิโตฺต, อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเณฺหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุโตฺตฯ ชีวตีติ อนุฎฺฐานเสยฺยาย สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทํ น ปาปุณาติฯ คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต ตุฎฺฐจิโตฺต โหติ, เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานเนฺตน คเหตุํ วฎฺฎติฯ อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปญฺจงฺคานิ วุตฺตานิฯ วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ อเงฺคหิ รุหติ – สนฺทิโฎฺฐ, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน; สมฺภโตฺต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโน; อาลปิโต, ชีวติ, คหิเต อตฺตมโนติฯ
Vissāsaggāheti vissāsaggahaṇepi anāpatti. Vissāsaggāhalakkhaṇaṃ pana iminā suttena jānitabbaṃ – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgatassa vissāsaṃ gahetuṃ – sandiṭṭho ca hoti, sambhatto ca, ālapito ca, jīvati ca, gahite ca attamano’’ti (mahāva. 356). Tattha sandiṭṭhoti diṭṭhamattakamitto, sambhattoti daḷhamitto, ālapitoti ‘‘mama santakaṃ yaṃ icchasi, taṃ gaṇheyyāsi, āpucchitvā gahaṇe kāraṇaṃ natthī’’ti vutto. Jīvatīti anuṭṭhānaseyyāya sayitopi yāva jīvitindriyupacchedaṃ na pāpuṇāti. Gahite ca attamanoti gahite tuṭṭhacitto hoti, evarūpassa santakaṃ ‘‘gahite me attamano bhavissatī’’ti jānantena gahetuṃ vaṭṭati. Anavasesapariyādānavasena cetāni pañcaṅgāni vuttāni. Vissāsaggāho pana tīhi aṅgehi ruhati – sandiṭṭho, jīvati, gahite attamano; sambhatto, jīvati, gahite attamano; ālapito, jīvati, gahite attamanoti.
โย ปน น ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ; ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคฺคาเหน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํฯ ททมาเนน จ มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฎฺฐา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํฯ อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ ตเสฺสว ทาตพฺพํฯ โย ปน ปฐมํเยว ‘‘สุฎฺฐุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหเนฺตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โยปิ อทาตุกาโม จิเตฺตน ปน อธิวาเสติ, น กิญฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิตํ วา ปริภุตฺตํ วา’’ติ วุเตฺต ‘‘คหิตํ วา โหตุ ปริภุตฺตํ วา, มยา ปน ตํ เกนจิเทว กรณีเยน ฐปิตํ, ปากติกํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทติฯ อยํ ปจฺจาหราเปตุํ ลภติฯ
Yo pana na jīvati, na ca gahite attamano hoti; tassa santakaṃ vissāsaggāhena gahitampi puna dātabbaṃ. Dadamānena ca matakadhanaṃ tāva ye tassa dhane issarā gahaṭṭhā vā pabbajitā vā, tesaṃ dātabbaṃ. Anattamanassa santakaṃ tasseva dātabbaṃ. Yo pana paṭhamaṃyeva ‘‘suṭṭhu kataṃ tayā mama santakaṃ gaṇhantenā’’ti vacībhedena vā cittuppādamattena vā anumoditvā pacchā kenaci kāraṇena kupito, paccāharāpetuṃ na labhati. Yopi adātukāmo cittena pana adhivāseti, na kiñci vadati, sopi puna paccāharāpetuṃ na labhati. Yo pana ‘‘mayā tumhākaṃ santakaṃ gahitaṃ vā paribhuttaṃ vā’’ti vutte ‘‘gahitaṃ vā hotu paribhuttaṃ vā, mayā pana taṃ kenacideva karaṇīyena ṭhapitaṃ, pākatikaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vadati. Ayaṃ paccāharāpetuṃ labhati.
ตาวกาลิเกติ ‘‘ปฎิทสฺสามิ ปฎิกริสฺสามี’’ติ เอวํ คณฺหนฺตสฺส ตาวกาลิเกปิ คหเณ อนาปตฺติฯ คหิตํ ปน สเจ ภณฺฑสามิโก ปุคฺคโล วา คโณ วา ‘‘ตุเยฺหเวตํ โหตู’’ติ อนุชานาติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ อนุชานาติ, อาหราเปเนฺต ทาตพฺพํฯ สงฺฆสนฺตกํ ปน ปฎิทาตุเมว วฎฺฎติฯ
Tāvakāliketi ‘‘paṭidassāmi paṭikarissāmī’’ti evaṃ gaṇhantassa tāvakālikepi gahaṇe anāpatti. Gahitaṃ pana sace bhaṇḍasāmiko puggalo vā gaṇo vā ‘‘tuyhevetaṃ hotū’’ti anujānāti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce anujānāti, āharāpente dātabbaṃ. Saṅghasantakaṃ pana paṭidātumeva vaṭṭati.
เปตปริคฺคเหติ เอตฺถ ปน เปตฺติวิสเย อุปปนฺนาปิ กาลํ กตฺวา ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว นิพฺพตฺตาปิ จาตุมหาราชิกาทโย เทวาปิ สเพฺพ ‘‘เปตา’’ เตฺวว สงฺขฺยํ คตา, เตสํ ปริคฺคเห อนาปตฺติฯ สเจปิ หิ สโกฺก เทวราชา อาปณํ ปสาเรตฺวา นิสิโนฺน โหติ, ทิพฺพจกฺขุโก จ ภิกฺขุ ตํ ญตฺวา อตฺตโน จีวรตฺถาย สตสหสฺสคฺฆนกมฺปิ สาฎกํ ตสฺส ‘‘มา คณฺห, มา คณฺหา’’ติ วทนฺตสฺสาปิ คเหตฺวา คจฺฉติ, วฎฺฎติฯ เทวตา ปน อุทฺทิสฺส พลิกมฺมํ กโรเนฺตหิ รุกฺขาทีสุ ลคฺคิตสาฎเก วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
Petapariggaheti ettha pana pettivisaye upapannāpi kālaṃ katvā tasmiṃyeva attabhāve nibbattāpi cātumahārājikādayo devāpi sabbe ‘‘petā’’ tveva saṅkhyaṃ gatā, tesaṃ pariggahe anāpatti. Sacepi hi sakko devarājā āpaṇaṃ pasāretvā nisinno hoti, dibbacakkhuko ca bhikkhu taṃ ñatvā attano cīvaratthāya satasahassagghanakampi sāṭakaṃ tassa ‘‘mā gaṇha, mā gaṇhā’’ti vadantassāpi gahetvā gacchati, vaṭṭati. Devatā pana uddissa balikammaṃ karontehi rukkhādīsu laggitasāṭake vattabbameva natthi.
ติรจฺฉานคตปริคฺคเหติ ติรจฺฉานคตานมฺปิ ปริคฺคเห อนาปตฺติฯ สเจปิ หิ นาคราชา วา สุปณฺณมาณวโก วา มนุสฺสรูเปน อาปณํ ปสาเรติ, ตโต จสฺส สนฺตกํ โกจิ ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว คเหตฺวา คจฺฉติ, วฎฺฎติฯ สีโห วา พฺยโคฺฆ วา มิคมหิํสาทโย วธิตฺวา ขาทโนฺต ชิฆจฺฉาปีฬิโต อาทิโตว น วาเรตโพฺพฯ อนตฺถมฺปิ หิ กเรยฺยฯ ยทิ ปน โถเก ขายิเต วาเรตุํ สโกฺกติ, วาเรตฺวา คเหตุํ วฎฺฎติฯ เสนาทโยปิ อามิสํ คเหตฺวา คจฺฉเนฺต ปาตาเปตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ
Tiracchānagatapariggaheti tiracchānagatānampi pariggahe anāpatti. Sacepi hi nāgarājā vā supaṇṇamāṇavako vā manussarūpena āpaṇaṃ pasāreti, tato cassa santakaṃ koci bhikkhu purimanayeneva gahetvā gacchati, vaṭṭati. Sīho vā byaggho vā migamahiṃsādayo vadhitvā khādanto jighacchāpīḷito āditova na vāretabbo. Anatthampi hi kareyya. Yadi pana thoke khāyite vāretuṃ sakkoti, vāretvā gahetuṃ vaṭṭati. Senādayopi āmisaṃ gahetvā gacchante pātāpetvā gaṇhituṃ vaṭṭati.
ปํสุกูลสญฺญิสฺสาติ อสฺสามิกํ ‘‘อิทํ ปํสุกูล’’นฺติ เอวํสญฺญิสฺสาปิ คหเณ อนาปตฺติฯ สเจ ปน ตํ สสฺสามิกํ โหติ, อาหราเปเนฺต ทาตพฺพํ ฯ อุมฺมตฺตกสฺสาติ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการสฺส อุมฺมตฺตกสฺสาปิ อนาปตฺติฯ อาทิกมฺมิกสฺสาติ อิธ ธนิโย อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติฯ อวเสสานํ ปน รชกภณฺฑิกาทิโจรานํ ฉพฺพคฺคิยาทีนํ อาปตฺติเยวาติฯ
Paṃsukūlasaññissāti assāmikaṃ ‘‘idaṃ paṃsukūla’’nti evaṃsaññissāpi gahaṇe anāpatti. Sace pana taṃ sassāmikaṃ hoti, āharāpente dātabbaṃ . Ummattakassāti pubbe vuttappakārassa ummattakassāpi anāpatti. Ādikammikassāti idha dhaniyo ādikammiko, tassa anāpatti. Avasesānaṃ pana rajakabhaṇḍikādicorānaṃ chabbaggiyādīnaṃ āpattiyevāti.
อนาปตฺติเภทํ นิฎฺฐิตํฯ
Anāpattibhedaṃ niṭṭhitaṃ.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปกิณฺณกกถา
Pakiṇṇakakathā
สมุฎฺฐานญฺจ กิริยา, อโถ สญฺญา สจิตฺตกํ;
Samuṭṭhānañca kiriyā, atho saññā sacittakaṃ;
โลกวชฺชญฺจ กมฺมญฺจ, กุสลํ เวทนาย จาติฯ
Lokavajjañca kammañca, kusalaṃ vedanāya cāti.
อิมสฺมิํ ปน ปกิณฺณเก อิทํ สิกฺขาปทํ ติสมุฎฺฐานํ – สาหตฺถิกํ กายโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, อาณตฺติกํ วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, สาหตฺถิกาณตฺติกํ กายโต จ วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ กิริยาสมุฎฺฐานญฺจ, กโรโนฺตเยว หิ เอตํ อาปชฺชติ น อกโรโนฺตฯ ‘‘อทินฺนํ อาทิยามี’’ติ สญฺญาย อภาเวน มุจฺจนโต สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ , โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ตุโฎฺฐ วา ภีโต วา มชฺฌโตฺต วา ตํ อาปชฺชตีติ ติเวทนนฺติ สพฺพํ ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Imasmiṃ pana pakiṇṇake idaṃ sikkhāpadaṃ tisamuṭṭhānaṃ – sāhatthikaṃ kāyato ca cittato ca samuṭṭhāti, āṇattikaṃ vācato ca cittato ca samuṭṭhāti, sāhatthikāṇattikaṃ kāyato ca vācato ca cittato ca samuṭṭhāti. Kiriyāsamuṭṭhānañca, karontoyeva hi etaṃ āpajjati na akaronto. ‘‘Adinnaṃ ādiyāmī’’ti saññāya abhāvena muccanato saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ , lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, tuṭṭho vā bhīto vā majjhatto vā taṃ āpajjatīti tivedananti sabbaṃ paṭhamasikkhāpade vuttanayeneva veditabbaṃ.
ปกิณฺณกกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pakiṇṇakakathā niṭṭhitā.
วินีตวตฺถุวณฺณนา
Vinītavatthuvaṇṇanā
๑๓๒. วินีตวตฺถุกถาสุ ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ อนุปญฺญตฺติยํ วุตฺตเมวฯ
132. Vinītavatthukathāsu chabbaggiyavatthu anupaññattiyaṃ vuttameva.
ทุติยวตฺถุมฺหิ – จิตฺตํ นาม ปุถุชฺชนานํ ราคาทิวเสน ปกติํ วิชหิตฺวา ธาวติ สนฺธาวติ วิธาวติฯ สเจ ภควา กายวจีทฺวารเภทํ วินาปิ จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน อาปตฺติํ ปญฺญเปยฺย, โก สกฺกุเณยฺย อนาปตฺติกํ อตฺตานํ กาตุํ! เตนาห – ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ จิตฺตุปฺปาเท’’ติฯ จิตฺตวสิเกน ปน น ภวิตพฺพํ, ปฎิสงฺขานพเลน จิตฺตํ นิวาเรตพฺพเมวาติฯ
Dutiyavatthumhi – cittaṃ nāma puthujjanānaṃ rāgādivasena pakatiṃ vijahitvā dhāvati sandhāvati vidhāvati. Sace bhagavā kāyavacīdvārabhedaṃ vināpi cittuppādamattena āpattiṃ paññapeyya, ko sakkuṇeyya anāpattikaṃ attānaṃ kātuṃ! Tenāha – ‘‘anāpatti bhikkhu cittuppāde’’ti. Cittavasikena pana na bhavitabbaṃ, paṭisaṅkhānabalena cittaṃ nivāretabbamevāti.
๑๓๓-๔. อามสน-ผนฺทาปน-ฐานาจาวนวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ ตโต ปรานิ จ เถยฺยจิโตฺต ภูมิโต อคฺคเหสีติ วตฺถุปริโยสานานิฯ
133-4. Āmasana-phandāpana-ṭhānācāvanavatthūni uttānatthāneva. Tato parāni ca theyyacitto bhūmito aggahesīti vatthupariyosānāni.
๑๓๕. นิรุตฺติปถวตฺถุสฺมิํ ๑.๓๒๙ อาทิยีติ คณฺหิ, ‘‘โจโรสิ ตฺว’’นฺติ ปรามสิฯ อิตโร ปน ‘‘เกน อวหฎ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘มยา อวหฎ’’นฺติ ปุจฺฉาสภาเคน ปฎิญฺญํ อทาสิฯ ยทิ หิ อิตเรน ‘‘เกน คหิตํ, เกน อปนีตํ, เกน ฐปิต’’นฺติ วุตฺตํ อภวิสฺส, อถ อยมฺปิ ‘‘มยา คหิตํ, อปนีตํ, ฐปิต’’นฺติ วา วเทยฺยฯ มุขํ นาม ภุญฺชนตฺถาย จ กถนตฺถาย จ กตํ, เถยฺยจิตฺตํ ปน วินา อวหาโร นตฺถิฯ เตนาห ภควา – ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ นิรุตฺติปเถ’’ติฯ โวหารวจนมเตฺต อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ ตโต ปรํ เวฐนวตฺถุ ปริโยสานํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
135. Niruttipathavatthusmiṃ 1.329 ādiyīti gaṇhi, ‘‘corosi tva’’nti parāmasi. Itaro pana ‘‘kena avahaṭa’’nti vutte ‘‘mayā avahaṭa’’nti pucchāsabhāgena paṭiññaṃ adāsi. Yadi hi itarena ‘‘kena gahitaṃ, kena apanītaṃ, kena ṭhapita’’nti vuttaṃ abhavissa, atha ayampi ‘‘mayā gahitaṃ, apanītaṃ, ṭhapita’’nti vā vadeyya. Mukhaṃ nāma bhuñjanatthāya ca kathanatthāya ca kataṃ, theyyacittaṃ pana vinā avahāro natthi. Tenāha bhagavā – ‘‘anāpatti bhikkhu niruttipathe’’ti. Vohāravacanamatte anāpattīti attho. Tato paraṃ veṭhanavatthu pariyosānaṃ sabbaṃ uttānatthameva.
๑๓๗. อภินฺนสรีรวตฺถุสฺมิํ อธิวโตฺถติ สาฎกตณฺหาย ตสฺมิํเยว สรีเร นิพฺพโตฺตฯ อนาทิยโนฺตติ ตสฺส วจนํ อคณฺหโนฺต, อาทรํ วา อกโรโนฺตฯ ตํ สรีรํ อุฎฺฐหิตฺวาติ เปโต อตฺตโน อานุภาเวน ตํ สรีรํ อุฎฺฐาเปสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ สรีรํ อุฎฺฐหิตฺวา’’ติฯ ทฺวารํ ถเกสีติ ภิกฺขุสฺส สุสานสมีเปเยว วิหาโร, ตสฺมา ภีรุกชาติโก ภิกฺขุ ขิปฺปเมว ตตฺถ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ถเกสิฯ ตเตฺถว ปริปตีติ ทฺวาเร ถกิเต เปโต สาฎเก นิราลโย หุตฺวา ตํ สรีรํ ปหาย ยถากมฺมํ คโต, ตสฺมา ตํ สรีรํ ตเตฺถว ปริปติ, ปติตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
137. Abhinnasarīravatthusmiṃ adhivatthoti sāṭakataṇhāya tasmiṃyeva sarīre nibbatto. Anādiyantoti tassa vacanaṃ agaṇhanto, ādaraṃ vā akaronto. Taṃ sarīraṃ uṭṭhahitvāti peto attano ānubhāvena taṃ sarīraṃ uṭṭhāpesi. Tena vuttaṃ – ‘‘taṃ sarīraṃ uṭṭhahitvā’’ti. Dvāraṃ thakesīti bhikkhussa susānasamīpeyeva vihāro, tasmā bhīrukajātiko bhikkhu khippameva tattha pavisitvā dvāraṃ thakesi. Tattheva paripatīti dvāre thakite peto sāṭake nirālayo hutvā taṃ sarīraṃ pahāya yathākammaṃ gato, tasmā taṃ sarīraṃ tattheva paripati, patitanti vuttaṃ hoti.
อภิเนฺน สรีเรติ อพฺภุเณฺห อลฺลสรีเร ปํสุกูลํ น คเหตพฺพํ, คณฺหนฺตสฺส เอวรูปา อุปทฺทวา โหนฺติ, ทุกฺกฎญฺจ อาปชฺชติฯ ภิเนฺน ปน คเหตุํ วฎฺฎติฯ กิตฺตาวตา ปน ภินฺนํ โหติ? กาก-กุลล-โสณ-สิงฺคาลาทีหิ มุขตุณฺฑเกน วา ทาฐาย วา อีสกํ ผาลิตมเตฺตนาปิฯ ยสฺส ปน ปตโต ฆํสเนน ฉวิมตฺตํ ฉินฺนํ โหติ, จมฺมํ อจฺฉินฺนํ, เอตํ อภินฺนเมว; จเมฺม ปน ฉิเนฺน ภินฺนํฯ ยสฺสาปิ สชีวกาเลเยว ปภินฺนา คณฺฑกุฎฺฐปิฬกา วา วโณ วา โหติ, อิทมฺปิ ภินฺนํฯ ตติยทิวสโต ปภุติ อุทฺธุมาตกาทิภาเวน กุณปภาวํ อุปคตมฺปิ ภินฺนเมวฯ สเพฺพน สพฺพํ ปน อภิเนฺนปิ สุสานโคปเกหิ วา อเญฺญหิ วา มนุเสฺสหิ คาหาเปตุํ วฎฺฎติฯ โน เจ อญฺญํ ลภติ, สตฺถเกน วา เกนจิ วา วณํ กตฺวา คเหตพฺพํฯ วิสภาคสรีเร ปน สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา สมณสญฺญํ อุปฺปาเทตฺวา สีเส วา หตฺถปาทปิฎฺฐิยํ วา วณํ กตฺวา คเหตุํ วฎฺฎติฯ
Abhinne sarīreti abbhuṇhe allasarīre paṃsukūlaṃ na gahetabbaṃ, gaṇhantassa evarūpā upaddavā honti, dukkaṭañca āpajjati. Bhinne pana gahetuṃ vaṭṭati. Kittāvatā pana bhinnaṃ hoti? Kāka-kulala-soṇa-siṅgālādīhi mukhatuṇḍakena vā dāṭhāya vā īsakaṃ phālitamattenāpi. Yassa pana patato ghaṃsanena chavimattaṃ chinnaṃ hoti, cammaṃ acchinnaṃ, etaṃ abhinnameva; camme pana chinne bhinnaṃ. Yassāpi sajīvakāleyeva pabhinnā gaṇḍakuṭṭhapiḷakā vā vaṇo vā hoti, idampi bhinnaṃ. Tatiyadivasato pabhuti uddhumātakādibhāvena kuṇapabhāvaṃ upagatampi bhinnameva. Sabbena sabbaṃ pana abhinnepi susānagopakehi vā aññehi vā manussehi gāhāpetuṃ vaṭṭati. No ce aññaṃ labhati, satthakena vā kenaci vā vaṇaṃ katvā gahetabbaṃ. Visabhāgasarīre pana satiṃ upaṭṭhapetvā samaṇasaññaṃ uppādetvā sīse vā hatthapādapiṭṭhiyaṃ vā vaṇaṃ katvā gahetuṃ vaṭṭati.
กุสสงฺกามนวตฺถุกถา
Kusasaṅkāmanavatthukathā
๑๓๘. ตทนนฺตเร วตฺถุสฺมิํ กุสํ สงฺกาเมตฺวา จีวรํ อคฺคเหสีติ ปุเพฺพ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ นามมเตฺตน ทสฺสิเตสุ เถยฺยาวหาร-ปสยฺหาวหาร-ปริกปฺปาวหารปอจฺฉนฺนาวหาร-กุสาวหาเรสุ กุสาวหาเรน อวหรีติ อโตฺถฯ
138. Tadanantare vatthusmiṃ kusaṃ saṅkāmetvā cīvaraṃ aggahesīti pubbe ‘‘ādiyeyyā’’ti imassa padassa atthavaṇṇanāyaṃ nāmamattena dassitesu theyyāvahāra-pasayhāvahāra-parikappāvahārapaacchannāvahāra-kusāvahāresu kusāvahārena avaharīti attho.
อิเมสํ ปน อวหารานํ เอวํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ – โย หิ โกจิ สสฺสามิกํ ภณฺฑํ รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา สนฺธิเจฺฉทาทีนิ กตฺวา อทิสฺสมาโน อวหรติ, กูฎมานกูฎกหาปณาทีหิ วา วเญฺจตฺวา คณฺหาติ, ตเสฺสวํ คณฺหโต อวหาโร ‘‘เถยฺยาวหาโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Imesaṃ pana avahārānaṃ evaṃ nānattaṃ veditabbaṃ – yo hi koci sassāmikaṃ bhaṇḍaṃ rattibhāge vā divasabhāge vā sandhicchedādīni katvā adissamāno avaharati, kūṭamānakūṭakahāpaṇādīhi vā vañcetvā gaṇhāti, tassevaṃ gaṇhato avahāro ‘‘theyyāvahāro’’ti veditabbo.
โย ปน ปเร ปสยฺห พลสา อภิภุยฺย, อถ วา ปน สนฺตเชฺชตฺวา ภยํ ทเสฺสตฺวา เตสํ สนฺตกํ คณฺหาติ, ปนฺถฆาต-คามฆาตาทีนิ กโรนฺตา ทามริกโจรา วิย โกธวเสน ปรฆรวิโลปํ กโรนฺตา อตฺตโน ปตฺตพลิโต จ อธิกํ พลกฺกาเรน คณฺหนฺตา ราช-ราชมหามตฺตาทโย วิย; ตเสฺสวํ คณฺหโต อวหาโร ‘‘ปสยฺหาวหาโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Yo pana pare pasayha balasā abhibhuyya, atha vā pana santajjetvā bhayaṃ dassetvā tesaṃ santakaṃ gaṇhāti, panthaghāta-gāmaghātādīni karontā dāmarikacorā viya kodhavasena paragharavilopaṃ karontā attano pattabalito ca adhikaṃ balakkārena gaṇhantā rāja-rājamahāmattādayo viya; tassevaṃ gaṇhato avahāro ‘‘pasayhāvahāro’’ti veditabbo.
ปริกเปฺปตฺวา คณฺหโต ปน อวหาโร ‘‘ปริกปฺปาวหาโร’’ติ วุจฺจติ, โส ภณฺฑปริกปฺป-โอกาสปริกปฺปวเสน ทุวิโธ ฯ ตตฺรายํ ภณฺฑปริกโปฺป – อิเธกโจฺจ สาฎกตฺถิโก อโนฺตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘สเจ สาฎโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามิ; สเจ สุตฺตํ, น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกเปฺปตฺวา อนฺธกาเร ปสิพฺพกํ คณฺหาติ, สาฎโก เจ ตตฺร โหติ, อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํฯ สุตฺตํ เจ โหติ, รกฺขติฯ พหิ นีหริตฺวา มุญฺจิตฺวา ‘‘สุตฺต’’นฺติ ญตฺวา ปุน อาหริตฺวา ยถาฐาเน ฐเปติ, รกฺขติเยวฯ ‘‘สุตฺต’’นฺติ ญตฺวาปิ ‘‘ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพ’’นฺติ คจฺฉติ, ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ ภูมิยํ ฐเปตฺวา คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ ‘‘โจโร, โจโร’’ติ สามิเกหิ ปริยุฎฺฐิโต ฉเฑฺฑตฺวา ปลายติ, รกฺขติฯ สามิกา ตํ ทิสฺวา คณฺหนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ อโญฺญ เจ โกจิ คณฺหาติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ อถ นิวเตฺตสุ สามิเกสุ สยเมว ตํ ทิสฺวา ‘‘ปเคเวตํ มยา นีหฎํ, มม ทานิ สนฺตก’’นฺติ คณฺหาติ, รกฺขติ; ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ ‘‘สเจ สุตฺตํ ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามิ; สเจ สาฎโก, น คณฺหิสฺสามิฯ สเจ สปฺปิ ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามิ; สเจ เตลํ, น คณฺหิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปริกเปฺปตฺวา คณฺหนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ
Parikappetvā gaṇhato pana avahāro ‘‘parikappāvahāro’’ti vuccati, so bhaṇḍaparikappa-okāsaparikappavasena duvidho . Tatrāyaṃ bhaṇḍaparikappo – idhekacco sāṭakatthiko antogabbhaṃ pavisitvā ‘‘sace sāṭako bhavissati, gaṇhissāmi; sace suttaṃ, na gaṇhissāmī’’ti parikappetvā andhakāre pasibbakaṃ gaṇhāti, sāṭako ce tatra hoti, uddhāreyeva pārājikaṃ. Suttaṃ ce hoti, rakkhati. Bahi nīharitvā muñcitvā ‘‘sutta’’nti ñatvā puna āharitvā yathāṭhāne ṭhapeti, rakkhatiyeva. ‘‘Sutta’’nti ñatvāpi ‘‘yaṃ laddhaṃ, taṃ gahetabba’’nti gacchati, padavārena kāretabbo. Bhūmiyaṃ ṭhapetvā gaṇhāti, uddhāre pārājikaṃ. ‘‘Coro, coro’’ti sāmikehi pariyuṭṭhito chaḍḍetvā palāyati, rakkhati. Sāmikā taṃ disvā gaṇhanti, iccetaṃ kusalaṃ. Añño ce koci gaṇhāti, bhaṇḍadeyyaṃ. Atha nivattesu sāmikesu sayameva taṃ disvā ‘‘pagevetaṃ mayā nīhaṭaṃ, mama dāni santaka’’nti gaṇhāti, rakkhati; bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. ‘‘Sace suttaṃ bhavissati, gaṇhissāmi; sace sāṭako, na gaṇhissāmi. Sace sappi bhavissati, gaṇhissāmi; sace telaṃ, na gaṇhissāmī’’tiādinā nayena parikappetvā gaṇhantassāpi eseva nayo.
มหาปจฺจริยาทีสุ ปน ‘‘สาฎกตฺถิโกปิ สาฎกปสิพฺพกเมว คเหตฺวา นิกฺขโนฺต พหิ ฐตฺวา มุญฺจิตฺวา ‘สาฎโก อย’นฺติ ทิสฺวา คจฺฉโนฺต ปทุทฺธาเรเนว กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ ปน ‘‘สเจ สาฎโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปิตตฺตา ปริกโปฺป ทิสฺสติ, ทิสฺวา หฎตฺตา ปริกปฺปาวหาโร น ทิสฺสติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ยํ ปริกปฺปิตํ ตํ อทิฎฺฐํ ปริกปฺปิตภาเว ฐิตํเยว อุทฺธรนฺตสฺส อวหาโร วุโตฺต, ตสฺมา ตตฺถ ปริกปฺปาวหาโร ทิสฺสติฯ ‘‘ตํ มญฺญมาโน ตํ อวหรี’’ติ ปาฬิยา จ สเมตีติฯ ตตฺถ ยฺวายํ ‘‘สเจ สาฎโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวโตฺต ปริกโปฺป, อยํ ‘‘ภณฺฑปริกโปฺป’’ นามฯ
Mahāpaccariyādīsu pana ‘‘sāṭakatthikopi sāṭakapasibbakameva gahetvā nikkhanto bahi ṭhatvā muñcitvā ‘sāṭako aya’nti disvā gacchanto paduddhāreneva kāretabbo’’ti vuttaṃ. Ettha pana ‘‘sace sāṭako bhavissati, gaṇhissāmī’’ti parikappitattā parikappo dissati, disvā haṭattā parikappāvahāro na dissati. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana yaṃ parikappitaṃ taṃ adiṭṭhaṃ parikappitabhāve ṭhitaṃyeva uddharantassa avahāro vutto, tasmā tattha parikappāvahāro dissati. ‘‘Taṃ maññamāno taṃ avaharī’’ti pāḷiyā ca sametīti. Tattha yvāyaṃ ‘‘sace sāṭako bhavissati, gaṇhissāmī’’tiādinā nayena pavatto parikappo, ayaṃ ‘‘bhaṇḍaparikappo’’ nāma.
โอกาสปริกโปฺป ปน เอวํ เวทิตโพฺพ – อิเธกโจฺจ โลลภิกฺขุ ปรปริเวณํ วา กุลฆรํ วา อรเญฺญ กมฺมนฺตสาลํ วา ปวิสิตฺวา ตตฺถ กถาสลฺลาเปน นิสิโนฺน กิญฺจิ โลภเนยฺยํ ปริกฺขารํ โอโลเกติ, โอโลเกโนฺต จ ปน ทิสฺวา ทฺวารปมุขเหฎฺฐาปาสาทปริเวณทฺวารโกฎฺฐกรุกฺขมูลาทิวเสน ปริเจฺฉทํ กตฺวา ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฎฺฐุกามตาย คเหตฺวา วิจรโนฺต วิย เอเตสํเยว ทสฺสามิ; โน เจ ปสฺสิสฺสนฺติ, หริสฺสามี’’ติ ปริกเปฺปติฯ ตสฺส ตํ อาทาย ปริกปฺปิตปริเจฺฉทํ อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ สเจ อุปจารสีมํ ปริกเปฺปติ, ตทภิมุโขว คจฺฉโนฺต กมฺมฎฺฐานาทีนิ มนสิ กโรโนฺต วา อญฺญวิหิโต วา อสติยา อุปจารสีมํ อติกฺกมติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ อถาปิสฺส ตํ ฐานํ ปตฺตสฺส โจโร วา หตฺถี วา วาฬมิโค วา มหาเมโฆ วา วุฎฺฐหติ, โส จ ตมฺหา อุปทฺทวา มุจฺจิตุกมฺยตาย สหสา ตํ ฐานํ อติกฺกมติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ยสฺมา มูเลว เถยฺยจิเตฺตน คหิตํ, ตสฺมา น รกฺขติ, อวหาโรเยวา’’ติ วทนฺติฯ อยํ ตาว มหาอฎฺฐกถานโยฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘สเจปิ โส อโนฺตปริเจฺฉเท หตฺถิํ วา อสฺสํ วา อภิรุหิตฺวา ตํ เนว ปาเชติ, น ปาชาเปติ; ปริเจฺฉเท อติกฺกเนฺตปิ ปาราชิกํ นตฺถิ, ภณฺฑเทยฺยเมวา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺร ยฺวายํ ‘‘สเจ มํ เอตฺถนฺตเร ปสฺสิสฺสนฺติ, ทฎฺฐุกามตาย คเหตฺวา วิจรโนฺต วิย เอเตสํเยว ทสฺสามี’’ติ ปวโตฺต ปริกโปฺป, อยํ ‘‘โอกาสปริกโปฺป’’ นามฯ
Okāsaparikappo pana evaṃ veditabbo – idhekacco lolabhikkhu parapariveṇaṃ vā kulagharaṃ vā araññe kammantasālaṃ vā pavisitvā tattha kathāsallāpena nisinno kiñci lobhaneyyaṃ parikkhāraṃ oloketi, olokento ca pana disvā dvārapamukhaheṭṭhāpāsādapariveṇadvārakoṭṭhakarukkhamūlādivasena paricchedaṃ katvā ‘‘sace maṃ etthantare passissanti, daṭṭhukāmatāya gahetvā vicaranto viya etesaṃyeva dassāmi; no ce passissanti, harissāmī’’ti parikappeti. Tassa taṃ ādāya parikappitaparicchedaṃ atikkantamatte pārājikaṃ. Sace upacārasīmaṃ parikappeti, tadabhimukhova gacchanto kammaṭṭhānādīni manasi karonto vā aññavihito vā asatiyā upacārasīmaṃ atikkamati, bhaṇḍadeyyaṃ. Athāpissa taṃ ṭhānaṃ pattassa coro vā hatthī vā vāḷamigo vā mahāmegho vā vuṭṭhahati, so ca tamhā upaddavā muccitukamyatāya sahasā taṃ ṭhānaṃ atikkamati, bhaṇḍadeyyameva. Keci panettha ‘‘yasmā mūleva theyyacittena gahitaṃ, tasmā na rakkhati, avahāroyevā’’ti vadanti. Ayaṃ tāva mahāaṭṭhakathānayo. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘sacepi so antoparicchede hatthiṃ vā assaṃ vā abhiruhitvā taṃ neva pājeti, na pājāpeti; paricchede atikkantepi pārājikaṃ natthi, bhaṇḍadeyyamevā’’ti vuttaṃ. Tatra yvāyaṃ ‘‘sace maṃ etthantare passissanti, daṭṭhukāmatāya gahetvā vicaranto viya etesaṃyeva dassāmī’’ti pavatto parikappo, ayaṃ ‘‘okāsaparikappo’’ nāma.
เอวมิเมสํ ทฺวินฺนมฺปิ ปริกปฺปานํ วเสน ปริกเปฺปตฺวา คณฺหโต อวหาโร ‘‘ปริกปฺปาวหาโร’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Evamimesaṃ dvinnampi parikappānaṃ vasena parikappetvā gaṇhato avahāro ‘‘parikappāvahāro’’ti veditabbo.
ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปน อวหรณํ ปฎิจฺฉนฺนาวหาโรฯ โส เอวํ เวทิตโพฺพ – โย ภิกฺขุ มนุสฺสานํ อุยฺยานาทีสุ กีฬนฺตานํ วา ปวิสนฺตานํ วา โอมุญฺจิตฺวา ฐปิตํ อลงฺการภณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘สเจ โอนมิตฺวา คเหสฺสามิ, ‘กิํ สมโณ คณฺหาตี’ติ มํ ชานิตฺวา วิเหเฐยฺยุ’’นฺติ ปํสุนา วา ปเณฺณน วา ปฎิจฺฉาเทติ – ‘‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’’ติ, ตสฺส เอตฺตาวตา อุทฺธาโร นตฺถีติ น ตาว อวหาโร โหติฯ ยทา ปน เต มนุสฺสา อโนฺตคามํ ปวิสิตุกามา ตํ ภณฺฑกํ วิจินนฺตาปิ อปสฺสิตฺวา ‘‘อิทานิ อนฺธกาโร, เสฺว ชานิสฺสามา’’ติ สาลยา เอว คตา โหนฺติฯ อถสฺส ตํ อุทฺธรโต อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ ‘‘ปฎิจฺฉนฺนกาเลเยว ตํ มม สนฺตก’’นฺติ สกสญฺญาย วา ‘‘คตา ทานิ เต, ฉฑฺฑิตภณฺฑํ อิท’’นฺติ ปํสุกูลสญฺญาย วา คณฺหนฺตสฺส ปน ภณฺฑเทยฺยํฯ เตสุ ทุติยทิวเส อาคนฺตฺวา วิจินิตฺวา อทิสฺวา ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา คเตสุปิ คหิตํ ภณฺฑเทยฺยเมวฯ กสฺมา? ยสฺมา ตสฺส ปโยเคน เตหิ น ทิฎฺฐํ, โย ปน ตถารูปํ ภณฺฑํ ทิสฺวา ยถาฐาเน ฐิตํเยว อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวา เถยฺยจิโตฺต ปาเทน อกฺกมิตฺวา กทฺทเม วา วาลิกาย วา ปเวเสติ, ตสฺส ปเวสิตมเตฺตเยว ปาราชิกํฯ
Paṭicchādetvā pana avaharaṇaṃ paṭicchannāvahāro. So evaṃ veditabbo – yo bhikkhu manussānaṃ uyyānādīsu kīḷantānaṃ vā pavisantānaṃ vā omuñcitvā ṭhapitaṃ alaṅkārabhaṇḍaṃ disvā ‘‘sace onamitvā gahessāmi, ‘kiṃ samaṇo gaṇhātī’ti maṃ jānitvā viheṭheyyu’’nti paṃsunā vā paṇṇena vā paṭicchādeti – ‘‘pacchā gaṇhissāmī’’ti, tassa ettāvatā uddhāro natthīti na tāva avahāro hoti. Yadā pana te manussā antogāmaṃ pavisitukāmā taṃ bhaṇḍakaṃ vicinantāpi apassitvā ‘‘idāni andhakāro, sve jānissāmā’’ti sālayā eva gatā honti. Athassa taṃ uddharato uddhāre pārājikaṃ. ‘‘Paṭicchannakāleyeva taṃ mama santaka’’nti sakasaññāya vā ‘‘gatā dāni te, chaḍḍitabhaṇḍaṃ ida’’nti paṃsukūlasaññāya vā gaṇhantassa pana bhaṇḍadeyyaṃ. Tesu dutiyadivase āgantvā vicinitvā adisvā dhuranikkhepaṃ katvā gatesupi gahitaṃ bhaṇḍadeyyameva. Kasmā? Yasmā tassa payogena tehi na diṭṭhaṃ, yo pana tathārūpaṃ bhaṇḍaṃ disvā yathāṭhāne ṭhitaṃyeva appaṭicchādetvā theyyacitto pādena akkamitvā kaddame vā vālikāya vā paveseti, tassa pavesitamatteyeva pārājikaṃ.
กุสํ สงฺกาเมตฺวา ปน อวหรณํ ‘‘กุสาวหาโร’’ติ วุจฺจติฯ โสปิ เอวํ เวทิตโพฺพ – โย ภิกฺขุ กุสํ ปาเตตฺวา จีวเร ภาชิยมาเน อตฺตโน โกฎฺฐาสสฺส สมีเป ฐิตํ อปฺปคฺฆตรํ วา มหคฺฆตรํ วา สมสมํ วา อเคฺฆน ปรสฺส โกฎฺฐาสํ หริตุกาโม อตฺตโน โกฎฺฐาเส ปติตํ กุสทณฺฑกํ ปรสฺส โกฎฺฐาเส ปาเตตุกาโม อุทฺธรติ, รกฺขติ ตาวฯ ปรสฺส โกฎฺฐาเส ปาเตติ, รกฺขเตวฯ ยทา ปน ตสฺมิํ ปติเต ปรสฺส โกฎฺฐาสโต ปรสฺส กุสทณฺฑกํ อุทฺธรติ, อุทฺธฎมเตฺต ปาราชิโก โหติฯ สเจ ปฐมตรํ ปรโกฎฺฐาสโต กุสทณฺฑกํ อุทฺธรติ อตฺตโน โกฎฺฐาเส ปาเตตุกามตาย อุทฺธาเร รกฺขติ , ปาตเน รกฺขติฯ อตฺตโน โกฎฺฐาสโต ปน อตฺตโน กุสทณฺฑกํ อุทฺธรติ, อุทฺธาเรเยว รกฺขติฯ ตํ อุทฺธริตฺวา ปรโกฎฺฐาเส ปาเตนฺตสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกํฯ
Kusaṃ saṅkāmetvā pana avaharaṇaṃ ‘‘kusāvahāro’’ti vuccati. Sopi evaṃ veditabbo – yo bhikkhu kusaṃ pātetvā cīvare bhājiyamāne attano koṭṭhāsassa samīpe ṭhitaṃ appagghataraṃ vā mahagghataraṃ vā samasamaṃ vā agghena parassa koṭṭhāsaṃ haritukāmo attano koṭṭhāse patitaṃ kusadaṇḍakaṃ parassa koṭṭhāse pātetukāmo uddharati, rakkhati tāva. Parassa koṭṭhāse pāteti, rakkhateva. Yadā pana tasmiṃ patite parassa koṭṭhāsato parassa kusadaṇḍakaṃ uddharati, uddhaṭamatte pārājiko hoti. Sace paṭhamataraṃ parakoṭṭhāsato kusadaṇḍakaṃ uddharati attano koṭṭhāse pātetukāmatāya uddhāre rakkhati , pātane rakkhati. Attano koṭṭhāsato pana attano kusadaṇḍakaṃ uddharati, uddhāreyeva rakkhati. Taṃ uddharitvā parakoṭṭhāse pātentassa hatthato muttamatte pārājikaṃ.
สเจ ปน ทฺวีสุปิ โกฎฺฐาเสสุ ปติตทณฺฑเก อทสฺสนํ คเมติ, ตโต อวเสสภิกฺขูสุ คเตสุ อิตโร ‘‘‘มยฺหํ, ภเนฺต, ทณฺฑโก น ปญฺญายตี’ติฯ ‘มยฺหมฺปิ, อาวุโส, น ปญฺญายตี’ติฯ ‘กตโม ปน, ภเนฺต, มยฺหํ ภาโค’ติ? ‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค’’’ติ อตฺตโน ภาคํ ทเสฺสติ, ตสฺมิํ วิวทิตฺวา วา อวิวทิตฺวา วา ตํ คณฺหิตฺวา คเต อิตโร ตสฺส ภาคํ อุทฺธรติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ สเจปิ เตน ‘‘อหํ มม ภาคํ ตุยฺหํ น เทมิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน ภาคํ ญตฺวา คณฺหา’’ติ วุเตฺต ‘‘นายํ มมา’’ติ ชานโนฺตปิ ตเสฺสว ภาคํ คณฺหาติ, อุทฺธาเร ปาราชิกํฯ สเจ ปน อิตโร ‘‘อยํ ตุยฺหํ ภาโค, อยํ มยฺหํ ภาโคติ กิํ อิมินา วิวาเทนา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มยฺหํ วา ปโตฺต โหตุ, ตุมฺหากํ วา, โย วรภาโค ตํ ตุเมฺห คณฺหถา’’ติ วทติ, ทินฺนกํ นาม คหิตํ โหติ, นเตฺถตฺถ อวหาโรฯ สเจปิ โส วิวาทภีรุโก ภิกฺขุ ‘‘ยํ ตุยฺหํ รุจฺจติ, ตํ คณฺหา’’ติ วุโตฺต อตฺตโน ปตฺตํ วรภาคํ ฐเปตฺวา ลามกํเยว คเหตฺวา คจฺฉติ, ตโต อิตรสฺส วิจินิตาวเสสํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อวหาโร นเตฺถวาติฯ
Sace pana dvīsupi koṭṭhāsesu patitadaṇḍake adassanaṃ gameti, tato avasesabhikkhūsu gatesu itaro ‘‘‘mayhaṃ, bhante, daṇḍako na paññāyatī’ti. ‘Mayhampi, āvuso, na paññāyatī’ti. ‘Katamo pana, bhante, mayhaṃ bhāgo’ti? ‘Ayaṃ tuyhaṃ bhāgo’’’ti attano bhāgaṃ dasseti, tasmiṃ vivaditvā vā avivaditvā vā taṃ gaṇhitvā gate itaro tassa bhāgaṃ uddharati, uddhāre pārājikaṃ. Sacepi tena ‘‘ahaṃ mama bhāgaṃ tuyhaṃ na demi, tvaṃ pana attano bhāgaṃ ñatvā gaṇhā’’ti vutte ‘‘nāyaṃ mamā’’ti jānantopi tasseva bhāgaṃ gaṇhāti, uddhāre pārājikaṃ. Sace pana itaro ‘‘ayaṃ tuyhaṃ bhāgo, ayaṃ mayhaṃ bhāgoti kiṃ iminā vivādenā’’ti cintetvā ‘‘mayhaṃ vā patto hotu, tumhākaṃ vā, yo varabhāgo taṃ tumhe gaṇhathā’’ti vadati, dinnakaṃ nāma gahitaṃ hoti, natthettha avahāro. Sacepi so vivādabhīruko bhikkhu ‘‘yaṃ tuyhaṃ ruccati, taṃ gaṇhā’’ti vutto attano pattaṃ varabhāgaṃ ṭhapetvā lāmakaṃyeva gahetvā gacchati, tato itarassa vicinitāvasesaṃ gaṇhantassāpi avahāro natthevāti.
อฎฺฐกถาสุปน วุตฺตํ – ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน กุสสงฺกามนวเสน จีวรภาชนียเมว เอกํ อาคตํ, จตุนฺนมฺปิ ปน ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติญฺจ ภาชนียญฺจ นีหริตฺวา ทเสฺสตพฺพ’’นฺติ เอวญฺจ วตฺวา จีวรกฺขนฺธเก‘‘ปฎิคฺคณฺหาตุ เม, ภเนฺต, ภควา สีเวยฺยกํ ทุสฺสยุคํ; ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คหปติจีวรํ อนุชานาตู’’ติ (มหาว. ๓๓๗) อิทํ ชีวกวตฺถุํ อาทิํ กตฺวา อุปฺปนฺนจีวรกถา, เสนาสนกฺขนฺธเก ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชคหํ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, มนุสฺสา น สโกฺกนฺติ สงฺฆภตฺตํ กาตุํ, อิจฺฉนฺติ อุเทฺทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ อุโปสถิกํ ปาฎิปทิกํ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๕) อิทํ สุตฺตมาทิํ กตฺวา ปิณฺฑปาตกถา, เสนาสนกฺขนฺธเกเยว ‘‘เตน โข ปน สมเยน สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู อญฺญตรํ ปจฺจนฺติมํ มหาวิหารํ ปฎิสงฺขโรนฺติ – ‘อิธ มยํ วสฺสํ วสิสฺสามา’ติฯ อทฺทสํสุ โข ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู วิหารํ ปฎิสงฺขโรเนฺต’’ติ (จูฬว. ๓๑๖) อิทํ ฉพฺพคฺคิยวตฺถุํ อาทิํ กตฺวา อาคตเสนาสนกถา, ตทวสาเน จ สปฺปิอาทิเภสชฺชกถา วิตฺถาเรน กถิตาฯ มยํ ปน ตํ สพฺพํ อาคตาคตฎฺฐาเนเยว กถยิสฺสาม; เอวํ กถเน การณํ ปุเพฺพ วุตฺตเมวฯ
Aṭṭhakathāsupana vuttaṃ – ‘‘imasmiṃ ṭhāne kusasaṅkāmanavasena cīvarabhājanīyameva ekaṃ āgataṃ, catunnampi pana paccayānaṃ uppattiñca bhājanīyañca nīharitvā dassetabba’’nti evañca vatvā cīvarakkhandhake‘‘paṭiggaṇhātu me, bhante, bhagavā sīveyyakaṃ dussayugaṃ; bhikkhusaṅghassa ca gahapaticīvaraṃ anujānātū’’ti (mahāva. 337) idaṃ jīvakavatthuṃ ādiṃ katvā uppannacīvarakathā, senāsanakkhandhake ‘‘tena kho pana samayena rājagahaṃ dubbhikkhaṃ hoti, manussā na sakkonti saṅghabhattaṃ kātuṃ, icchanti uddesabhattaṃ nimantanaṃ salākabhattaṃ pakkhikaṃ uposathikaṃ pāṭipadikaṃ kātu’’nti (cūḷava. 325) idaṃ suttamādiṃ katvā piṇḍapātakathā, senāsanakkhandhakeyeva ‘‘tena kho pana samayena sattarasavaggiyā bhikkhū aññataraṃ paccantimaṃ mahāvihāraṃ paṭisaṅkharonti – ‘idha mayaṃ vassaṃ vasissāmā’ti. Addasaṃsu kho chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiye bhikkhū vihāraṃ paṭisaṅkharonte’’ti (cūḷava. 316) idaṃ chabbaggiyavatthuṃ ādiṃ katvā āgatasenāsanakathā, tadavasāne ca sappiādibhesajjakathā vitthārena kathitā. Mayaṃ pana taṃ sabbaṃ āgatāgataṭṭhāneyeva kathayissāma; evaṃ kathane kāraṇaṃ pubbe vuttameva.
กุสสงฺกามนวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ
Kusasaṅkāmanavatthukathā niṭṭhitā.
๑๓๙. อิโต ปรํ ชนฺตาฆรวตฺถุ อุตฺตานตฺถเมวฯ
139. Ito paraṃ jantāgharavatthu uttānatthameva.
๑๔๐. ปญฺจสุ วิฆาสวตฺถูสุ เต ภิกฺขู อนุปสมฺปเนฺนน กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปริภุญฺชิํสุฯ วิฆาสํ ปน คณฺหเนฺตน ขาทิตาวเสสํ ฉฑฺฑิตํ คเหตพฺพํฯ ยทิ สโกฺกติ ขาทเนฺต ฉฑฺฑาเปตฺวา คณฺหิตุํ, เอตมฺปิ วฎฺฎติฯ อตฺตคุตฺตตฺถาย ปน ปรานุทฺทยตาย จ น คเหตพฺพํฯ
140. Pañcasu vighāsavatthūsu te bhikkhū anupasampannena kappiyaṃ kārāpetvā paribhuñjiṃsu. Vighāsaṃ pana gaṇhantena khāditāvasesaṃ chaḍḍitaṃ gahetabbaṃ. Yadi sakkoti khādante chaḍḍāpetvā gaṇhituṃ, etampi vaṭṭati. Attaguttatthāya pana parānuddayatāya ca na gahetabbaṃ.
๑๔๑. โอทนขาทนียปูวอุจฺฉุติมฺพรูสกภาชนียวตฺถูสุ อปรสฺส ภาคํ เทหีติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ อาหฯ อมูลกํ อคฺคเหสีติ สามิเกสุ เทเนฺตสุ เอวํ อคฺคเหสิฯ อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺสาติ สามิเกหิ ทินฺนํ อคฺคเหสิ; เตนสฺส อนาปตฺติ วุตฺตาฯ อาปตฺติ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยสฺสาติ โย ปนาเนน สมฺปชานมุสาวาโท วุโตฺต, ตสฺมิํ ปาจิตฺติยํ อาห; ปรโต เตกฎุลยาคุวตฺถุมฺหิ วิยฯ คหเณ ปน อยํ วินิจฺฉโย – สงฺฆสฺส สนฺตกํ สมฺมเตน วา อาณเตฺตหิ วา อารามิกาทีหิ ทิยฺยมานํ, คิหีนญฺจ สนฺตกํ สามิเกน วา อาณเตฺตน วา ทิยฺยมานํ ‘‘อปรสฺส ภาคํ เทหี’’ติ วตฺวา คณฺหโต ภณฺฑเทยฺยํฯ อเญฺญน ทิยฺยมานํ คณฺหโนฺต ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ อสมฺมเตน วา อนาณเตฺตน วา ทิยฺยมาเน ‘‘อปรมฺปิ ภาคํ เทหี’’ติ วตฺวา วา กูฎวสฺสานิ คเณตฺวา วา คณฺหโนฺต ปตฺตจตุเกฺก วิย ตสฺสุทฺธาเรเยว ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ อิตเรหิ ทิยฺยมานํ เอวํ คณฺหโต ภณฺฑเทยฺยํฯ สามิเกน ปน ‘‘อิมสฺส เทหี’’ติ ทาปิตํ วา สยํ ทินฺนํ วา สุทินฺนนฺติ อยเมตฺถ สพฺพอฎฺฐกถาวินิจฺฉยโต สาโรฯ
141. Odanakhādanīyapūvaucchutimbarūsakabhājanīyavatthūsu aparassa bhāgaṃ dehīti asantaṃ puggalaṃ āha. Amūlakaṃ aggahesīti sāmikesu dentesu evaṃ aggahesi. Anāpatti bhikkhu pārājikassāti sāmikehi dinnaṃ aggahesi; tenassa anāpatti vuttā. Āpatti sampajānamusāvāde pācittiyassāti yo panānena sampajānamusāvādo vutto, tasmiṃ pācittiyaṃ āha; parato tekaṭulayāguvatthumhi viya. Gahaṇe pana ayaṃ vinicchayo – saṅghassa santakaṃ sammatena vā āṇattehi vā ārāmikādīhi diyyamānaṃ, gihīnañca santakaṃ sāmikena vā āṇattena vā diyyamānaṃ ‘‘aparassa bhāgaṃ dehī’’ti vatvā gaṇhato bhaṇḍadeyyaṃ. Aññena diyyamānaṃ gaṇhanto bhaṇḍagghena kāretabbo. Asammatena vā anāṇattena vā diyyamāne ‘‘aparampi bhāgaṃ dehī’’ti vatvā vā kūṭavassāni gaṇetvā vā gaṇhanto pattacatukke viya tassuddhāreyeva bhaṇḍagghena kāretabbo. Itarehi diyyamānaṃ evaṃ gaṇhato bhaṇḍadeyyaṃ. Sāmikena pana ‘‘imassa dehī’’ti dāpitaṃ vā sayaṃ dinnaṃ vā sudinnanti ayamettha sabbaaṭṭhakathāvinicchayato sāro.
๑๔๒-๓. โอทนิยฆราทิวตฺถูสุ – โอทนิยฆรํ นาม วิกฺกายิกภตฺตปจนฆรํฯ สูนฆรํ นาม วิกฺกายิกมํสปจนฆรํฯ ปูวฆรํ นาม วิกฺกายิกขชฺชกปจนฆรํฯ เสสเมตฺถ, ปริกฺขารวตฺถูสุ จ ปากฎเมวฯ
142-3. Odaniyagharādivatthūsu – odaniyagharaṃ nāma vikkāyikabhattapacanagharaṃ. Sūnagharaṃ nāma vikkāyikamaṃsapacanagharaṃ. Pūvagharaṃ nāma vikkāyikakhajjakapacanagharaṃ. Sesamettha, parikkhāravatthūsu ca pākaṭameva.
๑๔๔. ปีฐวตฺถุสฺมิํ – โส ภิกฺขุ ปริกเปฺปตฺวา ‘‘เอตํ ฐานํ สมฺปตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สงฺกาเมสิฯ เตนสฺส สงฺกามเน อวหาโร นตฺถิฯ สงฺกาเมตฺวา ปน ปริกปฺปิโตกาสโต คหเณ ปาราชิกํ วุตฺตํฯ เอวํ หรโนฺต จ ยทิ ปีฐเก เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, ถวิกํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ อถ ปีฐเกปิ อตฺถิ, อุโภ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพติฯ ภิสิอาทีนิ ตีณิ วตฺถูนิ ปากฎาเนวฯ
144. Pīṭhavatthusmiṃ – so bhikkhu parikappetvā ‘‘etaṃ ṭhānaṃ sampattaṃ gaṇhissāmī’’ti saṅkāmesi. Tenassa saṅkāmane avahāro natthi. Saṅkāmetvā pana parikappitokāsato gahaṇe pārājikaṃ vuttaṃ. Evaṃ haranto ca yadi pīṭhake theyyacittaṃ natthi, thavikaṃ agghāpetvā kāretabbo. Atha pīṭhakepi atthi, ubho agghāpetvā kāretabboti. Bhisiādīni tīṇi vatthūni pākaṭāneva.
๑๔๖. วิสฺสาสคฺคาหาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ คหเณ อนาปตฺติ, อาหราเปเนฺตสุ ภณฺฑเทยฺยํฯ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐสฺส ปฎิวิโส อโนฺตอุปจารสีมายํ ฐิตเสฺสว คเหตุํ วฎฺฎติฯ ยทิ ปน ทายกา ‘‘พหิอุปจารฎฺฐานมฺปิ ภเนฺต, ภาคํ คณฺหถ, อาคนฺตฺวา ปริภุญฺชิสฺสนฺตี’’ติ วทนฺติ, เอวํ อโนฺตคามฎฺฐานมฺปิ คเหตุํ วฎฺฎติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
146. Vissāsaggāhādīsu tīsu vatthūsu gahaṇe anāpatti, āharāpentesu bhaṇḍadeyyaṃ. Piṇḍāya paviṭṭhassa paṭiviso antoupacārasīmāyaṃ ṭhitasseva gahetuṃ vaṭṭati. Yadi pana dāyakā ‘‘bahiupacāraṭṭhānampi bhante, bhāgaṃ gaṇhatha, āgantvā paribhuñjissantī’’ti vadanti, evaṃ antogāmaṭṭhānampi gahetuṃ vaṭṭati. Sesamettha uttānatthameva.
๑๔๘-๙. สตฺตสุ อมฺพโจรกาทิวตฺถูสุ ปํสุกูลสญฺญาย คหเณ อนาปตฺติ, อาหราเปเนฺตสุ ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปริโภเค ปาราชิกํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – สามิกาปิ สาลยา, โจราปิ สาลยา, ปํสุกูลสญฺญาย ขาทนฺตสฺส ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโต อุทฺธาเรเยว อวหาโร, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ สามิกา สาลยา, โจรา นิราลยา, เอเสว นโยฯ สามิกา นิราลยา, โจรา สาลยา; ‘‘ปุน คณฺหิสฺสามา’’ติ กิสฺมิญฺจิเทว คหนฎฺฐาเน ขิปิตฺวา คตา, เอเสว นโยฯ อุโภปิ นิราลยา, ปํสุกูลสญฺญาย ขาทโต อนาปตฺติ, เถยฺยจิเตฺตน ทุกฺกฎํฯ
148-9. Sattasu ambacorakādivatthūsu paṃsukūlasaññāya gahaṇe anāpatti, āharāpentesu bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena paribhoge pārājikaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo – sāmikāpi sālayā, corāpi sālayā, paṃsukūlasaññāya khādantassa bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena gaṇhato uddhāreyeva avahāro, bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo. Sāmikā sālayā, corā nirālayā, eseva nayo. Sāmikā nirālayā, corā sālayā; ‘‘puna gaṇhissāmā’’ti kismiñcideva gahanaṭṭhāne khipitvā gatā, eseva nayo. Ubhopi nirālayā, paṃsukūlasaññāya khādato anāpatti, theyyacittena dukkaṭaṃ.
สงฺฆสฺส อมฺพาทีสุ ปน สงฺฆาราเม ชาตํ วา โหตุ, อาเนตฺวา ทินฺนํ วา ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา อคฺฆนกํ อวหรนฺตสฺส ปาราชิกํฯ ปจฺจเนฺต โจรุปทฺทเวน คาเมสุ วุฎฺฐหเนฺตสุ ภิกฺขูปิ วิหาเร ฉเฑฺฑตฺวา ‘‘ปุน อาวสเนฺต ชนปเท อาคมิสฺสามา’’ติ สอุสฺสาหาว คจฺฉนฺติฯ ภิกฺขู ตาทิสํ วิหารํ ปตฺวา อมฺพปกฺกาทีนิ ‘‘ฉฑฺฑิตกานี’’ติ ปํสุกูลสญฺญาย ปริภุญฺชนฺติ, อนาปตฺติ; เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโต อวหาโร โหติ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ
Saṅghassa ambādīsu pana saṅghārāme jātaṃ vā hotu, ānetvā dinnaṃ vā pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā agghanakaṃ avaharantassa pārājikaṃ. Paccante corupaddavena gāmesu vuṭṭhahantesu bhikkhūpi vihāre chaḍḍetvā ‘‘puna āvasante janapade āgamissāmā’’ti saussāhāva gacchanti. Bhikkhū tādisaṃ vihāraṃ patvā ambapakkādīni ‘‘chaḍḍitakānī’’ti paṃsukūlasaññāya paribhuñjanti, anāpatti; theyyacittena paribhuñjato avahāro hoti, bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo.
มหาปจฺจริยํ ปน สเงฺขปฎฺฐกถายญฺจ อวิเสเสน วุตฺตํ – ‘‘ฉฑฺฑิตวิหาเร ปน ผลาผลํ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโต ปาราชิกํฯ กสฺมา? อาคตานาคตานํ สนฺตกตฺตา’’ติฯ คณสนฺตเก ปน ปุคฺคลิเก จ สอุสฺสาหมตฺตเมว ปมาณํฯ สเจ ปน ตโต อมฺพปกฺกาทิํ กุลสงฺคหณตฺถาย เทติ, กุลทูสกทุกฺกฎํฯ เถยฺยจิเตฺตน เทโนฺต อเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ สงฺฆิเกปิ เอเสว นโยฯ เสนาสนตฺถาย นิยมิตํ กุลสงฺคหณตฺถาย ททโต ทุกฺกฎํ, อิสฺสรวตาย ถุลฺลจฺจยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกํฯ โน เจ วตฺถุ ปโหติ, อเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ พหิ อุปจารสีมาย นิสีทิตฺวา อิสฺสรวตาย ปริภุญฺชโต คีวาฯ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา กาลํ โฆเสตฺวา ‘‘มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ ขาทิตํ สุขาทิตํฯ ฆณฺฎิํ อปหริตฺวา กาลเมว โฆเสตฺวา, ฆณฺฎิเมว ปหริตฺวา กาลํ อโฆเสตฺวา, ฆณฺฎิมฺปิ อปหริตฺวา กาลมฺปิ อโฆเสตฺวา อเญฺญสํ นตฺถิภาวํ ญตฺวา ‘‘มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ ขาทิตมฺปิ สุขาทิตเมวฯ ปุปฺผารามวตฺถุทฺวยํ ปากฎเมวฯ
Mahāpaccariyaṃ pana saṅkhepaṭṭhakathāyañca avisesena vuttaṃ – ‘‘chaḍḍitavihāre pana phalāphalaṃ theyyacittena paribhuñjato pārājikaṃ. Kasmā? Āgatānāgatānaṃ santakattā’’ti. Gaṇasantake pana puggalike ca saussāhamattameva pamāṇaṃ. Sace pana tato ambapakkādiṃ kulasaṅgahaṇatthāya deti, kuladūsakadukkaṭaṃ. Theyyacittena dento agghena kāretabbo. Saṅghikepi eseva nayo. Senāsanatthāya niyamitaṃ kulasaṅgahaṇatthāya dadato dukkaṭaṃ, issaravatāya thullaccayaṃ, theyyacittena pārājikaṃ. No ce vatthu pahoti, agghena kāretabbo. Bahi upacārasīmāya nisīditvā issaravatāya paribhuñjato gīvā. Ghaṇṭiṃ paharitvā kālaṃ ghosetvā ‘‘mayhaṃ pāpuṇātī’’ti khāditaṃ sukhāditaṃ. Ghaṇṭiṃ apaharitvā kālameva ghosetvā, ghaṇṭimeva paharitvā kālaṃ aghosetvā, ghaṇṭimpi apaharitvā kālampi aghosetvā aññesaṃ natthibhāvaṃ ñatvā ‘‘mayhaṃ pāpuṇātī’’ti khāditampi sukhāditameva. Pupphārāmavatthudvayaṃ pākaṭameva.
๑๕๐. วุตฺตวาทกวตฺถุตฺตเย วุโตฺต วเชฺชมีติ ตยา วุโตฺต หุตฺวา ‘‘ตว วจเนน วทามี’’ติ อโตฺถฯ อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺสาติ สามิเกหิ ทินฺนตฺตา อนาปตฺติฯ น จ, ภิกฺขเว, ‘‘วุโตฺต วเชฺชมี’’ติ วตฺตโพฺพติ ‘‘อหํ ตยา วุโตฺต หุตฺวา ตว วจเนน วทามี’’ติ เอวํ อโญฺญ ภิกฺขุ อเญฺญน ภิกฺขุนา น วตฺตโพฺพติ อโตฺถฯ ปริเจฺฉทํ ปน กตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามํ ตว วจเนน คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ วุโตฺต วเชฺชหีติ มยา วุโตฺต หุตฺวา มม วจเนน วเทหีติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อิเมสุปิ จ ทฺวีสุ วตฺถูสุ ปริเจฺฉทํ กตฺวา วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺตาวตา หิ อุปารมฺภา มุโตฺต โหตีติฯ
150. Vuttavādakavatthuttaye vutto vajjemīti tayā vutto hutvā ‘‘tava vacanena vadāmī’’ti attho. Anāpatti bhikkhu pārājikassāti sāmikehi dinnattā anāpatti. Na ca, bhikkhave, ‘‘vutto vajjemī’’ti vattabboti ‘‘ahaṃ tayā vutto hutvā tava vacanena vadāmī’’ti evaṃ añño bhikkhu aññena bhikkhunā na vattabboti attho. Paricchedaṃ pana katvā ‘‘itthannāmaṃ tava vacanena gaṇhissāmī’’ti vattuṃ vaṭṭati. Vutto vajjehīti mayā vutto hutvā mama vacanena vadehīti attho. Sesaṃ vuttanayameva. Imesupi ca dvīsu vatthūsu paricchedaṃ katvā vattuṃ vaṭṭati. Ettāvatā hi upārambhā mutto hotīti.
๑๕๑-๒. มณิวตฺถุตฺตยสฺส มชฺฌิเม วตฺถุสฺมิํ – นาหํ อกลฺลโกติ นาหํ คิลาโนติ อโตฺถฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
151-2. Maṇivatthuttayassa majjhime vatthusmiṃ – nāhaṃ akallakoti nāhaṃ gilānoti attho. Sesaṃ pākaṭameva.
๑๕๓. สูกรวตฺถุทฺวเย – กิญฺจาปิ ปฐมสฺส ภิกฺขุโน ฉาตชฺฌตฺตํ ทิสฺวา การุเญฺญน โมจิตตฺตา อนาปตฺติฯ สามิเกสุ ปน อสมฺปฎิจฺฉเนฺตสุ ภณฺฑเทยฺยํ, ตาว มหโนฺต วา มตสูกโร อาหริตฺวา ทาตโพฺพ, ตทคฺฆนกํ วา ภณฺฑํฯ สเจ ปาสสามิเก กุหิญฺจิปิ น ปสฺสติ, ปาสสามนฺตา ตทคฺฆนกํ สาฎกํ วา กาสาวํ วา ถาลกํ วา ยถา เต อาคตา ปสฺสนฺติ, อีทิเส ฐาเน ฐเปตฺวาว คนฺตพฺพํ, เถยฺยจิเตฺตน ปน โมเจนฺตสฺส ปาราชิกเมวฯ เอตฺถ จ โกจิ สูกโร ปาสํ ปาเทน กฑฺฒิตฺวา ฉินฺนมเตฺต ปาเส ฐานาจาวนธเมฺมน ฐาเนน ฐิโต โหติ จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิยฯ โกจิ อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิโต, โกจิ นิปโนฺน, โกจิ กูฎปาเสน พโทฺธ โหติฯ กูฎปาโส นาม ยสฺส อเนฺต ธนุกํ วา องฺกุสโก วา อโญฺญ วา โกจิ ทณฺฑโก พโทฺธ โหติ, โย ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขาทีสุ ลคฺคิตฺวา สูกรสฺส คมนํ นิวาเรติฯ ตตฺร ปาสํ กฑฺฒิตฺวา ฐิตสฺส เอกเมว ฐานํ ปาสพนฺธนํ, โส หิ ปาเส มุตฺตมเตฺต วา ฉินฺนมเตฺต วา ปลายติฯ อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิตสฺส พนฺธนญฺจ จตฺตาโร จ ปาทาติ ปญฺจ ฐานานิฯ นิปนฺนสฺส พนฺธนญฺจ สยนญฺจาติ เทฺว ฐานานิฯ กูฎปาสพทฺธสฺส ยตฺถ ยตฺถ คจฺฉติ, ตํ ตเทว ฐานํฯ ตสฺมา ตํ ตโต ตโต โมเจนฺตา ทสปิ วีสติปิ สตมฺปิ ภิกฺขู ปาราชิกํ อาปชฺชนฺติฯ ตตฺถ ตตฺถ อาคตํ ทิสฺวา เอกเมว ทาสํ ปลาเปโนฺต วิยฯ
153. Sūkaravatthudvaye – kiñcāpi paṭhamassa bhikkhuno chātajjhattaṃ disvā kāruññena mocitattā anāpatti. Sāmikesu pana asampaṭicchantesu bhaṇḍadeyyaṃ, tāva mahanto vā matasūkaro āharitvā dātabbo, tadagghanakaṃ vā bhaṇḍaṃ. Sace pāsasāmike kuhiñcipi na passati, pāsasāmantā tadagghanakaṃ sāṭakaṃ vā kāsāvaṃ vā thālakaṃ vā yathā te āgatā passanti, īdise ṭhāne ṭhapetvāva gantabbaṃ, theyyacittena pana mocentassa pārājikameva. Ettha ca koci sūkaro pāsaṃ pādena kaḍḍhitvā chinnamatte pāse ṭhānācāvanadhammena ṭhānena ṭhito hoti caṇḍasote baddhanāvā viya. Koci attano dhammatāya ṭhito, koci nipanno, koci kūṭapāsena baddho hoti. Kūṭapāso nāma yassa ante dhanukaṃ vā aṅkusako vā añño vā koci daṇḍako baddho hoti, yo tattha tattha rukkhādīsu laggitvā sūkarassa gamanaṃ nivāreti. Tatra pāsaṃ kaḍḍhitvā ṭhitassa ekameva ṭhānaṃ pāsabandhanaṃ, so hi pāse muttamatte vā chinnamatte vā palāyati. Attano dhammatāya ṭhitassa bandhanañca cattāro ca pādāti pañca ṭhānāni. Nipannassa bandhanañca sayanañcāti dve ṭhānāni. Kūṭapāsabaddhassa yattha yattha gacchati, taṃ tadeva ṭhānaṃ. Tasmā taṃ tato tato mocentā dasapi vīsatipi satampi bhikkhū pārājikaṃ āpajjanti. Tattha tattha āgataṃ disvā ekameva dāsaṃ palāpento viya.
ปุริมานํ ปน ติณฺณํ จตุปฺปทกถายํ วุตฺตนเยน ผนฺทาปนฐานาจาวนานิ เวทิตพฺพานิฯ สุนขทฎฺฐํ สูกรํ วิสฺสชฺชาเปนฺตสฺสาปิ การุญฺญาธิปฺปาเยน ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกํฯ ปาสฎฺฐานํ ปน สุนขสมีปํ วา อสมฺปตฺตํ ปฎิปถํ คนฺตฺวา ปฐมเมว ปลาเปนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิฯ โยปิ พทฺธสูกรสฺส ฆาสญฺจ ปานียญฺจ ทตฺวา พลํ คาหาเปตฺวา อุกฺกุฎฺฐิํ กโรติ – ‘‘อุตฺรโสฺต ปลายิสฺสตี’’ติ; โส เจ ปลายติ, ปาราชิกํฯ ปาสํ ทุพฺพลํ กตฺวา อุกฺกุฎฺฐิสเทฺทน ปลาเปนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ
Purimānaṃ pana tiṇṇaṃ catuppadakathāyaṃ vuttanayena phandāpanaṭhānācāvanāni veditabbāni. Sunakhadaṭṭhaṃ sūkaraṃ vissajjāpentassāpi kāruññādhippāyena bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājikaṃ. Pāsaṭṭhānaṃ pana sunakhasamīpaṃ vā asampattaṃ paṭipathaṃ gantvā paṭhamameva palāpentassa avahāro natthi. Yopi baddhasūkarassa ghāsañca pānīyañca datvā balaṃ gāhāpetvā ukkuṭṭhiṃ karoti – ‘‘utrasto palāyissatī’’ti; so ce palāyati, pārājikaṃ. Pāsaṃ dubbalaṃ katvā ukkuṭṭhisaddena palāpentassāpi eseva nayo.
โย ปน ฆาสญฺจ ปานียญฺจ ทตฺวา คจฺฉติ, ‘‘พลํ คเหตฺวา ปลายิสฺสตี’’ติ; โส เจ ปลายติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ ปาสํ ทุพฺพลํ กตฺวา คจฺฉนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ ปาสสนฺติเก สตฺถํ วา อคฺคิํ วา ฐเปติ ‘‘ฉิเนฺน วา ทเฑฺฒ วา ปลายิสฺสตี’’ติฯ สูกโร ปาสํ จาเลโนฺต ฉิเนฺน วา ทเฑฺฒ วา ปลายติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ ปาสํ ยฎฺฐิยา สห ปาเตติ, ปจฺฉา สูกโร ตํ มทฺทโนฺต คจฺฉติ , ภณฺฑเทยฺยํฯ สูกโร อทูหลปาสาเณหิ อกฺกโนฺต โหติ, ตํ ปลาเปตุกามสฺส อทูหลํ การุเญฺญน อุกฺขิปโต ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกํฯ สเจ อุกฺขิตฺตมเตฺต อคนฺตฺวา ปจฺฉา คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ อุกฺขิปิตฺวา ฐปิตํ อทูหลํ ปาเตติ, ปจฺฉา สูกโร ตํ มทฺทโนฺต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ โอปาเต ปติตสูกรมฺปิ การุเญฺญน อุทฺธรโต ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกํฯ โอปาตํ ปูเรตฺวา นาเสติ, ปจฺฉา สูกโร ตํ มทฺทโนฺต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ สูเล วิทฺธํ การุเญฺญน อุทฺธรติ, ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกํฯ สูลํ อุทฺธริตฺวา ฉเฑฺฑติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ
Yo pana ghāsañca pānīyañca datvā gacchati, ‘‘balaṃ gahetvā palāyissatī’’ti; so ce palāyati, bhaṇḍadeyyaṃ. Pāsaṃ dubbalaṃ katvā gacchantassāpi eseva nayo. Pāsasantike satthaṃ vā aggiṃ vā ṭhapeti ‘‘chinne vā daḍḍhe vā palāyissatī’’ti. Sūkaro pāsaṃ cālento chinne vā daḍḍhe vā palāyati, bhaṇḍadeyyameva. Pāsaṃ yaṭṭhiyā saha pāteti, pacchā sūkaro taṃ maddanto gacchati , bhaṇḍadeyyaṃ. Sūkaro adūhalapāsāṇehi akkanto hoti, taṃ palāpetukāmassa adūhalaṃ kāruññena ukkhipato bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājikaṃ. Sace ukkhittamatte agantvā pacchā gacchati, bhaṇḍadeyyameva. Ukkhipitvā ṭhapitaṃ adūhalaṃ pāteti, pacchā sūkaro taṃ maddanto gacchati, bhaṇḍadeyyaṃ. Opāte patitasūkarampi kāruññena uddharato bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājikaṃ. Opātaṃ pūretvā nāseti, pacchā sūkaro taṃ maddanto gacchati, bhaṇḍadeyyaṃ. Sūle viddhaṃ kāruññena uddharati, bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājikaṃ. Sūlaṃ uddharitvā chaḍḍeti, bhaṇḍadeyyaṃ.
วิหารภูมิยํ ปน ปาเส วา อทูหลํ วา โอเฑฺฑนฺตา วาเรตพฺพา – ‘‘มิครูปานํ ปฎิสรณฎฺฐานเมตํ, มา อิธ เอวํ กโรถา’’ติฯ สเจ ‘‘หราเปถ, ภเนฺต’’ติ วทนฺติ, หราเปตุํ วฎฺฎติฯ อถ สยํ หรนฺติ, สุนฺทรเมวฯ อถ เนว หรนฺติ, น หริตุํ เทนฺติ, รกฺขํ ยาจิตฺวา หราเปตุํ วฎฺฎติฯ มนุสฺสา สสฺสรกฺขณกาเล เขเตฺตสุ ปาเส จ อทูหลปาสาณาทีนิ จ กโรนฺติ – ‘‘มํสํ ขาทนฺตา สสฺสานิ รกฺขิสฺสามา’’ติฯ วีติวเตฺต สสฺสกาเล เตสุ อนาลเยสุ ปกฺกเนฺตสุ ตตฺถ พทฺธํ วา ปติตํ วา โมเจตุํ วฎฺฎตีติฯ
Vihārabhūmiyaṃ pana pāse vā adūhalaṃ vā oḍḍentā vāretabbā – ‘‘migarūpānaṃ paṭisaraṇaṭṭhānametaṃ, mā idha evaṃ karothā’’ti. Sace ‘‘harāpetha, bhante’’ti vadanti, harāpetuṃ vaṭṭati. Atha sayaṃ haranti, sundarameva. Atha neva haranti, na harituṃ denti, rakkhaṃ yācitvā harāpetuṃ vaṭṭati. Manussā sassarakkhaṇakāle khettesu pāse ca adūhalapāsāṇādīni ca karonti – ‘‘maṃsaṃ khādantā sassāni rakkhissāmā’’ti. Vītivatte sassakāle tesu anālayesu pakkantesu tattha baddhaṃ vā patitaṃ vā mocetuṃ vaṭṭatīti.
มิควตฺถุทฺวเยปิ สูกรวตฺถูสุ วุตฺตสทิโสเยว วินิจฺฉโยฯ
Migavatthudvayepi sūkaravatthūsu vuttasadisoyeva vinicchayo.
มจฺฉวตฺถุทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – กุมีนมุขํ วิวริตฺวา วา ปจฺฉาปุฎกํ มุญฺจิตฺวา วา ปเสฺสน ฉิทฺทํ กตฺวา วา กุมีนโต มเจฺฉ โปเถตฺวา ปลาเปนฺตสฺส ปาราชิกํฯ ภตฺตสิตฺถานิ ทเสฺสตฺวา เอวํ ปลาเปนฺตสฺสาปิ ปาราชิกํฯ สห กุมีเนน อุทฺธรโตปิ ปาราชิกํฯ เกวลํ กุมีนมุขํ วิวรติ, ปจฺฉาปุฎกํ มุญฺจติ, ฉิทฺทํ วา กโรติ, มจฺฉา ปน อตฺตโน ธมฺมตาย ปลายนฺติ, ภณฺฑเทยฺยํฯ เอวํ กตฺวา ภตฺตสิตฺถานิ ทเสฺสติ, มจฺฉา โคจรตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปลายนฺติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ มุขํ อวิวริตฺวา ปจฺฉาปุฎกํ อมุญฺจิตฺวา ปเสฺสน ฉิทฺทํ อกตฺวา เกวลํ ภตฺตสิตฺถานิ ทเสฺสติ, มจฺฉา ปน ฉาตชฺฌตฺตา สีเสน ปหริตฺวา โอกาสํ กตฺวา โคจรตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปลายนฺติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ ตุจฺฉกุมีนสฺส มุขํ วา วิวรติ, ปจฺฉาปุฎกํ วา มุญฺจติ, ฉิทฺทํ วา กโรติ, อาคตาคตา มจฺฉา ทฺวารํ ปตฺตา ปุฎกฉิเทฺทหิ ปลายนฺติ, ภณฺฑเทยฺยเมวฯ ตุจฺฉกุมีนํ คเหตฺวา คุเมฺพ ขิปติ, ภณฺฑเทยฺยเมวาติฯ ยาเน ภณฺฑํ ปีเฐ ถวิกาย สทิสํฯ
Macchavatthudvayepi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – kumīnamukhaṃ vivaritvā vā pacchāpuṭakaṃ muñcitvā vā passena chiddaṃ katvā vā kumīnato macche pothetvā palāpentassa pārājikaṃ. Bhattasitthāni dassetvā evaṃ palāpentassāpi pārājikaṃ. Saha kumīnena uddharatopi pārājikaṃ. Kevalaṃ kumīnamukhaṃ vivarati, pacchāpuṭakaṃ muñcati, chiddaṃ vā karoti, macchā pana attano dhammatāya palāyanti, bhaṇḍadeyyaṃ. Evaṃ katvā bhattasitthāni dasseti, macchā gocaratthāya nikkhamitvā palāyanti, bhaṇḍadeyyameva. Mukhaṃ avivaritvā pacchāpuṭakaṃ amuñcitvā passena chiddaṃ akatvā kevalaṃ bhattasitthāni dasseti, macchā pana chātajjhattā sīsena paharitvā okāsaṃ katvā gocaratthāya nikkhamitvā palāyanti, bhaṇḍadeyyameva. Tucchakumīnassa mukhaṃ vā vivarati, pacchāpuṭakaṃ vā muñcati, chiddaṃ vā karoti, āgatāgatā macchā dvāraṃ pattā puṭakachiddehi palāyanti, bhaṇḍadeyyameva. Tucchakumīnaṃ gahetvā gumbe khipati, bhaṇḍadeyyamevāti. Yāne bhaṇḍaṃ pīṭhe thavikāya sadisaṃ.
มํสเปสิวตฺถุมฺหิ – สเจ อากาเส คณฺหาติ, คหิตฎฺฐานเมว ฐานํฯ ตํ ฉหากาเรหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐานาจาวนํ เวทิตพฺพํฯ เสสเมตฺถ ทารุโคปาลกรชกสาฎกวตฺถูสุ จ อมฺพโจรกาทิวตฺถูสุ วุตฺตนเยน วินิจฺฉินิตพฺพํฯ
Maṃsapesivatthumhi – sace ākāse gaṇhāti, gahitaṭṭhānameva ṭhānaṃ. Taṃ chahākārehi paricchinditvā ṭhānācāvanaṃ veditabbaṃ. Sesamettha dārugopālakarajakasāṭakavatthūsu ca ambacorakādivatthūsu vuttanayena vinicchinitabbaṃ.
๑๕๕. กุมฺภิวตฺถุสฺมิํ – โย สปฺปิเตลาทีนิ อปาทคฺฆนกานิ คเหตฺวา ‘‘น ปุน เอวํ กริสฺสามี’’ติ สํวเร ฐตฺวา ทุติยทิวสาทีสุปิ ปุน จิเตฺต อุปฺปเนฺน เอวเมว ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ปริภุญฺชโนฺต สพฺพมฺปิ ตํ ปริภุญฺชติ, เนวตฺถิ ปาราชิกํฯ ทุกฺกฎํ วา ถุลฺลจฺจยํ วา อาปชฺชติ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ อยมฺปิ ภิกฺขุ เอวเมวมกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺสา’’ติฯ ธุรนิเกฺขปํ ปน อกตฺวา ‘‘ทิวเส ทิวเส ปริภุญฺชิสฺสามี’’ติ โถกํ โถกมฺปิ ปริภุญฺชโต ยสฺมิํ ทิวเส ปาทคฺฆนกํ ปูรติ, ตสฺมิํ ปาราชิกํฯ
155.Kumbhivatthusmiṃ – yo sappitelādīni apādagghanakāni gahetvā ‘‘na puna evaṃ karissāmī’’ti saṃvare ṭhatvā dutiyadivasādīsupi puna citte uppanne evameva dhuranikkhepaṃ katvā paribhuñjanto sabbampi taṃ paribhuñjati, nevatthi pārājikaṃ. Dukkaṭaṃ vā thullaccayaṃ vā āpajjati, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Ayampi bhikkhu evamevamakāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘anāpatti bhikkhu pārājikassā’’ti. Dhuranikkhepaṃ pana akatvā ‘‘divase divase paribhuñjissāmī’’ti thokaṃ thokampi paribhuñjato yasmiṃ divase pādagghanakaṃ pūrati, tasmiṃ pārājikaṃ.
สํวิทาวหารวตฺถูนิ สํวิทาวหาเร, มุฎฺฐิวตฺถูนิ โอทนิยฆราทิวตฺถูสุ เทฺว วิฆาสวตฺถูนิ อมฺพโจรกาทิวตฺถูสุ วุตฺตวินิจฺฉยนเยน เวทิตพฺพานิฯ เทฺว ติณวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
Saṃvidāvahāravatthūni saṃvidāvahāre, muṭṭhivatthūni odaniyagharādivatthūsu dve vighāsavatthūni ambacorakādivatthūsu vuttavinicchayanayena veditabbāni. Dve tiṇavatthūni uttānatthāneva.
๑๕๖. อมฺพภาชาปนาทิวตฺถูสุ เต ภิกฺขู เอกํ คามกาวาสํ ปริจฺฉินฺนภิกฺขุกํ อคมํสุฯ ตตฺถ ภิกฺขู ผลาผลํ ปริภุญฺชมานาปิ เตสุ อาคเตสุ ‘‘เถรานํ ผลานิ เทถา’’ติ กปฺปิยการเก น อโวจุํฯ อถ เต ภิกฺขู ‘‘กิํ สงฺฆิกํ อมฺหากํ น ปาปุณาตี’’ติ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา ภาชาเปตฺวา เตสมฺปิ วสฺสเคฺคน ภาคํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ปริภุญฺชิํสุฯ เตน เนสํ ภควา ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปริโภคตฺถายา’’ติ อาหฯ ตสฺมา อิทานิปิ ยตฺถ อาวาสิกา อาคนฺตุกานํ น เทนฺติ, ผลวาเร จ สมฺปเตฺต อเญฺญสํ อตฺถิภาวํ ทิสฺวา โจริกาย อตฺตนาว ขาทนฺติ, ตตฺถ อาคนฺตุเกหิ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา ภาเชตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
156.Ambabhājāpanādivatthūsu te bhikkhū ekaṃ gāmakāvāsaṃ paricchinnabhikkhukaṃ agamaṃsu. Tattha bhikkhū phalāphalaṃ paribhuñjamānāpi tesu āgatesu ‘‘therānaṃ phalāni dethā’’ti kappiyakārake na avocuṃ. Atha te bhikkhū ‘‘kiṃ saṅghikaṃ amhākaṃ na pāpuṇātī’’ti ghaṇṭiṃ paharitvā bhājāpetvā tesampi vassaggena bhāgaṃ datvā attanāpi paribhuñjiṃsu. Tena nesaṃ bhagavā ‘‘anāpatti, bhikkhave, paribhogatthāyā’’ti āha. Tasmā idānipi yattha āvāsikā āgantukānaṃ na denti, phalavāre ca sampatte aññesaṃ atthibhāvaṃ disvā corikāya attanāva khādanti, tattha āgantukehi ghaṇṭiṃ paharitvā bhājetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati.
ยตฺถ ปน อาวาสิกา รุเกฺข รกฺขิตฺวา ผลวาเร สมฺปเตฺต ภาเชตฺวา ขาทนฺติ, จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺติ, อนิสฺสรา ตตฺถ อาคนฺตุกาฯ เยปิ รุกฺขา จีวรตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนา, เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราฯ เอเสว นโย เสสปจฺจยตฺถาย นิยเมตฺวา ทิเนฺนสุปิฯ
Yattha pana āvāsikā rukkhe rakkhitvā phalavāre sampatte bhājetvā khādanti, catūsu paccayesu sammā upanenti, anissarā tattha āgantukā. Yepi rukkhā cīvaratthāya niyametvā dinnā, tesupi āgantukā anissarā. Eseva nayo sesapaccayatthāya niyametvā dinnesupi.
เย ปน ตถา อนิยมิตา, อาวาสิกา จ เต รกฺขิตฺวา โคเปตฺวา โจริกาย ปริภุญฺชนฺติ, น เตสุ อาวาสิกานํ กติกาย ฐาตพฺพํฯ เย ผลปริโภคตฺถาย ทินฺนา, อาวาสิกาปิ เน รกฺขิตฺวา โคเปตฺวา สมฺมา อุปเนนฺติ, เตสุเยว เตสํ กติกาย ฐาตพฺพํฯ มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยานํ นิยเมตฺวา ทินฺนํ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ ปริโภควเสเนว ตํ ภาเชตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ภณฺฑเทยฺยํฯ ยํ ปเนตฺถ เสนาสนตฺถาย นิยมิตํ, ตํ ปริโภควเสเนว ภาเชตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยญฺจ ภณฺฑเทยฺยญฺจา’’ติฯ
Ye pana tathā aniyamitā, āvāsikā ca te rakkhitvā gopetvā corikāya paribhuñjanti, na tesu āvāsikānaṃ katikāya ṭhātabbaṃ. Ye phalaparibhogatthāya dinnā, āvāsikāpi ne rakkhitvā gopetvā sammā upanenti, tesuyeva tesaṃ katikāya ṭhātabbaṃ. Mahāpaccariyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘catunnaṃ paccayānaṃ niyametvā dinnaṃ theyyacittena paribhuñjanto bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo. Paribhogavaseneva taṃ bhājetvā paribhuñjantassa bhaṇḍadeyyaṃ. Yaṃ panettha senāsanatthāya niyamitaṃ, taṃ paribhogavaseneva bhājetvā paribhuñjantassa thullaccayañca bhaṇḍadeyyañcā’’ti.
โอทิสฺส จีวรตฺถาย ทินฺนํ จีวเรเยว อุปเนตพฺพํฯ สเจ ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ภิกฺขู ปิณฺฑปาเตน กิลมนฺติ, จีวรํ ปน สุลภํ, สงฺฆสุฎฺฐุตาย อปโลกนกมฺมํ กตฺวา ปิณฺฑปาเตปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ เสนาสเนน คิลานปจฺจเยน วา กิลมเนฺตสุ สงฺฆสุฎฺฐุตาย อปโลกนกมฺมํ กตฺวา ตทตฺถายปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ โอทิสฺส ปิณฺฑปาตตฺถาย คิลานปจฺจยตฺถาย จ ทิเนฺนปิ เอเสว นโยฯ โอทิสฺส เสนาสนตฺถาย ทินฺนํ ปน ครุภณฺฑํ โหติ, ตํ รกฺขิตฺวา โคเปตฺวา ตทตฺถเมว อุปเนตพฺพํฯ สเจ ปน ทุพฺภิกฺขํ โหติ, ภิกฺขู ปิณฺฑปาเตน น ยาเปนฺติฯ เอตฺถ ราชโรคโจรภยาทีหิ อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตานํ วิหารา ปลุชฺชนฺติ, ตาลนาฬิเกราทิเก วินาเสนฺติ, เสนาสนปจฺจยํ ปน นิสฺสาย ยาเปตุํ สกฺกา โหติฯ เอวรูเป กาเล เสนาสนํ วิสฺสเชฺชตฺวาปิ เสนาสนชคฺคนตฺถาย ปริโภโค ภควตา อนุญฺญาโตฯ ตสฺมา เอกํ วา เทฺว วา วรเสนาสนานิ ฐเปตฺวา อิตรานิ ลามกโกฎิยา ปิณฺฑปาตตฺถาย วิสฺสเชฺชตุํ วฎฺฎติฯ มูลวตฺถุเจฺฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพํ ฯ
Odissa cīvaratthāya dinnaṃ cīvareyeva upanetabbaṃ. Sace dubbhikkhaṃ hoti, bhikkhū piṇḍapātena kilamanti, cīvaraṃ pana sulabhaṃ, saṅghasuṭṭhutāya apalokanakammaṃ katvā piṇḍapātepi upanetuṃ vaṭṭati. Senāsanena gilānapaccayena vā kilamantesu saṅghasuṭṭhutāya apalokanakammaṃ katvā tadatthāyapi upanetuṃ vaṭṭati. Odissa piṇḍapātatthāya gilānapaccayatthāya ca dinnepi eseva nayo. Odissa senāsanatthāya dinnaṃ pana garubhaṇḍaṃ hoti, taṃ rakkhitvā gopetvā tadatthameva upanetabbaṃ. Sace pana dubbhikkhaṃ hoti, bhikkhū piṇḍapātena na yāpenti. Ettha rājarogacorabhayādīhi aññattha gacchantānaṃ vihārā palujjanti, tālanāḷikerādike vināsenti, senāsanapaccayaṃ pana nissāya yāpetuṃ sakkā hoti. Evarūpe kāle senāsanaṃ vissajjetvāpi senāsanajagganatthāya paribhogo bhagavatā anuññāto. Tasmā ekaṃ vā dve vā varasenāsanāni ṭhapetvā itarāni lāmakakoṭiyā piṇḍapātatthāya vissajjetuṃ vaṭṭati. Mūlavatthucchedaṃ pana katvā na upanetabbaṃ .
โย ปน อาราโม จตุปฺปจฺจยตฺถาย นิยเมตฺวา ทิโนฺน, ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ น กาตพฺพํฯ เยน ปน ปจฺจเยน อูนํ, ตทตฺถํ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ อาราโม ชคฺคิตโพฺพ, เวตนํ ทตฺวาปิ ชคฺคาเปตุํ วฎฺฎติฯ เย ปน เวตนํ ลภิตฺวา อาราเมเยว เคหํ กตฺวา วสนฺตา รกฺขนฺติ, เต เจ อาคตานํ ภิกฺขูนํ นาฬิเกรํ วา ตาลปกฺกํ วา เทนฺติ, ยํ เตสํ สเงฺฆน อนุญฺญาตํ โหติ – ‘‘ทิวเส ทิวเส เอตฺตกํ นาม ขาทถา’’ติ ตเทว เต ทาตุํ ลภนฺติ; ตโต อุตฺตริ เตสํ ททนฺตานมฺปิ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ
Yo pana ārāmo catuppaccayatthāya niyametvā dinno, tattha apalokanakammaṃ na kātabbaṃ. Yena pana paccayena ūnaṃ, tadatthaṃ upanetuṃ vaṭṭati. Ārāmo jaggitabbo, vetanaṃ datvāpi jaggāpetuṃ vaṭṭati. Ye pana vetanaṃ labhitvā ārāmeyeva gehaṃ katvā vasantā rakkhanti, te ce āgatānaṃ bhikkhūnaṃ nāḷikeraṃ vā tālapakkaṃ vā denti, yaṃ tesaṃ saṅghena anuññātaṃ hoti – ‘‘divase divase ettakaṃ nāma khādathā’’ti tadeva te dātuṃ labhanti; tato uttari tesaṃ dadantānampi gahetuṃ na vaṭṭati.
โย ปน อารามํ เกณิยา คเหตฺวา สงฺฆสฺส จตุปฺปจฺจยตฺถาย กปฺปิยภณฺฑเมว เทติ, อยํ พหุกมฺปิ ทาตุํ ลภติฯ เจติยสฺส ปทีปตฺถาย วา ขณฺฑผุลฺลปฎิสงฺขรณตฺถาย วา ทิโนฺน อาราโมปิ ปฎิชคฺคิตโพฺพ; เวตนํ ทตฺวาปิ ชคฺคาเปตโพฺพฯ เวตนญฺจ ปเนตฺถ เจติยสนฺตกมฺปิ สงฺฆสนฺตกมฺปิ ทาตุํ วฎฺฎติฯ เอตมฺปิ อารามํ เวตเนน ตเตฺถว วสิตฺวา รกฺขนฺตานญฺจ เกณิยา คเหตฺวา กปฺปิยภณฺฑทายกานญฺจ ตตฺถ ชาตกผลทานํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Yo pana ārāmaṃ keṇiyā gahetvā saṅghassa catuppaccayatthāya kappiyabhaṇḍameva deti, ayaṃ bahukampi dātuṃ labhati. Cetiyassa padīpatthāya vā khaṇḍaphullapaṭisaṅkharaṇatthāya vā dinno ārāmopi paṭijaggitabbo; vetanaṃ datvāpi jaggāpetabbo. Vetanañca panettha cetiyasantakampi saṅghasantakampi dātuṃ vaṭṭati. Etampi ārāmaṃ vetanena tattheva vasitvā rakkhantānañca keṇiyā gahetvā kappiyabhaṇḍadāyakānañca tattha jātakaphaladānaṃ vuttanayeneva veditabbanti.
อมฺพปาลกาทิวตฺถูสุ – อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, โคปกสฺส ทาเนติ เอตฺถ กตรํ ปน โคปกทานํ วฎฺฎติ, กตรํ น วฎฺฎตีติ? มหาสุมเตฺถโร ตาว อาห – ‘‘ยํ โคปกสฺส ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ โหติ – ‘เอตฺตกํ ทิวเส ทิวเส คณฺหา’ติ ตเทว วฎฺฎติ; ตโต อุตฺตริ น วฎฺฎตี’’ติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘กิํ โคปกานํ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา นิมิตฺตสญฺญํ วา กตฺวา ทินฺนํ อตฺถิ, เอเตสํ หเตฺถ วิสฺสฎฺฐกสฺส เอเต อิสฺสรา, ตสฺมา ยํ เต เทนฺติ ตํ พหุกมฺปิ วฎฺฎตี’’ติฯ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสานํ อารามํ วา อญฺญํ วา ผลาผลํ ทารกา รกฺขนฺติ, เตหิ ทินฺนํ วฎฺฎติ ฯ อาหราเปตฺวา ปน น คเหตพฺพํฯ สงฺฆิเก ปน เจติยสนฺตเก จ เกณิยา คเหตฺวา รกฺขนฺตเสฺสว ทานํ วฎฺฎติฯ เวตเนน รกฺขนฺตสฺส อตฺตโน ภาคมตฺตํ วฎฺฎตี’’ติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ยํ คิหีนํ อารามรกฺขกา ภิกฺขูนํ เทนฺติ, เอตํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน อารามโคปกา ยํ อตฺตโน ภติยา ขเณฺฑตฺวา เทนฺติ, เอตํ วฎฺฎติฯ โยปิ อุปฑฺฒารามํ วา เกจิเทว รุเกฺข วา ภติํ ลภิตฺวา รกฺขติ, ตสฺสาปิ อตฺตโน ปตฺตรุกฺขโตเยว ทาตุํ วฎฺฎติฯ เกณิยา คเหตฺวา รกฺขนฺตสฺส ปน สพฺพมฺปิ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ เอตํ ปน สพฺพํ พฺยญฺชนโต นานํ, อตฺถโต เอกเมว; ตสฺมา อธิปฺปายํ ญตฺวา คเหตพฺพํฯ
Ambapālakādivatthūsu – anāpatti, bhikkhave, gopakassa dāneti ettha kataraṃ pana gopakadānaṃ vaṭṭati, kataraṃ na vaṭṭatīti? Mahāsumatthero tāva āha – ‘‘yaṃ gopakassa paricchinditvā dinnaṃ hoti – ‘ettakaṃ divase divase gaṇhā’ti tadeva vaṭṭati; tato uttari na vaṭṭatī’’ti. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘kiṃ gopakānaṃ paṇṇaṃ āropetvā nimittasaññaṃ vā katvā dinnaṃ atthi, etesaṃ hatthe vissaṭṭhakassa ete issarā, tasmā yaṃ te denti taṃ bahukampi vaṭṭatī’’ti. Kurundaṭṭhakathāyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘manussānaṃ ārāmaṃ vā aññaṃ vā phalāphalaṃ dārakā rakkhanti, tehi dinnaṃ vaṭṭati . Āharāpetvā pana na gahetabbaṃ. Saṅghike pana cetiyasantake ca keṇiyā gahetvā rakkhantasseva dānaṃ vaṭṭati. Vetanena rakkhantassa attano bhāgamattaṃ vaṭṭatī’’ti. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘yaṃ gihīnaṃ ārāmarakkhakā bhikkhūnaṃ denti, etaṃ vaṭṭati. Bhikkhusaṅghassa pana ārāmagopakā yaṃ attano bhatiyā khaṇḍetvā denti, etaṃ vaṭṭati. Yopi upaḍḍhārāmaṃ vā kecideva rukkhe vā bhatiṃ labhitvā rakkhati, tassāpi attano pattarukkhatoyeva dātuṃ vaṭṭati. Keṇiyā gahetvā rakkhantassa pana sabbampi vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Etaṃ pana sabbaṃ byañjanato nānaṃ, atthato ekameva; tasmā adhippāyaṃ ñatvā gahetabbaṃ.
ทารุวตฺถุมฺหิ – ตาวกาลิโก อหํ ภควาติ ตาวกาลิกจิโตฺต อหํ ภควาติ วตฺตุกาเมน วุตฺตํ, ตาวกาลิกจิโตฺตติ ‘‘ปุน อาหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ เอวํจิโตฺต อหนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ภควา ‘‘ตาวกาลิเก อนาปตฺตี’’ติ อาหฯ
Dāruvatthumhi – tāvakāliko ahaṃ bhagavāti tāvakālikacitto ahaṃ bhagavāti vattukāmena vuttaṃ, tāvakālikacittoti ‘‘puna āharitvā dassāmī’’ti evaṃcitto ahanti vuttaṃ hoti. Bhagavā ‘‘tāvakālike anāpattī’’ti āha.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย – สเจ สโงฺฆ สงฺฆิกํ กมฺมํ กาเรติ อุโปสถาคารํ วา โภชนสาลํ วา, ตโต อาปุจฺฉิตฺวา ตาวกาลิกํ หริตพฺพํฯ โย ปน สงฺฆิโก ทพฺพสมฺภาโร อคุโตฺต เทเว วสฺสเนฺต เตเมติ, อาตเปน สุกฺขติ, ตํ สพฺพมฺปิ อาหริตฺวา อตฺตโน อาวาเส กาตุํ วฎฺฎติฯ สโงฺฆ อาหราเปโนฺต อเญฺญน วา ทพฺพสมฺภาเรน มูเลน วา สญฺญาเปตโพฺพฯ น สกฺกา เจ โหติ สญฺญาเปตุํ, ‘‘สงฺฆิเกน, ภเนฺต, กตํ สงฺฆิกปริโภเคน วฬญฺชถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ เสนาสนสฺส ปน อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรฯ สเจปิ ปาสาณตฺถโมฺภ วา รุกฺขตฺถโมฺภ วา กวาฎํ วา วาตปานํ วา นปฺปโหติ, สงฺฆิกํ ตาวกาลิกํ อาหริตฺวา ปากติกํ กาตุํ วฎฺฎติฯ เอส นโย อเญฺญสุปิ ทพฺพสมฺภาเรสูติฯ
Ayaṃ panettha pāḷimuttakavinicchayo – sace saṅgho saṅghikaṃ kammaṃ kāreti uposathāgāraṃ vā bhojanasālaṃ vā, tato āpucchitvā tāvakālikaṃ haritabbaṃ. Yo pana saṅghiko dabbasambhāro agutto deve vassante temeti, ātapena sukkhati, taṃ sabbampi āharitvā attano āvāse kātuṃ vaṭṭati. Saṅgho āharāpento aññena vā dabbasambhārena mūlena vā saññāpetabbo. Na sakkā ce hoti saññāpetuṃ, ‘‘saṅghikena, bhante, kataṃ saṅghikaparibhogena vaḷañjathā’’ti vattabbaṃ. Senāsanassa pana ayameva bhikkhu issaro. Sacepi pāsāṇatthambho vā rukkhatthambho vā kavāṭaṃ vā vātapānaṃ vā nappahoti, saṅghikaṃ tāvakālikaṃ āharitvā pākatikaṃ kātuṃ vaṭṭati. Esa nayo aññesupi dabbasambhāresūti.
อุทกวตฺถุสฺมิํ – ยทา อุทกํ ทุลฺลภํ โหติ, โยชนโตปิ อฑฺฒโยชนโตปิ อาหรียติ, เอวรูเป ปริคฺคหิตอุทเก อวหาโรฯ ยโตปิ อาหริมโต วา โปกฺขรณีอาทีสุ ฐิตโต วา เกวลํ ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทนฺติ, ปานียปริโภคญฺจ กโรนฺติ, น อญฺญํ มหาปริโภคํ, ตมฺปิ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโต อวหาโรฯ ยโต ปน เอกํ วา เทฺว วา ฆเฎ คเหตฺวา อาสนํ โธวิตุํ, โพธิรุเกฺข สิญฺจิตุํ อุทกปูชํ กาตุํ, รชนํ ปจิตุํ ลพฺภติ, ตตฺถ สงฺฆสฺส กติกวเสเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ อติเรกํ คณฺหโนฺต, มตฺติกาทีนิ วา เถยฺยจิเตฺตน ปกฺขิปโนฺต ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ
Udakavatthusmiṃ – yadā udakaṃ dullabhaṃ hoti, yojanatopi aḍḍhayojanatopi āharīyati, evarūpe pariggahitaudake avahāro. Yatopi āharimato vā pokkharaṇīādīsu ṭhitato vā kevalaṃ yāgubhattaṃ sampādenti, pānīyaparibhogañca karonti, na aññaṃ mahāparibhogaṃ, tampi theyyacittena gaṇhato avahāro. Yato pana ekaṃ vā dve vā ghaṭe gahetvā āsanaṃ dhovituṃ, bodhirukkhe siñcituṃ udakapūjaṃ kātuṃ, rajanaṃ pacituṃ labbhati, tattha saṅghassa katikavaseneva paṭipajjitabbaṃ. Atirekaṃ gaṇhanto, mattikādīni vā theyyacittena pakkhipanto bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo.
สเจ อาวาสิกา กติกวตฺตํ ทฬฺหํ กโรนฺติ, อเญฺญสํ ภณฺฑกํ โธวิตุํ วา รชิตุํ วา น เทนฺติ, อตฺตนา ปน อเญฺญสํ อปสฺสนฺตานํ คเหตฺวา สพฺพํ กโรนฺติ, เตสํ กติกาย น ฐาตพฺพํฯ ยตฺตกํ เต โธวนฺติ, ตตฺตกํ โธวิตพฺพํฯ สเจ สงฺฆสฺส เทฺว ติโสฺส โปกฺขรณิโย วา อุทกโสณฺฑิโย วา โหนฺติ, กติกา จ กตา ‘‘เอตฺถ นฺหายิตพฺพํ, อิโต ปานียํ คเหตพฺพํ, อิธ สพฺพปริโภโค กาตโพฺพ’’ติฯ กติกวเตฺตเนว สพฺพํ กาตพฺพํฯ ยตฺถ กติกา นตฺถิ, ตตฺถ สพฺพปริโภโค วฎฺฎตีติฯ
Sace āvāsikā katikavattaṃ daḷhaṃ karonti, aññesaṃ bhaṇḍakaṃ dhovituṃ vā rajituṃ vā na denti, attanā pana aññesaṃ apassantānaṃ gahetvā sabbaṃ karonti, tesaṃ katikāya na ṭhātabbaṃ. Yattakaṃ te dhovanti, tattakaṃ dhovitabbaṃ. Sace saṅghassa dve tisso pokkharaṇiyo vā udakasoṇḍiyo vā honti, katikā ca katā ‘‘ettha nhāyitabbaṃ, ito pānīyaṃ gahetabbaṃ, idha sabbaparibhogo kātabbo’’ti. Katikavatteneva sabbaṃ kātabbaṃ. Yattha katikā natthi, tattha sabbaparibhogo vaṭṭatīti.
มตฺติกาวตฺถุสฺมิํ – ยตฺถ มตฺติกา ทุลฺลภา โหติ, นานปฺปการา วา วณฺณมตฺติกา อาหริตฺวา ฐปิตา, ตตฺถ โถกาปิ ปญฺจมาสกํ อคฺฆติ, ตสฺมา ปาราชิกํฯ สงฺฆิเก ปน กเมฺม เจติยกเมฺม จ นิฎฺฐิเต สงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา วา ตาวกาลิกํ วา คเหตุํ วฎฺฎติฯ สุธายปิ จิตฺตกมฺมวเณฺณสุปิ เอเสว นโยฯ
Mattikāvatthusmiṃ – yattha mattikā dullabhā hoti, nānappakārā vā vaṇṇamattikā āharitvā ṭhapitā, tattha thokāpi pañcamāsakaṃ agghati, tasmā pārājikaṃ. Saṅghike pana kamme cetiyakamme ca niṭṭhite saṅghaṃ āpucchitvā vā tāvakālikaṃ vā gahetuṃ vaṭṭati. Sudhāyapi cittakammavaṇṇesupi eseva nayo.
ติณวตฺถูสุ – ฌาปิตติเณ ฐานาจาวนสฺส อภาวา ทุกฺกฎํ, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ สโงฺฆ ติณวตฺถุํ ชคฺคิตฺวา สงฺฆิกํ อาวาสํ ฉาเทติ, ปุน กทาจิ ชคฺคิตุํ น สโกฺกติ, อถโญฺญ เอโก ภิกฺขุ วตฺตสีเสน ชคฺคติ, สงฺฆเสฺสเวตํฯ โน เจ ชคฺคติ, สเงฺฆเนโก ภิกฺขุ วตฺตโพฺพ ‘‘ชคฺคิตฺวา เทหี’’ติฯ โส เจ ภาคํ อิจฺฉติ, ภาคํ ทตฺวาปิ ชคฺคาเปตพฺพํฯ สเจ ภาคํ วเฑฺฒติ, ทาตพฺพเมวฯ วเฑฺฒติเยว, ‘‘คจฺฉ ชคฺคิตฺวา สพฺพํ คเหตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ เสนาสนํ ฉาเทหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ กสฺมา? นเฎฺฐ อโตฺถ นตฺถิฯ ททเนฺตหิ ปน สวตฺถุกํ น ทาตพฺพํ , ครุภณฺฑํ โหติ; ติณมตฺตํ ปน ทาตพฺพํฯ ตสฺมิํ เจ ชคฺคิตฺวา อตฺตโน เสนาสนํ ฉาเทเนฺต ปุน สโงฺฆ ชคฺคิตุํ ปโหติ, ‘‘ตฺวํ มา ชคฺคิ, สโงฺฆ ชคฺคิสฺสตี’’ติ วตฺตโพฺพติฯ
Tiṇavatthūsu – jhāpitatiṇe ṭhānācāvanassa abhāvā dukkaṭaṃ, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Saṅgho tiṇavatthuṃ jaggitvā saṅghikaṃ āvāsaṃ chādeti, puna kadāci jaggituṃ na sakkoti, athañño eko bhikkhu vattasīsena jaggati, saṅghassevetaṃ. No ce jaggati, saṅgheneko bhikkhu vattabbo ‘‘jaggitvā dehī’’ti. So ce bhāgaṃ icchati, bhāgaṃ datvāpi jaggāpetabbaṃ. Sace bhāgaṃ vaḍḍheti, dātabbameva. Vaḍḍhetiyeva, ‘‘gaccha jaggitvā sabbaṃ gahetvā attano santakaṃ senāsanaṃ chādehī’’ti vattabbo. Kasmā? Naṭṭhe attho natthi. Dadantehi pana savatthukaṃ na dātabbaṃ , garubhaṇḍaṃ hoti; tiṇamattaṃ pana dātabbaṃ. Tasmiṃ ce jaggitvā attano senāsanaṃ chādente puna saṅgho jaggituṃ pahoti, ‘‘tvaṃ mā jaggi, saṅgho jaggissatī’’ti vattabboti.
มญฺจาทีนิ สตฺต วตฺถูนิ ปากฎาเนวฯ ปาฬิยํ ปน อนาคตมฺปิ ปาสาณตฺถมฺภํ วา รุกฺขตฺถมฺภํ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ ปาทคฺฆนกํ หรนฺตสฺส ปาราชิกเมวฯ ปธานฆราทีสุ ฉฑฺฑิตปติตานํ ปริเวณาทีนํ กุฎฺฎมฺปิ ปาการมฺปิ ภินฺทิตฺวา อิฎฺฐกาทีนิ อวหรนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ กสฺมา? สงฺฆิกํ นาม กทาจิ อชฺฌาวสนฺติ, กทาจิ น อชฺฌาวสนฺติฯ ปจฺจเนฺต โจรภเยน ชนปเท วุฎฺฐหเนฺต ฉฑฺฑิตวิหาราทีสุ กิญฺจิ ปริกฺขารํ หรนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ เย ปน ตโต ตาวกาลิกํ หรนฺติ, ปุน อาวสิเตสุ จ วิหาเรสุ ภิกฺขู อาหราเปนฺติ, ทาตพฺพํฯ สเจปิ ตโต อาหริตฺวา เสนาสนํ กตํ โหติ, ตํ วา ตทคฺฆนกํ วา ทาตพฺพเมวฯ ‘‘ปุน อาวสิสฺสามา’’ติ อาลยํ อจฺฉินฺทิตฺวา วุฎฺฐิเตสุ ชนปเทสุ คณสนฺตกํ วา ปุคฺคลิกํ วา คหิตํ โหติ; เต เจ อนุชานนฺติ, ปฎิกเมฺมน กิจฺจํ นตฺถิฯ สงฺฆิกํ ปน ครุภณฺฑํ, ตสฺมา ปฎิกมฺมํ กตฺตพฺพเมวฯ
Mañcādīni satta vatthūni pākaṭāneva. Pāḷiyaṃ pana anāgatampi pāsāṇatthambhaṃ vā rukkhatthambhaṃ vā aññaṃ vā kiñci pādagghanakaṃ harantassa pārājikameva. Padhānagharādīsu chaḍḍitapatitānaṃ pariveṇādīnaṃ kuṭṭampi pākārampi bhinditvā iṭṭhakādīni avaharantassāpi eseva nayo. Kasmā? Saṅghikaṃ nāma kadāci ajjhāvasanti, kadāci na ajjhāvasanti. Paccante corabhayena janapade vuṭṭhahante chaḍḍitavihārādīsu kiñci parikkhāraṃ harantassāpi eseva nayo. Ye pana tato tāvakālikaṃ haranti, puna āvasitesu ca vihāresu bhikkhū āharāpenti, dātabbaṃ. Sacepi tato āharitvā senāsanaṃ kataṃ hoti, taṃ vā tadagghanakaṃ vā dātabbameva. ‘‘Puna āvasissāmā’’ti ālayaṃ acchinditvā vuṭṭhitesu janapadesu gaṇasantakaṃ vā puggalikaṃ vā gahitaṃ hoti; te ce anujānanti, paṭikammena kiccaṃ natthi. Saṅghikaṃ pana garubhaṇḍaṃ, tasmā paṭikammaṃ kattabbameva.
๑๕๗. วิหารปริโภควตฺถุ อุตฺตานตฺถเมวฯ
157. Vihāraparibhogavatthu uttānatthameva.
อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตาวกาลิกํ หริตุนฺติ เอตฺถ โย ภิกฺขุ สงฺฆิกํ มญฺจํ วา ปีฐํ วา ตาวกาลิกํ หริตฺวา อตฺตโน ผาสุกฎฺฐาเน เอกมฺปิ เทฺวปิ มาเส สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชติ, อาคตาคตานํ วุฑฺฒตรานํ เทติ, นปฺปฎิพาหติ , ตสฺส ตสฺมิํ นเฎฺฐปิ ชิเณฺณปิ โจราวหเฎปิ คีวา น โหติฯ วสิตฺวา ปน คจฺฉเนฺตน ยถาฐาเน ฐเปตพฺพํฯ โย ปน ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุญฺชติ, อาคตาคตานํ วุฑฺฒตรานํ น เทติ, ตสฺมิํ นเฎฺฐ ตสฺส คีวา โหติฯ อญฺญํ ปน อาวาสํ หริตฺวา ปริภุญฺชเนฺตน สเจ ตตฺถ วุฑฺฒตโร อาคนฺตฺวา วุฎฺฐาเปติ, ‘‘มยา อิทํ อสุกาวาสโต นาม อาหฎํ, คจฺฉามิ, นํ ปากติกํ กโรมี’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ โส ภิกฺขุ ‘‘อหํ ปากติกํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, ตสฺส ภารํ กตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎตีติ สเงฺขปฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ
Anujānāmi, bhikkhave, tāvakālikaṃ haritunti ettha yo bhikkhu saṅghikaṃ mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā tāvakālikaṃ haritvā attano phāsukaṭṭhāne ekampi dvepi māse saṅghikaparibhogena paribhuñjati, āgatāgatānaṃ vuḍḍhatarānaṃ deti, nappaṭibāhati , tassa tasmiṃ naṭṭhepi jiṇṇepi corāvahaṭepi gīvā na hoti. Vasitvā pana gacchantena yathāṭhāne ṭhapetabbaṃ. Yo pana puggalikaparibhogena paribhuñjati, āgatāgatānaṃ vuḍḍhatarānaṃ na deti, tasmiṃ naṭṭhe tassa gīvā hoti. Aññaṃ pana āvāsaṃ haritvā paribhuñjantena sace tattha vuḍḍhataro āgantvā vuṭṭhāpeti, ‘‘mayā idaṃ asukāvāsato nāma āhaṭaṃ, gacchāmi, naṃ pākatikaṃ karomī’’ti vattabbaṃ. Sace so bhikkhu ‘‘ahaṃ pākatikaṃ karissāmī’’ti vadati, tassa bhāraṃ katvāpi gantuṃ vaṭṭatīti saṅkhepaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.
จมฺปาวตฺถุมฺหิ – เตกฎุลยาคูติ ติลตณฺฑุลมุเคฺคหิ วา ติลตณฺฑุลมาเสหิ วา ติลตณฺฑุลกุลเตฺถหิ วา ติลตณฺฑุเลหิ สทฺธิํ ยํกิญฺจิ เอกํ อปรณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา ตีหิ กตา, เอตํ กิร อิเมหิ ตีหิ จตุภาคอุทกสมฺภิเนฺน ขีเร สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ โยเชตฺวา กโรนฺติฯ
Campāvatthumhi – tekaṭulayāgūti tilataṇḍulamuggehi vā tilataṇḍulamāsehi vā tilataṇḍulakulatthehi vā tilataṇḍulehi saddhiṃ yaṃkiñci ekaṃ aparaṇṇaṃ pakkhipitvā tīhi katā, etaṃ kira imehi tīhi catubhāgaudakasambhinne khīre sappimadhusakkarādīhi yojetvā karonti.
ราชคหวตฺถุมฺหิ – มธุโคฬโกติ อติรสกปูโว วุจฺจติ; ‘‘มธุสีสก’’นฺติปิ วทนฺติฯ เสสเมตฺถ วตฺถุทฺวเยปิ โอทนภาชนียวตฺถุสฺมิํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Rājagahavatthumhi – madhugoḷakoti atirasakapūvo vuccati; ‘‘madhusīsaka’’ntipi vadanti. Sesamettha vatthudvayepi odanabhājanīyavatthusmiṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.
๑๕๘. อชฺชุกวตฺถุสฺมิํ – เอตทโวจาติ คิลาโน หุตฺวา อโวจฯ อายสฺมา อุปาลิ อายสฺมโต อชฺชุกสฺส ปโกฺขติ น อคติคมนวเสน ปโกฺข, อปิ จ โข อนาปตฺติสญฺญิตาย ลชฺชีอนุคฺคเหน วินยานุคฺคเหน จ เถโร ปโกฺขติ เวทิตโพฺพฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
158. Ajjukavatthusmiṃ – etadavocāti gilāno hutvā avoca. Āyasmā upāli āyasmato ajjukassa pakkhoti na agatigamanavasena pakkho, api ca kho anāpattisaññitāya lajjīanuggahena vinayānuggahena ca thero pakkhoti veditabbo. Sesamettha uttānameva.
๑๕๙. พาราณสีวตฺถุสฺมิํ – โจเรหิ อุปทฺทุตนฺติ โจเรหิ วิลุตฺตํฯ อิทฺธิยา อาเนตฺวา ปาสาเท ฐเปสีติ เถโร กิร ตํ กุลํ โสกสลฺลสมปฺปิตํ อาวฎฺฎนฺตํ วิวฎฺฎนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส กุลสฺส อนุกมฺปาย ปสาทานุรกฺขณตฺถาย ธมฺมานุคฺคเหน อตฺตโน อิทฺธิยา ‘‘เตสํเยว ปาสาทํ ทารกานํ สมีเป โหตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ ทารกา ‘‘อมฺหากํ ปาสาโท’’ติ สญฺชานิตฺวา อภิรุหิํสุฯ ตโต เถโร อิทฺธิํ ปฎิสํหริ, ปาสาโทปิ สกฎฺฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ โวหารวเสน ปน วุตฺตํ ‘‘เต ทารเก อิทฺธิยา อาเนตฺวา ปาสาเท ฐเปสี’’ติฯ อิทฺธิวิสเยติ อีทิสาย อธิฎฺฐานิทฺธิยา อนาปตฺติฯ วิกุพฺพนิทฺธิ ปน น วฎฺฎติฯ
159. Bārāṇasīvatthusmiṃ – corehi upaddutanti corehi viluttaṃ. Iddhiyā ānetvā pāsāde ṭhapesīti thero kira taṃ kulaṃ sokasallasamappitaṃ āvaṭṭantaṃ vivaṭṭantaṃ disvā tassa kulassa anukampāya pasādānurakkhaṇatthāya dhammānuggahena attano iddhiyā ‘‘tesaṃyeva pāsādaṃ dārakānaṃ samīpe hotū’’ti adhiṭṭhāsi. Dārakā ‘‘amhākaṃ pāsādo’’ti sañjānitvā abhiruhiṃsu. Tato thero iddhiṃ paṭisaṃhari, pāsādopi sakaṭṭhāneyeva aṭṭhāsi. Vohāravasena pana vuttaṃ ‘‘te dārake iddhiyā ānetvā pāsāde ṭhapesī’’ti. Iddhivisayeti īdisāya adhiṭṭhāniddhiyā anāpatti. Vikubbaniddhi pana na vaṭṭati.
๑๖๐-๑. อวสาเน วตฺถุทฺวยํ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
160-1. Avasāne vatthudvayaṃ uttānatthamevāti.
สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย
Samantapāsādikāya vinayasaṃvaṇṇanāya
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.
ตตฺรายํ อนุสาสนี –
Tatrāyaṃ anusāsanī –
ทุติยํ อทุติเยน, ยํ ชิเนน ปกาสิตํ;
Dutiyaṃ adutiyena, yaṃ jinena pakāsitaṃ;
ปราชิตกิเลเสน, ปาราชิกมิทํ อิธฯ
Parājitakilesena, pārājikamidaṃ idha.
สิกฺขาปทํ สมํ เตน, อญฺญํ กิญฺจิ น วิชฺชติ;
Sikkhāpadaṃ samaṃ tena, aññaṃ kiñci na vijjati;
อเนกนยโวกิณฺณํ, คมฺภีรตฺถวินิจฺฉยํฯ
Anekanayavokiṇṇaṃ, gambhīratthavinicchayaṃ.
ตสฺมา วตฺถุมฺหิ โอติเณฺณ, ภิกฺขุนา วินยญฺญุนา;
Tasmā vatthumhi otiṇṇe, bhikkhunā vinayaññunā;
วินยานุคฺคเหเนตฺถ, กโรเนฺตน วินิจฺฉยํฯ
Vinayānuggahenettha, karontena vinicchayaṃ.
ปาฬิํ อฎฺฐกถเญฺจว, สาธิปฺปายมเสสโต;
Pāḷiṃ aṭṭhakathañceva, sādhippāyamasesato;
โอคยฺห อปฺปมเตฺตน, กรณีโย วินิจฺฉโยฯ
Ogayha appamattena, karaṇīyo vinicchayo.
อาปตฺติทสฺสนุสฺสาโห, น กตฺตโพฺพ กุทาจนํ;
Āpattidassanussāho, na kattabbo kudācanaṃ;
ปสฺสิสฺสามิ อนาปตฺติ-มิติ กยิราถ มานสํฯ
Passissāmi anāpatti-miti kayirātha mānasaṃ.
ปสฺสิตฺวาปิ จ อาปตฺติํ, อวตฺวาว ปุนปฺปุนํ;
Passitvāpi ca āpattiṃ, avatvāva punappunaṃ;
วีมํสิตฺวาถ วิญฺญูหิ, สํสนฺทิตฺวา จ ตํ วเทฯ
Vīmaṃsitvātha viññūhi, saṃsanditvā ca taṃ vade.
กปฺปิเยปิ จ วตฺถุสฺมิํ, จิตฺตสฺส ลหุวตฺติโน;
Kappiyepi ca vatthusmiṃ, cittassa lahuvattino;
วเสน สามญฺญคุณา, จวนฺตีธ ปุถุชฺชนาฯ
Vasena sāmaññaguṇā, cavantīdha puthujjanā.
ตสฺมา ปรปริกฺขารํ, อาสีวิสมิโวรคํ;
Tasmā paraparikkhāraṃ, āsīvisamivoragaṃ;
อคฺคิํ วิย จ สมฺปสฺสํ, นามเสยฺย วิจกฺขโณติฯ
Aggiṃ viya ca sampassaṃ, nāmaseyya vicakkhaṇoti.
ปาราชิกกณฺฑ-อฎฺฐกถาย
Pārājikakaṇḍa-aṭṭhakathāya
ปฐโม ภาโค นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamo bhāgo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
ปญฺจวีสติอวหารกถาวณฺณนา • Pañcavīsatiavahārakathāvaṇṇanā
ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā
อากาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Ākāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
เวหาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Vehāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
อุทกฎฺฐกถาวณฺณนา • Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā
นาวฎฺฐกถาวณฺณนา • Nāvaṭṭhakathāvaṇṇanā
ยานฎฺฐกถาวณฺณนา • Yānaṭṭhakathāvaṇṇanā
ภารฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhāraṭṭhakathāvaṇṇanā
อารามฎฺฐกถาวณฺณนา • Ārāmaṭṭhakathāvaṇṇanā
วิหารฎฺฐกถาวณฺณนา • Vihāraṭṭhakathāvaṇṇanā
เขตฺตฎฺฐกถาวณฺณนา • Khettaṭṭhakathāvaṇṇanā
วตฺถุฎฺฐกถาวณฺณนา • Vatthuṭṭhakathāvaṇṇanā
คามฎฺฐกถาวณฺณนา • Gāmaṭṭhakathāvaṇṇanā
อรญฺญฎฺฐกถาวณฺณนา • Araññaṭṭhakathāvaṇṇanā
อุทกกถาวณฺณนา • Udakakathāvaṇṇanā
ทนฺตโปนกถาวณฺณนา • Dantaponakathāvaṇṇanā
วนปฺปติกถาวณฺณนา • Vanappatikathāvaṇṇanā
หรณกกถาวณฺณนา • Haraṇakakathāvaṇṇanā
อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā
สุงฺกฆาตกถาวณฺณนา • Suṅkaghātakathāvaṇṇanā
ปาณกถาวณฺณนา • Pāṇakathāvaṇṇanā
จตุปฺปทกถาวณฺณนา • Catuppadakathāvaṇṇanā
สเงฺกตกมฺมกถาวณฺณนา • Saṅketakammakathāvaṇṇanā
นิมิตฺตกมฺมกถาวณฺณนา • Nimittakammakathāvaṇṇanā
อาณตฺติกถาวณฺณนา • Āṇattikathāvaṇṇanā
อาปตฺติเภทวณฺณนา • Āpattibhedavaṇṇanā
อนาปตฺติเภทวณฺณนา • Anāpattibhedavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā
อาปตฺติเภทวณฺณนา • Āpattibhedavaṇṇanā
อนาปตฺติเภทวณฺณนา • Anāpattibhedavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา • Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
ธนิยวตฺถุวณฺณนา • Dhaniyavatthuvaṇṇanā
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
ปญฺจวีสติอวหารกถาวณฺณนา • Pañcavīsatiavahārakathāvaṇṇanā
ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā
อากาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Ākāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
เวหาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Vehāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
อุทกฎฺฐกถาวณฺณนา • Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā
นาวฎฺฐกถาวณฺณนา • Nāvaṭṭhakathāvaṇṇanā
ยานฎฺฐกถาวณฺณนา • Yānaṭṭhakathāvaṇṇanā
ภารฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhāraṭṭhakathāvaṇṇanā
อารามฎฺฐกถาวณฺณนา • Ārāmaṭṭhakathāvaṇṇanā
วิหารฎฺฐกถาวณฺณนา • Vihāraṭṭhakathāvaṇṇanā
เขตฺตฎฺฐกถาวณฺณนา • Khettaṭṭhakathāvaṇṇanā
วตฺถุฎฺฐกถาวณฺณนา • Vatthuṭṭhakathāvaṇṇanā
อรญฺญฎฺฐกถาวณฺณนา • Araññaṭṭhakathāvaṇṇanā
อุทกกถาวณฺณนา • Udakakathāvaṇṇanā
ทนฺตโปนกถาวณฺณนา • Dantaponakathāvaṇṇanā
วนปฺปติกถาวณฺณนา • Vanappatikathāvaṇṇanā
หรณกกถาวณฺณนา • Haraṇakakathāvaṇṇanā
อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā
สุงฺกฆาตกถาวณฺณนา • Suṅkaghātakathāvaṇṇanā
ปาณกถาวณฺณนา • Pāṇakathāvaṇṇanā
จตุปฺปทกถาวณฺณนา • Catuppadakathāvaṇṇanā
โอจรกกถาวณฺณนา • Ocarakakathāvaṇṇanā
สเงฺกตกมฺมกถาวณฺณนา • Saṅketakammakathāvaṇṇanā
นิมิตฺตกมฺมกถาวณฺณนา • Nimittakammakathāvaṇṇanā
อาณตฺติกถาวณฺณนา • Āṇattikathāvaṇṇanā
อาปตฺติเภทวณฺณนา • Āpattibhedavaṇṇanā
อนาปตฺติเภทวณฺณนา • Anāpattibhedavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา • Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā