Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā

    ๒. ทุติยปาราชิกวณฺณนา

    2. Dutiyapārājikavaṇṇanā

    คามา วา อรญฺญา วาติ ลกฺขณานุปญฺญตฺติกตฺตา อาทิมฺหิ วุตฺตาฯ สพฺพสฺมิญฺหิ วินยปิฎเก คาโม, คามูปจาโร, คามเกฺขตฺตํ, คามสีมา, คามสีมูปจาโรติ ปญฺจวิโธ คามเภโท เวทิตโพฺพฯ ตถา อารญฺญกสีมาย เอกํ อคามกํ อรญฺญํ, สํวิธานสิกฺขาปทานํ (ปาจิ. ๑๘๐ อาทโย) เอกํ, สคามกํ เอกํ , อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ, คณมฺหาโอหียนกสฺส (ปาจิ. ๖๙๑) เอกนฺติ ปญฺจวิโธ อรญฺญเภโท เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติ, ตถา อตฺถิ อรญฺญํ น อรญฺญปริหารํ กตฺถจิ ลภติ, อตฺถิ อรญฺญํ น อรญฺญกิจฺจํ กโรตีติ อยมฺปิ เภโท เวทิตโพฺพฯ

    Gāmā vā araññā vāti lakkhaṇānupaññattikattā ādimhi vuttā. Sabbasmiñhi vinayapiṭake gāmo, gāmūpacāro, gāmakkhettaṃ, gāmasīmā, gāmasīmūpacāroti pañcavidho gāmabhedo veditabbo. Tathā āraññakasīmāya ekaṃ agāmakaṃ araññaṃ, saṃvidhānasikkhāpadānaṃ (pāci. 180 ādayo) ekaṃ, sagāmakaṃ ekaṃ , avippavāsasīmāya ekaṃ, gaṇamhāohīyanakassa (pāci. 691) ekanti pañcavidho araññabhedo veditabbo. Tattha atthi gāmo na gāmaparihāraṃ katthaci labhati, atthi gāmo na gāmakiccaṃ karoti, tathā atthi araññaṃ na araññaparihāraṃ katthaci labhati, atthi araññaṃ na araññakiccaṃ karotīti ayampi bhedo veditabbo.

    ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกมฺมวาจาย ฐเปตฺวา ‘‘คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คาโม นาม ปริกฺขิโตฺต เจ, ปริเกฺขปสฺส อโนฺต, อปริกฺขิโตฺต เจ, ปริเกฺขโปกาสโต อโนฺต เวทิตโพฺพฯ อยํ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อโนฺตคาโม’’ติ (ปารา. ๔๗๘) อาคโตฯ สาสงฺกสิกฺขาปเท ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคโต อนาสงฺกโตฯ ยถาห ‘‘อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺยาติ สมนฺตา โคจรคาเม นิกฺขิเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๖๕๔)ฯ ตถา อนฺตรฆรปฺปฎิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อยเมว ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกา คามนฺตรํ คเจฺฉยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๖๘๗) เอตฺถาปิ อยเมว ปริเจฺฉโท อธิเปฺปโต ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺติยา, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺติยา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ

    Tattha avippavāsasīmāsammannanakammavācāya ṭhapetvā ‘‘gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) ettha gāmo nāma parikkhitto ce, parikkhepassa anto, aparikkhitto ce, parikkhepokāsato anto veditabbo. Ayaṃ udositasikkhāpade ‘‘antogāmo’’ti (pārā. 478) āgato. Sāsaṅkasikkhāpade ‘‘antaraghara’’nti (pārā. 654) āgato anāsaṅkato. Yathāha ‘‘antaraghare nikkhipeyyāti samantā gocaragāme nikkhipeyyā’’ti (pārā. 654). Tathā antaragharappaṭisaṃyuttānaṃ sekhiyānaṃ ayameva paricchedo veditabbo. ‘‘Yā pana bhikkhunī ekā gāmantaraṃ gaccheyyā’’ti (pāci. 687) etthāpi ayameva paricchedo adhippeto ‘‘parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantiyā, aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkamantiyā’’ti vuttattā.

    เยสุ ปุราณโปตฺถเกสุ ‘‘อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา’’ติ ลิขิตํ, ตํ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปเทสุ อาจิณฺณํ นยํ คเหตฺวา ปมาเทน ลิขียติ, น ปมาณํฯ เยสุ จ โปตฺถเกสุ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส วิภเงฺค (ปาจิ. ๕๑๓) ‘‘คามํ ปวิเสยฺยาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺสา’’ติ ลิขียติ, สา ปมาทเลขาฯ อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสาติ ตตฺถ ปาโฐฯ วุตฺตญฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๑๒)ฯ อิธ กงฺขาวิตรณิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉิตฺวาติ…เป.… อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติอาทิ (กงฺขา. อฎฺฐ. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา)ฯ

    Yesu purāṇapotthakesu ‘‘upacāraṃ okkamantiyā’’ti likhitaṃ, taṃ vikāle gāmappavesanasikkhāpadesu āciṇṇaṃ nayaṃ gahetvā pamādena likhīyati, na pamāṇaṃ. Yesu ca potthakesu vikāle gāmappavesanasikkhāpadassa vibhaṅge (pāci. 513) ‘‘gāmaṃ paviseyyāti parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa, aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkamantassā’’ti likhīyati, sā pamādalekhā. Upacāraṃ okkamantassāti tattha pāṭho. Vuttañhi samantapāsādikāyaṃ ‘‘aparikkhittassa gāmassa upacāro adinnādāne vuttanayeneva veditabbo’’ti (pāci. aṭṭha. 512). Idha kaṅkhāvitaraṇiyampi vuttaṃ ‘‘santaṃ bhikkhuṃ anāpucchitvāti…pe… upacāraṃ okkamantassā’’tiādi (kaṅkhā. aṭṭha. vikālagāmappavesanasikkhāpadavaṇṇanā).

    ยํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘ภิกฺขุนิยา คามนฺตราธิกาเร เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ วา อติกฺกมเนฺต, อุปจารํ วา โอกฺกเนฺต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต, โอกฺกนฺตมเตฺต จ สงฺฆาทิเสโส’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘โอกฺกเนฺต, โอกฺกนฺตมเตฺต’’ติ เอตานิ ปทานิ อธิกานิ , เกวลํ ลิขิตเกหิ อเญฺญหิ ลิขิตานิฯ กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘โอกฺกนฺตมเตฺต จา’’ติ ปทํ น ทิสฺสติ, อิตรํ ทิสฺสติฯ ตานิ เทฺว ปทานิ ปาฬิยา วิรุชฺฌนฺติฯ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ (ปาจิ. ๖๙๒) หิ ปาฬิ ฯ ตถา สมนฺตปาสาทิกาย (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) วิรุชฺฌนฺติฯ ‘‘ปริเกฺขปารหฎฺฐานํ เอเกน ปาเทน อติกฺกมติ, ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกมติ, สงฺฆาทิเสโสฯ อปิเจตฺถ สกคามโต…เป.… เอเกน ปาเทน อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป วา อุปจาเร วา อติกฺกเนฺต ถุลฺลจฺจยํ, ทุติเยน อติกฺกนฺตมเตฺต สงฺฆาทิเสโส’’ติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) หิ วุตฺตํฯ

    Yaṃ pana katthaci potthake ‘‘bhikkhuniyā gāmantarādhikāre ekena pādena itarassa gāmassa parikkhepaṃ vā atikkamante, upacāraṃ vā okkante thullaccayaṃ, dutiyena atikkantamatte, okkantamatte ca saṅghādiseso’’ti pāṭho dissati. Tattha ‘‘okkante, okkantamatte’’ti etāni padāni adhikāni , kevalaṃ likhitakehi aññehi likhitāni. Katthaci potthake ‘‘okkantamatte cā’’ti padaṃ na dissati, itaraṃ dissati. Tāni dve padāni pāḷiyā virujjhanti. ‘‘Aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkāmentiyā’’ti (pāci. 692) hi pāḷi . Tathā samantapāsādikāya (pāci. aṭṭha. 692) virujjhanti. ‘‘Parikkhepārahaṭṭhānaṃ ekena pādena atikkamati, thullaccayaṃ, dutiyena atikkamati, saṅghādiseso. Apicettha sakagāmato…pe… ekena pādena itarassa gāmassa parikkhepe vā upacāre vā atikkante thullaccayaṃ, dutiyena atikkantamatte saṅghādiseso’’ti (pāci. aṭṭha. 692) hi vuttaṃ.

    คณฺฐิปเท จสฺส ‘‘ปริเกฺขปํ อติกฺกาเมนฺติยา’’ติ วตฺวา ‘‘อุปจาเรปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํฯ อนุคณฺฐิปเท จ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘โอกฺกมนฺติยา’ติปิ โปตฺถเกสุ เอกเจฺจสุ ทิสฺสติ, ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วจเนนาปิ เอวํ เวทิตพฺพํ – วิกาเล คามปฺปเวสเน ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ เอว วเสน อุปจาโร ปริจฺฉินฺทิตโพฺพ, อิตรถา ยถา เอตฺถ ปริเกฺขปารหฎฺฐานํ ปริเกฺขปํ วิย กตฺวา ‘อติกฺกาเมนฺติยา’ติ วุตฺตํ, เอวํ ตตฺถาปิ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺตสฺสา’ติ วเทยฺยฯ ยสฺมา ปน ตตฺถ ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต อุตฺตริเมโก เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิเปฺปโตฯ ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’ติ วุตฺต’’นฺติฯ

    Gaṇṭhipade cassa ‘‘parikkhepaṃ atikkāmentiyā’’ti vatvā ‘‘upacārepi eseva nayo’’ti vuttaṃ. Anugaṇṭhipade ca ‘‘aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ ‘okkamantiyā’tipi potthakesu ekaccesu dissati, taṃ na gahetabba’’nti vuttaṃ. Aparampi vuttaṃ ‘‘aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ ‘atikkāmentiyā’ti vacanenāpi evaṃ veditabbaṃ – vikāle gāmappavesane dvinnaṃ leḍḍupātānaṃ eva vasena upacāro paricchinditabbo, itarathā yathā ettha parikkhepārahaṭṭhānaṃ parikkhepaṃ viya katvā ‘atikkāmentiyā’ti vuttaṃ, evaṃ tatthāpi ‘aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkāmentassā’ti vadeyya. Yasmā pana tattha parikkhepārahaṭṭhānato uttarimeko leḍḍupāto upacāroti adhippeto. Tasmā tadatthadīpanatthaṃ ‘aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ okkamantassā’ti vutta’’nti.

    ยํ ปน อนฺธกฎฺฐกถายํ ปริเกฺขปารหฎฺฐานํเยว อุปจารนฺติ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘ปริเกฺขปปอเกฺขปารหฎฺฐานานํ นินฺนานากรณทีปนตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ปาฬิวิเสสมสลฺลเกฺขตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส อิธ อุปจาโร ปริเกฺขโป ยถา ภเวยฺย, ตํ อุปจารํ ปฐมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส, ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพเมว ปาฬิยา วิเสสสมฺภวโตติฯ โปราณคณฺฐิปเท ‘‘อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา อิธ กงฺขาวิตรณิยา ‘‘เอเกน ปาเทน อิตรสฺส…เป.… อติกฺกนฺตมเตฺต สงฺฆาทิเสโส’’ติ อยเมว ปาโฐ เวทิตโพฺพฯ เอตฺตาวตา อิเมสุ ยถาวุเตฺตสุ ฐาเนสุ ยถาวุตฺตปริเจฺฉโทว คาโมติ เวทิตโพฺพฯ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ‘‘คาโม นาม เอกกุฎิโกปี’’ติอาทิ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํฯ อิมสฺส วเสน อสติปิ ปริเกฺขปาติกฺกเม, อุปจาโรกฺกมเน วา อนฺตรารามโต วา ภิกฺขุนุปสฺสยโต วา ติตฺถิยเสยฺยโต วา ปฎิกฺกมนโต วา ตํ คามํ ปวิสนฺตสฺส อนฺตรารามปริเกฺขปสฺส, อุปจารสฺส วา อติกฺกมนวเสน คามปจฺจยา อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ

    Yaṃ pana andhakaṭṭhakathāyaṃ parikkhepārahaṭṭhānaṃyeva upacāranti sallakkhetvā ‘‘parikkhepapaakkhepārahaṭṭhānānaṃ ninnānākaraṇadīpanatthaṃ upacāraṃ okkamantassā’’ti vuttaṃ, pāḷivisesamasallakkhetvā ‘‘aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ atikkamantassa idha upacāro parikkhepo yathā bhaveyya, taṃ upacāraṃ paṭhamaṃ pādaṃ atikkāmentassa āpatti dukkaṭassa, dutiyaṃ pādaṃ atikkāmentassa āpatti pācittiyassā’’ti vuttaṃ, taṃ na gahetabbameva pāḷiyā visesasambhavatoti. Porāṇagaṇṭhipade ‘‘upacāraṃ atikkāmentiyā bhikkhuniyā gāmantarāpattī’’ti vuttaṃ. Tasmā idha kaṅkhāvitaraṇiyā ‘‘ekena pādena itarassa…pe… atikkantamatte saṅghādiseso’’ti ayameva pāṭho veditabbo. Ettāvatā imesu yathāvuttesu ṭhānesu yathāvuttaparicchedova gāmoti veditabbo. Imassa atthassa dīpanatthaṃ ‘‘gāmo nāma ekakuṭikopī’’tiādi (pārā. 92) vuttaṃ. Imassa vasena asatipi parikkhepātikkame, upacārokkamane vā antarārāmato vā bhikkhunupassayato vā titthiyaseyyato vā paṭikkamanato vā taṃ gāmaṃ pavisantassa antarārāmaparikkhepassa, upacārassa vā atikkamanavasena gāmapaccayā āpattiyo veditabbā.

    คามูปจาโร ปน ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโปว, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโปกาโสวฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโปกาโสฯ เตสุ อธิฎฺฐิตเตจีวริโก ภิกฺขุ ปริหารํ น ลภตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๔๔)ฯ กิํ ปเนตฺถ การณํ, เยน อยํ คาโม, คามูปจาโร จ อิธ อญฺญถา, อญฺญตฺถ ตถาติ? อฎฺฐุปฺปตฺติโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ‘ภควตา ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ อนุญฺญาตา’ติ อนฺตรฆเร จีวรานิ นิกฺขิปนฺตี’’ติ (มหาว. ๑๔๓) อิมิสฺสา หิ อฎฺฐุปฺปตฺติยา ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตํฯ ตสฺมา ยตฺถ อนฺตรฆรสญฺญา, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมา น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพาฯ เตน จ อุโทสิตสิกฺขาปเท ‘‘อโนฺตคาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อโนฺตคาเม วตฺถพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๔๗๘) จ ‘‘สภาเย วา ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพ’’นฺติ จ วุตฺตํฯ กปฺปิยภูมิยํ วสโนฺตเยว หิ กปฺปิยภูมิยํ นิกฺขิตฺตจีวรํ รกฺขติฯ สาสงฺกสิกฺขาปเท ปน ‘‘ยสฺมา ยตฺถ คาเม จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, เตน คาเมน วิปฺปวสโนฺต จีวเรน วิปฺปวสตีติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปุน คามสีมํ โอกฺกมิตฺวา วสิตฺวา ปกฺกมตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมิญฺหิ สิกฺขาปเท คามสีมา คาโม นามาติ อธิเปฺปโตฯ ตตฺถ วิกาเล คามปฺปเวสนสิกฺขาปทวิภเงฺค ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วจนโต ปริเกฺขโป น คาโมฯ กินฺตุ คามูปจาโรติ เลเสน ทสฺสิตํ โหติฯ อิมสฺมิํ ปน สิกฺขาปทวิภเงฺค ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขโปกาโส คามูปจาโรติ สิทฺธํฯ ตทตฺถสมฺภวโต ตสฺมิํ ฆรูปจาเร ฐิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ, มหาปจฺจริยมฺปิ วุตฺตํ ฯ อุปจาโร หิ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทีสุ ทฺวารํ, ‘‘อโชฺฌกาโส เอกูปจาโร’’ติ เอตฺถ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรสงฺขาตํ ปมาณํ, ตสฺมา ‘‘คามูปจาโรติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโป, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขโปกาโส’’ติ อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตถา กุรุนฺทิยํ, มหาปจฺจริยญฺจฯ ตถา ปาฬิยมฺปิ ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อโนฺต อาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโรฯ อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อโนฺต อาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทีสุ ทิสฺสติฯ ตสฺมา ทุติโย เลฑฺฑุปาโต อุปจาโรติ อธิเปฺปโตฯ

    Gāmūpacāro pana ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) ettha parikkhittassa gāmassa parikkhepova, aparikkhittassa gāmassa parikkhepokāsova. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘gāmūpacāroti parikkhittassa gāmassa parikkhepo, aparikkhittassa gāmassa parikkhepokāso. Tesu adhiṭṭhitatecīvariko bhikkhu parihāraṃ na labhatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 144). Kiṃ panettha kāraṇaṃ, yena ayaṃ gāmo, gāmūpacāro ca idha aññathā, aññattha tathāti? Aṭṭhuppattito ‘‘tena kho pana samayena bhikkhū ‘bhagavatā ticīvarena avippavāsasammuti anuññātā’ti antaraghare cīvarāni nikkhipantī’’ti (mahāva. 143) imissā hi aṭṭhuppattiyā ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) vuttaṃ. Tasmā yattha antaragharasaññā, tattha avippavāsasīmā na gacchatīti veditabbā. Tena ca udositasikkhāpade ‘‘antogāme cīvaraṃ nikkhipitvā antogāme vatthabba’’nti (pārā. 478) ca ‘‘sabhāye vā dvāramūle vā, hatthapāsā vā na vijahitabba’’nti ca vuttaṃ. Kappiyabhūmiyaṃ vasantoyeva hi kappiyabhūmiyaṃ nikkhittacīvaraṃ rakkhati. Sāsaṅkasikkhāpade pana ‘‘yasmā yattha gāme cīvaraṃ nikkhittaṃ, tena gāmena vippavasanto cīvarena vippavasatīti vuccati, tasmā puna gāmasīmaṃ okkamitvā vasitvā pakkamatī’’ti vuttaṃ. Tasmiñhi sikkhāpade gāmasīmā gāmo nāmāti adhippeto. Tattha vikāle gāmappavesanasikkhāpadavibhaṅge ‘‘parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 513) vacanato parikkhepo na gāmo. Kintu gāmūpacāroti lesena dassitaṃ hoti. Imasmiṃ pana sikkhāpadavibhaṅge ‘‘gāmūpacāro nāmā’’ti ārabhitvā ‘‘aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti iminā aparikkhittassa parikkhepokāso gāmūpacāroti siddhaṃ. Tadatthasambhavato tasmiṃ gharūpacāre ṭhitassa leḍḍupāto gāmūpacāroti kurundaṭṭhakathāyaṃ, mahāpaccariyampi vuttaṃ . Upacāro hi ‘‘gāmo ekūpacāro nānūpacāro’’tiādīsu dvāraṃ, ‘‘ajjhokāso ekūpacāro’’ti ettha samantā sattabbhantarasaṅkhātaṃ pamāṇaṃ, tasmā ‘‘gāmūpacāroti parikkhittassa gāmassa parikkhepo, aparikkhittassa gāmassa parikkhepokāso’’ti andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tathā kurundiyaṃ, mahāpaccariyañca. Tathā pāḷiyampi ‘‘ajjhārāmo nāma parikkhittassa ārāmassa anto ārāmo, aparikkhittassa upacāro. Ajjhāvasatho nāma parikkhittassa āvasathassa anto āvasatho, aparikkhittassa upacāro’’tiādīsu dissati. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘gāmūpacāro’’tiādīsu dissati. Tasmā dutiyo leḍḍupāto upacāroti adhippeto.

    ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ ปาฬิวิเสสสมฺภวโต จ ปฐโม เลฑฺฑุปาโต คาโม เอว, ทุติโย คามูปจาโรติ วุตฺตํฯ ปริกฺขิตฺตสฺส ปน คามสฺส อินฺทขีเล ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโรติ วุตฺตนฺติ เอตฺถ เภโท นตฺถิฯ เอตฺตาวตา ปริกฺขิตฺตสฺส ทุวิโธ อุปจาโร, อปริกฺขิตฺตสฺส จตุพฺพิโธ อุปจาโร ยตฺถ สมฺภวติ, ยตฺถ จ น สมฺภวติ, ตํ สพฺพํ ทสฺสิตํ โหติฯ

    ‘‘Aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ okkamantassa āpatti pācittiyassā’’ti pāḷivisesasambhavato ca paṭhamo leḍḍupāto gāmo eva, dutiyo gāmūpacāroti vuttaṃ. Parikkhittassa pana gāmassa indakhīle ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto gāmūpacāroti vuttanti ettha bhedo natthi. Ettāvatā parikkhittassa duvidho upacāro, aparikkhittassa catubbidho upacāro yattha sambhavati, yattha ca na sambhavati, taṃ sabbaṃ dassitaṃ hoti.

    คามเขตฺตสฺส จ คามสีมาย จ ลกฺขณํ อฎฺฐกถายเมว วุตฺตํฯ อุภยญฺหิ อตฺถโต เอกํฯ ตตฺถ คามสีมาย คามภาโว สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน เวทิตโพฺพฯ

    Gāmakhettassa ca gāmasīmāya ca lakkhaṇaṃ aṭṭhakathāyameva vuttaṃ. Ubhayañhi atthato ekaṃ. Tattha gāmasīmāya gāmabhāvo sāsaṅkasikkhāpadavasena veditabbo.

    คามสีมูปจาโร นาม มนุสฺสานํ กฎฺฐติณปุปฺผผลาทิอตฺถิกานํ วนจรกานํ วลญฺชนฎฺฐานํฯ อิมสฺส คามสีมูปจารภาโว อุโทสิตสิกฺขาปเท, ‘‘อคามเก อรเญฺญ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา’’ติ (ปารา. ๔๙๔) อาคตฎฺฐาเน ขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗) จ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ หิ ภควา คามนฺตวาสีนํ ภิกฺขูนํ สีมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ (มหาว. ๑๔๗) วตฺวา ทเสฺสติฯ ตทนนฺตรเมว ‘‘อคามเก’’ติอาทินา สตฺตพฺภนฺตรสีมํ ทเสฺสติฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย น วิหรติ, เกวลํ นาวายํ วา ถลมเคฺคน วา อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติ, ตสฺส ตตฺถ ตตฺถ สตฺตพฺภนฺตรสีมา ลพฺภตีติ เวทิตโพฺพฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘เอกกุลสฺส สโตฺถ โหติ , สเตฺถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๔๘๙)ฯ อิทเมว อรญฺญํ สนฺธาย ‘‘อารญฺญกสีมาย เอกํ อคามกํ อรญฺญ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Gāmasīmūpacāro nāma manussānaṃ kaṭṭhatiṇapupphaphalādiatthikānaṃ vanacarakānaṃ valañjanaṭṭhānaṃ. Imassa gāmasīmūpacārabhāvo udositasikkhāpade, ‘‘agāmake araññe samantā sattabbhantarā’’ti (pārā. 494) āgataṭṭhāne khandhake (mahāva. 147) ca veditabbo. Ettha hi bhagavā gāmantavāsīnaṃ bhikkhūnaṃ sīmaṃ dassento ‘‘yaṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharatī’’ti (mahāva. 147) vatvā dasseti. Tadanantarameva ‘‘agāmake’’tiādinā sattabbhantarasīmaṃ dasseti. Tasmā yo bhikkhu gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya na viharati, kevalaṃ nāvāyaṃ vā thalamaggena vā addhānamaggappaṭipanno hoti, tassa tattha tattha sattabbhantarasīmā labbhatīti veditabbo. Vuttañhi ‘‘ekakulassa sattho hoti , satthe cīvaraṃ nikkhipitvā purato vā pacchato vā sattabbhantarā na vijahitabba’’ntiādi (pārā. 489). Idameva araññaṃ sandhāya ‘‘āraññakasīmāya ekaṃ agāmakaṃ arañña’’nti vuttaṃ.

    ยํ สนฺธาย ‘‘อคามเก อรเญฺญ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๔) ปาฬิยํ วุตฺตํฯ อิทํ สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอกํ อคามกํ อรญฺญํ นามฯ

    Yaṃ sandhāya ‘‘agāmake araññe addhayojane addhayojane āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 414) pāḷiyaṃ vuttaṃ. Idaṃ saṃvidhānasikkhāpadānaṃ ekaṃ agāmakaṃ araññaṃ nāma.

    ปุริเมน ปน สฆรํ สงฺคหิตํ, อิมินา ตมสงฺคหิตนฺติฯ ยํ สนฺธาย คณมฺหา โอหียนาธิกาเร อฎฺฐกถายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๙๒) ‘‘อคามเก อรเญฺญติ เอตฺถ ‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’นฺติ เอวํ วุตฺตํ ลกฺขณํ อรญฺญํฯ ตํ ปเนต เกวลํ คามาภาเวน ‘อคามก’นฺติ วุตฺตํ, น วิญฺฌาฎวิสทิสตายา’’ติ วุตฺตํฯ ยํ สนฺธาย ‘‘อารญฺญกํ นาม เสนาสนํ ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔; ปาจิ. ๕๗๓) วุตฺตํฯ อิทํ อารญฺญกเสนาสนํ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปโต พหิ, อปริกฺขิตฺตสฺส ปน ปริเกฺขโปกาสโต พหิ สรุกฺขํ วา อรุกฺขํ วา วิหาเร กุนฺนทิสมากิณฺณมฺปิ อรญฺญํ นามฯ ตถา ‘‘คณมฺหา โอหียนกสฺส เอก’’นฺติ วุตฺตํฯ อิทํ อรญฺญํวฯ อิทํ ปน ปุเพฺพ อคามกภาเวน อาคตฎฺฐาเน วุตฺตลกฺขณเมว หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา ทสฺสนูปจารวิชหเน เอกเมว อาปตฺติํ กโรติ, ตโต อุทฺธํ อนาปตฺติฯ ‘‘สํวิธานสิกฺขาปทานํ เอก’’นฺติ วุตฺตํ ปน อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน เอเกกํ อาปตฺติํ กโรติ, น ตโต โอรํฯ อิตรานิ ตีณิ ยถาวุตฺตปริเจฺฉทโต โอรเมว ตตฺถ วุตฺตวิธิํ น สมฺปาเทนฺติ, ปรํ สมฺปาเทนฺติฯ เอวเมเตสํ อญฺญมญฺญนานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    Purimena pana sagharaṃ saṅgahitaṃ, iminā tamasaṅgahitanti. Yaṃ sandhāya gaṇamhā ohīyanādhikāre aṭṭhakathāyaṃ (pāci. aṭṭha. 692) ‘‘agāmake araññeti ettha ‘nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’nti evaṃ vuttaṃ lakkhaṇaṃ araññaṃ. Taṃ paneta kevalaṃ gāmābhāvena ‘agāmaka’nti vuttaṃ, na viñjhāṭavisadisatāyā’’ti vuttaṃ. Yaṃ sandhāya ‘‘āraññakaṃ nāma senāsanaṃ pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti (pārā. 654; pāci. 573) vuttaṃ. Idaṃ āraññakasenāsanaṃ nāma parikkhittassa parikkhepato bahi, aparikkhittassa pana parikkhepokāsato bahi sarukkhaṃ vā arukkhaṃ vā vihāre kunnadisamākiṇṇampi araññaṃ nāma. Tathā ‘‘gaṇamhā ohīyanakassa eka’’nti vuttaṃ. Idaṃ araññaṃva. Idaṃ pana pubbe agāmakabhāvena āgataṭṭhāne vuttalakkhaṇameva hutvā nikkhamitvā bahi indakhīlā dassanūpacāravijahane ekameva āpattiṃ karoti, tato uddhaṃ anāpatti. ‘‘Saṃvidhānasikkhāpadānaṃ eka’’nti vuttaṃ pana addhayojane addhayojane ekekaṃ āpattiṃ karoti, na tato oraṃ. Itarāni tīṇi yathāvuttaparicchedato orameva tattha vuttavidhiṃ na sampādenti, paraṃ sampādenti. Evametesaṃ aññamaññanānattaṃ veditabbaṃ.

    ตตฺถ ปญฺจวิเธ คาเม โย ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ฐิตสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วุโตฺต, โส น กตฺถจิ วินยปิฎเก อุปโยคํ คโต, เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขโปกาสโต อปโร เอโก เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร นามาติ ทีปนตฺถํ วุโตฺตฯ ปริกฺขิตฺตสฺสปิ เจ คามสฺส เอโก เลฑฺฑุปาโต กปฺปิยภูมิสมาโน อุปจาโรติ วุโตฺต, ปเคว อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขโปกาสโต เอโกฯ โส ปน ปากฎตฺตา จ อโชฺฌกาสตฺตา จ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติํ กโรติ ฐเปตฺวา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติํฯ ภิกฺขุนิโย หิ ตสฺมิํ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาเต คามูปจาเร วสนฺตี อาปตฺติญฺจ อาปชฺชนฺติ, คามํ ปวิสนฺตี คามนฺตราปตฺติญฺจฯ ตาสญฺหิ ฐิตฎฺฐานํ อรญฺญสงฺขฺยํ คจฺฉติ ‘‘ตาวเทว ฉายา เมตพฺพา…เป.… ตสฺสา ตโย จ นิสฺสเย, อฎฺฐ จ อกรณียานิ อาจิเกฺขยฺยาถา’’ติ (จูฬว. ๔๓๐) วจนโตฯ อรญฺญปฺปฎิสํยุตฺตานํ สิกฺขาปทานํ, วิกาเลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทสฺส (ปาจิ. ๕๐๘) จ ภิกฺขุนีนํ อสาธารณตฺตา จ อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยปฺปฎิกฺกมนาทีนํ กปฺปิยภูมิภาววจนโต จ ‘‘เอกา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรเญฺญ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทิสิกฺขาปทปญฺญตฺติโต (ปาจิ. ๖๙๒) จ ภิกฺขุนิกฺขนฺธกนยเอน วา ยสฺมา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารโต ปฎฺฐาย นียติ, ตตฺถ อนฺตรฆเร นิกฺขิตฺตจีวเร สติ จตุรงฺคสโมธาเนน ภิกฺขู วสนฺติ, ตสฺมา สคามกํ นาม โหติฯ

    Tattha pañcavidhe gāme yo ‘‘parikkhittassa gāmassa indakhīle ṭhitassa leḍḍupāto’’ti (pārā. 92) vutto, so na katthaci vinayapiṭake upayogaṃ gato, kevalaṃ aparikkhittassa parikkhepokāsato aparo eko leḍḍupāto gāmūpacāro nāmāti dīpanatthaṃ vutto. Parikkhittassapi ce gāmassa eko leḍḍupāto kappiyabhūmisamāno upacāroti vutto, pageva aparikkhittassa parikkhepokāsato eko. So pana pākaṭattā ca ajjhokāsattā ca okkamantassa āpattiṃ karoti ṭhapetvā bhikkhuniyā gāmantarāpattiṃ. Bhikkhuniyo hi tasmiṃ dutiyaleḍḍupātasaṅkhāte gāmūpacāre vasantī āpattiñca āpajjanti, gāmaṃ pavisantī gāmantarāpattiñca. Tāsañhi ṭhitaṭṭhānaṃ araññasaṅkhyaṃ gacchati ‘‘tāvadeva chāyā metabbā…pe… tassā tayo ca nissaye, aṭṭha ca akaraṇīyāni ācikkheyyāthā’’ti (cūḷava. 430) vacanato. Araññappaṭisaṃyuttānaṃ sikkhāpadānaṃ, vikālegāmappavesanasikkhāpadassa (pāci. 508) ca bhikkhunīnaṃ asādhāraṇattā ca antarārāmabhikkhunupassayappaṭikkamanādīnaṃ kappiyabhūmibhāvavacanato ca ‘‘ekā gaṇamhā ohīyeyyāti agāmake araññe dutiyikāya bhikkhuniyā dassanūpacāraṃ vā savanūpacāraṃ vā vijahantiyā āpatti thullaccayassā’’tiādisikkhāpadapaññattito (pāci. 692) ca bhikkhunikkhandhakanayaena vā yasmā parikkhittassa gāmassa indakhīlato paṭṭhāya aparikkhittassa upacārato paṭṭhāya nīyati, tattha antaraghare nikkhittacīvare sati caturaṅgasamodhānena bhikkhū vasanti, tasmā sagāmakaṃ nāma hoti.

    อวิปฺปวาสสีมาย เอกํ นาม ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อรเญฺญ วตฺถพฺพํ, ยา วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (จูฬว. ๔๓๑) วจนโต ภิกฺขุนีนํ อรญฺญวาโส นาม นตฺถีติ สิทฺธํฯ ตาย หิ อรเญฺญ ภิกฺขุนุปสฺสเย สติ อโนฺตอาวาเสปิ ทุติยิกาย ทสฺสนสวนูปจารํ วิชหนฺติยา อาปตฺติฯ ตสฺมา อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ ยํ ฐานํ ฐปิตํ, ตเตฺถว ภิกฺขุนุปสฺสโยปิ กปฺปติ, น ตโต ปรํฯ

    Avippavāsasīmāya ekaṃ nāma ‘‘na, bhikkhave, bhikkhuniyā araññe vatthabbaṃ, yā vaseyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (cūḷava. 431) vacanato bhikkhunīnaṃ araññavāso nāma natthīti siddhaṃ. Tāya hi araññe bhikkhunupassaye sati antoāvāsepi dutiyikāya dassanasavanūpacāraṃ vijahantiyā āpatti. Tasmā avippavāsasīmādhikāre ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) ettha yaṃ ṭhānaṃ ṭhapitaṃ, tattheva bhikkhunupassayopi kappati, na tato paraṃ.

    ตาสญฺจ อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจายํ ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ วจนํ นตฺถีติ กตฺวา เตเสฺวว คามคามูปจาเรสุ ผรติฯ ตโต ปรํ ทุติเยสุ เลฑฺฑุปาตาทีสุ ตาสํ อกปฺปิยภูมิกตฺตา น สมานสํวาสกสีมา อรเญฺญ ผรติ ภิกฺขูนํ คามคามูปจารํ วิยฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนิยา ฐเปตฺวา คามนฺตราปตฺติ’’นฺติฯ

    Tāsañca avippavāsasīmākammavācāyaṃ ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti vacanaṃ natthīti katvā tesveva gāmagāmūpacāresu pharati. Tato paraṃ dutiyesu leḍḍupātādīsu tāsaṃ akappiyabhūmikattā na samānasaṃvāsakasīmā araññe pharati bhikkhūnaṃ gāmagāmūpacāraṃ viya. Tasmā vuttaṃ ‘‘bhikkhuniyā ṭhapetvā gāmantarāpatti’’nti.

    เอวํ ตาว ปญฺจวิธํ คามเภทํ, อรญฺญเภทญฺจ ญตฺวา อิทานิ ‘‘อตฺถิ คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ ลภตี’’ติอาทิเภโท เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ โย อฎฺฐกถายํ ‘‘อมนุโสฺส นาม โย สพฺพโส วา มนุสฺสานํ อภาเวน ยกฺขปริคฺคหภูโต’’ติ วุโตฺต, โส คาโม น คามปริหารํ กตฺถจิ สิกฺขาปเท ลภติฯ ยญฺหิ สนฺธาย อฎฺฐกถายํ ‘‘ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุญฺญํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิต’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๔; ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕๐) วุตฺตํฯ โย ปน ปฎิราชโจราทีหิ วิลุตฺตตฺตา, เกวลํ ภเยน วา ฉฑฺฑิโต สฆโรว อนฺตรหิตคามภูโต, โส ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๑๘๓) วุตฺตปาจิตฺติยํ ชเนติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ, เสขิเย จตฺตาริ ชเนตีติ เวทิตพฺพาฯ โย ปน คาโม ยโต วา มนุสฺสา เกนจิเทว กรณีเยน ปุนปิ อาคนฺตุกามา เอว อปกฺกนฺตาติ วุโตฺต, อมนุโสฺส โส ปกติคามสทิโสวฯ

    Evaṃ tāva pañcavidhaṃ gāmabhedaṃ, araññabhedañca ñatvā idāni ‘‘atthi gāmo na gāmaparihāraṃ katthaci labhatī’’tiādibhedo veditabbo. Tattha yo aṭṭhakathāyaṃ ‘‘amanusso nāma yo sabbaso vā manussānaṃ abhāvena yakkhapariggahabhūto’’ti vutto, so gāmo na gāmaparihāraṃ katthaci sikkhāpade labhati. Yañhi sandhāya aṭṭhakathāyaṃ ‘‘taṃ panetaṃ buddhakāle, cakkavattikāle ca nagaraṃ hoti, sesakāle suññaṃ hoti yakkhapariggahita’’nti (pārā. aṭṭha. 1.84; dī. ni. aṭṭha. 1.150) vuttaṃ. Yo pana paṭirājacorādīhi viluttattā, kevalaṃ bhayena vā chaḍḍito sagharova antarahitagāmabhūto, so ‘‘gāmantare gāmantare āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 183) vuttapācittiyaṃ janeti, vikāle gāmappavesanaṃ, sekhiye cattāri janetīti veditabbā. Yo pana gāmo yato vā manussā kenacideva karaṇīyena punapi āgantukāmā eva apakkantāti vutto, amanusso so pakatigāmasadisova.

    อตฺถิ อรญฺญํ น อรญฺญปริหารํ กตฺถจิ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อโชฺฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรเญฺญ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร’’ติ (ปารา. ๔๙๔) เอตฺถ ยฺวายํ นานูปจาโรติ วุโตฺต, ตํ เวทิตพฺพํฯ โย ปน ปริกฺขิตฺตสฺส เอกเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต คามูปจารนามโก คาโม, โย วา สโตฺถ นาติเรกจาตุมาสนิวิโฎฺฐ, โส อตฺถิ คาโม น คามกิจฺจํ กโรติฯ น หิ ตํ ฐานํ โอกฺกมโนฺต คามปฺปเวสนาปตฺติํ อาปชฺชติฯ ยํ ปน คามสีมาย ปริยาปนฺนํ มนุสฺสานํ วลญฺชนฎฺฐานภูตํ อรญฺญํ, ตํ อตฺถิ อรญฺญํ น อรญฺญกิจฺจํ กโรติ นามฯ น หิ ตตฺถ อารญฺญกสีมา ลพฺภตีติฯ เอตฺตาวตา ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ อิมิสฺสา อนุปญฺญตฺติยา ลกฺขณานุปญฺญตฺติภาโว ทสฺสิโต โหติฯ

    Atthi araññaṃ na araññaparihāraṃ katthaci labhatīti ettha ‘‘ajjhokāso ekūpacāro nāma agāmake araññe samantā sattabbhantarā ekūpacāro, tato paraṃ nānūpacāro’’ti (pārā. 494) ettha yvāyaṃ nānūpacāroti vutto, taṃ veditabbaṃ. Yo pana parikkhittassa ekaleḍḍupātasaṅkhāto gāmūpacāranāmako gāmo, yo vā sattho nātirekacātumāsaniviṭṭho, so atthi gāmo na gāmakiccaṃ karoti. Na hi taṃ ṭhānaṃ okkamanto gāmappavesanāpattiṃ āpajjati. Yaṃ pana gāmasīmāya pariyāpannaṃ manussānaṃ valañjanaṭṭhānabhūtaṃ araññaṃ, taṃ atthi araññaṃ na araññakiccaṃ karoti nāma. Na hi tattha āraññakasīmā labbhatīti. Ettāvatā ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti imissā anupaññattiyā lakkhaṇānupaññattibhāvo dassito hoti.

    ‘‘โคนิสาทินิวิโฎฺฐปิ คาโม’’ติ เอตฺถ สเจ ตสฺส คามสฺส คามเขตฺตปริเจฺฉโท อตฺถิ, สโพฺพปิ เอโก คาโมฯ โน เจ, อุปจาเรน วา ปริเกฺขเปน วา ปริจฺฉินฺทิตโพฺพฯ สเจ คามเขเตฺต สติ กานิจิ ตานิ ฆรานิ อญฺญมญฺญอุปจารปฺปโหนกํ ฐานํ อติกฺกมิตฺวา ทูเร ทูเร กตานิ โหนฺติ, วิกาเล คามปฺปเวเส อุปจาโรว ปมาณํฯ อนฺตรฆรปฺปฎิสํยุเตฺตสุ เสขิเยสุ, ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺตีสุ จ ฆรานํ ปริเกฺขปารหฎฺฐานํ ปมาณํ, อุโปสถาทิกมฺมานํ คามเขตฺตํ ปมาณํ, อารญฺญกเสนาสนสฺส อาสนฺนฆรสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตโต ปฎฺฐาย ปญฺจธนุสตนฺตรตา ปมาณนฺติ เอวํ โน ปฎิภานนฺติ อาจริยาฯ

    ‘‘Gonisādiniviṭṭhopi gāmo’’ti ettha sace tassa gāmassa gāmakhettaparicchedo atthi, sabbopi eko gāmo. No ce, upacārena vā parikkhepena vā paricchinditabbo. Sace gāmakhette sati kānici tāni gharāni aññamaññaupacārappahonakaṃ ṭhānaṃ atikkamitvā dūre dūre katāni honti, vikāle gāmappavese upacārova pamāṇaṃ. Antaragharappaṭisaṃyuttesu sekhiyesu, bhikkhuniyā gāmantarāpattīsu ca gharānaṃ parikkhepārahaṭṭhānaṃ pamāṇaṃ, uposathādikammānaṃ gāmakhettaṃ pamāṇaṃ, āraññakasenāsanassa āsannagharassa dutiyaleḍḍupātato paṭṭhāya pañcadhanusatantaratā pamāṇanti evaṃ no paṭibhānanti ācariyā.

    ‘‘ยมฺปิ เอกสฺมิํเยว คามเขเตฺต เอกํ ปเทสํ ‘อยมฺปิ วิสุํคาโม โหตู’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติ, โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวา’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๔๗) อฎฺฐกถาวจนโต ตํ ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ โหติ เอวฯ สเจ ตตฺถ วิหาโร วา เทวกุลํ วา สภา วา เคหํ วา นตฺถิ, เกวลํ วตฺถุมตฺตกเมว โหติ, คาโมติ วินยกมฺมํ สพฺพํ ตตฺถ กปฺปติฯ ‘‘อมนุโสฺส คาโม’’ติ หิ วุตฺตํฯ ตญฺจ ฐานํ อิตรสฺส คามสฺส ปริเกฺขปพฺภนฺตเร วา อุปจารพฺภนฺตเร วา โหติ, วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํฯ โน เจ, อรญฺญํ วิย ยถาสุขํ คนฺตพฺพํฯ ตตฺถ เจ อาราโม วา ติตฺถิยเสยฺยาทีสุ อญฺญตโรวา โหติ, ลทฺธกปฺปเมวฯ ภิกฺขุนุปสฺสโย เจ โหติ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติยา ภิกฺขุนิยา คามนฺตราปตฺติ ปริหริตพฺพาฯ ‘‘อรญฺญํ นาม ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจ อวเสสํ อรญฺญํ นามา’’ติ (ปารา. ๙๒) เอตฺถ ปริเกฺขเป สติ ยถาวุตฺตปริเจฺฉทํ คามเมว ฐเปตฺวา อวเสสํ ตสฺส อุปจารํ, ตโต ปรญฺจ อรญฺญํ นาม, ปริเกฺขเป อสติ ยถาวุตฺตปริเจฺฉทํ คามูปจารเมว ฐเปตฺวา ตโต ปรํ อวเสสํ อรญฺญํ นามาติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ สติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตลกฺขเณ อคามเก อรเญฺญ คณมฺหาโอหียนาปตฺติ, ตตฺถ อวิปฺปวาสสีมาย ผรณํ วิกาเล คามปฺปเวสนาปตฺติยา อนาปตฺตีติ เอวมาทิวินยวิธิ สเมติ, อญฺญถา น สเมติฯ

    ‘‘Yampi ekasmiṃyeva gāmakhette ekaṃ padesaṃ ‘ayampi visuṃgāmo hotū’ti paricchinditvā rājā kassaci deti, sopi visuṃgāmasīmā hotiyevā’’ti (mahāva. aṭṭha. 147) aṭṭhakathāvacanato taṃ pavisantiyā bhikkhuniyā gāmantarāpatti hoti eva. Sace tattha vihāro vā devakulaṃ vā sabhā vā gehaṃ vā natthi, kevalaṃ vatthumattakameva hoti, gāmoti vinayakammaṃ sabbaṃ tattha kappati. ‘‘Amanusso gāmo’’ti hi vuttaṃ. Tañca ṭhānaṃ itarassa gāmassa parikkhepabbhantare vā upacārabbhantare vā hoti, vikāle gāmappavesanaṃ āpucchitvāva gantabbaṃ. No ce, araññaṃ viya yathāsukhaṃ gantabbaṃ. Tattha ce ārāmo vā titthiyaseyyādīsu aññatarovā hoti, laddhakappameva. Bhikkhunupassayo ce hoti, gāmaṃ piṇḍāya pavisantiyā bhikkhuniyā gāmantarāpatti pariharitabbā. ‘‘Araññaṃ nāma ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañca avasesaṃ araññaṃ nāmā’’ti (pārā. 92) ettha parikkhepe sati yathāvuttaparicchedaṃ gāmameva ṭhapetvā avasesaṃ tassa upacāraṃ, tato parañca araññaṃ nāma, parikkhepe asati yathāvuttaparicchedaṃ gāmūpacārameva ṭhapetvā tato paraṃ avasesaṃ araññaṃ nāmāti adhippāyo. Evaṃ sati ‘‘nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti (vibha. 529) vuttalakkhaṇe agāmake araññe gaṇamhāohīyanāpatti, tattha avippavāsasīmāya pharaṇaṃ vikāle gāmappavesanāpattiyā anāpattīti evamādivinayavidhi sameti, aññathā na sameti.

    ‘‘ฐเปตฺวา คามูปจารํ อวเสสํ อรญฺญํ นามา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุเตฺต คามูปจารโต ปโร อรญฺญนฺติ สิเทฺธ ‘‘ฐเปตฺวา คาม’’นฺติ วิเสสโตฺถ น ทิสฺสติ, คามสฺส ปน อรญฺญภาวปฺปสงฺคภยา วุตฺตนฺติ เจ? น, คามูปจารสฺส อภาวปฺปสงฺคโตฯ สติ หิ คาเม คามูปจาโร โหติ, โส จ ตว มเตน อรญฺญภูโตฯ กุโต ทานิ คามูปจาโรฯ คามูปจาโรปิ เจ อรญฺญสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ปโรว คาโมติ กตฺวา น ยุตฺตํ คามสฺส อรญฺญภาวปฺปสงฺคโต จฯ ตสฺมา ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ เอตฺถ คามูปจาโรปิ ‘‘คาโม’’ เตฺวว สงฺคหิโตฯ ตสฺมา คามสฺส อรญฺญภาวปฺปสโงฺค น ยุชฺชติฯ ยทิ เอวํ ‘‘ฐเปตฺวา คามํ อวเสสํ อรญฺญํ นามา’’ติ เอตฺตกํ วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, อรญฺญสฺส ปริเจฺฉทชานนปฺปสงฺคโตฯ ตถา หิ วุโตฺต ‘‘อรญฺญปริเจฺฉโท น ปญฺญายตี’’ติ โน ลทฺธิฯ คามูปจารปริยโนฺต หิ อิธ คาโม นามฯ ยทิ เอวํ ‘‘คามสฺส จ อรญฺญสฺส จ ปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อฎฺฐกถายํ วตฺตพฺพํ, ‘‘อรญฺญสฺส ปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ กิมตฺถํ วุตฺตนฺติ เจ? วุจฺจเต – อฎฺฐกถาจริเยน ปฐมคามูปจารํเยว สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถ’’นฺติ สพฺพสิกฺขาปเท หิ พาหิรอินฺทขีลโต ปฎฺฐาย คามูปจารํ อรญฺญํ นามฯ คามปริเจฺฉทวจเน ปโยชนํ ปเนตฺถ นตฺถิ ปริเกฺขเปเนว ปากฎภูตตฺตาฯ ทุติยคามูปจาโรว คามสฺส ปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุโตฺต ปริเกฺขปภาเวน อปากฎตฺตาฯ ตตฺถ ปฐมคามูปจาโร เจ อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุโตฺต, ตตฺถ น วตฺตโพฺพฯ ‘‘นิกฺขมิตฺวา อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ เอวํ สเนฺต สุพฺยตฺตตรํ อรญฺญปริเจฺฉโท ทสฺสิโต โหติ, มิจฺฉาคาโห จ น โหติฯ

    ‘‘Ṭhapetvā gāmūpacāraṃ avasesaṃ araññaṃ nāmā’’ti (mahāva. 144) vutte gāmūpacārato paro araññanti siddhe ‘‘ṭhapetvā gāma’’nti visesattho na dissati, gāmassa pana araññabhāvappasaṅgabhayā vuttanti ce? Na, gāmūpacārassa abhāvappasaṅgato. Sati hi gāme gāmūpacāro hoti, so ca tava matena araññabhūto. Kuto dāni gāmūpacāro. Gāmūpacāropi ce araññasaṅkhyaṃ gacchati, parova gāmoti katvā na yuttaṃ gāmassa araññabhāvappasaṅgato ca. Tasmā ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti ettha gāmūpacāropi ‘‘gāmo’’ tveva saṅgahito. Tasmā gāmassa araññabhāvappasaṅgo na yujjati. Yadi evaṃ ‘‘ṭhapetvā gāmaṃ avasesaṃ araññaṃ nāmā’’ti ettakaṃ vattabbanti ce? Na, araññassa paricchedajānanappasaṅgato. Tathā hi vutto ‘‘araññaparicchedo na paññāyatī’’ti no laddhi. Gāmūpacārapariyanto hi idha gāmo nāma. Yadi evaṃ ‘‘gāmassa ca araññassa ca paricchedadassanatthaṃ vutta’’nti aṭṭhakathāyaṃ vattabbaṃ, ‘‘araññassa paricchedadassanatthaṃ vutta’’nti kimatthaṃ vuttanti ce? Vuccate – aṭṭhakathācariyena paṭhamagāmūpacāraṃyeva sandhāya vuttaṃ ‘‘araññaparicchedadassanattha’’nti sabbasikkhāpade hi bāhiraindakhīlato paṭṭhāya gāmūpacāraṃ araññaṃ nāma. Gāmaparicchedavacane payojanaṃ panettha natthi parikkhepeneva pākaṭabhūtattā. Dutiyagāmūpacārova gāmassa paricchedadassanatthaṃ vutto parikkhepabhāvena apākaṭattā. Tattha paṭhamagāmūpacāro ce araññaparicchedadassanatthaṃ vutto, tattha na vattabbo. ‘‘Nikkhamitvā indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti vattabbaṃ. Evaṃ sante subyattataraṃ araññaparicchedo dassito hoti, micchāgāho ca na hoti.

    ‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ หิ วุเตฺต อยํ คามูปจาโรว อรญฺญํ คามูปจารสฺส วิภงฺคตฺตาฯ ยทิ อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อวุตฺตกเมว, อรญฺญโต ปรนฺติ จ มิจฺฉาคาโห โหตีติ เจ, นนุ วุตฺตํ ‘‘ปฐมเมว อิทํ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารนิยมนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ? อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ กิญฺจาปิ ‘‘คามูปจาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ, อินฺทขีเล ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโตติ ปน เอวํ วจนปฺปโยชนํฯ อปริกฺขิตฺตสฺส จ คามสฺส ยฺวายํ เลฑฺฑุปาโต อุปจาโร’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุโตฺต, ตสฺส นิยมนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ กถํ ปญฺญายตีติ เจ? ‘‘อรญฺญํ นามา’’ติ ปทํ อนุทฺธริตฺวา ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธรณสฺส กตตฺตาฯ ตตฺถ ‘‘คามูปจาโร นามา’’ติ มาติกายํ อวิชฺชมานํ ปทํ อุทฺธรโนฺต ตโย อตฺถวเส ทเสฺสติฯ เสยฺยถิทํ – อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนเมโก อโตฺถ, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาเรน สทฺธิํ ปริเจฺฉททสฺสนเมโก, น เกวลํ อปริกฺขิตฺตสฺสเยว อุปจาโร วินยาธิกาเร สปฺปโยชโน ทสฺสิตโพฺพ, นิปฺปโยชโนปิ ปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร อิมินา ปริยาเยน ลพฺภตีติ อนุสงฺคปฺปโยชนเมโก อโตฺถปิ เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti hi vutte ayaṃ gāmūpacārova araññaṃ gāmūpacārassa vibhaṅgattā. Yadi araññaparicchedadassanatthaṃ vuttaṃ, avuttakameva, araññato paranti ca micchāgāho hotīti ce, nanu vuttaṃ ‘‘paṭhamameva idaṃ parikkhittassa gāmassa upacāraniyamanatthaṃ vutta’’nti? Araññaparicchedadassanatthaṃ kiñcāpi ‘‘gāmūpacāro’’tiādi āraddhaṃ, indakhīle ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupātoti pana evaṃ vacanappayojanaṃ. Aparikkhittassa ca gāmassa yvāyaṃ leḍḍupāto upacāro’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vutto, tassa niyamananti vuttaṃ hoti. Kathaṃ paññāyatīti ce? ‘‘Araññaṃ nāmā’’ti padaṃ anuddharitvā ‘‘gāmūpacāro nāmā’’ti uddharaṇassa katattā. Tattha ‘‘gāmūpacāro nāmā’’ti mātikāyaṃ avijjamānaṃ padaṃ uddharanto tayo atthavase dasseti. Seyyathidaṃ – araññaparicchedadassanameko attho, aparikkhittassa gāmassa upacārena saddhiṃ paricchedadassanameko, na kevalaṃ aparikkhittassayeva upacāro vinayādhikāre sappayojano dassitabbo, nippayojanopi parikkhittassa upacāro iminā pariyāyena labbhatīti anusaṅgappayojanameko atthopi veditabbo.

    ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิทํ ภควา ตโย อตฺถวเส ปฎิจฺจ อภาสิฯ เสยฺยถิทํ – อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเจฺฉททสฺสนเมโก, อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร อยเมว คามูปจาโรติ ทสฺสนเมโก, ตตฺถ ฐิตสฺส ทุติโย เลฑฺฑุปาโต สพฺพตฺถ คามปฺปฎิสํยุเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สกิจฺจโก อุปจาโรติ ทสฺสนเมโกติ เอวํ ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาสปฺปตฺติยา เอเกกปทุทฺธารเณน ตโย อตฺถวเส ทเสฺสตีติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti idaṃ bhagavā tayo atthavase paṭicca abhāsi. Seyyathidaṃ – aparikkhittassa gāmassa paricchedadassanameko, avippavāsasīmādhikāre ayameva gāmūpacāroti dassanameko, tattha ṭhitassa dutiyo leḍḍupāto sabbattha gāmappaṭisaṃyuttesu sikkhāpadesu sakiccako upacāroti dassanamekoti evaṃ bhagavā attano desanāvilāsappattiyā ekekapaduddhāraṇena tayo atthavase dassetīti veditabbaṃ.

    ตถา อวิปฺปวาสสีมากมฺมวาจาย ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถาปิ ปริเกฺขเป สติ คามํ ฐเปตฺวา, อสติ คามูปจารํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ปริกฺขิตฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส จ มเชฺฌ อาราเม อวิปฺปวาสสีมาสมฺมนฺนนกาเล อยํ นโย อติวิย ยุชฺชติฯ อุภยปริวชฺชนโต ปุเพฺพ วุตฺตนเยน วา อุภยตฺถ อุภยํ ลพฺภเตวฯ ‘‘อนฺตราราเมสุ ปน อาจิณฺณกปฺปา ภิกฺขู อวิปฺปวาสสีมํ สมฺมนฺนนฺตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ‘‘อนฺตรฆรปฺปฎิสํยุตฺตานํ เสขิยานํ อนฺตราราเมสุ อสมฺภวโต อนฺตราราโม น คามสงฺขํ คจฺฉติ, ตสฺมา ตตฺถปิ อวิปฺปวาสสีมา รุหเตวา’’ติ เอเกฯ เต ภิกฺขู ทุติยสฺส คามูปจารสฺส คามสงฺขาสภาวโต ตาสํ อิมาย ทุติยาย อวิปฺปวาสกมฺมวาจาย อภาวํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ อชฺฌาราโม ปน คาโมปิ สมาโน ติตฺถิยเสยฺยาทิ วิย กปฺปิยภูมีติ เวทิตโพฺพฯ

    Tathā avippavāsasīmākammavācāya ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) etthāpi parikkhepe sati gāmaṃ ṭhapetvā, asati gāmūpacāraṃ ṭhapetvāti attho. Parikkhittassa, aparikkhittassa ca majjhe ārāme avippavāsasīmāsammannanakāle ayaṃ nayo ativiya yujjati. Ubhayaparivajjanato pubbe vuttanayena vā ubhayattha ubhayaṃ labbhateva. ‘‘Antarārāmesu pana āciṇṇakappā bhikkhū avippavāsasīmaṃ sammannantī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. ‘‘Antaragharappaṭisaṃyuttānaṃ sekhiyānaṃ antarārāmesu asambhavato antarārāmo na gāmasaṅkhaṃ gacchati, tasmā tatthapi avippavāsasīmā ruhatevā’’ti eke. Te bhikkhū dutiyassa gāmūpacārassa gāmasaṅkhāsabhāvato tāsaṃ imāya dutiyāya avippavāsakammavācāya abhāvaṃ dassetvā paṭikkhipitabbā. Ajjhārāmo pana gāmopi samāno titthiyaseyyādi viya kappiyabhūmīti veditabbo.

    อาปตฺติยา ปริเจฺฉทํ, ตถานาปตฺติยาปิ จ;

    Āpattiyā paricchedaṃ, tathānāpattiyāpi ca;

    ทเสฺสตุํ คามสมฺพนฺธ-สิกฺขาปทวิภาวเนฯ

    Dassetuṃ gāmasambandha-sikkhāpadavibhāvane.

    คามคามูปจารา เทฺว, ทสฺสิตา อิธ ตาทินา;

    Gāmagāmūpacārā dve, dassitā idha tādinā;

    สีมา สีมูปจารา ตุ, อเนกนฺตาติ นุทฺธฎาฯ

    Sīmā sīmūpacārā tu, anekantāti nuddhaṭā.

    อุปจารา จ เทฺว โหนฺติ, พาหิรพฺภนฺตรพฺพสา;

    Upacārā ca dve honti, bāhirabbhantarabbasā;

    ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺต-เภทา เจ จตุโร สิยุํฯ

    Parikkhittāparikkhitta-bhedā ce caturo siyuṃ.

    อยญฺหิ อุปจารสโทฺท วินยปิฎเก ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อคิลาเนนปิ อาราเม อารามูปจาเร ฉตฺตํ ธาเรตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๐) เอวมาทีสุ พาหิเร อุปจาเร ทิสฺสติฯ พาหิโร อุปจาโร นาม ปริเกฺขปโต, ปริเกฺขปารหฎฺฐานโต วา เอโก เลฑฺฑุปาโตฯ ‘‘อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อโนฺตอาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโรฯ อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อโนฺตอาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๐๖) ปน อุปจารสโทฺท อพฺภนฺตเร อุปจาเร ทิสฺสติฯ อพฺภนฺตโร อุปจาโร จ นาม ปริเกฺขโป, ปริเกฺขปารหฎฺฐานญฺจ โหติฯ อิธ ปน ปริเกฺขโป ‘‘อชฺฌาราโม, อชฺฌาวสโถ’’ติ วา น วุจฺจติ, อโนฺต เอว อาราโม, อาวสโถติ วาฯ เตสุ พาหิรพฺภนฺตรเภทภิเนฺนสุ ทฺวีสุ อุปจาเรสุ อวิปฺปวาสสีมาธิกาเร ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) เอตฺถ คามูปจาโร นาม อพฺภนฺตรูปจาโร อธิเปฺปโต, น พาหิโรฯ ภิกฺขุนิยา อรญฺญสญฺญิตตาย ตสฺส พาหิรสฺส, ตสฺสา คามนฺตราปตฺติยา ฐานภูตตฺตา จ อพฺภนฺตรอุปจารสฺสาติ อิทเมตฺถ การณทฺวยํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ อิธ อทินฺนาทานปาราชิกวิภเงฺคเยว ปฐโม คามูปจาโร ทสฺสิโต, โส พาหิโร, ทุติโย อพฺภนฺตโรติ เวทิตโพฺพฯ ปฐเมน จ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาโต พาหิโร อุปจาโร, ทุติเยน จ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปโต พาหิรสงฺขาโต อพฺภนฺตโร อุปจาโร เลเสน ทสฺสิโตติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ จตฺตาโรปิ อุปจารา อิธ ภควตา เทสนาวิลาสปฺปเตฺตน เทสนาลีลาย ทสฺสิตา โหนฺตีติ อยํ นโย สุฎฺฐุ ลเกฺขตฺวา อาจริเยหิ สมฺมนฺตยิตฺวา ยถานุรูปํ ตตฺถ โยเชตโพฺพฯ อิตรถา –

    Ayañhi upacārasaddo vinayapiṭake ‘‘anujānāmi, bhikkhave, agilānenapi ārāme ārāmūpacāre chattaṃ dhāretu’’nti (cūḷava. 270) evamādīsu bāhire upacāre dissati. Bāhiro upacāro nāma parikkhepato, parikkhepārahaṭṭhānato vā eko leḍḍupāto. ‘‘Ajjhārāmo nāma parikkhittassa ārāmassa antoārāmo, aparikkhittassa upacāro. Ajjhāvasatho nāma parikkhittassa āvasathassa antoāvasatho, aparikkhittassa upacāro’’tiādīsu (pāci. 506) pana upacārasaddo abbhantare upacāre dissati. Abbhantaro upacāro ca nāma parikkhepo, parikkhepārahaṭṭhānañca hoti. Idha pana parikkhepo ‘‘ajjhārāmo, ajjhāvasatho’’ti vā na vuccati, anto eva ārāmo, āvasathoti vā. Tesu bāhirabbhantarabhedabhinnesu dvīsu upacāresu avippavāsasīmādhikāre ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) ettha gāmūpacāro nāma abbhantarūpacāro adhippeto, na bāhiro. Bhikkhuniyā araññasaññitatāya tassa bāhirassa, tassā gāmantarāpattiyā ṭhānabhūtattā ca abbhantaraupacārassāti idamettha kāraṇadvayaṃ veditabbaṃ. Tattha idha adinnādānapārājikavibhaṅgeyeva paṭhamo gāmūpacāro dassito, so bāhiro, dutiyo abbhantaroti veditabbo. Paṭhamena ca aparikkhittassa gāmassa dutiyaleḍḍupātasaṅkhāto bāhiro upacāro, dutiyena ca parikkhittassa gāmassa parikkhepato bāhirasaṅkhāto abbhantaro upacāro lesena dassitoti veditabbo. Evaṃ cattāropi upacārā idha bhagavatā desanāvilāsappattena desanālīlāya dassitā hontīti ayaṃ nayo suṭṭhu lakkhetvā ācariyehi sammantayitvā yathānurūpaṃ tattha yojetabbo. Itarathā –

    อสมฺพุธํ พุทฺธมหานุภาวํ;

    Asambudhaṃ buddhamahānubhāvaṃ;

    ธมฺมสฺส คมฺภีรนยตฺตตญฺจ;

    Dhammassa gambhīranayattatañca;

    โย วณฺณเย นํ วินยํ อวิญฺญู;

    Yo vaṇṇaye naṃ vinayaṃ aviññū;

    โส ทุทฺทโส สาสนนาสเหตุฯ

    So duddaso sāsananāsahetu.

    ปาฬิํ ตทตฺถญฺจ อสมฺพุธญฺหิ;

    Pāḷiṃ tadatthañca asambudhañhi;

    นาเสติ โย อฎฺฐกถานยญฺจ;

    Nāseti yo aṭṭhakathānayañca;

    อนิจฺฉยํ นิจฺฉยโต ปเรหิ;

    Anicchayaṃ nicchayato parehi;

    คาโมติ เตเยว ปุรกฺขโต โสฯ

    Gāmoti teyeva purakkhato so.

    อนุกฺกเมเนว มหาชเนน;

    Anukkameneva mahājanena;

    ปุรกฺขโต ปณฺฑิตมานิ ภิกฺขุ;

    Purakkhato paṇḍitamāni bhikkhu;

    อปณฺฑิตานํ วิมติํ อกตฺวา;

    Apaṇḍitānaṃ vimatiṃ akatvā;

    อาจริยลีลํ ปุรโต กโรติฯ

    Ācariyalīlaṃ purato karoti.

    ตตฺถ หิ ปาฬิยํ ‘‘คามสฺส อุปจาโร คามูปจาโร, คามสงฺขาโต อุปจาโร คามูปจาโร นามา’’ติ อุทฺธริตฺวา คามสฺส อุปจารํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อินฺทขีเล ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ (ปารา. ๙๒) วตฺวา ปุน คามสงฺขาตํ อุปจารํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ วุตฺตํฯ อิมมตฺถํ สนฺธาย วิกาเล คามปฺปเวสนคามนฺตรออปฺปวาสสมฺมุติอาทีสุ ปริเกฺขปารหฎฺฐานเมว คามูปจารนฺติ วุตฺตนฺติ ลิขิตํฯ

    Tattha hi pāḷiyaṃ ‘‘gāmassa upacāro gāmūpacāro, gāmasaṅkhāto upacāro gāmūpacāro nāmā’’ti uddharitvā gāmassa upacāraṃ dassento ‘‘indakhīle ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti (pārā. 92) vatvā puna gāmasaṅkhātaṃ upacāraṃ dassento ‘‘gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti vuttaṃ. Imamatthaṃ sandhāya vikāle gāmappavesanagāmantaraaappavāsasammutiādīsu parikkhepārahaṭṭhānameva gāmūpacāranti vuttanti likhitaṃ.

    อตฺถโต เอกนฺติ เอตฺถ สงฺขาสทฺทํ สงฺขาตสเทฺทน สมานยติฯ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ อิทํ ปญฺจวีสติยา อวหารานํ สาธารณปทํฯ ฐานาจาวนวเสน จ ขีลาทีนิ สงฺกาเมตฺวา เขตฺตาทิคฺคหณวเสน จาติ อโตฺถฯ ฐานาจาวเน ยถา สามิกสฺส ธุรนิเกฺขปาทิํ อโนโลเกตฺวาว อาปตฺติ, ตถา อิหาปีติ คเหตพฺพาฯ

    Atthatoekanti ettha saṅkhāsaddaṃ saṅkhātasaddena samānayati. ‘‘Ādiyeyyā’’ti idaṃ pañcavīsatiyā avahārānaṃ sādhāraṇapadaṃ. Ṭhānācāvanavasena ca khīlādīni saṅkāmetvā khettādiggahaṇavasena cāti attho. Ṭhānācāvane yathā sāmikassa dhuranikkhepādiṃ anoloketvāva āpatti, tathā ihāpīti gahetabbā.

    ‘‘อสุกํ นาม ภณฺฑํ อวหริสฺสามี’’ติ สเพฺพสํ เอกาสยตฺตา ‘‘เอเกนาปี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, สํวิธาวหาโร นาม เอโก อวหาโร ปริหายิตโพฺพฯ

    ‘‘Asukaṃ nāma bhaṇḍaṃ avaharissāmī’’ti sabbesaṃ ekāsayattā ‘‘ekenāpī’’ti vuttaṃ. Yadi āṇatti icchitabbā, saṃvidhāvahāro nāma eko avahāro parihāyitabbo.

    โอกาสปริกเปฺป ฐานาจาวนาย คหิตมฺปิ โอกาสปริกปฺปิตตฺตา รกฺขติฯ โอกาสาติกฺกโมว ปมาณํ ปุเพฺพ อสุทฺธจิเตฺตน คหิตตฺตาฯ อิทานิ สุทฺธจิเตฺตน คหิเตปิ โหติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ เอตฺถ ปน วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกํ โอโลเกตฺวา คเหตโพฺพฯ

    Okāsaparikappe ṭhānācāvanāya gahitampi okāsaparikappitattā rakkhati. Okāsātikkamova pamāṇaṃ pubbe asuddhacittena gahitattā. Idāni suddhacittena gahitepi hoti evāti vadanti, taṃ na sundaraṃ. Ettha pana vinicchayo samantapāsādikaṃ oloketvā gahetabbo.

    อุทฺธาโร นตฺถีติ ฐานาจาวนํ นตฺถีติ อโตฺถฯ

    Uddhāro natthīti ṭhānācāvanaṃ natthīti attho.

    อุทฺธตมเตฺต อวหาโร สกลสฺส ปโยคสฺส นิฎฺฐาปิตตฺตา, น อตฺถสาธกวเสนฯ อุทฺธาเรเยว รกฺขตีติ เอตฺถ เอว-สเทฺทน ปาตเน น รกฺขตีติ อเตฺถ สิเทฺธปิ อตฺถสาธกวเสน อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ อุทฺธริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Uddhatamatte avahāro sakalassa payogassa niṭṭhāpitattā, na atthasādhakavasena. Uddhāreyeva rakkhatīti ettha eva-saddena pātane na rakkhatīti atthe siddhepi atthasādhakavasena atthaṃ dassetuṃ ‘‘taṃ uddharitvā’’tiādi vuttaṃ.

    ‘‘ปถพฺยาราชปเทสราชาทโย พหู, เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘ราชาโน’ติ พหุวจนํ วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํฯ กิญฺจาปิ พหุวจนํ กตํ, อิทํ ปน เอกํ พิมฺพิสารเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ราชาโนติ กิญฺจิ อนิทฺทิสิตฺวา สาธารณวเสน กิญฺจาปิ วุตฺตํ, อิทํ ปน พิมฺพิสารเมวาติฯ

    ‘‘Pathabyārājapadesarājādayo bahū, tesaṃ saṅgaṇhanatthaṃ ‘rājāno’ti bahuvacanaṃ vutta’’nti likhitaṃ. Kiñcāpi bahuvacanaṃ kataṃ, idaṃ pana ekaṃ bimbisāramevāti daṭṭhabbaṃ. Rājānoti kiñci aniddisitvā sādhāraṇavasena kiñcāpi vuttaṃ, idaṃ pana bimbisāramevāti.

    ปุพฺพปฺปโยเคติ เอตฺถ คมนกาเล มคฺคโสธนาธิกรเณ อปาจิตฺติยเขเตฺต ทุกฺกฎํ, ลตาเจฺฉทนาทีสุ ปาจิตฺติยเมวฯ คนฺตฺวา ปน กุมฺภิมตฺถเก ชาตลตาทิเจฺฉทเน สหปโยคตฺตา ทุกฺกฎํฯ ‘‘เอกภเณฺฑ เอวํ ภาริยมิทํ, ‘ตฺวมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺห, อหมฺปิ เอกปสฺสํ คณฺหามี’ติ สํวิทหิตฺวา อุภเยสํ ปโยเคน ฐานาจาวเน กเต กายวาจาจิเตฺตหิ สมุฎฺฐาติฯ อญฺญถา สาหตฺถิกํ วา อาณตฺติกสฺส องฺคํ น โหติ , อาณตฺติกํ วา สาหตฺถิกสฺสาติ วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตี’’ติ วินยคณฺฐิปเท ลิขิตํฯ ปิ-สโทฺท ปเนตฺถ ตเตฺถว ลิขิโตฯ

    Pubbappayogeti ettha gamanakāle maggasodhanādhikaraṇe apācittiyakhette dukkaṭaṃ, latācchedanādīsu pācittiyameva. Gantvā pana kumbhimatthake jātalatādicchedane sahapayogattā dukkaṭaṃ. ‘‘Ekabhaṇḍe evaṃ bhāriyamidaṃ, ‘tvampi ekapassaṃ gaṇha, ahampi ekapassaṃ gaṇhāmī’ti saṃvidahitvā ubhayesaṃ payogena ṭhānācāvane kate kāyavācācittehi samuṭṭhāti. Aññathā sāhatthikaṃ vā āṇattikassa aṅgaṃ na hoti , āṇattikaṃ vā sāhatthikassāti vuttalakkhaṇena virujjhatī’’ti vinayagaṇṭhipade likhitaṃ. Pi-saddo panettha tattheva likhito.

    กายวาจาสมุฎฺฐานํ, ยสฺสา อาปตฺติยา สิยา;

    Kāyavācāsamuṭṭhānaṃ, yassā āpattiyā siyā;

    ตตฺร วาจงฺคํ จิตฺตํว, กมฺมํ นสฺสา วิธียติฯ

    Tatra vācaṅgaṃ cittaṃva, kammaṃ nassā vidhīyati.

    กิริยากิริยาทิกํ ยเญฺจ, ยมฺปิ กมฺมตฺตยํ ภเว;

    Kiriyākiriyādikaṃ yañce, yampi kammattayaṃ bhave;

    น ยุตฺตํ ตํ วิรุทฺธตฺตา, กมฺมเมกํว ยุชฺชตีติฯ (วชิร. ฎี. ปาราชิก ๑๓๑ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา);

    Na yuttaṃ taṃ viruddhattā, kammamekaṃva yujjatīti. (vajira. ṭī. pārājika 131 pakiṇṇakakathāvaṇṇanā);

    ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact