Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๖. ทุติยโรหิตสฺสสุตฺตํ

    6. Dutiyarohitassasuttaṃ

    ๔๖. อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺติํ โรหิตโสฺส เทวปุโตฺต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข , ภิกฺขเว, โรหิตโสฺส เทวปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘ยตฺถ นุ โข, ภเนฺต 1, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภเนฺต, คมเนน โลกสฺส อโนฺต ญาตุํ วา ทฎฺฐุํ วา ปาปุณิตุํ วา’ติ? เอวํ วุเตฺต อหํ, ภิกฺขเว, โรหิตสฺสํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ญาเตยฺยํ ทเฎฺฐยฺยํ ปเตฺตยฺยนฺติ วทามี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, โรหิตโสฺส เทวปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภเนฺต, ภควตา – ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ญาเตยฺยํ ทเฎฺฐยฺยํ ปเตฺตยฺยนฺติ วทามิ’’’ฯ

    46. Atha kho bhagavā tassā rattiyā accayena bhikkhū āmantesi – ‘‘imaṃ, bhikkhave, rattiṃ rohitasso devaputto abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho , bhikkhave, rohitasso devaputto maṃ etadavoca – ‘yattha nu kho, bhante 2, na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, sakkā nu kho so, bhante, gamanena lokassa anto ñātuṃ vā daṭṭhuṃ vā pāpuṇituṃ vā’ti? Evaṃ vutte ahaṃ, bhikkhave, rohitassaṃ devaputtaṃ etadavocaṃ – ‘yattha kho, āvuso, na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, nāhaṃ taṃ gamanena lokassa antaṃ ñāteyyaṃ daṭṭheyyaṃ patteyyanti vadāmī’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rohitasso devaputto maṃ etadavoca – ‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva subhāsitamidaṃ, bhante, bhagavatā – yattha kho, āvuso, na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, nāhaṃ taṃ gamanena lokassa antaṃ ñāteyyaṃ daṭṭheyyaṃ patteyyanti vadāmi’’’.

    ‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภเนฺต, โรหิตโสฺส นาม อิสิ อโหสิํ โภชปุโตฺต อิทฺธิมา เวหาสงฺคโมฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวรูโป ชโว อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหโตฺถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรน ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย ฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวรูโป ปทวีติหาโร อโหสิ, เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุโทฺทฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติฯ โส โข อหํ, ภเนฺต, อญฺญเตฺรว อสิตปีตขายิตสายิตา อญฺญตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา อญฺญตฺร นิทฺทากิลมถปฎิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตราเยว กาลงฺกโตฯ

    ‘‘Bhūtapubbāhaṃ, bhante, rohitasso nāma isi ahosiṃ bhojaputto iddhimā vehāsaṅgamo. Tassa mayhaṃ, bhante, evarūpo javo ahosi, seyyathāpi nāma daḷhadhammā dhanuggaho sikkhito katahattho katūpāsano lahukena asanena appakasirena tiriyaṃ tālacchāyaṃ atipāteyya . Tassa mayhaṃ, bhante, evarūpo padavītihāro ahosi, seyyathāpi nāma puratthimā samuddā pacchimo samuddo. Tassa mayhaṃ, bhante, evarūpena javena samannāgatassa evarūpena ca padavītihārena evarūpaṃ icchāgataṃ uppajji – ahaṃ gamanena lokassa antaṃ pāpuṇissāmī’’ti. So kho ahaṃ, bhante, aññatreva asitapītakhāyitasāyitā aññatra uccārapassāvakammā aññatra niddākilamathapaṭivinodanā vassasatāyuko vassasatajīvī vassasataṃ gantvā appatvāva lokassa antaṃ antarāyeva kālaṅkato.

    ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภเนฺต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ญาเตยฺยํ ทเฎฺฐยฺยํ ปเตฺตยฺยนฺติ วทามี’’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อหํ, ภิกฺขเว, โรหิตสฺสํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจํ –

    ‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva subhāsitamidaṃ, bhante, bhagavatā – ‘yattha kho, āvuso, na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, nāhaṃ taṃ gamanena lokassa antaṃ ñāteyyaṃ daṭṭheyyaṃ patteyyanti vadāmī’’’ti. Evaṃ vutte ahaṃ, bhikkhave, rohitassaṃ devaputtaṃ etadavocaṃ –

    ‘‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ, ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ญาเตยฺยํ ทเฎฺฐยฺยํ ปเตฺตยฺยนฺติ วทามี’ติฯ น จาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ วทามิฯ อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมิํเยว พฺยามมเตฺต กเฬวเร สสญฺญิมฺหิ สมนเก โลกญฺจ ปญฺญาเปมิ โลกสมุทยญฺจ โลกนิโรธญฺจ โลกนิโรธคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติฯ

    ‘‘‘Yattha kho, āvuso, na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, nāhaṃ, taṃ gamanena lokassa antaṃ ñāteyyaṃ daṭṭheyyaṃ patteyyanti vadāmī’ti. Na cāhaṃ, āvuso, appatvāva lokassa antaṃ dukkhassantakiriyaṃ vadāmi. Api cāhaṃ, āvuso, imasmiṃyeva byāmamatte kaḷevare sasaññimhi samanake lokañca paññāpemi lokasamudayañca lokanirodhañca lokanirodhagāminiñca paṭipada’’nti.

    ‘‘คมเนน น ปตฺตโพฺพ, โลกสฺสโนฺต กุทาจนํ;

    ‘‘Gamanena na pattabbo, lokassanto kudācanaṃ;

    น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํฯ

    Na ca appatvā lokantaṃ, dukkhā atthi pamocanaṃ.

    ‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ,

    ‘‘Tasmā have lokavidū sumedho,

    โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;

    Lokantagū vusitabrahmacariyo;

    โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ญตฺวา,

    Lokassa antaṃ samitāvi ñatvā,

    นาสีสตี โลกมิมํ ปรญฺจา’’ติฯ ฉฎฺฐํ;

    Nāsīsatī lokamimaṃ parañcā’’ti. chaṭṭhaṃ;







    Footnotes:
    1. สํ. นิ. ๑.๑๐๗
    2. saṃ. ni. 1.107



    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕-๖. โรหิตสฺสสุตฺตาทิวณฺณนา • 5-6. Rohitassasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact