Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. ทุติยสญฺญาสุตฺตํ
6. Dutiyasaññāsuttaṃ
๔๙. ‘‘สตฺติมา, ภิกฺขเว, สญฺญา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานาฯ กตมา สตฺต? อสุภสญฺญา, มรณสญฺญา, อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา, สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญา, อนิจฺจสญฺญา, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญาฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต สญฺญา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานาติฯ
49. ‘‘Sattimā, bhikkhave, saññā bhāvitā bahulīkatā mahapphalā honti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā. Katamā satta? Asubhasaññā, maraṇasaññā, āhāre paṭikūlasaññā, sabbaloke anabhiratasaññā, aniccasaññā, anicce dukkhasaññā, dukkhe anattasaññā. Imā kho, bhikkhave, satta saññā bhāvitā bahulīkatā mahapphalā honti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānāti.
‘‘‘อสุภสญฺญา , ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อสุภสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎปตฺตํ วา นฺหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสุภสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ
‘‘‘Asubhasaññā , bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Asubhasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato methunadhammasamāpattiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti. Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭapattaṃ vā nhārudaddulaṃ vā aggimhi pakkhittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno asubhasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato methunadhammasamāpattiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสุภสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา จิตฺตํ อนุสนฺทหติ 1 อปฺปฎิกุลฺยตา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม อสุภสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสุภสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม อสุภสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘อสุภสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno asubhasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato methunadhammasamāpattiyā cittaṃ anusandahati 2 appaṭikulyatā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me asubhasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno asubhasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato methunadhammasamāpattiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti; veditabbametaṃ , bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me asubhasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Asubhasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘มรณสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? มรณสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต ชีวิตนิกนฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎปตฺตํ วา นฺหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน มรณสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ชีวิตนิกนฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ
‘‘‘Maraṇasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Maraṇasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato jīvitanikantiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti. Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭapattaṃ vā nhārudaddulaṃ vā aggimhi pakkhittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno maraṇasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato jīvitanikantiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti.
‘‘สเจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน มรณสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ชีวิตนิกนฺติยา จิตฺตํ อนุสนฺทหติ อปฺปฎิกุลฺยตา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม มรณสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน มรณสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ชีวิตนิกนฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม มรณสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘มรณสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace , bhikkhave, bhikkhuno maraṇasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato jīvitanikantiyā cittaṃ anusandahati appaṭikulyatā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me maraṇasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno maraṇasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato jīvitanikantiyā cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me maraṇasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Maraṇasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อาหาเร ปฎิกูลสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต รสตณฺหาย จิตฺตํ ปติลียติ …เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎปตฺตํ วา นฺหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อาหาเร ปฎิกูลสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต รสตณฺหาย จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ ฯ
‘‘‘Āhāre paṭikūlasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Āhāre paṭikūlasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato rasataṇhāya cittaṃ patilīyati …pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti. Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭapattaṃ vā nhārudaddulaṃ vā aggimhi pakkhittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno āhāre paṭikūlasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato rasataṇhāya cittaṃ patilīyati…pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti .
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อาหาเร ปฎิกูลสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต รสตณฺหาย จิตฺตํ อนุสนฺทหติ อปฺปฎิกุลฺยตา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อาหาเร ปฎิกูลสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต รสตณฺหาย จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา , ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno āhāre paṭikūlasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato rasataṇhāya cittaṃ anusandahati appaṭikulyatā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me āhāre paṭikūlasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno āhāre paṭikūlasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato rasataṇhāya cittaṃ patilīyati…pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me āhāre paṭikūlasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Āhāre paṭikūlasaññā , bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต โลกจิเตฺรสุ จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว…เป.… ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต โลกจิเตฺรสุ จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ
‘‘‘Sabbaloke anabhiratasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Sabbaloke anabhiratasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato lokacitresu cittaṃ patilīyati…pe… seyyathāpi bhikkhave…pe… patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno sabbaloke anabhiratasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lokacitresu cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต โลกจิเตฺรสุ จิตฺตํ อนุสนฺทหติ อปฺปฎิกุลฺยตา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต โลกจิเตฺรสุ จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno sabbaloke anabhiratasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lokacitresu cittaṃ anusandahati appaṭikulyatā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me sabbaloke anabhiratasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno sabbaloke anabhiratasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lokacitresu cittaṃ patilīyati…pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me sabbaloke anabhiratasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Sabbaloke anabhiratasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘อนิจฺจสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อนิจฺจสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต ลาภสกฺการสิโลเก จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎปตฺตํ วา นฺหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อนิจฺจสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ลาภสกฺการสิโลเก จิตฺตํ ปติลียติ…เป.… อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติฯ
‘‘‘Aniccasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Aniccasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato lābhasakkārasiloke cittaṃ patilīyati…pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti. Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭapattaṃ vā nhārudaddulaṃ vā aggimhi pakkhittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati na sampasāriyati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno aniccasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lābhasakkārasiloke cittaṃ patilīyati…pe… upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อนิจฺจสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ลาภสกฺการสิโลเก จิตฺตํ อนุสนฺทหติ อปฺปฎิกุลฺยตา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม อนิจฺจสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อนิจฺจสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต ลาภสกฺการสิโลเก จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฎติ ปติวตฺตติ, น สมฺปสาริยติ อุเปกฺขา วา ปาฎิกุลฺยตา วา สณฺฐาติ; เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม อนิจฺจสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘อนิจฺจสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno aniccasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lābhasakkārasiloke cittaṃ anusandahati appaṭikulyatā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me aniccasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno aniccasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato lābhasakkārasiloke cittaṃ patilīyati patikuṭati pativattati, na sampasāriyati upekkhā vā pāṭikulyatā vā saṇṭhāti; veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me aniccasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Aniccasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต อาลเสฺย โกสเชฺช วิสฺสฎฺฐิเย ปมาเท อนนุโยเค อปจฺจเวกฺขณาย ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุกฺขิตฺตาสิเก วธเกฯ
‘‘‘Anicce dukkhasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Anicce dukkhasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato ālasye kosajje vissaṭṭhiye pamāde ananuyoge apaccavekkhaṇāya tibbā bhayasaññā paccupaṭṭhitā hoti, seyyathāpi, bhikkhave, ukkhittāsike vadhake.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต อาลเสฺย โกสเชฺช วิสฺสฎฺฐิเย ปมาเท อนนุโยเค อปจฺจเวกฺขณาย ติพฺพา ภยสญฺญา, น ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุกฺขิตฺตาสิเก วธเกฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต อาลเสฺย โกสเชฺช วิสฺสฎฺฐิเย ปมาเท อนนุโยเค อปจฺจเวกฺขณาย ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุกฺขิตฺตาสิเก วธเกฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno anicce dukkhasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato ālasye kosajje vissaṭṭhiye pamāde ananuyoge apaccavekkhaṇāya tibbā bhayasaññā, na paccupaṭṭhitā hoti, seyyathāpi, bhikkhave, ukkhittāsike vadhake. Veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me anicce dukkhasaññā, natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno anicce dukkhasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato ālasye kosajje vissaṭṭhiye pamāde ananuyoge apaccavekkhaṇāya tibbā bhayasaññā paccupaṭṭhitā hoti, seyyathāpi, bhikkhave, ukkhittāsike vadhake. Veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me anicce dukkhasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Anicce dukkhasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ทุเกฺข อนตฺตสญฺญาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานาปคตํ มานสํ โหติ วิธาสมติกฺกนฺตํ สนฺตํ สุวิมุตฺตํฯ
‘‘‘Dukkhe anattasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Dukkhe anattasaññāparicitena, bhikkhave, bhikkhuno cetasā bahulaṃ viharato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānāpagataṃ mānasaṃ hoti vidhāsamatikkantaṃ santaṃ suvimuttaṃ.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทุเกฺข อนตฺตสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ น อหงฺการมมงฺการมานาปคตํ มานสํ โหติ วิธาสมติกฺกนฺตํ สนฺตํ สุวิมุตฺตํฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อภาวิตา เม ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา , นตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, อปฺปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhuno dukkhe anattasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu na ahaṅkāramamaṅkāramānāpagataṃ mānasaṃ hoti vidhāsamatikkantaṃ santaṃ suvimuttaṃ. Veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘abhāvitā me dukkhe anattasaññā , natthi me pubbenāparaṃ viseso, appattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทุเกฺข อนตฺตสญฺญาปริจิเตน เจตสา พหุลํ วิหรโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานาปคตํ มานสํ โหติ วิธาสมติกฺกนฺตํ สนฺตํ สุวิมุตฺตํฯ เวทิตพฺพเมตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘สุภาวิตา เม ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, อตฺถิ เม ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส, ปตฺตํ เม ภาวนาพล’นฺติฯ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ ‘ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, bhikkhuno dukkhe anattasaññāparicitena cetasā bahulaṃ viharato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānāpagataṃ mānasaṃ hoti vidhāsamatikkantaṃ santaṃ suvimuttaṃ. Veditabbametaṃ, bhikkhave, bhikkhunā ‘subhāvitā me dukkhe anattasaññā, atthi me pubbenāparaṃ viseso, pattaṃ me bhāvanābala’nti. Itiha tattha sampajāno hoti. ‘Dukkhe anattasaññā, bhikkhave, bhāvitā bahulīkatā mahapphalā hoti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต สญฺญา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Imā kho, bhikkhave, satta saññā bhāvitā bahulīkatā mahapphalā honti mahānisaṃsā amatogadhā amatapariyosānā’’ti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕-๖. สญฺญาสุตฺตทฺวยวณฺณนา • 5-6. Saññāsuttadvayavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. ทุติยสญฺญาสุตฺตวณฺณนา • 6. Dutiyasaññāsuttavaṇṇanā