Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๔. ทุติยสตฺตสุตฺตวณฺณนา
4. Dutiyasattasuttavaṇṇanā
๖๔. จตุเตฺถ อนฺธีกตาติ กามา นาม อนนฺธมฺปิ อนฺธํ กโรนฺติฯ
64. Catutthe andhīkatāti kāmā nāma anandhampi andhaṃ karonti.
ยถาห –
Yathāha –
‘‘ลุโทฺธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุโทฺธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
‘‘Luddho atthaṃ na jānāti, luddho dhammaṃ na passati;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นร’’นฺติฯ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๒๘) –
Andhatamaṃ tadā hoti, yaṃ lobho sahate nara’’nti. (itivu. 88; mahāni. 5; cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 128) –
ตสฺมา กาเมน อนนฺธาปิ อนฺธา กตาติ อนฺธีกตาฯ เสสํ อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตนยเมวฯ ตตฺถ หิ มนุสฺสานํ ปวตฺติ ภิกฺขูหิ ทิสฺวา ภควโต อาโรจิตา, อิธ ภควตา สามํเยว ทิฎฺฐาติ อยเมว วิเสโสฯ สตฺถา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค อจิรวติยํ นทิยํ มจฺฉพเนฺธหิ โอฑฺฑิตํ กุมินํ ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตุํ อสโกฺกเนฺต พหู มเจฺฉ ปสฺสิ, ตโต อปรภาเค เอกํ ขีรปกํ วจฺฉํ โครวํ กตฺวา อนุพนฺธิตฺวา ถญฺญปิปาสาย คีวํ ปสาเรตฺวา มาตุ อนฺตรสตฺถิยํ มุขํ อุปเนนฺตํ ปสฺสิฯ อถ ภควา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ปจฺฉิมํ วตฺถุทฺวยํ ปุริมสฺส อุปมานภาเวน คเหตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Tasmā kāmena anandhāpi andhā katāti andhīkatā. Sesaṃ anantarasutte vuttanayameva. Tattha hi manussānaṃ pavatti bhikkhūhi disvā bhagavato ārocitā, idha bhagavatā sāmaṃyeva diṭṭhāti ayameva viseso. Satthā sāvatthito nikkhamitvā jetavanaṃ gacchanto antarāmagge aciravatiyaṃ nadiyaṃ macchabandhehi oḍḍitaṃ kuminaṃ pavisitvā nikkhantuṃ asakkonte bahū macche passi, tato aparabhāge ekaṃ khīrapakaṃ vacchaṃ goravaṃ katvā anubandhitvā thaññapipāsāya gīvaṃ pasāretvā mātu antarasatthiyaṃ mukhaṃ upanentaṃ passi. Atha bhagavā vihāraṃ pavisitvā pāde pakkhāletvā paññattavarabuddhāsane nisinno pacchimaṃ vatthudvayaṃ purimassa upamānabhāvena gahetvā imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ กามนฺธาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน อนฺธา วิจกฺขุกา กตาฯ ชาลสญฺฉนฺนาติ สกตฺตภาวปรตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ, ตนฺนิสฺสิเตสุ จ ธเมฺมสุ อตีตาทิวเสน อเนกเภทภิเนฺนสุ เหฎฺฐุปริยวเสน อปราปรํ อุปฺปตฺติยา อโนฺตคธานํ อนตฺถาวหโต จ ชาลภูตาย ตณฺหาย สุขุมจฺฉิเทฺทน ชาเลน ปริวุโต วิย อุทกรหโท สญฺฉนฺนา ปลิคุณฺฐิตา อโชฺฌตฺถฎาฯ ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน เสวาลปณเกน วิย อุทกํ ฉาทิตา, ปฎิจฺฉนฺนา ปิหิตาติ อโตฺถฯ ปททฺวเยนาปิ กามจฺฉนฺทนีวรณนิวาริตกุสลจิตฺตาจารตํ ทเสฺสติฯ
Tattha kāmandhāti vatthukāmesu kilesakāmena andhā vicakkhukā katā. Jālasañchannāti sakattabhāvaparattabhāvesu ajjhattikabāhirāyatanesu, tannissitesu ca dhammesu atītādivasena anekabhedabhinnesu heṭṭhupariyavasena aparāparaṃ uppattiyā antogadhānaṃ anatthāvahato ca jālabhūtāya taṇhāya sukhumacchiddena jālena parivuto viya udakarahado sañchannā paliguṇṭhitā ajjhotthaṭā. Taṇhāchadanachāditāti taṇhāsaṅkhātena chadanena sevālapaṇakena viya udakaṃ chāditā, paṭicchannā pihitāti attho. Padadvayenāpi kāmacchandanīvaraṇanivāritakusalacittācārataṃ dasseti.
ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธาติ กิเลสมาเรน เทวปุตฺตมาเรน จ พทฺธาฯ ยทเคฺคน หิ กิเลสมาเรน พทฺธา, ตทเคฺคน เทวปุตฺตมาเรนปิ พทฺธา นาม โหนฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Pamattabandhunā baddhāti kilesamārena devaputtamārena ca baddhā. Yadaggena hi kilesamārena baddhā, tadaggena devaputtamārenapi baddhā nāma honti. Vuttañhetaṃ –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
‘‘Antalikkhacaro pāso, yvāyaṃ carati mānaso;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
Tena taṃ bādhayissāmi, na me samaṇa mokkhasī’’ti. (saṃ. ni. 1.151; mahāva. 33);
นมุจิ กโณฺห ปมตฺตพนฺธูติ ตีณิ มารสฺส นามานิฯ เทวปุตฺตมาโรปิ หิ กิเลสมาโร วิย อนเตฺถน ปมเตฺต สเตฺต พนฺธตีติ ปมตฺตพนฺธุฯ ‘‘ปมตฺตา พนฺธเน พทฺธา’’ติปิ ปฐนฺติฯ ตตฺถ พนฺธเนติ กามคุณพนฺธเนติ อโตฺถฯ พทฺธาติ นิยมิตาฯ ยถา กิํ? มจฺฉาว กุมินามุเข ยถา นาม มจฺฉพนฺธเกน โอฑฺฑิตสฺส กุมินสฺส มุเข ปวิฎฺฐา มจฺฉา เตน พทฺธา หุตฺวา มรณมเนฺวนฺติ ปาปุณนฺติ, เอวเมว มาเรน โอฑฺฑิเตน กามคุณพนฺธเนน พทฺธา อิเม สตฺตา ชรามรณมเนฺวนฺติฯ วโจฺฉ ขีรปโกว มาตรํ ยถา ขีรปายี ตรุณวโจฺฉ อตฺตโน มาตรํ อเนฺวติ อนุคจฺฉติ, น อญฺญํ เอวํ มารพนฺธนพทฺธา สตฺตา สํสาเร ปริพฺภมนฺตา มรณเมว อเนฺวนฺติ อนุคจฺฉนฺติ, น อชรํ อมรณํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Namuci kaṇho pamattabandhūti tīṇi mārassa nāmāni. Devaputtamāropi hi kilesamāro viya anatthena pamatte satte bandhatīti pamattabandhu. ‘‘Pamattā bandhane baddhā’’tipi paṭhanti. Tattha bandhaneti kāmaguṇabandhaneti attho. Baddhāti niyamitā. Yathā kiṃ? Macchāva kumināmukhe yathā nāma macchabandhakena oḍḍitassa kuminassa mukhe paviṭṭhā macchā tena baddhā hutvā maraṇamanventi pāpuṇanti, evameva mārena oḍḍitena kāmaguṇabandhanena baddhā ime sattā jarāmaraṇamanventi. Vaccho khīrapakova mātaraṃ yathā khīrapāyī taruṇavaccho attano mātaraṃ anveti anugacchati, na aññaṃ evaṃ mārabandhanabaddhā sattā saṃsāre paribbhamantā maraṇameva anventi anugacchanti, na ajaraṃ amaraṇaṃ nibbānanti adhippāyo.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๔. ทุติยสตฺตสุตฺตํ • 4. Dutiyasattasuttaṃ