Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๑๖. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปเท – ภิสีติ มญฺจกภิสิ วา ปีฐกภิสิ วาฯ จิมิลิกาทีนิปิ ปุริมสิกฺขาปเท วุตฺตปฺปการานิเยวฯ นิสีทนนฺติ สทสํ เวทิตพฺพํฯ ปจฺจตฺถรณนฺติ ปาวาโร โกชโวติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสญฺจิ ติณานํ สนฺถาโร ฯ เอส นโย ปณฺณสนฺถาเรฯ ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺสาติ เอตฺถ ปฐมปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ทุติยาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโร นาม เสนาสนโต เทฺว เลฑฺฑุปาตาฯ
116. Dutiyasenāsanasikkhāpade – bhisīti mañcakabhisi vā pīṭhakabhisi vā. Cimilikādīnipi purimasikkhāpade vuttappakārāniyeva. Nisīdananti sadasaṃ veditabbaṃ. Paccattharaṇanti pāvāro kojavoti ettakameva vuttaṃ. Tiṇasanthāroti yesaṃ kesañci tiṇānaṃ santhāro . Esa nayo paṇṇasanthāre. Parikkhepaṃ atikkamantassāti ettha paṭhamapādaṃ atikkāmentassa dukkaṭaṃ, dutiyātikkame pācittiyaṃ. Aparikkhittassa upacāro nāma senāsanato dve leḍḍupātā.
อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺยาติ เอตฺถ ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตโพฺพฯ ตสฺมิํ อสติ สามเณโร, ตสฺมิํ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การิโต โส วิหารสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตโพฺพฯ ตสฺมิมฺปิ อสติ จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ฐเปตฺวา มเญฺจ อวเสสมญฺจปีฐานิ อาโรเปตฺวา อุปริ ภิสิอาทิกํ ทสวิธมฺปิ เสยฺยํ ราสิํ กริตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานานิ ปิทหิตฺวา คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ ปน เสนาสนํ โอวสฺสติ, ฉทนตฺถญฺจ ติณํ วา อิฎฺฐกา วา อานีตา โหนฺติ, สเจ อุสฺสหติ, ฉาเทตพฺพํฯ โน เจ สโกฺกติ, โย โอกาโส อโนวสฺสโก, ตตฺถ มญฺจปีฐาทีนิ นิกฺขิปิตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ สพฺพมฺปิ โอวสฺสติ, อุสฺสหเนฺตน อโนฺตคาเม อุปาสกานํ ฆเร ฐเปตพฺพํฯ สเจ เตปิ ‘‘สงฺฆิกํ นาม ภเนฺต ภาริยํ, อคฺคิทาหาทีนํ ภายามา’’ติ น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, อโชฺฌกาเสปิ ปาสาณานํ อุปริ มญฺจํ ฐเปตฺวา เสสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตฺวา ติเณหิ จ ปเณฺณหิ จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ ยญฺหิ ตตฺถ องฺคมตฺตมฺปิ อวสิสฺสติ, ตํ อเญฺญสํ ตตฺถ อาคตานํ ภิกฺขูนํ อุปการํ ภวิสฺสตีติ ฯ
Anāpucchaṃvā gaccheyyāti ettha bhikkhumhi sati bhikkhu āpucchitabbo. Tasmiṃ asati sāmaṇero, tasmiṃ asati ārāmiko, tasmimpi asati yena vihāro kārito so vihārasāmiko, tassa vā kule yo koci āpucchitabbo. Tasmimpi asati catūsu pāsāṇesu mañcaṃ ṭhapetvā mañce avasesamañcapīṭhāni āropetvā upari bhisiādikaṃ dasavidhampi seyyaṃ rāsiṃ karitvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dvāravātapānāni pidahitvā gamiyavattaṃ pūretvā gantabbaṃ. Sace pana senāsanaṃ ovassati, chadanatthañca tiṇaṃ vā iṭṭhakā vā ānītā honti, sace ussahati, chādetabbaṃ. No ce sakkoti, yo okāso anovassako, tattha mañcapīṭhādīni nikkhipitvā gantabbaṃ. Sace sabbampi ovassati, ussahantena antogāme upāsakānaṃ ghare ṭhapetabbaṃ. Sace tepi ‘‘saṅghikaṃ nāma bhante bhāriyaṃ, aggidāhādīnaṃ bhāyāmā’’ti na sampaṭicchanti, ajjhokāsepi pāsāṇānaṃ upari mañcaṃ ṭhapetvā sesaṃ pubbe vuttanayeneva nikkhipitvā tiṇehi ca paṇṇehi ca paṭicchādetvā gantuṃ vaṭṭati. Yañhi tattha aṅgamattampi avasissati, taṃ aññesaṃ tattha āgatānaṃ bhikkhūnaṃ upakāraṃ bhavissatīti .
๑๑๗. วิหารสฺส อุปจาเรติอาทีสุ วิหารสฺสูปจาโร นาม ปริเวณํฯ อุปฎฺฐานสาลาติ ปริเวณโภชนสาลาฯ มณฺฑโปติ ปริเวณมณฺฑโปฯ รุกฺขมูลนฺติ ปริเวณรุกฺขมูลํฯ อยํ ตาว นโย กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุโตฺตฯ กิญฺจาปิ วุโตฺต, อถ โข วิหาโรติ อโนฺตคโพฺภ วา อญฺญํ วา สพฺพปริจฺฉนฺนํ คุตฺตเสนาสนํ เวทิตพฺพํฯ วิหารสฺส อุปจาเรติ ตสฺส พหิ อาสเนฺน โอกาเสฯ อุปฎฺฐานสาลายํ วาติ โภชนสาลายํ วาฯ มณฺฑเป วาติ อปริจฺฉเนฺน ปริจฺฉเนฺน วาปิ พหูนํ สนฺนิปาตมณฺฑเปฯ รุกฺขมูเล วตฺตพฺพํ นตฺถิฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ วุตฺตปฺปการญฺหิ ทสวิธํ เสยฺยํ อโนฺตคพฺภาทิมฺหิ คุตฺตฎฺฐาเน ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ยสฺมา เสยฺยาปิ เสนาสนมฺปิ อุปจิกาหิ ปลุชฺชติ, วมฺมิกราสิเยว โหติ, ตสฺมา ปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ พหิ ปน อุปฎฺฐานสาลาทีสุ ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เสยฺยามตฺตเมว นเสฺสยฺย, ฐานสฺส อคุตฺตตาย น เสนาสนํ, ตสฺมา เอตฺถ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ มญฺจํ วา ปีฐํ วาติ เอตฺถ ยสฺมา น สกฺกา มญฺจปีฐํ สหสา อุปจิกาหิ ขายิตุํ, ตสฺมา ตํ วิหาเรปิ สนฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ วิหารูปจาเร ปน ตํ วิหารจาริกํ อาหิณฺฑนฺตาปิ ทิสฺวา ปฎิสาเมสฺสนฺติฯ
117.Vihārassa upacāretiādīsu vihārassūpacāro nāma pariveṇaṃ. Upaṭṭhānasālāti pariveṇabhojanasālā. Maṇḍapoti pariveṇamaṇḍapo. Rukkhamūlanti pariveṇarukkhamūlaṃ. Ayaṃ tāva nayo kurundaṭṭhakathāyaṃ vutto. Kiñcāpi vutto, atha kho vihāroti antogabbho vā aññaṃ vā sabbaparicchannaṃ guttasenāsanaṃ veditabbaṃ. Vihārassa upacāreti tassa bahi āsanne okāse. Upaṭṭhānasālāyaṃ vāti bhojanasālāyaṃ vā. Maṇḍape vāti aparicchanne paricchanne vāpi bahūnaṃ sannipātamaṇḍape. Rukkhamūle vattabbaṃ natthi. Āpatti dukkaṭassāti vuttappakārañhi dasavidhaṃ seyyaṃ antogabbhādimhi guttaṭṭhāne paññapetvā gacchantassa yasmā seyyāpi senāsanampi upacikāhi palujjati, vammikarāsiyeva hoti, tasmā pācittiyaṃ vuttaṃ. Bahi pana upaṭṭhānasālādīsu paññapetvā gacchantassa seyyāmattameva nasseyya, ṭhānassa aguttatāya na senāsanaṃ, tasmā ettha dukkaṭaṃ vuttaṃ. Mañcaṃ vā pīṭhaṃ vāti ettha yasmā na sakkā mañcapīṭhaṃ sahasā upacikāhi khāyituṃ, tasmā taṃ vihārepi santharitvā gacchantassa dukkaṭaṃ vuttaṃ. Vihārūpacāre pana taṃ vihāracārikaṃ āhiṇḍantāpi disvā paṭisāmessanti.
๑๑๘. อุทฺธริตฺวา คจฺฉตีติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา คจฺฉเนฺตน มญฺจปีฐกวาฎํ สพฺพํ อปเนตฺวา สํหริตฺวา จีวรวํเส ลเคฺคตฺวา คนฺตพฺพํฯ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา วสนกภิกฺขุนาปิ ปุน มญฺจปีฐํ วา ปญฺญเปตฺวา สยิตฺวา คจฺฉเนฺตน ตเถว กาตพฺพํฯ อโนฺตกุฎฺฎโต เสยฺยํ พหิกุเฎฺฎ ปญฺญเปตฺวา วสเนฺตน คมนกาเล คหิตฎฺฐาเนเยว ปฎิสาเมตพฺพํฯ อุปริปาสาทโต โอโรเปตฺวา เหฎฺฐาปาสาเท วสนฺตสฺสปิ เอเสว นโยฯ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเนสุ มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวาปิ คมนกาเล ปุน คหิตฎฺฐาเนเยว ฐเปตพฺพํฯ
118.Uddharitvāgacchatīti ettha uddharitvā gacchantena mañcapīṭhakavāṭaṃ sabbaṃ apanetvā saṃharitvā cīvaravaṃse laggetvā gantabbaṃ. Pacchā āgantvā vasanakabhikkhunāpi puna mañcapīṭhaṃ vā paññapetvā sayitvā gacchantena tatheva kātabbaṃ. Antokuṭṭato seyyaṃ bahikuṭṭe paññapetvā vasantena gamanakāle gahitaṭṭhāneyeva paṭisāmetabbaṃ. Uparipāsādato oropetvā heṭṭhāpāsāde vasantassapi eseva nayo. Rattiṭṭhānadivāṭṭhānesu mañcapīṭhaṃ paññapetvāpi gamanakāle puna gahitaṭṭhāneyeva ṭhapetabbaṃ.
อาปุจฺฉํ คจฺฉตีติ เอตฺถายํ อาปุจฺฉิตพฺพานาปุจฺฉิตพฺพวินิจฺฉโย – ยา ตาว ภูมิยํ ทีฆสาลา วา ปณฺณสาลา วา โหติ, ยํ วา รุกฺขตฺถเมฺภสุ, กตเคหํ อุปจิกานํ อุฎฺฐานฎฺฐานํ โหติ, ตโต ปกฺกมเนฺตน ตาว อาปุจฺฉิตฺวาว ปกฺกมิตพฺพํฯ ตสฺมิญฺหิ กติปยานิ ทิวสานิ อชคฺคิยมาเน วมฺมิกาว สนฺติฎฺฐนฺติฯ ยํ ปน ปาสาณปิฎฺฐิยํ วา ปาสาณตฺถเมฺภสุ วา กตเสนาสนํ สิลุจฺจยเลณํ วา สุธาลิตฺตเสนาสนํ วา ยตฺถ อุปจิกาสงฺกา นตฺถิ, ตโต ปกฺกมนฺตสฺส อาปุจฺฉิตฺวาปิ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติ, อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตํฯ สเจ ตาทิเสปิ เสนาสเน เอเกน ปเสฺสน อุปจิกา อาโรหนฺติ, อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํฯ โย ปน อาคนฺตุโก ภิกฺขุ สงฺฆิกํ เสนาสนํ คเหตฺวา วสนฺตํ ภิกฺขุํ อนุวตฺตโนฺต อตฺตโน เสนาสนํ อคฺคเหตฺวา วสติ, ยาว โส น คณฺหาติ, ตาว ตํ เสนาสนํ ปุริมภิกฺขุเสฺสว ปลิโพโธฯ ยทา ปน โส เสนาสนํ คเหตฺวา อตฺตโน อิสฺสริเยน วสติ, ตโต ปฎฺฐาย อาคนฺตุกเสฺสว ปลิโพโธฯ สเจ อุโภปิ วิภชิตฺวา คณฺหนฺติ, อุภินฺนมฺปิ ปลิโพโธฯ มหาปจฺจริยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘สเจ เทฺว ตโย เอกโต หุตฺวา ปญฺญเปนฺติ, คมนกาเล สเพฺพหิปิ อาปุจฺฉิตพฺพํฯ เตสุ เจ ปฐมํ คจฺฉโนฺต ‘ปจฺฉิโม ชคฺคิสฺสตี’ติ อาโภคํ กตฺวา คจฺฉติ วฎฺฎติฯ ปจฺฉิมสฺส อาโภเคน มุตฺติ นตฺถิฯ พหู เอกํ เปเสตฺวา สนฺถราเปนฺติ, คมนกาเล สเพฺพหิ วา อาปุจฺฉิตพฺพํ , เอกํ วา เปเสตฺวา อาปุจฺฉิตพฺพํฯ อญฺญโต มญฺจปีฐาทีนิ อาเนตฺวา อญฺญตฺร วสิตฺวาปิ คมนกาเล ตเตฺถว เนตพฺพานิฯ สเจ อญฺญาวาสโต อาเนตฺวา วสมานสฺส อโญฺญ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, น ปฎิพาหิตโพฺพ, ‘มยา ภเนฺต อญฺญาวาสโต อานีตํ, ปากติกํ กเรยฺยาถา’ติ วตฺตพฺพํฯ เตน ‘เอวํ กริสฺสามี’ติ สมฺปฎิจฺฉิเต อิตรสฺส คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เอวมญฺญตฺถ หริตฺวาปิ สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชนฺตสฺส นฎฺฐํ วา ชิณฺณํ วา โจเรหิ วา หฎํ คีวา น โหติ, ปุคฺคลิกปริโภเคน ปริภุญฺชนฺตสฺส ปน คีวา โหติฯ อญฺญสฺส มญฺจปีฐํ ปน สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วา ปริภุญฺชนฺตสฺส นฎฺฐํ คีวาเยว’’ฯ
Āpucchaṃ gacchatīti etthāyaṃ āpucchitabbānāpucchitabbavinicchayo – yā tāva bhūmiyaṃ dīghasālā vā paṇṇasālā vā hoti, yaṃ vā rukkhatthambhesu, katagehaṃ upacikānaṃ uṭṭhānaṭṭhānaṃ hoti, tato pakkamantena tāva āpucchitvāva pakkamitabbaṃ. Tasmiñhi katipayāni divasāni ajaggiyamāne vammikāva santiṭṭhanti. Yaṃ pana pāsāṇapiṭṭhiyaṃ vā pāsāṇatthambhesu vā katasenāsanaṃ siluccayaleṇaṃ vā sudhālittasenāsanaṃ vā yattha upacikāsaṅkā natthi, tato pakkamantassa āpucchitvāpi anāpucchitvāpi gantuṃ vaṭṭati, āpucchanaṃ pana vattaṃ. Sace tādisepi senāsane ekena passena upacikā ārohanti, āpucchitvāva gantabbaṃ. Yo pana āgantuko bhikkhu saṅghikaṃ senāsanaṃ gahetvā vasantaṃ bhikkhuṃ anuvattanto attano senāsanaṃ aggahetvā vasati, yāva so na gaṇhāti, tāva taṃ senāsanaṃ purimabhikkhusseva palibodho. Yadā pana so senāsanaṃ gahetvā attano issariyena vasati, tato paṭṭhāya āgantukasseva palibodho. Sace ubhopi vibhajitvā gaṇhanti, ubhinnampi palibodho. Mahāpaccariyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘sace dve tayo ekato hutvā paññapenti, gamanakāle sabbehipi āpucchitabbaṃ. Tesu ce paṭhamaṃ gacchanto ‘pacchimo jaggissatī’ti ābhogaṃ katvā gacchati vaṭṭati. Pacchimassa ābhogena mutti natthi. Bahū ekaṃ pesetvā santharāpenti, gamanakāle sabbehi vā āpucchitabbaṃ , ekaṃ vā pesetvā āpucchitabbaṃ. Aññato mañcapīṭhādīni ānetvā aññatra vasitvāpi gamanakāle tattheva netabbāni. Sace aññāvāsato ānetvā vasamānassa añño vuḍḍhataro āgacchati, na paṭibāhitabbo, ‘mayā bhante aññāvāsato ānītaṃ, pākatikaṃ kareyyāthā’ti vattabbaṃ. Tena ‘evaṃ karissāmī’ti sampaṭicchite itarassa gantuṃ vaṭṭati. Evamaññattha haritvāpi saṅghikaparibhogena paribhuñjantassa naṭṭhaṃ vā jiṇṇaṃ vā corehi vā haṭaṃ gīvā na hoti, puggalikaparibhogena paribhuñjantassa pana gīvā hoti. Aññassa mañcapīṭhaṃ pana saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vā paribhuñjantassa naṭṭhaṃ gīvāyeva’’.
เกนจิ ปลิพุทฺธํ โหตีติ วุฑฺฒตรภิกฺขูอิสฺสริยยกฺขสีหวาฬมิคกณฺหสปฺปาทีสุ เยน เกนจิ เสนาสนํ ปลิพุทฺธํ โหติฯ สาเปโกฺข คนฺตฺวา ตตฺถ ฐิโต อาปุจฺฉติ, เกนจิ ปลิพุโทฺธ โหตีติ อเชฺชว อาคนฺตฺวา ปฎิชคฺคิสฺสามีติ เอวํ สาเปโกฺข นทีปารํ วา คามนฺตรํ วา คนฺตฺวา ยตฺถสฺส คมนจิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเตฺถว ฐิโต กญฺจิ เปเสตฺวา อาปุจฺฉติ, นทีปูรราชโจราทีสุ วา เกนจิ ปลิพุโทฺธ โหติ อุปทฺทุโต, น สโกฺกติ ปจฺจาคนฺตุํ, เอวํภูตสฺสปิ อนาปตฺติฯ เสสํ ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนยเมว สทฺธิํ สมุฎฺฐานาทีหีติฯ
Kenaci palibuddhaṃ hotīti vuḍḍhatarabhikkhūissariyayakkhasīhavāḷamigakaṇhasappādīsu yena kenaci senāsanaṃ palibuddhaṃ hoti. Sāpekkho gantvā tattha ṭhito āpucchati, kenaci palibuddho hotīti ajjeva āgantvā paṭijaggissāmīti evaṃ sāpekkho nadīpāraṃ vā gāmantaraṃ vā gantvā yatthassa gamanacittaṃ uppannaṃ, tattheva ṭhito kañci pesetvā āpucchati, nadīpūrarājacorādīsu vā kenaci palibuddho hoti upadduto, na sakkoti paccāgantuṃ, evaṃbhūtassapi anāpatti. Sesaṃ paṭhamasikkhāpade vuttanayameva saddhiṃ samuṭṭhānādīhīti.
ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทํ ปญฺจมํฯ
Dutiyasenāsanasikkhāpadaṃ pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทํ • 5. Dutiyasenāsanasikkhāpadaṃ