Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ยํ กิญฺจิ จมฺมนฺติ กปฺปิยากปฺปิยํ ยํ กิญฺจิ จมฺมํฯ นนุ ‘‘น, ภิกฺขเว, มหาจมฺมานิ ธาเรตพฺพานิ สีหจมฺมํ พฺยคฺฆจมฺมํ ทีปิจมฺมํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๕๕) ขนฺธเก สีหจมฺมาทีนํ ปฎิเกฺขโป กโตติ อาห ‘‘สีหจมฺมาทีนญฺหี’’ติอาทิฯ ปริหรเณเยว ปฎิเกฺขโปติ อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ตํ ตํ วิหารํ หริตฺวา มญฺจปีฐาทีสุ อตฺถริตฺวา ปริโภเคเยว ปฎิเกฺขโป, เสนาสนสนฺตกํ กตฺวา ภูมตฺถรณวเสน ปน ปริโภเค เนวตฺถิ โทโสฯ เตนาห ‘‘เสนาสนปริโภเค ปน อกปฺปิยจมฺมํ นาม นตฺถี’’ติฯ ปาวาเรนฺติ สญฺฉาเทนฺติ สรีรํ เอเตนาติ ปาวาโรฯ โกชโวติ อุทฺทโลมิเอกนฺตโลมิอาทิโกชวตฺถรณํฯ เสสนฺติ ภิสิ นิสีทนํ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ อวสิฎฺฐํ เสนาสนํฯ ตตฺถ ภิสีติ มญฺจกภิสิ วา ปีฐกภิสิ วาฯ นิสีทนนฺติ สทสํ เวทิตพฺพํฯ ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสญฺจิ ติณานํ สนฺถาโรฯ เอส นโย ปณฺณสนฺถาเรฯ เอตฺถ จ ภิสิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา ปากฎาฯ นิสีทนํ นิสีทนสิกฺขาปเทเนว (ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย) ปากฎํฯ ติณสนฺถารปณฺณสนฺถารานิ ปน โลกปสิทฺธานิเยวฯ เตเนวาห ‘‘ปากฎเมวา’’ติฯ
Yaṃkiñci cammanti kappiyākappiyaṃ yaṃ kiñci cammaṃ. Nanu ‘‘na, bhikkhave, mahācammāni dhāretabbāni sīhacammaṃ byagghacammaṃ dīpicammaṃ, yo dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 255) khandhake sīhacammādīnaṃ paṭikkhepo katoti āha ‘‘sīhacammādīnañhī’’tiādi. Pariharaṇeyeva paṭikkhepoti attano santakaṃ katvā taṃ taṃ vihāraṃ haritvā mañcapīṭhādīsu attharitvā paribhogeyeva paṭikkhepo, senāsanasantakaṃ katvā bhūmattharaṇavasena pana paribhoge nevatthi doso. Tenāha ‘‘senāsanaparibhoge pana akappiyacammaṃ nāma natthī’’ti. Pāvārenti sañchādenti sarīraṃ etenāti pāvāro. Kojavoti uddalomiekantalomiādikojavattharaṇaṃ. Sesanti bhisi nisīdanaṃ tiṇasanthāro paṇṇasanthāroti avasiṭṭhaṃ senāsanaṃ. Tattha bhisīti mañcakabhisi vā pīṭhakabhisi vā. Nisīdananti sadasaṃ veditabbaṃ. Tiṇasanthāroti yesaṃ kesañci tiṇānaṃ santhāro. Esa nayo paṇṇasanthāre. Ettha ca bhisi heṭṭhā vuttattā pākaṭā. Nisīdanaṃ nisīdanasikkhāpadeneva (pāci. 531 ādayo) pākaṭaṃ. Tiṇasanthārapaṇṇasanthārāni pana lokapasiddhāniyeva. Tenevāha ‘‘pākaṭamevā’’ti.
เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺยาติ อตฺตนา วา อุทฺธริตฺวา ปติรูเป ฐาเน น ฐเปยฺย, ปเรน วา ตถา น กาเรยฺยฯ เตนาห ‘‘ยถา ฐปิต’’นฺติอาทิฯ ตํ ฐเปเนฺตน จ ‘‘จตูสุ ปาสาเณสู’’ติอาทินา (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๖) ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว อโนฺตเคเห อโนวสฺสเก นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ ปน เสนาสนํ โอวสฺสติ, ฉทนตฺถญฺจ ติณํ วา อิฎฺฐกา วา อานีตา โหนฺติฯ สเจ อุสฺสหติ, ฉาเทตพฺพํฯ โน เจ สโกฺกติ, โย โอกาโส อโนวสฺสโก, ตตฺถ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ สพฺพมฺปิ โอวสฺสติ, อุสฺสหเนฺตน อโนฺตคาเม อุปาสกานํ ฆเร ฐเปตพฺพํฯ สเจ เตปิ ‘‘สงฺฆิกํ นาม, ภเนฺต, ภาริยํ, อคฺคิทาหาทีนํ ภายามา’’ติ น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, อโชฺฌกาเส ปาสาณานํ อุปริ มญฺจํ ฐเปตฺวา เสสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตฺวา ติเณหิ จ ปเณฺณหิ จ ปฎิจฺฉาเทตพฺพํฯ ยญฺหิ ตตฺถ องฺคมตฺตมฺปิ อวสิสฺสติ, ตํ อเญฺญสํ ตตฺถ อาคตานํ ภิกฺขูนํ อุปการํ ภวิสฺสตีติฯ อุปจารนฺติ สพฺพปจฺฉิมเสนาสนโต เทฺว เลฑฺฑุปาตาฯ
Neva uddhareyya, na uddharāpeyyāti attanā vā uddharitvā patirūpe ṭhāne na ṭhapeyya, parena vā tathā na kāreyya. Tenāha ‘‘yathā ṭhapita’’ntiādi. Taṃ ṭhapentena ca ‘‘catūsu pāsāṇesū’’tiādinā (pāci. aṭṭha. 116) pubbe vuttanayeneva antogehe anovassake nikkhipitabbaṃ. Sace pana senāsanaṃ ovassati, chadanatthañca tiṇaṃ vā iṭṭhakā vā ānītā honti. Sace ussahati, chādetabbaṃ. No ce sakkoti, yo okāso anovassako, tattha nikkhipitabbaṃ. Sace sabbampi ovassati, ussahantena antogāme upāsakānaṃ ghare ṭhapetabbaṃ. Sace tepi ‘‘saṅghikaṃ nāma, bhante, bhāriyaṃ, aggidāhādīnaṃ bhāyāmā’’ti na sampaṭicchanti, ajjhokāse pāsāṇānaṃ upari mañcaṃ ṭhapetvā sesaṃ pubbe vuttanayeneva nikkhipitvā tiṇehi ca paṇṇehi ca paṭicchādetabbaṃ. Yañhi tattha aṅgamattampi avasissati, taṃ aññesaṃ tattha āgatānaṃ bhikkhūnaṃ upakāraṃ bhavissatīti. Upacāranti sabbapacchimasenāsanato dve leḍḍupātā.
อยเมตฺถ อาปุจฺฉิตพฺพานาปุจฺฉิตพฺพวินิจฺฉโย – (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๘) ยา ตาว ภูมิยํ ทีฆสาลา วา ปณฺณสาลา วา โหติ, ยํ วา รุกฺขตฺถเมฺภสุ กตเคหํ อุปจิกานํ อุฎฺฐานฎฺฐานํ โหติ, ตโต ปกฺกมเนฺตน อาปุจฺฉิตฺวาว ปกฺกมิตพฺพํฯ ตสฺมิญฺหิ กติปยานิ ทิวสานิ อชคฺคิยมาเน วมฺมิกาว สนฺติฎฺฐนฺติฯ ยํ ปน ปาสาณปิฎฺฐิยํ วา ปาสาณตฺถเมฺภสุ วา กตเสนาสนํ สิลุจฺจยเลณํ วา สุธาลิตฺตเสนาสนํ วา, ยตฺถ อุปจิกาสงฺกา นตฺถิ, ตโต ปกฺกมนฺตสฺส อาปุจฺฉิตฺวาปิ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ ปนา’’ติอาทิฯ สเจ ตาทิเสปิ เสนาสเน เอเกน ปเสฺสน อุปจิกา อาโรหนฺติ, อาปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํฯ อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตนฺติ อาปุจฺฉนํ คมิกวตฺตํฯ อิทญฺจ อิติกตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน วตฺตเภททุกฺกฎนฺติ (สารตฺถ. ฎี. ปาจิตฺติย ๓.๑๑๘) ทสฺสนตฺถํฯ เกจิ ปน ‘‘ทุกฺกฎนฺติ ทสฺสนตฺถ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ วตฺตกฺขนฺธกฎฺฐกถาย ‘‘ยํ ปาสาณปิฎฺฐิยํ วา ปาสาณตฺถเมฺภสุ วา กตเสนาสนํ, ยตฺถ อุปจิกานาโรหนฺติ, ตํ อนาปุจฺฉนฺตสฺสาปิ อนาปตฺตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๖๐) วุตฺตตฺตาฯ อาปุจฺฉเนฺตน ปน ภิกฺขุมฺหิ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๖) สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตโพฺพ, ตสฺมิํ อสติ สามเณโร, ตสฺมิํ อสติ อารามิโก, ตสฺมิมฺปิ อสติ เยน วิหาโร การาปิโต, โส วิหารสามิโก, ตสฺส วา กุเล โย โกจิ อาปุจฺฉิตโพฺพฯ
Ayamettha āpucchitabbānāpucchitabbavinicchayo – (pāci. aṭṭha. 118) yā tāva bhūmiyaṃ dīghasālā vā paṇṇasālā vā hoti, yaṃ vā rukkhatthambhesu katagehaṃ upacikānaṃ uṭṭhānaṭṭhānaṃ hoti, tato pakkamantena āpucchitvāva pakkamitabbaṃ. Tasmiñhi katipayāni divasāni ajaggiyamāne vammikāva santiṭṭhanti. Yaṃ pana pāsāṇapiṭṭhiyaṃ vā pāsāṇatthambhesu vā katasenāsanaṃ siluccayaleṇaṃ vā sudhālittasenāsanaṃ vā, yattha upacikāsaṅkā natthi, tato pakkamantassa āpucchitvāpi anāpucchitvāpi gantuṃ vaṭṭati. Tenāha ‘‘yattha panā’’tiādi. Sace tādisepi senāsane ekena passena upacikā ārohanti, āpucchitvāva gantabbaṃ. Āpucchanaṃ pana vattanti āpucchanaṃ gamikavattaṃ. Idañca itikattabbatādassanatthaṃ vuttaṃ, na pana vattabhedadukkaṭanti (sārattha. ṭī. pācittiya 3.118) dassanatthaṃ. Keci pana ‘‘dukkaṭanti dassanattha’’nti vadanti, taṃ na yujjati vattakkhandhakaṭṭhakathāya ‘‘yaṃ pāsāṇapiṭṭhiyaṃ vā pāsāṇatthambhesu vā katasenāsanaṃ, yattha upacikānārohanti, taṃ anāpucchantassāpi anāpattī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 360) vuttattā. Āpucchantena pana bhikkhumhi (pāci. aṭṭha. 116) sati bhikkhu āpucchitabbo, tasmiṃ asati sāmaṇero, tasmiṃ asati ārāmiko, tasmimpi asati yena vihāro kārāpito, so vihārasāmiko, tassa vā kule yo koci āpucchitabbo.
‘‘อุปจาเร’’ติ เอตเสฺสว วิวรณํ ‘‘พหิ อาสเนฺน’’ติ, วิหารสฺส พหิ อาสนฺนฎฺฐาเนติ อโตฺถฯ อุปฎฺฐานสาลาย วาติ โภชนสาลายํ วาฯ ทุกฺกฎเมวาติ วุตฺตปฺปการญฺหิ ทสวิธํ เสยฺยํ อโนฺตคพฺภาทิมฺหิ คุตฺตฎฺฐาเน ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ยสฺมา เสยฺยาปิ เสนาสนมฺปิ อุปจิกาหิ ปลุชฺชติ, วมฺมิกราสิเยว โหติ, ตสฺมา ปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ พหิ ปน อุปฎฺฐานสาลาทีสุ ปญฺญเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส เสยฺยามตฺตเมว นเสฺสยฺย ฐานสฺส อคุตฺตตาย, น เสนาสนํ, ตสฺมา เอตฺถ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ มญฺจปีฐํ ปน ยสฺมา น สกฺกา สหสา อุปจิกาหิ ขายิตุํ, ตสฺมา ตํ วิหาเรปิ สนฺถริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ วิหารูปจาเร ปน ตํ วิหารจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ทิสฺวาว ปฎิสาเมนฺติฯ
‘‘Upacāre’’ti etasseva vivaraṇaṃ ‘‘bahi āsanne’’ti, vihārassa bahi āsannaṭṭhāneti attho. Upaṭṭhānasālāya vāti bhojanasālāyaṃ vā. Dukkaṭamevāti vuttappakārañhi dasavidhaṃ seyyaṃ antogabbhādimhi guttaṭṭhāne paññapetvā gacchantassa yasmā seyyāpi senāsanampi upacikāhi palujjati, vammikarāsiyeva hoti, tasmā pācittiyaṃ vuttaṃ. Bahi pana upaṭṭhānasālādīsu paññapetvā gacchantassa seyyāmattameva nasseyya ṭhānassa aguttatāya, na senāsanaṃ, tasmā ettha dukkaṭaṃ vuttaṃ. Mañcapīṭhaṃ pana yasmā na sakkā sahasā upacikāhi khāyituṃ, tasmā taṃ vihārepi santharitvā gacchantassa dukkaṭaṃ vuttaṃ. Vihārūpacāre pana taṃ vihāracārikaṃ āhiṇḍantā disvāva paṭisāmenti.
อุทฺธรณานิ กตฺวาติ เอตฺถ อุทฺธริตฺวา คจฺฉเนฺตน มญฺจปีฐกวานํ สพฺพํ อปเนตฺวา (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๘) สํหริตฺวา จีวรวํเส ลเคฺคตฺวา คนฺตพฺพํฯ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา วสนกภิกฺขุนาปิ ปุน มญฺจปีฐํ วา ปญฺญเปตฺวา สยิตฺวา คจฺฉเนฺตน ตเถว กาตพฺพํฯ อโนฺตกุฎฺฎโต เสยฺยํ พหิกุเฎฺฎ ปญฺญเปตฺวา วสเนฺตน คมนกาเล ปุน คหิตฎฺฐาเนเยว ปฎิสาเมตพฺพํฯ อุปริปาสาทโต โอโรเปตฺวา เหฎฺฐาปาสาเท วสนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเนสุ มญฺจปีฐํ ปญฺญเปตฺวาปิ คมนกาเล ปุน คหิตฎฺฐาเนเยว ฐเปตพฺพํฯ อุทฺธราเปตฺวา คมเนปิ เอเสว นโยฯ อาปุจฺฉิตฺวา คจฺฉเนฺตน ปน ‘‘ภิกฺขุมฺหิ สติ ภิกฺขุ อาปุจฺฉิตโพฺพ’’ติอาทินา (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๑๖) เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํฯ
Uddharaṇāni katvāti ettha uddharitvā gacchantena mañcapīṭhakavānaṃ sabbaṃ apanetvā (pāci. aṭṭha. 118) saṃharitvā cīvaravaṃse laggetvā gantabbaṃ. Pacchā āgantvā vasanakabhikkhunāpi puna mañcapīṭhaṃ vā paññapetvā sayitvā gacchantena tatheva kātabbaṃ. Antokuṭṭato seyyaṃ bahikuṭṭe paññapetvā vasantena gamanakāle puna gahitaṭṭhāneyeva paṭisāmetabbaṃ. Uparipāsādato oropetvā heṭṭhāpāsāde vasantassāpi eseva nayo. Rattiṭṭhānadivāṭṭhānesu mañcapīṭhaṃ paññapetvāpi gamanakāle puna gahitaṭṭhāneyeva ṭhapetabbaṃ. Uddharāpetvā gamanepi eseva nayo. Āpucchitvā gacchantena pana ‘‘bhikkhumhi sati bhikkhu āpucchitabbo’’tiādinā (pāci. aṭṭha. 116) heṭṭhā vuttanayeneva āpucchitvā gantabbaṃ.
ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.