Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. ทุติยสิกฺขาสุตฺตํ
7. Dutiyasikkhāsuttaṃ
๘๘. ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉติ ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติฯ ติโสฺส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยเตฺถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติฯ กตมา ติโสฺส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปญฺญาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติโสฺส สิกฺขา ยเตฺถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติฯ
88. ‘‘Sādhikamidaṃ, bhikkhave, diyaḍḍhasikkhāpadasataṃ anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchati yattha attakāmā kulaputtā sikkhanti. Tisso imā, bhikkhave, sikkhā yatthetaṃ sabbaṃ samodhānaṃ gacchati. Katamā tisso? Adhisīlasikkhā, adhicittasikkhā, adhipaññāsikkhā – imā kho, bhikkhave, tisso sikkhā yatthetaṃ sabbaṃ samodhānaṃ gacchati.
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฎฺฐาติปิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตาฯ ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ฐิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ ฯ สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุเสฺส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, เทฺว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพเตฺตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ
‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu sīlesu paripūrakārī hoti samādhismiṃ mattaso kārī paññāya mattaso kārī. So yāni tāni khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni tāni āpajjatipi vuṭṭhātipi. Taṃ kissa hetu? Na hi mettha, bhikkhave, abhabbatā vuttā. Yāni ca kho tāni sikkhāpadāni ādibrahmacariyakāni brahmacariyasāruppāni tattha dhuvasīlo ca hoti ṭhitasīlo ca, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sattakkhattuparamo hoti . Sattakkhattuparamaṃ deve ca manusse ca sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karoti. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā kolaṃkolo hoti, dve vā tīṇi vā kulāni sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karoti. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā ekabījī hoti, ekaṃyeva mānusakaṃ bhavaṃ nibbattetvā dukkhassantaṃ karoti. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī hoti, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karoti.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฎฺฐาติปิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตาฯ ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ฐิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามีฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu sīlesu paripūrakārī hoti samādhismiṃ paripūrakārī paññāya mattaso kārī. So yāni tāni khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni tāni āpajjatipi vuṭṭhātipi. Taṃ kissa hetu? Na hi mettha, bhikkhave, abhabbatā vuttā. Yāni ca kho tāni sikkhāpadāni ādibrahmacariyakāni brahmacariyasāruppāni tattha dhuvasīlo ca hoti ṭhitasīlo ca, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sasaṅkhāraparinibbāyī hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā asaṅkhāraparinibbāyī hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā upahaccaparinibbāyī hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี ปญฺญาย ปริปูรการีฯ โส ยานิ ตานิ ธุวสีโล จ โหติ ฐิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu sīlesu paripūrakārī hoti samādhismiṃ paripūrakārī paññāya paripūrakārī. So yāni tāni dhuvasīlo ca hoti ṭhitasīlo ca, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปเทสํ ปเทสการี อาราเธติ, ปริปูรํ ปริปูรการี, อวญฺฌานิ เตฺววาหํ, ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Iti kho, bhikkhave, padesaṃ padesakārī ārādheti, paripūraṃ paripūrakārī, avañjhāni tvevāhaṃ, bhikkhave, sikkhāpadāni vadāmī’’ti. Sattamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ทุติยสิกฺขาสุตฺตวณฺณนา • 7. Dutiyasikkhāsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗-๑๐. ทุติยสิกฺขาสุตฺตาทิวณฺณนา • 7-10. Dutiyasikkhāsuttādivaṇṇanā