Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ทุติยอุรุเวลสุตฺตํ
2. Dutiyauruvelasuttaṃ
๒๒. ‘‘เอกมิทาหํ , ภิกฺขเว, สมยํ อุรุเวลายํ วิหรามิ นชฺชา เนรญฺชราย ตีเร อชปาลนิโคฺรเธ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธฯ อถ โข, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข, ภิกฺขเว, เต พฺราหฺมณา มํ เอตทโวจุํ – ‘สุตํ เนตํ 1, โภ โคตม – น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเทฺธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตตีติฯ ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถวฯ น หิ ภวํ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเทฺธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตติฯ ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวา’’’ติฯ
22. ‘‘Ekamidāhaṃ , bhikkhave, samayaṃ uruvelāyaṃ viharāmi najjā nerañjarāya tīre ajapālanigrodhe paṭhamābhisambuddho. Atha kho, bhikkhave, sambahulā brāhmaṇā jiṇṇā vuddhā mahallakā addhagatā vayoanuppattā yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā mayā saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho, bhikkhave, te brāhmaṇā maṃ etadavocuṃ – ‘sutaṃ netaṃ 2, bho gotama – na samaṇo gotamo brāhmaṇe jiṇṇe vuddhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimantetīti. Tayidaṃ, bho gotama, tatheva. Na hi bhavaṃ gotamo brāhmaṇe jiṇṇe vuddhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimanteti. Tayidaṃ, bho gotama, na sampannamevā’’’ti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘นยิเม 3 อายสฺมโนฺต ชานนฺติ เถรํ วา เถรกรเณ วา ธเมฺม’ติฯ วุโทฺธ เจปิ, ภิกฺขเว, โหติ อาสีติโก วา นาวุติโก วา วสฺสสติโก วา ชาติยาฯ โส จ โหติ อกาลวาที อภูตวาที อนตฺถวาที อธมฺมวาที อวินยวาที, อนิธานวติํ วาจํ ภาสิตา อกาเลน อนปเทสํ อปริยนฺตวติํ อนตฺถสํหิตํฯ อถ โข โส ‘พาโล เถโร’เตฺวว 4 สงฺขํ คจฺฉติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘nayime 5 āyasmanto jānanti theraṃ vā therakaraṇe vā dhamme’ti. Vuddho cepi, bhikkhave, hoti āsītiko vā nāvutiko vā vassasatiko vā jātiyā. So ca hoti akālavādī abhūtavādī anatthavādī adhammavādī avinayavādī, anidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā akālena anapadesaṃ apariyantavatiṃ anatthasaṃhitaṃ. Atha kho so ‘bālo thero’tveva 6 saṅkhaṃ gacchati.
‘‘ทหโร เจปิ, ภิกฺขเว, โหติ ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา ฯ โส จ โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที นิธานวติํ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิตํฯ อถ โข โส ‘ปณฺฑิโต เถโร’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ
‘‘Daharo cepi, bhikkhave, hoti yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā . So ca hoti kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhitaṃ. Atha kho so ‘paṇḍito thero’tveva saṅkhaṃ gacchati.
‘‘จตฺตาโรเม , ภิกฺขเว, เถรกรณา ธมฺมาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ 7 เกวลปริปุณฺณํ 8 ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา 9 วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา, ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธา, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร เถรกรณา ธมฺมา’’ติฯ
‘‘Cattārome , bhikkhave, therakaraṇā dhammā. Katame cattāro? Idha, bhikkhave, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu, bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo, ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthaṃ sabyañjanaṃ 10 kevalaparipuṇṇaṃ 11 parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā 12 vacasā paricitā manasānupekkhitā, diṭṭhiyā suppaṭividdhā, catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī hoti akicchalābhī akasiralābhī, āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ime kho, bhikkhave, cattāro therakaraṇā dhammā’’ti.
‘‘โย อุทฺธเตน จิเตฺตน, สมฺผญฺจ พหุ ภาสติ;
‘‘Yo uddhatena cittena, samphañca bahu bhāsati;
อสมาหิตสงฺกโปฺป, อสทฺธมฺมรโต มโค;
Asamāhitasaṅkappo, asaddhammarato mago;
อารา โส ถาวเรยฺยมฺหา, ปาปทิฎฺฐิ อนาทโรฯ
Ārā so thāvareyyamhā, pāpadiṭṭhi anādaro.
‘‘โย จ สีเลน สมฺปโนฺน, สุตวา ปฎิภานวา;
‘‘Yo ca sīlena sampanno, sutavā paṭibhānavā;
‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อขิโล ปฎิภานวา;
‘‘Pāragū sabbadhammānaṃ, akhilo paṭibhānavā;
ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลีฯ
Pahīnajātimaraṇo, brahmacariyassa kevalī.
‘‘ตมหํ วทามิ เถโรติ, ยสฺส โน สนฺติ อาสวา;
‘‘Tamahaṃ vadāmi theroti, yassa no santi āsavā;
อาสวานํ ขยา ภิกฺขุ, โส เถโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ ทุติยํ;
Āsavānaṃ khayā bhikkhu, so theroti pavuccatī’’ti. dutiyaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ทุติยอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyauruvelasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒.ทุติยอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา • 2.Dutiyauruvelasuttavaṇṇanā