Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒.ทุติยอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา
2.Dutiyauruvelasuttavaṇṇanā
๒๒. ทุติเย หุหุงฺกชาติเกนาติ โส กิร ทิฎฺฐมงฺคลิโก มานวเสน โกธวเสน จ ‘‘หุหุ’’นฺติ กโรโนฺต วิจรติ, ตสฺมา หุหุงฺกชาติโกติ วุจฺจติฯ ‘‘หุหุกฺกชาติโก’’ติปิ ปฐนฺติ, เตน สทฺธิํ อาคตาติ อโตฺถฯ ชราชิณฺณาติ ชราย ขณฺฑทนฺตปลิตเกสาทิภาวํ อาปาทิตาฯ วโยวุทฺธาติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุทฺธิมริยาทปฺปตฺตาฯ ชาติมหลฺลกาติ อุปปตฺติยา มหลฺลกภาเวน สมนฺนาคตาฯ มหตฺตํ ลนฺติ คณฺหนฺตีติ มหลฺลกา, ชาติยา มหลฺลกา, น วิภวาทินาติ ชาติมหลฺลกาฯ วโยอนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตา, ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติโย ภาโคฯ ชิณฺณาติ วา โปราณา, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวยาติ วุตฺตํ โหติฯ วุทฺธาติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยุตฺตาฯ มหลฺลกาติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคตาฯ มหทฺธนาติ มหาโภคาฯ อทฺธคตาติ มคฺคปฺปฎิปนฺนา พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมานาฯ วโยอนุปฺปตฺตาติ ชาติวุทฺธภาวํ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺตาฯ สุตํ เนตนฺติ เอตฺถ สุตํ โน เอตนฺติ ปทเจฺฉโทฯ โนติ จ กรณเตฺถ สามิวจนํฯ เตนาห ‘‘อเมฺหหิ สุต’’นฺติฯ
22. Dutiye huhuṅkajātikenāti so kira diṭṭhamaṅgaliko mānavasena kodhavasena ca ‘‘huhu’’nti karonto vicarati, tasmā huhuṅkajātikoti vuccati. ‘‘Huhukkajātiko’’tipi paṭhanti, tena saddhiṃ āgatāti attho. Jarājiṇṇāti jarāya khaṇḍadantapalitakesādibhāvaṃ āpāditā. Vayovuddhāti aṅgapaccaṅgānaṃ vuddhimariyādappattā. Jātimahallakāti upapattiyā mahallakabhāvena samannāgatā. Mahattaṃ lanti gaṇhantīti mahallakā, jātiyā mahallakā, na vibhavādināti jātimahallakā. Vayoanuppattāti pacchimavayaṃ sampattā, pacchimavayo nāma vassasatassa pacchimo tatiyo bhāgo. Jiṇṇāti vā porāṇā, cirakālappavattakulanvayāti vuttaṃ hoti. Vuddhāti sīlācārādiguṇavuddhiyuttā. Mahallakāti vibhavamahantatāya samannāgatā. Mahaddhanāti mahābhogā. Addhagatāti maggappaṭipannā brāhmaṇānaṃ vatacariyādimariyādaṃ avītikkamma caramānā. Vayoanuppattāti jātivuddhabhāvaṃ antimavayaṃ anuppattā. Sutaṃ netanti ettha sutaṃ no etanti padacchedo. Noti ca karaṇatthe sāmivacanaṃ. Tenāha ‘‘amhehi suta’’nti.
อกาเลติ อยุตฺตกาเลฯ อสภาวํ วทตีติ ยํ นตฺถิ, ตํ วทติฯ อนตฺถํ วทตีติ อการณนิสฺสิตํ วทติฯ อการณนิสฺสิตนฺติ จ นิปฺผลนฺติ อโตฺถฯ ผลญฺหิ การณนิสฺสิตํฯ อการณนิสฺสิตตา จ ตทวินาภาวโต อการเณ นิสฺสิตํ, นิปฺผลํ สมฺผนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อวินยํ วทตีติ น สํวรวินยปฺปฎิสํยุตฺตํ วทติ, อตฺตโน สุณนฺตสฺส จ น สํวรวินยาวหํ วทตีติ วุตฺตํ โหติฯ น หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกนฺติ อหิตสํหิตตฺตา จิตฺตํ อนุปฺปเวเสตฺวา นิเธตุํ อยุตฺตํฯ กเถตุํ อยุตฺตกาเลนาติ ธมฺมํ กเถเนฺตน โย อโตฺถ ยสฺมิํ กาเล วตฺตโพฺพ, ตโต ปุเพฺพ ปจฺฉา จ ตสฺส อกาโล, ตสฺมิํ อยุตฺตกาเล วตฺตาฯ อปเทสรหิตนฺติ สุตฺตาปเทสรหิตํฯ สาปเทสํ สการณํ กตฺวา น กเถตีติ ‘‘ภควตา อสุเก สุเตฺต เอวํ วุตฺต’’นฺติ เอวํ สาปเทสํ การณสหิตํ กตฺวา น กเถติฯ
Akāleti ayuttakāle. Asabhāvaṃ vadatīti yaṃ natthi, taṃ vadati. Anatthaṃ vadatīti akāraṇanissitaṃ vadati. Akāraṇanissitanti ca nipphalanti attho. Phalañhi kāraṇanissitaṃ. Akāraṇanissitatā ca tadavinābhāvato akāraṇe nissitaṃ, nipphalaṃ samphanti vuttaṃ hoti. Avinayaṃ vadatīti na saṃvaravinayappaṭisaṃyuttaṃ vadati, attano suṇantassa ca na saṃvaravinayāvahaṃ vadatīti vuttaṃ hoti. Na hadaye nidhetabbayuttakanti ahitasaṃhitattā cittaṃ anuppavesetvā nidhetuṃ ayuttaṃ. Kathetuṃ ayuttakālenāti dhammaṃ kathentena yo attho yasmiṃ kāle vattabbo, tato pubbe pacchā ca tassa akālo, tasmiṃ ayuttakāle vattā. Apadesarahitanti suttāpadesarahitaṃ. Sāpadesaṃ sakāraṇaṃ katvā na kathetīti ‘‘bhagavatā asuke sutte evaṃ vutta’’nti evaṃ sāpadesaṃ kāraṇasahitaṃ katvā na katheti.
ปริยนฺตรหิตนฺติ ปริเจฺฉทรหิตํ, สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อนุโยคํ อุปมํ วา วตฺถุํ วา อาหริตฺวา ยํ สุตฺตํ ชาตกํ วา นิกฺขิปิตํ, ตสฺส สรีรภูตํ กถํ อนามสิตฺวา พาหิรกถํเยว กเถติ, นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตมตฺตเมว โหติ, ‘‘สุตฺตํ นุ โข กเถติ ชาตกํ นุ โข, นาสฺส อนฺตํ วา โกฎิํ วา ปสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ ยถา วฎรุกฺขสาขานํ คตคตฎฺฐาเน ปาโรหา โอตรนฺติ, โอติโณฺณ-ติณฺณฎฺฐาเน วิรุฬฺหิํ อาปชฺชิตฺวา ปุน วฑฺฒนฺติเยว, เอวํ อฑฺฒโยชนมฺปิ โยชนมฺปิ คจฺฉติเยวฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต ปน มูลรุโกฺข วินสฺสติ, อนุชาตปาโรหมูลานิเยว ติฎฺฐนฺติ, เอวํ อยมฺปิ นิโคฺรธธมฺมกถิโก นาม โหติฯ นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตเมว กตฺวา ปเสฺสเนว ปริหรโนฺต คจฺฉติฯ โย ปน พหุมฺปิ ภณโนฺต ‘‘เอตทตฺถมิทํ วุตฺต’’นฺติ นิกฺขิตฺตสุตฺตโต อญฺญมฺปิ อนุโยคูปมาวตฺถุวเสน ตทุปโยคีนํ อาหริตฺวา อาหริตฺวา ชานาเปตุํ สโกฺกติ, ตถารูปสฺส ธมฺมกถิกสฺส พหุมฺปิ กเถตุํ วฎฺฎติฯ น โลกิยโลกุตฺตรอตฺถนิสฺสิตนฺติ อตฺตโน ปเรสญฺจ น โลกิยโลกุตฺตรหิตาวหํฯ
Pariyantarahitanti paricchedarahitaṃ, suttaṃ vā jātakaṃ vā nikkhipitvā tassa anuyogaṃ upamaṃ vā vatthuṃ vā āharitvā yaṃ suttaṃ jātakaṃ vā nikkhipitaṃ, tassa sarīrabhūtaṃ kathaṃ anāmasitvā bāhirakathaṃyeva katheti, nikkhittaṃ nikkhittamattameva hoti, ‘‘suttaṃ nu kho katheti jātakaṃ nu kho, nāssa antaṃ vā koṭiṃ vā passāmā’’ti vattabbataṃ āpajjati. Yathā vaṭarukkhasākhānaṃ gatagataṭṭhāne pārohā otaranti, otiṇṇo-tiṇṇaṭṭhāne viruḷhiṃ āpajjitvā puna vaḍḍhantiyeva, evaṃ aḍḍhayojanampi yojanampi gacchatiyeva. Gacchante gacchante pana mūlarukkho vinassati, anujātapārohamūlāniyeva tiṭṭhanti, evaṃ ayampi nigrodhadhammakathiko nāma hoti. Nikkhittaṃ nikkhittameva katvā passeneva pariharanto gacchati. Yo pana bahumpi bhaṇanto ‘‘etadatthamidaṃ vutta’’nti nikkhittasuttato aññampi anuyogūpamāvatthuvasena tadupayogīnaṃ āharitvā āharitvā jānāpetuṃ sakkoti, tathārūpassa dhammakathikassa bahumpi kathetuṃ vaṭṭati. Na lokiyalokuttaraatthanissitanti attano paresañca na lokiyalokuttarahitāvahaṃ.
ปกฎฺฐานํ อุกฺกฎฺฐานํ สีลาทิอตฺถานํ โพธนโต สภาวนิรุตฺติวเสน จ พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา ปกฎฺฐานํ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬีติ ปาฬิ, ปริยตฺติธโมฺมฯ ปุริมสฺส อตฺถสฺส ปจฺฉิเมน อเตฺถน อนุสนฺธานํ อนุสนฺธิ, อตฺถมุเขน ปน ปาฬิปฺปเทสานมฺปิ อนุสนฺธิ โหติเยวฯ สฺวายํ อนุสนฺธิ ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธิยถานุสนฺธิอาทิวเสน จตุพฺพิโธ, ตํตํเทสนานํ ปน ปุพฺพาปรปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสนาติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ อุคฺคหิตนฺติ พฺยญฺชนโส อตฺถโส จ อุทฺธํ อุทฺธํ คหิตํ, ปริยาปุณนวเสน เจว ปริปุจฺฉาวเสน จ หทเยน คหิตนฺติ อโตฺถฯ วฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ โสตพฺพโต สุตํ, ปริยตฺติธโมฺมฯ ตํ ธาเรตีติ สุตธโรฯ โย หิ สุตธโร, สุตํ ตสฺมิํ ปติฎฺฐิตํ โหติ สุปฺปติฎฺฐิตํ อโรคิกํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุตสฺส อาธารภูโต’’ติฯ เตนาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิฯ เอกํ ปทํ เอกกฺขรมฺปิ อวินฎฺฐํ หุตฺวา สนฺนิจียตีติ สนฺนิจโย, สุตํ สนฺนิจโย เอตสฺมินฺติ สุตสนฺนิจโยฯ อโชฺฌสายาติ อนุปฺปวิสิตฺวาฯ ติฎฺฐตีติ น สมฺมุสฺสติฯ
Pakaṭṭhānaṃ ukkaṭṭhānaṃ sīlādiatthānaṃ bodhanato sabhāvaniruttivasena ca buddhādīhi bhāsitattā pakaṭṭhānaṃ vacanappabandhānaṃ āḷīti pāḷi, pariyattidhammo. Purimassa atthassa pacchimena atthena anusandhānaṃ anusandhi, atthamukhena pana pāḷippadesānampi anusandhi hotiyeva. Svāyaṃ anusandhi pucchānusandhiajjhāsayānusandhiyathānusandhiādivasena catubbidho, taṃtaṃdesanānaṃ pana pubbāparapāḷivasena anusandhivasena pubbāparavasenāti paccekaṃ yojetabbaṃ. Uggahitanti byañjanaso atthaso ca uddhaṃ uddhaṃ gahitaṃ, pariyāpuṇanavasena ceva paripucchāvasena ca hadayena gahitanti attho. Vaṭṭadukkhanissaraṇatthikehi sotabbato sutaṃ, pariyattidhammo. Taṃ dhāretīti sutadharo. Yo hi sutadharo, sutaṃ tasmiṃ patiṭṭhitaṃ hoti suppatiṭṭhitaṃ arogikaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘sutassa ādhārabhūto’’ti. Tenāha ‘‘yassa hī’’tiādi. Ekaṃ padaṃ ekakkharampi avinaṭṭhaṃ hutvā sannicīyatīti sannicayo, sutaṃ sannicayo etasminti sutasannicayo. Ajjhosāyāti anuppavisitvā. Tiṭṭhatīti na sammussati.
ปคุณาติ วาจุคฺคตาฯ นิจฺจลิกนฺติ อวิปริวตฺตํฯ สํสนฺทิตฺวาติ อเญฺญหิ สํสนฺทิตฺวาฯ สมนุคฺคาหิตฺวาติ ปริปุจฺฉาวเสน อตฺถํ โอคาหิตฺวาฯ ปพนฺธสฺส วิเจฺฉทาภาวโต คงฺคาโสตสทิสํฯ ‘‘ภวงฺคโสตสทิส’’นฺติ วา ปาโฐ, อกิตฺติมํ สุขปฺปวตฺตีติ อโตฺถฯ สุเตฺตกเทสสฺส สุตฺตมตฺตสฺส จ วจสา ปริจโย อิธ นาธิเปฺปโต, วคฺคาทิวเสน ปน อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘สุตฺตทสก…เป.… สชฺฌายิตา’’ติ, ‘‘ทสสุตฺตานิ คตานิ, ทสวคฺคานิ คตานี’’ติอาทินา สลฺลเกฺขตฺวา วาจาย สชฺฌายิตาติ อโตฺถฯ มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา ภาคโส นิชฺฌายิตา จินฺติตา มนสานุเปกฺขิตาฯ รูปคตํ วิย ปญฺญายตีติ รูปคตํ วิย จกฺขุสฺส วิภูตํ หุตฺวา ปญฺญายติฯ สุปฺปฎิวิทฺธาติ นิชฺชฎํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา สุฎฺฐุ ยาถาวโต ปฎิวิทฺธาฯ
Paguṇāti vācuggatā. Niccalikanti aviparivattaṃ. Saṃsanditvāti aññehi saṃsanditvā. Samanuggāhitvāti paripucchāvasena atthaṃ ogāhitvā. Pabandhassa vicchedābhāvato gaṅgāsotasadisaṃ. ‘‘Bhavaṅgasotasadisa’’nti vā pāṭho, akittimaṃ sukhappavattīti attho. Suttekadesassa suttamattassa ca vacasā paricayo idha nādhippeto, vaggādivasena pana adhippetoti āha ‘‘suttadasaka…pe… sajjhāyitā’’ti, ‘‘dasasuttāni gatāni, dasavaggāni gatānī’’tiādinā sallakkhetvā vācāya sajjhāyitāti attho. Manasā anu anu pekkhitā bhāgaso nijjhāyitā cintitā manasānupekkhitā. Rūpagataṃ viya paññāyatīti rūpagataṃ viya cakkhussa vibhūtaṃ hutvā paññāyati. Suppaṭividdhāti nijjaṭaṃ niggumbaṃ katvā suṭṭhu yāthāvato paṭividdhā.
อธิกํ เจโตติ อภิเจโต, อุปจารชฺฌานจิตฺตํฯ ตสฺส ปน อธิกตา ปากติกกามาวจรจิเตฺตหิ สุนฺทรตาย, สา ปฎิปกฺขโต สุทฺธิยาติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธํ จิตฺต’’นฺติฯ อธิจิตฺตนฺติ สมาธิมาหฯ โสปิ อุปจารสมาธิ ทฎฺฐโพฺพฯ วิเวกชํ ปีติสุขํ, สมาธิชํ ปีติสุขํ, อปีติชํ กายสุขํ, สติปาริสุทฺธิชํ ญาณสุขนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ ฌานสุขํ ปฎิปกฺขโต นิกฺขนฺตตํ อุปาทาย เนกฺขมฺมสุขนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทตี’’ติฯ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมโตฺถติ อิมินา เตสุ ฌาเนสุ สมาปชฺชนวสีภาวมาหฯ นิกามลาภีติ ปน วจนโต อาวชฺชนาธิฎฺฐานปจฺจเวกฺขณวสิโยปิ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ สุเขเนว ปจฺจนีกธเมฺม วิกฺขเมฺภตฺวาติ เอเตน เตสํ ฌานานํ สุขปฺปฎิปทตํ ขิปฺปาภิญฺญตญฺจ ทเสฺสติฯ
Adhikaṃ cetoti abhiceto, upacārajjhānacittaṃ. Tassa pana adhikatā pākatikakāmāvacaracittehi sundaratāya, sā paṭipakkhato suddhiyāti āha ‘‘abhikkantaṃ visuddhaṃ citta’’nti. Adhicittanti samādhimāha. Sopi upacārasamādhi daṭṭhabbo. Vivekajaṃ pītisukhaṃ, samādhijaṃ pītisukhaṃ, apītijaṃ kāyasukhaṃ, satipārisuddhijaṃ ñāṇasukhanti catubbidhampi jhānasukhaṃ paṭipakkhato nikkhantataṃ upādāya nekkhammasukhanti vuccatīti āha ‘‘nekkhammasukhaṃ vindatī’’ti. Icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ samatthoti iminā tesu jhānesu samāpajjanavasībhāvamāha. Nikāmalābhīti pana vacanato āvajjanādhiṭṭhānapaccavekkhaṇavasiyopi vuttā evāti veditabbā. Sukheneva paccanīkadhamme vikkhambhetvāti etena tesaṃ jhānānaṃ sukhappaṭipadataṃ khippābhiññatañca dasseti.
วิปุลานนฺติ เวปุลฺลํ ปาปิตานํ ฌานานํฯ วิปุลตา นาม สุภาวิตภาเวน จิรตรปฺปวตฺติยา, สา จ ปริเจฺฉทานุรูปาว อิจฺฉิตพฺพาติ ‘‘วิปุลาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยถาปริเจฺฉเทน วุฎฺฐาตุํ สมโตฺถติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาหฯ ปริเจฺฉทกาลญฺหิ อปฺปตฺวาว วุฎฺฐหโนฺต อกสิรลาภี น โหติ ยาวทิจฺฉิตํ ปวเตฺตตุํ อสมตฺถตฺตาฯ อิทานิ ยถาวุเตฺต สมาปชฺชนาทิวสีภาเว พฺยติเรกวเสน วิภาเวตุํ ‘‘เอกโจฺจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ลาภีเยว โหตีติ อิทํ ปฎิลทฺธมตฺตสฺส ฌานสฺส วเสน วุตฺตํฯ ตถาติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณฯ ปาริปนฺถิเกติ วสีภาวสฺส ปจฺจนีกธเมฺมฯ ฌานาธิคมสฺส ปน ปจฺจนีกธมฺมา ปเคว วิกฺขมฺภิตา, อญฺญถา ฌานาธิคโม เอว น สิยาฯ กิเจฺฉน วิกฺขเมฺภตีติ กิเจฺฉน วิโสเธติฯ กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนํ วิย อเญฺญสมฺปิ สมาธิปาริปนฺถิกานํ ทูรสมุสฺสารณํ อิธ วิกฺขมฺภนํ วิโสธนญฺจาติ เวทิตพฺพํฯ นาฬิกยนฺตนฺติ กาลมานนาฬิกยนฺตมาหฯ
Vipulānanti vepullaṃ pāpitānaṃ jhānānaṃ. Vipulatā nāma subhāvitabhāvena ciratarappavattiyā, sā ca paricchedānurūpāva icchitabbāti ‘‘vipulāna’’nti vatvā ‘‘yathāparicchedena vuṭṭhātuṃ samatthoti vuttaṃ hotī’’ti āha. Paricchedakālañhi appatvāva vuṭṭhahanto akasiralābhī na hoti yāvadicchitaṃ pavattetuṃ asamatthattā. Idāni yathāvutte samāpajjanādivasībhāve byatirekavasena vibhāvetuṃ ‘‘ekacco hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha lābhīyeva hotīti idaṃ paṭiladdhamattassa jhānassa vasena vuttaṃ. Tathāti icchiticchitakkhaṇe. Pāripanthiketi vasībhāvassa paccanīkadhamme. Jhānādhigamassa pana paccanīkadhammā pageva vikkhambhitā, aññathā jhānādhigamo eva na siyā. Kicchena vikkhambhetīti kicchena visodheti. Kāmādīnavapaccavekkhaṇādīhi kāmacchandādīnaṃ viya aññesampi samādhipāripanthikānaṃ dūrasamussāraṇaṃ idha vikkhambhanaṃ visodhanañcāti veditabbaṃ. Nāḷikayantanti kālamānanāḷikayantamāha.
อฎฺฐปิตสงฺกโปฺปติ น สมฺมาปณิหิตสงฺกโปฺปฯ อภิญฺญาปารคูติ สเพฺพสํ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมานํ อภิญฺญาย ปารํ คโต, สพฺพธเมฺม อภิวิสิฎฺฐาย อคฺคมคฺคปญฺญาย ชานิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ ปริญฺญาปารคูติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปริญฺญาย ปารํ คโต, ปญฺจกฺขเนฺธ ปริชานิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ ภาวนาปารคูติ จตุนฺนํ มคฺคานํ ภาวนาย ปารํ คโต, จตฺตาโร มเคฺค ภาเวตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ ปหานปารคูติ สพฺพกิเลสานํ ปหาเนน ปารํ คโต, สพฺพกิเลเส ปชหิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถ ฯ สจฺฉิกิริยาปารคูติ นิโรธสจฺฉิกิริยาย ปารํ คโต, นิโรธํ สจฺฉิกตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ สมาปตฺติปารคูติ สพฺพสมาปตฺตีนํ สมาปชฺชเนน ปารํ คโต, สพฺพา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยสฺส เกวลีติ ยํ พฺรหฺมจริยสฺส เกวลํ สกลภาโว, เตน สมนฺนาคโต, สกลจตุมคฺคพฺรหฺมจริยวาโสติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘สกลพฺรหฺมจริโย’’ติ, ปริปุณฺณมคฺคพฺรหฺมจริโยติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Aṭṭhapitasaṅkappoti na sammāpaṇihitasaṅkappo. Abhiññāpāragūti sabbesaṃ lokiyalokuttaradhammānaṃ abhiññāya pāraṃ gato, sabbadhamme abhivisiṭṭhāya aggamaggapaññāya jānitvā ṭhitoti attho. Pariññāpāragūti pañcannaṃ khandhānaṃ pariññāya pāraṃ gato, pañcakkhandhe parijānitvā ṭhitoti attho. Bhāvanāpāragūti catunnaṃ maggānaṃ bhāvanāya pāraṃ gato, cattāro magge bhāvetvā ṭhitoti attho. Pahānapāragūti sabbakilesānaṃ pahānena pāraṃ gato, sabbakilese pajahitvā ṭhitoti attho . Sacchikiriyāpāragūti nirodhasacchikiriyāya pāraṃ gato, nirodhaṃ sacchikatvā ṭhitoti attho. Samāpattipāragūti sabbasamāpattīnaṃ samāpajjanena pāraṃ gato, sabbā samāpattiyo samāpajjitvā ṭhitoti attho. Brahmacariyassa kevalīti yaṃ brahmacariyassa kevalaṃ sakalabhāvo, tena samannāgato, sakalacatumaggabrahmacariyavāsoti attho. Tenāha ‘‘sakalabrahmacariyo’’ti, paripuṇṇamaggabrahmacariyoti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.
ทุติยอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyauruvelasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. ทุติยอุรุเวลสุตฺตํ • 2. Dutiyauruvelasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ทุติยอุรุเวลสุตฺตวณฺณนา • 2. Dutiyauruvelasuttavaṇṇanā