Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    ๘. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Duṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā

    ทูสียตีติ ทุโฎฺฐ, ทูเสติ ปรํ วินาเสตีติ โทโสฯ เตนาห ‘‘ทูสิโต เจวา’’ติอาทิฯ อิทานิ ‘‘ทูสิโต เจว ทูสโก จา’’ติ อิมินา สเงฺขเปน วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อุปฺปเนฺน หิ โทเส’’ติอาทิมาหฯ ปกติภาวํ ชหาปิโตติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) โสมฺมภาวํ ชหาปิโตติ อโตฺถ, วิการมาปาทิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อาการนานาเตฺตนาติ ทูสิตาการสฺส เจว ทูสกาการสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อาการานํ นานาภาเวนฯ นปฺปติโตติ ปีติสุขาทีหิ น อภิคโต อนุปคโต, น อุปคโตติ อโตฺถฯ โย จ ปีติสุขาทีหิ อนุปคโต, โส เตหิ วชฺชิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ปีติสุขาทีหิ วิวชฺชิโต’’ติฯ โย จ เตหิ วชฺชิโต, น โส เตหิ อภิสโฎ นาม โหตีติ อาห ‘‘น อภิสโฎ’’ติ, ปีติสุขาทีหิ น ปตฺถโฎติ อโตฺถฯ นาสฺส มูลนฺติ อมูลกํฯ ตํ ปน อมูลกตฺตํ ยสฺมา โจทกวเสน อธิเปฺปตํ, น จุทิตกวเสน, ตสฺมา ตทตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ โจทเกนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นฺติ ปาราชิกํฯ เอตนฺติ จุทิตกสฺส อาปนฺนานาปนฺนตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ

    Dūsīyatīti duṭṭho, dūseti paraṃ vināsetīti doso. Tenāha ‘‘dūsito cevā’’tiādi. Idāni ‘‘dūsito ceva dūsako cā’’ti iminā saṅkhepena vuttamevatthaṃ vitthāretvā dassetuṃ ‘‘uppanne hi dose’’tiādimāha. Pakatibhāvaṃ jahāpitoti (sārattha. ṭī. 2.385-386) sommabhāvaṃ jahāpitoti attho, vikāramāpāditoti vuttaṃ hoti. Ākāranānāttenāti dūsitākārassa ceva dūsakākārassa cāti imesaṃ dvinnaṃ ākārānaṃ nānābhāvena. Nappatitoti pītisukhādīhi na abhigato anupagato, na upagatoti attho. Yo ca pītisukhādīhi anupagato, so tehi vajjito nāma hotīti āha ‘‘pītisukhādīhi vivajjito’’ti. Yo ca tehi vajjito, na so tehi abhisaṭo nāma hotīti āha ‘‘na abhisaṭo’’ti, pītisukhādīhi na patthaṭoti attho. Nāssa mūlanti amūlakaṃ. Taṃ pana amūlakattaṃ yasmā codakavasena adhippetaṃ, na cuditakavasena, tasmā tadatthaṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ codakenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yanti pārājikaṃ. Etanti cuditakassa āpannānāpannattaṃ. Idhāti imasmiṃ sikkhāpade.

    อิทานิ อตฺตนา วุตฺตเมว ทิฎฺฐาทิํ วิวริตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตเถวาติ ‘‘ปสาทโสเตน วา ทิพฺพโสเตน วา’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ ปริสงฺกิตํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) ปน ติวิธํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ, สุตปริสงฺกิตํ, มุตปริสงฺกิตนฺติฯ ตตฺถ ภิกฺขุญฺจ มาตุคามญฺจ ตถารูเป ฐาเน ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมหิ กต’’นฺติ วา ‘‘กริสฺสนฺตี’’ติ วา ปริสงฺกิตํ, อิทํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ นามฯ อนฺธกาเร วา ปฎิจฺฉโนฺนกาเส วา ภิกฺขุสฺส จ มาตุคามสฺส จ วจนํ สุตฺวา ทุติยสฺส อตฺถิภาวํ อชานโต ปุเพฺพ วุตฺตนเยน ปริสงฺกิตํ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นามฯ ธุเตฺตหิ อิตฺถีหิ สทฺธิํ ปจฺจนฺตวิหาเร มณฺฑเป วา สาลาทีสุ วา ปุปฺผคนฺธมํสสุราทีนิ อนุภวิตฺวา คตฎฺฐานํ ทิสฺวา ‘‘เกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ วีมํสเนฺตน ตตฺร เกนจิ ภิกฺขุนา คนฺธาทีหิ ปูชา กตา โหติ, เภสชฺชตฺถาย อริฎฺฐํ วา ปีตํ, โส ตสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ ปริสงฺกิตํ, อิทํ มุตปริสงฺกิตํ นามฯ เอวํ ติวิธสฺส ปริสงฺกิตสฺส อภาโว อปริสงฺกิตํฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐสุตมุตวเสน เจตสา อปริสงฺกิต’’นฺติฯ ตญฺจ ปเนตํ ทิฎฺฐาทิกํ น เกวลํ อตฺตโน วาติ อาห ‘‘อตฺตโน วา ปรสฺส วา’’ติฯ ยสฺมา ‘‘ตฺวํ ปณฺฑโก’’ติอาทิวจเนนาปิ โจทยโต อาปตฺติเยว, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา อญฺญตเรนา’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปทภาชเน ‘‘ปาราชิเกน ธเมฺมนาติ จตุนฺนํ อญฺญตเรนา’’ติ (ปารา. ๓๘๖) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิฯ อุปสคฺคนิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิฎฺฐาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต ‘‘ธํเสยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ ธํสนเญฺจตฺถ อภิภวนํฯ เตนาห ‘‘อภิภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตาติ ‘‘ตฺวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิ, อทินฺนํ อาทิยิ, มนุสฺสํ ฆาตยิตฺถ, อภูตํ อาโรจยิตฺถา’’ติ เอวํ ปวตฺตาฯ เอตฺถ จ ‘‘อสฺสมโณสี’ติ อวนฺทนการณสฺส อวุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปโนฺน น วนฺทิตโพฺพ’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ อวนฺทิเยสุ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส อวุตฺตตฺตา, ‘‘ปจฺฉา อุปสมฺปเนฺนน ปุเร อุปสมฺปโนฺน วนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๘) วุตฺตตฺตา จฯ อิทํ ปน อตฺตนา วตฺตพฺพํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ

    Idāni attanā vuttameva diṭṭhādiṃ vivarituṃ ‘‘ettha cā’’tiādi vuttaṃ. Tathevāti ‘‘pasādasotena vā dibbasotena vā’’ti imamatthaṃ atidisati. Parisaṅkitaṃ (pārā. aṭṭha. 2.385-386) pana tividhaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ, sutaparisaṅkitaṃ, mutaparisaṅkitanti. Tattha bhikkhuñca mātugāmañca tathārūpe ṭhāne disvā ‘‘addhā imehi kata’’nti vā ‘‘karissantī’’ti vā parisaṅkitaṃ, idaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ nāma. Andhakāre vā paṭicchannokāse vā bhikkhussa ca mātugāmassa ca vacanaṃ sutvā dutiyassa atthibhāvaṃ ajānato pubbe vuttanayena parisaṅkitaṃ, idaṃ sutaparisaṅkitaṃ nāma. Dhuttehi itthīhi saddhiṃ paccantavihāre maṇḍape vā sālādīsu vā pupphagandhamaṃsasurādīni anubhavitvā gataṭṭhānaṃ disvā ‘‘kena nu kho idaṃ kata’’nti vīmaṃsantena tatra kenaci bhikkhunā gandhādīhi pūjā katā hoti, bhesajjatthāya ariṭṭhaṃ vā pītaṃ, so tassa gandhaṃ ghāyitvā ‘‘ayaṃ so bhavissatī’’ti parisaṅkitaṃ, idaṃ mutaparisaṅkitaṃ nāma. Evaṃ tividhassa parisaṅkitassa abhāvo aparisaṅkitaṃ. Tenāha ‘‘diṭṭhasutamutavasena cetasā aparisaṅkita’’nti. Tañca panetaṃ diṭṭhādikaṃ na kevalaṃ attano vāti āha ‘‘attano vā parassa vā’’ti. Yasmā ‘‘tvaṃ paṇḍako’’tiādivacanenāpi codayato āpattiyeva, tasmā ‘‘bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā aññatarenā’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ atha kasmā padabhājane ‘‘pārājikena dhammenāti catunnaṃ aññatarenā’’ti (pārā. 386) vuttanti āha ‘‘padabhājanepanā’’tiādi. Upasagganipātānaṃ vācakasaddasanniṭṭhāne tadatthajotanabhāvena pavattanato ‘‘dhaṃseyyā’’ti vuttaṃ. Dhaṃsanañcettha abhibhavanaṃ. Tenāha ‘‘abhibhaveyyā’’ti. ‘‘Tvaṃ methunaṃ dhammaṃ paṭisevī’’tiādinā nayena pavattāti ‘‘tvaṃ methunaṃ dhammaṃ paṭisevi, adinnaṃ ādiyi, manussaṃ ghātayittha, abhūtaṃ ārocayitthā’’ti evaṃ pavattā. Ettha ca ‘‘assamaṇosī’ti avandanakāraṇassa avuttattā antimavatthuṃ ajjhāpanno na vanditabbo’’ti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ avandiyesu antimavatthuṃ ajjhāpannassa avuttattā, ‘‘pacchā upasampannena pure upasampanno vandiyo’’ti (pari. 468) vuttattā ca. Idaṃ pana attanā vattabbaṃ dassetuṃ vuttaṃ.

    สมีเปติ ทฺวาทสหตฺถปมาเณ ปเทเสฯ สิกฺขาปจฺจกฺขานเมว หิ หตฺถมุทฺทาย สีสํ น เอติ, อิทํ ปน อนุทฺธํสนํ, อภูตโรจนญฺจ เอติเยวฯ เตนาห ‘‘หตฺถมุทฺทาย เอว วา’’ติฯ พฺรหฺมจริยาติ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ ปสตฺถํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมูนํ วา เสฎฺฐานํ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธอริยสาวกานํ, พฺรหฺมานญฺจ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ตมฺหา พฺรหฺมจริยาฯ เตนาห ‘‘เสฎฺฐจริยา’’ติฯ สาธุ วตสฺส เอกเนฺตน ภทฺทกํ ภเวยฺยฯ ‘‘ตชฺชนียกมฺมาทิสตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย กมฺมาธิปฺปาโยฯ ‘‘อาปตฺติโต วุฎฺฐาเปสฺสามา’’ติ อธิปฺปาโย วุฎฺฐานาธิปฺปาโยอนุวิชฺชนาธิปฺปาโยติ วีมํสนาธิปฺปาโย, อุปปริกฺขาธิปฺปาโยฯ อนุวิชฺชเกนาติ สงฺฆมเชฺฌ โอติณฺณํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุํ นิสิเนฺนน วินยธเรนฯ กิํ เต ทิฎฺฐนฺติ ตยา กิํ ทิฎฺฐํ, ปฐมํ ปาราชิกํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ ปาราชิกํ อาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ อาทิสเทฺทน ‘‘กินฺติ เต ทิฎฺฐํ, กทา เต ทิฎฺฐํ, กตฺถ เต ทิฎฺฐ’’นฺติ อิมํ นยํ สงฺคณฺหาติฯ

    Samīpeti dvādasahatthapamāṇe padese. Sikkhāpaccakkhānameva hi hatthamuddāya sīsaṃ na eti, idaṃ pana anuddhaṃsanaṃ, abhūtarocanañca etiyeva. Tenāha ‘‘hatthamuddāya eva vā’’ti. Brahmacariyāti brahmaṃ seṭṭhaṃ pasatthaṃ cariyanti brahmacariyaṃ, brahmūnaṃ vā seṭṭhānaṃ buddhapaccekabuddhaariyasāvakānaṃ, brahmānañca cariyanti brahmacariyaṃ, tamhā brahmacariyā. Tenāha ‘‘seṭṭhacariyā’’ti. Sādhu vatassa ekantena bhaddakaṃ bhaveyya. ‘‘Tajjanīyakammādisattavidhampi kammaṃ karissāmā’’ti āpattiyā codentassa adhippāyo kammādhippāyo. ‘‘Āpattito vuṭṭhāpessāmā’’ti adhippāyo vuṭṭhānādhippāyo. Anuvijjanādhippāyoti vīmaṃsanādhippāyo, upaparikkhādhippāyo. Anuvijjakenāti saṅghamajjhe otiṇṇaṃ adhikaraṇaṃ vinicchinituṃ nisinnena vinayadharena. Kiṃ te diṭṭhanti tayā kiṃ diṭṭhaṃ, paṭhamaṃ pārājikaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, dutiyaṃ tatiyaṃ catutthaṃ pārājikaṃ āpajjanto diṭṭhoti vuttaṃ hoti. Ādisaddena ‘‘kinti te diṭṭhaṃ, kadā te diṭṭhaṃ, kattha te diṭṭha’’nti imaṃ nayaṃ saṅgaṇhāti.

    สมนตฺถาย ปวตฺตมาเนหิ สมเถหิ อธิกาตพฺพนฺติ อธิกรณํฯ ยถา หิ สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาติฯ เตนาห ‘‘สมเถหิ อธิกรณียภาเวนา’’ติอาทิฯ อิมินา หิ อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมสาธนตา วุตฺตาฯ อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํ กิจฺจาธิกรณนฺติ จตุพฺพิธํ อธิกรณํฯ วิวาทาทีนิ อธิกรณานิ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ สมถา, สมฺมุขาวินยาทโยฯ อถ วา อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณํฯ เก อธิกรียนฺติ? สมถาฯ กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสนฯ อธิกรณํ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติปิ สมถาติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อาปตฺตาธิกรณํ ฐเปตฺวา เสสาธิกรเณหิ โจทนาย อภาวโต ‘‘อิทํ ปน ปาราชิกสงฺขาตํ อาปตฺตาธิกรณเมว อธิเปฺปต’’นฺติ วุตฺตํฯ อาปตฺติเยว อธิกรณํ อาปตฺตาธิกรณํฯ อนุทฺธํสิตกฺขเณเยว สงฺฆาทิเสโส, โส เจ ตงฺขเณเยว ชานาตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Samanatthāya pavattamānehi samathehi adhikātabbanti adhikaraṇaṃ. Yathā hi samanavasena samathānaṃ vivādādīsu adhikatabhāvo, evaṃ vivādādīnaṃ tehi adhikattabbatāti. Tenāha ‘‘samathehi adhikaraṇīyabhāvenā’’tiādi. Iminā hi adhikaraṇasaddassa kammasādhanatā vuttā. Adhikaraṇanti vivādādhikaraṇaṃ anuvādādhikaraṇaṃ āpattādhikaraṇaṃ kiccādhikaraṇanti catubbidhaṃ adhikaraṇaṃ. Vivādādīni adhikaraṇāni samenti vūpasamentīti samathā, sammukhāvinayādayo. Atha vā adhikarīyanti etthāti adhikaraṇaṃ. Ke adhikarīyanti? Samathā. Kathaṃ adhikarīyanti? Samanavasena. Adhikaraṇaṃ samenti vūpasamentītipi samathāti evampettha attho daṭṭhabbo. Āpattādhikaraṇaṃ ṭhapetvā sesādhikaraṇehi codanāya abhāvato ‘‘idaṃ pana pārājikasaṅkhātaṃāpattādhikaraṇameva adhippeta’’nti vuttaṃ. Āpattiyeva adhikaraṇaṃ āpattādhikaraṇaṃ. Anuddhaṃsitakkhaṇeyeva saṅghādiseso, so ce taṅkhaṇeyeva jānātīti adhippāyo.

    เมตฺติยภูมชเกติ เมตฺติยญฺจ ภูมชกญฺจฯ ฉพฺพคฺคิยานํ อคฺคปุริสา เอเตฯ สุทฺธํ วาติ ปาราชิกมนาปนฺนํ วาฯ ‘‘สเจ โส ตงฺขเณเยว ชานาตี’’ติ อิมินา อาวชฺชนสมยมาหฯ ตงฺขเณเยว ชานนํ นาม ทุกฺกรํ, สมเยน อาวชฺชิตฺวา ญาเต ปน ญาตเมว โหติฯ ปจฺฉา เจ ชานาติ, สีสํ น เอติฯ สิกฺขาปจฺจกฺขานอภูตาโรจนทุฎฺฐุลฺลวาจาอตฺตกามทุฎฺฐโทสภูตาโรจนสิกฺขาปทานีติ สพฺพาเนว หิ อิมานิ เอกปริเจฺฉทานิฯ ยสฺมา ปน ปรมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ วทโต ทุกฺกฎเมว, ตสฺมา ‘‘ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส ปน สีสํ น เอตี’’ติ วุตฺตํฯ วุตฺตนยาปตฺติโยติ ‘‘วาจาย วาจายา’’ติอาทินา วุตฺตนยา สงฺฆาทิเสสทุกฺกฎาปตฺติโยฯ ตเถวาติ วาจาย วาจาเยวฯ วทนฺตสฺสาติ สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺสฯ วุตฺตนเยเนวาติ วาจาย วาจาเยวฯ โอกาสํ กาเรตฺวา อุปสมฺปนฺนํ สมฺมุขา วทนฺตสฺส วาจาย วาจาย ปาจิตฺติยนฺติ อาห ‘‘โอกาสํ กาเรตฺวา วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวา’’ติฯ เอวสเทฺทน ทุกฺกฎํ นิวตฺตียติฯ อสมฺมุขา สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ สตฺตวิธมฺปิ กมฺมนฺติ ตชฺชนียํ, นิยสํ, ปพฺพาชนียํ, ปฎิสารณียํ, ติวิธญฺจ อุเกฺขปนียนฺติ สตฺตวิธมฺปิ กมฺมํฯ

    Mettiyabhūmajaketi mettiyañca bhūmajakañca. Chabbaggiyānaṃ aggapurisā ete. Suddhaṃ vāti pārājikamanāpannaṃ vā. ‘‘Sace so taṅkhaṇeyeva jānātī’’ti iminā āvajjanasamayamāha. Taṅkhaṇeyeva jānanaṃ nāma dukkaraṃ, samayena āvajjitvā ñāte pana ñātameva hoti. Pacchā ce jānāti, sīsaṃ na eti. Sikkhāpaccakkhānaabhūtārocanaduṭṭhullavācāattakāmaduṭṭhadosabhūtārocanasikkhāpadānīti sabbāneva hi imāni ekaparicchedāni. Yasmā pana parammukhā sattahipi āpattikkhandhehi vadato dukkaṭameva, tasmā ‘‘parammukhā codentassa pana sīsaṃ na etī’’ti vuttaṃ. Vuttanayāpattiyoti ‘‘vācāya vācāyā’’tiādinā vuttanayā saṅghādisesadukkaṭāpattiyo. Tathevāti vācāya vācāyeva. Vadantassāti sattahipi āpattikkhandhehi upasampannaṃ sammukhā vadantassa. Vuttanayenevāti vācāya vācāyeva. Okāsaṃ kāretvā upasampannaṃ sammukhā vadantassa vācāya vācāya pācittiyanti āha ‘‘okāsaṃ kāretvā vadantassa pācittiyamevā’’ti. Evasaddena dukkaṭaṃ nivattīyati. Asammukhā sattahipi āpattikkhandhehi vadantassa dukkaṭaṃ. Sattavidhampi kammanti tajjanīyaṃ, niyasaṃ, pabbājanīyaṃ, paṭisāraṇīyaṃ, tividhañca ukkhepanīyanti sattavidhampi kammaṃ.

    อุโปสถํ วา ปวารณํ วา ฐเปนฺตสฺส จ โอกาสกมฺมํ นตฺถีติ เอตฺถ อุโปสถโต ปุเร วา ปจฺฉา วา ฐปิโตปิ อฎฺฐปิโต โหติฯ เขเตฺต ฐปิโต ปน ฐปิโต โหติ, ตสฺมา ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอตฺถ ยาว เร-การํ ภณติ, ตาว ฐเปตโพฺพ, อิทํ เขตฺตํฯ ยฺย-กาเร ปน วุเตฺต ฐเปเนฺตน ปจฺฉา ฐปิโต นาม โหติ ฯ ‘‘สุณาตุ เม’’ติ อนารเทฺธ ฐเปเนฺตน ปุเร ฐปิโต โหติฯ ปวารณาฎฺฐปนํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ, ปุคฺคลิกญฺจาติ ทุวิธํฯ ตตฺถ สพฺพสงฺคาหิเก ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ…เป.… สโงฺฆ เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ สุ-การโต ยาว เร-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ ฐเปเนฺตน ฐปิตา โหติ ปวารณาฯ ยฺย-กาเร ปน ปเตฺต ปริโยสิตาว โหติ, ตสฺมา ตโต ปฎฺฐาย ฐเปเนฺตน อฎฺฐปิตา โหติฯ ปุคฺคลิกฎฺฐปเน ปน ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, ปวาเรมิ…เป.… ตติยมฺปิ ภเนฺต สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา…เป.… ปสฺสโนฺต ปฎี’’ติ (มหาว. ๒๑๐) สํ-การโต ยาว อยํ สพฺพปจฺฉิโม ฎิ-กาโร, ตาว อปริโยสิตาว โหติ ปวารณา, เอตฺถนฺตเร เอกปเทปิ ฐเปเนฺตน ฐปิตา โหติ ปวารณาฯ ‘‘กริสฺสามี’’ติ วุเตฺต ปน ปริโยสิตา โหติ, ตสฺมา ‘‘กริสฺสามี’’ติ เอตสฺมิํ ปเท สมฺปเตฺต ฐปิตาปิ อฎฺฐปิตา โหติฯ เอเสว นโย เทฺววาจิกเอกวาจิกสมานวสฺสิกาสุฯ เอตาสุปิ หิ ฎิ-การาวสานํเยว ฐปนเกฺขตฺตนฺติฯ เตนาห ‘‘ฐปนเกฺขตฺตํ ปน ชานิตพฺพ’’นฺติฯ โอสเฎ วตฺถุสฺมินฺติ โจทเกน อตฺตนา วตฺตเพฺพ สงฺฆมเชฺฌ อุทาหเฎฯ อิทญฺจ อิทญฺจ กโรตีติ ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานญฺจ กโรติ, ชาตรูปรชตญฺจ ปฎิคฺคณฺหาติฯ อสุโก จ อสุโก จ อสฺสมโณ, อนุปาสโกติ อโกฺกสาธิปฺปาเยน ปรมฺมุขา วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปน ปาจิตฺติยเมวฯ เตนาห ‘‘สเจ ปน โอทิสฺส นิยเมตฺวา’’ติอาทิฯ สงฺขฺยุปคมนนฺติ โวหารูปคมนํฯ

    Uposathaṃ vā pavāraṇaṃ vā ṭhapentassa ca okāsakammaṃ natthīti ettha uposathato pure vā pacchā vā ṭhapitopi aṭṭhapito hoti. Khette ṭhapito pana ṭhapito hoti, tasmā ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho, ajjuposatho pannaraso, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho uposathaṃ kareyyā’’ti ettha yāva re-kāraṃ bhaṇati, tāva ṭhapetabbo, idaṃ khettaṃ. Yya-kāre pana vutte ṭhapentena pacchā ṭhapito nāma hoti . ‘‘Suṇātu me’’ti anāraddhe ṭhapentena pure ṭhapito hoti. Pavāraṇāṭṭhapanaṃ pana sabbasaṅgāhikaṃ, puggalikañcāti duvidhaṃ. Tattha sabbasaṅgāhike ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho…pe… saṅgho tevācikaṃ pavāreyyā’’ti su-kārato yāva re-kāro, tāva apariyositāva hoti pavāraṇā, etthantare ekapadepi ṭhapentena ṭhapitā hoti pavāraṇā. Yya-kāre pana patte pariyositāva hoti, tasmā tato paṭṭhāya ṭhapentena aṭṭhapitā hoti. Puggalikaṭṭhapane pana ‘‘saṅghaṃ, bhante, pavāremi…pe… tatiyampi bhante saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā…pe… passanto paṭī’’ti (mahāva. 210) saṃ-kārato yāva ayaṃ sabbapacchimo ṭi-kāro, tāva apariyositāva hoti pavāraṇā, etthantare ekapadepi ṭhapentena ṭhapitā hoti pavāraṇā. ‘‘Karissāmī’’ti vutte pana pariyositā hoti, tasmā ‘‘karissāmī’’ti etasmiṃ pade sampatte ṭhapitāpi aṭṭhapitā hoti. Eseva nayo dvevācikaekavācikasamānavassikāsu. Etāsupi hi ṭi-kārāvasānaṃyeva ṭhapanakkhettanti. Tenāha ‘‘ṭhapanakkhettaṃ pana jānitabba’’nti. Osaṭe vatthusminti codakena attanā vattabbe saṅghamajjhe udāhaṭe. Idañca idañca karotīti pāṇātipātaṃ, adinnādānañca karoti, jātarūparajatañca paṭiggaṇhāti. Asuko ca asuko ca assamaṇo, anupāsakoti akkosādhippāyena parammukhā vadantassa dukkaṭaṃ, sammukhā vadantassa pana pācittiyameva. Tenāha ‘‘sace pana odissa niyametvā’’tiādi. Saṅkhyupagamananti vohārūpagamanaṃ.

    ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Duṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact