Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๓. ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Duṭṭhullavācāsikkhāpadavaṇṇanā
๒๘๓. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ อาทิสฺสาติ อปทิสิตฺวาฯ วณฺณมฺปิ ภณตีติอาทีนิ ปรโต อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ ฉินฺนิกาติ ฉินฺนโอตฺตปฺปาฯ ธุตฺติกาติ สฐาฯ อหิริกาโยติ นิลฺลชฺชา ฯ อุหสนฺตีติ สิตํ กตฺวา มนฺทหสิตํ หสนฺติฯ อุลฺลปนฺตีติ ‘‘อโห อโยฺย’’ติอาทินา นเยน อุจฺจกรณิํ นานาวิธํ ปโลภนกถํ กเถนฺติฯ อุชฺชคฺฆนฺตีติ มหาหสิตํ หสนฺติฯ อุปฺปเณฺฑนฺตีติ ‘‘ปณฺฑโก อยํ, นายํ ปุริโส’’ติอาทินา นเยน ปริหาสํ กโรนฺติฯ
283.Tena samayena buddho bhagavāti duṭṭhullavācāsikkhāpadaṃ. Tattha ādissāti apadisitvā. Vaṇṇampi bhaṇatītiādīni parato āvi bhavissanti. Chinnikāti chinnaottappā. Dhuttikāti saṭhā. Ahirikāyoti nillajjā . Uhasantīti sitaṃ katvā mandahasitaṃ hasanti. Ullapantīti ‘‘aho ayyo’’tiādinā nayena uccakaraṇiṃ nānāvidhaṃ palobhanakathaṃ kathenti. Ujjagghantīti mahāhasitaṃ hasanti. Uppaṇḍentīti ‘‘paṇḍako ayaṃ, nāyaṃ puriso’’tiādinā nayena parihāsaṃ karonti.
๒๘๕. สารโตฺตติ ทุฎฺฐุลฺลวาจสฺสาทราเคน สารโตฺตฯ อเปกฺขวา ปฎิพทฺธจิโตฺตติ วุตฺตนยเมว, เกวลํ อิธ วาจสฺสาทราโค โยเชตโพฺพฯ มาตุคามํ ทุฎฺฐุลฺลาหิ วาจาหีติ เอตฺถ อธิเปฺปตํ มาตุคามํ ทเสฺสโนฺต ‘‘มาตุคาโม’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิญฺญู ปฎิพลา สุภาสิตทุพฺภาสิตํ ทุฎฺฐุลฺลาทุฎฺฐุลฺลํ อาชานิตุนฺติ ยา ปณฺฑิตา สาตฺถกนิรตฺถกกถํ อสทฺธมฺมสทฺธมฺมปฎิสํยุตฺตกถญฺจ ชานิตุํ ปฎิพลา, อยํ อิธ อธิเปฺปตาฯ ยา ปน มหลฺลิกาปิ พาลา เอลมูคา อยํ อิธ อนธิเปฺปตาติ ทเสฺสติฯ
285.Sārattoti duṭṭhullavācassādarāgena sāratto. Apekkhavā paṭibaddhacittoti vuttanayameva, kevalaṃ idha vācassādarāgo yojetabbo. Mātugāmaṃ duṭṭhullāhi vācāhīti ettha adhippetaṃ mātugāmaṃ dassento ‘‘mātugāmo’’tiādimāha. Tattha viññū paṭibalā subhāsitadubbhāsitaṃ duṭṭhullāduṭṭhullaṃ ājānitunti yā paṇḍitā sātthakaniratthakakathaṃ asaddhammasaddhammapaṭisaṃyuttakathañca jānituṃ paṭibalā, ayaṃ idha adhippetā. Yā pana mahallikāpi bālā elamūgā ayaṃ idha anadhippetāti dasseti.
โอภาเสยฺยาติ อวภาเสยฺย นานาปฺปการกํ อสทฺธมฺมวจนํ วเทยฺยฯ ยสฺมา ปเนวํ โอภาสนฺตสฺส โย โส โอภาโส นาม, โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหติ ราควเสน อภิภวิตฺวา สญฺญมเวลํ อาจาโร, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โอภาเสยฺยาติ อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ อาหฯ ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา ยุวา ยุวตินฺติ อโตฺถฯ
Obhāseyyāti avabhāseyya nānāppakārakaṃ asaddhammavacanaṃ vadeyya. Yasmā panevaṃ obhāsantassa yo so obhāso nāma, so atthato ajjhācāro hoti rāgavasena abhibhavitvā saññamavelaṃ ācāro, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘obhāseyyāti ajjhācāro vuccatī’’ti āha. Yathā tanti ettha tanti nipātamattaṃ, yathā yuvā yuvatinti attho.
เทฺว มเคฺค อาทิสฺสาติอาทิ เยนากาเรน โอภาสโต สงฺฆาทิเสโส โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ เทฺว มเคฺคติ วจฺจมคฺคญฺจ ปสฺสาวมคฺคญฺจฯ เสสํ อุเทฺทเส ตาว ปากฎเมวฯ นิเทฺทเส ปน โถเมตีติ ‘‘อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, น ตาว สีสํ เอติฯ ‘‘ตว วจฺจมโคฺค จ ปสฺสาวมโคฺค จ อีทิโส เตน นาม อีทิเสน อิตฺถิลกฺขเณน สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตาสี’’ติ วทติ, สีสํ เอติ, สงฺฆาทิเสโสฯ วเณฺณติ ปสํสตีติ อิมานิ ปน โถมนปทเสฺสว เววจนานิฯ
Dve magge ādissātiādi yenākārena obhāsato saṅghādiseso hoti, taṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tattha dve maggeti vaccamaggañca passāvamaggañca. Sesaṃ uddese tāva pākaṭameva. Niddese pana thometīti ‘‘itthilakkhaṇena subhalakkhaṇena samannāgatāsī’’ti vadati, na tāva sīsaṃ eti. ‘‘Tava vaccamaggo ca passāvamaggo ca īdiso tena nāma īdisena itthilakkhaṇena subhalakkhaṇena samannāgatāsī’’ti vadati, sīsaṃ eti, saṅghādiseso. Vaṇṇeti pasaṃsatīti imāni pana thomanapadasseva vevacanāni.
ขุํเสตีติ วาจาปโตเทน ฆเฎฺฎติฯ วเมฺภตีติ อปสาเทติฯ ครหตีติ โทสํ เทติฯ ปรโต ปน ปาฬิยา อาคเตหิ ‘‘อนิมิตฺตาสี’’ติอาทีหิ เอกาทสหิ ปเทหิ อฆฎิเต สีสํ น เอติ, ฆฎิเตปิ เตสุ สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยญฺชนาสีติ อิเมหิ ตีหิ ฆฎิเตเยว สงฺฆาทิเสโสฯ
Khuṃsetīti vācāpatodena ghaṭṭeti. Vambhetīti apasādeti. Garahatīti dosaṃ deti. Parato pana pāḷiyā āgatehi ‘‘animittāsī’’tiādīhi ekādasahi padehi aghaṭite sīsaṃ na eti, ghaṭitepi tesu sikharaṇīsi sambhinnāsi ubhatobyañjanāsīti imehi tīhi ghaṭiteyeva saṅghādiseso.
เทหิ เมติ ยาจนายปิ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ เทหี’’ติ เอวํ เมถุนธเมฺมน ฆฎิเต เอว สงฺฆาทิเสโสฯ
Dehi meti yācanāyapi ettakeneva sīsaṃ na eti, ‘‘methunaṃ dhammaṃ dehī’’ti evaṃ methunadhammena ghaṭite eva saṅghādiseso.
กทา เต มาตา ปสีทิสฺสตีติอาทีสุ อายาจนวจเนสุปิ เอตฺตเกเนว สีสํ น เอติ, ‘‘กทา เต มาตา ปสีทิสฺสติ, กทา เต เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ วา ‘‘ตว มาตริ ปสนฺนาย เมถุนํ ธมฺมํ ลภิสฺสามี’’ติ วา อาทินา ปน นเยน เมถุนธเมฺมน ฆฎิเตเยว สงฺฆาทิเสโสฯ
Kadā te mātā pasīdissatītiādīsu āyācanavacanesupi ettakeneva sīsaṃ na eti, ‘‘kadā te mātā pasīdissati, kadā te methunaṃ dhammaṃ labhissāmī’’ti vā ‘‘tava mātari pasannāya methunaṃ dhammaṃ labhissāmī’’ti vā ādinā pana nayena methunadhammena ghaṭiteyeva saṅghādiseso.
กถํ ตฺวํ สามิกสฺส เทสีติอาทีสุ ปุจฺฉาวจเนสุปิ เมถุนธมฺมนฺติ วุเตฺตเยว สงฺฆาทิเสโส, น อิตรถาฯ เอวํ กิร ตฺวํ สามิกสฺส เทสีติ ปฎิปุจฺฉาวจเนสุปิ เอเสว นโยฯ
Kathaṃ tvaṃ sāmikassa desītiādīsu pucchāvacanesupi methunadhammanti vutteyeva saṅghādiseso, na itarathā. Evaṃ kira tvaṃ sāmikassa desīti paṭipucchāvacanesupi eseva nayo.
อาจิกฺขนาย ปุโฎฺฐ ภณตีติ ‘‘กถํ ททมานา สามิกสฺส ปิยา โหตี’’ติ เอวํ ปุโฎฺฐ อาจิกฺขติฯ เอตฺถ จ ‘‘เอวํ เทหิ เอวํ ททมานา’’ติ วุเตฺตปิ สีสํ น เอติฯ ‘‘เมถุนธมฺมํ เอวํ เทหิ เอวํ อุปเนหิ เอวํ เมถุนธมฺมํ ททมานา อุปนยมานา ปิยา โหตี’’ติอาทินา ปน นเยน เมถุนธเมฺมน ฆฎิเตเยว สงฺฆาทิเสโสฯ อนุสาสนีวจเนสุปิ เอเสว นโยฯ
Ācikkhanāya puṭṭho bhaṇatīti ‘‘kathaṃ dadamānā sāmikassa piyā hotī’’ti evaṃ puṭṭho ācikkhati. Ettha ca ‘‘evaṃ dehi evaṃ dadamānā’’ti vuttepi sīsaṃ na eti. ‘‘Methunadhammaṃ evaṃ dehi evaṃ upanehi evaṃ methunadhammaṃ dadamānā upanayamānā piyā hotī’’tiādinā pana nayena methunadhammena ghaṭiteyeva saṅghādiseso. Anusāsanīvacanesupi eseva nayo.
อโกฺกสนิเทฺทเส – อนิมิตฺตาสีติ นิมิตฺตรหิตาสิ, กุญฺจิกปณาลิมตฺตเมว ตว ทกโสตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Akkosaniddese – animittāsīti nimittarahitāsi, kuñcikapaṇālimattameva tava dakasotanti vuttaṃ hoti.
นิมิตฺตมตฺตาสีติ ตว อิตฺถินิมิตฺตํ อปริปุณฺณํ สญฺญามตฺตเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ อโลหิตาติ สุกฺขโสตาฯ ธุวโลหิตาติ นิจฺจโลหิตา กิลินฺนทกโสตาฯ ธุวโจฬาติ นิจฺจปกฺขิตฺตาณิโจฬา, สทา อาณิโจฬกํ เสวสีติ วุตฺตํ โหติฯ ปคฺฆรนฺตีติ สวนฺตี; สทา เต มุตฺตํ สวตีติ วุตฺตํ โหติฯ สิขรณีติ พหินิกฺขนฺตอาณิมํสาฯ อิตฺถิปณฺฑกาติ อนิมิตฺตาว วุจฺจติฯ เวปุริสิกาติ สมสฺสุทาฐิกา ปุริสรูปา อิตฺถีฯ สมฺภินฺนาติ สมฺภินฺนวจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคาฯ อุภโตพฺยญฺชนาติ อิตฺถินิมิเตฺตน จ ปุริสนิมิเตฺตน จาติ อุโภหิ พฺยญฺชเนหิ สมนฺนาคตาฯ
Nimittamattāsīti tava itthinimittaṃ aparipuṇṇaṃ saññāmattamevāti vuttaṃ hoti. Alohitāti sukkhasotā. Dhuvalohitāti niccalohitā kilinnadakasotā. Dhuvacoḷāti niccapakkhittāṇicoḷā, sadā āṇicoḷakaṃ sevasīti vuttaṃ hoti. Paggharantīti savantī; sadā te muttaṃ savatīti vuttaṃ hoti. Sikharaṇīti bahinikkhantaāṇimaṃsā. Itthipaṇḍakāti animittāva vuccati. Vepurisikāti samassudāṭhikā purisarūpā itthī. Sambhinnāti sambhinnavaccamaggapassāvamaggā. Ubhatobyañjanāti itthinimittena ca purisanimittena cāti ubhohi byañjanehi samannāgatā.
อิเมสุ จ ปน เอกาทสสุ ปเทสุ สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยญฺชนาสีติ อิมานิเยว ตีณิ ปทานิ สุทฺธานิ สีสํ เอนฺติฯ อิติ อิมานิ จ ตีณิ ปุริมานิ จ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคเมถุนธมฺมปทานิ ตีณีติ ฉ ปทานิ สุทฺธานิ อาปตฺติกรานิฯ เสสานิ อนิมิตฺตาติอาทีนิ ‘‘อนิมิเตฺต เมถุนธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา ‘‘อนิมิตฺตาสิ เมถุนธมฺมํ เม เทหี’’ติ วา อาทินา นเยน เมถุนธเมฺมน ฆฎิตาเนว อาปตฺติกรานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ
Imesu ca pana ekādasasu padesu sikharaṇīsi sambhinnāsi ubhatobyañjanāsīti imāniyeva tīṇi padāni suddhāni sīsaṃ enti. Iti imāni ca tīṇi purimāni ca vaccamaggapassāvamaggamethunadhammapadāni tīṇīti cha padāni suddhāni āpattikarāni. Sesāni animittātiādīni ‘‘animitte methunadhammaṃ me dehī’’ti vā ‘‘animittāsi methunadhammaṃ me dehī’’ti vā ādinā nayena methunadhammena ghaṭitāneva āpattikarāni hontīti veditabbāni.
๒๘๖. อิทานิ ยฺวายํ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน โอภาสติ, ตสฺส วจฺจมคฺคปสฺสาวมเคฺค อาทิสฺส เอเตสํ วณฺณภณนาทีนํ วเสน วิตฺถารโต อาปตฺติเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสญฺญี’’ติอาทิมาหฯ เตสํ อโตฺถ กายสํสเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
286. Idāni yvāyaṃ otiṇṇo vipariṇatena cittena obhāsati, tassa vaccamaggapassāvamagge ādissa etesaṃ vaṇṇabhaṇanādīnaṃ vasena vitthārato āpattibhedaṃ dassento ‘‘itthī ca hoti itthisaññī’’tiādimāha. Tesaṃ attho kāyasaṃsagge vuttanayeneva veditabbo.
อยํ ปน วิเสโส – อธกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฎฺฐาย อโธฯ อุพฺภชาณุมณฺฑล ชาณุมณฺฑลโต ปฎฺฐาย อุทฺธํฯ อุพฺภกฺขกนฺติ อกฺขกโต ปฎฺฐาย อุทฺธํฯ อโธ ชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลโต ปฎฺฐาย อโธฯ อกฺขกํ ปน ชาณุมณฺฑลญฺจ เอเตฺถว ทุกฺกฎเกฺขเตฺต สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ภิกฺขุนิยา กายสํสเคฺค วิยฯ น หิ พุทฺธา ครุกาปตฺติํ สาวเสสํ ปญฺญเปนฺตีติฯ กายปฺปฎิพทฺธนฺติ วตฺถํ วา ปุปฺผํ วา อาภรณํ วาฯ
Ayaṃ pana viseso – adhakkhakanti akkhakato paṭṭhāya adho. Ubbhajāṇumaṇḍala jāṇumaṇḍalato paṭṭhāya uddhaṃ. Ubbhakkhakanti akkhakato paṭṭhāya uddhaṃ. Adho jāṇumaṇḍalanti jāṇumaṇḍalato paṭṭhāya adho. Akkhakaṃ pana jāṇumaṇḍalañca ettheva dukkaṭakkhette saṅgahaṃ gacchanti bhikkhuniyā kāyasaṃsagge viya. Na hi buddhā garukāpattiṃ sāvasesaṃ paññapentīti. Kāyappaṭibaddhanti vatthaṃ vā pupphaṃ vā ābharaṇaṃ vā.
๒๘๗. อตฺถปุเรกฺขารสฺสาติ อนิมิตฺตาติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ กเถนฺตสฺส, อฎฺฐกถํ วา สชฺฌายํ กโรนฺตสฺสฯ
287.Atthapurekkhārassāti animittātiādīnaṃ padānaṃ atthaṃ kathentassa, aṭṭhakathaṃ vā sajjhāyaṃ karontassa.
ธมฺมปุเรกฺขารสฺสาติ ปาฬิํ วาเจนฺตสฺส วา สชฺฌายนฺตสฺส วาฯ เอวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ ปุรกฺขตฺวา ภณนฺตสฺส อตฺถปุเรกฺขารสฺส จ ธมฺมปุเรกฺขารสฺส จ อนาปตฺติฯ
Dhammapurekkhārassāti pāḷiṃ vācentassa vā sajjhāyantassa vā. Evaṃ atthañca dhammañca purakkhatvā bhaṇantassa atthapurekkhārassa ca dhammapurekkhārassa ca anāpatti.
อนุสาสนิปุเรกฺขารสฺสาติ ‘‘อิทานิปิ อนิมิตฺตาสิ อุภโตฺตพฺยญฺชนาสิ อปฺปมาทํ อิทานิ กเรยฺยาสิ, ยถา อายติมฺปิ เอวรูปา น โหหิสี’’ติ เอวํ อนุสิฎฺฐิํ ปุรกฺขตฺวา ภณนฺตสฺส อนุสาสนิปุเรกฺขารสฺส อนาปตฺติฯ โย ปน ภิกฺขุนีนํ ปาฬิํ วาเจโนฺต ปกติวาจนามคฺคํ ปหาย หสโนฺต หสโนฺต ‘‘สิขรณีสิ สมฺภินฺนาสิ อุภโตพฺยญฺชนาสี’’ติ ปุนปฺปุนํ ภณติ, ตสฺส อาปตฺติเยวฯ อุมฺมตฺตกสฺส อนาปตฺติฯ อิธ อาทิกมฺมิโก อุทายิเตฺถโร, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
Anusāsanipurekkhārassāti ‘‘idānipi animittāsi ubhattobyañjanāsi appamādaṃ idāni kareyyāsi, yathā āyatimpi evarūpā na hohisī’’ti evaṃ anusiṭṭhiṃ purakkhatvā bhaṇantassa anusāsanipurekkhārassa anāpatti. Yo pana bhikkhunīnaṃ pāḷiṃ vācento pakativācanāmaggaṃ pahāya hasanto hasanto ‘‘sikharaṇīsi sambhinnāsi ubhatobyañjanāsī’’ti punappunaṃ bhaṇati, tassa āpattiyeva. Ummattakassa anāpatti. Idha ādikammiko udāyitthero, tassa anāpatti ādikammikassāti.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทํ สิกฺขาปทํ ติสมุฎฺฐานํ กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ , สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทฺวิเวทนนฺติฯ
Samuṭṭhānādīsu idaṃ sikkhāpadaṃ tisamuṭṭhānaṃ kāyacittato vācācittato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ , sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dvivedananti.
๒๘๘. วินีตวตฺถูสุ โลหิตวตฺถุสฺมิํ โส ภิกฺขุ อิตฺถิยา โลหิตกํ นิมิตฺตํ สนฺธายาห – อิตรา น อญฺญาสิ, ตสฺมา ทุกฺกฎํฯ
288. Vinītavatthūsu lohitavatthusmiṃ so bhikkhu itthiyā lohitakaṃ nimittaṃ sandhāyāha – itarā na aññāsi, tasmā dukkaṭaṃ.
กกฺกสโลมนฺติ รสฺสโลเมหิ พหุโลมํฯ อากิณฺณโลมนฺติ ชฎิตโลมํฯ ขรโลมนฺติ ถทฺธโลมํฯ ทีฆโลมนฺติ อรสฺสโลมํฯ สพฺพํ อิตฺถินิมิตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ
Kakkasalomanti rassalomehi bahulomaṃ. Ākiṇṇalomanti jaṭitalomaṃ. Kharalomanti thaddhalomaṃ. Dīghalomanti arassalomaṃ. Sabbaṃ itthinimittameva sandhāya vuttaṃ.
๒๘๙. วาปิตํ โข เตติ อสทฺธมฺมํ สนฺธายาห, สา อสลฺลเกฺขตฺวา โน จ โข ปฎิวุตฺตนฺติ อาหฯ ปฎิวุตฺตํ นาม อุทกวเปฺป พีเชหิ อปฺปติฎฺฐิโตกาเส ปาณเกหิ วินาสิตพีเช วา โอกาเส ปุน พีชํ ปติฎฺฐาเปตฺวา อุทเกน อาสิตฺตํ, ถลวเปฺป วิสมปติตานํ วา พีชานํ สมกรณตฺถาย ปุน อฎฺฐทนฺตเกน สมีกตํ, เตสุ อญฺญตรํ สนฺธาย เอสา อาหฯ
289.Vāpitaṃ kho teti asaddhammaṃ sandhāyāha, sā asallakkhetvā no ca kho paṭivuttanti āha. Paṭivuttaṃ nāma udakavappe bījehi appatiṭṭhitokāse pāṇakehi vināsitabīje vā okāse puna bījaṃ patiṭṭhāpetvā udakena āsittaṃ, thalavappe visamapatitānaṃ vā bījānaṃ samakaraṇatthāya puna aṭṭhadantakena samīkataṃ, tesu aññataraṃ sandhāya esā āha.
มคฺควตฺถุสฺมิํ มโคฺค สํสีทตีติ องฺคชาตมคฺคํ สนฺธายาหฯ เสสํ อุตฺตานเมวาติฯ
Maggavatthusmiṃ maggo saṃsīdatīti aṅgajātamaggaṃ sandhāyāha. Sesaṃ uttānamevāti.
ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Duṭṭhullavācāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทํ • 3. Duṭṭhullavācāsikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๓. ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Duṭṭhullavācāsikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๓. ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Duṭṭhullavācāsikkhāpadavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๓. ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Duṭṭhullavācāsikkhāpadavaṇṇanā